อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 9

9
ขณะที่ออกไปยืนแนะนำตัวให้คณะกรรมการได้รู้จักและเห็นสรีระรวมถึงเส้นผมที่ดำขลับยาวสลวยถึงกลางหลังสายบัวยอมรับกับตัวเองว่าเธอตื่นเต้นประหนึ่งว่ากำลังปีนป่ายหน้าผาสูงชันอย่างไรอย่างนั้น หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลูกแล้วลูกเล่า พยายามที่จะยิ้มอย่างที่เคยยิ้ม แต่นึกอย่างไรก็หาเรื่องที่ทำให้ยิ้มไม่ได้เลย จนกระทั่งพี่ต้นร้องเรียก

แค่เธอหันไปแล้วนึกถึงท่าทางพี่ต้นกระโดดโลดเต้นยกมือยกไม้ให้กำลังใจเธอก็ปล่อยก๊าก ๆ ออกมา ก็จะไม่ให้ขำได้อย่างไรเล่า ตอนที่พี่ต้นรู้ว่าไม่มีเธอยืนดูท่าระหงองค์เอวอ่อนนั่นแล้วพี่ต้นก็รีบจ้ำอ้าวตามเธอมา พอมาถึงก็ เม้งเธอเสียยกใหญ่

“ต๊าย ยังไม่ทันจะดังเลยน้องบัวถีบหัวพี่ส่งเสียแล้ว”

“ถ้าดังแล้วไปไหนมาไหนกับพี่ต้นแล้วพี่ต้นทำท่าทำทางท่ามกลางฝูงชนอย่างไม่อายใครบัวขออยู่เงียบ ๆ ดีฝ่าค่ะ”

“กว่า ไม่ใช่ ฝ่า นั่นภาษาของคนบ้านนอกเขา” พี่ต้นพูดพลางหอบแฮ่ก ๆ จนสายบัวต้องหยุดก้าวขายาว ๆ และรวดเร็วลง

“นี่เดินให้มันช้า ๆ หน่อย เป็นผู้หญิงยิงเรือท่าเดินต้องให้เหมือนดั่งนางกวางนางช้างพังรู้ไหม”

“ก็บัวเคยแต่เดินตามควายที่ตากฟ้ากับเดินหยอดถั่วตามรถไถมันเลยติดเป็นนิสัย แต่คุณชวนชมก็ชมนะใช้งานบัวแล้วรวดเร็วทันใจดี”

“ดีที่บ้าน แต่ไม่ดีกับพี่ ไม่รู้ล่ะ ถ้าเดินกับพี่ต้องเดินอย่างงี้ และก็ต้องยิ้มอย่างงี้ไปตลอดทาง” พี่ต้นหันหน้ามา แค่เห็นท่ายิ้มของพี่ต้นสายบัวก็ยิ้มจนปากบาน พอนึกถึงตรงนั้นสายบัวก็คลี่ยิ้มออกมา

เสียงปรบมือดังขึ้น สายบัวได้สติ

“โอเคครับ ทางเราเลือกคุณสายบัว เพียรกสิกรรม เป็นพรีเซ็นเตอร์” ได้ยินแค่นั้นพี่ต้นกรี๊ดดดดดดยาวจนใคร ๆ ต้องหันไปมอง สายบัวตกตะลึงก็เธอเป็นคนที่หนึ่งแล้วคนอื่น ๆ ที่รอคิวอยู่จะทำอย่างไร

“ไม่ได้นะคะ ทำอย่างนี้ได้อย่างไร พวกเรายังไม่ได้แคสติ้งกันเลยทำอย่างนี้ไม่ถูกนี่มันมีการเล่นเส้นเล่นสายกันแน่ ๆ” เพื่อนในวงการพี่ต้นที่พาเด็กในคอนโทรลมาเพื่อชิงชัยรีบออกมาโวยวายแต่คณะกรรมการอันมีคนในบริษัทแชมพูและทีมผลิตภาพยนตร์โฆษณาหาได้สนใจฟังข้อกล่าวหานั่นไม่

“เอกฉันท์ก็คือเอกฉันท์ พวกหล่อนพาเด็ก ๆ กลับไปแล้ว โปรดเคารพคำตัดสินของคณะกรรมการ”

“เออ ฝากไว้ก่อนอีต้น อยากรู้นักใครมันอยู่เบื้องหลังงานนี้ ฮึ่ม”

