องค์การบริหารส่วนหัวใจ # เฟื่องนคร
ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน นำมาซึ่งความสุข
Tags: โรแมนติก คอมาดี้

ตอน: 3. ฉบับรีไรท์


3.






“หลวงพี่ไม่รู้สึกนึกอยากแก้แค้นบ้างหรือเจ้าค่ะ”

“ไม่”

“แต่มันฆ่าพ่อของเรานะคะ”

“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตามจักได้รับผลกรรมนั้นแล” คนเป็นพี่ที่เป็นพระ.. ท่องทำนองสรภัญญะให้ฟังหน้าตาเฉย

“หลวงพี่นี่ไม่ได้ดังใจเลย..แต่ไม่เป็นไร..หากหลวงพี่ไม่ช่วยหนูจะทำเองก็ได้..” ว่าแล้วคนเป็นน้องก็ทำท่าจะลุกขึ้น

“เดี๋ยว..” หลวงพี่เรียกไว้..แต่ว่าหาใช่เรื่องเดียวกับที่คนเป็นน้องมีสีหน้ากระหยิ่มใจ

“คราวหลังมาวัดนะ นุ่งห่มให้มันพอตากว่านี้หน่อยได้ไหม กระโปรงบานสั้น อย่างนี้ไม่อนุญาต ต่อแต่นี้ต้องเขียนติดที่หน้าประตูวัดซะมั้ง..”

“พี่อ่ะ..” ว่าดวงเดือนแล้วก็รีบเดินแกมย่องลงจากศาลา พอลงมาก็พบกับคู่ปรับในทันที..และที่สำคัญเขาคนนั้นกำลังยืนเหยียบอยู่บนรองเท้าของตน..หญิงสาวมองหน้าแล้วก็เหลือบตามองที่เท้า..

“โอ้โฮ้ มองหัวจรดเท้าเลยรึคุณนาย..”

“เรียกฉันว่าอะไร..”

“คุณนายไง เป็นแฟนนายตำรวจก็เรียกคุณนายไม่ถูกรึ..และที่สำคัญนะ เป็นแค่คุณนาย เป็นคนเหมือนกันครับ ไม่ต้องมองอย่างนั้นก็ได้”

“อีตาบ้า ฉันกำลังเซ็งปากอยู่พอดี..โอเค ..ไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย คุณยืนเหยียบรองเท้าฉัน กรุณาถอยออกไปที..” ว่าแล้วก็ผลักอกอีกคนจนเซไปข้างหลัง

“เล่นแรงขนาดนี้เลยรึ..”

“แล้วคุณล่ะไม่แรงหรือ จู่ๆ ก็มาว่าฉันมองคนตั้งแต่หัวจรดเท้า จริงๆ ฉันไม่ชอบที่ใครจะมาคิดว่าฉันเป็นเย่อหยิ่งถือเนื้อถือตัวว่าดีว่าเลิศ”

“ครับคุณไม่ถือเนื้อถือตัวหรอก คุณพอใจจะไปไหนกับใครก็ไป..เดี๋ยวตำรวจ เดี๋ยวนายก อบต. สับรางรถไฟเก่ง เคยฝึกงานอยู่ที่ ร.ฟ.ท. รึ”

“เฮ้ย..คุณนี่มันอย่างไรนะ..ฉันคิดว่าคนแถว ๆ นี้ปากหอยปากปูอยู่ที่เดียว คุณมาจากที่อื่นคงไม่เป็นอย่างเขา..แต่นี่..คงจะติดนิสัยคนแถวนี้เข้าให้แล้ว”

“คนแถวนี้ มันก็เห็นมีแต่ญาติข้างพ่อข้างแม่คุณทั้งนั้น ..” ปากของรักษ์ไทยก็ใช่ย่อย..

เมื่อเห็นว่าเปลืองตัว ดวงเดือนจึงไปที่มอเตอร์ไซด์คันที่ขอยืมแม่มาแล้วรีบสต๊าท ด้วยท่าทีมีโมโห ส่งผลให้พลาดจนมันกระเด้งกลับมาตีที่หน้าแข้ง..

