กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ
ตอน: ตอนที่ 9 หนทางไม่ราบรื่น
บทที่ 9
หนทางไม่ราบรื่น
จากนั้นราเมศก็อาสาขับรถยนต์ไปส่งปิ่นแก้วทำบุญที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารตามที่ตั้งใจเอาไว้ ทีแรกเขาตั้งใจเพียงขับรถมาส่งและอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกระทั่งทำบุญเสร็จ แต่พอเข้าจริง ปิ่นแก้วก็แสดงความมีน้ำใจด้วยการออกปากชวนเขา มาร่วมทำบุญถวายสังฆทานแด่พระคุณเจ้าร่วมกันภายในอุโบสถ
ภาพหญิงสาวนั่งพับเพียบพนมมืออธิษฐานจิตด้วยความนอบน้อม ทำให้ราเมศรู้สึกสงบและเย็นใจอย่างอธิบายไม่ถูก ปิ่นแก้วไม่เพียงแต่เป็นหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาสวยงามเท่านั้น หากแต่หัวใจของเธอยังงดงามไปด้วยน้ำใจอันประเสริฐที่เขาไม่เคยพานพบจากผู้หญิงคนไหน
ชายหนุ่มยกมืออธิษฐานในส่วนของตัวเองบ้าง หลังจากนั้นจึงพากันกราบลาลุกขึ้นเดินออกมาจากอุโบสถท่ามกลางหัวใจอิ่มเอม
“ขอบคุณนะ ที่อุตส่าห์แบ่งบุญให้ผม” ราเมศหันมาเอ่ยขอบคุณเธอ
“อะไรเหรอ”
“ก็เรื่องชุดสังฆทานเมื่อกี้ไง ทีแรกผมนึกว่าคุณจะถวายเองเสียอีก”
“อ๋อ..เรื่องนั้นน่ะเอง” ปิ่นแก้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เพราะไหน ๆ ก็มาด้วยกันแล้ว ก็ถือโอกาสทำบุญด้วยกันเสียเลยไม่ดีเหรอ”
ราเมศซ่อนรอยยิ้ม ไม่กล่าวว่าอย่างไรต่อ ต่อมาจึงหันไปเอ่ยถามเป็นทำนองชวนคุยว่า
“จริงสิ เมื่อครู่นี้ คุณอธิษฐานว่าอะไรเหรอ”
“ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปนะ อย่างเช่นขอให้คุณพ่อสุขภาพแข็งแรง ครอบครัวเป็นสุขร่มเย็นอะไรทำนองนี้”
ราเมศพยักหน้าเห็นด้วย
“ฟังดูเป็นคำอธิษฐาน ที่เหมาะกับคุณดีนะ”
“แล้วคุณล่ะ เมื่อกี้อธิษฐานว่าอะไร” คราวนี้ปิ่นแก้วเป็นฝ่ายหันมาถามบ้าง
ชายหนุ่มซ่อนรอยยิ้ม ขณะหันไปสบดวงตากลมโตอย่างมีความหมาย ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาอธิษฐานต่อหน้าองค์พระไปว่าอย่างไร และแน่นอนว่ายังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเอ่ยปากเล่าความจริงออกไป
“ของผมเหรอ...ก็คล้าย ๆ กับคุณไง แต่อาจต่างออกไปบ้างนิดหน่อย”
“ต่างยังไง”
“ความลับ” ราเมศยกมือขึ้นล้วงกระเป๋า ตอบเสียงกลั้วหัวเราะ
“ชิ บอกแค่นี้ก็ไม่ได้”
ปิ่นแก้วบ่นเป็นเชิงประชดประชัน ก่อนเร่งฝีเท้าเดินหนีห่างไปจากชายหนุ่มด้วยท่าทางฉุน ๆ ราเมศมองตามเธอด้วยรอยยิ้มขณะเดินตามไปไม่ให้คลาดสายตา เนื่องจากตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ต่อจากนี้เป็นต้นไปจะไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวตรงหน้าหลุดมือ หรือห่างสายตาไปเป็นอันขาด
ทั้งสองเดินออกมาจากนอกเขตประตูวัด กำลังจะเปิดประตูก้าวเข้าไปนั่งให้รถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อหรู ทว่ายังไม่ทันที่ราเมศจะเดินอ้อมไปยังประตูฝั่งคนขับ สาวสวยเจ้าของรถสปอร์ตสีแดงสดก็เหลือบสายตามาเห็นเข้าพอดี จึงรีบหักพวงมาลัยจอดเทียบถนนริมฟุตบาทด้านหน้า ถัดไปเพียงไม่กี่เมตร
“คุณ ‘เมศ’ คะ” เสียงเรียกชื่อที่ฟังดูคุ้นเคย ทำให้ใบหน้าคมคายหันกลับไปมอง
สาวสวยร่างสูงโปร่งสวมแว่นตากันแดด ผมเหยียดตรงยาวถึงกลางหลัง สวมชุดเสื้อผ้าแบรนดัง กระโปรงสั้นรัดรูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งราวกับนางแบบในหนังสือนิตยสาร เดินตรงมาเข้ามาหาราเมศ พลางถอดแว่นกันแดดออกและส่งยิ้มหวานให้แก่เขา
