องค์การบริหารส่วนหัวใจ # เฟื่องนคร
ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน นำมาซึ่งความสุข
Tags: โรแมนติก คอมาดี้

ตอน: 5.ฉบับรีไรท์

5.






เมื่อเดินมาพ้นจากร้านอาหาร รักษ์ไทยก็ถามว่า

“คุณเป็นอะไรของคุณ พอเห็นพวกเขา ความสนุกของคุณก็หายไป..”

ดวงเดือนมองหน้า สบตาคู่สวย รู้สึกว่ามันอบอุ่น รู้สึกว่าเขาพร้อมรับฟัง หญิงสาวจึงได้ระบาย

“ฉันอิจฉาเขาค่ะ พวกเขาวัยเดียวกับฉัน แต่มีงานมีการทำ คงสอบบรรจุเข้ามาได้ ฉันเรียนไม่ค่อยเก่งไปสอบอะไรที่ไหนๆ ก็ไม่เคยติดหรอก พ่ออยากให้ฉันรับราชการ ฉันก็ทำให้กับพ่อไม่ได้ ฉันมันเด็กโง่..ไปเก่งในเรื่องที่ไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไร..”

“เรื่องอะไรไม่ค่อยจะมีประโยชน์”

“เทควันโด ร้องรำทำเพลง พวกวาดรูป กินเหล้างี้ พวกกิจกรรมทั้งหลายแหล่ฉันถนัดนัก แต่เรื่องพวกนี้เขาไม่ได้เอามาออกสอบเข้าทำงานนี่ค่ะ..ไปสมัครงานที่ไหนเขาก็ถามแต่เกรดเฉลี่ย”

“แต่มันก็หาในตัวคนอื่นได้ยากนะ..”

“อีกอย่าง ฉันเห็นหน้าพวกเขาแล้วฉันคิดถึงพ่อ ..ถ้าพ่อยังอยู่ พ่ออาจจะเดินมาในกลุ่มคนเหล่านั้นก็ได้..แต่นี้พ่อฉันตายไปแล้ว และหนึ่งในนั้นมันต้องมีใครสักคนมีส่วนทำให้พ่อฉันตาย..ฉันอยากจะเอาระเบิดปาเข้าในร้านอาหารเสียด้วยซ้ำ”

เมื่อได้ฟัง รักษ์ไทยนิ่วหน้านิดหนึ่งก่อนจะยิ้มแหยๆ กับความคิดรุนแรงของหญิงสาว..แต่ก็อดเตือนสติในแบบของคนที่คุ้นกับวัดไม่ได้..“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะ..”

“ฉันก็ไม่ต้องการจองเวร แต่ฉันรู้ว่ามันไม่ยุติธรรม คนทำผิดต้องได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจซิ แต่นี่พวกเขายังอยู่ดีมีสุข มีรอยยิ้มมีเสียงหัวเราะ ถ้าโลกมันเป็นอย่างนี้ คนที่ไม่กลัวบาปกลัวกรรม ก็จะระรื่นอยู่ในสังคมสบายไป..”

“แต่เขาก็มีกฎหมายออกมาควบคุมอยู่แล้วนี่ครับ”

“คุณก็รู้นี่ค่ะว่ากฎหมายมันก็ยังอยู่ใต้อาณัติของเงินตราอยู่ดี..คุณไม่ใช่คนถูกกระทำคุณไม่มีวันรู้หรอกว่า เราเห็นคนที่ทำให้เราเจ็บ มันยังหน้าชื่นตาบานอยู่ได้เราจะรู้สึกอย่างไร..”

“ผมเข้าใจคุณนะ”

“เข้าใจว่าอย่างไร”

“เข้าใจว่าคุณแค้น แต่วิธีการล้างแค้นไม่ใช่ที่คุณจะเอาปืนไปจ่อยิงเขาคืน หรือเอาระเบิดไปปาในฝูงชน พ่อคุณตายเพราะการเลือกตั้ง แล้วทำไมคุณไม่ทำให้การเลือกตั้งคราวหน้าเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้บ้างล่ะ”

“ฉันจะทำอะไรได้ ฉันมันก็แค่ผู้หญิงตัวคนเดียว พี่ชายฉันเขาก็บวชไปแล้ว แม่ฉันก็ผู้หญิงตัวคนเดียวญาติๆ คนอื่นๆ เขาก็คงดีใจที่พ่อฉันตายเสียได้ เพราะหนี้สินที่หยิบยืมกันไปจะได้หายไป.. คุณคิดดูเถอะว่าฉันจะอยู่ที่บ้านนาอย่างมีความสุขได้อย่างไร ฉันเห็นหน้าพวกมันแล้วอารมณ์ฉันมันพลุ่งพล่านขึ้นมาเองทุกที..” หญิงสาวขบกรามเมื่อมองไปบนร้านอาหาร..