“โอ๊ย..ซวยจริงๆ เลย เพราะนายแท้ๆ..เชียว” หญิงสาวจ้องหน้าอาฆาตไว้ ก่อนจะขับรถลับหายไป

เมื่อหญิงสาวไปแล้ว รักษ์ไทยจึงรีบเดินขึ้นศาลาวัดไปก้มกราบหลวงพี่เอกชัย เจ้าอาวาสผู้มีอายุไม่ห่างจากตน..

“เป็นไงน้องสาวอาตมา..”

รักษ์ไทยหัวเราะนิดๆ ไม่ตอบว่ากะไร

“ฝากช่วยดูแลหน่อยนะ ..ที่บ้านก็มีแต่คนแก่กับผู้หญิง คนนิสัยไม่ดีรู้เข้าอาจจะกลั่นแกล้งเอาได้..นี่จริงๆ เจ้าตัวเขาไม่เต็มใจจะกลับมาอยู่ที่บ้านหรอก เป็นเพราะอาตมาไม่ยอมสึกออกไป โยมแม่กับโยมย่าจึงต้องไปบังคับให้เค้ากลับมา...อย่างว่าคนเคยอยู่กับแสง สี เสียง ความทันสมัยนานๆ คงเบื่ออะไรที่สงบๆ อย่างที่นี่..ผิดกับโยมเนอะ..หนีออกจากความเจริญมาได้หน้าตาเฉย..”

“เป็นช่วงจังหวะชีวิตนะครับ..แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ได้ลงมาอยู่เต็มตัวหรอกครับ ยังมีภาระหน้าที่ทางกรุงเทพอยู่อีกเยอะแยะเพียงแต่ตอนนี้อยากสร้างผลงานชิ้นเอกให้เสร็จสิ้นก่อนก็เท่านั้น”

“ดูแล้วคงไม่สร้างเฉพาะผลงานของตนหรอก คุณโยมมีใจกว้างรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักแบ่งปันสิ่งที่ตนมีให้กับคนอื่น รู้จักเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีแก่เยาวชน โยมกลับไป คนที่นี่คงคิดถึงโยมกัน...เป็นไงห้องสมุดของโยมมีใครมาใช้บ้างไหม..”

“ก็มีแต่เด็กๆ ครับ..ส่วนพวกชาวบ้านนี่คงยากเพราะต้องทำมาหากินกัน..ก็นาที่นี่ทำได้ทั้งปี ใครที่ไหนจะมีเวลามาละเลียดตัวหนังสือเข้าสมองล่ะครับ..”

“ใช่..แค่มาวัดทำบุญยังหามาไม่ได้เลย ศีลธรรมมันก็เลยเสื่อมลงๆ ทุกวัน..” คนเป็นพระถอนหายใจออกมาแล้วก็ยิ้มนิดๆ

“ตกลง หลวงพี่จะทำอย่างไร”

“สงกรานต์นะรึ คุยกับคณะกรรมวัดไว้บ้างแล้ว คงคิดหาวิธีรวมคนในหมู่บ้านให้มาสนุกสนานแล้วก็เอาบุญเอากุศลกัน..โยมมานะ เขาก็บอกว่าจะช่วยเต็มที่ คงไม่ยากหรอก เขาพวกๆ กันทั้งนั้น ทั้งผู้ใหญ่บ้านกำนันและอบต. ครูที่โรงเรียน..อาตมาอยู่วัดก็แค่คอยดูแลเรื่องสถานที่..คอยทำหน้าที่ของพระ ออกกฏห้ามว่าอย่านำสุราเข้ามาในนี้ก็เท่านั้น..”

“ทำได้หรือครับ..”

“ยากมาก..แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ให้มันกินทั้งที่รู้ว่าผิดดีกว่ากินกันอย่างหน้าชื่นตาบานต่อหน้าพระประธานบนศาลา โยมว่าไหม”

“ครับ”..


ออกมาจากวัดแล้วดวงเดือนก็ขับมอเตอร์ไซด์มาหาพรรณนา ที่ร้านเสริมสวย แต่หญิงสาวไม่อยู่บ้าน ดวงเดือนจึงกลับมาที่ร้านแม่ เห็นว่ากำลังคิดบัญชียุ่งๆ อยู่กับพวกเซลล์ส่งของ หญิงสาวจึงคว้าหมวกแล้วจับจักรยานปั่นไปหานายต้อมกับนวล เพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนประถมซึ่งโตขึ้นมาก็รักใคร่ชอบพอสร้างฐานะอยู่ด้วยกัน..

