เกี่ยวหัวใจ...ใส่ห้องรัก ~*My sweetest roommate*~
ดันต้องอยู่ใกล้แบบกำแพงห้องกั้นกับหนุ่มหล่อ ปากจัด กัดหนัก หน้าตายแบบ"ทฤษฎี"...สาวน้อยหน้ามน"สุนทรีย์" ที่หนีรักจากเมืองไทย จะตกหลุมมรักครั้งใหม่อีกครั้งหรือไม่...
Tags: รูมเมท,ปากจัด

ตอน: บทที่ 4 : พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก


บทที่ 4 : พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก


สุนทรีย์ได้แต่ยืนเกาหัวแกรกแรก กับความรีบร้อนของชายหนุ่มอีก ไรอ่ะ...รีบเดินหนีไปซะงั้น หล่อนยังคงจ้องมองด้านหลังที่สูงใหญ่ค่อยค่อยลับตาไป...กล่าวขอบคุณแผ่วเบา

ขอบคุณมากนะค่ะ พี่อิ๋ว


สุนทรีย์เดินหอบกระเป๋าหนึ่งใบ กระเป๋าลากหนึ่งใบ และกระเป๋าสะพายหนึ่งใบ พลันสายตาก็กวาดมองหาเพื่อนสาวที่นัดกันอย่างดิบดีว่า เที่ยวบินของหล่อนจะเดินทางมาถึงเวลานี้ เอ๊....ว่าแต่ยายปิ่นไปไหนล่ะเนี่ย สุนทรีย์หอบสมบัติ(บ้า)เดินมาเรื่อยๆตรงทางออกผู้โดยสารขาเข้า...ความตื่นกลัวก็เพิ่มเป็นทวีคูณ เมื่อบัดนี้หล่อนอยู่ท่ามกลางฝรั่งหัวทอง ไม่ว่าจะมองไปไหนก็มีแต่เจ้าของถิ่น....แงงงงงงงง ภาษาก็พูดไม่ได้




“เพลง........” เสียงสวรรค์นี่น่า...สุนทรีย์รีบหันไปทางต้นเสียงทันที เห็นเพื่อนสาวผิวขาวบ่งบอกได้เลยว่ามีเชื้อสายจีนอยู่ครึ่งนึง ยืนโบกมือ ยิ้มแฉ่ง ยินดีต้อนรับกับการมาของหล่อน




“ปิ่นนนนนนนนนน” พูดได้แค่นั้น หล่อนก็วิ่งกระหืดกระหอบไปหาเพื่อนสาวทันที น้ำตาปริ่มๆที่ดวงตาคู่สวย เป็นอาการที่แสดงถึงความดีใจที่ได้พบผู้ที่นัดหมายไว้




“มาถึงนานแล้วเหรอแก...ขอโทษนะ” ปิ่น หรือ ปิ่นกมล อ้าแขนรับกอดเพื่อนสาว




สุนทรีย์ส่ายหน้าอย่างรวดเร็วบอกเพียงว่า เพิ่งมาถึง เพื่อนสาวจึงจัดแจงช่วยลากกระเป๋าเดินออกไปจากท่าอากาศยาน



“ที่พักแกอยู่ตรงไหน เดี๋ยวเอาของไปเก็บก่อน แล้วเราไปเที่ยวไทม์แสควร์กัน” ทันทีที่สัมภาระถูกลำเลียงไว้ท้ายรถแท็กซี่ ปิ่นกมลก็เอ่ยถามเพื่อนสาว




“นี่นี่...ฉันมีแผนที่” หญิงสาวค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าสะพายของตัวเอง แล้วจึงดึงกระดาษเอสี่พับครึ่งออกมาให้เพื่อนสาวดู





“อ่อๆ โอเค ทำไมแกเลือกไปอยู่แถวนั้นว่ะ”





“Excuse me ,Mam, Where do you go?”
เสียงคนขับแท็กซี่เอ่ยทักขึ้นในขณะที่สุนทรีย์ได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก..เอ็ก เอ็ก แหม่ม โก อะไรล่ะเนี่ย