คณะอื่น ๆ ถอยกลับพร้อมถ้อยคำบริภาษคณะกรรมการชุดนี้กันยกใหญ่ พี่ต้นหาได้สนใจแต่สายบัวรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย เพียงแค่ก้าวขามาก้าวเดียวที่ตรงนี้ก็มีปัญหาให้ต้องปวดหัวเสียแล้ว

นี่เธออยู่ในกรงทองมานานเกินไปหรือเปล่า เลยไม่ได้รู้ว่าโลกภายนอกนั้นมันมีการแข่งขันกันสูงเพียงใด เป็นอย่างที่น้าดาวเรืองว่าไว้จริง ๆ น้าอยู่กรุงเทพฯ แบบชนชั้นต่ำมานานจึงรู้ว่าไม่มีทางที่จะตะเกียกตะกายไปถึงฝันได้ง่าย ๆ

“คิดอะไรบัว ยังไม่ทำหน้าดีใจอีก รู้ไหมเธอจะมีเงินหกหลักอยู่ในมือเพียงชั่วพริบตาแล้วนะ”

“แต่คนอื่น ๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วแบบนี้จะเป็นเอกฉันท์ได้อย่างไร เขาลงทุนเหมือนบัวกันนะคะ”

“จ้ะ ๆ แม่คนดีศรีชาติไทย เก็บความดีของเธอไว้ปกป้องตัวเองเถอะ วันนี้ทำหน้าดีใจซะหน่อย รู้ไหมตอนที่เธอยิ้มนะมันเหมือนคลี่โลกที่เหี่ยวเฉาให้สว่างไสวในพริบตา เหมือนท้องฟ้าที่มืดมนอนธกาลแล้วรุ่งอรุณก็มาสวัสดีเลยทีเดียว ยิ้มใหม่ซิ อย่าทำหน้าอมทุกข์อีกนะ มีคนเขาเป็นห่วง อุ้ย มีคนเขาไม่ชอบ ไป ๆ กลับบ้านพรุ่งนี้นอนให้เต็มที่นะ วันเสาร์อาทิตย์นี้เตรียมตัวไปถ่ายที่ต่างจังหวัด โลเกชั่นบ้าน ๆ”

“ที่ไหนพี่”

“เธออยากไปที่ไหนล่ะ”

“บัวเลือกได้ด้วยเหรอ”

“ได้ ได้ซิ ถ้าบัวจะเลือก บัวเลือกได้ เลือกมาซิ” สายบัวอยากจะเอ่ยคำว่า ‘ตากฟ้า’ ได้ไหม แต่เธอก็ไม่กล้าหรอก

“แล้วแต่ทางครีเอทีฟเขาเหอะพี่ บัวอะไรก็ได้”

“นี่ถ้าคุณอาภัสวรรณง่ายเหมือนเธอ พี่ก็ไม่ต้องมีเรื่องปวดหัวทุกวันหรอก เฮ้ย ถ้าเธอดังแล้วอย่าหยิ่งนะบัว เคยติดดินอย่างไรก็ให้ติดดินอยู่อย่างนั้น เพราะแบบนี้ ดูมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ที่นางแบบบ้านเราไม่ค่อยจะมีกัน แล้ว พอดังเข้าหน่อยก็มือคาบบุหรี่ สัมภาษณ์ทีก็ทำเป็นโอ้เอ้พิหารลอย น่าจับตบมากกว่าน่ายื่นไมค์ให้”

พี่ต้นยังระบายอะไรไปได้เรื่อยตามประสา แต่มันก็ทำให้สายบัวได้คิดอะไรขึ้นมาอีกเยอะแยะทีเดียว ถ้าเธอต้องเข้าสู่วงการจริง ๆ เธอจะวางตัวอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ เธอรู้สึกว่าเธอมีค่าขึ้นคู่ควร มีค่าควรที่คุณหมอจะนึกเสียดายขึ้นมาบ้าง


แล้ววันที่สายบัวรอคอยก็มาถึง ด้วยความตื่นเต้นและประหม่าสายบัวจำต้องชวนดินกับวิลาวัลย์ไปดูการถ่ายทำในครั้งนี้ด้วย