“ใจเย็นๆ มันต้องมีวิธี ผมว่ามันต้องมีวิธี แต่คุณต้องใจเย็นๆ ..ทำได้ไหมใจเย็นๆ”

เมื่อเห็นหน้าจริงจังของเขา หญิงสาวก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแล้วก็ถามว่า “แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย..”

“นี่นังเดลลี่ ..หล่อนรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ นังนารีน้อง สาวคนสวยยัยวีณานะ มันเที่ยวคุยกับใครๆ ไปทั่วเลยนะว่ามันกับพี่มานะ..กำลังจะแต่งงานกันในเร็ววันนี้..”

“ช่างมันปะไร มันจะได้เลี้ยงหลานมันไง..”

“แกอยากเห็นมันมีความสุขบนกองเงินกองทองพี่มานะมันอย่างนั้นรึ..”

“ไม่อยาก อยากเห็นมันไปลงนรกซะมากกว่า..หน็อย.. เป็นผู้นำเต้นแร้งเต้นกา คิดว่าเก่งเสียเต็มประดา ท่าเต้นเบสิกๆ แค่นี้ทำเป็นคุย ..ในหมู่บ้านนี้นะ ใครก็เก่งไม่เกินมัน ฉันก็ทำได้..ทำได้ดีกว่ามันเสียด้วยซ้ำ..ยังเกลียดปากมันไม่หาย เพราะมันนี่แหละมาเม้าท์เรื่องว่าฉันแรดเรียกพี่ ตัวมันเองก็เถอะกว่าจะเรียนจบกลับ มาทำหน้าระรื่นอยู่บ้านนอกได้ น้ำตาเช็ดหัวเข่ามาตั้งกี่หน ฉันไม่อยากจะเอาเรื่องมันมาแฉหรอก เปลืองปาก..”

“จ้ะเปลืองปาก..แกแค้นมันขนาดนี้ แกยังอยากจะให้มันมางาบพี่มานะไปง่ายๆ อย่างนั้นรึ เป็นฉันไม่ยอมหรอก ต้องตายกันไปข้าง และที่สำคัญผู้ชายเขาไม่ได้เล่นกับมัน พี่มานะรักเธอ ฉันรู้ มันก็แค่อ้างสิทธิ์ในความเป็นน้าเข้าไปเลี้ยงดูหลาน แล้วก็ทำท่าจะให้เขาตกกระไดพลอยโจน”

“เขาอาจจะกระโจนถาโถมกันไปแล้วก็ได้ คนอยู่บ้านเดียวกัน พี่มานะก็คนเคยมีเมีย แม่นั่นก็คนมีประสบการณ์ช่ำชอง ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งให้เปลืองตัวหรอก..แต่ถ้าผู้ชายเขาต้องการฉันจริงๆ แล้วคิดว่าปัดมันพ้นไปได้ นั่นมันก็อีกเรื่อง..”

“จริงๆ นะ” พรรณนาทำท่าดีอกดีใจ..

“ฉันชักจะสงสัยพฤติกรรมของแกเสียแล้วซิ อย่าบอกนะว่าแกรับสินบนพี่มานะมา..”

“ไม่ได้รับ.. ฉันก็แค่อยากเห็นแกกับเขา กลับมารักกันเหมือนเดิม อยากเห็นแกมีเงินทองเต็มไม้เต็มมือ คนอย่างเขาชาตินี้ไม่มีวันจนหรอก..แกฝากชีวิตไว้กับเขาน่ะดีแล้ว..เพราะในบ้านนา ก็หาคนดีที่สุดเท่าพี่เขาไม่ได้เหมือนกัน..และที่สำคัญ..ฉันก็เกลียดนังนารี และแกเท่านั้นที่จะช่วยให้ฉันมีความสุขได้..”

“เออ ..จะคิดดูอีกทีละกัน ..แต่วันนี้แกมาเปลี่ยนผมสีประกายทองให้เป็นสีดำก่อนเถอะ..”

“อ้าวทำไมล่ะยะ..สีนี้ทำให้หน้าแกสว่างดูเซ็กซี่ น่าค้นหานะยะ”

“รำคาญย่า บ่นเช้าสายบ่ายค่ำเย็นย่ำแถมรอบดึกอีกนะ..จริงๆ ฉันทนย่าบ่นได้ แต่ก็อดสงสารไม่ได้หรอก และไม้ตายที่แกใช้กับฉัน รู้ไหม ทำเป็นใช้น้ำเย็นเข้าลูบ..สงสารย่าเถอะจะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ ตามใจย่าเรื่องอื่นไม่ได้ ตามใจย่าเรื่องทรงผม และการแต่งเนื้อแต่งตัวสักนิดก็ยังดี..แล้วแกก็ไปหาค้นเสื้อผ้าไทยๆ สมัยที่คุณแม่ฉันยังสาวออกมา..ฉันนะขำกลิ้งเลย ผ้าซิ่นตีนจกกับเสื้อคอป้านอย่างสาวเหนือ..ฉันก็ตามใจเอาลองให้ดู..แล้วแกก็เรียกฉันมาเกล้ามวยผมอย่างสาวเหนือแล้วก็ไปหาปิ่นจากไหนก็ไม่รู้มาปักให้”

“ฟังแกเล่าแล้ว ฉันคิดว่ามันจะทำให้แกออกมาดูดีมากๆ เลยนะนั่น..แต่แกต้องไม่ติดกิ๊บเก๋ที่หัวนะ”

“อยู่แล้ว คนมันสวย ทำอะไรก็ดูดีหมดแหละ..”