“China town please”
เสียงเพื่อนสาวเธอตอบกลับ..แม่โว๊ยยยย อยากจะฟังออกตอบได้บ้าง




“แกพูดเก่งว่ะ ฉันยังฟังไม่รู้เรื่องเลย” สุนทรีย์ได้แต่เอ่ยกระซิบกระซาบเบาเบากับเพื่อนสาว




“อยู่มาตั้งปีนึงแล้วแก...มันก็ต้องได้บ้าง เดี๋ยวแกก็พูดได้ เชื่อฉัน” สุนทรีย์ได้แต่ส่งยิ้มแหยแหยให้เพื่อนสาว นั่นคือความหวังสูงสุดของหล่อนเลยนะนั่น




“แกเป็นไงบ้าง สบายดีไหม” ปิ่นกมลเอ่ยทักเพื่อนสาว เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มมีท่าทีหงอยลง




“ก็..อกหักว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ แต่ก็นะ ช่างมันเถอะ” สุนทรีย์พูดเพียงแค่นั้น แต่ยังคงหัวเราะร่า ปิ่นกมลพอได้ยินข่าวเหมือนกันว่า หญิงสาวข้างกายได้เลิกรากับแฟนหนุ่ม โดยที่แฟนหนุ่มหักหลังไปคบกับเพื่อนสนิทของหล่อน...




“แล้วไง เลยหนีรักมาอเมริกา ระวังตกหลุมรักหนุ่มตาน้ำข้าวน้า”




“ฮ่า...ลำพังคนไทยด้วยกันยังทะเลาะกันบ้านแตกเลย นี่ถ้ามีแฟนเป็นฝรั่ง รับรอง คุยกันไม่รู้เรื่อง” สุนทรีย์ได้แต่เอ่ยอย่างขำขำ



“มันก็ไม่แน่นะเว่ย..คนมันจะคู่กัน นี่ไงแกอุตส่าห์บินมาหาเค้าถึงตั้งที่นี่ พรหมลิขิตแล้ว” สุนทรีย์ได้แต่มองหน้าเพื่อนสาวอย่างหาความจริง



“ปิ่น...แกน้ำเน่าขึ้นเยอะเลย”



สองสาวได้แต่นั่งหัวเราะกัน สุนทรีย์รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที เมื่อได้รู้ว่าอย่างน้อยๆหล่อนก็ไม่ต้องอ้างว้างกลางบ้านป่าเมืองนอนที่ไม่คุ้นเคยคนเดียวแล้ว บรรยากาศสังคมเมืองที่มีแต่ความจอแจ รถราวิ่งไปมาอย่างขวักไขว่ ทำให้สุนทรีย์ ตื่นตาตื่นใจ นั่งมองตลอดสองข้างทาง ผู้คนใหม่ๆ แม้จะรู้สึกไม่อบอุ่นเหมือนบ้านเกิดเมืองนอน แต่ก็ให้ความรู้สึกแปลกตาไปอีกแบบ...ขอให้หนูพบเจอแต่สิ่งดีดีด้วยเถิด



แท็กซี่นำพาหญิงสาวสองคนมาถึงจุดหมายปลายทาง นั่นคือย่านที่เต้มไปด้วยผู้คนแถบเอเชีย ร้านอาหารจีนที่สามารถสังเกตเห็นได้แต่ไกล เพราะมีป้ายกำกับภาษาของท้องถิ่นนั้นทำให้ สุนทรีย์ยิ่งรู้สึกเหมือนมาเดินเยาวราชอย่างไรอย่างนั้น

“พอเราเก็บของเสร็จแล้วไปดูเทพีเสรีภาพกันนะ ฉันอยากไปอ่ะแกกกกก” สุนทรีย์พูดพลางก็ยกกระเป๋าสัมภาระจากด้านหลังของแท็กซี่พลาง



“ได้ได้ เดี๋ยวจะพาไปขึ้น MTA” ปิ่นกมลพูดพร้อมส่งยิ้มให้เพื่อน




“MTA คือไรอ้ะ”




“มันก็เหมือน MRT บ้านเราแหละ แต่ที่นี่เขาเรียก MTA ย่อมาจาก Metropolitan Transportation Authorities”