“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าจะเจอคุณอีก”
“คุณแววดาว” ราเมศกล่าวทักทายเธอตามมารยาท “สบายดีหรือครับ”
“สบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะคะมาทำอะไรที่นี่”
อีกฝ่ายยิ้มหวาน ถือโอกาสชายตาแลไปยังหญิงสาวฝั่งด้านข้างคนขับ “นั่นใครหรือคะ ดาวพอจะรู้จักหรือเปล่า”
“คนรู้จักของผมเอง พอดีเพิ่งทำธุระเสร็จ และผมก็กำลังจะขับรถไปส่งเธออยู่พอดี” ราเมศไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด จึงเลือกตอบเพียงสั้น ๆ
ดูเหมือนว่าจังหวะการพบหน้ากัน ระหว่างเขากับอดีตนางแบบสาวที่เคยคบหากันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื่องจากเขาไม่ต้องการดึงปิ่นแก้วเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของการประโคมข่าวจำพวกดันดารามากนัก ลำพังแค่เฉพาะข่าวช่วงที่เขาตกเป็นข่าวคบหากับแววดาวเมื่อหลายเดือนก่อน ก็สร้างความวุ่นวายใจให้มากพออยู่แล้ว
“ใครกันนะ สวยจัง”
ปิ่นแก้วแอบมองนางแบบสาวที่กำลังยืนคุยกับราเมศด้านนอกกระจกรถ รู้สึกเหมือนคุ้น ๆ ว่าเคยเห็นหน้าที่ไหนก่อนแต่ก็จำไม่ได้ ร่างบางแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ เพราะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เขาจะเกี่ยวข้องกับใครยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรใส่ใจอยู่แล้ว
“ดาวโทรฯหาคุณตั้งหลายครั้ง แต่คุณก็ไม่ยอมรับสาย ไม่ทราบว่าโกรธอะไรอยู่หรือเปล่าคะเมศ”
“เปล่าครับ ผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานที่บริษัทเท่านั้นเอง”
“ถ้างั้นวันนี้เราไปทานอาหารค่ำกันนะคะ เราสองคนไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว” นางแบบสาวถือโอกาสขยับเข้ามาจับมือถือแขน
ราเมศถอนหายใจยาว ค่อย ๆ แกะปลายนิ้วเรียวออกอย่างสุภาพ
“ขอโทษครับ แต่วันนี้ผมไม่ว่าง” ร่างสูงออกปากปฏิเสธ ส่งผลให้อีกฝ่ายชักสีหน้าออกอาการหึงหวง
“ไม่ว่าง หรือว่ามีนัดกับแม่นั่นกันแน่คะ” ไม่พูดเปล่าแต่ยังตวัดหางตาไปยังปิ่นแก้วที่นั่งอยู่ในรถอีกด้วย
ความหึงหวงของนางแบบสาวสวย เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราเมศเกิดความเบื่อหน่ายและไม่อยากถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วย หากแต่แววดาวไม่ยอมรามือง่าย ๆ แถมยังทำตัวเป็นเจ้าของเกะกะระรานผู้หญิงทุกคนที่ทำตัวสนิทชิดเชื้อกับชายหนุ่ม กระทั่งตกเป็นข่าวหลายต่อหลายครั้ง
“เรื่องนี้คุณปิ่นไม่เกี่ยว กรุณาอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาพาลใส่เธอ”
“อ๋อ...ที่แท้ก็ชื่อปิ่นนี่เอง” แววดาวยิ้มเยาะดวงตาเป็นประกาย “อย่าให้รู้นะคะว่าแม่นั่นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคุณ ไม่อย่างนั้นดาวไม่ยอมไว้หน้าแน่”
“คุณแววดาว”
ราเมศเรียกชื่อเธอเสียงหนัก สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจชัดเจน เมื่อใดก็ตามที่ชายหนุ่มแสดงท่าทางแบบนี้ นางแบบสาวสวยก็จะรีบลดระดับความร้ายกาจลงทันทีเหมือนกัน
“ขอโทษค่ะ ดาวแค่ระแวงมากไปหน่อยเท่านั้นเอง อย่าทำหน้าโกรธแบบนั้นสิคะคุณเมศ”
“ขอตัวนะครับ ผมยังมีธุระต้องรีบไปทำอีก” ชายหนุ่มตัดบท เดินผละออกมาเปิดประตูรถอย่างไร้เยื่อใย
“เดี๋ยวสิคะ คุณเมศ”