“เฮ้ยเดือนเป็นไงมาอย่างไรง่ะว่ะ..” นายต้อมกุลีกุจอเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“..นวลล่ะ”

“ดูแลเด็กๆ อยู่บนเรือน..”

“กี่ขวบแล้วลูกพวกแก..”

“คนโตเจ็ดขวบแล้วเท่ากับลูกพี่มานะ..คนเล็กนี่ก็สามขวบอยู่ชั้นอนุบาล...แล้วแกล่ะ เมื่อไหร่จะมีสามีสักคน..”

“ถามเรื่องอื่นได้ไหม เบื่อจังเลย ถามจริงๆ เถอะ การอยู่เป็นโสดนี่มันเป็นเรื่องไม่ดีหรือวะ..”

“ไม่รู้..รู้แต่ว่ามันคงเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะปกติใครๆ เขาก็แต่งงานมีผัวมีเมียกัน เอ็งว่าจริงไหมล่ะ”

“อือ..จริงๆ มั้ง...วันนี้เซ็งวะ บ้านเองมีอะไรให้ทำบ้าง..”

“ทำเปลือกหอยให้แตกแล้วเอาไปโยนให้เป็ดกิน เอ็งสนไหมล่ะ”

“ไม่หรอก ..พระพี่ฉันรู้ เดี๋ยวด่าเปิงเอาอีก..”

“จะเข้าวัดก็เบื่อเรื่องบาปเรื่องกรรมนี่แหละ ไม่รู้เสียดีกว่า เลี้ยง
เป็ดก็บาป เลี้ยงปลาก็บาป มัวแต่กลัวบาปพอดีอดตายกันพอดี..”

“แล้วแกพอรู้อะไรดีๆ บ้างไหมว่ะ” ดวงเดือนเดินไปนั่งที่แคร่ใต้ต้นมะขาม นายต้อมเดินตามไปนั่งใกล้ๆ กัน ด้วยเป็นญาติห่างๆ ด้วย หญิงสาวจึงไม่ได้รู้สึกกลัวว่าเมียของนายต้อมจะมาหึงหวง

“เรื่องคนอยู่เบื้องหลังการตายของพ่อฉันน่ะ..”

นายต้อมหันซ้ายหันขวา..“ที่เขาคุยกันๆ ก็ว่าพี่มานะ แต่บางคนก็
ว่าน่าจะเป็นตาสมศักดิ์ผู้สมัครอีกคน แต่บางคนก็ว่าเป็นพ่อค้าข้าวด้วยกัน

..บางคนก็ว่าเป็นลูกหนี้ฆ่าล้างหนี้..”

“ประเด็นนี้ฉันรู้มานานแล้ว เอาแบบที่แกคิดว่าน่าจะใช่”

“ฉันว่าพี่มานะ เพราะก่อนหน้านั้นก็มีปัญหากันในอบต.มาแล้วในสมัยก่อน ก็เรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัวนี่แหละ..พ่อแกอยากจะให้บริษัทที่รวมทุนอยู่มาประมูลงานแล้วได้งานไปบ้าง..ทางนายก อบต.ก็ช่วยพวกเขาให้ชนะไปไง..พ่อแกก็โวยวาย..ทีนี้พ่อแกเริ่มหาพรรคหาพวกใน อบต.ด้วยกัน กะว่าสมัยหน้าหากเลือกตั้งใหม่ได้เข้าไป..ก็จะขึ้นไปนั่งแทนที่..”