“จะเอาไปทำไม เกะกะหนักรถเปล่า ๆ” พี่ต้นบอกเมื่อสายบัวโทรไปถาม

“แต่บัวอยากให้สองคนนี้ได้ใกล้ชิดกัน พี่ช่วยบัวหน่อย ช่วยกันเป็นพ่อสื่อแม่สื่อ เอาบุญ”

“เฮ้ย พี่ต้องบุญเยอะแน่ๆ เลย ใครมันอยากจะได้ใคร ก็มาให้ฉันช่วย แต่คนมันจะรักกันมันก็รักกันเองแหละไม่ต้องมีแม่ซงแม่สื่ออะไรให้มันเสียเวลา และไอ้ยุคนี้มันก็ยุคไอทีแล้ว วิธีการแบบไดโนเสาร์ยังจะใช้กันอยู่อีกเหรอมันจะได้ประโยชน์อาไร้” ท้ายเสียงนั้นเหมือนจะถามใครบางคนที่อยู่แถวนั้น

สายบัววางสายลงพร้อมกับความดีใจ เธอมั่นใจว่าความใกล้ชิดผูกพันกันจะทำให้วิลาวัลย์ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนดี ๆ สักคนหนึ่ง ส่วนดินนั้นเขาจะได้มีรอยยิ้มมีความสุขขึ้นมาบ้าง ความรักมันทำให้เธอไม่มีความสุข มันก็น่าทำให้ดินไม่มีความสุขไปด้วย

แล้วมันก็เป็นอย่างที่สายบัวคาดไว้ เมื่อนั่งรถไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วยกัน วิลาวัลย์ก็เมารถอาเจียนจนพี่ต้นบ่นตลอดทาง

“ดีนะที่บัวไม่อ้วก ไม่งั้นหน้านางแบบพี่กลายเป็นปลาฉู่ฉี่แน่ ๆ เอ้าพ่อดินเอายาดมยัดจมูกเจ้าหล่อนเข้าซิทำ บื้ออยู่ด๊าย พัดเจ้าแม่ที่หลังเบาะพี่ ก็หยิบมาโบกให้หล่อนหน่อย อย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ไหวก็จับนอนหนุนตักเธอสักหน่อยคงจะดีขึ้น” พูดจบก็ปรายตามาสบกับสายบัว ทำนองที่ว่า

‘มือชั้นเจ๊กำกับแล้ว ต่อให้เกลียดกันก็ร๊ากกันได้อย่างแน่นอน’


โลเกชั่นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นบ้านทรงไทย มีซีนที่สายบัวจะต้องนั่งเรียบร้อยอยู่บนเรือนทำขนมข้าวเกรียบปากหม้อ ซึ่งพอเปิดฝาดินเผาก็จะทำให้ไอน้ำลอยขึ้นมาปะทะดวงหน้าจนต้องผงะแล้วเส้นผมด้านหลังกระจาย ฉากนี้ฉากเดียวสายบัวถ่ายตั้งแต่เวลาพระตีกลองเพลไปจนถึงเย็นย่ำ

สายบัวหมดแรงเมื่อพี่ผู้กำกับบอกว่าโอเค

“ทำไมมันยากจังเลยบัว ดินก็เห็นว่ามันน่าจะได้แล้ว”

“อุ๊ ไม่ต้องวิจารณ์อะไรทั้งนั้นหนุ่มน้อย ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับผู้กำกับเท่านั้น เราเป็นนางแบบทำงานทำได้ยังไม่ดีจนเป็นที่พอใจเขา เราก็เงียบ เพราะว่า พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียสามแสนห้า อิอิ”

“ครับพี่” ดินจำต้องเงียบตามที่พี่ต้นต้องการ ส่วนสายบัวนั้น คิดในใจว่า แค่นี้ง่ายกว่าตอนที่เจอเหตุการณ์จริงในครัวของคุณชวนชมกับป้าละเอียดเสียอีก

ค่ำวันนั้นพี่ต้นพาพรีเซ็นเตอร์และผู้ติดตามไปหาที่รับประทานอาหารเย็นในร้านอาหารริมแม่น้ำ สายบัวมองอาหารประเภทปลาที่พี่ต้นสั่งมาแล้วน้ำลายสอ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่ามันสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์

“ไม่ได้แพงเพิงอะไรหรอกบัว ที่อื่นแพงกว่านี้อีก นี่อาหารไทยธรรมดา ๆ ถ้าเธอไปเจอพวกคาร์เวีย ตับเป็ด ไวน์ขวดละแสนเธอไม่ลมจับเลยรึ”