“จ๊า..คนสวย ยกหางแล้วขี้รดเลยนะหล่อน..”...


แล้ววันพระนั้น ดวงเดือนก็ถูกย่าหนูขอร้องให้แต่งชุดผ้าซิ่นตีนจกยาวกรอมข้อเท้า กับเสื้อคอป้านไปวัดแทนชุดเสื้อสายเดียวสีเขียวและกระโปรงบานสั้นเหนือเข่า กว่าหญิงสาวจะออกมาจากห้องได้ เล่นเอาย่าหนูต้องเคาะประตูเสียหายรอบ..และยังไม่ทันที่จะติดเครื่องรถพาย่าไปวัด รถของมานะก็มาจอดเทียบตีนบันได..“ผมมารับย่ากับเดือนไปวัดครับ”

“เจริญๆ เถอะพ่อคุณ ..”

มานะมาเปิดประตูรับปิ่นโตมาถือ ประคองย่าหนูขึ้นรถแล้วก็เปิดประตูหลังร้องเรียกดวงเดือนเข้าไปนั่ง..

“เชิญครับ..คนดีของพี่”

ดวงเดือนยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินแบบสำรวมเข้าไปนั่งคอตรง มานะปิดประตูให้ แล้วก็รีบติดเครื่องยนต์ออกรถไปด้วยหัวใจที่ลิงโลด..หลายวันเต็มทีที่เขากลับไปทบทวนดูใจตนเอง และก็รู้ว่า เคยรักดวงเดือนมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ช่วงที่ย่างสู่วัยรุ่นนั้น จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ทำให้เขาเผลอไผลไปกับความใจถึงของวีณา และเขาก็รับผิดชอบเธอตลอดมา อยู่ด้วยกันมาหลายปีจะว่าไม่มีเยื่อใยต่อกันก็ไม่ใช่..มันเป็นความผูกพัน แต่เมื่อเธอตายไปแล้ว เขารู้สึกเดียวดาย แรกทีเดียวคิดว่าจะเอาน้องเมียทำเมียเสียอีกคน แต่ก็ไม่ใคร่จะชอบนิสัยของเจ้าหล่อน เมื่อดวงเดือนเดินทางกลับมาที่บ้าน เขารู้สึกว่าสวรรค์เป็นใจ วันนี้เขามั่งมีและพร้อมทำให้ผู้หญิงคนเคยรักอยู่ดีมีสุข..แต่ความมั่นใจที่เคยมีมันหายไป ด้วยตนเองเป็นพ่อหม้ายเมียตายมีลูกติด และลูกสาวก็ดูจะถูกคนเป็นน้าเป่าหูถึงความร้ายกาจของแม่เลี้ยงที่มากจากคนอื่นคนไกล

‘ปะป๊าอย่าเพิ่งหาแม่เลี้ยงมาให้วีนัสจนกว่าวีนัสจะโตนะคะ’

‘ทำไมละครับ..’

‘เพราะถ้าวีนัสยังไม่โต วีนัสก็จะไม่สามารถปกป้องตัวเองจากแม่เลี้ยงใจร้ายได้’

นึกถึงตรงนี้แล้วเขาถอนหายใจออกมา จนกระทั่งรถเข้ามาจอดในลานวัด ..เขารีบมาเปิดประตูลงไปประคองย่า พร้อมกับที่ดวงเดือนถือปิ่นโตลงมา..


เมื่อหญิงสาวในชุดผ้าซิ่นตีนจกเดินขึ้นศาลา ผู้คนที่มาก่อนรวมถึงหนุ่มอีกคนที่กำลังจับธูปที่จุดแล้วออกไปทิ้งข้างนอก แทบจะหันมามองเป็นตาเดียวกัน....ของสวยงามทำให้เขาเผลอมองตาค้าง จนกระทั่งธูปที่จุดแล้วหนึ่งดอกร่วงลงมาใส่เท้า..รักษ์ไทยจึงได้สติ..วันนั้นเขาเห็นย่าและดวงเดือน หัวร่อต่อกระซิกกับมานะ แล้วรู้สึกขวางหูขวางตา รู้สึกว่าบนศาลาร้อนรุ่มพิกล..แถมวันนี้หลวงพี่เจ้าอาวาสเทศน์ไม่ได้ใจความเหมือนวันพระก่อน..