“พี่มานะนะหรือ”

“อาจจะไม่ใช่ก็ได้ แค่สันนิษฐานเอ็งอย่าคิดมากเลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไปเถอะ”


คุยกันได้สักพัก ดวงเดือนก็ปั่นจักรยานกลับมาที่บ้านด้วยความรู้สึกสลัดตัวทุกข์ออกจากใจไม่หลุด พอมาถึงพบว่าที่บ้านเงียบเชียบ..สงสัยว่าผู้เป็นย่าหายไปไหน จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะกิ๊กกั๊กอยู่ที่แคร่ใต้ถุนบ้านของนายรักษ์ไทย..หญิงสาวจึงรอดรั้วตามเข้าไป

“ย่า มาทำอะไรที่นี่เนี่ย”

“พรุ่งนี้วันเสาร์จะสอนเด็กๆ จากชมรมเด็กดีศรีบ้านนา ทำขนมกล้วย”

“ขนมกล้วย ทำทำไม ใครๆ เขาก็ทำกันได้”

หญิงสาวชายตามองหนุ่มร่างหนาทึบผู้มีดวงตาเจ้าเล่ห์แพรวพราว เจ้าของบ้านซึ่งนั่งเช็ดใบตองด้วยท่าทางมีความสุข เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด

“แต่พ่อแม่มันไม่มีเวลามาสอนลูกๆ แล้ว เด็กสมัยนี้ก็ทำกันไม่เป็น”

“ครูที่โรงเรียนก็สอน..”

“ทำกินกันเองในกลุ่ม เด็กเล็กเด็กโตผสมกันมันน่าจะดีกว่าที่โรงเรียนสอนแบบบังคับ..” รักษ์ไทยซึ่งนั่งเช็ดใบตองอยู่ด้วยแทรกขึ้นมา..

“ใครถาม..” หญิงสาวถามเสียงเข้ม

“..เอ๊ะนี่ เด็กคนนี้ ไม่รู้จักสัมมาคารวะ รู้ไหมว่าพี่รักษ์ไทยเขาแก่กว่าตัวนะ” ปากย่าก็ว่าไป แต่สายตาของดวงเดือนเห็น หนุ่มนามรักษ์ไทยซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังของย่าทำหน้าตายียวนกวนประสาทให้..

หญิงสาวได้แต่แยกเขี้ยวแล้วก็รีบเดินกลับมาที่บ้าน พร้อมกับเปิดเพลงเทคโนแดนซ์ดังสนั่นลั่นทุ่ง..เด็กผู้ชายที่เล่นน้ำอยู่ที่ลำห้วย เมื่อได้ยินเสียงเพลงก็รีบวิ่งไปที่เรือนย่าหนู แล้วโยกย้ายส่ายสะโพกพร้อมกับหญิงสาวสดใสอย่างสนุกสนาน..

“ดู๊ ..ดูมันทำ..เหลือเกินหลานสาวฉัน..”

“ปล่อยเถอะครับ แกคงเซ็ง ไม่ชินกับบรรยากาศที่นี่นะครับ”

“ไม่ชินได้อย่างไร มันอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดนะ”

“แต่เขาเคยไปอยู่ในเมืองมานานนะครับคุณย่า คงต้องให้เวลาเขาสักพัก..เชื่อผมเถอะครับแล้วเขาจะค่อยๆ ดีขึ้น..”


ในตอนตะวันชิงพลบดวงเดือนไปหยุดยืนที่ริมธารน้ำฝั่งบ้านของเธอ ตอนนี้เป็นหาดทรายกว้างขวางเพราะรักษ์ไทยมาขอใช้พื้นที่ซึ่งติดกับของเขาให้เด็กช่วยปรับปราบเป็นสนามฟุตบอลโกหนู..ดวงเดือนมองสะพานไม้ที่ทอดไปกลางลำน้ำ..นึกอยากเดินไปนั่งที่ปลายสะพานแล้วใช้เท้าห้อยลงน้ำ..เพื่อบรรเทาอาการเบื่อหน่ายชีวิตอันไร้ทิศทางที่บ้านนอกแห่งนี้..หญิงสาวคิดถึง..แสงสี..เสียงจอแจกับความวุ่นวายที่ทำให้ชีวิตในกรุงเทพมีพลังทุกย่างก้าว

มันคงยากจะได้กลับไป..

“กลับไปอยู่กรุงเทพไม่ได้แล้วใช่ไหม..เมื่ออยู่ไม่ได้ แกก็ต้องหาวิธีอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขที่สุดให้ได้” เสียงของพรรณนาเข้ามาเตือนสติ..

