oOo รุ้งฤดูร้อน oOo
...เมื่อความรักเป็นบ่อเกิดทุกๆ สิ่ง สร้างความแค้น ชิงชัง และการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ความรัก...ก็ควรเป็นบทยุติของทุกเรื่องราว...

...อาจจะเจ็บปวด อาจบอบช้ำ แต่สุดท้ายความรักจะโอบกอดทุกดวงใจให้สนิทแนบแน่น...
Tags: รุ้งฤดูร้อน,ปลากัด,รักร้ายๆ

ตอน: oOo บทที่ 5 oOo

บทที่ 5



“พี่ชายขี้โกงนะคุณลิซ่า ดูสิ ตัดสัญญาณได้ไง รับปากดิบดีว่าจะไม่มีความลับ นี่คงตั้งใจแกล้งกันชัดๆ” ใบหน้าสวยงอง้ำกระแทกตัวพิงพนักเก้าอี้แรงๆ ผิดกับก่อนหน้านี้ที่เอาแต่หัวเราะคิกคักชอบใจ



“ลิซ่างดออกความเห็นนะคะ เพราะนั่นก็เจ้านายโดยตรงของลิซ่าค่ะ” เลขาฯ ผู้ชาญฉลาดของพี่ชายที่อารดาเรียกตัวให้เข้ามาฟังบทสนทนาด้วยกัน เนื่องจากสนิทสนมกับลิซ่าเฉกเช่นคนในครอบครัว พูดแบบไม่ให้เดือดร้อนตัวเอง และยังไม่ทันจะได้ต่ออะไรโทรศัพท์บนโต๊ะของเจ้าของห้องก็ดังขึ้น



“คนขี้โกง” ยังไม่ทันรู้ว่าต้นสายเป็นใคร อารดาก็ชิงต่อว่าไปก่อนแล้ว



“แน้...รู้ได้ไงว่าเป็นพี่ เกิดเป็นลูกค้ารายใหญ่มิเสียหายแย่เหรอนั่น”



“โธ่ เสียงนี้เป็นเสียงภายในเค้ารู้หรอกน่า และถ้าไม่ใช่พี่ชายใครจะกล้าโทร.หาเค้าตอนกำลังหงุดหงิดแบบนี้เล่า” น้ำเสียงหงุดหงิดอย่างเจ้าตัวบอกทำเอาพี่ชายหลุดหัวเราะอย่างนึกสนุก



“งั้นก็เชิญหงุดหงิดตามสบายจ้ะ พี่แค่โทร.มาบอกว่าพี่ปล่อยตัวเพื่อนรักของน้องออกมาแล้ว จะให้เขาตามไปหาน้องที่ห้องไหม พี่จะได้บอก” ไม่วายแกล้งอีกรอบ



“เฮอะ! อย่าให้ถึงทีเค้ามั่งแล้วกัน แค่นี้แหละ”



“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน พี่รู้นะว่าน้องแย่งเวลาทำงานของเลขาฯ พี่ไปด้วย เพราะงั้นเรียกคุณลิซ่ามารับโทรศัพท์ซะดีๆ ไม่งั้นพี่จะเพิ่มความผิดคุณลิซ่าอีกกระทงไม่รู้นะ”



“ฮึ่มๆ โมโหๆ เอาค่ะคุณลิซ่า รับไปคุยกับเจ้านายที่รักของคุณลิซ่าเลย ดาจะไปรับเพื่อนดาแล้ว” แล้วคนอารมณ์ร้อนก็ยัดโทรศัพท์ใส่มือเลขาฯ สุดสวย ส่วนตัวเองนั้นลุกพรวดพราดออกจากห้องไปรวดเร็ว



ตอนเพลงพรรษเดินออกมาตรงจุดที่นั่งรอก่อนหน้านี้เธอไม่เห็นใครเลยสักคนไม่ว่าจะเป็นอารดา หรือเลขาฯ ของ ‘พี่เมษ’ มองซ้ายมองขวาแล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับเพื่อนใหม่ที่เร่งฝีเท้าเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม



“เป็นไงบ้างพรรษ ผ่านฉลุยใช่ไหม”



“ใช่จ้ะ”



“เย้! ดีใจด้วย” อารดาจับมือเพื่อนเขย่าขึ้นลงแรงๆ ด้วยความดีใจ เพลงพรรษไม่ได้เอะใจอะไร เพราะปกติอารดาก็เป็นคนแสดงอาการออกนอกหน้าอยู่แล้ว



“เราก็ดีใจกับดาด้วย ดาก็ได้งานที่นี่เหมือนกันนี่นา อ้อ ท่าน...เอ่อ พี่เมษบอกให้เราสองคนเตรียมตัว เขาจะพาเราไปเลี้ยงต้อนรับ อีกสิบห้านาที”



“พี่เมษ? เลี้ยงต้อนรับ?” อารดาเผลอตะโกนด้วยความแปลกใจสุดกำลัง สุดกำลังจริงๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นเมษรักษ์ยอมให้ ‘คนแปลกหน้า’ หรือคนไม่สนิทคนไหนเรียกสรรพนามนี้เลยสักครั้ง อีกอย่างเรื่องเลี้ยงต้อนรับนั่นก็หน้าที่คุณลิซ่า ไม่ก็ฝ่ายบุคคล เพราะอย่างที่รู้ๆ กัน อะไรที่ขึ้นชื่อว่าเลี้ยง พี่ชายเธอยินดีออก ‘เงิน’ อย่างเดียว ไม่ยอมออก ‘หน้า’ เด็ดขาด



“อือฮึ เราว่ามันก็ฟังแปลกๆ อยู่หรอก แต่เขาให้เรียกอย่างนั้น ความจริงเราแปลกตั้งแต่เรื่องสัมภาษณ์แล้วล่ะ ดาว่าแปลกๆ ไหม?”