“อุ่ย อุ่ย ภาษาอังกฤษล้วนเลย ไม่รู้เรื่องอ่ะ” สุนทรีย์ได้แต่ทำหน้าตาเหยเกกับภาษาที่ไม่คุ้น




“ฮ่า....เอาน่า เดี๋ยวพาไป จะพานั่งให้ทั่วนิวยอร์คเลย”




“แล้วเทพีเสรีภาพนี่ไกลไหมจากนี่อ้ะ”




“ไม่ไกลหรอก แต่เราต้องไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดง ขึ้นแล้วก็ไปลงสถานี South Ferry แล้วเดี๋ยวไปซื้อตั๋วนั่งเรือข้ามฟากไปกัน ห้ามขึ้นผิดสีนะแกไม่งั้นก็ไปไหนไม่รู้ เดี๋ยวตอนไปถึงสถานี เค้าจะมีแผนที่แจกแกก็ไปหยิบเก็บไว้ติดตัวแล้วกัน อยากไปเที่ยวไหนก็เปิดดู ที่นี่เดินทางสะดวก อย่าได้เป็นกังวล”



“โหหหหห..ซับซ้อนว่ะ ลำพังบ้านเราแค่ต้องวิ่งต่อที่สยาม ฉันยังขึ้นผิด ขึ้นถูกเลย นี่มีเป็นสีอีก..แม่เจ้าวุ๊ย” ปิ่นกมลได้แต่ส่งยิ้มน้อยน้อยให้เพื่อนสาว



“ทำไมหอพักมันถึงได้แร้นแค้นอย่างเนี้ยอ่ะแก” หลังจากที่สองสาวขนย้ายสัมภาระเข้ามาด้านในของตึกแถวที่สภาพทรุดโทรมไม่ต่างกับห้องเช่าราคาถูกในย่านชุมชนแออัดในไทย



“มันถูกอ่ะแก...เอ่อ..เนี่ยๆ เค้าให้ติดต่อเบอร์เนี่ย แล้วก็คนชื่อนี้อ่ะ” สุนทรียื่นกระดาษเอสี่ในมือตนให้เพื่อนสาวได้พิจารณา




“โอเค เดี๋ยวฉันไปถามให้”



สุนทรีย์ได้แต่ยืนเก้เก้กังกัง ระหว่างรอเพื่อนสาวไปเจรจาเรื่องห้องพัก หันมองซ้ายขวาก็ไม่พบผู้ใด มีแต่ สภาพสิ่งของที่ดูเก่า พัดลมที่ดูสภาพแล้วไม่น่าจะใช้ได้เกินสองวัน ฝ้าเพดานที่มองแล้วผุอย่างน่าหดหู่...นี่หล่อนเลือกที่พักได้อนาถาขนาดนี้เลยเหรอ



ปิ่นกมลเดินกลับมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย



“เค้าบอกเค้าไม่รู้จักคนชื่อนี้นะ แล้วก็ไม่มีห้องพักอะไรของแกด้วย”



“เฮ้ยยย..ได้ไงงง ฉันโอนเงินครึ่งนึงให้แล้วด้วย จะไม่รู้จักได้ไง” สุนทรีย์ยืนตะเบงเสียงหลง มันจะเป็นไปได้ไง ในเมื่อหล่อนก็พูดคุยกับชายหนุ่มคนนี้ทางเมล มาเป็นเวลาเกือบ สี่เดือนเชียวนะ แล้วบางครั้งถึงแม้หล่อนจะแปลไม่ออกหล่อนก็ให้เพื่อนหนุ่มช่วยเหลืออย่างเสมอ




“ก็....ไม่รู้อ่ะแก เค้าบอกว่า เค้าไม่รู้จักคนชื่อนี้เลย แล้วห้องพักห้องนี้ก็มี คนทำสัญญาอยู่ล่วงหน้าเป็นปีแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมาเช่าต่อ”