ค่ำคืนนั้นหลังจากจัดการเรื่องอาหารของย่าเรียบร้อยดวงเดือนก็
เข้าห้องพักของตน ปิดประตูลงกลอนแล้วก็หยิบสมุดบันทึกขึ้นมาจรดปากกาลงไป เขียนได้คำเดียวว่า “เบื่อ” แล้วก็ปิดสมุด ไปยืนเกาะขอบหน้าต่าง..ไฟบนเรือนฝั่งตรงกันข้ามรั้วยังเปิดสว่างไสว..หญิงสาวครุ่นคิดว่าเขาทำอะไร..

“แล้วทำไมต้องคิดว่าเขาทำอะไร..” บอกกับตัวเองแล้วก็มาล้มตัวลงนอน นึกถึงอนาคตของตนก็ยิ่งหดหู่ใจ..หลายวันเต็มทีที่อาการหดหู่ใจยังเกาะอยู่ในดวงจิต และมันก็ออกมาทางสีหน้าและท่าทาง..

“เป็นอะไรแม่เดือน” น้ำเสียงของย่าดูเย็นลง..

“หนูเบื่อ ..ที่นี่มันไม่มีอะไรทำ..มันเซ็งมันเหงา”

“ก็เพราะเธอสบายไปนะซิ..มันถึงเป็นอย่างนี้ หัดหาอะไรทำบ้าง..ดูอย่างพ่อรักษ์เขาซิ..”

“อะไรก็เขา ..เซ็งจัง”

“ก็เขารู้จักหาอะไรทำ ชีวิตมันก็เลยมีคุณค่า ดูซิ อย่างย่าอย่างเนี่ย จะตายวันตายพรุ่ง ถ้าเขาไม่เห็นคุณค่าไม่เอาไปสอนพวกเด็กๆ ทำขนมแล้วย่าจะเป็นอย่างไร..ก็คงเฉาอยู่บ้านไปวันๆ กิจกรรมอะไรก็ไม่มีให้ทำ..รอแต่เมื่อไหร่จะถึงวันพระ รอว่าเมื่อไหร่จะได้แต่งตัวไปวัด รอว่าเมื่อไหร่จะเช้าจะได้ใส่บาตร จริงๆ ก็รอว่าเมื่อไหร่จะได้ข่าวลูกหลานคนนั้นคนนี้แต่งงานมีครอบครัวมีความสุข”

“ย่าอยากไปเที่ยวใช่ไหมพูดแบบนี้..” หลานสาวรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

“อยากซิ แต่ให้นั่งรถไกลๆ มันก็ไม่ไหวหรอกมันเหนื่อย”

“หนูก็ขับไกลๆ พาย่าไปเที่ยวไหนๆ ไม่ได้หรอกไม่เคย เคยแต่ขับอยู่แถวบ้านนี่แหละ..”

“จริงๆ ร้อนๆ อย่างนี้ก็นึกอยากไปเที่ยวทะเลนะ แต่คงเป็นแค่ความฝัน..”

“ถ้าย่าอยากไปจริงๆ หนูพาไปได้..”

“ย่าอยากไปจริงๆ แต่ย่าก็อยากพาเพื่อนวัยเดียวกันไปด้วย.. อย่างย่ายังดี พ่อแกเคยพาไปมาแล้ว แต่คนอื่นๆ นะซิ หลายคนนะยังไม่เคยไปไหนเลย”

เมื่อได้ฟังคำของย่า หญิงสาวครุ่นคิดหาวิธี..

“เพื่อนย่าตอนนี้มีกี่คน..”

“ยี่สิบคน..”

“เยอะนะคะ..บ้านเราก็ไกลทะเลด้วย งบคงบานปลาย..”


เมื่อมีเรื่องคาใจ ดวงเดือนจึงไปหานายก อบต.เพื่อปรึกษาหารือ

“ไม่มีงบแบบนั้นหรอกครับ..”

“ถ้ามีก็ดีนะคะ จัดพาคนสูงวัยไปเที่ยวทะเลสักครั้ง..คนแก่ในตำบลคงมีความสุข..แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวหนูจะค่อยๆ หาวิธี”

“วันนี้ว่างไหม..ไปดูหนังกันไหม ในจังหวัด..” มานะทำตาเชื่อมจ้องหน้าหญิงสาวอยู่อย่างนั้น

“ดีหรือคะ..” ดีหรือไม่ดีไม่คิดมากหรอก เมื่อมีคนชวนจึงได้รีบหาทางออกให้กับความเซ็ง..แต่ก็ต้องหาไม้กันหมากัด..