“เอ้อ...เหรอ แปลกเหรอ ไม่นี่”



“น้องพรรษ น้องดา ยินดีด้วยนะคะ เมื่อกี้พี่เมษเพิ่งโทร.มาบอกพี่ว่ารับน้องสองคนเข้าทำงาน แหม...ดีใจด้วยนะคะ ทั้งสองคนไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะ พี่เมษน่ะชอบให้คนในบริษัทเรียกแบบนี้ทุกคนแหละ ไม่ว่าจะเด็กกว่าหรือแก่กว่า คืออย่างนี้ พี่เมษเนี่ย เขาชอบคำนี้ เพราะน้องสาวเขาชอบเรียกอย่างนี้ เขารักน้องสาวของเขาม๊าก มากค่ะ เขาเลยอยากให้ชื่อเขามีคำว่า ‘พี่’ นำหน้าด้วยน่ะค่ะ โฮะๆ”



อารดามองลิซ่าแล้วคิดว่าถ้าหญิงสาวไม่มาเป็นเลขาฯ พี่ชายก็คงไปเป็นดาราตุ๊กตาทองแน่ๆ เชียว



“เอาอย่างนี้นะคะ นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว เดี๋ยวน้องสองคนลงไปรอด้านหน้าประชาสัมพันธ์ดีกว่าค่ะ คนขับรถจะเอารถมารอตรงนั้น รับรองว่าสิบห้านาทีตรงเป๊ะ พี่เมษลงไปเจอน้องพรรษ น้องดาแน่นอนค่ะ เขาเป็นคนตรงต่อเวลาเสมอ”



ไม่วายให้ภาพบวกแก่เจ้านายเป็นการตบท้ายตามสไตล์เลขาฯ ผู้รู้ใจ



น้องพรรษยอมเดินไปจากตรงนั้นอย่างว่าง่าย แต่ ‘น้องดา’ แอบหันไปย่นจมูกใส่คนข้างหลังด้วยความหมั่นไส้ ฝ่ายนั้นเพียงหัวเราะแล้วก็ยักไหล่ประมาณว่า...ก็นี่มันหน้าที่เลขาฯ เหรียญทองอย่างเธอนี่นา







ความแปลกใจสำหรับอารดาไม่จบลงเพียงเท่านั้น เมื่อการเดินทางไปเลี้ยงต้อนรับพนักงานธรรมดาๆ แค่สองคนในวันนี้ ‘ประธานกรรมการ’ ลงทุนขับรถด้วยตัวเองอีกต่างหาก



พอขึ้นรถปั๊บมือหนาก็เอื้อมหยิบแว่นกันแดดสีดำสนิทอันโปรดขึ้นสวมปุ๊บตามความเคยชิน และอารดาเองก็เปิดประตูด้านข้างคนขับขึ้นไปนั่งอย่างลืมตัว อ้าปากจะใส่พี่ชายสักชุดสองชุดก็ถูกมือที่ว่างจากการสวมแว่นแล้วเลื่อนมาปิดไว้ พอเธอทำท่าประท้วงพี่ชายก็พยักพเยิดให้มองออกไปนอกรถ ตรงนั้นเพลงพรรษยังยืนคว้าง ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดประตูเมื่อเห็นว่ารถหรูยี่ห้อดังราคาหลายล้านมาจอดตรงหน้า อีกทั้งคนขับคือเจ้าของบริษัทเสียอีก



“อ้าว พรรษขึ้นมาสิจ๊ะ พี่เมษเขารอแย่แล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกจ้ะ วันนี้พี่เมษเขาคงอยากเลี้ยงเราเต็มที่ มาเลย มาเร้ว” เสียงสดใสปนประชดประชันส่งผ่านหน้าต่างรถที่ลดกระจกลง เพลงพรรษเงอะๆ งะๆ เปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่ง ไม่ใช่เธอไม่เคยสัมผัส รถปรานต์ก็หรูอย่างนี้ แต่เธอไมชินต่างหาก



ครั้นพอนั่งและจัดกระโปรงเข้าที่เข้าทางเพื่อไม่ให้เกิดรอยยับจากการนั่งทับมากนักเสร็จแล้ว หญิงสาวก็เงยมองไปด้านหน้า ยามเมื่อสายตาพาดผ่านกระจกมองหลังและได้เห็นใบหน้าคนขับครึ่งหนึ่งที่ใส่แว่นเพลงพรรษถึงกับผงะไปด้านหลัง



