อุบายลวงระบบเบรค อุบัติเหตุพิศวง
วัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ คือต้องการให้ความรู้เกี่ยวกับระบบเบรครถยนต์ ผ่านวรรณกรรม โดยเนื้อหาของเรื่องนี้จะนำคุณไปร่วมติดตามการไขคดีอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่มีเบื้องหลังบางอย่าง เพื่อค้นหากลอุบายที่คนร้ายใช้กับระบบเบรคของรถ และสืบหาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง
Tags: สืบสวน,อุบัติเหตุ,เบรครถยนต์
ตอน: ไฟล์#5 จุดเดือดของน้ำมันเบรค
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปหลังจากที่ร้อยตำรวจเอกชิงชนะได้พูดคุยกับชาตรี
ยิ่งทบทวนนายร้อยหนุ่มก็ยิ่งพบว่านายชาตรีน่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของนายโอฬารครั้งนี้ เพราะการเสียชีวิตของนายโอฬารจะนำผลลัพธ์ทางธุรกิจมาสู่นายชาตรีโดยตรงมากกว่าบริษัทเคจีทีคอนสตรัคชั่น เนื่องด้วยท่าทีของนายโอฬารที่มั่นใจว่าการขึ้นกุมบังเหียนบริษัทโอฬารดีเวลลอปเม็นท์นั้นจะต้องตกเป็นหน้าที่ของตนแน่นอน บวกกับพฤติกรรมที่ไม่ให้การสนับสนุนในการสืบสวนถึงอุบัติเหตุ จึงเป็นแรงหนุนให้ความน่าสงสัยของนายชาตรีเพิ่มขึ้นไปอีก ขาดแต่เพียงหลักฐานหรือพยานเพื่อโยงไปให้ถึงเท่านั้น
ขณะนี้ผู้กองหนุ่มกำลังพลิกอ่านรายงานผลการตรวจสอบน้ำมันเบรครถยนต์นายโอฬาร ที่ดาบอุทัยได้นำมาส่งให้ทันทีหลังจากได้รับจากกองพิสูจน์หลักฐาน แค่เพียงเปิดอ่านไม่กี่หน้าแววตาของผู้กองก็ทอประกาย อย่างกับคนที่สูญเสียของรักแล้วได้ทรัพย์สินสำคัญที่สูญหายกลับคืน ยังผลให้ดาบอุทัยอยากมีส่วนร่วมไม่น้อย
“รายงานสรุปว่ายังไงครับ ผู้กอง” ดาบอุทัยส่งคำถามพร้อมด้วยสีหน้าแสดงความอยากรู้ เมื่อเห็นผู้กองปิดแฟ้มรายงานหลังจากเปิดอ่านมาได้สักพัก
“จากผลการทดสอบตัวอย่างน้ำมันเบรคที่หลงเหลือติดรถยนต์ผู้ตาย รายงานสรุปว่าน้ำมันเบรคของรถยนต์นายโอฬารมีจุดเดือดที่ต่ำกว่าน้ำมันเบรคทั่วไป โดยมีจุดเดือดเพียง 126 องศาเซลเซียสเท่านั้น”
“จุดเดือด 126 องศาเซลเซียส?” ดาบอุทัยทวนคำด้วยสีหน้าที่มาพร้อมกับเครื่องหมายคำถาม
“ดาบรู้มั้ย ว่าจุดเดือดน้ำมันเบรคเกี่ยวข้องยังไงกับการเบรค?” เมื่อเอ่ยคำถามเพื่อถามกลับดาบอุทัย ผู้กองคิดว่าควรจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมจึงกล่าวต่อ “อย่างรถยนต์นายโอฬาร ถ้าอ้างอิงตามคู่มือจะต้องใช้น้ำมันเบรคเกรดมาตราฐาน DOT3 ดังนั้น จะต้องมีจุดเดือดอยู่ที่ประมาณ 205 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นจุดเดือดแห้ง(Dry boiling point)หรือจุดเดือดของน้ำมันเบรคที่ไม่มีการเจือปนของน้ำหรือความชื้นเลย แต่จากการทดสอบพบว่าจุดเดือดของน้ำมันเบรคลดลงมาที่ 126 องศาเซลเซียสเท่านั้น”
“ไม่ทราบจริงๆครับ ผู้กองรีบเฉลยเถอะครับ อย่าทดสอบผมอีกเลย” ดาบอุทัยรีบกล่าวทันทีด้วยความจำนนในความรู้
