องค์การบริหารส่วนหัวใจ # เฟื่องนคร
ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน นำมาซึ่งความสุข
Tags: โรแมนติก คอมาดี้

ตอน: 4. รีไรท์

4.






เช้าวันรุ่งขึ้นดวงเดือนได้พบกับรักษ์ไทยและหนุ่มหน้าตี๋อีกคน
ยืนรอใส่บาตรเคียงกัน..เมื่อย่าหนูไม่มา รักษ์ไทยจึงสงบปากสงบคำไม่พูดอะไร แต่เพื่อนของเขานายเจริญสุข ทำทีท่าไม่สบายใจที่เพื่อนไม่แนะนำคนบ้านติดกันให้รู้จักกันไว้ “ยูจะไม่แนะนำจริงๆ รึ ..”

“ย่าไปไหน..” พอเจริญสุขกระทุ้งรักษ์ไทยจึงเปรยเบาๆ ถามดวงเดือนอย่างเสียไม่ได้

“วันนี้รู้สึกเหนื่อย เดินออกมาไม่ไหว..” ดวงเดือนตอบห้วนๆ แค่นั้น แล้วก็หันไปทางอื่น..

“นี่เพื่อนฉัน เจริญสุข..และนั่นดวงเดือน..เดลลี่ เกาหลี..” ท้ายประโยคคล้ายจะว่ากระทบให้ ส่งผลให้หญิงสาวรีบหันขวับมาทันที..

เจริญสุขพอรู้สถานการณ์ไม่สู้ดีตั้งแต่เมื่อวานที่ร้านอาหาร จึงรีบแทรกขึ้นว่า..“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณดวงเดือน..”

“เรียกฉันว่าเดลลี่เกาหลีก็ได้ฉันชอบ..”

“ครับคุณเดลลี่เกาหลี” พอเจริญสุขพูดดังนั้น รักษ์ไทยก็หัวเราะก๊ากในทันที หญิงสาวเดินกลับมายืนประชิดแล้วก็จ้องหน้า..

“หัวเราะอะไร ขำ-อะ-ไร..”

“เปล่า ขำพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกไม่ได้รึ” รักษ์ไทยว่าไปโน่น

“คิดว่าขำเรื่องชื่อฉัน จำไว้นะ ห้ามวิพากษ์วิจารณ์อะไรเกี่ยวกับฉันเด็ดขาด..เพื่อนคุณด้วย” พูดพลางทำท่าจะเอาเรื่องให้ได้

“ผมไม่เกี่ยวนะครับ..” เจริญสุขรีบออกตัว

“เป็นเพื่อนกันทำไมจะไม่เกี่ยว” หญิงสาวชายตามองคนสองคนที่ยืนทำหน้าปั้นยากอยู่เคียงกัน หนุ่มทั้งคู่หน้าตาดีทีเดียว แต่งเนื้อแต่งตัวสะอาดสะอ้าน เนี้ยบไปทุกอิริยาบถ ไม่เหมือนพี่มานะ ขานั้นดูมาดแมนลุยๆ แต่สองคนนี้ดูอรชรอ่อนหวาน..หรือว่า

“อี้..” คิดไว้ก่อนว่าต้องเป็นเกย์ชัวร์ คู่ขาแน่ๆ..

“คิดไม่ซื่อกับผมอีกนะซิ” รักษ์ไทยดักคอทันที

“ฉันไม่อยากจะกัดกับคุณให้เสียอารมณ์ทำบุญหรอก..จะเป็นอะไรก็เรื่องของคุณ..”

“แต่สายตาของคุณมันฟ้องว่า คุณกล่าวหาว่าผมสองคนเป็นเกย์”

“แน้!! รู้ด้วย คุณนี่เก่งจริงๆ นะ อ่านสายตาก็ออก งั้นลองอ่านสายตาฉันต่อไปซิ ว่าฉันคิดอะไร” ว่าแล้วหญิงสาวก็ถลึงตาใส่ ชายหนุ่มจึงหันมาจ้องตากลมโตแต่ชั้นเดียวบ้าง..

“ตาคุณมีขี้ตา” ว่าแล้วก็เบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ..หญิงสาวหันกับมาแคะดูว่ามีขี้ตาจริงๆ หรือไม่ เมื่อเห็นว่ามี ถึงกับเขินหน้าแดงทีเดียว..

“เป็นสาวเป็นนาง ก่อนออกจากบ้านหัดเช็คดูสภาพใบหน้าก่อนนะ แล้วนี่ทำอะไรมาใส่บาตร..ทำเองหรือคุณย่าทำเนี่ย..ดูสารรูปแล้วน่าจะเป็นฝีมือตัวเองนะ ขะมุกขะมอมน่าดู..”