...คล้าย ไม่ล่ะ เหมือนเลย เหมือนผู้ชายคนที่วิ่งตามเธอเมื่อเดือนก่อน หากประกอบกับเรื่องนาฬิกาเรือนนั้นแล้ว เพลงพรรษมั่นใจขึ้นมาเกือบเท่าตัว แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย เผื่อใจว่าเธออาจจะจำผิดทั้งสองอย่างก็เป็นได้ คนระดับเขาจะวิ่งตามเธอเพื่ออะไร แล้วจะใช้นาฬิกาที่ราคาไม่น่าจะเอื้อมถึงข้อมือมีระดับเขาแถมเป็นของที่ทำตกไว้ทำไม เธอคงจำผิดจริงๆ



อย่างนั้นแล้วหญิงสาวยังไม่สามารถบังคับสายตาให้หันเหไปทางอื่นได้อยู่ดี



“คุณมีอะไร ‘ติดใจ’ หรือเปล่า ถึงจ้องผมขนาดนั้น” คำถามตรงๆ ทั้งแฝงนัยคำพูด ทำให้เพลงพรรษสะดุ้งหลบตาวูบ



“ปละ...เปล่าค่ะ พรรษขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ”



“ไม่นี่ มองได้ ผมชอบให้คนมอง เพราะมันหมายถึงผมยังอยู่ในสายตาคนๆ นั้นบ้าง”



...กรี๊ด! พี่ชายโกหก! พี่ชายไม่ชอบให้ใครจ้องมอง ไม่ชอบเป็นเป้าสายตา และร้ายกว่านั้นพี่ชายไม่เคยเป็นอย่างนี้กับใครมาก่อน...เดี๋ยวเถอะ กลับบ้านคืนนี้จะซักให้สะอาดเป็นผ้าขาววิ้งๆ เลยคอยดู...อารดาร่ำร้องอยู่ในใจ ไม่เอ่ยออกมาให้เพื่อนรักต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น



ร้านสุดหรูที่เพลงพรรษมีโอกาสได้มาสัมผัสเป็นครั้งแรกในชีวิตวันนี้คือร้านอาหารเวียดนามค่อนข้างหรู แต่เน้นบรรยากาศสบายๆ สไตล์เวียดนามนั่นแหละ ส่งผลให้หญิงสาวไม่ค่อยอึดอัดนัก พอหันไปมองอารดา ดูท่ารายนั้นจะคล่องแคล่วทุกที่และเสวนาได้กับทุกคนแม้กระทั่งคนที่เพิ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายหมาดๆ หญิงสาวก็คุยจ้อไม่หยุด



นั่งได้สักพักเพลงพรรษขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ความจริงเธอต้องการเลี่ยงไปโทร.บอกนางเอื้องเรื่องจะกลับล่าช้ากว่าเวลาปกติ แต่ไม่อยากบอกไปตรงๆ กลัวจะมีผลกับงานที่เพิ่งผ่านการสัมภาษณ์มา เมษรักษ์อาจจะหาว่าเธอมีปัญหาเรื่องเวลาทำงานเอาได้



“บอกเค้ามาดีๆ พี่ชายคิดจะทำอะไร” สุดท้ายคนที่คิดจะรอไปซักที่บ้านก็อดรนทนรอไม่ไหว ตัดสินใจซักมันในร้านอาหารนี่ซะเลย



“น้องหมายถึงเรื่องอะไร อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมา พี่งง” ว่าแล้วเขาเสยกน้ำขึ้นจิบ เมินหน้ามองไปนอกกระจกใสของร้าน คล้ายว่าตรงนั้นน่าสนใจกว่าคนตรงหน้า



“อย่ามาทำไขสือเลย พี่ชายรู้ตัวดีว่าวันนี้แปลกๆ พี่เมษมั่งล่ะ พามาเลี้ยงมั่งล่ะ ชอบให้คนมองมั่งล่ะ และเค้ามั่นใจว่าต่อไปเค้าจะต้องได้เห็นอะไรแปลกๆ อีกเยอะ ว่ามาเลยทำแบบนี้ทำไม” หญิงสาวแกล้งหรี่ตาคาดคั้น



“อ้าว ก็พี่อยากช่วยน้อง ให้เพื่อน้องเรียกพี่เมษน้องก็จะได้เรียกด้วย ไม่ต้องกลัวหลุด น้องน่ะโกหกไม่เก่งรู้ไหม”



“รู้ โกหกไม่เก่งเหมือนพี่ชายนั่นล่ะ” อารดารีบแย่งตอบทันควัน เลยโดนมืออุ่นๆ ที่คุ้นเคยโยกหัวแรงๆ เสียทีหนึ่ง “แล้วเรื่องพามาเลี้ยง” ถามย้ำคำถามเดิม คราวนี้สีหน้าคนเป็นพี่ขรึมลงอย่างเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่คนในครอบครัว นั่นทำให้อารดานึกหวั่นใจ



“ก็ไม่มีอะไร พี่แค่ต้องการต้อนรับเธอเข้าบริษัทของเราอย่างเป็นทางการด้วยตัวพี่เอง” ใบหน้าคมก้มมองน้ำในแก้ว ไล้นิ้วเรียวใหญ่ไปตามหยดน้ำที่เกาะพราวด้านข้าง แววตามีรอยครุ่นคิดบางอย่าง “และแน่นอน น้องจะได้เห็นอะไรแปลกๆ อีกเยอะ เพราะพี่ต้องการให้เพื่อนรักของน้อง...มองพี่ มองพี่คนเดียวเท่านั้น!”