“ไปแวะชวนพรรณนาด้วยนะคะ” แต่พอไปถึง..

“ฉันไม่ว่างซิ มีนัดกับลูกค้าทำผมตอนบ่าย เสียใจด้วยนะ เที่ยวให้สนุกแล้วกัน..” ขณะนั่งรถไปด้วยกันหญิงสาวรู้สึกว่าโลกใบนี้เป็นสีชมพูอีกครั้ง..

“ได้ข่าวว่าเบื่อบ้านนา ..มีใครรออยู่ที่กรุงเทพหรือเปล่า” แล้วมานะก็ถามตรงๆ

“ไม่มีค่ะ ไม่มี..”

“งั้นพี่ก็ยังมีสิทธิ์..” เมื่อได้ฟังหญิงจึงสาวเบือนหน้าไปทางข้างถนน ..กลั้นความรู้สึกดีใจเล็กน้อย..

“เรื่องของเรามันนานมาแล้วนะคะ” แต่ก็ยังเล่นตัว ด้วยพอรู้จักหัวใจของตนเอง

“แต่..” มานะอยากพูดต่อว่า “แต่พี่ยังรักเดือนอยู่นะ” แต่หญิงสาวก็ชิงพูดขึ้นมาว่า..

“อย่าบอกนะคะว่ายังมีหนูอยู่ในหัวใจเหมือนเดิม ไม่เชื่อค่ะ”

“หนุ่มข้างบ้านเป็นอย่างไรบ้าง..เขาดูดีนะ..”

“อย่าไปพูดถึงเขา..พูดแล้วแค้น ...” น้ำเสียงและสีหน้าของดวงเดือนเป็นเช่นนั้นจริงๆ..ในวงสนทนาของหนุ่มๆ บ้านนาในเวลานี้เห็นจะหนีสาวดวงเดือนไปไม่พ้น..บางคนก็ว่าหญิงสาว ประเภทเปิดปุ๊บติดปั๊บด้วยดูจากการแต่งเนื้อแต่งตัว หลายคนจึงอยากลองมาทาบดู..ก็ติดที่เขานี่แหละ รีบเสนอตัวออกไปว่า..สนใจเด็กคนนี้เป็นพิเศษ..แถมพูดทับไปด้วยว่าเคยมีใจให้กันสมัยวัยรุ่น..และก็แก้ตัวเข้าข้างตัวเองไปว่า..ตนก็ไม่ได้โสด จะสนใจทำไมว่าเธอจะสดหรือไม่..เมื่อกันไว้อย่างนี้คนอื่นๆ จึงได้ถอย

“ไปกินข้าวกันต่อนะ..” ออกจากโรงหนังแล้ว มานะก็พาหญิงสาวไปที่ร้านอาหาร..เมื่อไปถึงพบว่า คนที่บ้านอยู่ติดกันนั่งซดเบียร์อยู่กับหนุ่มอีกคน..

“โธ่นึกว่าจะวิเศษวิโสสักแค่ไหน ที่แท้ก็ดีแต่เฉพาะตอนอยู่บ้าน” เมื่อได้ยินดังนั้น มานะชายตาไปแล แล้วก็หันกลับมา..

“ช่วงหลังๆ หมู่บ้านเรากับหมู่บ้านทางปลายน้ำมีคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่เยอะ ความสัมพันธ์ของคนในสังคมจึงไม่ค่อยเหมือนเดิม..นายทุนเป็นส่วนใหญ่เสียด้วย มาถึงซื้อที่แล้วก็ล้อมรั้ว สร้างอาณาจักรในบริเวณของตน..จ้างคนงานเข้าไปดูแล นานๆ จะโผล่มาตากอากาศบริสุทธิ์สักที”

“คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า..หนูล่ะอยากไปให้พ้นบ้านนาเสียจริงๆ แต่ก็ไปไม่พ้น”

“ดื่มเบียร์ไหม..” มานะถามขณะที่บริกรยกเบียร์มาเสิร์ฟ.. ดวงเดือนชายตามองไปที่โต๊ะของรักษ์ไทยสบตากันแล้วก็แสยะเขี้ยวให้ก่อนจะหันกลับมาตอบว่า..