แววดาวทำท่าจะวิ่งตามไป แต่ราเมศไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะยืนฟังวาจาพร่ำพรรณนาได้นานนัก ร่างสูงปิดประตูพร้อมกับกดล็อก สตาร์ทเครื่องยนต์แล่นออกสู่ท้องถนนด้วยความเร็วชนิดที่ทำเอาปิ่นแก้วตั้งตัวไม่ทัน ทิ้งไว้เพียงควันขาวและอดีตหวานใจไว้เบื้องหลัง
ระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกัน ทั้งคู่ก็ไม่ได้เปิดปากพูดจากันอีกเลย ปิ่นแก้วลอบชำเลืองมองคนขับที่นั่งหน้าเครียดอยู่ด้านข้าง ไม่ปรากฏรอยยิ้มอย่างที่เคยเห็นเป็นประจำ จนอดคิดสงสัยไม่ได้ว่าสาวสวยคนนั้น มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ยังไง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา ราเมศก็ขับรถพาปิ่นแก้วมาส่งบริเวณหน้ารั้วประตูบ้านตามที่เธอร้องขอเอาไว้ ร่างสูงระบายลมหายใจยาว นึกเสียดายความรู้สึกดี ๆ เมื่อตอนที่เพิ่งออกมาจากเขตวัด ก่อนเจอกับมรสุมลูกใหญ่ ที่ดูท่าว่าจะนำปัญหามาให้แก้อย่างไม่รู้จักจบสิ้น
“ขอบคุณมากที่มาส่ง” ปิ่นแก้วหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา พร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ
ทว่ายังไม่ทันที่ร่างบางจะเปิดประตูรถลงไป ราเมศก็หันมาคว้าข้อมือบางเป็นเชิงรั้งเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนคุณปิ่น”
“อะไรอีก” เธอหันไปถาม พลางทำท่าดึงมือออก
ราเมศสูดลมหายใจลึก หากเป็นเมื่อก่อนชายหนุ่มคงไม่แคร์หรอกว่าคนอื่นจะมองตัวเขาว่าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ทำตัวแย่ขนาดไหน แต่ในเวลานี้...มีเพียงปิ่นแก้วคนเดียวเท่านั้นที่ไม่อยากถูกเธอมองว่าเป็นคนประเภทดังกล่าว
“คุณไม่มีอะไรสงสัย อยากถามผมบ้างเลยหรือ” ราเมศหยั่งความรู้สึก
“ไม่มีนี่”
กะแล้วเชียว...ว่าจะต้องตอบแบบนี้
“คือผมหมายถึง ผู้หญิงคนเมื่อสักครู่ เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แค่เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้นเอง”
ปิ่นแก้วกระพริบตาถี่ ๆ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพูดขึ้นมาทำไม
“คุณเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังทำไม ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย” เธอตอบอย่างพาซื่อ
“มันก็ใช่อยู่หรอก” ราเมศถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งห่างไกลจากสิ่งที่ต้องการมากขึ้นทุกขณะ
ดูจากท่าทางของหญิงสาวที่ไม่มีความรู้สึกรู้สา อีกทั้งยังไม่มีอาการหึงหวงแม้แต่น้อย ราเมศจึงแน่ใจว่าปิ่นแก้วยังไม่เกิดความรู้สึก หรือความสัมพันธ์อันดีตามที่ตนคาดหวังเอาไว้แต่อย่างใด
“ช่างเถอะ ผมแค่อยากเล่าให้คุณฟังเท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงแผ่ว ยอมปล่อยมือบางแต่โดยดี
“เป็นอะไรหรือเปล่า เหมือนคุณเครียดยังไงก็ไม่รู้” ปิ่นแก้วถามตามประสาคนมีน้ำใจ หากแต่แค่นั้นก็ทำให้ราเมศใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
“คุณเป็นห่วงผมด้วยหรือ” เขายิ้มกว้าง ทำเอาคนฟังแก้มแดง
“พูดบ้า ๆ ฉันก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง คนอะไรเข้าข้างตัวเองเก่งชะมัด”
ปิ่นแก้วบ่นอุบอิบในลำคอ เปิดประตูรถลงไปยืนพร้อมกระเป๋าถือ แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน ราเมศก็เลื่อนกระจกรถลงมาพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อเธอ
“คุณปิ่น คุณลืมของเอาไว้ในรถผมแน่ะ”
ปิ่นแก้วหันไปมองอย่างแปลกใจ เนื่องจากจำไม่ได้ว่าลืมของไว้ในรถเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉันเอาลงมาหมดแล้วนี่นา”