อารดายกมือปิดปาก ทำตาโต ลุกจากเก้าอี้ไปกอดคอพี่ชายจากทางด้านหลัง นึกอยากร้องกรี๊ดๆ ให้ลั่นร้านทีเดียว ถ้าไม่เกรงว่าคนที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนาจะได้ยิน ส่วนคนอื่นๆ ในร้านเธอไม่ได้แคร์หรอก บ่อยครั้งไปที่เมื่อมีเรื่องยินดีเธอจะกรี๊ดในร้านที่ไปทานและพี่ชายก็ได้แต่หัวเราะ ไม่เคยดุหรือปรามสักที



“อย่าบอกนะว่าพี่ชาย...ถูกใจเพื่อนเค้า!” น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างไม่คิดปกปิด ไหล่หนายักขึ้นสบายๆ พร้อมรอยยิ้มมุมปากด้านซ้ายกับแววตาแพรวพราว สร้างความถูกใจให้คนเป็นน้องเหลือคณา



“โอ๊ย เค้านะดีใจที่สุดเลย เค้ารักพรรษและอยากให้พี่ชายรักด้วย ดีใจๆ เอาไปเลยรางวัล” แล้วใบหน้าสะอาดของเมษรักษ์ก็ได้รางวัลเป็นหอมฟอดใหญ่ก่อนเขาจะไล่ให้เธอกลับมานั่งที่ เฉียดฉิวกันนิดเดียวกับจังหวะที่เพลงพรรษเดินกลับมาที่โต๊ะ สองพี่น้องลอบสบตากัน ฝ่ายคนตื่นเต้นออกนอกหน้าแทบระบายลมหายใจหมดปอด



เมษรักษ์เรียกบริกรมาเติมเครื่องดื่มซึ่งปราศจากแอลกอฮอล์ให้กับทุกคน เขามองสองสาวตรงหน้าก่อนกล่าวประโยคต้อนรับที่อดทนรอมานานเพื่อจะได้เอ่ยอย่างชัดเจนและเน้นหนัก



“ยินดีต้อนรับสู่ ‘นราวิวัฒน์ พาวเวอร์ จำกัด’ เราจะดูแลคุณเป็นอย่างดี”



ขณะพูดสายตาเขาจับจ้องเพียงใบหน้าของเพลงพรรษเท่านั้น แววตาที่สื่อออกมาบอกได้หลากหลายความรู้สึก หากอารดามองเห็นเพียงความรู้สึกเดียวคือ...พี่ชายเธอหลงรักเพลงพรรษเข้าให้แล้ว ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการ หัวใจพี่ชายแห้งแล้งมาตลอดชีวิต เขาไม่เคยมีคนรัก ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบใคร ไม่เคยรับใครมาในหัวใจ พี่ชายเธอ ชิงชังผู้หญิง!



ผู้หญิงที่ไม่ใช่คนในครอบครัว...และลิซ่าที่อดีตคือเลขาฯ ของมารดา







รถคันเดิมที่นั่งไปร้านอาหารเวียดนามเคลื่อนตัวมาตามเส้นทางที่เพลงพรรษคอยนั่งบอก ความเงียบสลับกับบทสนทนาเป็นระยะ กระทั่งมาถึงหน้าปากซอยเข้าบ้านเพลงพรรษจึงร้องบอก



“ส่งพรรษตรงนี้ก็พอค่ะ เดี๋ยวพรรษเข้าซอยเองดีกว่า พี่เมษจะได้ไม่ต้องกลับรถให้เสียเวลา” ขณะพูดเธอไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น เพราะเหตุผลที่บอกไปเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวคือเธอเกรงใจ แต่เหตุผลอีกครึ่งเธอกลัวคนในบ้านเห็นแล้วปัญหาอะไรต่างๆ จะตามมา



“ไม่เห็นเป็นไรเลยพรรษ จะเข้าซอยคนเดียวได้ยังไงดูท่าจะไกลอยู่นะ ให้พี่เมษไปส่งถึงหน้าบ้านเถอะ จะได้สบายใจ” อารดารีบค้าน ครั้งก่อนเธอจะมาส่งแต่ก็ติดธุระ ครั้งนี้กลับเสียมืดค่ำจะให้เดินคนเดียวก็อดเป็นห่วงไม่ได้



“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกดา เราเดินเข้าออกคนเดียวเป็นประจำ เดี๋ยวพี่เมษต้องไปส่งดาอีกจะเสียเวลาเปล่าๆ” อันที่จริงเพลงพรรษบอกจะกลับเองตั้งแต่ที่ร้านแต่ไม่มีใครยอมรับฟังเธอ



“แต่...”