“ไอ้ห่.........เอ้ยยยยยยยย นี่มันโกงนี่หว่า” หญิงสาวรีบหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาทันที แต่ก็ต้องหยุดไว้แค่นั้น เมื่อพึงระลึกได้ว่า โทรศัพท์หล่อนไม่สามารถใช้งานได้นี่น่า



“ปิ่น..ยืมโทรศัพท์หน่อยดิ” เพื่อนสาวยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยดี สุนทรีย์จึงจัดการกดเบอร์โทรศัพท์ตามหมายเลขที่หล่อนจดมา แต่กลับกลายเป็นว่า โทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้ คราวนี้เองสุนทรีย์ถึงกับหน้าเสีย เพราะเริ่มรู้สึกตัวว่า ตัวเองกำลังถูกหลอกเข้าให้อย่าง
จัง



คราวนี้สองสาวเลยถูกระเห็จออกจากตึกแถวโทรมโทรม กลายเป็นตอนนี้ผู้คนแถวนั้นก็เลยเห็นหญิงสาวสองคน คนนึงลากกระเป๋าเดินทาง ส่วนอีกคนมีกระเป๋าสะพายและกระถือใบเขื่องอีกหนึ่งใบ




“ฮืออออ...ไอ้ห่...เอ้ยยย แม่ง โกงกันได้ไง ไอ้เลว เลวมาก เลว เลว เลว เงินตั้งหลายหมื่น ฮืออออออ” เสียงสุนทรีย์ด่าแช่ง สาปส่ง พร้อมทั้งปาดน้ำตาที่พาลจะไหล อะไรมันจะซวยบรมซวยแบบนี้




“เอาน่า...แกก็ไปอยู่หอฉันก่อนก็ได้” ปิ่นกมลเสนอทางเลือก เพื่อให้อีกฝ่ายเบาใจ ว่าอย่างน้อยวันนี้หล่อนก็มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง




“จริงเหรอ..วันนี้ฉันมีที่นอนล่ะเหรอ”




“จริงสิ...ไม่งั้นแกก็ไม่มีที่นอน ไปนอนกะฉันแหละ แล้วค่อยคิดกันพรุ่งนี้” ปิ่นกมล เดินลากกระเป๋าใยใหญ่ของเพื่อน ตรงไปยัง สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน




สุนทรีย์ได้แต่มองด้านหลังของเพื่อน พร้อมกับอมยิ้ม..ขอบคุณที่ฟ้ายังไม่ใจร้ายจนเกินไป อย่างน้อยวันนี้หล่อนก็มีที่ซุกหัวนอน แล้วยังไงพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ที่พักของปิ่นกมล เป็นหอพักนักศึกษามหาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดใน นิวยอร์ค บรรยากาศจึงดูร่มรื่มย์ สบายหูสบายกว่ากว่าที่ที่หล่อนจากมาหลายเท่าตัว




“ห้องแกอยู่กี่คนอ่ะ” สุนทรีย์เอ่ยถามขณะเพื่อนสาวกำลังไขกุญแจเข้าห้อง




“สี่จ๊ะ”


สุนทรีย์ได้แต่ทำตาโต สี่คน!!!!!! แล้วมีเธอเข้าไปอีก ห้าคน...พระเจ้า นี่มันแหล่งรวมมนุษย์อัดกระป๋องรึเปล่านี่ ภายในห้องพักของสุนทรีย์ ค่อนข้างมีเนื้อที่กว้าง แบ่งไปด้วย ห้องโถงที่มี โทรทัศน์ โซฟาขนาดพอประมาณ ส่วนทางขวามือ ก็เป็นฝั่งของห้องครัว และห้องน้ำ ส่วนด้านหน้าของหล่อนมีประตูสองบาน หล่อนคาดว่า น่าจะเป็นประตูไปสู่ห้องนอนเป็นแน่ ทันใดนั้นประตูห้องบานทางซ้ายมือของหล่อนก็เปิดออก แล้วหล่อนก็พบกับเจ้าของห้องคนที่หนึ่งทำหน้าตาฉงนเมื่อพบหน้าหล่อนเป็นอย่างมาก



