จองจำดวงใจ
...ตราบใดที่หัวใจยังมีรักและชิงชัง ตราบนั้นความทรงจำอันแสนสุขและทุกข์เศร้าก็จะเป็นเสมือนเงาที่ติดตามเราไปทุกหนแห่งชั่วนิจนิรันดร์...

ด้วยสายใยแห่งรักและความผูกพันทำให้หัวใจศศิวิมลยืนยันกับตัวเองหนักแน่นว่า ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในคฤหาสน์วิสุทธิ์สุนทร คือ เด็กหนุ่มคนเดียวกันกับที่เธอเฝ้ารอคอยการกลับมาถึงสิบปีเต็ม แม้ว่าเขาจะแตกต่างจากเดิมไปมากเพียงใด และเมื่อการแต่งงานกะทันหันตามคำสัญญาต้องดำเนินขึ้นศศิวิมลกลับค้นพบว่าชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีแม้จะแค่ในนามกลับเป็นนักธุรกิจหนุ่มไร้หัวใจ ทายาทมหาเศรษฐีสหรัฐที่สวมรอยเข้ามาและใช้เธอเป็นสะพานเพื่อฮุบกิจการทั้งหมดของอังคพิมาน

ทั้งที่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้พ้นเงื้อมือชั่วช้า ทว่าสัญชาตญาณในหัวใจยังเชื่อมั่นและสายสัมพันธ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละเล็กละน้อยแต่งดงามที่เกิดขึ้นระหว่างกันกลับกลายเป็นพันธนาที่จองจำเธอไว้มิให้หลุดพ้นไปจากเขา จะทำอย่างไรหากต้องเลือกระหว่างทรยศครอบครัวกับทำร้ายชายผู้เป็นหัวใจ เธอจะเลือกอะไรหากรู้ว่าทุกทางเลือกนั้นต้องจบลงด้วยความเจ็บปวดเท่านั้น

" ต่อให้เป็นนักโทษถูกล่ามโซ่ไว้ในกรงขัง หรือเป็นคนธรรมดาที่ถูกกรอบของสังคมบีบบังคับ ขอเพียงหัวใจยังโบกโบยเป็นอิสระได้ การจองจำเพียงกายนั้นก็ไร้ความหมาย แต่เมื่อใดก็ตามที่หัวใจเราถูกพันธนาการเสียแล้ว ต่อให้ดิ้นรนกระเสือกกระสนอย่างไรก็หลุดพ้นจากการจองจำนี้ไปไม่ได้หรอก เหมือนกับหัวใจของเล็กที่ถูกความรัก ความผูกพัน และความทรงจำที่มีต่อเขามัดแน่น ทั้งที่รู้ดีเหลือเกินว่าควรหนี แต่เท้าทั้งสองข้างกลับก้าวไปไม่พ้นใจเสียที ”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๒๐

---- แวะคุยกันหน่อย -----
ช่วงนี้ลงช้ามากนะคะ ญาติป่วยกันเต็มไปหมด นี่ก็เหมือนจะป่วยตามไปอีก
ขอบคุณที่เข้ามาเม้นนะคะ อย่าเพิ่งหายไปไหนะคะ
อยู่ใ้ห้กำลังใจกันจนจบเรื่องก่อนนะคะ

ลงแล้วไปนอนแล้ว ฝันดีค่ะ
----------

บทที่ 20

แสงนวลตาจากโคมไฟส่องผ่านคริสตัลชั้นดีตัดเหลี่ยมมุมอย่างประณีตห้อยเป็นพวงจากโคมไฟระย้าซึ่งแขวนลดหลั่นเล่นระดับเป็นวงกลมตามรูปแบบหลังคากระจกทรงโดมสูง ยามสาดกระทบเสาสูงตกแต่งแผ่นโลหะทองขัดเงาเขียนลายภาพพรรณพฤกษาไว้ตรงหัวเสาและผนังประดับกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสดสร้างลายนูนต่ำด้วยเส้นสายเถาวัลย์อันชดช้อยพลิ้วไหวส่งให้โถงใหญ่งามวิจิตรด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบาโรกผสมนูโวอาร์ตนี้เปล่งประกายอร่ามตาดุจดังท้องพระโรงอันอุดมด้วยทองคำ

บุรุษหนุ่มในชุดสูทสีดำผูกหูกระต่ายก้าวผ่านซุ้มประตูโค้งอันเป็นส่วนสำหรับนักพนันระดับวีไอพี เดินมาหยุดอยู่หน้าบาร์เครื่องดื่ม ด้วยท่วงท่าสง่างามผสานเข้ากับเรือนกายล่ำสันที่ยืนสั่งไวน์มาตินี่ผสมวอดก้ากับกอร์ดอนและมะนาว...มือเรียวใหญ่เสยผมดำสนิทที่ปรกหน้าเผยให้เห็นใบหน้าคมคายคร้ามแดด ริมฝีปากบางหยักสัมผัสขอบแก้วสูดกลิ่นแอลกอฮอล์แล้วลิ้มรสของเหลวสีอำพันนั้นอย่างรื่นรมย์ก่อนที่บุรุษหนุ่มรูปงามผมสีน้ำตาลอมทองสวมสูทสีน้ำตาลท่าทางผึ่งผายจะเดินมายืนขนาบข้างพลางกระดิกนิ้วสั่งวอดก้ากับบาร์เทนเดอร์

ความสมบูรณ์แบบของชายหนุ่มต่างเชื้อชาติทั้งสองแม้จะหันแผ่นหลังกว้างสู่สาธารณชนโดยรอบราวกับมีมนต์สะกดให้ทุกสตรีทั้งโถงลืมเกมการพนันหรือแม้กระทั่งคู่ควงเหลียวสายตามาบรรจบ ณ จุดนั้นแทบเป็นตาเดียว