“นี่ปากน่ะ ไม่มีอะไรจะพูดหรืออย่างไร..มันบาปนะที่ได้ตำหนิผลทานของคนอื่น..ระวังจะได้เมียขี้เหร่แล้วกัน”

“เมื่อกี้ก็ให้ผมเป็นเกย์ ตอนนี้จะให้มีเมียขี้เหร่อีกแล้ว จะเอาอย่างไรแน่แม่คุณ แม่ทูนหัว..เมื่อวานเป็นไงไปกับคนมีสี..กับข้าวอร่อยไหม”

“ฉันบอกแล้วไงอย่าก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของฉัน..”

“นี่..พวกเธอสองคนหยุดทะเลาะกันสักทีเถอะรำคาญจริงๆ พระมาแล้ว..” เจริญสุขจำต้องห้ามทัพ..เมื่อคณะสงฆ์เดินมาถึง ดวงเดือนก็ทำท่าสงบเสงี่ยมได้อย่างดียิ่ง จนรักษ์ไทยรู้สึกแปลกตา

หญิงสาวค่อยๆ ประจงตักข้าวสวยใส่บาตรพระ แล้วก็หยิบดอกไม้ธูปเทียนเทินฝาบาตรก่อนจะเลี่ยงนั่งลงรับพรด้วยท่าทางอ่อนช้อย..

เมื่อพระเดินไปแล้ว เดลลี่เกาหลีคนเดิมก็กลับมา หญิงสาวลุกขึ้นปรู๊ดแล้วก็วิ่งสลับเท้ากลับเข้าบ้านไป..
“น่าสนว่ะ มาจากไหนเนี่ย” เจริญสุขเพ้อขึ้นมาทันทีเช่นกัน

“นายชอบแม่นกหงส์หยกนี่ก็บ้าแล้ว วันๆ ดีแต่แต่งตัวไม่คิดทำงานทำการอะไรหรอก..”


ในเวลาสาย แสงแดดทอดลำผ่านกิ่งไม้ใบบาง ที่บ้านดวงเดือนต้อน รับหนุ่มทั้งคู่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามีข้าวต้มร้อนๆ ติดมือมาด้วย..

“ได้ข่าวว่าคุณย่าไม่ค่อยจะดี ผมก็เลยทำข้าวต้มหมูมาฝาก..คือ.. เกรงว่าจะกินของที่มีอยู่ไม่ค่อยลื่นคอ..” กิริยาคือส่งจานข้าวต้มวางอยู่ตรงหน้าย่าหนู แต่สายตากลับจ้องทำตาปลิ้นใส่ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน

“ขอบใจมาก จำเริญๆ เถอะพ่อคุณ” เป็นคำให้พรที่เขาเคยชิน..เมื่อเห็นย่าคนนี้แล้วนึกถึงย่ากับของตนเช่นกัน..หลังจากอากงฝังลงดินได้ไม่นาน ย่าผู้เป็นคนไทยแท้ก็เสียชีวิตด้วยอาการตรอมใจตาย รักกันลำบากมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมานาน เมื่อสูญเสียอีกคนหนึ่งไป เขาเข้าใจความรู้สึกของคนที่สิ้นหวัง..อยู่อย่างคนไร้หัวใจเป็นอย่างไร

ขณะที่รักษ์ไทยกำลังประจ๋อประแจ๋อยู่กับย่า ดวงเดือนก็เลี่ยงเดินออกไป จนไปหยุดอยู่ที่สะพานที่ทอดตัวสู่กลางลำธาร..ที่ตรงนี้..ครั้งเธอเด็กๆ ..เล่นน้ำสนุกสนาน..ว่ายน้ำเหนื่อยๆ ก็หยุดไปเก็บผลหมากรากไม้มากิน..เมื่อมีบ้านหลังนั้น เมื่อเขามาอยู่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป..

ตะเกียงจากขวดเครื่องดื่มชูกำลังวางไว้บนคบไม้ไผ่ปักลงกับดินซึ่งปักลงดินเป็นทิวแถว..วันดีคืนดีเขาก็ลงมาจุดจนสว่างไสวพลอยให้ตื่นหูตื่นตา

เจริญสุขเห็นหญิงสาวยืนอยู่บนสะพาน จึงเลี่ยงจากรักษ์ไทยและย่าหนู มาหาด้วยอยากรู้นิสัยใจคอให้ลึกซึ้ง เผื่อบางที เพื่อนที่อยู่ทางนี้จะได้มีคนรักษาแผลใจ..