“เนื่องจากน้ำมันเบรคมีหน้าที่ในการถ่ายเทแรงที่ได้รับจากแม่ปั๊มเบรคส่งไปดันลูกสูบแล้วดันผ้าเบรคให้ทำการหนีบจานเบรคหรือดุมล้อให้หยุดหมุน ดังนั้นจานเบรคหรือดุมล้อที่เสียดสีกับผ้าเบรคจึงมีความร้อนสูงขึ้นเมื่อเกิดการเหยียบเบรค ความร้อนที่สูงขึ้นนี้จะถ่ายทอดมายังน้ำมันเบรค ดังนั้นน้ำมันเบรคจึงต้องมีจุดเดือดที่สูงเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันเบรคเดือด เพราะเมื่อมีการเหยียบเบรค ความร้อนที่เกิดขึ้นในระบบเบรคจะมีอุณหภูมิสูงมาก ยิ่งขับรถด้วยความเร็วสูงความร้อนที่เกิดจากการเบรคก็จะยิ่งสูงมากกว่า 100 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว” หยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อด้วยแววตาเหมือนนักเล่านิทานเฉลยคติหรือข้อคิดท้ายเรื่องตอนจบ “น้ำมันเบรคจะเป็นตัวกลางในการส่งผ่านแรงเบรคได้ดีเมื่อมีสถานะเป็นของเหลวเท่านั้น แต่ถ้าหากน้ำมันเบรคเดือดก็จะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นไอเกิดโพรงอากาศในท่อน้ำมันเบรค ซึ่งจะส่งผลให้แรงเบรคที่ได้รับจากแม่ปั๊มเบรคไม่สามารถถ่ายเทถึงลูกสูบเพื่อดันผ้าเบรคได้”
วินาทีนี้ดาบอุทัยรู้สึกนับถือผู้บังคับบัญชาของตนหมดหัวใจ ความรอบรู้ของผู้กองช่วยเปิดสวิตซ์ไฟแห่งปัญญาให้ส่องสว่างจริงๆ “ก็หมายความว่าน้ำมันเบรครถยนต์นายโอฬารเดือดใช่มั้ยครับ จึงไม่สามารถใช้งานเบรคได้ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ”
“ก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ยังสรุปแน่นนอนแบบนั้นไม่ได้หรอกดาบ เพราะผลการทดสอบจุดเดือดของน้ำมันเบรคนี้อาจยังมีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากน้ำมันเบรคเป็นสารดูดความชื้นและจะรวมตัวเป็นเนื้อเดียวกับน้ำหรือความชื้น ซึ่งจะส่งผลให้จุดเดือดของน้ำมันเบรคลดลง ถ้าอ้างอิงตามมาตราฐานน้ำมันเบรค DOT3 ซึ่งมีการกำหนดจุดเดือดของน้ำมันเบรคที่มีความชื้นเจือปนอยู่ 3.7% โดยปริมาตร หรือเรียกง่ายๆว่าจุดเดือดเปียก(Wet boiling point)จะมีค่า 140 องศาเซลเซียส แต่เพราะสภาพรถยนต์ผู้ตายที่เสียหายหนักส่งผลให้ท่อน้ำมันเบรคที่ควรเป็นระบบปิดไม่มีโอกาสสัมผัสความชื้นนั้นเปิดให้ได้พบกับความชื้นจากอากาศที่มีมาก รวมถึงอาจมีน้ำฝนเข้าปะปนในน้ำมันเบรคเพราะวันที่เกิดเหตุฝนตกหนัก น้ำมันเบรคที่ดูดอมความชื้นไว้มากๆจุดเดือดก็จะลดลงมากอาจทำให้ผลการทดสอบนี้คลาดเคลื่อนได้” ร้อยตำรวจหนุ่มวิเคราะห์และแจกแจงความเป็นไปได้ทางอื่นของที่อาจส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนของรายงานแต่สีหน้าก็ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ “แต่จากท่าทีของช่างน้อยที่ผิดปกติเมื่อผมพูดถึงน้ำมันเบรค ก็ทำให้ผมมั่นใจว่าเขาต้องกระทำบางอย่างกับน้ำมัเบรคของรถยนต์ผู้ตายแน่นอน”
“งั้นผมจะใช้รายงานฉบับนี้เป็นหลักฐานในการออกหมายเรียกช่างน้อยมาสอบสวนในฐานะผู้ต้องสงสัย ทนายความของบริษัทโอฬารดีเวลลอปเม็นท์ก็จะไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้แน่นอน” ดาบอุทัยรีบเสนอแนวทางที่ต้องดำเนินการอย่างคิดว่าน่าจะถูกใจผู้เป็นนายให้ผู้กองได้รับฟัง
“ใช้รายงานฉบับนี้เป็นเบาะแสในการเรียกมาให้ปากคำก็พอ ไม่ต้องออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องสงสัยหรอกครับ” เป็นอีกครั้งที่ดาบอุทัยตามความคิดอันแยบคายของผู้กองไม่ทันจริงๆ ก่อนที่ผู้กองหนุ่มจะเฉลยด้วยคำพูดต่อมา “เพราะผมจะกันช่างน้อยไว้เป็นพยาน เพื่อสาวให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลัง”
