องค์การบริหารส่วนหัวใจ # เฟื่องนคร
ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน นำมาซึ่งความสุข
Tags: โรแมนติก คอมาดี้

ตอน: 2. ฉบับรีไรท์

2.






ในเวลาบ่ายคล้อยขณะนั่งดื่มเบียร์อยู่กับนายร้อยตำรวจในร้านอาหาร ดวงเดือนก็เหลือบไปเห็น นายรักษ์ไทย คนโปรดของคุณย่าคุณยายทั้งหลาย ใส่เสื้อกล้ามสีขาวทับเสื้อยืดสีแดงกางเกงผ้าร่มสีน้ำเงิน สวมรองเท้าผ้าใบอย่างดี วิ่งออกกำลังกายโดยมีเด็กผู้ชายอีกนับสิบคนวิ่งตามกันเป็นพรวน

หมวดภักดีหันหลังกลับไปมองแล้วก็ยิ้มให้..แต่หญิงสาวกับเผลอสติแยกเขี้ยวเข้าใส่..

“อะไรหรือครับ” นายตำรวจมีสีหน้าแปลกใจ

“เปล่าหรอกค่ะ แค่..”

“วิ่งกันเกือบทุกวันครับ เมื่อก่อน มีเขาคนเดียว ตอนนี้เริ่มมีเด็กๆ วิ่งตามหลายสิบคนครับ แต่เขามีกติกานะครับ คือก่อนออกมาวิ่ง จะต้องช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านกันเสียก่อน ก็อย่างที่รู้กัน พวกเราก็เคยผ่านวัยเด็กกันมาแล้ว เรื่องเล่นอะไรก็สนุกไปหมด แต่คุณรักษ์ไทยนี่ แกสามารถทำให้เรื่องเล่นเป็นงานเป็นการได้”

“สนิทกันเหรอคะ”

“ก็เคยคุยกันนะครับ แกเป็นทายกวัดตัวสำรองด้วย เวลามีงานบุญงานกุศลที่ไหน ถ้าเจ้าภาพคุ้นๆ กัน ก็จะมาเชิญแกไปเป็นพิธีกรให้ และหัวอกคนไกลบ้านเหมือนๆ กัน พอได้คุยกันก็เลยคุยถูกคอ..”

น้ำเสียงที่กล่าวถึงอีกคนนั้นดูนิยมชมชอบ

เมื่อเห็นสายตาของตำรวจหนุ่ม ดวงเดือนกลืนเบียร์ลงคอด้วยความยากลำบาก..แต่ก็อดปากไว้ไม่ได้..

“เอ่อ..คือ..เป็นกิ๊ก...กัน..หรือเปล่าค่ะ”

“เฮ้ยไม่ใช่นะครับ ผมผู้ชาย เขาก็ผู้ชาย คุณนี่เมื่อกี้ผมจีบคุณอยู่แท้ๆ ”

“จีบหรือค่ะ..” ดวงเดือนเก๋ไก๋ไปอีกทาง

“แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้ตัว..”

“แล้วคุณเดือนไม่ไปออกกำลังกายบ้างหรือครับ ที่โรงเรียนตอนเย็นๆ จะมีกลุ่มออกกำลังกายกัน”

“ไม่หรอกค่ะ เดือนเกลียดคนนำเต้น” หญิงสาวพูดตรงๆ จนผู้หมวดสำลักเบียร์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงข้องใจกับประเด็นรุนแรง

“เกลียด เกลียด”

“เค้าสวยกว่าดิฉันมั้งค่ะ” พูดไปเสียอีกทางด้วยไม่อยากเล่าความ สัมพันธ์อันปีนเกลียวทางความคิด... คุยกันเรื่อยๆ จนกระทั่งพระอาทิตย์จวนลับขอบฟ้า หญิงสาวนึกได้ว่า ต้องช่วยย่าทำกับข้าวและถูเรือน..

“คือวันนี้ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ เรื่องพ่อ อย่างไรฝากไว้ด้วยแล้วกัน..อยากเห็นคนทำผิดถูกลงโทษมากกว่าที่จะลอยนวลอยู่อย่างนี้ หรือว่าถ้าผู้หมวดไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดเอาผิดไม่ได้หรือว่าสงสัยใครนะคะ..บอกฉันมา ฉันจะเล่นเกมส์นอกกฎหมายเพื่อการล้างแค้น..” น้ำเสียงของหญิงสาวจริงจัง

“โอ้โฮ นี่คุณกล้าพูดอย่างนี้ต่อหน้าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เลยรึครับ”

“ทำไมจะไม่กล้าล่ะคะ ก็จนป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้า อย่างนี้ไม่เรียกว่าทำงานห่วยแตกไร้น้ำยาแล้วจะเรียกว่าอะไร..” ว่าแล้วดวงเดือนก็ลุกขึ้น.. พร้อมกับบอกว่า
“จ่ายค่าเบียร์ด้วยนะคะ” พูดจบก็ค้อมศีรษะลง

เมื่อหญิงสาวปั่นจักรยานออกไปแล้ว ผู้หมวดก็หันกลับมามองแก้วเบียร์ที่พร่องลงไปหมดแก้ว แล้วก็ส่ายศีรษะ..

“ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเสียมั้ง แต่ก็ยิ่งน่าสนใจแฮะ..”





เมื่อปั่นออกมาได้สักพักโซ่เจ้ากรรมมันหลุดจากตลับฟรี ดวงเดือนจอดรถแล้วลงมาซ่อม ปั่นออกไปแล้วก็หลุดอีก จนกระทั่ง..ขบวนนักวิ่ง.. วิ่งผ่านไปหน้าตาเฉย..

“เฮ้ย..ใจดำชะมัด..” อดใจไม่ตะโกนตามหลังไม่ได้..

คนหัวขบวนหยุดกึ๊ก ส่วนหางขบวนวิ่งแยกย้ายกลับบ้านอย่างกับนัดหมายกันไว้....

“รถเป็นอะไร..คุณนาย” น้ำเสียงของคนถามซึ่งมีเหงื่อโทรมกาย คล้ายจะเยาะ..เมื่อได้ยินจึงรู้สึกไม่พอใจกับความห่วงใยจอมปลอมนั่น แล้วเสียงที่ตอบกลับจึงกลายเป็นหางเสียงสะบัด

“เป็นอะไร เป็นรถนะซิ....ถามได้..ตาถั่วหรืออย่างไร..” หลุดปากคำแรงๆ ออกไปแล้วก็นึกโมโหตัวเอง แต่จะให้แก้คำเป็น “อุ๊..จ๊ะ ขอโทษ” แล้วเปลี่ยนเป็นอื่นก็เห็นจะยาก..

และทางนั้นก็เข้าใจความหมายของน้ำเสียงนั้น..

“โอ๊ะโอ๋!!..เก่งนิ..คงเอาตัวรอดได้หรอกแค่โซ่หย่อนโซ่หลุด..แก้ไขอะไรไม่ได้นะ มันไม่มีเครื่องมือ เข็นกลับเองแล้วกัน..ไม่ไกลหรอก แค่กิโลกว่าๆ นิดเดียวก็ถึง” ว่าแล้วก็รีบวิ่งเหยาะๆ จากไป

ยังไม่ทันจะตะโกนต่อล้อต่อเถียงให้คลายขุ่นใจ พอดีกับรถยนต์ สี่ประตูมาจอดขนาบข้าง..

“เดือน รถเป็นอะไร”

“พี่มานะ..”

ชายหนุ่มกุลีกุจอลงจากรถเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ้มแล้วสดชื่น ยิ้มแล้วโลกเป็นสีชมพูเหมือนเมื่อสักเจ็ดปีที่แล้ว..

“โซ่หย่อนใช่ไหม.. มะ.. เดี๋ยวพี่ยกขึ้นรถไปซ่อมให้ แล้วก็เอาไป
ส่งเราที่บ้านโอเคไหม..”

“โอเค..” แล้วเขาก็เปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นไปนั่ง หลังจากนั้นก็ปิดให้ด้วยอาการสุภาพ..

เมื่อรถแล่นออกมา ดวงเดือนรู้สึกว่าหัวใจขยายจนอึดอัด

“เดือนไปไหนมา..”

“เออ...ไป..” หญิงสาวไม่บอกความจริง ด้วยพี่มานะคนนี้คือหนึ่งในผู้ต้องสงสัยในการเสียชีวิตของผู้เป็นพ่อ ลงสมัครรับเลือกสมาชิก อบต.หมู่บ้านเดียวกัน พ่อของเธอคือคู่แข่งคนสำคัญ ถ้าไม่มีพ่อ เขาต้องลอยลำมาแน่นอน และที่สำคัญถ้าเขาและพ่อได้พร้อมกันทั้งคู่ พ่อต้องเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งนายกอีกด้วย..

วันนี้เขาเข้าไปนั่งอยู่ในสภาท้องถิ่นอย่างองอาจได้เป็นถึงนายก อบต. แล้วพ่อของเธอล่ะ..อยู่ตรงไหน..ถ้าเป็นฝีมือเขา มันน่าจะเป็นฝีมือเขามากกว่าคนอื่น..มากกว่าเบอร์สอง มากกว่าเรื่องขัดผลประโยชน์รับซื้อพืชไร่..และไม่น่าใช่คดีชู้สาว พ่อไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่ก็จับมือใครดมไม่ได้..ตำรวจทำงานห่วยแตก..