“คุณทำงานอะไร” ดวงเดือนถามตรงๆ..เมื่อเห็นเขาเดินยิ้มเข้ามาหา

“ผมเหรอ ผมเป็นบรรณาธิการอยู่สำนักพิมพ์”

“แล้วเพื่อนคุณล่ะไม่เห็นทำอะไร ถ้าเป็นสมัยที่ยาบ้ายังเต็มเมืองอยู่ ไม่มีการฆ่าตัดตอน ฉันก็คงจะสงสัยว่าเค้าค้ายา แต่นี่ไม่มีแล้ว เขาก็ยังอยู่ดีมีสุขกับสวนผลไม้ต้นเล็กๆ เพียงไม่กี่ไร่ ..มีรถยนต์คันใหญ่ขับ มีบ้านหลังใหญ่ มีเงินใช้ฟุ่มเฟือย..น่าสงสัยชะมัด”

“แล้วทำไมไม่ถามเขาเองล่ะ”

“ถามทำไม ถามก็กัดกันอีกนะซิ..อย่าพูดถึงเขาเลย..จะเป็นอะไรก็ช่างเขาเถอะ ว่าแต่คุณกับเขาไม่มีอะไรกันแน่นะ” คนถามจ้องลึกไปในลูกนัยน์เพื่อค้นหาความจริง..

“แต่ก็เป็นคำถามที่ยังไม่พ้นตัวเขาอยู่ดีนะครับ” เจริญสุขเตือนสติ

“งั้นจะให้คุยเรื่องอะไร ก็ฉันไม่รู้จักคุณนี่..เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นบรรณาธิการ โอ๊ะ...หนังสือแนวไหน” ดวงเดือนถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเพราะคิดลึกไปว่า หนังสือของเพื่อนนายรักษ์ไทยอาจจะเป็นหนังสือติดเรทที่เพื่อนผู้ชายชอบสะสมกัน แต่ว่ายิ้มนิดๆ ของดวงเดือนนั้นไม่ได้ทำให้เจริญสุขฉงนใจเลยสักนิด

เขากลับคิดว่า ดวงเดือนที่เพื่อนของเขาบอกว่านิยม ‘เกาหลี’ คงจะเว้นวรรคถามถึงงานที่ตัวเองชอบ เขาจึงตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยไปว่า “วัยรุ่นทันสมัยนะครับ ตอนนี้เกาหลีกำลังมาแรงในเครือของเรา
ก็มีอยู่บ้าง..”

“งั้นคุณก็รู้เรื่องดาราเกาหลีเยอะแยะเลยซิ”

“พอรู้ครับ..จริงๆ ตรงนี้ก็จะมีบรรณาธิการพิเศษอีกคน..แต่ก็ต้องอ่านงานเขาอยู่เหมือนกัน”

เมื่อคุยกันเรื่องถูกใจ จึงได้ถูกคอเป็นพิเศษ พิเศษจนกระทั่ง บก.เจริญสุข ต้องชวนไปทำข้อมูลท่องเที่ยวแก่งลานนกยูงและสถานที่พายเรือคายัคในบริเวณอุทยานแห่งชาติ....


เมื่อได้แต่งตัวออกจากบ้าน ดูหญิงสาวมีชีวิตชีวาผิดเมื่อครู่ เห็นดังนั้นรักษ์ไทยอดเหน็บขึ้นมาไม่ได้อีก

“อยู่บ้านปั้นหน้าอย่าง นอกบ้านปั้นหน้าอย่าง..ทำได้ไง” คนนั่งอยู่เบาะท้ายเปรยขึ้นเมื่อเห็นดวงเดือนหัวร่อต่อกระซิกกับคนขับ.. ดวงเดือนรู้ว่าเขาหมายถึงตน แต่เวลานี้เรื่องอะไรจะเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ..

กระทั่งไปถึงหน่วยป่าไม้ เจริญสุขก็เข้าไปแนะนำตัวกับหัวหน้าหน่วย ขอความร่วมมือและขออนุญาตนำเสนอเรื่องราวท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ของที่นี่ ถึงตรงนี้ ดวงเดือนก็เลี่ยงออกมาแล้วเดินลงตลิ่งไปที่ท่าน้ำ..หญิงสาวไปนั่งที่สะพานแล้วห้อยขาลงแช่น้ำ ปากก็ฮัมเพลงเบาๆ..ใจเลื่อนลอยอยู่กับอนาคตของตนเอง..ถึงจะรู้ว่ามีสมบัติและกิจการของพ่อแม่รออยู่ แต่ก็ยังรู้สึกเคว้งคว้างอย่างไร้จุดหมาย รู้สึกแต่ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ตนอยากกระทำ..

