อุบายลวงระบบเบรค อุบัติเหตุพิศวง
วัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ คือต้องการให้ความรู้เกี่ยวกับระบบเบรครถยนต์ ผ่านวรรณกรรม โดยเนื้อหาของเรื่องนี้จะนำคุณไปร่วมติดตามการไขคดีอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่มีเบื้องหลังบางอย่าง เพื่อค้นหากลอุบายที่คนร้ายใช้กับระบบเบรคของรถ และสืบหาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง
Tags: สืบสวน,อุบัติเหตุ,เบรครถยนต์

ตอน: ไฟล์#4 ผู้นำรักษาการ

ด้วยยึดถือกฎหมายเป็นเครื่องมือในการทำงาน ผู้กองชิงชนะจึงต้องยอมปล่อยตัวช่างยนต์ที่กำลังจะเปิดปากสารภาพไปต่อหน้าต่อตา โดยทนายจากบริษัทโอฬารดีเวลลอปเม็นท์ชี้แจงด้วยการยกข้อกฎหมายและคำสั่งศาลว่าผู้กองยังไม่มีสิทธิควบคุมตัวและสอบสวนช่างน้อย เนื่องจากตำรวจยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนว่าช่างยนต์ผู้นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ

ผู้กองหนุ่มได้แต่ยอมรับว่ารายงานบันทึกการตรวจสอบรถยนต์ก่อนส่งมอบให้ลูกค้าจากทางศูนย์บริการที่ระบุชื่อช่างน้อยเป็นผู้ทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและตรวจสอบรถของนายโอฬารก่อนส่งมอบนั้นยังไม่เพียงพอใช้เป็นหลักฐานได้ เพราะสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ที่ผู้กองคาดว่าเกิดจากระบบเบรคขัดข้องนั้นยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้น ซึ่งยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าสาเหตุของอุบัติเหตุเกิดจากระบบเบรคขัดข้องจริง จึงยังไม่อาจเชื่อมโยงให้ตั้งข้อกล่าวหาและทำการสอบสวนช่างน้อยได้ แต่การสืบสวนช่างน้อยครั้งนี้ก็ยังไม่ได้คว้าน้ำเหลวเสียทีเดียว แม้การสอบสวนยังไม่สัมฤทธิ์ผล อย่างน้อยช่างยนต์ที่ชื่อน้อยผู้นี้ก็มีพิรุธไม่ใช่น้อยเมื่อผู้กองกล่าวถึง“น้ำมันเบรค” บางทีสาเหตุที่ระบบเบรคขัดข้องอาจเกี่ยวพันกับน้ำมันเบรค แต่สิ่งที่สะกิดใจร้อยตำรวจเอกชิงชนะมากกว่าก็คือ เหตุใดบริษัทโอฬารดีเวลลอปเม็นท์ที่สูญเสียนายเหนือผู้ก่อตั้งบริษัทกลับไม่อยากให้มีการสืบสาวถึงอุบัติเหตุครั้งนี้อีก เพื่อไขความกระจ่างต่อท่าทีของบริษัทที่ผิดปกติวิสัยนี้ บางทีร้อยตำรวจหนุ่มคงต้องเข้าไปเยือนบริษัทนี้สักครั้ง

“ดาบครับ ผมต้องการให้มีการเก็บตัวอย่างน้ำมันเบรครถยนต์นายโอฬารเพื่อส่งไปตรวจสอบคุณสมบัติเพิ่มเติมที่ห้องปฏิบัติการ โดยให้มีการทดสอบเทียบกับคุณสมบัติน้ำมันเบรครถยนต์ในรุ่นและยี่ห้อเดียวกัน ดาบช่วยประสานงานกองพิสูจน์หลักฐานช่วยจัดการให้ที”

“ได้ครับ ผู้กอง” ดาบอุทัยรับคำ

“แล้วก็มีอีกเรื่อง ผมอยากไปเยี่ยมบริษัทโอฬารดีเวลลอปเม็นท์สักหน่อย ดาบช่วยเตรียมการให้ด้วย”


“สวัสดีค่ะ บริษัทโอฬารดีเวลลอปเม็นท์ ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์กล่าวต้อนรับพร้อมพนมมือไหว้ด้วยกิริยาที่อ่อนน้อมและรอยยิ้มที่เป็นประกาย โดยไม่มีอาการประหลาดใจเท่าไรนักกับการมาเยือนของร้อยตำรวจเอกชิงชนะและดาบตำรวจอุทัยในชุดเครื่องแบบเต็มยศ ทั้งๆที่สองนายตำรวจมาเยือนโดยมิได้แจ้งล่วงหน้า