“ปั่นจักรยานเล่น ..ไปที่หน่วย..” ดวงเดือนหมายถึงหน่วยพิทักษ์ป่าที่อยู่สุดถนนของหมู่บ้าน ที่ชื่อบ้านนา และเหตุที่ชื่อบ้านนา ก็เพราะตั้งแต่สี่แยกที่เป็นพื้นที่ราบจากอำเภอ รถจะต้องข้ามเนินเขาสูงๆ ต่ำๆ ผ่านมาหลายหมู่บ้าน จนกระทั่งมาถึงแอ่งกระทะใหญ่ประมาณสามพันไร่ท่ามกลางขุนเขาป่าไม้เขตอุทยานแห่งชาติ ป่าไม้ดี น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ทางการจึงจัดให้มีการชลประทานที่เอื้อต่อการทำนาในที่ลุ่ม ทำไร่ และทำสวนในที่โคก ถ้าเป็นฤดูหนาวอากาศจะเย็นอยู่นาน และถ้าเป็นฤดูร้อนก็จะร้อนไม่รุนแรง และถ้าเป็นฤดูฝน ด้วยต้นไม้มากมายทำให้ฝนตกหนักตกนาน..

ด้วยเหตุนี้ทำให้พื้นที่นี้มีการเกษตรรุ่งเรืองซื้อง่ายขายคล่อง จนกระทั่งผู้เป็นแม่ของตนยกย่องว่า สวรรค์บ้านนา..

หากดวงเดือนกลับไม่เห็นเป็นเช่นนั้น..ที่นี่ไม่มีแสงสีเสียงอึกทึก ไม่มียวดยานพาหนะวิ่งขวักไขว่ ไม่มีห้างสรรพสินค้าใหญ่โตจุคนได้เรือนหมื่นเรือนแสน ไม่มีโรงหนัง มีแต่พวกนายทุนที่เริ่มมากว้านซื้อที่ดินด้านที่ข้างหลังติดกับลำธารสร้างเป็นโกดังเก็บพืชไร่ บ้างล้อมรั้วมิดชิดปลูกต้นไม้ทำบ้านพักตากอากาศสวยๆ หรือไม่ก็ทำสวนให้ความร่มรื่นมากกว่าคิดเป็นธุรกิจเลี้ยงตัว

“บ้านเราเปลี่ยนไปมากไหม”

“มาก มากจนเดือนตกใจเลยล่ะ ..เมื่อก่อน สองข้างทาง สมัยที่ยังไม่มีหน่วย มีแต่ต้นไม้ ตอนนี้มีบ้านคนเยอะแยะเชียว แถมมีตลาดเล็กๆ เกิดขึ้น”

“ก็เป็นเพราะลุงดนัย ตัดสินใจทำตึกแถวพาณิชย์นะซิ ไม่งั้นที่ตรงนี้คงไม่มีสีสัน และอีกอย่าง มันเป็นย่านที่มีหน่วยงานราชการมาตั้งด้วย มันจึงเป็นศูนย์กลางของตำบลไปโดยบริยาย..”

“พอรู้ไหมคะว่าใครสั่งฆ่าพ่อเดือน” หญิงสาวโพล่งคำพูดออกมาอย่างชนิดไม่สนใจประเด็นก่อนหน้า.. ดวงตาคู่นั้นมีประกายน้ำตาจนน่าเห็นใจ..มานะถอนหายใจออกมา..เขาพอคาดความรู้สึกของหญิงสาวได้..

“พี่ไม่รู้..เรื่องนี้ควรถามตำรวจ”

“ตำรวจก็ไม่รู้”

คนพูดกดริมฝีปากเข้าหากัน

ยังไม่ทันที่มานะจะพูดอะไร รถก็จอดลงที่หน้าบ้านแบบตึกสองชั้นหลังใหญ่โตของเขา มานะลงจากรถยกจักรยานลง เข็นเข้าไปในบ้าน หาปะแจมาขันน็อตล้อซ่อมจักรยานให้เธอ ดวงเดือนนึกถึงสมัยที่ยังเรียนหนังสือชั้นประถม..