จนกระทั่งได้คุยกับ บก.เจริญสุข ทำให้เธอนึกอยากจะวาดภาพลายเส้นประกอบหนังสือเป็นงานอดิเรกสักชิ้น..ถ้าจะมีชีวิตอยู่ที่นี่ อย่างน้อยขอให้มีอะไรสักอย่างที่เป็นสื่อกลางระหว่างความสงบและความศิวิไลซ์ของโลกภายนอกบ้าง เพราะเวลาที่นึกเซ็งจะได้มีข้ออ้างออกไปทำกิจธุระให้เสร็จสิ้น

คิดได้ดังนั้น จึงดีดนิ้วดังเป๊าะ..แล้วก็ผิวปาก ขาตีน้ำกระจาย

“ไม่งามเลย..” แม้ไม่หันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของนายรักษ์ไทย หนุ่มหน้าจีนนิยมความเป็นไทยจนดูน่าหมั่นไส้..

หญิงสาวไม่หันกลับไป ไม่อยากต่อปากต่อคำ..แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมเลิกรา เขาเดินมาที่ตีนสะพานแล้วก็ร้องเพลงอารีดัง ซึ่งจดจำมาจากเสียงร้องของรุ่งฤดี เพ่งผ่องใจ

“โอ้อารีดังก่อนยังเคยชื่นบานทุกๆ วัน รื่นรมย์สมใจถึงยามราตรีเหล่าชายชาตรีทั่วไประเริงใจ ร้องรำตามเสียงเพลง”

เสียงของรักษ์ไทย..โหยหวนชวนให้โมโห..

“นี่คุณ..ฉันต้องการความสงบเงียบ!..” คำว่า “เงียบ” เสียงดังปรี๊ดทีเดียว

“นี่มันที่สาธารณะนะครับคุณเดลลี่..”

“โอเค ฉันไปก็ได้” ว่าแล้วก็ลุกขึ้น ทำท่าจะเดินกลับออกมาแต่ชายหนุ่มยืนขวางไว้..ด้วยท่าทีไม่รู้ไม่ชี้..หญิงสาวจ้องหน้า ทำเสียงจิ๊จ๊ะ บอกให้รู้ว่าจุกจิกหัวใจจังเลย

“นายเจริญสุข ให้มาตาม เขาจะเข้าไปในแก่งกัน.. ด่วน”

พูดแล้วก็หันหลังกลับ ส่งผลให้หญิงสาวต้องเป็นฝ่ายเดินตามร่างสูงโปร่งเหมือนลูกแมวเชื่องๆ


เมื่อไปถึงแก่งลานนกยูง ซึ่งเป็นลานหินกว้างและมีโขดหินสลับซับซ้อน ซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้และสายธาร เมื่อก่อนจะมีหน่วยป่าไม้..บริเวณนี้ชาวบ้านเล่ากันว่าจะมีนกยูงมากมายออกมารำแพนปีกหาง แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป..ปีกกับหางและตัวนกยูงไม่รู้หายไปไหนหมด เหลือเพียงตำนานกับต้นหางนกยูงที่กำลังเจริญ เติบโตเป็นไม้ใหญ่ ปลูกตลอดแนวถนนเพื่อวันที่มันออกดอกสีส้มสะพรั่งตรึงใจคนมาเยือน..

ที่บนตลิ่งก็เป็นลานจอดรถ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติและศูนย์อาหาร บ้านพักสำหรับบริการนักท่องเที่ยว..ขณะที่เจริญสุขแยกตัวไปกับเจ้าหน้าที่ ดวงเดือนก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ก่อนจะไปก็ยังมีใจถาม
รักษ์ไทยว่า “เล่นน้ำกันไหม”

“ไม่” เขาตอบแค่นั้น แต่ใจนั้นคิดไปไกลกว่านั้น..