“นิ่งไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง” ดินแทรกขึ้นมาเรียกเสียงหัวเราะ เมื่อพี่ต้นค้อนให้วงโต

“ย่ะ ฉันเห็นยังเป็นนักศึกษากันอยู่หรอกเลยต้องเลี้ยง วันหนึ่งวันใดไปได้ดิบได้ดีมีเงินมีเกียรติยศกันแล้วก็อย่าลืมพี่ต้นคนหน้าตาดีคนนี้ล่ะ เธอด้วยแม่วิลาวัลย์คนสวย”

“ค่ะ,ครับ” ทั้งสามคนประสานเสียงพร้อมใจกันเมื่อรู้ว่ามื้อนี้ใครเป็นเจ้ามือตัวจริง แล้วพี่ต้นก็พูดถึงเรื่องในแวดวงบันเทิงอีกมากมายหลายเรื่องหลายคน จนสุดท้าย วิลาวัลย์ถามถึงหนุ่มไฮโซนามอารักษ์ พี่ต้นแทบสำลักน้ำต้มยำปลาช่อนเลยทีเดียว

“ต๊าย ถามถึงใครไม่ถาม พี่ไม่อยากเม้าท์หรอกคุณอารักษ์ ว่าไปก็ดี ๆ เลว ๆ ปะปนกันตามประสาคนมีกิเลส”

“รู้จักคำพระด้วยหรือคะ” วิลาวัลย์ก็ใช่ย่อย

“ทำไมจะไม่รู้ละยะ ฉันคิดว่าที่ฉันเจริญรุ่งเรืองมาได้เพราะบุญกุศลหนุนนำนะ พอเด็กบางคนตก บางคนก็ขึ้นมาทำให้มีเงินไม่ขาดมือ ได้เงินมาฉันก็เก็บไปทำบุญทำกุศล ชาตินี้เกิดมาจนแล้ว ชาติหน้าไม่อยากจนอีกหรอก กว่าจะตะเกียกตะกายมาเป็นอีต้นในวงการได้อย่างทุกวันนี้นะเธอ ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงกินยาคุมหมดไปหลายแผง” พูดถึงตรงนี้ดนุสรณ์หัวเราะกรากขึ้นมา แต่สายบัวกับวิลาวัลย์นั้นยิ้มไม่ออก

“เออ จะถามเรื่องคุณอารักษ์ใช่ไหม .. อ้าว กรี๊ด.. ทำไมอายุยืนอย่างนี้เนี่ย” ว่าแล้วทั้งสามคนก็มองตามสายตาของพี่ต้นไป พบคนที่ถูกนินทาเดินมาในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินพอดีตัว จนเห็นกล้ามเนื้อหน้าอก เขาเดินเก๊กหล่อเข้ามายืนมองหาใครบางคนในร้านอาหาร”

วิลาวัลย์รีบกระทุ้งสีข้างสายบัว แต่เจ้าตัวเฉไฉคีบชิ้นปลาทอดมาวางบนจาน พลางนึกว่า เธออยากมีร้านอาหารดี ๆ แบบนี้สักร้าน แต่มาคิดดูอีกทีก็นึกถึงคนที่มีเงินไม่มาก พวกเขาก็คงอยากกินอะไร ที่ดี ๆ แบบนี้บ้าง

ขณะตักผักกระเฉดเข้าปาก คนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันก็มานั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ ตามคำเชื้อเชิญและคะยั้นคะยอของพี่ต้นกับวิลาวัลย์

เมื่อเห็นคุณอารักษ์จ้องมองสายบัวตาเป็นมัน ดนุสรณ์หน้าเจื่อนลงทันที

“โลกกลมจริง ๆ เลย มาได้อย่างไร”

“นัดเพื่อนไว้ครับ” พูดจบโทรศัพท์ก็ดังขึ้น สายบัวมองท่าที่ล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงแล้วยกขึ้นรับสายแล้วค้อนให้ไปหนึ่งที คนที่คุยโทรศัพท์อยู่จึงยักคิ้วให้

“รถชนกันครับ รอประกันอยู่”