“รับทราบครับ ผมจะรีบไปดำเนินการ” ดาบอุทัยทำความเคารพผู้กองแล้วเดินออกจากห้องทำงานของร้อยตำรวจหนุ่มไป
เมื่ออยู่ตามลำพังอีกครั้ง ผู้กองหนุ่มจึงนำข้อมูลใหม่ที่ได้จากรายงานมาประกอบเพื่อลำดับเหตุการณ์ หนึ่งสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ นายโอฬารนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการให้ช่างน้อยทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่งช่างน้อยผู้ร้อนเงินน่าจะได้การว่าจ้างให้‘วางยา’กับน้ำมันเบรครถนายโอฬาร หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ระหว่างที่นายโอฬารขับรถออกจากบ้านเพื่อไปทำงานโดยใช้ทางด่วนตามปกติ แต่ขับด้วยความเร็วสูงและฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแล้วก็เกิดอุบัติเหตุขณะเข้าโค้ง
เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของผู้กองดังขึ้น แต่ยังไม่ทันที่ผู้กองจะกรอกเสียงเมื่อยกหู เสียงที่คุ้นเคยของดาบอุทัยก็ดังสวนขึ้นทันทีที่ร้อยตำรวจหนุ่มยกหูเพื่อรับสาย
“ผู้กองครับ จู่ๆช่างน้อยก็มาขอมอบตัวเองครับทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ติดต่อไปเลย โดยสารภาพว่าตนเองเป็นผู้ลักลอบถ่ายน้ำมันเบรครถยนต์นายโอฬาร ตอนนี้ผมให้ไปรออยู่ที่ห้องสอบสวนแล้วครับ ขอเรียนเชิญผู้กองครับ”
โปรดติดตามไฟล์ต่อไป
ยิ่งทบทวนนายร้อยหนุ่มก็ยิ่งพบว่านายชาตรีน่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของนายโอฬารครั้งนี้ เพราะการเสียชีวิตของนายโอฬารจะนำผลลัพธ์ทางธุรกิจมาสู่นายชาตรีโดยตรงมากกว่าบริษัทเคจีทีคอนสตรัคชั่น เนื่องด้วยท่าทีของนายโอฬารที่มั่นใจว่าการขึ้นกุมบังเหียนบริษัทโอฬารดีเวลลอปเม็นท์นั้นจะต้องตกเป็นหน้าที่ของตนแน่นอน บวกกับพฤติกรรมที่ไม่ให้การสนับสนุนในการสืบสวนถึงอุบัติเหตุ จึงเป็นแรงหนุนให้ความน่าสงสัยของนายชาตรีเพิ่มขึ้นไปอีก ขาดแต่เพียงหลักฐานหรือพยานเพื่อโยงไปให้ถึงเท่านั้น
ขณะนี้ผู้กองหนุ่มกำลังพลิกอ่านรายงานผลการตรวจสอบน้ำมันเบรครถยนต์นายโอฬาร ที่ดาบอุทัยได้นำมาส่งให้ทันทีหลังจากได้รับจากกองพิสูจน์หลักฐาน แค่เพียงเปิดอ่านไม่กี่หน้าแววตาของผู้กองก็ทอประกาย อย่างกับคนที่สูญเสียของรักแล้วได้ทรัพย์สินสำคัญที่สูญหายกลับคืน ยังผลให้ดาบอุทัยอยากมีส่วนร่วมไม่น้อย
“รายงานสรุปว่ายังไงครับ ผู้กอง” ดาบอุทัยส่งคำถามพร้อมด้วยสีหน้าแสดงความอยากรู้ เมื่อเห็นผู้กองปิดแฟ้มรายงานหลังจากเปิดอ่านมาได้สักพัก
“จากผลการทดสอบตัวอย่างน้ำมันเบรคที่หลงเหลือติดรถยนต์ผู้ตาย รายงานสรุปว่าน้ำมันเบรคของรถยนต์นายโอฬารมีจุดเดือดที่ต่ำกว่าน้ำมันเบรคทั่วไป โดยมีจุดเดือดเพียง 126 องศาเซลเซียสเท่านั้น”
“จุดเดือด 126 องศาเซลเซียส?” ดาบอุทัยทวนคำด้วยสีหน้าที่มาพร้อมกับเครื่องหมายคำถาม