“แต่ฉันอยากเล่น ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยซิ”

เมื่อได้ยินคำชวนด้วยน้ำเสียงดีๆ รักษ์ไทยมีสีหน้างุนงง แต่ก็อดที่จะเหน็บให้เจ็บใจเล่นๆ ไม่ได้ “อย่างคุณมีอะไรให้ต้องกลัวอีก”

หญิงสาวไม่ตอบ ทำสีหน้าเป็นเชิงขอร้อง แล้วก็เดินนำ หน้าให้อีกคนเดินตามเหมือนลูกหมาเชื่องๆ.. เมื่อไปถึงตรงที่โขดหินน้ำลึก หญิงสาวก็ดึงกระเป๋าสตางค์คิตตี้พิ้งกี้และนาฬิกาเคโระวางไว้บนลานหิน แล้วก็ถอดเสื้อแขนยาวสีขาวลอยดอกไม้ชมพูอ่อนตัว บางๆ ที่สวมทับเสื้อยืดสายเดี่ยวสีเขียว ส่งให้..

“ตรงนี้น้ำมันลึกดี กระโดดลงไปจากโขดหินตรงนี้ ตีลังกาสักสามตลบมันสะใจดี..”

เมื่อได้ยินดังนั้นรักษ์ไทยแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

“และบอกไว้ก่อน ที่ฉันชวนคุณมาด้วยไม่ใช่จะมาให้ท่าให้ทางนะยะ แต่ต้องการคนเฝ้ากระเป๋าให้ ..เข้าใจถูกต้องนะ” พูดจบหญิงสาวก็เข้าไปยืนประจำจุดที่เหมาะสม แล้วก็กระโดดสปริงตัวขึ้น หมุนเป็นเกลียวหนึ่งรอบก่อนทิ้งตัวดังเสียงดังตูมใส่น้ำที่ไหลรี่ เงียบไปเกือบครึ่งนาที ไม่มีวี่แววว่าจะโผล่ขึ้นมา..รักษ์ไทยเริ่มกระสับกระส่าย..

“เฮ้ย..หายไปไหนน่ะ..เอาไงดีหว่าตายแล้ว รึว่าหล่อนจะแกล้งจมน้ำให้เรากระโดดตามลงไปช่วย เสียใจจริงๆ ที่รู้ทัน” และเป็นไปตามที่รักษ์ไทยคาดการณ์ไว้..สักพัก ดวงเดือนก็ว่ายทวนน้ำกลับมา ด้วยใบหน้ารื่นรมย์..ไม่แสดงออกว่าเสียหน้าที่อีกคนรู้ทัน

...เมื่อว่ายมาแล้วหญิงสาวก็ปีนก้อนหินขึ้นมาเผยให้เห็นผิวขาวอวบ เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เมื่อเปียกน้ำจึงแนบเนื้อเห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง..รักษ์ไทยรู้สึกว่าตนเองกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก..ยังไม่ทันจะคิดอะไร หญิงสาวก็ตีลังกาเกลียวได้รอบแล้วดิ่งหาย ก่อนจะโผล่ขึ้นมาพ่นน้ำพรวดๆ..

ทีนี้รักษ์ไทยปรบมือให้แล้วก็ชมจากใจจริงว่า

“เก่งมาก..เก่งมาก ผมทำไม่ได้หรอก คุณไปฝึกจากไหนมา”

“อ้าว..ก็โตมากับที่นี่ จะไปฝึกมาจากไหน..” จริงๆ แล้วคนที่ฝึกให้ก็คือ พี่เอกชัยและพี่มานะ..กระโดดลงไปเมื่อกี้ ยังนึกถึงครั้งวัยเยาว์อยู่เลย

‘เหอะ ไม่ยากหรอก’

‘แต่หนูกลัว..’

‘พี่จะช่วย ไม่จมน้ำหรอก ลองทำดูแล้วจะรู้ว่าความสนุก สุดๆ มันเป็นอย่างไร...’

แล้วเธอก็จมน้ำไปหลายรอบ ดีแต่พี่มานะกระโดดลงมาดึงไว้..นึกถึงตรงนี้ หญิงสาวมีสีหน้าดีขึ้น..แล้วก็นึกว่า อย่างไรวันนี้ต้องแกล้งไอ้หมอนี่ให้ได้..คิดได้ดังนั้นจึงทำทีว่ายกบไปตีกรรเชียงทวนน้ำกลับมา แล้วก็ว่ายท่าผีเสื้อตามด้วยฟรีสไตล์ สุดท้ายก็ร้องโวยวายทำเสียงตระหนกตกใจขอความช่วยเหลือ..

“ฉันเป็นตะคริว..ช่วยด้วย..อุ๊บ..” แล้วก็ทำท่าจมน้ำป๋อมแป๋มและทะลึ่งพรวดแล้วก็จมอีก..รักษ์ไทยเห็นเหตุเป็นดังนั้นจึงรีบทะยานลงไปทันที..

“ตูม” รักษ์ไทยพยายามงมหาดวงเดือน แต่ไม่เจอ เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก..ปากก็ร้องเรียกไม่ได้หยุด..