สมัยนั้นพ่อกับแม่ยังพักอยู่บ้านกลางสวน ทุกเช้าเธอจะต้องปั่นจักรยานออกมาพร้อมกับพี่เอกชัยและมาเจอะกับพี่มานะเพื่อนของพี่ชาย บ้างครั้งเธอมานั่งซ้อนท้าย มือน้อยของเธอจับอยู่ที่เอว..มีบ้างที่เขาเหลือเงินซื้อขนมจากโรงเรียนมาฝาก และก็เคยมี ที่เขากับพี่ชายหลอกให้เธอลงไปเก็บลูกโทงเทงแล้วก็ปั่นจักรยานหนี

เมื่อเรียนจบประถม พี่มานะกับพี่เอกชัย ย้ายเข้าไปเรียนมัธยมในอำเภอ กว่าเธอจะจบปอหกและย้ายตามไป พี่มานะก็เป็นหนุ่มกระทงเสียแล้ว มีสาวๆ มาหลงเสน่ห์ท่าทางแมนๆ ของเขามากมาย..เธอรู้ว่าพี่มานะ มีใจให้เธอ น่าจะ’รัก’ เธอแบบหนุ่มสาว แต่อย่างว่านังวีณาคนใจกล้า มันทุ่มทุนสร้าง จนทำให้พี่มานะเรียนไม่จบปวส. ออกมาเป็นพ่อของลูกในท้อง ท่ามกลางเสียงก่นด่า ว่าเป็นเด็กใจแตก ไม่รู้จักหน้าที่ของตน..

มาวันนี้...คนเคยไม่ดีที่สุดคนนั้น จับพลัดจับผลู เจริญรุ่งเรื่องมาจนกระทั่งเป็นนายก อบต. เป็นเจ้าของรถเกรดเดอร์และรถบรรทุกดินหลายคันกับบ้านหลังใหญ่โต แต่น่าสงสารนังวีณาที่มาด่วนตายไป..ทิ้งสมบัติไว้ให้ผัวและว่าที่ภรรยาใหม่ที่จะมานอนซ้ำรอย..

ดวงเดือนมองท่าทางที่เขาจูงจักรยานกลับมา แล้วก็ยกใส่ท้ายกระบะแล้วถามใจตนเอง..

รักเขาอยู่หรือเปล่า มีใครแทนที่เขาไปกี่คนแล้ว..รักแรกมีอยู่ แต่ไม่มาก ..อยู่ลึกสุดใจทีเดียว เมื่อเห็นหน้ากันบ่อยๆ มันก็ค่อยๆ ไหลย้อนกลับมา



รถกระบะของพี่มานะ ลับตาไปแล้ว ดวงเดือนเข็นจักรยานไปไว้ในใต้ถุนแล้วรีบวิ่งขึ้นเรือน พบย่าตัวเองนั่งหน้าตาบอกบุญไม่รับ..

“แกหายไปไหนมาตั้งแต่ตะวันบ่าย แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยาม ย่าหิวข้าวแล้วรู้ไหม”

“อ้าว แล้วทำไม..”

“ต่อไป ย่าจะไม่หุงข้าวเช้าและเย็นอีกแล้ว แกจะต้องมีหน้าที่ดูแลย่า” ย่าหนูพูดเสียงเย็น

“ย่า แต่ตอนเช้าหนูตื่นให้ไม่ไหวนะคะ” เริ่มต่อรองเอาตัวให้รอด

“ต้องไหวซิ..ย่ายังตื่นได้”

“ก็ย่านอนหลับแต่หัวค่ำ แต่หนู..”

“แล้วแกเปิดอะไรดูฟังอะไรอยู่ทั้งคืน..” ย่าพูดไปพลางตำหมากปักๆ

“ย่าอ่ะ..” หลานสาวอิดออด

“ต่อไปย่าจะต้องอบรมแกเสียใหม่ ขืนทำตัวอย่างนี้ มีหวังคนเอาแกไปทำเมีย มันต้องเตะตูดโด่งกลับมาส่งอย่างแน่นอน..ไปซิ รีบเข้าครัวไปหุงข้าว”

“ก็ได้ค่ะ โอ๊ว..แย่จัง” ว่าแล้วคนที่ไปซุกซนจนทั่ว ก็มุดเข้าครัว ระหว่างนั้นก็มีเสียงดังโครมคราม สักพักก็ยกออกมา..

“ย่าฟันไม่ค่อยดี เคี้ยวหมูลำบาก..กินไข่เจียวนะคะ”

“ย่าเหม็นคาว ..และอีกอย่างหมอที่อนามัยบอกว่าคนแก่กินไข่มากๆ ไม่ดี..”

