เปลวไฟกามเทพ
เธอ...คือผู้ก่อสุมความแค้น
เขา...คือผู้แค้นเธอด้วยหัวใจ
เมื่อไฟแค้นเริ่มจะคุกโชนสิ่งไหนก็ยากที่จะยับยั้งได้
Tags: รักปนเศร้า

ตอน: ตอนที่ 7 การสูญเสียกับความผิดบาปที่ตามมา

ตอนที่ 7

“พี่แก้ว ระวัง!!”

เห็นเหตุการณ์ที่จวนตัวเมื่อไอ้เมฆพุ่งมีดตรงเข้ามา เธอจึงร้องเตือนพี่สาวก่อนจะผลักให้แก้วกาญจน์ออกไปทางด้านข้างและเธอก็เข้ามารับมีดนั้นอย่างเต็มๆ โดยไม่ทันได้หลบเลี่ยง

สวบ!!!

“โอ้ย ยย”

มีดเล่มใหญ่ปักลงตรงช่องท้องของเธออย่างถนัดถนี่ เด็กสาวร้องลั่นอย่างเจ็บปวด ใบหน้าเหลือกลาน เลือดสีแดงฉานไหลพุ่งออกมาตามรอยมีดที่ทะลวงเข้าไป กันเกราหายใจหอบถี่ก่อนจะทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง

หากแต่ความโชคร้ายเหล่านั้นกลับยังไม่วางมือที่จะหยิบยื่นให้กับคนครอบครัวนี้ ใครจะไปรู้ว่าแรงผลักที่น้องสาวผลักให้พี่สาวออกห่างจากอันตรายอย่างเป็นห่วงนั้นจะทำให้ร่างของแก้วกาญจน์หล่นไปบนถนนที่มีรถวิ่งสวนไปมา

ร่างบางของหญิงสาวล้มฟุบลงไปที่พื้นถนน พลันนั้นดวงตาคู่สวยของหญิงสาวก็เบิกโพลงเมื่อเห็นรถยุโรปคันใหญ่แล่นตรงมาด้วยความเร็วสูง และเบรกเสียงดังเมื่อคนขับเห็นร่างหนึ่งอยู่กลางถนน

ครืด ดดด!!!!

เสียงเอบีเอสทำงานระรัว ถึงแม้จะเป็นระบบชั้นดี แต่เมื่อคนขับมาเบรกในระยะแค่ห้าถึงหกเมตร แรงขับเคลื่อนจึงส่งผลให้ไถลไปกระทบวัตถุมีชีวิตเบื้องหน้าจนกระเด็น

โครม มมม!!!

ทุกอย่างดูมันกะทันหันและรวดเร็วมาก ทำให้หลายๆ คนแทบจะตั้งตัวไม่ติด ร่างบางของแก้วกาญจน์ก็ลอยขึ้นสู่อากาศก่อนจะหล่นตุบกับพื้น เลือดสีแดงฉานไหลนองพื้น

“แก้ว!!!”

“พี่แก้ว!!!”

เสียงแรกเป็นของนางกระเพราและภาวสุทธิ์เมื่อทั้งสองเห็นภาพเหล่านั้นชัดตา ชายหนุ่มจึงรีบโผเข้าไปตรงร่างของหญิงสาวในทันที

ส่วนอีกเสียงนั้นแน่นอนคือกันเกราที่ร้องขึ้นอย่างตกใจ นี่เธอทำอะไรไป นี่เธอเป็นคนฆ่าพี่แก้วอย่างนั้นหรือ หญิงสาวน้ำตาไหลพราก พยายามจะตะเกียกตะกายเข้าไปหา หากแต่เรี่ยวแรงกลับไม่มีมากพอที่จะส่งเธอให้ไปถึงได้ เรี่ยวแรงที่มีอยู่ของเธอหมดลง พร้อมกับสติที่มีอยู่ดับวูบลงในทันที

“แก้ว ไม่ ไม่นะ คุณจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่ ไม่นะครับ”

ชายหนุ่มเข้าไปโอบกอดร่างของว่าที่เจ้าสาวที่มีเลือดสีแดงฉานไหลนองไปทั่วพื้น ชายหนุ่มเอาใบหน้าไปเกลือกกลั้วเลือดของเธออย่างไม่รังเกียจ น้ำตาลูกผู้ชายไหลพราก เมื่อสิ่งที่เขารักกำลังจะจากไป

ไม่จริงนะแก้ว เรากำลังจะได้แต่งงานกัน คุณอย่าจากผมไปนะ ผมรักคุณนะครับแก้ว คุณอย่าโหดร้ายอย่างนั้นสิ คุณอย่าทิ้งผมไปนะ ไม่มีคุณแล้วผมจะอยู่กับใคร แก้ว ได้โปรด

“ลูกแก้ว”

ในเวลานั้นนางกระเพราก็วิ่งมาถึง นางรีบเข้าไปนั่งใกล้ๆ กับร่างของบุตรสาวด้วยความห่วงใย พร้อมกับมือที่ลูบไปมาบนร่างของบุตรสาวเพราะกลัวว่าลูกรักของนางจะเจ็บปวดและทรมาน หากแม้นว่าความเจ็บปวดเหล่านั้นจะบรรเทามาที่นางได้นางก็ยอม