เมื่อพระลงจากศาลา ส่วนใหญ่ผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะรวมกันกินอาหารส่วนที่พระเหลือไว้ ทุกๆ วันเขาจะนั่งกินด้วย และจะช่วยยกถ้วยชามที่ใช้แล้วไปกองไว้ทางด้านหลัง ซึ่งจะมีคนคอยรับจ้างมาล้างอีกที..หลังจากนั้นเขาก็จะพาคนแก่ที่เดินมาหรือว่าลูกหลานมาส่งแต่ไม่มีเวลามารับกลับ ตระเวนไปส่งตามจุดบ้านซึ่งน่าจะเป็นเรือนตายด้วย...และเขาจะได้รับพรอันประเสริฐทุกครั้งไป..

“วันนี้ย่าไม่ได้กลับด้วยนะ พอดีพ่อมานะรับมา เขาคงไปส่งด้วย ไม่เป็นไรนะ” ย่าหนูเรียกให้เข้าไปหา..เมื่อเข้าไปใกล้ เขาได้กลิ่นหอมสดชื่นจรุงใจจากคนที่นั่งใกล้ๆ กับย่า..

ตั้งใจว่าจะไม่ทัก แต่หญิงสาวกลับยิ้มสดชื่นให้ ไม่มีคำพูด ใดๆ หลุดจากปาก.. ชายหนุ่มจึงขอตัวออกมาแล้วก็สต๊าทเครื่องรถรอคนอื่นๆ ที่เคยกลับด้วยกัน..

เมื่อกลับถึงบ้านเขารู้สึกห่อเหี่ยวใจอย่างไรชอบกล อารมณ์ที่จะเขียนนิยายในตอนที่แดดโรยตัวมันหายไป..เมื่อขึ้นเรือนได้เขาก็เปิดเพลงภาษาอังกฤษซะเสียงดังลั่น..

คนที่มาทีหลัง เมื่อได้ยินเสียงเพลง ทำท่าตกอกตกใจ เธอกลับมาอยู่บ้านเกือบเดือนเพิ่งจะได้ยิน คนบ้านนั้นเปิดเพลง แต่ก็รู้สึกดีใจที่เขาไม่ได้เปิดเพลงไทยเดิม

“เป็นอะไรของเขา..” ดวงเดือนถามย่า

“เห็นไหมแม่เดือน เชื่อย่าหรือยังว่า ของไทยๆ ถ้าเรารู้จักกาละที่จะสวมใส่มันก็ทำให้งามอยู่ไม่น้อย เป็นไงวันนี้ ..ใครๆ ก็ชม”

“หลานย่าสวยเป็นทุนเดิมอยู่ด้วยหรอก..”

“เสื้อผ้าเก่าๆ ที่เคยใส่ แกเอามาทำผ้าขี้ริ้วเลยนะใส่แบบนี้น่ะดีแล้ว”

“แหม ได้ทีนะคะ เสียใจค่ะ ใส่ให้แค่วันเดียวพอ หนูรู้สึกว่าใส่ชุดนี้แล้ว มันไม่คล่องตัวน่ะคะ มันไม่ใช่หนูมันไม่ปรู๊ดปร๊าด ใส่แล้วมันต้องเป็นนางเอกผู้แสนดี อย่างหนูเป็นได้แค่นางร้ายนางอิจฉาเท่านั้นแหละค่ะ”

ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินเข้าห้องเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวครึ่งน่องกับเสื้อแบบเดิมๆ ก่อนจะเดินถือกล่องกระดาษไปทางบ้านที่ดินติดกัน..

“มาทำอะไร” เมื่อไปถึงดวงเดือนก็พบรักษ์ไทยกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่บนเก้าอี้ตัวพลาสติกสีขาวหน้าห้องสมุด..

“เอาหนังสือที่มีอยู่มาบริจาค รับหรือเปล่า..” หญิงสาววางกล่องหนังสือตรงหน้าเขา.. รักษ์ไทยวางถ้วยกาแฟแล้วก็เปิดกล่อง ค้นๆ ดู พบว่าเป็นหนังสือแนวข่าว ‘คาว’ ในวงการบันเทิงสไตล์เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง ใต้หวัน เสียเป็นส่วนใหญ่..

“รับซิ..แต่ไม่มีหนังสือเอ็กซ์ติดมาด้วยนะ” ยังงงตัวเองเหมือนกันว่าพูดออกไปได้อย่างไร..

“นี่.. เห็นฉันเป็นคนอย่างไร..”

“สาว .. ‘ซวย’ หมวย เอ็กซ์” รักษ์ไทยเอาคืนกับคำว่า ‘ซวย’ บ้าง

“นี่คิดให้มันสร้างสรรค์หน่อยได้ไหม...คุณนี่จริงๆ เลย” ว่าแล้วหญิงสาวก็เปิดประตูห้องสมุดเข้าไป แล้วก็ดึงหนังสือออกมาถือไว้หนึ่งเล่ม

“ถ้าจะยืมเล่มนี้ไปอ่านที่บ้านจะว่าอะไรไหม” พูดพลางพลิกหน้าปกให้ดู..รักษ์ไทยจ้องมอง

“เฟื่องนคร..ฉันชอบอ่านงานของเขาน่ะ..เรื่องเขาอ่านแล้วโอเค ได้แง่คิดแปลกๆ..ไม่เน่า”

พอได้ยิน รักษ์ไทยยิ้มระรื่นในทันที..