“ไม่รู้สิ มันเหลือถุงอีกใบหนึ่ง คุณมาดูเอาเองก็แล้วกัน” ร่างสูงยืนยัน
ร่างบางจึงเดินเข้าไปชิดขอบประตูรถ โน้มตัวลงไปหาเพื่อมองดูถุงสัมภาระภายในชัด ๆ
“ไหนล่ะ อุ้ย”
ปิ่นแก้วอุทานเบา ๆ เมื่อราเมศแกล้งฉวยโอกาสตอนเธอกำลังหาของในรถ โน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้ พร้อมกับจรดปลายจมูกโด่งลงกับแก้มเนียนแทนคำร่ำลา หญิงสาวรีบถอยห่างออกมายืนหน้าตาแดงก่ำ
“นี่คุณ” เธอยกมือขึ้นทาบใบหน้าอย่างโกรธ ๆ
ราเมศหัวเราะในลำคอเบา ๆ หยิบเอาแว่นกันแดดขึ้นมาสวมใส่ ก่อนโบกมือส่งจูบให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย
“ฝันดีนะครับ คนสวย”
“ตาบ้า อย่าหนีนะ”
ปิ่นแก้วทำท่าจะขว้างของเข้าใส่กระจกรถ แต่ราเมศรู้ทันเลื่อนกระจกปิดอย่างรวดเร็วก่อนที่รถยนต์ยี่ห้อหรูจะเคลื่อนออกจากบริเวณถนนหน้าประตูรั้วสีขาวช้า ๆ โดยที่หญิงสาวได้แต่บริภาสตามหลังด้วยความโกรธ
รอยสัมผัสบนแก้มเนียนยังคงตราตรึงไม่ยอมจางหาย ใบหน้าหวานร้อนจัดและเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อในเวลาต่อมา เป็นครั้งที่สองแล้วนายราเมศนั่นฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวเธอโดยไม่รับอนุญาต แถมยังเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะอีกด้วย
“คนบ้า ฉวยโอกาสที่สุดเลย” เธอบ่นอุบ
ปิ่นแก้วหมุนตัวเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านอย่างฉุน ๆ ทันทีที่เธอเดินผ่านห้องรับแขกเข้าไปภายใน แม่บ้านวัยกลางคนก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับทันที
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนูปิ่น คุณท่านเที่ยวตามหาคุณหนูอยู่ตั้งนานแล้ว”
ใบหน้าหวานทำท่าแปลกใจ
“คุณพ่อถามหาปิ่นเรื่องอะไรเหรอคะ”
“เอ่อ..เรื่องนี้ป้าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่สั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณหนูกลับมาให้รีบเชิญไปพบที่ห้องหนังสือชั้นสองทันที”
ปิ่นแก้วรู้สึกสังหรณ์ใจตงิด ๆ ทุกครั้งที่บิดามีคำสั่งลงมาเด็ดขาดแบบนี้ เป็นอันต้องนำเรื่องปวดหัวมาให้เธอแก้ทุกที
“ก็ได้ค่ะ ปิ่นจะรีบขึ้นไปพบท่านเดี๋ยวนี้ อ้อ..เดี๋ยวป้าช่วยชงน้ำมะนาวเย็น ๆ ให้ปิ่นสักแก้วนะคะ วันนี้มีแต่เรื่องปวดหัวทั้งนั้นเลย” เธอบ่นอย่างระอาใจ
********************
เอาตอนที่ 9 มาลงให้อ่านกันค่ะ (^ ^)
ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปเล็กน้อย
เนื่องจากงานประจำเยอะมากมายก่ายกอง
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนิยายเ+คอมเม้นท์ นิยายเรื่องนี้นะคะ จุ๊บ ๆ
เบลินญา
หนทางไม่ราบรื่น
จากนั้นราเมศก็อาสาขับรถยนต์ไปส่งปิ่นแก้วทำบุญที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารตามที่ตั้งใจเอาไว้ ทีแรกเขาตั้งใจเพียงขับรถมาส่งและอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกระทั่งทำบุญเสร็จ แต่พอเข้าจริง ปิ่นแก้วก็แสดงความมีน้ำใจด้วยการออกปากชวนเขา มาร่วมทำบุญถวายสังฆทานแด่พระคุณเจ้าร่วมกันภายในอุโบสถ
ภาพหญิงสาวนั่งพับเพียบพนมมืออธิษฐานจิตด้วยความนอบน้อม ทำให้ราเมศรู้สึกสงบและเย็นใจอย่างอธิบายไม่ถูก ปิ่นแก้วไม่เพียงแต่เป็นหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาสวยงามเท่านั้น หากแต่หัวใจของเธอยังงดงามไปด้วยน้ำใจอันประเสริฐที่เขาไม่เคยพานพบจากผู้หญิงคนไหน
