กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ

ตอน: ตอนที่ 11 ช่องว่างในหัวใจ

บทที่ 11
ช่องว่างในหัวใจ

‘กรุณาฝากข้อความเสียง ภายหลังจากที่ได้ยินสัญญาณตอบรับด้วยค่ะ’

เสียงตอบรับอัตโนมัติในโทรศัพท์ ส่งผลให้เตชิตระบายลมหายใจช้า ๆ หลายวันมานี้เขาพยายามโทรศัพท์ติดต่อม่านนทีหลายต่อหลายครั้งแต่เธอก็ไม่เคยรับสาย และมักปิดโทรศัพท์หนีหน้าอยู่เสมอ

“เป็นอะไรหรือเปล่านะ” เตชิตรำพึงแผ่ว ทั้งวันแทบไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานเอกสารบนโต๊ะ เนื่องจากในหัวสมองเอาแต่คิดวนเวียนถึงเธอตลอดเวลา

ร่างสูงภายใต้เสื้อสูทสีกรมท่า ตัดสินใจวางมือจากงานทั้งหมด เดินออกไปทางประตูจนเกือบชนเข้ากับสมุห์บัญชีสาวที่เดินสวนเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสาร

“อุ้ย คุณเตชิต”

“ขอโทษ ผมรีบร้อนไปหน่อย” เตชิตเอื้อมมือออกไปช่วยรับเอกสารที่อีกฝ่ายเกือบทำร่วงหล่นกับพื้น “เดี๋ยวคุณเอาแฟ้มพวกนี้วางไว้บนโต๊ะก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวผมกลับมาเซ็นให้ทีหลัง”

“คุณจะออกไปไหนหรือคะ” หญิงสาวร้องถาม

“วันนี้ผมมีธุระต้องทำข้างนอก ขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบ ร่างสูงก็เดินออกจากห้องตรงไปยังประตูลิฟต์อย่างรวดเร็ว

เพียงระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเตชิต ก็เลี้ยวรถยนต์เข้าไปจอดเทียบบริเวณหน้าประตูรั้วสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าชุมชนร่มเกล้า ชายหนุ่มสวมชุดสูทเปิดประตูลงมายืนบนถนน ทอดสายตามองเข้าไปยังสนามเด็กเล่นอย่างแปลกใจ เนื่องจากไม่ค่อยเห็นเด็ก ๆ ออกมาวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานเหมือนเช่นเคย

ทันทีที่ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดในซอย มาลัยก็รีบวิ่งออกมาจากร้านขายของพร้อมกับชะโงกหน้ามองทันที หญิงสาวเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นชายในฝันกลับเข้ามาในเขตชุมชนอีกครั้ง

“อุ้ย เขากลับมาจริง ๆ ด้วย”

มาลัยทำหน้าชวนฝัน ยกมือขึ้นจัดเสื้อผ้าและทรงผมให้เรียบร้อย เดินเยื้องย่างเข้าไปหาชายหนุ่มอย่างหมายมั่นปั้นมือ

“สวัสดีค่ะ”

เสียงหวาน ๆ เอ่ยทักทาย ทำให้เตชิตหันไปมอง

“ครับ...คุณ” ร่างสูงทบทวนความจำ แต่มาลัยรีบชิงแนะนำตัวเสียก่อน

“มาลัยค่ะ ดิฉันชื่อมาลัย เพิ่งจะกลับมาอยู่ในชุมชนได้ไม่นาน” หญิงสาวยิ้มหวานหยด ดวงตาเป็นประกาย ร่างเย้ายวนสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น เต็มไปด้วยจริตจะกร้าน

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อเตชิตเป็นเพื่อนของคุณน้ำ”

เตชิตยิ้มรับอย่างสุภาพ พยายามทำเป็นมองไม่เห็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่อีกฝ่ายพยายามทอดลงมาให้

“ตายจริง มาลัยเองก็เป็นเพื่อนของน้ำเหมือนกันนะคะ แถมยังสนิทกันมากอีกด้วย” มาลัยถือโอกาสอ้างชื่อม่านนที เพื่อตีสนิทกับเขา “ไม่ทราบว่าคุณเตชิตมีธุระอะไรเหรอคะ ถึงได้มาที่นี่”

“ผมมาเยี่ยมครูวิภากับพวกเด็ก ๆ น่ะครับ”

คำตอบของเตชิต ทำเอาคนฟังหน้าเหยเก

“...สกปรกจะตายไป” เธอพึมพำ

“อะไรนะครับ” ชายหนุ่มได้ยินไม่ถนัด

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร แหม...คุณเตชิตนี่มีน้ำใจจังเลยนะคะ อาทิตย์ก่อนมาลัยเห็นคุณเอาของฝากมาให้เด็ก ๆ ยังนึกชื่นชมในใจอยู่เลย” มาลัยรีบสวมบทบาทหญิงสาวน้ำใจงาม