“อย่ายื้อเขาเลย ถ้าเขาสะดวกใจจะเข้าบ้านเอง เราก็อย่าไปบังคับ ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละ บทจะง่ายก็ง่าย บทจะเรื่องมากก็ดื้อหัวชนฝา” พูดจบชายหนุ่มก็ปลดล็อกประตู เหลือบมองใบหน้าสลดทางกระจกมองหลังแวบหนึ่งแล้วเมินหน้าหนีไปทางกระจกฝั่งคนขับเสีย จึงไม่เห็นสายตาค้อนประหลับประเหลือกของน้องสาว



“ขอบคุณนะคะพี่เมษที่มาส่ง” หญิงสาวยกมือไหว้นอบน้อม “เรากลับก่อนนะดา ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวถึงบ้านแล้วเราจะโทร.หา ไปนะ”



“จ้ะ บ๊ายบาย แล้วอย่าลืมโทร.มารายงานตัวล่ะ” อารดาพยายามทำน้ำเสียงร่าเริงให้เพื่อนสบายเมื่อเห็นสีหน้าแววตาหดหู่จากคำพูดพี่ชาย



พอร่างแบบบางลงไปยืนข้างรถคนทำหน้าที่พลขับก็ออกตัวแรงจนได้ยินเสียงล้อรถบดกับถนน เพลงพรรษระบายลมหายใจออกอย่างโล่งอก ท่าทางเจ้านายคนแรกของเธอคนนี้จะเอาใจยากน่าดู เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แววตาของเขาบางครั้งดุดัน บางครั้งอ่อนโยน นี่ขนาดยังไม่ได้ร่วมงานด้วย ไม่รู้เธอจะไปได้สักกี่น้ำ



เอาน่า...เพลงพรรษเสียอย่างต้องผ่านไปให้ได้ พี่ปรานต์จะได้สบายใจ แล้วเธอก็ก้าวย่างไปตามถนนคอนกรีตสายประจำ



“นี่แน่ะ พี่ชายอ่ะ ทำไมไปพูดกับพรรษเขาอย่างนั้นล่ะ แล้วยังมาออกรถแรงๆ ใส่เขาอีก ไหนบอกว่าถูกใจเขาไงล่ะ” มือเรียวทุบไหล่พี่ชายแรงๆ ไปทีหนึ่ง พลางบ่นอย่างขัดใจ



“ก็เขาอยากเรื่องมากทำไม แล้วน้องอย่ามามั่วนะพี่ยังไม่เคยบอกสักคำว่าถูกใจเขา น้องสรุปเองทุกอย่าง” น้ำเสียงเอื้อเอ็นดูที่มีต่อเธอลดลงไปพอสมควร อาจไม่ถึงกับกลายเป็นดุ แต่อารดารู้ อาการเดิมๆ ของพี่ชายกลับมาอีกแล้ว ‘อคติ’ ต่อผู้หญิง เรื่องในอดีตฝังใจเขาเสมอมา



มือเรียวลูบไหล่ที่ทุบไปเมื่อกี้เบาๆ ปากเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงทอดยาว “พี่ชาย...”



นั่นเอง เมษรักษ์ถึงระลึกได้ เขาถอนหายใจแรงเฮือกใหญ่ ก่อนหันมองน้องสาวแวบหนึ่ง เลื่อนมือมาวางบนศีรษะน้องน้อยสุดรักด้วยความเอ็นดู



“น้องรู้ดีนี่ ว่าพี่ไม่เคยจีบผู้หญิง ไม่เคยมีใคร ไม่เคยรักใคร พี่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถ้า...เจอคนถูกใจ” ชายหนุ่มพูดได้ทุกเรื่องกับน้องสาวคนเดียวคนนี้ สายตาเขาทอดมองไปบนท้องถนนเบื้องหน้า



อารดามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่ชายนิ่งนาน เธอดีใจที่วันนี้เพลงพรรษทำให้หัวใจหินๆ ดวงหนึ่งเริ่มกร่อนเพราะหยดน้ำแสนสวยเย็นฉ่ำ แต่ในแววตาของคนข้างๆ ยังมีบางสิ่งซ่อนอยู่ซึ่งอารดาไม่แน่ใจว่ามันคือสิ่งไหน



“พี่ชายอย่ากังวลเลยค่ะ หากพี่ชายชอบพรรษจริง เค้ารับประกันว่าจะช่วยสุดกำลังแน่ๆ แต่เขาคาใจว่าทำไมพี่ชายถึงถูกใจพรรษ บอกเค้าหน่อยได้ไหม”



เมษรักษ์เงียบไปนานกับคำถามนี้ ทั้งชั่งใจว่าควรตอบความจริงทั้งหมดดีไหม และถามใจว่าเพราะอะไรเขาถึงถูกใจหญิงสาวผู้นั้น สำคัญคือ ถูกใจจริงๆ หรือเพียงเพราะเธอคือ ‘เหยื่อ’ ที่มาติดกับดักโดยไม่ตั้งใจ