“ คิดว่าคืนนี้จะชนะไหม ” เสียงแหบต่ำมีเอกลักษณ์เอ่ยถามขึ้นเป็นภาษาอิตาเลี่ยน แต่แทนที่จะได้รับคำตอบ ฝ่ายที่ยืนอยู่ก่อนกลับถามคืนด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น

“ มีทางเลือกอื่นนอกจากชนะด้วยหรือ ”

ชายหนุ่มชาวตะวันตกเชื้อสายอิตาลีผสมตุรกีสัญชาติอเมริกันหัวเราะเบาในลำคอ ละสายตาจากภาพเขียนของเหล่าทวยเทพขนาดใหญ่ที่แขวนประดับผนังเหนือชั้นวางขวดเครื่องดื่มมาปรายมองคนข้างเคียงด้วยนัยน์ตาคมสวยสีฟ้าอมเทา

“ ทำไมนายไม่ของานนี้จากปู่ไปทำ เซียนพนันอย่างนายน่าจะชอบอะไรแบบนี้ ” เอ่ยขึ้นขณะที่ปลายนิ้วเรียวไล้วนรอบขอบแก้ว ยินเสียงหัวเราะเบาลอยมาอีกครา

“ ฉันไม่ชอบทำตัวเป็นคนโปรดของใครโดยเฉพาะกับปู่ นายก็รู้นี้ ” เขาว่ากระดิกนิ้วเรียกบาร์เทนเดอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มชนิดเดิมอีกแก้วแล้วหันดวงหน้าคมสันดุจเทพบุตรกรีกเปื้อนรอยยิ้มบางมาหา

พอลเหยียดริมฝีปากให้กับคำพูดของอีกฝ่าย...ตลอดเวลาสี่ปีที่ใช้ชีวิตใต้อาณัติของคอยด์ ครอมเวลทำให้ทราบดีว่า มีทายาทหลายคนที่กระหายจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนายใหญ่แห่งครอมเวลและพร้อมน้อมรับทุกความประสงค์กระทั่งอาสาทำงานทุกอย่างเพียงเพื่อจะแสดงให้เห็นศักยภาพของตัวเองจนกลายเป็นคนโปรดของปู่ ส่วนพวกที่ไม่ใส่ใจชิงดีชิงเด่นกับใครนอกจากโคลินแล้วยังมีชายหนุ่มรูปงามผู้นี้รวมอยู่ โดยฝ่ายหลังนี้ถึงขั้นถูกตั้งฉายาจากบรรดาญาติให้เป็น กบฏแห่งครอมเวล

อเล็กซิส ครอมเวลเป็นคนที่มีสายสัมพันธ์กับปู่อย่างประหลาด บางคราก็เหมือนเคารพยำเกรง แต่บางกรณีก็หักหาญน้ำใจกันแทบไม่เหลือเยื่อใยอันดี ด้วยความที่มีตัวตนซับซ้อนสุดแท้ต่อการคาดเดาหรือควบคุม ชอบจะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์รอบด้านมากกว่าจะปรับตัวเข้าหา ไม่นิยมทำตามคำสั่งหรืออาศัยบารมีใครขึ้นเป็นใหญ่จึงเลือกใช้ความสามารถส่วนตัวจนมีธุรกิจโรงแรมคาสิโน การท่องเที่ยวทางทะเลและการแข่งม้าในนามตัวเองโดยปราศจากคำครหาว่าอาศัยเส้นคนอื่นดันขึ้นมา

ตัวตนอันคลุมเครือคุ้มดีคุ้มร้ายเป็นสาเหตุให้ปู่ไม่เคยคิดดึงหลานชายคนนี้คืนสู่ความเป็นครอมเวลเต็มตัวเช่นที่ทำกับโคลิน เพียงแค่คุมความผูกพันให้คงอยู่ในรูปแบบญาติผู้ใหญ่ที่พบพูดคุยถามไถ่กันแต่เรื่องที่ทำให้พอใจกันทั้งสอง
ฝ่าย

“ ที่อุตส่าห์ถ่อจากมิลานมาซานเรโม่ ไม่ใช่เพราะคันมืออยากเล่นแทนฉันหรอกเหรอ ”

“ ฉันมาก็เพราะอยากรู้ว่า หลานคนโปรดของปู่เก่งเรื่องพนันขนาดไหนก็เท่านั้นเอง ” เขาตอบพลางหนีบแก้ววอดก้า วนเป็นวง “ แต่เท่าที่ดูนายเล่นมาสองวัน นายมีกึ๋นมากกว่าหลานขี้อิจฉาพวกนั้นเยอะ ”

คนฟังเหลือบมองไหล่กว้างของอีกฝ่ายด้วยไม่คาดหวังจะได้รับคำชมจากปากเซียนพนันที่เก่งขนาดถูกคาสิโนหลายแห่งหมายหัวห้ามเข้า แล้วจึงหันไปให้ความสนใจกับตัวแทนจากคาสิโนที่เดินเข้ามาเรียกนักพนันระดับวีไอพีทั้งหมดเพื่อบอกเงื่อนไขของการเล่นที่ไม่จำกัดเงินแทง โป๊กเกอร์เจ็ดใบ หงายไพ่ห้าใบ ตามมาด้วยตัวแทนจากธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์ที่เข้ามาแนะนำเรื่องจำนวนเงินที่อยู่ในบัญชีซึ่งมีท่านละสิบล้านเหรียญและทางธนาคารจะดูแลเงินกองกลางจนกว่าจะได้ตัวผู้ชนะจึงจะมีการมอบรหัสให้กดในเครื่องถอดรหัสแล้วเงินทั้งจะโอนผ่านไปยังบัญชีธนาคารที่ยื่นเรื่องไว้พร้อมกับประกาศเรียกตัวนักพนันมาตามรายชื่อ