“ไม่นะแก้ว ไม่นะครับ”

ภาวสุทธิ์ก้มลงมองใบหน้านวลที่บัดนี้เปรอะไปด้วยคราบเลือด ชายหนุ่มเอามือข้างหนึ่งเกลี่ยเส้นผมของหญิงสาวให้พ้นจากใบหน้าแล้วประคองศีรษะของเธอขึ้นเพื่อให้หญิงสาวนั่งพิงเขาเอาไว้ ชายหนุ่มรับรู้ถึงร่างบางที่สั่นระริก เข้าจ้องไปที่ดวงตาคู่สวยที่ค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ และยากเย็น ภายในดวงตาคู่นั้นมีม่านน้ำใสๆ เอ่อนองอยู่ในนั้น ริมฝีปากสวยขยับเล็กน้อยอย่างยากเย็น ชายหนุ่มเอียงหูลงไปแนบกับปากของเธอในทันที

“ภะ-ภาวสุทธิ์ แก้ว แก้วขอโทษ”

เสียงเอ่ยขอโทษจากร่างบางดูสั่นหวิวและแผ่วเบา ชายหนุ่มเขย่าตัวเธอเบาๆ เพื่อจะเรียกสติที่เกือบจะหมดไปในบัดนั้นแล้ว เขารักเธอ ไม่อยากจะให้เธอจากไปไหน สวรรค์จงช่วยด้วยเถอะ อย่าให้ความรักของเขามันต้องจบลงแบบนี้ ได้โปรด

“แก้ว ขอโทษนะ นะ-ค่ะ ภาวสุทธิ์ ฉันจะ รักคุณ-แบบนี้ ตลอด ไป แก้วเสียใจ ทะ-ที่อยู่กับคุณ ได้แค่นี้-”

ลมหายใจของเธอขาดห้วงไปทุกทีเช่นเดียวกับเสียงที่เปล่งออกมาดูจะเบาบางลงไปมาก จนประโยคสุดท้ายที่เธอพูดด้วยความยากลำบากนั้นเกือบจะไม่มีเสียง ชายหนุ่มร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม ห้วงอารมณ์สูญเสียลอยผ่านเข้ามาอย่างทารุณ ร่างของแก้วกาญจน์กระตุกทีหนึ่งและมีเลือดสีแดงไหลออกมาทางเรียวปากสวย

“ไม่นะแก้ว คุณจะต้องไม่เป็นอะไร ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล อดทนเอานะครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยเสียงลั่นพยายามจะอุ้มเธอลุกขึ้น หากแต่มือบางของหญิงสาวกลับขืนเอาไว้

“อย่า-พยายามเลย-ค่ะ อย่าเลย แก้วรู้ตะ-ตัวดี”

ภาวสุทธิ์โอบร่างที่อ่อนแรงเต็มทีมาไว้ในอกกว้าง เขาพยายามจะฉุดดึงไม่ให้เธอไปไหน หากโชคชะตามันเล่นตลกแบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อพบกันแล้ว สักวันมันก็ต้องจากกันอยู่ดี

“ภาวสุทธิ์ กะ-แก้ว รัก รักคุณ นะคะ”

เธอเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มจางๆ เพราะรู้ดี ตนอาจจะอยู่ตรงจุดนี้ได้อีกไม่นานแล้ว

“ไม่ครับ คุณจะต้องไม่เป็นอะไร คุณจะต้องอยู่กับผม” เขาโวยวายด้วยเสียงแผ่วแกมสั่น รู้สึกหัวใจของตัวเองอ่อนล้าเต็มที

“ภาวสุทธิ์ แก้วหนาว-หนาวเหลือเกิน”

หญิงสาวพยายามพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยากเย็นเต็มที ความเจ็บปวดเข้าจู่โจม ความหนาวเหน็บในหัวใจเกาะกุมอย่างทารุณ เธอซุกหน้าเข้ากับอกของเขาที่โอบกอดเอาไว้แน่นกว่าเดิม

ลาก่อนนะคะภาวสุทธิ์ ชาตินี้แก้วบุญน้อย หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้รักและอยู่ด้วยกันตลอดไปนะคะ หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาที่หม่นแสงเต็มที ในช่วงระยะเวลาเล็กๆ เธออยากจะอยู่ในอ้อมกอดของเขาให้นานมากที่สุด นานเพื่อจะได้จดจำอ้อมกอดนี้ กับคนๆ นี้ไปให้นานๆ ไม่รู้อีกเท่าไร เธอกับเขาจะได้เจอกันอีกครั้ง ตลอดกาลหรือไม่มีโอกาสอีกต่อไป

เธอช้อนตาขึ้นมองใบหน้าของเขาอีกครั้ง ไม่มีคำพูดใดจากปากของเธออีก มีแต่เสียงหัวใจที่อ่อนล้าเต็มที กับคำพูดที่ส่งผ่านทางสายตาที่พร่าเลือน ร่างบางอ่อนระทวยเมื่อลมหายใจเฮือกสุดท้ายเดินทางมาถึงและหมดสิ้นลง