ชายหนุ่มยกมืออธิษฐานในส่วนของตัวเองบ้าง หลังจากนั้นจึงพากันกราบลาลุกขึ้นเดินออกมาจากอุโบสถท่ามกลางหัวใจอิ่มเอม
“ขอบคุณนะ ที่อุตส่าห์แบ่งบุญให้ผม” ราเมศหันมาเอ่ยขอบคุณเธอ
“อะไรเหรอ”
“ก็เรื่องชุดสังฆทานเมื่อกี้ไง ทีแรกผมนึกว่าคุณจะถวายเองเสียอีก”
“อ๋อ..เรื่องนั้นน่ะเอง” ปิ่นแก้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เพราะไหน ๆ ก็มาด้วยกันแล้ว ก็ถือโอกาสทำบุญด้วยกันเสียเลยไม่ดีเหรอ”
ราเมศซ่อนรอยยิ้ม ไม่กล่าวว่าอย่างไรต่อ ต่อมาจึงหันไปเอ่ยถามเป็นทำนองชวนคุยว่า
“จริงสิ เมื่อครู่นี้ คุณอธิษฐานว่าอะไรเหรอ”
“ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปนะ อย่างเช่นขอให้คุณพ่อสุขภาพแข็งแรง ครอบครัวเป็นสุขร่มเย็นอะไรทำนองนี้”
ราเมศพยักหน้าเห็นด้วย
“ฟังดูเป็นคำอธิษฐาน ที่เหมาะกับคุณดีนะ”
“แล้วคุณล่ะ เมื่อกี้อธิษฐานว่าอะไร” คราวนี้ปิ่นแก้วเป็นฝ่ายหันมาถามบ้าง
ชายหนุ่มซ่อนรอยยิ้ม ขณะหันไปสบดวงตากลมโตอย่างมีความหมาย ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาอธิษฐานต่อหน้าองค์พระไปว่าอย่างไร และแน่นอนว่ายังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเอ่ยปากเล่าความจริงออกไป
“ของผมเหรอ...ก็คล้าย ๆ กับคุณไง แต่อาจต่างออกไปบ้างนิดหน่อย”
“ต่างยังไง”
“ความลับ” ราเมศยกมือขึ้นล้วงกระเป๋า ตอบเสียงกลั้วหัวเราะ
“ชิ บอกแค่นี้ก็ไม่ได้”
ปิ่นแก้วบ่นเป็นเชิงประชดประชัน ก่อนเร่งฝีเท้าเดินหนีห่างไปจากชายหนุ่มด้วยท่าทางฉุน ๆ ราเมศมองตามเธอด้วยรอยยิ้มขณะเดินตามไปไม่ให้คลาดสายตา เนื่องจากตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ต่อจากนี้เป็นต้นไปจะไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวตรงหน้าหลุดมือ หรือห่างสายตาไปเป็นอันขาด
ทั้งสองเดินออกมาจากนอกเขตประตูวัด กำลังจะเปิดประตูก้าวเข้าไปนั่งให้รถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อหรู ทว่ายังไม่ทันที่ราเมศจะเดินอ้อมไปยังประตูฝั่งคนขับ สาวสวยเจ้าของรถสปอร์ตสีแดงสดก็เหลือบสายตามาเห็นเข้าพอดี จึงรีบหักพวงมาลัยจอดเทียบถนนริมฟุตบาทด้านหน้า ถัดไปเพียงไม่กี่เมตร
“คุณ ‘เมศ’ คะ” เสียงเรียกชื่อที่ฟังดูคุ้นเคย ทำให้ใบหน้าคมคายหันกลับไปมอง
สาวสวยร่างสูงโปร่งสวมแว่นตากันแดด ผมเหยียดตรงยาวถึงกลางหลัง สวมชุดเสื้อผ้าแบรนดัง กระโปรงสั้นรัดรูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งราวกับนางแบบในหนังสือนิตยสาร เดินตรงมาเข้ามาหาราเมศ พลางถอดแว่นกันแดดออกและส่งยิ้มหวานให้แก่เขา
“คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าจะเจอคุณอีก”
“คุณแววดาว” ราเมศกล่าวทักทายเธอตามมารยาท “สบายดีหรือครับ”
“สบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะคะมาทำอะไรที่นี่”
อีกฝ่ายยิ้มหวาน ถือโอกาสชายตาแลไปยังหญิงสาวฝั่งด้านข้างคนขับ “นั่นใครหรือคะ ดาวพอจะรู้จักหรือเปล่า”
“คนรู้จักของผมเอง พอดีเพิ่งทำธุระเสร็จ และผมก็กำลังจะขับรถไปส่งเธออยู่พอดี” ราเมศไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด จึงเลือกตอบเพียงสั้น ๆ
ดูเหมือนว่าจังหวะการพบหน้ากัน ระหว่างเขากับอดีตนางแบบสาวที่เคยคบหากันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื่องจากเขาไม่ต้องการดึงปิ่นแก้วเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของการประโคมข่าวจำพวกดันดารามากนัก ลำพังแค่เฉพาะข่าวช่วงที่เขาตกเป็นข่าวคบหากับแววดาวเมื่อหลายเดือนก่อน ก็สร้างความวุ่นวายใจให้มากพออยู่แล้ว