ชายหนุ่มวางแก้วลงบนเคาน์เตอร์ทันทีที่ได้ยินชื่อ ทอม โจนส์ อันเป็นชื่อปลอมที่ใช้ในงานนี้ เท้าเกือบจะก้าวไปแล้วหากไม่ได้ยินคนใกล้ตัวเอ่ยบางสิ่งขึ้นมาเสียก่อน

“ คนที่โคมานอฟจ้างมาเป็นตัวแทนของคาสิโน ชื่อเหลียงเว่ย มีจุดอ่อนที่เวลาลักไก่หรือได้ไพ่ไม่ดีชอบเผลอสะกิดหูตัวเอง อย่าลืมสังเกตล่ะ ”

“ เคยชนะหมอนี่มาก่อนหรือไง ” ใช้หางตาแลคนที่กำลังเท้าแขนหันหน้าสู่โต๊ะพนันในฐานะผู้ชม

อเล็กซิสแสยะยิ้มพลางยักไหล่ ใช้นิ้วชี้ไปที่โต๊ะทองคำกลางโถงให้รีบเข้าสู่เกมการพนัน

พอลขยับสูทขณะก้าวขึ้นไปนั่งลงบนเก้าอี้ เหลือบมองชายชาวฮ่องกงในชุดสูทสีขาวก่อนจะรู้สึกถึงการจับจ้องจึงหันไปและพบว่าหญิงสาวผมยักศกสีบลอนด์ทอง สวมเดรสผ่าหน้ายาวถึงหน้าท้องสีแดงเพลิงมองมาด้วยดวงตาสีฟ้าสวยสะดุดตา ริมฝีปากอิ่มแย้มกว้างอย่างมีไมตรีจิต

เขาก้มศีรษะเล็กน้อยแทนคำทักทายแล้วกระโจนเข้าสู่เกมการพนันซึ่งเป็นงานระยะสั้นที่ถูกสั่งให้เล่นให้ชนะไม่ใช่เพื่อเงินรางวัล แต่เป็นเพียงการหว่านเพื่อหวังผลประโยชน์ที่มากกว่าเงินเดิมพันครั้งนี้
***********************************

ชิพมูลค่าแปดล้านเหรียญสหรัฐถูกชายชาวฮ่องกงตัวแทนจากคาสิโนใช้มือดันออกมาข้างหน้าเพื่อใช้เกทับนักพนันคนก่อนหน้า พนักงานแจกไพ่แจ้งจำนวนเงินในกองที่สูงถึงสิบเจ็ดล้านเหรียญและเหลืออีกสองขา

ตาชั้นเดียวของเหลียงเว่ยเป็นประกาย เหยียมริมฝีปากกว้างด้วยความมั่นใจแล้วประสานมือไว้ใต้คางรอคอยให้อีกฝ่ายตัดสินใจเพื่อปิดฉากเกมการพนันนี้เสียที

ชายหนุ่มรูปงามมองกองเงินเดิมพันชั่วครู่ก็เหลือบมาประสานสายตากับคนตรงข้ามไว้ด้วยความเรียบเฉยเนิ่นนาน เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายแล้วยกมือลูบหน้าพร้อมถอนหายใจ จากนั้นจึงลืมตาเหยียดมุมปากแล้วโกยชิพทั้งหมดตรงหน้าออกไป

“ สามสิบล้านกับอีกแปดแสน ผมเทหมด ”

“ เกหมดหน้าตัก ” พนักงานแจงให้ทั้งหมดทราบ

เหลียงเว่ยหลุดหัวเราะในลำคอ หันไปมองสตรีเพียงคนเดียวในวงที่เทเงินลงเดิมพันหนึ่งล้านเหรียญแล้วแลยังกล้องวงจรปิดที่จับตาดูการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ครู่เดียวก็ก้มลงมาชำเลืองยังไพ่ห้าใบที่เรียงบนโต๊ะ เริ่มจากเอจโพธิ์แดง เก้าโพธิ์ดำ เจ็ดโพธิ์ดำ หกโพธิ์ดำ ปิดท้ายด้วยเอจโพธิ์ดำ จากนั้นจึงใช้ปลายนิ้วกรีดดูไพ่สองใบของตนเองที่คว่ำอยู่บนโต๊ะ

“ ผมขอดูไพ่ ” ว่าพลางโกยชิพทั้งหมดของตัวเองออกไปเช่นกัน

เงินเดิมพันสูงถึงเก้าสิบล้านเหรียญสหรัฐทำให้บรรยากาศในโถงนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดทั้งจากนักพนันที่ต้องการเป็นผู้ชนะและจากผู้ชมรอบข้างที่ลุ้นผลการตัดสินในครั้งนี้อยู่ด้วยใจจดจ่อ

“ ฟลัช เอจ คิง แหม่มครับ ” พนักงานแจกไพ่ประกาศทันทีที่สาวผลบลอนด์โยนไพ่อีกสองใบส่งให้ ตามมาด้วยนักพนันอีกคนที่ได้ตองเก้าคู่เอจ เจ้าของสูทสีขาวลอบยิ้มพลางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะก่อนจะพลิกไพ่สองใบวางลงบนโต๊ะ

“ ไพ่เฮ้าส์แต้มสูง ตองเอจคู่เจ็ด ”

พอลสูดลมหายใจขณะมองคู่แข่งที่ชำเลืองหาหญิงสาวหัวโต๊ะด้วยสีหน้าแววตาหื่นกระหายแล้วส่ายหน้า ค่อยๆเลื่อนไพ่อีกสองใบเลี้ยวผ่านช่องว่างไปไว้ตรงหน้าพนักงานแจกไพ่แล้วพลิกมันขึ้นมา เป็นแปดกับห้าโพธิ์ดำ เรียกเสียงปรบมือเกรียวกราวจากทั้งห้องในทันที