ชีวิตของเธอหมดสิ้นลงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่หมุนอยู่ก็พลันหยุดนิ่งไปในเวลาเดียวกัน

ภาวสุทธิ์ก้มลงมองร่างบางที่ว่างเปล่าอีกครั้ง บัดนี้ชายหนุ่มดูเฉื่อยชาไร้เลื่อนลอยและเสียงร้องไห้ รู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหนเขาก็ไม่ยอมแสดงมันออกมา ชายหนุ่มอุ้มร่างที่ไร้วิญญาณของเธอแล้วลุกขึ้น เขาแลสายตาที่เย็นชาไปที่ร่างที่ล้มฟุบอยู่ไม่ไกลจากนั้น ความรู้สึก “เกลียด” ที่มันประทุขึ้นมาในบัดนั้น

คนเห็นแก่ตัว กันเกราต่อแต่นี้เป็นต้นไป เธอจะได้รับบทเรียนจากฉันอย่างสาสม!!!
TTTTTTTTTTTTTT

กัญจนาค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่มันหนักอึ้งขึ้นอย่างช้าๆ และยากเย็น หญิงสาวกระพริบตาคู่สวยถี่ยิบเพื่อจะปรับโฟกัสการมองเห็น ภาพแรกที่ปรากฏชัดเจนคือเพดานสีขาวสะอาดตา หญิงสาวไล่มองไปจนทั่วห้องแห่งนั้นและพยายามจะยันตัวลุกขึ้น หากแต่เรี่ยวแรงที่มีอยู่กลับไม่สามารถที่จะพาให้เธอทำดั่งใจได้ แถมยังรู้สึกเจ็บแปลบที่ช่องท้องเสียอีก

“โอ้ย”

เด็กสาวร้องลั่นห้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะค่อยๆ นอนนิ่งๆ ให้ความรู้สึกที่มันจู่โจมรวดเร็วนั้นผ่านพ้นไป หลังนอนนิ่งอยู่เช่นนั้นระยะหนึ่ง หญิงสาวจึงได้มีเวลาที่จะคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น และภาพเหตุการณ์สุดท้ายก็ปรากฏชัดมากที่สุด

“พี่แก้ว”

สิ่งแรกที่เธอคิดถึงนั่นก็คือแก้วกาญจน์พี่สาวของเธอ หญิงสาวจำได้ว่าก่อนที่เธอจะถูกแทงและหมดสติไปนั้นเธอได้ผลักแก้วกาญจน์ให้ไปด้านข้างเพื่อจะให้พ้นจากคมมีดนั้น หากแต่สิ่งที่เธอทำกลับผิดถนัด แก้วกาญจน์เซลงไปบนถนนที่มีรถวิ่งผ่าน จนเป็นผลให้แก้วกาญจน์ถูกรถชน ไม่จริง! เธอรีบหลับตาลง ไม่อยากจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ไม่นะ พี่แก้วจะต้องไม่เป็นอะไร ใช่ พี่แก้วของเธออยู่ไหน พี่แก้วเป็นอย่างไรบ้าง

คิดมาถึงตอนนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะออกไปหาแก้วกาญจน์ ตอนนี้พี่สาวของเธออยู่ที่ไหน เธออยากจะรู้ว่าพี่แก้วเป็นอย่างไรบ้าง หวังว่า ไม่นะ ไม่หรอก พี่แก้วจะต้องไม่ตาย ใช่พี่แก้วคงจะอยู่แถวนี้ หญิงสาวคิดสับสนพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเอ่อพราก

เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดนักศึกษาที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับห่อของพะรุงพะรัง เขาเอาของพวกนั้นมาวางไว้ตรงที่ชั้นวางของ ก่อนจะรีบเข้ามาหาหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง

“กันเกรา เธอฟื้นแล้ว”

“ชัช พี่แก้วล่ะ เธออยู่ไหน ตอนนี้พี่แก้วอยู่ไหน”

“ใจเย็นๆ สิกันเกรา นอนนิ่งๆ ก่อน ห่วงตัวเองก่อนอย่าเพิ่งสนใจคนอื่นเลย”

หญิงสาวเห็นเขาลอบถอนหายใจ หากแต่สีหน้าที่เธอสังเกตก็ยังคงปกติดี ชัชนันท์พยายามฝืนยิ้มและปั้นสีหน้าให้ดีมากที่สุด ก่อนจะเบี่ยงเบนความสนใจของเพื่อนสาว

“เป็นไง หลับไปสามวัน เรานึกว่าเธอจะไม่ตื่นมาเสียอีก”

เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะ เหมือนทุกครั้งที่เล่นกับเธอ

“สามวัน มันนานขนาดนั้นเลยหรือชัช แล้วพี่แก้วล่ะ เป็นยังไงบ้าง”

พูดจบก็จะพยายามยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง หากแต่คราวนี้เพื่อนหนุ่มกลับขวางเอาไว้ได้ทัน