“พรุ่งนี้กินอาหารเกาหลีไหมค่ะ ข้าวห่อสาหร่าย นี่นะย่าต้องชอบแน่ๆ เลย ยิ่งเพิ่งได้ข้าวหอมใหม่มาด้วย มันคล้ายข้าวญี่ปุ่นเลยนะ”

“ไม่ ย่าจะกินน้ำพริกผักต้ม..แล้วที่จะเอาใส่บาตร ทำแกงกะทิฟักทองใส่หมูสามชั้น”

“หนูทำไม่เป็น”

“พรุ่งนี้เช้าย่าจะตื่นมาสอน ตั้งแต่ตี่สี่นะ อย่างไรคืนนี้กินข้าวอิ่มแล้วล้างชามเลย ห้ามแช่ไว้ให้แมลงสาปมาแทะ เทวดามาเห็นก็จะไม่ลงรักษาบ้าน.. เสร็จเเล้วเข้าไปนวดให้ย่าในห้องด้วย”

“ย่า หนูไม่ว่าง” ไม่ว่างของดวงเดือนก็คือจะดูซีรีย์เกาหลีที่เจ้าหล่อนโทรไปฝากเพื่อนทางกรุงเทพฯ ให้ซื้อแล้วส่งมาให้..ดูกลางวันอากาศที่บ้านมันร้อน ต้องเป็นกลางคืนจึงจะได้อารมณ์..

เมื่อไม่สามารถปฏิเสธ ดวงเดือนจำต้องเข้าไปบีบนวดให้อย่างคนที่เคยทำมาแต่เล็กแต่น้อย “ฟังย่าเล่านิทานไหม”

“ไม่เอา..” หญิงสาวนวดไปหน้ามุ่ยไป..

“เมื่อไหร่แกจะไปเอาผมสีแดงนี่ออกซักทีย่ารำคาญลูกตาแล้ว”

“ใครว่าผมสีแดง นี่มันสีดำต่างหาก หนูว่าตาย่าฝ้าฟางมากกว่า สีดำ ย่าดูดีๆ ซิ” ว่าแล้วหญิงสาวก็สะบัดผมยาวเคลียบ่าไปมา..

ย่าหนูเห็นดังนั้นจึงหัวเราะเบาๆ ..

“จริงๆ หลานย่ามันก็สวยนะ น่ารักดี..เดือน ย่าถามอะไรหน่อย..
สนใจ..พ่อรักษ์ไทยเขาบ้างไหม”

“ไม่..คนปากอย่างนั้นหนูไม่ชอบ” หญิงสาวตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยสักนิด

“แต่ย่าชอบ..”

“ย่าก็ขอเขาแต่งงานซิ คนโสดเหมือนๆ กัน”

ย่าตีเพี๊ยะเข้าให้..แล้วทำท่าครุ่นคิดก่อนจะถามว่า

“เมื่อเย็นใครมาส่ง..”

“พี่มานะ..” ตอบไปส่งๆ ไม่ได้คิดอะไร..

“เฮ้ย แกยังคบหากับเขาอยู่อีกเรอะ!! เขาบงการฆ่าพ่อแกนะ”

“หลักฐานมีไหมละ..” รู้ว่าคิดเหมือนกันแต่อดค้านให้สนุกปากไม่ได้

“ไม่มีหรอก ลูกปืนมันมาจากปากกระบอกปืน กระบอกปืนมันมาจากมือคน คนมันต้องมีคนสั่งมา แล้วคนที่สั่งก็คือคนที่เสียผลประโยชน์ ”

“มันเป็นทฤษฎีตื้น ๆ ซึ่งย่าฟังจากข่าวในโทรทัศน์ใช่ไหม พ่อหนู อาจจะขัดผลประโยชน์กับคนอื่นก็ได้..หรือคนอื่นทำลูกปืนลั่นใส่พ่อก็ได้”

“แกพูดเหมือนไม่รักพ่อของแก” ย่าหนูทำเสียงน้อยใจ

“รักซิ ทำไมจะไม่รัก..พ่อดีกับหนูมากนะคะ ส่งหนูเรียนในกรุงเทพหมดเงินไปตั้งเยอะแยะ หนูอยากได้อะไรก็รีบโอนเงินไปให้” คนพูดไม่เอ่ยถึงตอนเธอดื้อด้านไม่เชื่อฟังเรื่องกิจกรรมเลยถูกตัดงบ

“แล้วหนูจะไม่รักพ่อได้อย่างไร หนูรักพ่อพอๆ กับรักย่าแหละ..แล้วหนูก็คิดหาวิธีการแก้แค้นให้พ่ออยู่ ..ย่าไม่ต้องกลัวไปหรอกว่าหนูจะไปอะไรกับพี่มานะ หนูไม่อยากเป็นแม่เลี้ยงใคร และไม่อยากใช้ของมือสอง”

“มันต้องอย่างนั้น แต่เรื่องแก้แค้นแกอย่าทำเองล่ะ นั่นนะเป็นหน้าที่ของตำรวจกับหน้าที่ของเวรกรรมที่เขาก่อไว้...คนทำชั่วเดี๋ยวมันก็ต้องเจอวิบากกรรม เราเองทำใจดี ๆ ทำแต่ความดี เดี๋ยวสิ่งดีๆ ก็จะไปรอเราอยู่ข้างหน้า”