“ ไพ่เรียงสีโพธิ์ดำ เสตรทฟรัชห้าถึงเก้า ไพ่สูงกว่า ” พนักงานประกาศผลผู้ชนะไม่ทันจบดี เหลียงเว่ยก็ลุกพรวดจากเก้าอี้ไปอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง

ผู้ชนะเหยียดมุมปากโยนชิพสองแสนเหรียญให้พนักงานเป็นค่าทิป...สบตากับหญิงสาวสวยผู้นั้นเป็นเชิงว่าสนใจแล้วผละกลับมายืนข้างชายหนุ่มที่เท้าแขนทั้งสองบนเคาน์เตอร์หันหน้าสู่ด้านนอก

“ เก่งนี้ ” คำชมลอยลมมา

“ เธอมองอยู่ไหม ” ถามกลับไปโดยไม่เอ่ยชื่อ ทว่าคนฟังก็เข้าใจได้ว่าหมายถึงใคร

“ มอง...ท่าทางเหมือนอยากงาบนายเต็มทีแล้วด้วย ” เงียบเสียงลงเพื่อกระดกวอดก้าแก้วที่สี่ลงคอ “ ลูกสาวนอกสมรสของโคมานอฟคนนี้ชอบผู้ชายลึกลับหน้าค้นหา ยิ่งเก่งเรื่องพนันด้วย เธอคงไม่ปล่อยนายไปง่ายๆ เหยื่อกินเบ็ดเข้าไปขนาดนี้อย่าให้หลุดแล้วกันนะ ”

“ อืม ” ตอบรับสั้นในลำคอ วางชิพลงบนโต๊ะแทนค่าเครื่องดื่มทั้งหมดของตัวเองแล้วยังใจดีเผื่อแผ่ให้คนที่ช่วยบอกเคล็ดลับให้เป็นการขอบคุณ จากนั้นจึงเดินออกจากส่วนวีไอพีผ่านไปยังห้องเล่นเกมพนันอื่นๆเพื่อออกไปข้างนอกคาสิโนสุดหรูที่มีโรงแรมในตัวสร้างอยู่ด้านหลังซึ่งมีเจ้าของเป็นพ่อค้าอาวุธชาวรัสเซียที่ใช้พื้นที่แห่งนี้สำหรับฟอกเงิน

...เพื่อให้ลูกสาวคนโปรดของโคมานอฟสนใจ จะได้ง่ายต่อการแทรกซึมหาข่าว เขาถึงกับต้องคลุกคลีในวงจรนี้...

มือเรียวใหญ่ปลดหูกระต่ายออกจากลำคอ ปรายตาไปด้านหลังเล็กน้อยเป็นระยะด้วยรู้สึกได้ถึงการสะกดรอยตามแล้วเริ่มแกะกระดุมแขนเสื้อทั้งสองข้างเตรียมพร้อมสำหรับการถูกจู่โจม เลี้ยวหายเข้าไปในเงามืดของต้นไม้ในสวน เห็นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งยืนหันรีหันขวางมองหาเขาอยู่ก็รู้ว่า เขาคงกำลังถูกล่าตัว

แสงไฟสว่างจ้าจากไฟหน้ารถส่องกระทบมาพร้อมกับเสียงบีบแตรทำให้คนที่ซ่อนตัวอยู่หันไปมอง รถลีมูซีนสีดำก็แล่นเข้ามาขนาบข้าง กระจกถูกลดลงพร้อมกับใบหน้างามของหญิงสาวผมบลอนด์ที่ถูกแนะนำให้รู้จักในนาม มาเรีย จะปรากฏขึ้นมา เหล่าชายฉกรรจ์เห็นเท่านั้นก็ล่าถอยไป

“ ไงคะ ” หล่อนทักทายเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งแปลก “ รถเสียหรือคะถึงต้องเดินไปหาที่ฉลองคนเดียวแบบนี้ ”

“ ผมไม่มีรถหรอกครับ ” ตอบกลับเป็นภาษาอิตาลีทำให้เจ้าหล่อนหลุดหัวเราะแล้วหันมาคุยด้วยภาษาเดียวกัน

“ เล่นได้เงินขนาดนั้น แค่เรื่องรถคงไม่เป็นปัญหาหรอกมั่งคะ ”

ชายหนุ่มขยับจากฟุตบาธเท้าแขนลงไปบนหลังคารถ เอียงศีรษะมองหญิงสาวที่โผล่พ้นขอบกระจกเพื่อสนทนาด้วย

“ คุณจำไม่ได้เหรอครับว่าผมถูกจ้างให้มาเล่นแทนมิสเตอร์จอห์นที่ป่วย...ผมเล่นชนะเงินพวกนั้นก็โอนเข้าบัญชีเขาไม่ใช่บัญชีผม ตอนนี้ทั้งตัวผมมีเงินพอแค่กินมื้อเช้ากับเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมรูหนูที่พักอยู่เท่านั้นแหละครับ ”

“ น่าสงสารจังนะคะ ” น้ำเสียงที่ทอดยาวมีแววกระเส่าปรารถนา “ คุณพักอยู่ที่ไหนคะ เดี๋ยวฉันไปส่งให้ ”

พอลกวาดสายตามองลีมูซีนคันนั้นครู่หนึ่งสลับกับรอยยิ้มของหญิงสาวแล้วตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปนั่งภายใน บอกสถานที่พักให้ทราบก่อนที่คันขับจะแล่นรถหรูมุ่งหน้าไปตามถนนท่ามกลางแสงไฟที่เรียงรายระยิบระยับสวยงาม
********************