“นอนลงก่อนน่า ฉันรู้ว่าเธอเก่ง แต่หากขยับมากแผลมันจะอักเสบนะ ทางที่ดีเชื่อหมอเอาไว้ก่อน จะได้หายไวๆ”

หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างน่ารัก ถึงแม้ในขณะนั้นริมฝีปากของเธอจะซีดเป็นสีเดียวกับใบหน้า แต่ในสายตาของชายหนุ่มแล้ว เวลานี้เธอยังน่ารักอยู่เช่นเดิม

“เป็นยังไงบ้างล่ะตอนนี้” น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความเป็นห่วงที่กลั่นมาจากใจจริง

“ฉันแค่เจ็บแผลเท่านั้นแหละ อย่างอื่นก็ไม่เป็นอะไรมาก” กันเกราตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะจ้องมองที่หน้าของชัชนันท์เหมือนจะค้นหาคำตอบ “ว่าแต่ตอนนี้พี่แก้วอยู่ที่ห้องไหน เป็นอย่างไรบ้าง”

คำถามนี้ทำให้ชัชนันท์นิ่งเงียบ มองเห็นเค้าความวุ่นวายอยู่อย่างเลือนราง ก็เจ้ากันเกรามันหลอกง่ายเสียที่ไหนล่ะ โดยเฉพาะเขาแล้วยิ่งหลอกไม่ได้เลย โกหกมันทีไรก็ต้องจำยอมบอกความจริงอยู่ดี

“ว่าไงชัชนันท์ พี่แก้วอยู่ที่ไหน”

“เอ่อ คือเธอ”

เขายังอึกอัดที่จะพูด ทำให้หญิงสาวเริ่มแน่ใจในความคิดของตัวเอง

“แบบนี้มันหมายความว่ายังไงชัชนันท์” น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ

“พี่แก้วหรือ ตอนนี้ อยู่-”

เห็นน้ำตาของเธอแล้วชายหนุ่มก็ยิ่งหัวใจเต้นรัว จะทำยังไงดีล่ะ กัญจนาเอื้อมมือมาจับแขนของเพื่อนหนุ่มเป็นเชิงขอร้องแล้วพูดขึ้นอีก

“ว่ายังไง ชัช เราขอร้องเถอะ บอกเราเถอะนะ”

“ก็ได้ พี่แก้วอยู่บ้าน”

เขาตอบไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก เขารู้ หากหญิงสาวรู้ความจริงเธอจะเจ็บปวดมากแค่ไหน เขายอมไม่ได้หรอกที่จะเห็นเธอร้องไห้

“ไม่เชื่อ! ชัชนันท์นายกำลังโกหกฉัน บอกมานะว่าตอนนี้พี่แก้วอยู่ไหน”
TTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTT

เสียงสวดพระอภิธรรมจบลงไปแล้ว เหล่าแขกเหรื่อและเพื่อนร่วมงานของผู้ตายต่างทยอยกันกลับบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างดูนิ่งและสงบ ความมืดจากรอบด้านแผ่ปกคลุมและกระจายให้ไอเย็นลอยไปทั่วทุกตารางนิ้ว ที่กลางศาลาอันเป็นที่ตั้งของโลงศพ ถูกจัดแต่งด้วยดอกไม้สดอย่างสวยงาม

ถัดออกไปไม่ไกลกันนักบัดนี้ภาวสุทธิ์กำลังนั่งสงบนิ่งมองควันธูปที่อ้อยอิ่งเวียนวนอยู่ในบริเวณโดยรอบด้วยหัวใจที่วาบหวิว เหมือนดั่งจะขาดอยู่รอนๆ แล้ว เธอจากเขาไปแล้วหรือนี่ เธอจากเขาไปชั่วนิรันดร์อย่างนั้นหรือ หวังว่านี่มันจะคือความฝันนะ มันไม่ใช่ความจริงใช่ไหม หลากหลายคำถามหลากหลายคำพูดเวียนวนกระหน่ำช้ำเติมอย่างไม่ปราณี หากแต่คำตอบที่ได้ยินจากเสียงปลอบโยนข้างๆ กลับตอบแค่ว่า ทุกอย่างคือ “ความจริง”

“ภาวสุทธิ์ แม่ว่าวันนี้เรากลับบ้านกันก่อนเถอะนะ พรุ่งนี้ค่อยมากันใหม่”

เสียงอ่อนนุ่มของคุณหญิงสุธิดาดังขึ้นข้างหลัง

หากแต่คำตอบของชายหนุ่มที่ตอบกลับมากลับเรียบเฉยจนทำให้ผู้ให้กำเนิดแปลกใจ

“คุณแม่กับคุณพ่อกลับกันไปก่อนเถอะครับ ผมอยากจะอยู่ที่นี่สักพัก ผมอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเธอก่อน ตอนนี้เธอคงเหงามาก”

พูดพร้อมกับสายตาที่เลื่อนขึ้นมองรูปของเธอที่อยู่ในกรอบรายรอบด้วยดอกไม้สดอย่างสวยงาม