“ดาบรู้มั้ย ว่าจุดเดือดน้ำมันเบรคเกี่ยวข้องยังไงกับการเบรค?” เมื่อเอ่ยคำถามเพื่อถามกลับดาบอุทัย ผู้กองคิดว่าควรจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมจึงกล่าวต่อ “อย่างรถยนต์นายโอฬาร ถ้าอ้างอิงตามคู่มือจะต้องใช้น้ำมันเบรคเกรดมาตราฐาน DOT3 ดังนั้น จะต้องมีจุดเดือดอยู่ที่ประมาณ 205 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นจุดเดือดแห้ง(Dry boiling point)หรือจุดเดือดของน้ำมันเบรคที่ไม่มีการเจือปนของน้ำหรือความชื้นเลย แต่จากการทดสอบพบว่าจุดเดือดของน้ำมันเบรคลดลงมาที่ 126 องศาเซลเซียสเท่านั้น”
“ไม่ทราบจริงๆครับ ผู้กองรีบเฉลยเถอะครับ อย่าทดสอบผมอีกเลย” ดาบอุทัยรีบกล่าวทันทีด้วยความจำนนในความรู้
“เนื่องจากน้ำมันเบรคมีหน้าที่ในการถ่ายเทแรงที่ได้รับจากแม่ปั๊มเบรคส่งไปดันลูกสูบแล้วดันผ้าเบรคให้ทำการหนีบจานเบรคหรือดุมล้อให้หยุดหมุน ดังนั้นจานเบรคหรือดุมล้อที่เสียดสีกับผ้าเบรคจึงมีความร้อนสูงขึ้นเมื่อเกิดการเหยียบเบรค ความร้อนที่สูงขึ้นนี้จะถ่ายทอดมายังน้ำมันเบรค ดังนั้นน้ำมันเบรคจึงต้องมีจุดเดือดที่สูงเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันเบรคเดือด เพราะเมื่อมีการเหยียบเบรค ความร้อนที่เกิดขึ้นในระบบเบรคจะมีอุณหภูมิสูงมาก ยิ่งขับรถด้วยความเร็วสูงความร้อนที่เกิดจากการเบรคก็จะยิ่งสูงมากกว่า 100 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว” หยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อด้วยแววตาเหมือนนักเล่านิทานเฉลยคติหรือข้อคิดท้ายเรื่องตอนจบ “น้ำมันเบรคจะเป็นตัวกลางในการส่งผ่านแรงเบรคได้ดีเมื่อมีสถานะเป็นของเหลวเท่านั้น แต่ถ้าหากน้ำมันเบรคเดือดก็จะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นไอเกิดโพรงอากาศในท่อน้ำมันเบรค ซึ่งจะส่งผลให้แรงเบรคที่ได้รับจากแม่ปั๊มเบรคไม่สามารถถ่ายเทถึงลูกสูบเพื่อดันผ้าเบรคได้”
วินาทีนี้ดาบอุทัยรู้สึกนับถือผู้บังคับบัญชาของตนหมดหัวใจ ความรอบรู้ของผู้กองช่วยเปิดสวิตซ์ไฟแห่งปัญญาให้ส่องสว่างจริงๆ “ก็หมายความว่าน้ำมันเบรครถยนต์นายโอฬารเดือดใช่มั้ยครับ จึงไม่สามารถใช้งานเบรคได้ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ”
“ก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ยังสรุปแน่นนอนแบบนั้นไม่ได้หรอกดาบ เพราะผลการทดสอบจุดเดือดของน้ำมันเบรคนี้อาจยังมีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากน้ำมันเบรคเป็นสารดูดความชื้นและจะรวมตัวเป็นเนื้อเดียวกับน้ำหรือความชื้น ซึ่งจะส่งผลให้จุดเดือดของน้ำมันเบรคลดลง ถ้าอ้างอิงตามมาตราฐานน้ำมันเบรค DOT3 ซึ่งมีการกำหนดจุดเดือดของน้ำมันเบรคที่มีความชื้นเจือปนอยู่ 3.7% โดยปริมาตร หรือเรียกง่ายๆว่าจุดเดือดเปียก(Wet boiling point)จะมีค่า 140 องศาเซลเซียส แต่เพราะสภาพรถยนต์ผู้ตายที่เสียหายหนักส่งผลให้ท่อน้ำมันเบรคที่ควรเป็นระบบปิดไม่มีโอกาสสัมผัสความชื้นนั้นเปิดให้ได้พบกับความชื้นจากอากาศที่มีมาก รวมถึงอาจมีน้ำฝนเข้าปะปนในน้ำมันเบรคเพราะวันที่เกิดเหตุฝนตกหนัก น้ำมันเบรคที่ดูดอมความชื้นไว้มากๆจุดเดือดก็จะลดลงมากอาจทำให้ผลการทดสอบนี้คลาดเคลื่อนได้” ร้อยตำรวจหนุ่มวิเคราะห์และแจกแจงความเป็นไปได้ทางอื่นของที่อาจส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนของรายงานแต่สีหน้าก็ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ “แต่จากท่าทีของช่างน้อยที่ผิดปกติเมื่อผมพูดถึงน้ำมันเบรค ก็ทำให้ผมมั่นใจว่าเขาต้องกระทำบางอย่างกับน้ำมัเบรคของรถยนต์ผู้ตายแน่นอน”