“ขอบคุณครับ” เตชิตยิ้มรับ “แต่คนที่มีน้ำใจเห็นจะคุณน้ำมากกว่าไม่ใช่ผม เพราะถ้าไม่มีเธอ ผมก็คงไม่มีโอกาสแบบนี้เช่นกัน”

“...เหรอคะ” อีกฝ่ายฝืนยิ้ม นึกหมั่นไส้ม่านนทีขึ้นมาตงิด ๆ

“ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีธุระกับครูวิภานิดหน่อย” ใบหน้าคมคายขอตัวเปิดประตูรั้วก้าวเดินเข้าไปภายใน หญิงสาวรีบตามติดเข้าไปอย่างไม่ละความพยายาม

“เดี๋ยวค่ะคุณเตชิต ขอมาลัยเข้าไปด้วยคน”

ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปภายในตัวอาคาร แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เนื่องจากสภาพแตกต่างไปจากที่เคยเป็น บนชั้นหนังสือและลังใส่ของเล่นเด็ก ๆ ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ทุกอย่างถูกกลายสภาพเป็นกล่องกระดาษใบใหญ่ วางเรียงกันอยู่ด้านในสุดของอาคารเพื่อรอการขนย้ายออกไป

ใจกลางห้องเด็ก ๆ กำลังนอนเรียงอยู่บนพื้น มีเพียงเสื่อขนาดใหญ่และผ้าปูที่นอนรองรับอยู่แค่ไม่กี่ผืน ในมือยังกอดตุ๊กตาที่เตชิตซื้อให้เป็นของขวัญแน่น

“ครูวิภา”

“อ้าว คุณเตชิต” ครูวิภาเดินออกมาห้องข้าง ๆ หน้าตาอิดโรย “มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ มัวแต่วุ่นกับการเก็บของเลยไม่ได้ออกไปต้อนรับ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”

“ผมเพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี้เอง ว่าแต่...ทำไมที่นี่ถึงได้มีสภาพแบบนี้ละครับ ข้าวของพวกนั้นกำลังจะขนย้ายไปไหนกัน”

เตชิตรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ทั้งที่คราวก่อนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยของเล่น และเสียงหัวเราะแท้ ๆ

สีหน้าของครูวิภาสลดลง ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี

“เรากำลังช่วยกันเก็บข้าวของ เตรียมตัวย้ายออกไปจากที่นี่ค่ะ”

“ทำไมล่ะครับ หรือครูมีโครงการจะย้ายพวกเด็ก ๆ ไปอยู่ที่อื่น”

“เปล่าหรอกค่ะ พวกเราถูกไล่ที่ต่างหาก”

น้ำเสียงสั่นเครือที่ตอบกลับมา ส่งผลให้ใบหน้าคมคายเคร่งเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ไล่ที่”

“ใช่ค่ะ...ทีแรกก็ไม่มีใครคิดหรอกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อวันก่อนมีชายแปลกหน้าสองคนเข้ามาที่นี่พร้อมกับหนังสือสัญญาเงินกู้ แถมยังขู่บังคับด้วยว่าให้รีบย้ายออกไปจากที่นี่ภายในหนึ่งเดือน ไม่อย่างนั้นจะกลับมาเล่นงานอีก”

เตชิตนิ่งฟังอย่างใช้ความคิด ในที่สุดเขาก็รู้สาเหตุที่ทำให้พวกเด็ก ๆ หวาดกลัวกับคนแปลกหน้าเสียที

“เจ้าพวกนั้นใช่ไหมครูวิภา แหม คิดเอาไว้แล้วเชียวว่าพวกมันต้องไม่ใช่คนดีแน่”

มาลัยฉวยโอกาสพูดแทรกเอาหน้า เบียดกายเข้าหาเตชิต

“น่ากลัวจังค่ะคุณเตชิต พวกมันต้องกลับมาอีกแน่ ๆ เลย”

ครูวิภาทำหน้าปลงสังเวช เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดือดร้อนเสียเต็มประดา ทั้ง ๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยสักนิด

“ขอผมดูหนังสือสัญญาหน่อยได้ไหมครับครูวิภา” เตชิตกล่าวเสียงเรียบ

“ได้ค่ะ เดี๋ยวจะรีบเอามาให้ดู”