“ภาวสุทธิ์ ฟังพ่อนะ หนูแก้วกาญจน์เธอไปดีแล้ว ลูกควรจะดีใจไม่ใช่หรือที่เธอไปอย่างสงบ และอยู่ในอ้อมกอดของลูกจวบจนวินาทีสุดท้าย ปรับตัวเองเสียใหม่ พ่อเชื่อว่าหนูแก้วเธอก็คงจะคิดเหมือนพ่อ ลูกเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ เรายังจะต้องทำงานกันอีกหลายวันอยู่นะ”

คุณภัสกรเข้ามาตบที่ไหล่ของบุตรชายเป็นเชิงปลอบโยน

“ครับ”

มันเป็นคำตอบที่สั้น หากแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยคำตอบอีกมากมาย ชายหนุ่มหันไปสบตากับบิดา แล้วมองเลยไปที่มารดาที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ห่างมากนัก

“ผมเข้าใจแล้วครับ คุณพ่อครับ คุณแม่ครับผมจะกลับแล้วเหมือนกัน แต่ขอให้ผมอยู่เป็นเพื่อนแก้วอีกสักนิดนะครับ เมื่อดีขึ้นแล้วผมจะกลับเอง”

“ถ้าอย่างนั้นแม่กับพ่อกลับก่อนนะ วันนี้เหนื่อยมากแล้ว”

คุณหญิงยิ้มให้กำลังใจบุตรชาย ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับสามี

หลังลับร่างของพ่อและแม่แล้วภาวสุทธิ์จึงได้หันมาทางรูปของแก้วกาญจน์อีกครั้ง นี่มันเป็นอดีตสำหรับเขาไปแล้วจริงๆ หรือนี่ แต่ไม่หรอก ถึงว่ามันจะเป็นอดีต แต่สำหรับผม ผมจะรักคุณแบบนี้ตลอดไป แก้วกาญจน์ผมสัญญา ผมจะรักคุณตลอดไปไม่ว่าคุณจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม

ในเวลานั้นแววตาของชายหนุ่มก็วาวโรจน์ขึ้นมาในทันที ริมฝีปากได้รูปเม้มสนิท สองมือที่แนบอยู่ข้างๆ ลำตัวเปลี่ยนมาเป็นรวบแล้วบีบแน่น

“แก้ว ผมขอสัญญาว่าผมจะไม่มีวันให้อภัยกับคนที่ทำให้คุณต้องจากผมไปแบบนี้แน่ ผมไม่มีวันที่จะเห็นความรักของเราที่มันจบลงแบบนี้เด็ดขาด เพราะกันเกรา น้องสาวของคุณ ที่ทำให้ความรักของผมต้องเป็นแบบนี้ กันเกราสักวันเธอจะได้รับบทเรียนจากฉันอย่างสาสม!!!”

เขาเข่นเขี้ยวด้วยความเจ็บแค้นในหัวอก แววตาที่ทอดมองไปข้างหน้ามันช่างน่ากลัวเป็นยิ่งนัก!!
TTTTTTTTTTTTTTTTTTTTT

ยามบ่ายคล้อยที่ปล่องควันระบายอากาศของเมรุเผาศพ บัดนี้ได้มีควันสีดำลอยขึ้นสู่นภากาศอย่างอ้อยอิ่ง และห่างออกไปอย่างช้าๆ ห่างจากนั้นไม่มากนักกัญจนาในสภาพที่ทรุดโทรมมาก มีผ้าพันแผลพันอยู่ที่เอว เธอนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีชัชนันท์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เด็กสาวแหงนเงยมองภาพเหล่านั้นด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบ ถึงแม้ว่าเธอจะนั่งนิ่งไม่ไหวติง หากแต่ภายในของเธอนั้นบัดนี้กลับว้าวุ่นไปด้วยความสับสนต่างๆ นานา

ฆาตกร เธอคือฆาตกร เธอมันสารเลวมากกันเกรา เธอเป็นนังฆาตกร

ความคิดจากส่วนลึกที่วิ่งวุ่นอยู่ภายในคอยบอกเธอเช่นนั้น และดูเหมือนว่ามันจะยิ่งตอกย้ำเธอให้รู้สึกเจ็บอยู่ตลอดเวลาด้วย จนบัดนี้หัวใจที่อ่อนแอกลับพลันก่อเกิดช่องว่างระหว่างความรู้สึกบางอย่างมากที่สุด น้ำตาของหญิงสาวยิ่งเอ่อพรากเมื่อสำนึกได้ว่าร่างที่แปรเปลี่ยนเป็นควันลอยสูงเหนือเมรุนั้นจะไม่ได้เจอกับเธออีก และคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องราวมันจบลงแบบนี้ก็คือเธอ เธอคนเดียว

“พี่แก้ว” ร้องได้แค่นั้นเรี่ยวแรงที่มีอยู่ก็พลันหมดไป เธอสิ้นสติลงบนรถเข็นนั่นเอง

“กันเกรา คุณเป็นอย่างไรบ้าง”

เป็นเสียงของฐติวัธน์ที่รีบตรงเข้ามาหาหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง หากแต่ในเวลานั้นชัชนันท์ที่ดูแลเธออยู่กลับเข้ามาขวางเอาไว้