“พี่คงถูกใจเธอเพราะเธอเหมือนใครบางคน ขณะเดียวกันเธอกลับแตกต่างจากทุกคนที่พี่เคยเจอมา ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นเราอย่างเพิ่งคาดหวังอะไรมากเลย สำหรับเรื่องความรัก มักมีความผิดหวังแฝงตัวรอเราอยู่เสมอ”



หญิงสาวเอนศีรษะซบไหล่พี่ชาย เธอรับรู้ทุกเรื่องราวในชีวิตเขา บาดแผลที่ฝังลึกในหัวใจไม่เคยจางหาย มันยังสดใหม่เหมือนเพิ่งเกิดเมื่อไม่นาน



“แต่เค้ากลับมีลางสังหรณ์บางอย่าง ว่าพรรษต้องเป็นความสมหวังของพี่ชาย และถึงจะไม่ เค้าก็จะทำทุกวิถีทางให้พี่ชายสมหวังกับพรรษให้ได้”



“แม้น้องอาจต้องเจ็บปวดงั้นหรือ”



“อือ” ไม่มีความลังเลในน้ำเสียง หากคำสั้นๆ คำนั้นฟังหนักแน่นและอารดาก็พิสูจน์ด้วยการกระทำเสมอมา



“ขอบใจน้องมาก แต่พี่ไม่มีวันให้ใครทำให้น้องเจ็บปวดอย่างแน่นอน” แขนแข็งแรงวาดออกโอบไหล่บางแสนรัก เส้นทางชีวิตข้างหน้ายาวไกล อุปสรรคที่มองเห็นด้วยสัญชาตญาณยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเป็นแค่ขวากหนาม หากสิ่งเดียวที่เมษรักษ์ต้องการคือ...ชัยชนะ!







เมื่อเห็นว่าคุณปภาวีกับปรานต์ยกผ้าขึ้นเช็ดปากหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ นางเอื้องก็ขยับเท้าเข้ามาใกล้ประมุขของบ้านด้วยท่าทางอ่อนน้อม เอ่ยเบาๆ เป็นเชิงขออนุญาตแทนหลานสาวว่า



“คุณท่านคะ เพลงพรรษมันขอพบคุณท่านสักประเดี๋ยวจะได้ไหมคะ มันมีเรื่องจะรายงานคุณท่านค่ะ”



คนที่นั่งหลังตรงหน้าเชิดคอตั้งเป็นนิจ มองนางเอื้องด้วยหางตา ก่อนตวัดกลับมามองลูกชายที่หันขวับมาตั้งแต่ได้ยินชื่อเพลงพรรษแล้ว เงียบชั่วอึดใจก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ



“ให้มันเข้ามา” อยากรู้นักว่ามีเรื่องอะไรถึงกล้ามาขอพบ



พอนางเอื้องหันไปพยักหน้า หญิงสาวที่ยืนรอท่าอยู่ตรงประตูก็เดินลงฝีเท้าเบาแสนเบาเข้ามา เมื่อระยะห่างประมาณครึ่งเมตรเธอก็ยอบตัวลงนั่งกับพื้นในท่าพับเพียบมือประสานกันบนตักอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อสนทนากับเจ้าของบ้าน



“ดิฉันจะมาเรียนคุณท่านกับคุณปรานต์ค่ะว่าขณะรอรับปริญญาดิฉันไปสมัครงานและได้รับเข้าทำงานเรียบร้อยแล้วค่ะ” ใบหน้าสวยระบายยิ้มน้อยๆ ให้คุณปภาวี แต่ไม่กล้าเอียงหน้ามองปรานต์



“แล้วยังไง ที่เธอมารายงานนี่ เพราะอยากบอกฉันว่าปีกกล้าขาแข็งแล้วรึไง” เสียงอันทรงพลังเอ่ยประชดประชัน สายตาเย้ยหยามไม่ปกปิด



“เปล่าค่ะ ดิฉันเพียงมารายงานให้คุณท่านรับทราบเพราะอย่างไรดิฉันก็อาศัยชายหลังคาคุณท่าน อาศัยข้าวปลาอาหารของคุณท่าน จะทำอะไรก็ควรบอกให้คุณท่านทราบด้วยเท่านั้นเองค่ะ” เพลงพรรษเอ่ยอย่างใจเย็น เธอชินและเข้าใจว่าคุณปภาวีก็เป็นอย่างนี้เอง



“ก็ดี...มีงานทำ มีเงินใช้ จะได้ไม่ต้องใช้เสน่ห์เน่าๆ มาแลกเศษเงินจากตาปรานต์อีก มีมือมีเท้าก็รู้จักทำมาหากินเสียบ้างจะได้ไม่เลี้ยงเสียข้าวสุก” ถ้อยคำที่ไม่เคยคัดลอกหรือจดจำมาจากหนังสือผู้ดีเล่มไหน พ่นออกมาให้เพลงพรรษเจ็บช้ำน้ำใจ หากเธอก็ยังก้มหน้ารับคำ



“ค่ะ”