ประตูห้องพักกระแทกปิดด้วยสะโพกกลมกลึงอย่างแรง แสงสว่างจากพระจันทร์และแสงไฟจากอาคารตรงข้ามส่องลอดผ้าม่านโปร่งตากระทบเข้ากับร่างของสองหนุ่มสาวที่กอดรัดเหวี่ยงกันไปมารอบห้องอย่างดุเดือด ประทับริมฝีปากจูบตอบโต้กันดูดดื่มแล้วร่างบางก็ถูกอุ้มลอยจากพื้นวางลงบนเตียง

เดรสสีแดงเพลิงถูกปลดเปลื้องจากไหล่ขาวเนียนเผยให้เห็นด้านหลังของเรือนร่างอรชร ยามถูกสัมผัสขบกัดจากชายหนุ่มผู้มากชั้นเชิงก็เรียกเสียงครางต่ำพึงพอใจออกมาได้เป็นอย่างดี

เขาจับหญิงสาวพลิกกายกลับมาจูบไซร้จากหน้าท้องขาวเนียนละเรื่อยจนถึงทรวงอกนวลนุ่ม ทดสอบน้ำหนักอย่างแผ่วเบาแล้วเลื่อนกายสูงใหญ่ขึ้นมา เกือบประทับริมฝีปากลงไปอีกครา ในความมืดการจุมพิตนั้นหาได้มีปัญหา ทว่าเมื่อมีแสงเป็นลำสาดมาให้เห็นดวงหน้างามตามแบบสาวตะวันตกชัดเจนประกอบกับที่เหลือบเห็นสายสร้อยที่ร้อยแหวนวงหนึ่งหลุดออกมาจากลำคอกลับเกิดอาการชะงักงัน

จะด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือความละอายใจก็ไม่อาจทราบได้ แต่นาทีนั้นใบหน้าหวานอมโศกที่แย้มยิ้มรอคอยการกลับมาของเขาอยู่ๆก็ลอยขึ้นมาให้อารมณ์พิศวาสร้อนแรงพลันสลายไปในทันที

มาเรียลืมตาลุกขึ้นนั่งเพราะรู้สึกได้ว่าสัมผัสอุ่นซ่านหายไปและเห็นชายหนุ่มผู้นั้นนั่งหันหลังให้อยู่บนขอบเตียง

“ เป็นอะไรไปคะ ”

“ ผมคงมีเซ็กส์กับคุณไม่ได้ ”

“ ทำไมล่ะคะ ” หล่อนร้องถาม คลานเข่าเข้าไปกอดร่างใหญ่นั้นพลางซบหน้าลงบนไหล่กว้าง

“ เพราะผมคิดว่ากำลังจะตกหลุมรักคุณและอาจจะหยุดแค่มีสัมพันธ์คืนเดียวกับคุณไม่ได้ แล้วผมก็กำลังจะกลับถ้าผมทำลงไปคงทำใจจากคุณลำบาก” เขากระซิบแผ่วน้ำเสียงละห้อยหาให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองสำคัญยิ่ง ใช้หลังมือลูบข้างแก้มเบา

ลูกสาวนอกสมรสของมาเฟียรัสเซียผู้เคยชินกับชีวิตที่มีแต่ผู้คนก้มหัวให้เพราะหวาดกลัวรู้สึกอบอุ่นกับคำพูดของชายหนุ่มอย่างประหลาด สัมผัสอันนุ่มนวลอ่อนหวานราวกับจะกล่อมให้เคลิ้มฝันทำให้ริมฝีปากอิ่มคลี่ขยาย เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีใครให้ความสำคัญเพราะตัวตนของหล่อนจริงๆ

“ กลับบ้านนะครับ เดี๋ยวผมลงไปส่ง ” เอ่ยอีกครั้งหันไปดึงเดรสให้กลับเข้าที่ หยิบสูทสีดำมาคลุมทับให้แล้วจุมพิตหน้าผากครั้งหนึ่ง แล้วลุกขึ้นส่งมือให้ยึดไปหลักลงจากเตียง

มาเรียทำตามเขาอย่างว่าง่ายเดินออกจากห้องพักเก่าโทรมลงบันไดไปข้างล่างคล้ายกับถูกมนต์สะกด มารู้สึกตัวอีกคราก็เมื่อขึ้นมานั่งอยู่บนเบาะตอนท้ายรถลีมูซีนเรียบร้อยแล้ว…หล่อนแลใบหน้าคมคายที่กำลังแย้มเศร้ากำลังโบกมือให้หันบานกระจกรถแล้วรู้สึกเหมือนหัวใจจะหายวาบ

หญิงสาวลงมาจากรถกระโจนเข้าจุมพิตเข้าที่ริมฝีปาก สอดกระดาษแผ่นหนึ่งเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของเขา

“ ถ้าคุณกลับมาที่นี่อีกเมื่อไหร่ อย่าลืมโทรหาฉันนะคะ ” ถ้อยคำนั้นถ่ายทอดความหมายลึกซึ้ง มองเห็นคนสูงกว่าพยักหน้าตอบรับก็ยิ้มพอใจยอมกลับขึ้นรถไปในที่สุด

พอลรอกระทั่งรถลีมูซีนเคลื่อนหายไปจึงล้วงกระเป๋าเดินกลับเข้าไปในโรงแรมขนาดเล็กกลางเก่ากลางใหม่ซึ่งซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังความงามในย่านเมืองตากอากาศชั้นดีของอิตาลี อย่างซานเรโม..ย่างเท้าขึ้นบันไดคืนสู่ห้องพัก ลงล็อกประตูเสร็จก็ก้าวไปหยุดยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าต่างแหงนหน้าออกไปยังพระจันทร์เสี้ยวที่ลอยเด่นกลางนภายามดึกดื่น