“คุณถอยไปก่อนเถอะ ตอนนี้กันเกราเธออ่อนแอมาก เธอต้องการพัก”

เพื่อนหนุ่มบอกปัดความห่วงไยของฐติวัธน์ที่จะเข้ามาดูแลเธอแทนเขา ชายหนุ่มรีบเข็นรถเข็นออกจากต่อตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว

ภาพของทั้งสองที่ใกล้ชิดกันทำให้ฐติวัธน์ที่ยืนอยู่ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธ ทำไมจะต้องกันท่ากันถึงขนาดนี้ด้วยคิดหรือว่าฉันจะยอมนายง่ายๆ ไอ้หน้าอ่อน เขากำหมัดแน่นก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธออีกครั้ง

ทั้งสองหนุ่มต่างวัยต่างแข่งกันดูแลหญิงสาว จนทำให้อาการของกัญจนาเริ่มดีขึ้นตามลำดับ หญิงสาวหันมองชายหนุ่มทั้งสองด้วยสายตาขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มเซียวๆ ที่ผุดขึ้น

“ขอบคุณมากนะคะ คุณฐติวัธน์ ขอบใจเธอเหมือนกันนะชัชนันท์ กันเกราดีขึ้นแล้วล่ะ ฉันขออยู่เงียบๆ สักพักจะได้มั้ยคะ”

“ไม่ได้นะกันเกรา เธอยังอ่อนแออยู่ ฉันไม่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวหรอก ฉันจะอยู่ดูเธอเอง คุณฐติวัธน์นั่นแหละ กลับไปได้แล้วล่ะครับ เห็นไหมกันเกราเธอดีขึ้นแล้ว ผมต้องขอขอบคุณแทนกันเกราด้วยนะครับที่มาช่วยงานในวันนี้จนเสร็จสิ้นไป”

ชัชนันท์เอ่ยปากไล่คู่แข่งแบบอ้อมๆ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ทำเช่นนั้น บัดนี้ตนรู้สึกห่วงและหวงกันเกรามากยิ่งขึ้นตั้งแต่รู้ว่ามีนายฐติวัธน์ผุดขึ้นมาบนโลกนี้

“ไม่ กันเกราเธอยังไม่แข็งแรง ผมมีรถเผื่อเกิดอะไรขึ้นกะทันหัน ผมจะได้ช่วยเธอทัน”

ศัตรูจำเป็นเอ่ยปากไล่เช่นนี้เพื่อหวังว่าจะทำคะแนนกับเธอนะสิ เขาไม่ยอมหรอก

“ผมพาเธอมาได้ ก็ย่อมพาเธอไปส่งได้เช่นกัน คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก กลับไปได้แล้วครับ ขอบคุณมากๆ”

ชัชนันท์ยังวางท่าไม่ยอมอยู่เช่นเดิม จนทำให้ฐติวัธน์เริ่มรู้สึกเดือดอยู่ภายใน หน๋อยเจ้าเด็กเมื่อวานซืน คิดจะเรียกคะแนนรึ ไม่มีทางหรอกเว้ย

“ขอโทษนะคะ ทั้งสองคนนั่นแหละค่ะ ออกไปก่อน กันเกราอยากจะอยู่คนเดียวสักพัก ขอบคุณมากๆ นะคะคุณฐติวัธน์ ชัชนันท์ นายออกไปก่อนได้ไหมฉันอยากจะอยู่คนเดียวเงียบๆ”

เห็นทั้งสองหนุ่มกำลังจะเปิดศึกระลอกใหม่ จึงต้องเป็นธุระให้หญิงสาวทำหน้าที่เป็นตัวกลางห้ามศึกชั่วคราว

เท่านั้นแหละฐติวัธน์จึงเป็นฝ่ายยอมเสียเอง ก็สายตาที่เธอมองมานั้นน่าสงสารเป็นยิ่งนัก ใช่ เธอคงจะอยากอยู่คนเดียวจริงๆ ถึงแม้ว่าเขาจะห่วงเธอมากเพียงไร มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเมื่อเธอต้องการอีกแบบหนึ่ง

“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ มีอะไรให้ผมช่วยก็ติดต่อหาได้ตลอดเวลานะครับ วันพรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาล หวังว่าคุณคงจะไม่ว่าอะไรนะครับ ใช่มั้ยครับคุณชัชนันท์”

ประโยคท้ายหันไปทางชายหนุ่มอีกคนที่ยืนเข่นเขี้ยวด้วยใบหน้าบึ้งตึง

กัญจนายิ้มรับกับความมีน้ำใจของเขาแล้วเอ่ยคำขอบคุณ ฐติวัธน์จึงเดินจากไปอย่างเงียบๆ หญิงสาวมองตามเขาด้วยสายตาขอบคุณโดยมีชัชนันท์คอยกระแนะกระแหนอยู่ข้างๆ

“นายเป็นอะไร ชัช”

หญิงสาวเลื่อนสายตามามองเมื่อหนุ่ม ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย ต่อกิริยาลับหลังของชัชนันท์