“ขอเข้าพบคุณชาตรีครับ” ดาบอุทัยแจ้งความประสงค์ พร้อมยิ้มและส่งสายตาให้พนักงานต้อนรับ ถ้าไม่ติดที่มีผู้กองอยู่ คำพูดแจ้งความประสงค์ของดาบคงไม่ได้มีแค่เรื่องงานอย่างเดียวแล้ว สายตาดาบมันบ่งบอก

“สักครู่นะคะ” แล้วพนักงานต้อนรับก็กดโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์ สนทนาไม่กี่คำก็วางสาย ก่อนจะกล่าวเชิญสองนายตำรวจด้วยใบหน้าที่แย้มยิ้ม “ขอเรียนเชิญคุณตำรวจทางนี้ค่ะ”

พนักงานต้อนรับนำนายตำรวจหนุ่มทั้งสองมายังหน้าห้องรับรองของบริษัท “คุณชาตรีรอยู่ในห้องรับรองแล้วค่ะ เชิญค่ะ” ก่อนจะผายมือเพื่อเชิญนายตำรวจทั้งสอง ดาบอุทัยจึงขอตัวรออยู่หน้าห้อง

เมื่อผู้กองชิงชนะก้าวเข้าไปภายในห้อง ก็พบว่านอกจากที่ผนังจะประดับไปด้วยรูปวาดสีน้ำรูปภูเขาแล้ว กลางห้องยังมีชุดโซฟาสีน้ำตาลไหม้และโต๊ะกระจกเตี้ยอีกหนึ่งตัวซึ่งแลดูเรียบหรูและดูเข้าชุดกัน ที่บานหน้าต่างตรงกลางระหว่างแถบหน้าต่างยาวซึ่งสามารถมองเห็นวิวแบบพาโรนามา ชายในชุดสูทสีดำยืนอยู่ตรงนั้นหันหลังให้กับแขกผู้มาเยือน เงาหลังของเขาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกมากมาย ความเหงา ความเศร้า ความอ้างว้าง ความโกรธ ความเกลียด หรือความรัก คล้ายความรู้สึกต่างๆเหล่านั้นติดสอยห้อยตามเขาไปทุกๆที่ ผ่านวันผ่านคืนมากมายไปกับเขาตลอดมา

เมื่อรับรู้ถึงการมาถึงของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เขาจึงค่อยหันกลับมา แต่ดูเหมือนกับการเดินทางกลับมาจากที่ไกลแสนไกลกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งมากกว่า ภายใต้ใบหน้าใหญ่ คางทู่ และผิวที่ขาวซีดไร้สีเลือด สวมทับด้วยแว่นตาที่กรอบเล็กบอบบางและเลนส์ที่ใสจนไม่มีเงาสะท้อนเผยให้เห็นดวงตาชัดเจน แต่แววตากลับไร้ประกาย ไม่ปรากฏสัญญาณของชีวิต ราวกับว่าอารมณ์และความรู้สึกทุกอย่างถูกซุกเก็บไว้ที่‘แผ่นหลัง’ของเขาหมดแล้ว ร้อยตำรวจเอกชิงชนะไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายที่ชื่อ “ชาตรี” ซึ่งอายุเพียงสามสิบเศษ ที่ก้าวจากหมายเลขสองขึ้นมาเป็นรักษาการหมายเลขหนึ่งแทนที่นายโอฬาร แม้จะดูไม่อ่อนหรือแก่กว่าวัยแต่กลับแฝงด้วยรังสีของความเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ดูคล้ายเป็นคนที่‘ตาย’แล้วขนาดนี้

“เชิญนั่งครับ” ชาตรีพูดพร้อมผายมือให้ผู้กองหนุ่มนั่งที่โซฟาตัวยาวใกล้ตัวผู้กอง ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาอีกตัวในด้านตรงข้าม โดยมีโต๊ะกระจกเตี้ยคั่นกลาง

ด้วยบุคลิกที่ไม่เหมือนใครของชาตรีแบบนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหนึ่ง ไม่น่าจะพ้นสายตาของผู้กองหนุ่มในงานศพนายโอฬารไปได้ นายร้อยหนุ่มจึงเป็นฝ่ายเปิดการสนทนา “ก่อนอื่นผมอยากสอบถามบางเรื่อง ทำไมผมไม่เห็นคุณชาตรีในงานศพของคุณโอฬารเลย”