“งั้นร่วมวงกับพี่ก็ได้นะ”ว่าแล้วพี่ต้นก็รีบลุกขึ้นกวักมือเรียกบริกรหนุ่มหล่อที่สุดของร้านให้บริการหยิบถ้วยจานเพิ่มพร้อมกับสั่งอาหาร

“ถามบัวบ้างหรือเปล่าว่าอยาก” พี่ต้นถลึงตาใส่พร้อมกับที่วิลา
วัลย์รีบเอามืออุดปากเพื่อนไว้ คุณอารักษ์หาได้สนใจ คงนั่งคุยกับพี่ต้นถึงเรื่องงานของอาภัสวรรณที่กำลังเป็นละครอยู่ในตอนนี้

“ตกยากค่ะคุณอารักษ์ เรื่องไหนมีน้องอาภัสวรรณเรื่องนั้นโฆษณาตรึม แต่ก็เสียอย่างเดียวที่น้องคุณอารักษ์ขาวีนไปนิด พี่ต้นต้องตามเคลียร์ปัญหาหยุมหยิมอยู่ตลอดเวลาเลย”

สายบัวถอนหายใจออกมา ทำประหนึ่งว่ารู้สึกอึดอัดและเบื่อเหลือทน

“ง่วงแล้วเหรอบัว” ดนุสรณ์ได้ทีรีบรับมุกนั้น

“ง่วงแล้วพี่ต้น”

“นั่งเป็นเพื่อนคุณอารักษ์เขาก่อนซิ แหมกินอิ่มแล้วจะรีบกลับได้ไง”

“ไม่เป็นไรฮะพี่ต้น ผมนั่งคนเดียวได้ เดี๋ยวพวกมันก็มากัน
ประกันภัยเดี๋ยวนี้รวดเร็วครับ เพราะการแข่งขันมันสูง”

“ไปเถอะค่ะพี่ต้น เขาอยู่คนเดียวได้” สายบัวยังไม่เลิกขวาง

“เอ๊ะเด็กคนนี้ นี่เจ้านายบ้านเธอนะ”

“ก็เพราะเป็นเจ้านายบ้านบัวซิคะ บัวถึงไม่อยากนั่งร่วมวงให้เสียเกียรติของเจ้านาย มันดูบังอาจเกินไปอย่างไรก็ไม่รู้”

“รู้ตัวก็ดี” คุณอารักษ์พูดขึ้นมาลอย ๆ สายบัวทำหน้าฮึดฮัดที่ถูกย้อน

“อีกหน่อยมีเงินรายได้เป็นกอบเป็นกำจากตรงนี้ก็คงย้ายบ้านไปแล้ว พี่ต้นอย่างไรก็ช่วยพาให้เธอไปจนได้ตลอดรอดฝั่งนะครับ คิดเสียว่าช่วยลูกนกลูกกาตัวดำ ๆ ให้สมหวัง หวังว่าเธอคงจะสมหวังนะ”

พูดแค่นั้นแล้วคุณอารักษ์ก็ลุกขึ้น

“อ้าว จะไปไหน” พี่ต้นรีบร้องเรียก

“ห้องน้ำครับ พี่ไม่ต้องจ่ายนะ เดี๋ยวผมรูดการ์ดเลี้ยงพี่และเด็กพวกนี้เองครับ” พูดจบอารักษ์ก็เดินออกไป แต่พี่ต้นยิ้มปากบานแล้วก็พูดว่า

“เห็นไหม คบกับคนรวยก็ดีอย่าง พี่จึงต้องพูดดี ๆ กับเขาไง ไม่งั้นคงต้องควักจ่ายเอง”

“เงินแค่นี้บัวจ่ายให้ก็ได้” ว่าแล้วสายบัวก็ลุกขึ้นปรี่ไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ อึดใจก็เดินกลับมาพร้อมใบหน้าตึง ๆ

“กลับกันเถอะค่ะ บัวง่วงนอน”

พี่ต้นมองหน้าวิลาวัลย์ก่อนจะยิ้มอย่างรู้กัน



รถของพี่ต้นแล่นข้ามสะพานปรีดี พนมยงค์ ด้วยอัตราความเร็ว 120 กม /ชม พอลงจากสะพานได้เสียงที่ดังสงบ ๆ ก็เริ่มกระตุก ๆ แล้วก็ค่อย ๆ หมดแรงแน่นิ่งอยู่ข้างถนน