“เปล่า ไม่มีอะไร ถ้าอย่างนั้นเราจะเดินเล่นแถวๆ นี้นะ จะกลับเมื่อไรก็เรียกก็แล้วกัน” เขาว่าแล้วก็เดินจากไปอีกคน

กัญจนามองตามร่างสองร่างที่เดินลับออกไปในระยะเวลาไม่ห่างกันนัก นึกเปรียบเทียบอุปนิสัยของคนทั้งสอง ฐติวัธน์เป็นคนนิ่ง เงียบและดูเป็นผู้ใหญ่ ส่วนชัชนันท์เพื่อนของเธอ นิสัยเคยเป็นมาอย่างไร มันก็ยังคงเป็นอยู่เช่นนั้น ชอบหึงเพื่อนเมื่อมีคนอื่นมาใกล้ชิดอย่างเมื่อกี้เสมอมา

แล้วความเงียบก็มาเยือนอีกครั้งหนึ่ง หญิงสาวหันไปมองบริเวณโดยรอบด้วยหัวใจที่อ้างว้าง ห่อเหี่ยว นับจากนี้ไป เธอจะต้องอยู่เดียวดายแบบนี้หรือ ไม่มีอีกแล้วเพื่อนคู่คิด ไม่มีอีกแล้วพี่สาวที่แสนดี ไม่มีอีกแล้วคนที่จะคอยปกป้องดูแลเธอ เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ความเจ็บปวดก็เข้าจู่โจม ไม่หรอกมันไม่ได้มาจากความรู้สึกเจ็บจากแผล หากแต่มันเป็นบาดแผลกว้างกลางใจต่างหาก ความเจ็บปวดที่มีอยู่กลับทวีคูณ จนในเวลาต่อมามันได้กลั่นกรองเป็นหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยที่เธอไม่อาจที่จะห้ามมันเอาไว้ได้

“คนอย่างเธอ ร้องไห้กับเขาเป็นด้วยหรือ”

น้ำเสียงเย็นชานั้นดังขึ้นไม่ห่างนัก เด็กสาวรีบใช้นิ้วมือเกลี่ยไล้น้ำตาในทันที เพราะคุ้นต่อน้ำเสียงนั้นเป็นยิ่งนัก เธอแอบดีใจอยู่เพียงนิด แต่เมื่อหันไปมองใบหน้าของเขาแล้วรอยยิ้มนั้นก็หุบลงในทันที

“คุณภาวสุทธิ์”

เธอร้องขึ้นอย่างตกใจที่เห็นใบหน้าเฉยเมยนั้นเคลือบเอาไว้ด้วยแววตาของความ “เกลียด” และ “ชิงชัง”

“แล้วเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ ไอ้คนที่มันแทงเธออย่างงั้นรึ”

ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงห้วน สองมือซุกล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงสีดำ ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ

“จะบอกอะไรให้นะ ถ้าหากฉันเป็นไอ้พวกนั้นจริงๆ ฉันคงจะไม่ปล่อยให้เธอได้ทันเห็นหน้าหรอก ปานนี้เธออาจจะเป็นศพไปแล้วก็ได้ ไอ้พวกนั้นมันโง่นี่ มันถึงได้เสียเปรียบและถูกตำรวจจับไปนอนในคุกในที่สุด ฮึๆ มันโง่จริง”

รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมจุดขึ้นที่ริมฝีปากของเขาที่บัดนี้ดูเย็นชาเหลือเกิน ใบหน้าหล่อคมเข้มขึ้นจนน่ากลัว หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจและไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนอย่างภาวสุทธิ์จะพูดเรื่องนี้ออกมาได้

“คุณภาวสุทธิ์”

“จะเรียกทำไมนักหนาฮึแม่คุณ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นฉันจะเรียกอะไรอีกทำไมหา”

“คุณภาวสุทธิ์ นั่นเป็นคุณจริงๆ หรือคะ คนที่สุภาพอ่อนโยนเสมอตอนนี้หายไปไหนแล้วล่ะ ฉันไม่เคยเชื่อเลยว่าธาตุแท้ของคุณจะเป็นแบบนี้ได้”

เด็กสาวโพลงขึ้นอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่เห็น ดวงตาสวยอมเศร้าที่มีม่านน้ำใสๆ จ้องนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของเขาที่ยังเรียบเฉยคล้ายดั่งจะไม่สะทกสะท้านอะไรต่อคำพูดเหล่านั้นของเธอเลยสักนิด

“นั่นมันสำหรับคนที่ฉันรักเท่านั้น สำหรับคนเลวอย่างเธอคำปรามาสพวกนี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กันเกรา”

ทุกประโยคของเขาฟังดูเชือดเฉือน กัญจนาหัวใจเต้นรัวแรง เธอยังไม่วางสายตาที่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้นมาจากรถเข็นเพื่อจะประจันหน้ากับเขาพร้อมด้วยคำถามอีกมากมาย