พูดจบครูพี่เลี้ยงร่างท้วมก็รีบเดินไปหยิบสำเนาหนังสือสัญญาจากลิ้นชักโต๊ะ ยืนส่งให้เตชิตช่วยดู

“นี่ค่ะ พวกมันเอามาให้ตั้งแต่วันก่อนแล้ว”

ดวงตาสีน้ำตาลไล่อ่านทุกบรรทัดอย่างละเอียด ข้อความในสัญญาระบุทุกขั้นตอนของการจำนองที่ดินและกู้หนี้ยืมสินที่มีการลงนามอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ระบุเงื่อนไขและตัวเลขจำนวนเงินอย่างละเอียดครบถ้วน

“หนึ่งล้านสองแสนบาท”

“ใช่ค่ะ ลูกชายเจ้าของที่ดินแปลงนี้ ทำสัญญากู้หนี้ยืมสินกับบริษัทนายทุนกว่าหนึ่งล้านบาท ครูเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน” ครูวิภาทำหน้าเศร้า

“ล้านสอง” มาลัยอุทานเสียงดัง “ที่ดินซอมซ่อตรงนี้ มีราคาตั้งหนึ่งล้านสองแสนบาทเชียวเหรอ”

หญิงสาวทำหน้าตื่น คิดไม่ถึงว่าที่ดินในชุมชนแออัดจะมีมูลค่าทรัพย์สินมากมายขนาดนี้ หลังจากหลุดปากตะโกนออกไป มาลัยก็ถูกรุมตำหนิทั้งจากสายตาของครูวิภาและเตชิต จนเจ้าตัวต้องรีบยกมือขึ้นปิดปาก

“อุ้ย ลืมตัวไปหน่อย” หญิงสาวยิ้มแห้ง ๆ

พี่เลี้ยงเด็กส่ายหน้าระอาใจ มองข้ามสาวสวยไร้สมองไปสู่ข้อประเด็นหลัก เตชิตอ่านข้อความในสัญญาโดยละเอียด พลางเอ่ยถาม

“คุณน้ำทราบเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่าครับ”

“ทราบแล้วค่ะ ตอนพวกมันเข้ามาหนูน้ำก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย...เธอบอกว่าจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาไถ่ถอนที่ดิน โถ เงินตั้งเป็นล้าน ผู้หญิงตัวคนเดียวจะไปหามาจากไหน...ครูละอายใจจริง ๆ”

ครูวิภากล่าวเสียงสั่นเครือ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาด้วยความเศร้าหมอง

เตชิตมองอย่างเห็นใจ และนี่คงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ม่านนทีเครียดจัด กระทั่งไม่ยอมรับโทรศัพท์จากเขา หัวใจของชายหนุ่มอัดแน่นด้วยความรู้สึกกังวล นึกห่วงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่ใจแข็งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...อีกด้านหนึ่งก็นึกตำหนิม่านนที ที่ไม่ยอมปรึกษาเรื่องนี้กลับตน

ราวกับว่าชายหนุ่มไม่มีค่า ไร้ตัวตนสำหรับเธอ...

“ทำใจดี ๆ ไว้ก่อนครับครูวิภา เรื่องคราวนี้ผมจะลองคิดหาทางช่วยเหลือดู ส่วนเรื่องคุณน้ำผมจะดูแลเธอเอง” เตชิตรับปาก

“ขอบคุณมากนะคะ คุณเตชิต”

“ความจริงผมพยายามโทรศัพท์หาคุณน้ำหลายวันแล้วแต่เธอไม่ยอมรับสาย ครูพอจะรู้ไหมครับ ว่าเธอกำลังมีปัญหาอะไรอยู่หรือเปล่า”

“เอ...ตอนหนู่น้ำโทรฯมา ก็ไม่เห็นว่ายังไงนี่คะ” ครูวิภานึกทบทวนความจำ

“โอ้ย ไม่ต้องเป็นห่วงยายน้ำหรอกค่ะ ที่เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์คงเพราะกำลังมีความสุขกับแฟนหนุ่มต่างหาก”

มาลัยโพล่งออกมาด้วยความหมั่นไส้ เพราะทุกคนเอาแต่มองข้ามหัวเธอสนใจแต่ม่านนที

“แฟนหนุ่ม” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ไม่แน่ใจว่าที่อีกฝ่ายพูดมาจริงเท็จมากแค่ไหน

“เหลวไหลไร้สาระน่ามาลัย เอาอะไรมาพูด” ครูพี่เลี้ยงเอ็ดเสียงเขียว

แต่มาลัยไม่ยอมหยุดตีไข่ใส่ความ ลอยหน้าลอยตาพูดใส่ร้ายม่านนที ราวกับเห็นด้วยกับตาตัวเอง