“Hi,Pin what’s up ummmm..who’s she?” ประดยคสนทนาภาษาอังกฤษความเร็วระดับรถไฟสวนกันเริ่มแล้ว สุนทรีย์ทำได้เพียงส่งยิ้มสยามโปรยไปให้..ยิ้มไว้ก่อน ฟังไม่เข้าใจนี่หว่า



“fine, here’s my friend , she’s Penny” เย้ย...เพนนีอะไร สุนทรีย์มองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกงง ประดยคเมื่อกี้หล่อนพอเข้าใจนะว่า ปิ่นกมลแนะนำว่าหล่อนเป็นเพื่อน แต่หล่อนชื่อเพลง ทำไมกลายเป็นเพนนีล่ะ



“wow…nice to meet you,Penny I’m Lisa” หญิงสาวผมทองยื่นมือมาที่หล่อน หล่อนจึงยื่นมือไปรับไมตรี พร้อมส่งยิ้มกว้างให้อีกครั้ง





“แก..ฉันชื่อเพลงนะ ไม่ใช่เพนนี” ทันทีที่แยกจากเพื่อนฝรั่งของปิ่นกมลหล่อนจึงรีบท้วงติง




“ก็เพลงมันเรียกยาก แกคิดถึงฝรั่งเรียกแกสิ..มันจะออกเสียงว่า เพง เพง เดี๋ยวก็กลายเป็น เป่ง หนักเลย” เออว่ะ...เพ่ง เพง เป่ง บรื่ออออออ...เป่งนี้ไม่ไหวนะ เหมือนจะแตกจะยังไงไม่รู้




“อ๋อ..งั้นฉันก้มีชื่อฝรั่งแล้วสิ..ว๊าว ว๊าว เท่ห์จริง” หญิงสาวเจ้าของชื่อใหม่ ส่งยิ้มยินดีกับชื่อใหม่




“เก็บไว้ใช้ตอนไปเรียนภาษาซะ”




“ขอบคุณนะ...ว่าแต่แกอยู่คนเดียวเหรอ แล้วอีกสองคนนอนไหนนะ ในเมื่อ ลิซ่านอนห้องข้างข้าง” หญิงสาวหันซ้ายขวามองดูว่า ห้องนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่เอ๊ะ...มีโต๊ะอ่านหนังสือ สอง ตัว มีตู้เสื้อผ้าสองใบ....เอ๋......หรือว่าาาาาาาาา



“อ่อ...ฉันมีเมทอีกคนนอนด้วยกัน วันนี้เค้ามีเรียน ชื่อ Rachel เป็นเด็กบัลแกเรีย เค้าโอเคนะแก ไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไร เดี๋ยวแกก็ได้เจอ” คราวนี้สุนทรีย์เลยได้แต่ทำหน้าเหมือนพะอืดพะอมมาก ปกติสองคนนอนห้องนี้...เตียงควีนไซส์ แล้วยังมีหล่อนมาอีก เป็นสามคน..สงสัยงานนี้มีนอนหน้าประตูแน่แน่




“แกอยู่ได้ไหม..” ปิ่นเห็นสีหน้าของเพื่อน ก็พอเข้าใจได้ คือหอพักของหล่อนเป็นหอพักนักศึกษา อยู่กันเยอะนั่นก็เท่ากับค่าเช่าห้องที่ถูกลง ซึ่งหล่อนไม่เกี่ยงอยู่แล้ว เพราะค่าครองชีพในนิวยอร์คก็ไม่ได้ถูก ถ้าสิ่งใดควรประหยัดได้ หล่อนก็ควรทำ




ด้านความคิดของสุนทรีย์ ได้แต่นั่งทบทวนในหัว กลับกลายเป็นว่าความไม่สบายใจเข้าครอบงำหล่อนอีกครั้ง ในเมื่อห้องนี้ก็มีคนอยู่ตั้ง 4 คน หล่อนคงไม่มีทางพักในที่แห่งนี้ได้นานเป็นแน่ แค่นอนวันนี้ก็รู้สึกเกรงใจแล้ว...เร็วเท่าความคิด หล่อนนึกถึง ไอ้อ้น เพื่อนรักได้ทันที..ถ้าโทรหามัน มันน่าจะต้องช่วยแก้ให้ได้แน่แน่



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก...ทัศนัยกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ก็พยายามผงกหัวขึ้นมาดูเบอร์ที่โทรเข้า..เดาได้เลยว่า ไอ้เพลงตัวแสบ




“ไง......”