“ใครกันนะ สวยจัง”
ปิ่นแก้วแอบมองนางแบบสาวที่กำลังยืนคุยกับราเมศด้านนอกกระจกรถ รู้สึกเหมือนคุ้น ๆ ว่าเคยเห็นหน้าที่ไหนก่อนแต่ก็จำไม่ได้ ร่างบางแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ เพราะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เขาจะเกี่ยวข้องกับใครยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรใส่ใจอยู่แล้ว
“ดาวโทรฯหาคุณตั้งหลายครั้ง แต่คุณก็ไม่ยอมรับสาย ไม่ทราบว่าโกรธอะไรอยู่หรือเปล่าคะเมศ”
“เปล่าครับ ผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานที่บริษัทเท่านั้นเอง”
“ถ้างั้นวันนี้เราไปทานอาหารค่ำกันนะคะ เราสองคนไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว” นางแบบสาวถือโอกาสขยับเข้ามาจับมือถือแขน
ราเมศถอนหายใจยาว ค่อย ๆ แกะปลายนิ้วเรียวออกอย่างสุภาพ
“ขอโทษครับ แต่วันนี้ผมไม่ว่าง” ร่างสูงออกปากปฏิเสธ ส่งผลให้อีกฝ่ายชักสีหน้าออกอาการหึงหวง
“ไม่ว่าง หรือว่ามีนัดกับแม่นั่นกันแน่คะ” ไม่พูดเปล่าแต่ยังตวัดหางตาไปยังปิ่นแก้วที่นั่งอยู่ในรถอีกด้วย
ความหึงหวงของนางแบบสาวสวย เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราเมศเกิดความเบื่อหน่ายและไม่อยากถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วย หากแต่แววดาวไม่ยอมรามือง่าย ๆ แถมยังทำตัวเป็นเจ้าของเกะกะระรานผู้หญิงทุกคนที่ทำตัวสนิทชิดเชื้อกับชายหนุ่ม กระทั่งตกเป็นข่าวหลายต่อหลายครั้ง
“เรื่องนี้คุณปิ่นไม่เกี่ยว กรุณาอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาพาลใส่เธอ”
“อ๋อ...ที่แท้ก็ชื่อปิ่นนี่เอง” แววดาวยิ้มเยาะดวงตาเป็นประกาย “อย่าให้รู้นะคะว่าแม่นั่นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคุณ ไม่อย่างนั้นดาวไม่ยอมไว้หน้าแน่”
“คุณแววดาว”
ราเมศเรียกชื่อเธอเสียงหนัก สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจชัดเจน เมื่อใดก็ตามที่ชายหนุ่มแสดงท่าทางแบบนี้ นางแบบสาวสวยก็จะรีบลดระดับความร้ายกาจลงทันทีเหมือนกัน
“ขอโทษค่ะ ดาวแค่ระแวงมากไปหน่อยเท่านั้นเอง อย่าทำหน้าโกรธแบบนั้นสิคะคุณเมศ”
“ขอตัวนะครับ ผมยังมีธุระต้องรีบไปทำอีก” ชายหนุ่มตัดบท เดินผละออกมาเปิดประตูรถอย่างไร้เยื่อใย
“เดี๋ยวสิคะ คุณเมศ”
แววดาวทำท่าจะวิ่งตามไป แต่ราเมศไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะยืนฟังวาจาพร่ำพรรณนาได้นานนัก ร่างสูงปิดประตูพร้อมกับกดล็อก สตาร์ทเครื่องยนต์แล่นออกสู่ท้องถนนด้วยความเร็วชนิดที่ทำเอาปิ่นแก้วตั้งตัวไม่ทัน ทิ้งไว้เพียงควันขาวและอดีตหวานใจไว้เบื้องหลัง
ระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกัน ทั้งคู่ก็ไม่ได้เปิดปากพูดจากันอีกเลย ปิ่นแก้วลอบชำเลืองมองคนขับที่นั่งหน้าเครียดอยู่ด้านข้าง ไม่ปรากฏรอยยิ้มอย่างที่เคยเห็นเป็นประจำ จนอดคิดสงสัยไม่ได้ว่าสาวสวยคนนั้น มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ยังไง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา ราเมศก็ขับรถพาปิ่นแก้วมาส่งบริเวณหน้ารั้วประตูบ้านตามที่เธอร้องขอเอาไว้ ร่างสูงระบายลมหายใจยาว นึกเสียดายความรู้สึกดี ๆ เมื่อตอนที่เพิ่งออกมาจากเขตวัด ก่อนเจอกับมรสุมลูกใหญ่ ที่ดูท่าว่าจะนำปัญหามาให้แก้อย่างไม่รู้จักจบสิ้น