“ทำไมคุณแม่พูดกับพรรษเขาอย่างนั้นล่ะครับ” ปรานต์เอ่ยอย่างระอาใจ คนเป็นแม่แค่ยักไหล่แล้วเชิดหน้าหนี ชายหนุ่มจึงส่ายหน้าแล้วก้มลงมองคนนั่งกับพื้นด้วยความเห็นใจ “ทำไมถึงหางานเร็วนักล่ะพรรษ ไม่รอให้รับปริญญาเสร็จก่อน ไม่ได้จำเป็นต้องใช้จ่ายอะไรเยอะไม่ใช่เหรอช่วงนี้ หรือถ้ามีบอกพี่ก็ได้นี่”



“นี่ แกอย่าคิดแต่จะเอาเงินของพสุธาเทพไปปรนเปรอมันนักเลย ขืนยังดื้อด้านอีกละก็ แกอย่าหาว่าฉันไม่เตือน มันคิดทำงานก็ดีแล้ว จะให้อยู่กินเป็นผู้ดีตีนแดงน่ะไม่ได้หรอก เพราะมันแค่ขี้ข้า”



“คุณแม่!” ร่างใหญ่ได้แต่เรียกด้วยความตกใจ เขาไม่มีทางชิน ไม่มีทางทำใจยอมรับอย่างที่เพลงพรรษทำได้หรอก ได้ยินทุกวันฟังทุกวัน อย่างไรก็แสลงหูแสลงใจอยู่ดี แต่ก็คร้านจะต่อความยาวกับท่าน “แล้วพรรษได้งานบริษัทไหน ตำแหน่งอะไร”



เพลงพรรษหันมายิ้มขอบคุณ ปลอบใจและให้กำลังใจเขา สุดท้ายแววตาเธอฉายความภาคภูมิใจก่อนตอบให้ได้ยินทั่วกันถึงบริษัทที่เธอได้รับเข้าทำงาน



“บริษัท นราวิวัฒน์ พาวเวอร์ จำกัด ค่ะ ตำแหน่งพนักงานฝ่ายบัญชีที่ดิฉันเรียนมาค่ะคุณปรานต์” สิ้นคำพูดของหญิงสาวทั้งคุณปภาวีทั้งปรานต์ต่างอึ้งไปตามๆ กัน ทุกคนตะลึงกับสิ่งที่ได้ฟัง โดยเฉพาะปรานต์ พอตั้งสติได้ชายหนุ่มรีบร้องบอกคนรักทันที



“ไม่ได้นะพรรษ ห้ามไปทำงานที่นั่นเด็ดขาด โทร.ไปยกเลิกเขาได้เลย พี่ไม่ให้พรรษไปทำที่นั่นแน่ๆ” หัวใจปรานต์ร้อนรุ่มเมื่อรู้ว่าคนที่รักสุดหัวใจกำลังจะไปอยู่กับบริษัทคู่แข่ง และหาใช่คู่แข่งธรรมดา เรียกอีกอย่างว่าศัตรูของมารดาและพสุธาเทพคงไม่ผิด เขากลัวและแน่ใจว่าถ้าฝ่ายนั้นรู้ว่าเพลงพรรษเป็นคนของพสุธาเทพเธอต้องไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน



“เอ่อ ทำไมเหรอคะคุณปรานต์ ทำไมดิฉันถึงทำงานที่นั่นไม่ได้”



น้ำเสียงตื่นตระหนกของปรานต์ทำให้เพลงพรรษตกใจ และผิดคาดกับสิ่งที่หวังไว้ ปรานต์ไม่ได้ดีใจ เขาไม่ได้ยินดี แต่ดูเหมือนเธอจะทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดเสียด้วยซ้ำ สีหน้าชายหนุ่มดูกระวนกระวายเหลือเกิน



“ไม่ได้ พี่บอกไม่ได้คือไม่ได้สิพรรษ ถ้าพรรษอยากทำงาน มาทำที่พสุธาเทพ ที่จะหาตำแหน่งว่างๆ ให้” ปรานต์น้ำเสียงดุกว่าเก่า น้อยครั้งนักที่เขาจะใช้น้ำเสียงอย่างนี้กับเธอ และสิ่งที่เขาเสนอคือสิ่งที่เพลงพรรษกลัวมาตลอด เธอไม่อยากใช้สิทธิ์เด็กเส้น มันดูไร้ค่า ไร้ฝีมือ โดยเฉพาะเส้นจากปรานต์คนที่ส่งเสียเธอเรื่องเรียนแล้ว ยิ่งไม่อยากรับความช่วยเหลือจากเขาอีกซ้ำสอง



ตอนแรกคุณปภาวีเองก็โมโหและนึกอย่างต่อว่าหญิงสาวนัก แต่ช่วงที่ปรานต์โวยวายอยู่นั้น นางคิดอะไรดีๆ มากกว่าการโมโหออก จึงเงียบและนั่งกระหยิ่มยิ้มย่อง รอจังหวะให้ปรานต์หยุดพูดแล้วนางจะได้ดำเนินการสิ่งที่เพิ่งคิดได้สดๆ ร้อนๆ