“ยิ้มอะไร”

“สำหรับคนชอบหนังสืออย่างผม แค่มีคนบอกว่าชอบหนังสือสักเล่มผมก็มีความสุขแล้ว..คุณอ่านงานของเขาครบทุกเล่มหรือยัง”

“ยัง..หาอ่านยาก..หายืมคนอื่นอ่านยาก ฉันไม่ค่อยได้ลงทุนกับเรื่องพวกนี้หรอก เปลือง”

“ทีเสื้อผ้าเครื่องสำอางซื้อได้อาหารสมองแค่ร้อยสองร้อยทำงก”

“นี่ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาวิจารณ์เรื่องส่วนตัวของฉัน แล้ววันนี้คุณทำอะไร”

“แค่นั่งเฉยๆ ก็มีเงินใช้แล้ว ไม่เห็นต้องทำอะไร”

ดวงเดือนถอนหายใจเบาๆ และเมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อล้อต่อเถียง..ดวงเดือนจึงต้องพูดเอาประโยชน์ที่พอฉวยได้แทน “ขอมะม่วงสักสองลูกได้ป่ะ”

“ได้..แต่ถามจริงๆ เถอะคุณคิดจะให้อะไรใครบ้างไหมเนี่ย”

“อ้าว.. ก็ไม่มีใครขออะไรจากฉันนี่ มะม่วงแค่ลูกสองลูกหวงเรอะ..หวง-แต่-ก็-จะ-เอา” พูดจบหญิงสาววางหนังสือแล้วเดินกลับไปที่บ้านตัวเองเพื่อหยิบไม้ตะขอมาสอย..

พอสอยไม่ถึง

“ช่วยหน่อยดิ๊ นะมันสูง เอาไม่ถึง ลูกใหญ่ด้วย หัวเหลืองแล้วได้ที่อร่อยเลย”

ผู้ชายพอออดอ้อนเข้าหน่อย รายไหนรายนั้น

เมื่อได้มะม่วงสมใจแล้วก็รีบกลับบ้าน..สักพักก็เดินกลับมาพร้อม
กับถ้วยน้ำพริกปลาหวาน มีดบาง กับจานเปล่าพร้อมกับน้ำเย็นเจี๊ยบในขันอลูมิเนียมที่ขัดด้วยฝอยจนเป็นเงางาม..

“อะไรเนี่ย” รักษ์ไทยอดถามไม่ได้..

“เฉยๆ แล้วก็รอฟังคำสั่ง.. เอามะม่วงไปล้าง..”

“ต้องเชื่อด้วยรึ”..ถามจบดวงเดือนยักไหล่มองหน้ายักคิ้วให้ รักษ์ไทยจึงต้องถือมะม่วงไปที่ก๊อกน้ำ..ล้างเสร็จมาส่งคืน..ดวงเดือนรับมาปอกและก็ฝานเป็นชิ้นบางๆ อย่างคล่องแคล่ว..

“สมัยเด็กๆ นะ นี่แหละอร่อยสุดๆ มะม่วงจิ้มน้ำปลาหวาน หรือไม่ก็ฝรั่งต้นโน้น ติดรั้วบ้านคุณ แต่มันถูกโค่นทิ้งไปแล้ว ปีนเป็นลิงเป็นค่างมาจิ้มพริกกะเกลือ แล้วอีกอย่างนะเคยป่ะ..พูดแล้วน้ำลายไหลมะขามอ่อนจิ้มกะปิ..รับรอง..”

“จู๊ดๆ นะซิ” แม้จะฟังเพลิน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่คุ้น แต่อดโต้แย้งไม่ได้

“ไม่หรอก..มันโตมากับของอย่างนี้ ธาตุมันก็เลยแข็ง..ไอ้นี่อีกอย่างหนึ่งเดี๋ยวถ้ามันออกจะพากิน..พุทราตรงริมตลิ่งตรงที่เลยบ้านคุณไป..ตอนเด็กๆ ฉันกับพี่เอกชัย ต้องหลวงพี่ซิ ต้องไปเก็บมาตาก แล้วก็ช่วยย่าตำ เพื่อทำพุทรากวน นอกจากนั้นก็มีตะโก ตะขบ มะพลับ ลูกไข่เน่าในป่า หน่อไม้ เห็ดฯลฯ”

น้ำเสียงที่ดวงเดือนเล่าถึงความหลังดูมีความสุข ดูธรรมดาผิดกับชีวิตของเธอในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง...

“อร่อยนะ” ดวงเดือนใช้ชิ้นมะม่วงที่ฝานบางๆ ตักน้ำปลาหวานแล้วส่งเข้าปาก..พอลิ้นสัมผัสรสหญิงสาวก็ทำหน้าเสียวฟันผสมความอร่อยให้รักษ์ไทยได้น้ำลายไหล..