“ไม่หรอกค่ะ ไม่นึกอยากดื่ม..” ตอบไปใจก็คิดว่า รู้นะว่าคิดอะไรอยู่..ชีวิตนี้จะไว้ใจผู้ชายคนไหนได้บ้างเนี่ย..พวกผู้ชายทำไมชอบเห็นผู้หญิงเป็นลูกไก่ คิดแต่จะงาบอย่างเดียว ไม่คิดเลี้ยงไว้ดูเล่นกันเลย..

“อิ่มแล้วเราไปซื้อเสื้อกันไหม ..”

“อย่าเลยค่ะไม่ได้เอาตังค์มา”

“พี่ซื้อให้...”

“เนื่องในโอกาสอะไรค่ะ แค่นี้หนูก็เกรงใจจะแย่แล้ว..”

“ทีเมื่อก่อนไม่เห็นเกรงใจเลย พี่ส่งขนมอะไรให้ก็รับหมด”

“นั่นมันยังไร้เดียงสา ...แต่ตอนนี้รู้เยอะแล้ว ของฟรีๆ ไม่มีในโลก จริงไหม..” ดวงเดือนพูดดักคอให้..ขณะที่อีกคนดื่มเบียร์อักๆ หญิงสาวก็ได้สติคิดว่า..น่าจะมอมเหล้าให้เมาแล้วก็หลอกถามเรื่องพ่อ แต่ดูมันคงจะโง่ไปหน่อย ถึงแม้ว่าเขายอมรับออกมา ตัวเธอเองจะทำอะไรได้ วิธีเดียวที่จะชำระแค้นของพ่อได้ก็คือ ลงสมัครเลือกตั้งเป็นคู่แข่ง..แล้วก็แย่งตำแหน่ง นายก อบต.อย่างที่พ่อต้องการมาให้ได้..ส่วนหมอนี่ทำให้มันตกกระป๋องไป ทำให้มันประมูลงานไม่ได้ ..

“เงียบไป คิดอะไรอยู่รึ..”

“เย็นแล้ว รีบหน่อยนะ ต้องกลับไปทำอาหารให้ย่าตอนเย็น”

“ย่ายังแข็งแรงอยู่เลยเนอะ..ผิดกับพ่อแม่พี่ เจ็บออดๆ แอดๆ กันอยู่เรื่อย”

“ลูกชายหาเงินเก่งนี่ค่ะ..” พูดเพื่อให้ได้คิดว่า เงินที่ได้มานั้น เป็นเงินบริสุทธิ์หรือไม่ แต่ดูเหมือนมานะจะไม่ได้ใส่ใจ..

“อิ่มแล้วไปช่วยพี่ซื้อเสื้อผ้าให้วีนัสหน่อยนะ พี่กะไม่ถูกหรอก..นะๆ..”

ซื้อให้วีนัสลูกสาวเขาแล้ว มานะยังซื้อให้ดวงเดือนอีกตั้งสองชุด..


เขาขับรถมาส่งที่บ้านในตอนพลบค่ำ เมื่อลงจากรถหลังคารวะร่ำลากันแล้ว..ดวงเดือนก็รีบวิ่งขึ้นบนเรือนด้วยท่าทีชื่นมื่น แล้วท่าทีนั้นต้องสลดลงเมื่อพบว่าแม่จันทรานั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ สำรับของย่าหนู

“หายไปไหนมาแม่ตัวดี ฉันมอบหน้าที่เพียงดูแลย่าแกก็ยังทำ
ไม่ได้..แล้วนึกอย่างไรไปกับเขา แกไม่รู้รึ พ่อหม้ายไปกับใครก็เป็นข่าวทั้งนั้น แกนี่ทำไมสร้างแต่เรื่องหนักใจให้กับฉันนะ”

“แต่หนูไม่ได้..”