“ขอบคุณมากที่มาส่ง” ปิ่นแก้วหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา พร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ
ทว่ายังไม่ทันที่ร่างบางจะเปิดประตูรถลงไป ราเมศก็หันมาคว้าข้อมือบางเป็นเชิงรั้งเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนคุณปิ่น”
“อะไรอีก” เธอหันไปถาม พลางทำท่าดึงมือออก
ราเมศสูดลมหายใจลึก หากเป็นเมื่อก่อนชายหนุ่มคงไม่แคร์หรอกว่าคนอื่นจะมองตัวเขาว่าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ทำตัวแย่ขนาดไหน แต่ในเวลานี้...มีเพียงปิ่นแก้วคนเดียวเท่านั้นที่ไม่อยากถูกเธอมองว่าเป็นคนประเภทดังกล่าว
“คุณไม่มีอะไรสงสัย อยากถามผมบ้างเลยหรือ” ราเมศหยั่งความรู้สึก
“ไม่มีนี่”
กะแล้วเชียว...ว่าจะต้องตอบแบบนี้
“คือผมหมายถึง ผู้หญิงคนเมื่อสักครู่ เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แค่เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้นเอง”
ปิ่นแก้วกระพริบตาถี่ ๆ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพูดขึ้นมาทำไม
“คุณเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังทำไม ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย” เธอตอบอย่างพาซื่อ
“มันก็ใช่อยู่หรอก” ราเมศถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งห่างไกลจากสิ่งที่ต้องการมากขึ้นทุกขณะ
ดูจากท่าทางของหญิงสาวที่ไม่มีความรู้สึกรู้สา อีกทั้งยังไม่มีอาการหึงหวงแม้แต่น้อย ราเมศจึงแน่ใจว่าปิ่นแก้วยังไม่เกิดความรู้สึก หรือความสัมพันธ์อันดีตามที่ตนคาดหวังเอาไว้แต่อย่างใด
“ช่างเถอะ ผมแค่อยากเล่าให้คุณฟังเท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงแผ่ว ยอมปล่อยมือบางแต่โดยดี
“เป็นอะไรหรือเปล่า เหมือนคุณเครียดยังไงก็ไม่รู้” ปิ่นแก้วถามตามประสาคนมีน้ำใจ หากแต่แค่นั้นก็ทำให้ราเมศใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
“คุณเป็นห่วงผมด้วยหรือ” เขายิ้มกว้าง ทำเอาคนฟังแก้มแดง
“พูดบ้า ๆ ฉันก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง คนอะไรเข้าข้างตัวเองเก่งชะมัด”
ปิ่นแก้วบ่นอุบอิบในลำคอ เปิดประตูรถลงไปยืนพร้อมกระเป๋าถือ แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน ราเมศก็เลื่อนกระจกรถลงมาพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อเธอ
“คุณปิ่น คุณลืมของเอาไว้ในรถผมแน่ะ”
ปิ่นแก้วหันไปมองอย่างแปลกใจ เนื่องจากจำไม่ได้ว่าลืมของไว้ในรถเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉันเอาลงมาหมดแล้วนี่นา”
“ไม่รู้สิ มันเหลือถุงอีกใบหนึ่ง คุณมาดูเอาเองก็แล้วกัน” ร่างสูงยืนยัน
ร่างบางจึงเดินเข้าไปชิดขอบประตูรถ โน้มตัวลงไปหาเพื่อมองดูถุงสัมภาระภายในชัด ๆ
“ไหนล่ะ อุ้ย”
ปิ่นแก้วอุทานเบา ๆ เมื่อราเมศแกล้งฉวยโอกาสตอนเธอกำลังหาของในรถ โน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้ พร้อมกับจรดปลายจมูกโด่งลงกับแก้มเนียนแทนคำร่ำลา หญิงสาวรีบถอยห่างออกมายืนหน้าตาแดงก่ำ
“นี่คุณ” เธอยกมือขึ้นทาบใบหน้าอย่างโกรธ ๆ
ราเมศหัวเราะในลำคอเบา ๆ หยิบเอาแว่นกันแดดขึ้นมาสวมใส่ ก่อนโบกมือส่งจูบให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย
“ฝันดีนะครับ คนสวย”
“ตาบ้า อย่าหนีนะ”
ปิ่นแก้วทำท่าจะขว้างของเข้าใส่กระจกรถ แต่ราเมศรู้ทันเลื่อนกระจกปิดอย่างรวดเร็วก่อนที่รถยนต์ยี่ห้อหรูจะเคลื่อนออกจากบริเวณถนนหน้าประตูรั้วสีขาวช้า ๆ โดยที่หญิงสาวได้แต่บริภาสตามหลังด้วยความโกรธ