ความห่วงหาอาวรณ์ดลให้หญิงสาวผู้นั้นกระจ่างชัดเสมอแม้นอยู่ในความเวิ้งว้างว่างเปล่า ผละจากหน้าต่างกลับไปทรุดลงนั่งบนเตียง คว้าเอากล่องดนตรีไม้ที่นำติดตัวมาเปิดฝาออกเพื่อให้เพลงแว่วหวานบรรเลงอบอวลผสานไปกับอากาศ สักพักมือใหญ่ก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสายโทรออกไปยังใครอีกคนที่อยู่ไกลอีกซีกโลกหนึ่ง
*************************

ถาดอะลูมิเนียมบรรจุด้วยโถข้าวที่มีเพียงเม็ดข้าวหอมมะลิเหลือติดอยู่เล็กน้อยวางคู่มากับขวดน้ำพลาสติกขนาดเล็กซึ่งเหลือมาจากการใส่บาตรให้พระสงฆ์ถูกศศิวิมลยกเข้ามาล้างเก็บในครัวด้วยตัวเองคนเดียวโดยไม่มียายช้อยที่วันนี้นอนซมเพราะปวดหลังช่วยเหมือนทุกที

คฤหาสน์ใหญ่โตเมื่อร้างผู้คนก็เงียบสงัดไม่ต่างอะไรกับบรรยากาศในสุสานร้างกลางป่าลึก ยิ่งไม่มีเจ้าของแท้จริงอาศัยอยู่เหมือนเคยรวมเข้ากับความกังวลในอาการป่วยของผู้เป็นป้า อีกทั้งใจยังค้างคาในการกระทำของพี่ชายทำให้คนที่กำลังใช้ผ้าสะอาดเช็ดถาดจนแห้งรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวยิ่งกว่าครั้งต้องอยู่ในเรือนเล็กในรั้วอังคพิมานคนเดียวเสียอีก

หญิงสาวเก็บถาดเข้าตู้ล้างไม้ล้างมือสะอาดอีกรอบก็เดินไปยังโต๊ะกลางห้อง ยกข้าวไข่เจียวอันเป็นมื้อเช้าตัดสินใจจะออกไปชมนกชมไม้กินข้าวในสวนดีกว่าฟุ้งซ่านอยู่ในบ้าน

ช่วงจังหวะที่กำลังเดินเข้ามาในโถงทางเดิน พลันก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากบนโต๊ะไม้ซึ่งตั้งอยู่มุมสุดอีกฟากหนึ่งด้วยเวลาที่ยังเช้าอยู่จึงไม่มีรับคนใช้เดินมารับโทรศัพท์ หล่อนจึงจำเป็นต้องรีบเข้าไปรับโทรศัพท์โดยวางจานข้าวไว้บนพื้นที่ว่างของโต๊ะ

“ สวัสดีค่ะ บ้านวิสุทธิ์สุนทรค่ะ ” กรอกเสียงหวานกังวานลงไปในทันทีที่ยกโทรศัพท์แนบหู

ทว่าปลายสายกลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเป็นคำพูดให้ได้ยิน จึงต้องกรอกประโยคทักทายเดิมกลับไป แต่ก็ยังได้รับเพียงความเงียบงันดังเดิม คนตัวเล็กนึกว่ามีโรคจิตโทรมาแกล้งเกือบจะวางสายอยู่แล้วหากไม่ได้ยินเสียงไขลานดังลอดเข้ามา

เสียงบรรเลงดนตรีละมุนหวานนั้นคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยคุ้น ใช้เวลาฟังสักครู่ก็ระลึกถึงเพลงเสน่หาในกล่องดนตรีไม้ที่ตนเองวานรสาไปสั่งทำเพื่อส่งไปให้เด็กหนุ่มผู้อยู่ไกลเกินเอื้อมมือถึง

“ พี่ภาคหรือเปล่าคะ ” ร้องถามออกไปเช่นนั้นทั้งที่หวั่นใจเกรงจะเรียกผิด...เฝ้ารอให้ปลายสายตอบสักนิดอยู่นานแทบถอดใจกว่าจะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มตอบกลับมาแม้จะสั้นหนักหนาก็ทำให้คนฟังยิ้มกว้างชื่นใจ

“ พี่ภาคเดินทางปลอดภัยดีใช่ไหมคะ...แล้วเรื่องงานเป็นยังไงบ้างคะ เรียบร้อยดีไหมคะ ” ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบรัวเป็นชุดด้วยความเป็นห่วงและคิดถึงอย่างที่สุด

“ ก็ดี ”

“ ตอนนี้ที่นั่นกี่โมงแล้วเหรอคะ ”

“ ตีสามแล้ว ”

“ ดึกขนาดนั้นทำไมยังไม่นอนอีกล่ะคะ ” ร้องออกไปด้วยความตกใจ

“ เพิ่งเสร็จงาน ” เขาตอบห้วนให้ทุกคำถามราวกับไม่ต้องการเจรจาพาทีกันมากนัก...รอยยิ้มคนรับสายเลยหุบลงกลายเป็นสลดหดหู่เพราะคิดว่าคงโทรมาเพราะอยากคุยกับคนใช้เก่าแก่ในบ้านมากกว่า

“ พี่ภาคจะคุยกับยายช้อยไหมคะ...เดี๋ยวเล็กไปตามให้ แต่พี่ภาคต้องรอหน่อยนะคะ เพราะยายแกปวดหลังคงเดินออกจากห้องเร็วมากไม่ได้ ”

“ ยายเขาไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม ”

“ คิดว่าคงไม่มาก แต่ถ้าไม่ดีขึ้นเดี๋ยวเล็กพาไปโรงพยาบาลคะ ส่วนยายคนอื่นก็ปกติดี ถ้าพี่ภาคอยากคุยกับยายคนไหนตอนนี้บอกเล็กมานะคะ เล็กจะออกไปปลุกให้ พวกยายคงดีใจที่พี่โทรมาหา ” บอกไปเรื่อยพยายามข่มความรู้สึกน้อยใจไม่ให้หลุดลอดไปในน้ำเสียงด้วยเข้าใจดีว่า คำพูดอบอุ่นของเขาในวันก่อนอำลาก็เป็นเพียงบทบาทที่แสดงให้คนในบ้านเชื่อว่ารักกันเท่านั้น