“ตาปรานต์...” คนเป็นแม่เอ่ยน้ำเสียงอ่อนเบา เนิบช้า จนปรานต์ต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความฉงน “แกต้องใจกว้างบ้างซี่ บางทีเพลงพรรษเขาอาจจะอยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เรียนก็เงินพสุธาเทพ แล้วยังจะให้ทำงานในพสุธาเทพอีก แกดูถูกฝีมือเขาเกินไปรึเปล่า ลองให้เขาไป ‘ทำมาหากิน’ ข้างนอกบ้าง เผื่อจะได้เจออะไรดีๆ กว่าที่เห็นและเป็นอยู่ก็ได้ เอาละ เอาเป็นว่าฉันอนุญาตให้เธอไปทำงานที่นั่น อ้อ แล้วอย่าลืมทำงานให้เต็มที่สมกับที่พสุธาเทพชุบเลี้ยงเธอมาล่ะ”



นางพญาแห่งพสุธาเทพลุกยืนอย่างสง่า ก้าวออกจากเก้าอี้หรูหรา เดินผ่านสองหนุ่มสาวได้สามก้าวก็หยุด หันมาหลุบตาลงมองคนที่นั่งบนพื้น เอื้อมมือไปลูบผมสลวยของเพลงพรรษเป็นครั้งแรกในชีวิต



“หึ! เธอนี่ ฉลาดกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลย” แล้วนางก็เดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะก้องดังกังวานจนน่าขนลุก



เพลงพรรษรู้สึกหวิวๆ ในหัวใจ รอยสัมผัสจากมือที่ดูห่างไกลไม่ได้ทิ้งความอบอุ่นหรือเอื้อเอ็นดูไว้เลย ตรงกันข้ามหญิงสาวคล้ายอุปาทานเอาว่ามีกองไฟเล็กๆ ตกหล่นอยู่บนศีรษะ ร้อนผะผ่าว และน่าหวาดกลัวอย่างไรพิกล



เมื่อคำสั่งประกาศิตฟาดลงมาอย่างนั้นแล้วปรานต์เองก็มิอาจต้านทาน เขามั่นใจว่ามารดาต้องมีแผนอะไรสักอย่างแน่นอน มิฉะนั้นนางจะไม่มีวันยอมให้คนของพสุธาเทพคนไหนเข้าไปเหยียบแผ่นดินศัตรูเป็นอันขาด และเขาชักหวั่นใจว่าแผนการของมารดาในครั้งนี้ จะไม่ใช่ผลดีกับหญิงสาวตรงหน้าเขาอย่างแน่นอน...ลองคุณปภาวีพูดถึงเรื่องชุบเลี้ยง เรื่องบุญคุณกับใคร ก็ไม่ต่างจากการครอบกรงขังคนๆ นั้นไว้ ไม่มีวันได้อิสรภาพ ดูอย่างเขา เป็นต้น



ทว่าสิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือถอนหายใจและลุกออกไปจากตรงนั้น ก่อนที่ความร้อนรนในจิตใจจะทำให้เขาเผลอพูดให้ร่างแบบบางตกใจอีกรอบสอง เวลานี้เขาต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อใช้ความคิด



ใบหน้าเรียวเอี้ยวมองตามร่างใหญ่ที่เดินออกไปจากห้องอาหารเงียบๆ หยดน้ำเอ่อรื้นขึ้นคลอเบ้าตา นี่เธอทำผิดอีกแล้วใช่ไหม ทำไมนะ ทำไมปรานต์ถึงไม่อยากให้เธอทำงานที่นราวิวัฒน์ หรือเธอสมควรปฏิเสธงานนั้นแล้วหางานใหม่ดี





โปรดติดตามตอนต่อไป

น้อมรับทุกคำติ-ชม ค่ะ



ปลากัด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 เม.ย. 2554, 17:59:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 เม.ย. 2554, 17:59:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1935





<< oOo บทที่ 4 oOo   oOo บทที่ 6 oOo >>
มะดัน 9 เม.ย. 2554, 19:00:55 น.
ตามอ่านค่ะ
อุตส่าห์เริ่มโพสต์ใหม่ ตั้งกะตอนแรก


anOO 9 เม.ย. 2554, 19:18:50 น.
an-o จ้า ยังตามเอากำลังใจมาฝากเช่นเคย
ยัยแม่เนี้ยคิดแผนร้ายไว้อีกแล้ว


ปลากัด 9 เม.ย. 2554, 19:28:31 น.
ขนาดเอาของเก่ามาโพสต์ ยังช้าเลยอ่ะ ละอายใจจัง

ขอบคุณทั้งสองท่านนะคะ ยิ้มออก วันนี้เพิ่งได้หยุด ยุ่งทั้งชีวิต 555+


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 9 เม.ย. 2554, 20:01:08 น.
อ่านใหม่ อีกครั้ง ยังสนุก เร้าใจ น่าติดตามเหมือนเดิม เอาใจช่วย มาอัพ ไวไว นะคะ ติดตามอยู่


ก้อนอิฐ 9 เม.ย. 2554, 23:06:11 น.
มาอัพให้เป็นปัจจุบันไวๆ นะจ๊ะ มาร๊อรอจ่ะ


คิมหันตุ์ 10 เม.ย. 2554, 00:40:14 น.
มีแผนอะไรซ่อนอยู่หรือป่าวคุณหญิงแม่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account