“ดวงเดือนๆๆ” เสียงตระหนกของเขาดังไปทั่ว..กระทั่งมีมือเล็กเย็นเฉียบมาดึงที่ชายกางเกงแล้วก็กอดรัดเขาจนแน่น

กว่าที่รักษ์ไทยจะดึงดวงเดือนขึ้นมาจากน้ำได้ก็กินเวลาอยู่หลายนาที เมื่อล็อกคอหญิงสาวพาว่ายไปตรงปลายน้ำตื่นๆ แล้ว เขาก็ดึงคนที่แกล้งอ่อนระทวยขึ้นตลิ่ง..ทีนี้หญิงสาวแกล้งแน่นิ่ง ดูซิว่า เขาจะเป่าปากเธอหรือไม่..

“ทำอย่างไรดี เธอจะเป็นอะไรไม่ได้นะ..เฮ้ย เดลลี่..เดลลี่..เอาไงดีหว่า” ทีนี้เขาใช้มือประสานกันแล้วกดที่ท้องน้อย ดวงเดือนเห็นว่าแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขามีนิสัยอย่างไร หญิงสาวจึงแกล้งไอแคกๆ น้ำออกจากปาก..และวิธีการแกล้งจมน้ำนี้เธอก็มีประสบการณ์มาก่อนจึงทำเสมือนจริงจนไม่เป็นที่สงสัย..

“โอ้ยเป็นตะคริว..ขอบคุณนะคะ”

เห็นว่าอีกคนคืนสติมาแล้ว รักษ์ไทยจึงลุกขึ้นยืนหอบแล้วก็บอกว่า..“คราวหลังก็อย่าทำเป็นซ่าส์ ..เฮ้ย..เด็กหนอเด็ก..”

“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

“จะอย่างไรก็ยังเล่นเป็นเด็กๆ อยู่ดี เป็นสาวเป็นนางมีเยี่ยงอย่างรึ ตีลังกาเกลียวสองตลบสามตลบ..นี่คุณยังทำอะไรแผลงๆ ได้อีกล่ะเนี่ย” ว่าพลางก็ทำท่าจะเดินหนี หญิงสาวจึงต้องวิ่งตามกลับมาที่เสื้อและกระเป๋า..เมื่อมาถึงรักษ์ไทยจึงนึกอะไรขึ้นมาได้..

“ตายล่ะ..กระเป๋าสตางค์ผม..” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ดึงกระเป๋าออกมาพร้อมดึงของทั้งหมดออกจากกระเป๋าด้วย ทีนี้ดวงเดือนจึงได้เห็นสถานะทางการเงินของอีกคน..

“อุ๊!..ฉันขอโทษค่ะ..เพราะฉันแท้ๆ เชียว ของคุณถึงได้เสียหาย ..ขอโทษค่ะ” หญิงสาวค้อมศีรษะให้เล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หยิบรูปผู้หญิงผมบ๊อบหน้าม้าออกมามองได้นิดเดียว..

“อุ๊!!..”

รักษ์ไทยรีบดึงกลับไปในทันที..

“อย่าจุ้น..ไปไหนก็ไปเถอะ ผมจะเอาเงินกับกระเป๋าผึ่งแดดสักพัก”

“แฟนคุณเหรอ ..” ยังอดที่จะชวนคุยไม่ได้..

“บอกว่าอย่าจุ้น..” น้ำเสียงบอกให้รู้ว่ารำคาญเอามากๆ

“ฮั่นแน่ แฟนคุณแน่ๆ เลย ‘ซวย’ ซะด้วย” แกล้งออกเสียงผิดเสียอย่างงั้นแต่ชายหนุ่มก็ไม่ต่อคำด้วย

“แล้วทำไม ฉันถึงไม่เคยเห็นล่ะ อยู่ไหน..”

รักษ์ไทยไม่ยอมตอบ หญิงสาวจึงคว้าเสื้อตัวบาง มาสวมทับเสื้อยืดสายเดี่ยว ปากนั้นสั่นงักๆ เพราะความหนาว..

“เอ๊ะ เราเกิดปีเดียวกันนี่..” หญิงสาวหยิบบัตรประชาชนของอีกคนมาดู..ส่งผลให้เขาดึงกลับแล้วก็ขยับตัวมาบังทุกอย่างที่ตากแดดอยู่..อากัปเช่นนี้หญิงสาวก็เข้าใจในทันทีว่าเขาไม่ต้องการให้รู้ ให้เห็นอะไรเกี่ยวกับตัวเขาทั้งนั้น..