“ อย่าเลยให้พวกท่านนอนเถอะ ” จบถ้อยคำนั้นปลายสายทั้งสองฝั่งก็เงียบไปอึดใจใหญ่ แล้วหญิงสาวก็เป็นฝ่ายหาเรื่องให้วางสายจะได้พ้นจากความอึดอัด

“ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่ภาคก็นอนพักผ่อนเถอะคะ...เล็กไม่รู้ว่าที่นั่นอากาศหนาวหรือเปล่า ถ้าหนาวก็อย่าลืมห่มผ้าด้วยนะคะจะได้ไม่เป็นหวัด ฝันดีนะคะ ” ตัดบทให้เสร็จสรรพเตรียมจะยกโทรศัพท์ออกจากหูก็ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อเลยต้องแนบมันกลับมาดังเก่า นัยน์ตาหวานอมโศกแทบไม่มีความดีใจเหลืออยู่เลย

“ มีอะไรจะฝากบอกพวกยายๆใช่ไหมคะ...บอกมาเลยคะ ไว้ตื่นกันเมื่อไหร่เล็กจะไปบอกให้ ”

“ เปล่า...ฉันแค่จะถามว่า พวกยายบอกไว้ไหมว่าอยากได้ของฝากอะไรบ้าง ”

“ พี่ภาคซื้ออะไรมายายเขาดีใจทั้งนั้นแหละคะ แต่ให้ดีซื้อเป็นผ้าคลุมไหล่มาก็ได้ค่ะ พวกยายคงชอบกัน ”

“ แล้วเธอจะเอาอะไรไหม ” สุ้มเสียงเย็นชาที่ย้อนถามมาในที่สุดทวีความเศร้าให้กับคนฟังเป็นหนักหนา การถูกตอกย้ำว่ามีความสำคัญน้อยกว่าทุกคนในบ้านเป็นความน้อยใจที่จำเป็นต้องยอมรับ

“ อย่าเสียเงินซื้ออะไรมาให้เล็กเลยค่ะ เล็กขอแค่พี่ภาคกลับมาบ้านอย่างปลอดภัยก็พอแล้วค่ะ...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่ภาคก็ไปนอนเถอะคะ เดี๋ยวเล็กก็จะไปกินข้าวเหมือนกัน ”

“ อืม ” ปลายสายส่งเสียงในลำคอก่อนจะเอ่ยคำสั้นก่อนวางสายไว้ว่า “ คิดถึง ”

ศศิวิมลกระพริบตาในวินาทีที่ได้ยินเสียงกระซิบนุ่มจากสามีในนามของตนเอง...คำนั้นดังก้องสะท้อนอยู่ภายในโสตประสาทให้ริมฝีปากที่ปิดสนิทเหยียดกว้างได้อีกครา หลังวางสายไปไม่นานก็เห็นสมพรวิ่งกระหือกระหอบเข้ามาแข้งขาอ่อนทรุดลงไปนั่งพับเพียบกับพื้นพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

นึกรู้ได้ทันทีว่าหากพี่เลี้ยงตนรีบร้อนมาหาเช้าถึงขนาดนี้ต้องมีเรื่องจากบ้านอังคพิมานมาแจ้งแน่จึงรีบถามถึงอาการผู้เป็นป้าที่นอนรักษาตัวอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ คุณเล็กค่ะ...คุณ...คุณ...คุณผู้หญิงค่ะ คุณผู้หญิงเธอแย่แล้วคะ ”

“ แม่ใหญ่เป็นอะไรคะ ”

“ พี่สมได้ยินพยาบาลบอกว่า เลือดออกตรงไหนไม่รู้พี่สมจำไม่ได้ แต่เขาบอกให้ตามญาติไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ พี่สมก็เลยรีบมาตามคุณเล็กนี่แหละคะ ”

“ แล้วพี่ใหญ่ล่ะคะ พี่ใหญ่ไปโรงพยาบาลแล้วใช่ไหมคะ ”

“ ไม่ทราบคะ เพราะเมื่อคืนคุณใหญ่ไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน แล้วทางโรงพยาบาลเองก็บอกว่าติดต่อคุณใหญ่ไม่ได้ถึงได้โทรมาที่บ้าน ตอนนี้พี่สมก็ไม่รู้ว่าคุณใหญ่อยู่ไหนหรือไปโรงพยาบาลหรือยัง แต่ยังไงคุณเล็กรีบไปโรงพยาบาลก่อนเถอะคะ”

ผู้เป็นหลานพยักหน้าวางจานข้าวทิ้งไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งพรวดขึ้นไปในห้องนอน หยิบเอากระเป๋าสะพายกับของใช้จำเป็นยัดลงไปได้ก็ลงบันไดคว้ามือสมพรลากออกไปทุบประตูตามลุงคนสวนให้มาช่วยขับรถพาไปส่งโรงพยาบาล ชายสูงวัยรีบร้อนออกจากห้องยังไม่ทันได้อาบน้ำพอรู้ว่า นายหญิงของบ้านจะไปดูคนป่วยเลยหยิบกุญแจที่นายน้อยของตัวเองฝากไว้เผื่อมีเรื่องฉุกเฉินต้องใช้รถใส่กระเป๋าแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ฟากหนึ่งของโลกพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าส่องสว่าง หญิงสาวคนหนึ่งกำลังกระวนกระวายกับความเจ็บป่วยของผู้มีพระคุณ อีกฟากหนึ่งยังคงตกอยู่ในห้วงราตรีกาลมีเพียงแสงนวลจากดวงจันทร์เป็นเพื่อน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นั่งพิงหมอนก่ายหน้าผากทอดสายตาไกล มือลูบไปข้างเตียงนึกถึงทุกคืนที่เคยมีคนนอนเคียงใกล้ แต่พอได้ยินเสียงเคาะประตูก็หลุดจากภวังค์ลุกจากเตียง ใช้แผ่นกระจกส่องช่องตาแมวตรงประตูเพื่อมองภาพที่สะท้อนกลับมาป้องกันการถูกยิงจึงเห็นชายชุดดำใส่หมวกที่มีตราของครอมเวลปิดหน้าปิดตา สอดพัสดุผ่านช่องว่างตรงประตูเข้ามาในห้องจากนั้นก็วิ่งลงบันไดหายไป