“แกพูดไปแล้วใครมันจะเชื่อ ที่ตลาดมันเริ่มลือตั้งแต่แกนั่งรถออกจากบ้านนาไปกับเขาแล้ว ยิ่งกลับมามืดค่ำแบบนี้..ดวงเดือน แม่ยื่นคำขาดนะ..ต่อไป”

“แม่..แม่จะบังคับหนูไปถึงไหน..หนูกลับมาอยู่บ้านนี่ แม่ยังบังคับหนูไม่พออีกหรือ แม่รู้ไหมว่าหนูอึดอัดใจแค่ไหน วันๆ มันมีแต่อะไรที่มันไม่ใช่สิ่งที่หนูอยากทำทั้งนั้น..แต่งตัวก็ไม่ได้..จะออกไปไหนๆ กับใครก็ไม่ได้..หนูเบื่อแม่รู้ไหมว่าหนูเบื่อ..”

ระบายความในใจออกมาแล้วคนเป็นลูกสาวก็วิ่งหนีเข้าห้องปิดประตูลงกลอน จันทราหันมามองหน้าแม่ผัว..ซึ่งกำลังเคี้ยวอาหารอย่างเหนื่อยใจ..

“แม่ ขืนมันยังทำตัวอย่างนี้ ค่าของมันจะยิ่งตกลงเรื่อยๆ”

“ก็ลองเชื่อมันดูเถอะ ถ้ามันไม่รักดี มันก็คงไม่คว้าปริญญาตรีกลับบ้านมาไม่ได้หรอก คนแรดๆ อย่างเดียว ป่านนี้มันคงท้องลูกโตไปแล้วมั้งแม่จันทรา..”

“ถ้าคนอื่นคิดอย่างแม่ หนูคงไม่ต้องมากลุ้มอย่างนี้หรอก..งานที่ร้านก็เหนื่อย จะให้ออกไปช่วยก็อ้างแต่ว่าไม่ชอบๆ พระก็บวชไม่ยอมสึก แม่คิดดูซิคะ คนที่มีลูกแล้วเหมือนไม่มี หัวอกมันจะเป็นอย่างไร”

ย่าหนูละช้อนข้าวแล้วมองหน้าลูกสะใภ้

“ก็เกิดมาเป็นแม่เขานี่ ลูกเป็นอย่างไรมันก็ต้องทน..แต่แม่ว่า เด็กสองคนนี่ เขาก็น่ารักในแบบของเขานะ ดูให้ดีๆ ซิ”

สำหรับนวนิยาย อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง โดย ชอนตะวัน จะตีพิมพ์ แบบตามสั่งหรือปริ้นออนดีมานด์ หรือ จะเรียกว่าหนังสือทำมือก็ได้ครับ.. ราคาพร้อมค่าจัดส่ง 350 บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ f_nakhon@hotmail.com//// มีหนังสือพร้อมส่ง

สำหรับนวนิยาย อลวน ถนน หัวใจ โดย เฟื่องนคร จะตีพิมพ์ แบบตามสั่งหรือปริ้นออนดีมานด์ หรือ จะเรียกว่าหนังสือทำมือก็ได้ครับ.. ราคาพร้อมค่าจัดส่ง 200 บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ f_nakhon@hotmail.com //// มีหนังสือพร้อมส่ง

สำหรับนวนิยาย อรุณสวัสดิ์หัวใจ โดย ชอนตะวัน ตีพิมพ์ แบบตามสั่งหรือปริ้นออนดีมานด์ หรือ จะเรียกว่าหนังสือทำมือก็ได้ครับ.. ราคาพร้อมค่าจัดส่ง 200 บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ f_nakhon@hotmail.com //// มีหนังสือพร้อมส่ง

สำหรับนวนิยาย องค์การบริหารส่วนหัวใจ พิมพ์ครั้งที่ 2 โดย เฟื่องนคร ตีพิมพ์ แบบตามสั่งหรือปริ้นออนดีมานด์ หรือ จะเรียกว่าหนังสือทำมือก็ได้ครับ.. ราคาพร้อมค่าจัดส่ง 200 บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ f_nakhon@hotmail.com //// มีหนังสือพร้อมส่ง



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2554, 06:24:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2554, 06:24:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1554





<< 2. ฉบับรีไรท์   4. รีไรท์ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account