“เชอะ..เล่นตัวไปได้..ไปดีกว่า” ว่าแล้วดวงเดือนก็ลุกขึ้นเดินเฉิบๆ กลับไปป่ายปีนที่บ้านทาร์ซาน บ้านบนต้นไม้ที่ทางหน่วยป่าไม้ได้สร้างไว้เพื่อเป็นสีสันของแหล่งท่องเที่ยว..

ขณะเก็บของตนลงกระเป๋า รักษ์ไทยก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์แบบคิตตี้พิ้งกี้และนาฬิกาเคโระ เขาหัวเราะกิ๊กๆ ก่อนจะหยิบมาค้นหาความลับ..

“ฮั่นแน่ เกิดปีเดียวกันด้วย เดือนสิงหานี่หว่า อ่อนกว่าเราตั้งหลายเดือน...บัตรเอทีเอ็ม ใบขับขี่ รถยนต์ มอไซด์ มีรูปใครบ้างไหม สงสัยจะรูปพ่อ รูปแม่รูปย่า และก็รูปหลวงพี่สมัยยังเด็กๆ ถ่ายคู่กับเฮ้ยคุณมานะ โอ๊ะเขาเพื่อนกันนี่หว่า..”

ขณะกำลังค้นอย่างเพลิดเพลิน หญิงสาวก็มาดึงหัวไหล่มั๊บ แล้วก็คว้ากระเป๋ากลับไป..“เสียมารยาทจริงๆ ..”


เมื่อรักษ์ไทยเดินตามกลับมาก็พบหญิงสาวยืนพิงรถของ เจริญสุขใบหน้านั้นงอฉึ่ง ..เขายื่นนาฬิกาเคโระให้ แต่ก็ไม่ว่ายพูดให้เจ็บใจเล่นๆ ว่า..“โตจนป่านนี้แล้วใช้อะไรให้มันดูมีฐานะหน่อยซิ เรือนละ 99 บาท ใช้ได้อย่างไร”

“ฉันยังไม่ได้ทำงานทำการอะไรนี่จะได้มีเงินซื้อของแพงๆ อีกอย่างพ่อแม่ฉันก็ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติให้ผลาญอย่างคุณ..”

“แล้วทำไม ไม่หางานทำล่ะ ..งานข้าราชการเขาเปิดสอบตั้งมากมาย ทำไมคุณไม่ไปลองสอบ ที่โรงเรียน ทางอบต.ก็มีงบประมาณจ้างครูสอนเด็กเล็ก ที่หน่วยป่าไม้นี่ก็น่าจะรับคนในพื้นที่ทำงานนะ”

“งานตัดหญ้านะซิ ฉันทำไม่ได้หรอก..และฉันก็ไม่ค่อยชอบเด็กๆ ด้วย..วุ่นวายปวดหัว ดื้อด้าน”

คนได้ฟัง ถอนหายใจออกมา

“จริงๆ มันก็ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นหรอกนะ..เด็กมันก็เหมือนผ้าขาว ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าอยู่ใกล้ชิดกับอะไร..เราช่วยพวกเขาได้..คุณไม่ทำงานคุณก็เซ็งอย่างนี้แหละ”

“แล้วคุณทำงานอะไร วันๆ ฉันก็ไม่เห็นทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว”

“ผมก็ทำสวนของผมไง”

“ฉันโตมากับสวนส้มโอ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าไร่หนึ่ง ปีหนึ่ง มันจะได้กี่บาทกี่สตางค์ แค่ที่คุณมีอยู่มันไม่พอสำหรับจ่ายค่าน้ำมันกับค่าน้ำค่าไฟด้วยซ้ำ ไหนยังมีหนังสือมาเข้าห้องสมุดอยู่เรื่อยๆ อีก คุณไปเอามาจากไหน”

“ก็เจริญสุขไง เขาทำงานเกี่ยวกับหนังสือ ก็มีแลกเปลี่ยนกัน ขอกันมา ผมก็เอามารวมๆ ไว้ อยากให้
เด็กๆ ที่นี่มีนิสัยรักการอ่าน คนเราถ้ารักการอ่านเสียแล้ว มันพัฒนาได้ไม่ยาก ..ไม่ดื้อไม่ด้านเหมือนคุณ”