“กินไม่เป็น”

“ก็เอาเข้าปาก เคี้ยวๆ”

“ใส่ปลาร้าหรือเปล่า” รักษ์ไทยถามพลางทำหน้าให้รู้ว่าถ้ามีปลาร้ารังเกียจมาก..

ดวงเดือนไม่ตอบ หญิงสาวจิ้มแล้วกัด ทำสีหน้าให้รู้ว่าของตรงหน้าอร่อยเป็นอย่างมาก

“กินๆ ไปเถอะไม่ตายหรอก..”

“แล้วถ้าท้องเสียใครจะรับผิดชอบ..”

“ฉันซิ.. ถ้าคุณท้องเสียจะพาไปอนามัย ถ้าเสียขนาดไส้ไหลก็จะพาไปโรงพยาบาล”

“ให้มันแน่เถอะ..” ว่าแล้วก็คว้าไปหนึ่งชิ้น จิ้มแล้วก็เคี้ยว..ติดใจ.. ช่วยกินจนหมด แล้วก็สอยใหม่..พอมาล้าง ส่งให้ดวงเดือนปอกให้..ด้วยปอกไปลอยหน้าลอยตาเล่าเรื่องในวัยเยาว์กับบรรยากาศบ้านนาสมัยยัง
ไม่เจริญรุ่งเรืองแบบนี้ จนกระทั่ง “อุ๊..โอ้ย..ซี๊ดดดด”..

หญิงสาวใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของมือข้างขวา กดที่แผลปลายนิ้วชี้ข้างซ้าย..

“เป็นอย่างไรบ้าง ...ไปล้างน้ำเดี๋ยวผมไปเอายามาให้..” พูดจบรักษ์ไทยรีบวิ่งไปบนบ้าน..กลับมาพร้อมกับกล่องยาสามัญประจำบ้าน..

“มาล้างแผลทายา..” เขารีบแกะกล่อง เปิดขวบหยิบสำลี เปิดฝาแอลกอฮอล์ และสิ่งที่ดวงเดือนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น..ชายหนุ่มถือคุ้นเคยกันจึงดึงมือของเธอไป พร้อมกับใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดไปรอบๆ ..

“จะติดเอดส์ไหมเนี่ย”

“นี่..ฉัน..ยังไม่เคยมีประสบการณ์นะยะ..” ดวงเดือนแว๊ด! สำเนียงหยอกกลับในทันที ชายหนุ่มไม่ต่อคำ ..แต่เปลี่ยนเป็นหยิบ..พลาสเตอร์ยา..แปะให้..ด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป..

“ไกลหัวใจหรอก..” รักษ์ไทยรู้สึกว่าตนนั้นก็ ‘หยาบคาย’ กับหญิงสาวก่อน และสิ่งที่เขาได้ยินยิ่งทำให้รู้สึกว่า ดวงเดือนเองก็ใช่ผู้หญิงที่ไร้ปัญญา..

“หัวใจ ถ้ามันจะเจ็บ คงไม่ใช่เพราะมีดหรอก มีแต่รักเท่านั้นที่จะทำร้ายมันได้”

เมื่อถูกสะกิดใจจึงเฉไฉอีกครั้ง..

“เอ้ากินต่อไป..มาเดี๋ยวผมปอกและฝานให้”

พอตกเย็น หญิงสาวเห็นเขานั่งหน้านิ่วคิ้วเข้มอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องน้ำ

“มะม่วงคุณนะซิ ทำพิษผมเสียแล้ว..ถ่ายจนเพลียหมดแรงแล้ว” ว่าแล้วก็รีบเข้าห้องน้ำไป..กลับออกมาอีกที พบว่าหญิงสาวมีถ้วยน้ำปูนใสส่งมาให้..

“อะไรอีกเนี่ย ผมเข็ดกับของคุณแล้วนะ”

“กินไปเถอะ.. รับรองไม่ตายหรอก..สูตรย่าฉันเอง..กินแล้วก็อาบน้ำ รับรองหายเป็นปลิดทิ้ง”


เมื่อตัดสินใจกินไปแล้ว อีกชั่วโมงต่อมา อาการก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่คราวนี้แทบไม่มีแรงเปิดประตูห้องน้ำออกมา..

“สงสัยต้องไปให้น้ำเกลือที่อนามัยเสียแล้วล่ะ..เอาไงดีล่ะเนี่ย..กุญแจรถอยู่ที่ไหน..” ทีนี้เสียงอ่อยลงเพราะสงสารคนไม่ได้แกล้งป่วย

“ขับได้เหรอ..”

“ตอนหัดขับก็ชนเสาบ้าน ขับออกจากบ้านได้ก็เคยชนกับรถ อีแต๋น ชนวัวตายไปตัว แล้วก็ทับลูกหมา..ประสบการณ์แค่นี้พอพาคุณไปหาหมอได้ไหม..”