“ตายแล้วเป็นอะไรอีกละนังแก่ของฉัน ทำไงดีละ บัว ดิน วิ ดินเธอซ่อมรถเป็นไหม พี่ทำอะไรเกี่ยวกับรถไม่เป็นเลยนะ” ว่าแล้วว่าพี่ต้นก็ดึงเปิดกระโปรงหน้าแล้วรีบตาลีตาลานลงจากรถไปเปิดกระโปรงจับนั่นจับนี่ด้วยท่าทีหยิบโหย่งจนน่าหมั่นไส้

สายบัวกับวิลาวัลย์มองท่าที่ดินลงไปดูด้วยอีกคนแล้วถอนหายใจออกมา

“กระเทยนี่ลูกเล่นเยอะจังเลย ระวังนายดินของเธอจะถูกงาบไปนะ”

“นินทาอะไรพี่อยู่” พูดยังไม่ทันขาดคำพี่ต้นก็ชะโงกหน้ามาที่
เบาะหลังซึ่งมีสองสาวนั่งกอดอก

“เปล่าค่ะร้อนตัวไปเอง”

“ว่าไปนายดินนี่ เพ่งนาน ๆ แล้วก็ใช้ได้เลยทีเดียว หน้าตาหุ่นก้านผิวพรรณน่าจับไปโฆษณากางเกงชั้นใน”

“มีเทสต์พิเศษก่อนหรือเปล่าคะ” วิลาวัลย์ถามให้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มจนดินที่เดินตามมามีสีหน้างุนงง

“ของอย่างนี้มันไม่ได้อยู่ที่พี่คนเดียวนะน้อง บางทีเขาอาจจะอยากกินของแปลก ๆ ดูบ้างก็ได้ใช่ไหมดิน”

“ครับ”

ดินที่ไม่รู้เรื่องกลายเป็นตัวตลกทันที เวลาของช่างจำเป็นผ่านไปได้สิบนาที พี่ต้นทำทีเป็นโทรศัพท์หาใครต่อใครด้วยท่าทีทุกร้อนเหลือทน จนกระทั่ง ด้านหลังมีไฟสว่างวาบ สายบัวรีบหันหลังกลับไปมอง

“คุณอารักษ์ เอ๊ะทำไมเราไม่นึกถึงเขาเลยล่ะ”

สรุปแล้วอารักษ์รับสายบัวและวิลาวัลย์กลับกรุงเทพก่อน ส่วนดินต้องอยู่กับพี่ต้นเพื่อรอช่าง ขณะที่รถแล่นออกมา วิลาวัลย์ก็ถอนหายใจเฮือก ๆ

“บัวว่าพี่ต้นจะฟันดินของฉันไหมเนี่ย”

“ถ้าดินชอบกินของแปลก ก็คงได้ฟันกันหรอก งานนี้เราเลยไม่รู้ว่าเป็นแผนการของใครกันแน่” สายบัวพูดขึ้นมาลอย ๆ โดยไม่ได้สนใจว่าคนขับที่นั่งอยู่ข้างกันจะคิดหรือโต้ตอบกลับมาอย่างไร คุณอารักษ์ยังคงนั่งเงียบ รูปหน้าที่เต่งตึงประหนึ่งรูปสลักโรมันนิ่งอยู่กับถนนโดยไม่ได้สนใจว่ามีใครลอบมองอยู่

ส่วนคนลอบมองนั้นรู้สึกสั่นหวิวเข้าไปในหัวอก

กี่วันกี่คืนล่วงผ่าน จารรักออกไม่หมดหัวใจ

หน้าคนที่เห็นช่างละม้ายคล้ายคนในหัวใจ

ยังรัก ยากหักอาลัย เหลือไว้เพียงรอยน้ำตา


“คุณอารักษ์อย่าลืมไปส่งวิก่อนนะ”

“ไม่ไปนอนกับบัวที่บ้านหรือครับ คุณวิยังไม่เคยมาบ้านผมนี่”

“ไม่หรอกค่ะ ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามา อีกอย่างพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าด้วย”

เมื่อเห็นเพื่อนออกตัวอย่างนั้น สายบัวจำต้องทำตาเขียวเข้าใส่ เพราะก่อนที่จะออกมานั้น วิลาวัลย์บอกกับเธอว่า จะไปส่งสายบัวที่บ้านก่อนแล้วจะทำทีเป็นนอนด้วยแล้วจะแอบนั่งแท็กซี่กลับในตอนหลัง