“ฉันไปทำอะไรให้คุณ คุณภาวสุทธิ์ ทำไมคุณถึงได้มาว่าฉันแบบนี้ ฉันผิดอะไรคะ ฉันไปทำอะไรให้กับคุณ”

แทนคำตอบที่ตอบกลับมาเป็นแค่รอยยิ้มเย็นที่มุมปากของเขาเท่านั้น ก่อนประโยคที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนจะดังตามมา

“เธอแอบชอบฉันใช่ไหมล่ะกันเกรา เธอถึงได้วางแผนฆ่าแก้วกาญจน์พี่สาวของตัวเอง เธอมันก็แค่นังแพศยา เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัชฉานเสียอีก ขนาดแก้วรักเธอมากแค่ไหนเธอยังฆ่าได้ กับแค่คำว่า “แพศยา” เมื่อนำมาใช้กับคนอย่างเธอฉันว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำนะ”

ฉาด!!!!

จบคำที่ดูถูกเหยียดหยามคนชั้นต่ำอย่างเธอแล้ว ภาวสุทธิ์ก็ต้องหน้าชาวาบเมื่อมืออันสกปกโสโครกของผู้หญิงสาวเลวก็ได้ฟาดลงมาที่ใบหน้าของเขาจนรู้สึกปวดหนึบไปทั่วโครงหน้า หากแต่มันกลับไม่ได้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหุบลงได้เลย ยังจะสายตาหยันของเขาอีกล่ะที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกสะท้านกลัว

“ฮึ มันคงจะแทงใจดำเธอล่ะสิ นึกว่าฉันไม่รู้รึว่าตลอดมาเธอคิดอย่างไรกับฉัน เธอนึกว่าคนอย่างฉันโง่หรือยังไง ที่มองความคิดเด็กๆ อย่างเธอไม่ออก เพียงแต่ว่าฉันพยายามจะไม่คิดถึงมันเท่านั้น ต่อเมื่อการกระทำอันเลวทรามของเธอเกิดขึ้นกับแก้ว มันก็ยิ่งทำให้ฉันแน่ใจว่าคนอย่างเธอมันก็ทำทุกอย่างได้อยู่แล้ว เธอทำเพื่อจะได้เป็นหนึ่งในหัวใจของฉัน เธอฆ่าแก้วเพื่อที่จะให้ฉันมารักเธออย่างนั้นหรือ ฉันขอถามหน่อยเถอะกันเกรา ความคิดของเธอมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง เธอฆ่าแก้วเพื่อจะให้ได้ฉันใช่มั้ย ใช่มั้ย!!”

ฉาด!!!

“หยุดเสียที!! หยุด! คุณภาวสุทธิ์คุณจะทำร้ายจิตใจฉันมากไปแล้วนะ คุณรู้มั้ยว่าฉันเจ็บปวด ปวดมากที่เป็นแบบนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจเลย คุณเห็นใจคนอย่างฉันบ้างไหม คุณภาวสุทธิ์คุณใจร้ายจริงๆ”

เขาจะรู้ไหมนะ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาปรามาสเธอมันเป็นความจริงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ใช่เธอแอบรักเขา และอยากจะเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจของเขา แต่สำหรับเธอแล้ว ไม่เคยคิดที่จะแย่งของๆ พี่สาวตัวเอง โดยเฉพาะคนนั้นคือแก้วกาญจน์ และเธอก็ไม่ได้คิดที่จะฆ่าพี่สาวของตัวเองด้วย ไม่เคยคิดจริงๆ

หลังจากที่ได้ฝากรอยฝ่ามือลงไปบนใบหน้าของเขานั้น หญิงสาวก็รู้สึกเจ็บปวดมากเหลือคณนา ไม่เคยคิดรู้ว่าความรู้สึกของตัวของเธอเองจะมาเป็นหนามแหลมที่คอยทิ่มแทง โดยเฉพาะหนามอย่างเขา ภาวสุทธิ์ จากนั้นม่านน้ำตาก็ไหลเอ่อออกมาอีกครั้ง หญิงสาวรีบเบี่ยงกายเดินหนีออกไปจากตรงนั้นในทันที เธอทนไม่ได้อีกแล้ว ทนที่จะเห็นคนที่ตนรักมาว่าแบบนี้ และไม่อยากจะให้เขาเห็น น้ำตาของเธอ

ภาวสุทธิ์นึกอึ้งต่อคำพูดเหล่านั้นของหญิงสาว เขามองตามร่างนั้นด้วยความรู้สึกที่แบ่งแยกเป็นสองฝ่ายในตัวของเขา ไม่รู้สิ ทำไมถึงได้เป็นเช่นนั้นไปได้ ไม่รู้สิทำไมเขาถึงรู้สึกชาวูบในอารมณ์ หากแต่ความรู้สึกบางส่วนกลับบอกเขาว่ามันสมควรแล้วล่ะที่เธอจะเป็นแบบนี้

“กับคนอย่างเธอ เท่านี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กันเกรา!!”



พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 เม.ย. 2554, 19:05:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 เม.ย. 2554, 19:05:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 2135





<< ตอนที่ 6 ทาสชะตากรรม   ตอนที่ 8 เจ็บปวด >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account