ขณะขับรถพาไปอนามัย หญิงสาวก็เปรยๆ ว่า

“เห็นไหมนี่คือโทษของการอยู่เป็นโสด อยู่ตัวคนเดียว นี่แค่ท้องเสียนะ ถ้าแก่ตัวไป มันสารพัดโรค อย่างไรอายุอานามของคุณก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว สมบัติพัสถานก็พร้อมแล้ว รีบหาเมียมาดูแลเถอะนะ..ขืนเป็นอย่างนี้บ่อยๆ ลำบากเพื่อนบ้าน”

รักษ์ไทยทำเสียง จิ๊ จ๊ะ แล้วก็ต่อว่า..

“คุณนี่มันจริงๆ เลย ขับรถอย่ากินเลนคนอื่นซิ”

“แล้วมันมีรถสวนมาเสียทีไหนเล่า”

“มันจะทำให้เคยตัว..รึมันฝังอยู่ในตัวคุณแล้วเนี่ย ใครเป็นคนสอนขับรถนะไม่ได้สอนตั้งแต่ทีแรกหรืออย่างไร ขับอย่างนี้ สวนกับผม บีบแตรด่าพ่อแม่มันจริงๆ นะ..”

พอรถถึงอนามัย..

“ปากดีนัก เดินลงไปคุยกับหมอเองแล้วกัน ฉันจะกลับบ้านไปหุงข้าวให้ย่ากิน”

“คุณจอดรถไว้แล้วก็เดินกลับไป.. โอเค..”

“โนเค..” พูดแล้วดวงเดือนก็รีบลงจากรถไปช่วยประคองเขาขึ้นไปบนสถานอนามัย หลังจากนั้นก็วิ่งไปตามหมอจากที่บ้านพัก

งานนี้ปรากฏว่ารักษ์ไทยต้องนอนให้น้ำเกลือดูอาการสักถุง..หญิง
สาวเอารถกลับไปที่บ้าน และสัญญาว่าจะเอาข้าวเย็นที่แสนอร่อยมาให้ถึงที่นี่...


“นี่แม่เดือน ข่าวที่แกคบผู้ชายมากหน้าหลายตาดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งตำบลแล้วนะ ..ฉันนี่ไม่รู้จะเอา...”

“แม่อ่ะ แม่ก็เชื่อคนอื่นอีกแล้ว นี่มันพอศอไหนแล้ว..หนูบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร นี่แค่ไปกินข้าวกัน ..ไปห้าง... ไปวัด.. พาไปหาหมอ หนูจะบอกอะไรให้นะแม่..ตอนที่หนูอยู่กรุงเทพนะ กินนอนอยู่ห้องเดียวกันเป็นเดือนๆ ยังมีเลย..”

“คนเป็นแม่ยกมือทาบอก..”

“ถ้าเราคิดว่าเขาเป็นเพื่อน เขาก็เป็นเพื่อนค่ะ แต่ถ้าเราทำให้เขารู้ว่า เราเป็นแฟนกันนะ พวกมันก็จะละลาบละล้วง เคสนี้หนูหมายถึงผู้ชายดีๆ มีสตินะ..แต่หนูก็รอดมาได้..”

“แล้วแกไว้ใจคนพวกนี้รึ..นายมานะนั่นก็พ่อหม้ายลูกติด คนมันเคย มันอาจจะหื่นจนขาดสติ..คุณตำรวจก็..โอเค แต่ฉันไม่หนุนหรอก ไม่อยากเห็นแกไปอยู่ที่อื่น หรือจะหนุ่มข้างบ้าน..”

“หนูยังไม่คิดอะไรกับใครทั้งนั้นแหละ ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าจะกลับไปอยู่กรุงเทพได้อย่างไร”

“แกเลิกฝันไปเลย พรุ่งนี้แกต้องมาที่ร้านมาช่วยฉันทำงาน มานั่งทำบัญชีก่อน ต่อไปแกจะต้องมาอยู่แทนฉัน และฉันจะไปดูแลย่าเอง..”

“แต่หนูไม่อยากเป็นแม่ค้านะคะ” เริ่มเสียงอ่อยลง

“แต่เธอก็โตมาด้วยเงินแม่ค้านี่แหละ ที่เอาไปล้างผลาญสุขสบายในกรุงเทพเกือบสิบปี ก็เงินแม่ค้าทั้งนั้น ..ถ้าวุฒิการศึกษาที่แกมีอยู่มันไม่สามารถทำให้มีงานมีเงินขึ้นมาได้ ก็ต้องมาเป็นแม่ค้า..โอเค..”

คนเป็นลูกสาวทำหน้าง้ำ ก่อนจะนั่งลงตั้งสติ..