“งั้นบัวนอนกับวิแล้วกันนะ” สายบัวยังบ่ายเบี่ยง

“เป็นไง กลัวฉันปล้ำเธอบนรถหรืออย่างไร คิดว่าน่าปล้ำเสียเต็มประดา”

สายบัวคาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาตรง ๆ อย่างนี้ หญิงสาวส่งสายตาเขียวปัดกลับไปให้ เขาทำเหมือนเดิมคือมองถนนแล้วก็เงียบฟังสองสาวคุยกัน

คุณอารักษ์ส่งวิลาวัลย์แล้ว สายบัวนั่งตัวลีบอยู่ที่เบาะด้านหน้า เพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์มันจะพลิกมาเป็นแบบนี้

คนขับรถหันมามองหน้าที่พยายามมองออกไปยังข้างถนน

“เคยเข้าม่านรูดไหม”

คำถามนั้นส่งให้สายบัวหันมาเผชิญหน้าด้วยแววตากร้าวขึ้นมาทันที

“เห็นบัวเป็นอะไร” แล้วเธอก็แว๊ดเข้าใส่อย่างลืมตัว

“ก็ชวนคุยไง เธอไม่กลัวฉันหลับหรืออย่างไร”

“ถามเรื่องอื่นก็ได้ มีเรื่องให้คุยเยอะแยะ”

“งั้นเธอก็ชวนฉันคุยสิ” คนอารักษ์ทำเป็นตั้งอกตั้งใจฟัง สายบัวสูดลมหายใจเข้าปอดแต่ก็มีเพียงกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่คนขับฉีดพรมมาเย็นจนชื่นปอด

“ฉันคิดถึงหมอโกมุทจัง เธอคิดถึงเขาไหม”

สายบัวหันกลับมามองค้อนให้อีกยก

“พี่น้องกันก็ต้องคิดถึงกันเป็นธรรมดา ฉันพูดถึงเรื่องพี่ชายฉันมันผิดหูเธออีกรึ เธอไม่คิดถึงเขาเหรอ เห็นเคยช่วยเหลือซื้อนั่นซื้อนี่ให้กัน”

สายบัวยังเงียบไม่นึกอยากต่อปากต่อคำให้เปลืองตัว

“เงินสามแสนห้านี่จะเอาไปทำอะไร”

สายบัวเงียบอีก

“เหลืออีกกี่ตัวเนี่ยกว่าจะเรียนจบ”

สายบัวก็ยังนิ่งเงียบ ทีนี้ได้ผล รถยนต์ค่อย ๆ เปลี่ยนเส้นทางโดยที่คนนั่งไม่ได้รู้เลยสักนิด จนกระทั่งเห็นคำว่าทางด่วนอยู่ข้างหน้า

“จะพาบัวไปไหน” สายบัวจำต้องเอะอะออกมา

“นึกว่าพูดไม่ได้” พูดจบเขาก็เบี่ยงรถออกมาอีกเลน

“รู้เรื่องถนนด้วยเหรอ นึกว่าไม่รู้จะได้พาไปอย่างว่า”

สายบัวอยากจะทุบคนปากคอเราะร้ายนี่เสียจริง แต่พอเธอมองค้อนกลับไปเขากลับยิ้มชื่นอย่างผิดปกติ

“ค่าอาหารมื้อเย็นเท่าไหร่” เขาชวนคุย

“1,200” สายบัวตอบห้วน ๆ พอตอบเสร็จเขาก็เปิดเก๊ะด้านหน้าหยิบเงินสองร้อยบาทออกมายื่นให้

“ค่าอะไร”

“ค่านวดให้ฉันคืนนี้มั้ง” พอพูดจบสายบัวจ้องกางมือเป็นวงทำท่าจะตะกุยหน้าให้หายหมั่นเขี้ยว ดีแต่ว่าคุณอารักษ์รีบพูดประโยคถัดมา

“ค่าอาหารที่ฉันสั่งไง ไม่อยากเอาเปรียบเด็กในบ้าน รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น รับไปสิ มองอะไรอีก ฉันพอรู้อยู่บ้างหรอกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ระวังนะ จะมาหลงเสน่ห์ฉันเข้าให้ หลงเมื่อไหร่ละก้อ ฉันนะไม่ใช่หมอโกมุทคนโง่นะเฟ้ย น้ำตาเช็ดหัวเข่าเชียวล่ะ”