“เพราะการเสียชีวิตของคุณโอฬาร ส่งผลให้ภาระงานต่างๆของบริษัทจึงมาตกอยู่ที่ผม และช่วงนี้บริษัทมีงานใหญ่หลายเรื่องต้องรีบดำเนินการ ผมจึงไม่มีเวลาไปร่วมงาน” ชาตรีพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาแม้จ้องมาที่ผู้กองแต่เหมือนมีแค่ปากที่ขยับ อวัยวะอย่างอื่นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

ผู้กองหนุ่มพบว่าเหตุผลของชาตรีไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เพราะองค์กรที่มีผู้นำรักษาการ ภาระงานต่างๆควรจะต้องรอให้ผู้นำคนใหม่มาเป็นผู้ชี้ขาด ผู้นำรักษาการมีหน้าที่แค่ประคับประคองกิจการต่างๆให้เป็นปกติจนกว่าจะได้ผู้นำคนใหม่ งานต่างๆจึงไม่ควรจะมีมากนัก เว้นเสียแต่ว่านายชาตรีผู้นี้มั่นใจว่าการที่เขาจะขึ้นเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทนี้เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้วไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้

“ผมต้องขออภัยจริงๆครับ ที่ส่งทนายความขอตัวช่างรถยนต์จากผู้กองกะทันหัน” ชาตรีกล่าวต่อเหมือนเรื่องการไม่ร่วมงานศพอดีตเจ้าของบริษัทที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเรื่องปกติ “มันเป็นเรื่องสุดวิสัยอยู่เห็นๆนี่ครับ ทั้งคุณโอฬารเองก็ขับรถเร็ว อีกทั้งฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจึงยากต่อการควบคุมรถ อุบัติเหตุก็ยากที่หลีกเลี่ยงได้ในสถานการณ์แบบนี้”

“แต่ตามความเห็นของผม อุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่น่าจะเกิดจากเหตุสุดวิสัย แต่น่าจะมีสาเหตุมาจากน้ำมือมนุษย์ เพราะอุบัติเหตุครั้งนี้แตกต่างจากอุบัติเหตุทั่วไป การที่รถยนต์ที่ขับมาปกติดีเบรคก็ใช้งานได้ดีแต่จู่ๆกลับขัดข้องกะทันหันเหมือนจงใจให้เกิดอุบัติเหตุซึ่งเป็นจุดที่ผิดปกติและน่าสงสัยมาก อีกทั้งคุณโอฬารก็มีเรื่องขัดแย้งทางธุรกิจพัวพัน การที่ผมสืบสวนช่างรถยนต์ที่ต้องสงสัยคนหนึ่งซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุของคุณโอฬาร อาจทำให้ค้นพบว่าบางทีเหตุการณ์ครั้งนี้อาจเป็นการจงใจให้เกิดอุบัติเหตุของบุคคลใดก็ตามที่ได้ผลประโยชน์ เช่น บริษัทเคจีทีคอนสตรัคชั่น ที่เป็นคู่แข่งทางการค้าของบริษัทคุณ แต่ทำไมคุณชาตรีกลับไม่ต้องการให้ผมสืบสวนเบื้องลึกของอุบัติเหตุครั้งนี้” ร้อยตำรวจเอกชิงชนะถามตรงๆเพื่อหยั่งท่าทีฝ่ายตรงข้าม ที่มีบุคลิกยากแก่การอ่านอวัจนภาษา

“ความจริงผมไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณ แต่การสูญเสียชีวิตของคุณโอฬารไม่ได้ส่งผลประโยชน์ใดๆกับบริษัทเคจีทีคอนสตรัคชั่นแน่นอน ถึงแม้ในอดีตภายใต้การนำบริษัทของคุณโอฬาร สองบริษัทอาจจะแข่งขันกัน แต่ตอนนี้ในฐานะรักษาการประธานกรรมการ ผมขอเรียนให้ทราบว่าบริษัททั้งสองได้เป็นพันธมิตรกันแล้ว”

โปรดติดตามไฟล์ต่อไป



TopSpeed
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ส.ค. 2554, 12:16:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ส.ค. 2554, 12:16:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1537





<< ไฟล์#3 ช่าง(ผู้ต้อง)สงสัย   ไฟล์#5 จุดเดือดของน้ำมันเบรค >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account