“คุยอะไรกันครับแม่ลูก..” ผู้ใหญ่บ้านจอมชีกอเดินอาดๆ เข้ามาดวงเดือนมองสายตาและชำเลืองดูสีหน้าคนเป็นแม่..ได้ข่าวมานานแล้วว่ามีคนมาติดพันแม่ที่เป็นแม่หม้ายผัวตาย..ที่แท้ก็หมอนี่เอง

“เรื่องส่วนตัว” เพราะอารมณ์ไม่ดีกับเรื่องที่ถูกตำหนิกับรู้สึกหวงแม่ ดวงเดือนจึงสวนออกไปแบบขวานฝ่าซาก

“หนูเดือนวันนี้ลมอะไรหอบมาช่วยแม่ที่นี่ได้..” คนเจ้าชู้มักชอบทำใจดีสู้เสือ

“ลมเบ่งนะซิ”

“นังเดือน” คนเป็นแม่ร้องเสียงหลงกับวาจาลูกสาว

“อย่าไปถือสาแกเลย ยังเด็กนะคะ..”

“ผมไม่ถือสาหรอกครับ..”

“แล้วผ่านมามีอะไร จะรับอะไรไหมคะ..”

“ก็แค่ตรวจดูสารทุกข์สุขดิบของลูกบ้านนะครับ เออ..หนูเดือน..ได้ข่าวว่าไปหาผู้หมวดภักดีเรื่องพ่อของหนูเรอะ”

“ค่ะ..ไปจี้ให้แกเร่งทำผลงานหน่อย ไม่ใช่เช้าชามกลางวันชามเย็นสองชาม กว่าจะรู้ว่าใครเป็นคนฆ่า พอดีคดีหมดอายุความ หรือไม่พ่อหนูไปเกิดจนโตเป็นหนุ่มใหญ่มีลูกมีเมียใหม่ไปแล้ว”

“เอ๊ะ คารมดีนี่” ปากชมแต่ดวงตาระริกแบบคนเจ้าชู้ซ่อนความแข็งกร้าวไว้..ดีแต่ว่าดวงเดือนเมินหน้าไปทางอื่นจึงไม่เห็น

“เคยอยู่ชมรมโต้วาทีมาค่ะ..ไม่ได้ตั้งใจว่าใคร..น้าผู้ใหญ่อย่างไรก็ช่วยจี้ช่วยย้ำแกให้หน่อยนะคะ คดีฆ่ากันตายในตำบลเรา หนูโตมาจนป่านนี้ก็เพิ่งจะได้ยิน มันคงไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไรหรอกใช่ไหมคะ..”

“ก็จริง แต่เขาว่ามันไม่มีหลักฐาน..คนที่ต้องสงสัย ก็รู้ๆ กัน คนใหญ่คนโตในถิ่นนี้ทั้งนั้น ใครที่ไหนมันจะกล้าไปขุดคุ้ย..ขุดไปก็ไปเจอตอ เธอก็รู้ระบบราชการไทยดีนี่..แต่เอาเถอะ พ่อหนูคงไม่ตายฟรีหรอก..สักวัน เดี๋ยวก็หาคนทำผิดจนได้แหละ..แต่อย่างไรน้าก็รับปากจะช่วยหนู นี่ก็รับปากกับแม่หนูอยู่ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะช่วยถามไปทางตำรวจให้..ทำใจให้สบาย..อย่าให้คนตาย ทำให้คนอยู่เป็นทุกข์..”

เมื่อผู้ใหญ่กลับออกไปแล้ว ดวงเดือนจึงหันหน้าไปจ้องดูสีหน้าของคนเป็นแม่..“ดูอะไร” คนเป็นแม่คลำหน้าตัวเอง..

“แม่ไม่ได้มีใจให้ไอ้ผู้ใหญ่ชีกอนี่ใช่ไหม..”

“แม่เจ้า ลูกสาวฉัน..ฉันจะหกสิบแล้วนะแม่เดือน เมนหมดไปนานนมแล้ว..อารมณ์ทางเพศไม่มีแล้ว..และที่ฉันอยากให้แกมาทำแทนนี่ คือฉันอยากจะเข้าวัดเข้าวาบ้าง ไม่ใช่มาจมจ่ออยู่ แต่ตรงนี้..มรรคผลนิพพานไม่ต้องได้กันล่ะ..”

“อ้อ หนูลืมไปว่าแม่มีลูกเป็นพระ พี่เอกชัยเขาโปรดคนได้ทั้งตำบล ถ้าเขาไม่ได้มาโปรดแม่นี่ หนูว่าคงจะแปลกคน สาธุ”

พูดจบ แม่ลูกสาวก็รีบวิ่งไปจับจักรยานแล้วก็ปั่นออกไปก่อนจะถูก ‘หล่า’



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ย. 2554, 10:03:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ย. 2554, 10:03:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1719





<< 4. รีไรท์   ุ6.“นี่มันสไตล์สาวเกาหลี ญี่ปุ่นโว้ย..” >>
คนเหงา 17 ก.ย. 2554, 13:15:05 น.
เห็นแอบ มีเชียร์ ตัวเองด้วยนะ อิอิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account