“จ๊ะๆ สาธุๆ หนูไปนอนนะ..” พอรู้ว่าย่าจะร่ายธรรมะ จึงรีบเบี่ยงประเด็นไปเสียอีกทาง

“ฉลาดนัก..แล้วแกไม่นอนกับย่ารึ..เด็กๆ แกยังนอนกับย่าเลยนะ”

“ไม่หรอก..หนูนอนดิ้น เดี๋ยวดิ้นทับ ย่าก็ด่าหนูอีก..และหนูก็ยังไม่มีอารมณ์จะฟังพระเทศน์ในคืนนี้ด้วย” ว่าแล้วคนเป็นหลานก็ลุกขึ้นทำท่าค้อมศีรษะ..ถอยหลังแล้วก็ออกประตูไป..ชั่วอึดใจก็กลับเข้ามา หอมแก้มของย่าแล้วก็บอกว่า “ราตรีสวัสดิ์..หนูรักย่านะคะ”


และเวลาทุกข์ทรมานก็มาถึง เมื่อนาฬิกายังไม่ทันจะดังเสียงเคาะประตูของย่าก็ดังขึ้น

“จ๋า ..ตื่นแล้วจ๊า..” พูดไปตาก็หลับปรือ..จนกระทั่งเสียงเรียกดังอีกครั้ง..ก็ยัง “จ๋า” จนกระทั่ง เสียงดังระรัว..

“โอ้ย..หนูปวดหัว..นี่มัน..” พูดไปพลางเปิดไฟหันกลับไปดูนาฬิกา

“อุ๊..ตีห้าครึ่งแล้ว”..รีบเปิดประตูออกมาพบว่าย่ายืนหน้าบึ้ง..

“วัยกำลังกินกำลังนอนนะคะ ขออภัยค่ะ..” ดวงเดือนทำท่าสงบเจียมตัว..แล้วรีบเดินไปห้องน้ำที่ก่ออิฐยกพื้นจนสูงเท่าพื้นกระดาน ล้างหน้าล้างตาแล้วกลับเข้ามาไปในครัว พบว่าแกงกะทิหมูสามชั้นกับฟักทองเสร็จเรียบร้อยแล้ว แถมข้าวเม็ดสวยก็เรียงอยู่ในขันลงหินเรียบร้อยแล้วเช่นกัน..

“อุ๊..หนูขอโทษค่ะ” พูดไปก็ค้อมหัวไปด้วย..จนย่าต้องเอามะเหงกเขกหัวดังป๊อก..


ในเวลาประมาณหกโมงเช้าอากาศที่ถนนปากทางเข้าบ้านทั้งสองหลังค่อนข้างจะสดใส ปกติถ้ามองลงไปจะเห็นท้องนาเขียวขจีอย่างกับผ้ากำมะหยี่ผืนกว้างปกคลุม ยิ่งต้องสะท้อนแสงพระอาทิตย์ยามเช้า ทำให้พรายน้ำค้างบนยอดใบข้าวเป็นสีขาวพราว เสียงนกกระจิบจิ๊บจั๊บจับอยู่บนกอไผ่ ดวงเดือนถือถาดที่มีถ้วยแกงสองถ้วย ขนมปังหนึ่งถุงและขันข้าวสวยพร้อมกับดอกเข็มกำไว้กับธูปเทียน เมื่อวางถาดไว้บนไม้กว้างขาเดียวลักษณะเหมือนศาลพระภูมิแต่สูงเท่าศาลเพียงตา หญิงสาวก็ชะเง้อหาพระภิกษุที่มารับบิณฑบาตในเช้าวันนี้

ขณะรอจึงนั่งลงใช้ไม้ขีดๆ เขียนๆ บนพื้นดินแล้วก็ปล่อยใจให้ล่องลอยไปเรื่อยเปื่อย..พอเงยหน้าก็เห็นนายรักษ์ไทยถือถาดลักษณะเดียวกันออกมาวางบนไม้กระดานขาเดียวตัวเดียวกัน..

“สวัสดีครับคุณย่า” ชายหนุ่มพนมไหว้อย่างสวยงาม

ดวงเดือนรีบลุกขึ้น เบะหน้าเข้าใส่..

“วันนี้พ่อรักษ์ทำอะไรหรือ..”

“ผมผัดบวบครับ พอดีบวบที่ปลูกไว้แถวท่าน้ำออกลูกดกเต็มต้นเลย เดี๋ยวผมจะเด็ดไปฝากคุณย่านะครับ..”