“ มาตอนนอนไม่หลับพอดี ” รำพึงพร้อมกดสวิตช์เปิดไฟให้ห้องสว่าง ก้มลงหยิบซองพัสดุขึ้นมาปัดฝุ่น ฉีกปากซองลอบมองเล็กน้อย คว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้ตรงเหล็กปลายเตียงมาวางเพื่อเทข้าวของทั้งหมดมาดูจึงเห็นเอกสารจำนวนหลายหน้ากับซองจดหมายสีขาวซึ่งประทับตราโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐร่วงลงมาสองฉบับ และกระดาษโน้ตที่เขียนเตือนให้เช็กอีเมล์

ดวงตาคมกล้าหรี่เล็กลง เดินไปหยิบแล็บท็อปของตัวเองออกมา ใช้โทรศัพท์ต่อเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ต โหลดเอาเฉพาะไฟล์เอกสารถอดเทปเสียงจากเครื่องดักฟังกับไฟล์ที่ถูกเน้นว่าสำคัญมาไว้ในเครื่องแล้วตัดการเชื่อมต่อ

ชายหนุ่มกดเปิดเอกสารสำคัญออกมาเป็นอันดับแรก มีข้อความสั้นจากปู่บอกให้รู้ว่า หาตัวช่วยให้งานก่อนเสร็จเร็วขึ้นให้แล้วก็ได้แต่ย่นหน้าผาก ไล้สายตาลงไปในเนื้อความทั้งหมดถึงกับเบิกตากว้าง ยิ่งได้อ่านการถอดไฟล์เสียงซึ่งนอกจากในห้องทำ งานที่คฤหาสน์อังคพิมานแล้วยังมีการถอดเทปจากในห้องผู้ป่วยพิเศษที่ปู่ส่งมาเพิ่มให้ก็ตื่นตะลึงเป็นเท่าตัว โยนแท็บแล็ตลงบนเตียง พรวดพราดลงไปดูเอกสารปึกใหญ่นั้นเปิดอ่านคร่าวๆแล้วมาจบลงที่ซองจดหมายสีขาวที่ได้รับการยืนยันจากโรงพยาบาลว่าเป็นของจริงทุกประกาศ มีข้อมูลบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรหาใช่การปลอมแปลงแต่อย่างใด

ผลที่ปรากฏเด่นชัดอยู่ในเอกสารของโรงพยาบาลทำให้คนตัวใหญ่ถึงกับมือสั่น กระพริบตาถี่ส่ายไปมาทั่วห้องพลางกุมขมับเหมือนไม่เชื่อสายตา หัวใจร้อนรุ่มกับความลับทั้งหมดที่ได้ล่วงรู้ พาลคิดถึงหญิงสาวที่เมืองไทยอย่างวิตกกังวล...รวบข้อมูลทุกอย่างกองไว้บนเตียง หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาตัวแทนจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินของคนในครอมเวลเพื่อหาเที่ยวบินกลับเมืองไทยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ ไฟท์เจ็ดโมงเช้าก็ได้ ” สั่งเป็นประโยคสุดท้าย กดตัดสายแล้วคว้ากระเป๋าเดินทางยัดเสื้อผ้าทุกอย่างจากในตู้ลงไป ลืมใส่ใจความเป็นระเบียบ โกยเอกสารหลักฐานที่ได้รับมาโปะลงไปเป็นอันดับสุดท้าย ได้แต่ภาวนาว่า เรื่องราวหนักหนานี้จะไม่ถูกถ่ายทอดไปสู่คนที่ไม่เคยรับรู้ถึงความโสมมที่เกิดขึ้นกับชีวิตผู้เป็นแม่หรือแม้แต่ชีวิตตัวเอง

“ เล็ก ” เขารำพันชื่อนั้นออกมาใช้เวลาทั้งหมดไปการทวนอ่านเอกสารที่มีซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งเช้าแล้วเก็บข้าวของทั้งหมดออกจากห้องไปโดยไม่มีแม้แต่ความความทรงจำใดต่อที่นี่เลย





ปาณณิศา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2554, 05:10:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2554, 05:10:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 2254





<< บทที่ 19   บทที่ 21 >>
เพชรทรียา 10 ก.ย. 2554, 08:45:22 น.
ชอบมาก ๆ เลยค่ะ


anOO 10 ก.ย. 2554, 11:39:00 น.
พี่ภาคจะมาช่วยเล็กแล้ว มาไวๆนะ ก่อนพี่ใหญ่จะบ้าไปก่อน


violette 10 ก.ย. 2554, 22:51:14 น.
พี่ภาคมาช่วยน้องเล็กแล้วแน่ๆ
เล็กนี่ดูบอบบางแต่เข้มแข็งชะมัดเลยนะคะ สุดยอดมากเด็กคนนี้


Edelweiss 10 ก.ย. 2554, 23:41:47 น.
กรี๊ดพี่ภาคย์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account