รอยสัมผัสบนแก้มเนียนยังคงตราตรึงไม่ยอมจางหาย ใบหน้าหวานร้อนจัดและเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อในเวลาต่อมา เป็นครั้งที่สองแล้วนายราเมศนั่นฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวเธอโดยไม่รับอนุญาต แถมยังเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะอีกด้วย
“คนบ้า ฉวยโอกาสที่สุดเลย” เธอบ่นอุบ
ปิ่นแก้วหมุนตัวเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านอย่างฉุน ๆ ทันทีที่เธอเดินผ่านห้องรับแขกเข้าไปภายใน แม่บ้านวัยกลางคนก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับทันที
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนูปิ่น คุณท่านเที่ยวตามหาคุณหนูอยู่ตั้งนานแล้ว”
ใบหน้าหวานทำท่าแปลกใจ
“คุณพ่อถามหาปิ่นเรื่องอะไรเหรอคะ”
“เอ่อ..เรื่องนี้ป้าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่สั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณหนูกลับมาให้รีบเชิญไปพบที่ห้องหนังสือชั้นสองทันที”
ปิ่นแก้วรู้สึกสังหรณ์ใจตงิด ๆ ทุกครั้งที่บิดามีคำสั่งลงมาเด็ดขาดแบบนี้ เป็นอันต้องนำเรื่องปวดหัวมาให้เธอแก้ทุกที
“ก็ได้ค่ะ ปิ่นจะรีบขึ้นไปพบท่านเดี๋ยวนี้ อ้อ..เดี๋ยวป้าช่วยชงน้ำมะนาวเย็น ๆ ให้ปิ่นสักแก้วนะคะ วันนี้มีแต่เรื่องปวดหัวทั้งนั้นเลย” เธอบ่นอย่างระอาใจ
********************
เอาตอนที่ 9 มาลงให้อ่านกันค่ะ (^ ^)
ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปเล็กน้อย
เนื่องจากงานประจำเยอะมากมายก่ายกอง
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนิยายเ+คอมเม้นท์ นิยายเรื่องนี้นะคะ จุ๊บ ๆ
เบลินญา

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2554, 10:30:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ย. 2554, 10:30:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 2406
<< ความในใจ | ตอนที่ 10 คุณพ่อจอมบงการ >> |

anOO 7 ก.ย. 2554, 14:03:24 น.
นายราเมศไม่อยากให้ปิ่นเข้าใจผิด แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายนะ
ยังจะไปขโมยหอมเค้าอีก
นายราเมศไม่อยากให้ปิ่นเข้าใจผิด แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายนะ
ยังจะไปขโมยหอมเค้าอีก

เบลินญา 7 ก.ย. 2554, 14:41:46 น.
อิอิ น่ารักค่ะคู่นี้ เขียนไปยิ้มไป ^//^
อิอิ น่ารักค่ะคู่นี้ เขียนไปยิ้มไป ^//^

Zephyr 7 ก.ย. 2554, 19:20:08 น.
โอ้ย น่ารักอ่ะ คู่นี้ดูหวานๆเผ็ดๆเปรี้ยวๆมันๆ ฮ่าๆ ครบทุกรสเลย แต่เติมรสชาติให้คู่หนูม่านบ้างสิคะ หวานอย่างเดียว เดี๋ยวเป็นเบาหวานทั้งหนูม่านทั้งคุณเตหรอกค่ะ แต่อีกนานมั้ยน้ากว่าคุณเมศกับหนูปิ่น จะรู้ว่าเป็นคู่ดูตัวกันมาแต่ชาติปางไหน หึหึ
โอ้ย น่ารักอ่ะ คู่นี้ดูหวานๆเผ็ดๆเปรี้ยวๆมันๆ ฮ่าๆ ครบทุกรสเลย แต่เติมรสชาติให้คู่หนูม่านบ้างสิคะ หวานอย่างเดียว เดี๋ยวเป็นเบาหวานทั้งหนูม่านทั้งคุณเตหรอกค่ะ แต่อีกนานมั้ยน้ากว่าคุณเมศกับหนูปิ่น จะรู้ว่าเป็นคู่ดูตัวกันมาแต่ชาติปางไหน หึหึ

เบลินญา 8 ก.ย. 2554, 09:35:47 น.
คู่หนูม่านกับคุณเตชิตหลัง ๆ มีให้อ่านแน่นอนค่ะ
ส่วนคู่ปิ่นกับนายราเมศ คงต้องลุ้นกันต่อปาย อิอิ
คู่หนูม่านกับคุณเตชิตหลัง ๆ มีให้อ่านแน่นอนค่ะ
ส่วนคู่ปิ่นกับนายราเมศ คงต้องลุ้นกันต่อปาย อิอิ