“ดีๆ ขอบใจ จำเริญ ๆ เถอะ..เออะนี่ ย่าทำแกงกะทิฟักทองหมูสามชั้นมาให้ด้วยนะ เดี๋ยวเอาถ้วยนี้กลับไป..ไม่ต้องเอามาคืนนะ เดี๋ยวตอนสาย ๆ ให้ดวงเดือนเค้าตามไปเอาถ้วยพร้อมกับบวบดีไหม..”

“ไม่ต้องก็ได้ครับคุณย่า ผมเอาไปคืนให้ดีกว่าครับ อย่าลำบากเลยครับ”

ดวงเดือนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้..ย่ากับนายรักษ์ไทยคุยเรื่องบุญกุศล,อธิษฐานจิต,เรื่องศีล,เรื่องทานอย่างถูกคอ หัวร่อต่อกระซิกเมื่อพูดถึงคนบนศาลาวัด..จนกระทั่งหลวงพี่ของเธอเดินนำพระลูกวัดสี่รูปมาถึง..และด้วยความคุ้นกันมา กับยังไม่ชิน หญิงสาวจึงรีบยกมือโบกเป็นเชิงทักทาย แต่ย่าหนูต้องรีบหยิกดึงแขนให้ลู่ลงมา

“หลวงพี่..สบายดีนะคะ”

หลวงพี่ยิ้มเพียงแย้มก่อนจะเปิดฝาบาตร

“หัดตักบาตรเสียบ้าง” ว่าแล้วย่าหนูก็ถอยออกมาให้สองหนุ่มสาวตักบาตรเคียงกัน..ด้วยลักษณะแย่งกันใส่ อย่างต้องการเอาชนะ..หลังจากนั้นก็นั่งลงรับพร พอพระเดินจากไปก็รีบลุกขึ้นพร้อมกัน แล้วก็แยกเขี้ยวเข้าใส่กันก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดกับย่าหนูว่า

“ผมขอตัวก่อนนะครับ..เรื่องถ้วยกับบวบ ไม่ต้องนะครับ..ผมจะเอาไปคืนให้เอง..”

“เชอะ! ฉันก็ไม่อยากไปบ้านนายนักหรอก..แล้วป้าย ‘มีห้องสมุดอยู่ด้านในเชิญไปอ่านตามสบายอะไรนี่’ เอาออกไปด้วยนะรกลูกกะตาฉัน” พูดจบสาวเจ้าก็เดินถือถาดเข้าบริเวณรั้วบ้านของตน..


ในเวลาสายๆ ขณะที่ดวงเดือนกำลังนั่งแปรงผมส่องกระจกดูใบหน้านวลของตัวเองอยู่นั้น พลันก็ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มสุภาพดูเกรงๆ เจียมตัวๆ ดังอยู่ที่ตีนบันได..“คุณย่าคร้าบ คุณย่า คุณย่าคร้าบ..”

เงียบ!! ไม่มีเสียงตอบ ดวงเดือนค่อยๆ ย่องมาที่หน้าต่าง แอบชะโงกหน้าดูพบหนุ่มหน้าจีนนิยมความเป็นไทยนุ่งกางเกงขาก๊วยสีกรมท่าสวมเสื้อหม้อฮ่อมสีเดียวกันยืนชะเง้อชะแง้ ในมือของเขามีถ้วยของตนใบเมื่อเช้าและถุงใส่ลูกบวบ เห็นดังนั้นหญิงสาวรีบจับชุด ‘ฮันบก’ ชุดประจำชาติของเกาหลีที่สั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต สมัยอยู่ในกรุงเพทฯ ออกมาสวม แล้วรีบออกไปต้อนรับหนุ่มไทยหัวใจไทย..ให้มันสะใจเล่น

“อัน-ยอง-ฮา-เซ-โยะ” ‘สวัสดีค่ะ’ ดวงเดือนทำท่าสุภาพมาก พร้อมกับค้อมหัวให้เล็กน้อย

รักษ์ไทยเห็นดังนั้นรู้สึกงุนงงยิ่งนัก..แต่ก็อดขำในความทะเร้นของอีกคนไม่ได้..

“คัม-ซา –คัม –นี-ดา” ‘ขอบคุณค่ะ’ ว่าแล้วก็รีบดึงทั้งถ้วยและถุงบวบมาถือไว้..
“อัน-ยอง-ฮิ-เก-เซ-โย” ‘ไปก่อนนะคะ’ พูดจบก็รีบวิ่งขึ้นเรือนหนีเข้าไปในครัว..การกระทำเช่นนี้ส่งผลให้รักษ์ไทยต้องเกาหัวแกรก ๆ.. หันหลังกลับเดินรอดรั้วบ้านซึ่งเป็นเพียงแนวไม้ปีก ฝังดินห่างเป็นระยะๆ