“ฉันเกี่ยวอะไรด้วยนี่ คุณจะพูดเรื่องอุดมการณ์ของตัวเอง ฉันก็เต็มใจจะฟัง แต่ขอร้องอย่ามาแขวะ..นี่โรคจิตหรือเปล่า” พูดด้วยน้ำเสียงดัง ๆ หน้างอ แค่นี้รักษ์ไทยก็รู้แล้วว่า หญิงสาวเริ่มโกรธ..เขาจึงยิ้มเพียงแย้มก่อนจะบอกว่า “แหย่คุณแล้วมันหนุกดี” เขาเปรยเบาๆ..พลางชมนกชมไม้

“หิวแล้ว เลี้ยงน้ำบ้างซิ” พูดมันตรงๆ เพื่อต้องการประหยัดเงิน เห็นอยู่หรอกในกระเป๋าตังค์เขา มีเงิน
แบงก์พันอยู่ตั้งหลายใบ

“เงินคุณก็มี แบงก์ร้อยก็มีนี่..เมื่อกี้..”

“แต่แบงก์พันของคุณมันมากกว่าแบงก์ร้อยฉัน ..เลี้ยงหน่อยนะ ..นะ นะ ..” ดวงเดือนทำเสียงออดอ้อนด้วยก็รู้ว่า..พวกผู้ชายลองได้ถูกอ้อนแล้ว ใจอ่อนเกือบทุกราย..

“ก็ได้..ตามมา..แต่อย่ากินเยอะล่ะ”

สองหนุ่มสาวนั่งดื่มน้ำส้มอัดลมที่ร้านสวัสดิการ เพื่อรอ เจริญสุขทำงาน ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันเป็นเรื่องราว คณะของ อบต. นำทีมโดยนายกฯมานะ ก็กรูกันลงจากรถแล้วก็พากันหัวร่อต่อกระซิกเดินขึ้นมาบนร้านอาหารด้วยท่าทีมีความสุข..

คงสุขที่มีงานทำ งานมีเกียรติ เทียบกับชาวนาชาวไร่แล้วเป็นงานสบายๆ สุขที่มีเงินใช้ แม้บางทีมันจะดูฟุ่มเฟือย..

แล้วมานะก็เลี่ยงจากกลุ่มมาหยุดอยู่ที่โต๊ะ..

“นั่งก่อนซิคะ” ดวงเดือนเชื้อเชิญ มานะนั่งลงทันที ..

“ฉลองวันเกิดให้เด็กๆ นะครับ..” เขาหมายถึงสาวคนหนึ่งคนใดในกลุ่ม ดวงเดือนยกนาฬิกาข้อมือแบบเคโระขึ้นดู ทำหน้าให้รู้ว่าตำหนิ..“บ่ายสองเองนะคะ เวลาราชการยังไม่หมดเลย..”

“จริงจังไปได้..งานปกครอง ถ้าเขี้ยวกับลูกน้อง ลูกน้องก็ไม่รัก..เออไปไหนกันมารึครับ..” น้ำเสียงมานะคล้ายประหม่าเขินๆ รักษ์ไทยยิ้มนิดๆ เขารู้นี่ว่าสองคนเคยรักกันมาก่อน..นายมานะอาจจะเข้าใจอะไรเขาผิดก็ได้..แล้วดวงเดือนก็ชิงตอบว่า..

“มาเล่นน้ำกันค่ะ หนูอยู่บ้านว่างๆ ไม่มีอะไรจะทำก็เลยชวนคุณรักษ์ไทยออกมาเป็นเพื่อน”

“ถ้าเหงาบอกพี่ก็ได้นี่ครับ..พี่ยินดีพาไปที่ไหนก็ได้นะ ..” พูดไปแล้วก็พูดแก้เกี่ยวต่อ “คือหลวงพี่เอกฝากเดือนไว้กับพี่นะ ท่านบอกว่า เดือนคงจะเหงาเพราะไปอยู่ในเมืองเสียนาน..” ยังไม่ทันที่มานะคุยอะไรต่อ สาวสวยหนึ่งในกลุ่มใหญ่ก็เดินเข้ามาเรียกอยู่ ไกลๆ ว่า..

“คุณมานะคะ..เชิญทางนี้คะ”
มานะขอตัวลุกไปทันที ดวงเดือนไม่หันไปมอง หญิงสาวเสดูดน้ำอัดลมแล้วก็พ่นลมหายใจออก..



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ย. 2554, 11:38:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ย. 2554, 11:38:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1593





<< 3. ฉบับรีไรท์   5.ฉบับรีไรท์ >>
innam 14 ก.ย. 2554, 15:55:37 น.
เอามาลงที่นี่ดีใจมากมาย
เพราะไปอ่านที่เวปห้องสมุด แล้วเม้นไม่ได้เซ้งเลย
ตามเป็นกำลังใจนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account