“ไอ้อ้นนนนนนน...ช่วยกูด้วยยยยยยย” สุนทรีย์แผดเสียงลั่น เพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนหนุ่มน่ากำลังจะหลับ เพราะเวลาที่ประเทศไทยก็น่าจะเกือบเที่ยงคืนแล้ว




“อะไรของมึงอีกเนี่ย จะโทรมากวนกูใช่ม่ะ”





“ไม่ใช่!!!!! มึงต้องช่วยกูนะ” ทัศนัยได้แต่รู้สึกผวากับคำพูดเมื่อกี้ ... ช่วยกุนะ เพื่อนสาวไปทำอะไรไว้อีกเนี่ย




“อะไรอีกล่ะมึง”




ทัศนัยนั่งฟังเพื่อนสาวเล่าเรื่องที่โดนโกงค่าเช่าหอพักที่ราคาแสนถูก ว่าไปแล้วเค้าก็มีส่วนผิดที่ไม่ใช่ช่วยหญิงสาวดูให้ดี ตอนนั้นเพียงแค่ช่วยดุส่งส่งไป เพราะเพื่อนสาวกำชับว่า อยากได้ที่ถูกถูก ประกอบกับตอนนั้นงานเขาก็เยอะ รายละเอียดสัญญาอะไรก็ไม่ช่วยมันอ่าน บอกแค่ว่า เออๆๆมึงก็เอาไปแหละ กลับกลายเป็นว่าหล่อนต้องไปเผชิญ
หนึ่งในความผิดพลาดของเขา..ไอ้เพลงนี่มันจะซวยไปไหน

พลันความคิดของเขาก็ผุดขึ้น..เมื่อนึกได้ว่าเขายังมีอีกหนึ่งที่พึ่งทางนั้น...พี่ชายแท้แท้ของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เมืองเดียวกัน แต่อย่างน้อยๆก็อยู่กับคนที่ไว้ใจได้และเค้าก็เชื่อว่า สุนทรีย์ต้องปลอดภัยเป็นแน่



“กูคิดออกล่ะ”



“ดีมาก คิดเร็วๆแบบนี้ เปลืองค่าโทรศัพท์ปิ่นมัน” หญิงสาวป้องปากพูดเสียงเบา



“เอ้อ.....” ทัศนัยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความคิดของตัวเอง แล้วจึงตัดสินใจพูดออกมาในทันที







//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////




มาแล้วจ้าาาาาา...ส่วนที่เหลือ ขอโทษที่ทำให้รอนานนะ....
ตอนหน้าพระเอกจะได้เจอนางเอกแล้วววววว

แถมไปอยู่บ้านหลังเดียวกันอีก...........................
มาเป็นกำลังใจให้สาวเพลงหรือน้องเพนนี ชื่อใหม่นี่ดูอินเตอร์จริงจริง

รักคนอ่านมากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
รักจริงจริงน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ขอบคุณทุกกำลังใจด้วยยยยยยยยยยย
จ๊วบ จ๊วบ



คุณิณพัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ย. 2554, 11:32:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ย. 2554, 11:32:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1730





<< บทที่ 3 : เที่ยวบินมิตรภาพ (เหรอ?)   บทที่ 5 : ที่พักพิงแห่งใหม่ >>
anOO 1 ก.ย. 2554, 18:24:11 น.
ยัยเพลงนะ รอด แต่พระเอกเราเนี้ย ตาย 555


ปรางขวัญ 1 ก.ย. 2554, 18:46:01 น.
555 สงสัยได้ไปพักบ้านพระเอกชัวร์เลย


violette 2 ก.ย. 2554, 02:39:42 น.
ยายเพลงได้ทำพี่อิ๋วคลั่งแน่ๆ (โมโหแล้วคุ้มคลั่ง ฮ่าๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account