“งั้นผมจะใช้รายงานฉบับนี้เป็นหลักฐานในการออกหมายเรียกช่างน้อยมาสอบสวนในฐานะผู้ต้องสงสัย ทนายความของบริษัทโอฬารดีเวลลอปเม็นท์ก็จะไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้แน่นอน” ดาบอุทัยรีบเสนอแนวทางที่ต้องดำเนินการอย่างคิดว่าน่าจะถูกใจผู้เป็นนายให้ผู้กองได้รับฟัง
“ใช้รายงานฉบับนี้เป็นเบาะแสในการเรียกมาให้ปากคำก็พอ ไม่ต้องออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องสงสัยหรอกครับ” เป็นอีกครั้งที่ดาบอุทัยตามความคิดอันแยบคายของผู้กองไม่ทันจริงๆ ก่อนที่ผู้กองหนุ่มจะเฉลยด้วยคำพูดต่อมา “เพราะผมจะกันช่างน้อยไว้เป็นพยาน เพื่อสาวให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลัง”
“รับทราบครับ ผมจะรีบไปดำเนินการ” ดาบอุทัยทำความเคารพผู้กองแล้วเดินออกจากห้องทำงานของร้อยตำรวจหนุ่มไป
เมื่ออยู่ตามลำพังอีกครั้ง ผู้กองหนุ่มจึงนำข้อมูลใหม่ที่ได้จากรายงานมาประกอบเพื่อลำดับเหตุการณ์ หนึ่งสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ นายโอฬารนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการให้ช่างน้อยทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่งช่างน้อยผู้ร้อนเงินน่าจะได้การว่าจ้างให้‘วางยา’กับน้ำมันเบรครถนายโอฬาร หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ระหว่างที่นายโอฬารขับรถออกจากบ้านเพื่อไปทำงานโดยใช้ทางด่วนตามปกติ แต่ขับด้วยความเร็วสูงและฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแล้วก็เกิดอุบัติเหตุขณะเข้าโค้ง
เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของผู้กองดังขึ้น แต่ยังไม่ทันที่ผู้กองจะกรอกเสียงเมื่อยกหู เสียงที่คุ้นเคยของดาบอุทัยก็ดังสวนขึ้นทันทีที่ร้อยตำรวจหนุ่มยกหูเพื่อรับสาย
“ผู้กองครับ จู่ๆช่างน้อยก็มาขอมอบตัวเองครับทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ติดต่อไปเลย โดยสารภาพว่าตนเองเป็นผู้ลักลอบถ่ายน้ำมันเบรครถยนต์นายโอฬาร ตอนนี้ผมให้ไปรออยู่ที่ห้องสอบสวนแล้วครับ ขอเรียนเชิญผู้กองครับ”
โปรดติดตามไฟล์ต่อไป
TopSpeed เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ส.ค. 2554, 12:33:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2554, 12:33:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 1851
| << ไฟล์#4 ผู้นำรักษาการ | ไฟล์#6 อุบัติเหตุจำลอง >> |
TopSpeed 31 ส.ค. 2554, 17:33:11 น.
ไม่รู้ว่าอ่านแล้วจะงงกันรึป่าวน้อ ถ้างงถามมาได้นะครับ หรือไม่ก็ลองดูรูปการ์ตูนอธิบายประกอบใน Facebook ผม แล้วอาจจะงงกว่าเดิม...เอ๊ะ ยังไงเนี่ย
ไม่รู้ว่าอ่านแล้วจะงงกันรึป่าวน้อ ถ้างงถามมาได้นะครับ หรือไม่ก็ลองดูรูปการ์ตูนอธิบายประกอบใน Facebook ผม แล้วอาจจะงงกว่าเดิม...เอ๊ะ ยังไงเนี่ย