เมื่อกลับถึงบ้านซึ่งเป็นเรือนไม้ ใต้ถุนโล่ง กั้นห้องครัวและห้องน้ำ ห้องเก็บของไว้ข้างล่างฝั่งหนึ่ง ข้างบนแบ่งเป็นห้อง นอนและระเบียงชานหันหน้าไปทางแม่น้ำและขุนเขาป่าไม้ ส่วนทางด้านข้างทิศตะวันออกถ้ามองออกมาจะเห็นท้องนาสุดลูกหูลูกตา

บ้านหลังนี้ พ่อของเขามาซื้อหาไว้ตั้งใจว่าจะใช้เป็นที่พักผ่อน แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่ได้มาใช้ จนกระทั่งเขามาเห็นแล้วรู้สึกชอบเป็นอย่างมาก จึงได้ขอมาอยู่และทำงานที่ใจรักไปในขณะเดียวกัน

ในเวลาสายๆ เช่นนี้ ปกติเขาจะนั่งสงบนิ่งที่เก้าอี้โยกริมระเบียงซึ่งหันไปทางแม่น้ำ หรือไม่ก็ไปนั่งที่สะพาน “เชื่อมฝัน” สะพานที่ใช้ปีกไม้สร้างพาดไปสู่กลางลำน้ำที่พื้นล่างเป็นโขดหินก้อนเล็กก้อนใหญ่และเม็ดทรายกรวดหยาบ สายลมยามสายกับดอกหญ้าดอกเล็กๆ สีเหลืองสีม่วงริมธาร ทำให้มีอารมณ์ครุ่นคิดถึงงานสร้างสรรค์ เมื่อความคิดดีที่สุดเกิดขึ้น เขาต้องรีบกลับเข้าไปทำงานในห้องแอร์ในอาคารห้องสมุด จนกระทั่งได้เวลาเที่ยงจึงจะออกมายืดเส้นยืดสาย หาอาหารกลางวันที่ทำเองง่ายๆ จำพวกไข่เจียว ผัดผัก แกงจืด ใส่ท้อง

..เมื่อท้องอิ่ม ..หลับสักงีบ ..แล้วลุกขึ้นมาทำงานเขียนต่อ ถ้ามันล้ามากก็ผ่อนคลายโดยการเดินเข้าไปในสวน ดูแลเปิดปั้มดึงน้ำขึ้นจากแม่น้ำให้ไหลไปตามท่อพีวีซีสู่โคนต้น..หรือไม่ก็ไปป้วนเปี้ยนบริเวณแปลงพืชผักสวนครัวที่ได้เด็กๆ ช่วยขุดดิน ช่วยปลูกช่วยรดน้ำเพียงแลกกับการได้มีโอกาสกระโดดโลดเต้นหรือฟังนิทานอ่านหนังสือการ์ตูนภายในบริเวณบ้าน

มองดูชีวิตตนเองในเวลานี้รู้สึกมีความสุขเหลือกำลัง...ไม่ต้องตื่นแต่เช้าด้วยภาวะจำยอม ไม่ต้องขับรถท่ามกลางฝุ่นควันและเพื่อนร่วมถนนที่ใจคอคับแคบ ไม่ต้องสูดอากาศที่เต็มไปด้วยมลภาวะ ไม่ต้องเดินเข้าร้านเสื้อผ้าบ่อยๆ ใช้เงินมากมายไปกับอาหารดีมีคลาสอย่างแต่ก่อน ไม่มีสังคมที่ฟุ้งเฟ้ออวดร่ำอวดรวย พูดถึงธุรกิจและการเมืองที่ผกผัน

“เหมาะแล้วว่ะ สำหรับแก บ้านไร่รอรัก..หวังว่าแกคงจะเจอคนที่ใช่แทนคุณหนูใหญ่นะ..ดูแลตัวเองดีๆ นะเพื่อน..อย่าได้หลงเสน่ห์น้องนางบ้านนานะโว้ย ไม่งั้นแม่แก อกแตกตายแน่..”

หนึ่งปีที่เขามาอยู่ที่นี่ มีก็แต่นายเจริญสุขคนเดียวที่มาเยี่ยมอยู่เนื่องๆ คนอื่นๆ นั้น นานๆ ถึงจะมากันสักที ..ส่วนคุณหนูเล็กนั้นมักจะมีการ์ดในทุกเทศกาลและโปสการ์ดเวลาออกไปเที่ยวตามต่างจังหวัด

..บ้านก็พร้อม..ฐานะก็พร้อม ตัวก็พร้อม ขาดอย่างเดียวแหละ..คุณผู้หญิงของบ้าน..



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2554, 09:11:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2554, 09:11:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1727





<< 1.ฉบับรีไรท์   3. ฉบับรีไรท์ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account