สายบัวดึงแบงก์ร้อยมากำไว้แน่นรู้สึกว่าทำนบน้ำตาจะพังเสียให้ได้ แต่เธอไม่มีทางร้องไห้เพราะผู้ชายคนนี้เด็ดขาด หญิงสาวกัดฟันจนโหนกแก้มนูนเป็นสัน

“รู้บ้างไหมว่าเขากำลังจะกลับมาแล้วนะ ได้ข่าวว่าจะมาอยู่ที่บ้านใหญ่นี่แหละเพราะเป็นบ้านของเขา พี่หมอสองคนเขาไม่มาสนใจแล้ว คุณพ่อไปสร้างคฤหาสถ์ให้คนละหลังสบายใจ ทีนี้เธอก็มีโอกาสทำตามที่หัวใจเรียกร้อง นั่งชะแง้แลมองให้ฉ่ำตา แต่ช้ำใจ” พูดถากถางจบแล้วก็มีหัวเราะฮาฮาตามอีก มีรึที่สายบัวจะปล่อยไว้

ปึ๊ก ปึ๊ก มือเรียว ๆ ทุบไปที่หัวไหล่ถึงสองครั้ง แต่คนขับหาได้สะทกสะท้านกับความเจ็บปวดนั่น

“ไม่รู้หรือฉันนะชอบแส้ ชอบเชือก มือนิ่ม ๆ อย่างนี้ยิ่งปลุกอารมณ์ฉัน” ว่าแล้วก็ทำท่าโฉบเฉี่ยวรถไปมาให้หวาดเสียว

“อี๊ บ้า บ้า” สายบัวเหลืออดเหลือทนจนต้องกำหมัดแน่น

จนกระทั่งรถเบนซ์คันโก้มาหยุดที่หน้าประตูบ้าน สายบัวไม่รอให้เขาใช้รีโมทเลื่อนประตูรั้ว หญิงสาวทำท่าจะเปิดออกแต่พอดีที่ติดล็อค

“ใจเย็น ๆ ค่อยไปปล้ำกันในบ้านก็ได้ ในรถมันแคบฉันไม่ชอบ” พูดจบก็หัวเราะฮาฮา คล้ายคนเป็นโรคจิต สายบัวหันมาจ้องหน้าอยากจะทุบให้หายเจ็บใจ แต่ดูแล้วยิ่งทุบเขาก็จะยิ่งชอบ ยิ่งมีอารมณ์ เท่ากับว่าเหมือนเธอราดน้ำมันลงกองไฟ ทำใจเย็นไว้ เขาคงแกล้งยั่วเธอเล่นเท่านั้น

พอรถแล่นเข้าประตูบ้านไปแล้ว สายบัวจึงเอ่ยออกมาเสียงเย็น

“จอด” เขาเบรกจนเธอหน้าคะมำพร้อมกับที่ปลดล็อกทำงาน

“ดิฉันจะเดินไปตามทางคนใช้ของดิฉัน คุณก็ไปตามทางเจ้านายของคุณ อย่ามาวุ่นวายกันอีก” ว่าแล้วก็เปิดประตูออกลงไปแล้วกระแทกดังปัง

สายบัวลัดเลาะไปตามทางของคนใช้ด้วยน้ำตานองหน้า มันเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาถึงได้มาตอแยวุ่นวายกับเธอไม่เลิกไม่รา มันคืออะไร เขาต้องการเอาชนะพนันกับเพื่อนพวกปากหมาอย่างนั้นหรือ

พอถึงหน้าห้องสายบัวนึกถึงกระเป๋าถือด้วยกุญแจห้องอยู่ในนั้น พอดีคุณอารักษ์เดินตามมากระแอมให้รู้สึกตัว สายบัวรีบเช็ดน้ำตา เขาถือกระเป๋าสะพายใบเก่ามาให้วางไว้แล้วก็เดินจากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2554, 10:58:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2554, 10:58:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 2269





<< ตอนที่ 8   ตอนที่ 10 >>
ก้อนอิฐ 10 เม.ย. 2554, 14:01:47 น.
สนุกค่ะมาให้กําลังใจ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account