“มาลัยพูดเรื่องจริงต่างหาก ยายน้ำเป็นคนพูดเรื่องนี้ให้ฟังเองว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับผู้จัดการในบริษัท แถมยังออกไปทานข้าวด้วยกันบ่อย ๆ ด้วยซ้ำ ครูวิภามัวแต่เลี้ยงเด็ก จะไปรู้เรื่องอะไร”

หญิงสาวยืนกอดอกเชิดหน้า ต่อปากต่อคำ

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ”

“พอเถอะครับ ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า” เตชิตรวบรัดตัดความอย่างมีสติ “สิ่งสำคัญตอนนี้คือการหาวิธีเอาที่ดินคืนมาต่างหาก...ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ค่อยกันทีหลัง”

ทั้งสองจึงยอมหย่าศึกแต่โดยดี ครูวิภาชำเลืองมองมาลัยด้วยแววตาตำหนิ

“ลองไปหาหนูน้ำที่ทำงานดูสิคะ เผื่อว่าเธอจะยังอยู่ที่นั่น”

“ครับ ผมจะลองดู"


บนห้องทำงานของม่านนที เต็มไปด้วยกองเอกสารและแผ่นกระดาษยับยู่ยี่ถูกโยนทิ้งในถังขยะ หญิงสาวยกมือกุมหน้าผาก ดวงตาจับจ้องอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างใช้ความคิด ระดมสมองทุ่มเทเวลาให้กับงานอย่างหนักติดต่อเป็นเวลาหลายวัน จนไม่ค่อยได้มีเวลาพักผ่อน

ภาระความรับผิดชอบที่ม่านนทีตั้งใจแบกรับเอาไว้ ทำให้เธอตัดสินใจรับงานมาทำหลายตัวด้วยกัน ซึ่งล้วนแต่ยากมากทั้งสิ้น ดวงหน้างามเจือไปด้วยความอิดโรย หากแต่เทียบกับจำนวนเงินที่ได้มานั้น ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี

“ไม่ไหวแฮะ...แบบนี้ไม่มีทางหาเงินได้ทันแน่” ม่านนทีรำพึงแผ่ว หลังจากโหมงานหนักกระทั่งร่างกายอ่อนเพลีย

หญิงสาวหันไปเห็นข้อความจำนวนมากที่ไม่ได้เปิดอ่าน โชว์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ หยิบมันขึ้นมามองดูด้วยความรู้สึกสับสน

หลายวันมานี้เตชิตพยายามติดต่อเข้ามาหลายครั้ง แต่ม่านนทีปฏิเสธที่จะรับสายพูดคุยกับเขาในเวลานี้ เนื่องจากไม่ต้องการดึงชายหนุ่มเข้ามาร่วมรับรู้ภาระหนี้สินของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า อันจะสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับเขาเปล่า ๆ

“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ว่างติดต่อกับใครตอนนี้จริง ๆ”

ม่านนทีถอนหายใจยาว กดปิดโทรศัพท์และจับยัดใส่ในกระเป๋าถือเพื่อตัดปัญหา ก้มหน้าก้มตาทำงานที่ค้างอยู่บนโต๊ะต่อไปอีกหลายชั่วโมง...กระทั่งเกือบสองทุ่ม ผู้จัดการบริษัทจึงเปิดประตูเข้ามาเห็นเธอเข้า หลังจากที่ออกไปทำธุระข้างนอกตั้งแต่ช่วงเช้า

“อ้าว น้ำยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ” ชายหนุ่มสวมแว่นตา รูปร่างสูงโปร่งเดินตรงเข้าไปยืนข้างโต๊ะ

“ยังค่ะพี่ก้อง งานยังไม่เสร็จอีกตั้งหลายตัว” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นตอบ

“ไหน ๆ ขอดูหน่อยซิ” ผู้จัดการหนุ่มก้มหน้ามองดูผลงานบนจอคอมพิวเตอร์ “นี่มันงานด่วนทั้งนั้นเลยนี่นา จะทำเสร็จทันได้ยังไง พี่เคยเตือนไว้ว่าไม่ให้รับงานรัดตัวพวกนี้ไม่ใช่เหรอ”

“เอ่อ...” ม่านนทียิ้มเจื่อน “ลูกค้าเขาขอร้องมานะค่ะ น้ำก็เลยรับมาทำเป็นงานล่วงเวลา”

อีกฝ่ายยกมือขึ้นท้าวเอวถอนหายใจยาว ใช่ว่าเขาไม่สังเกตเห็นความเอาจริงเอาจริงของม่านนทีในช่วงระยะนี้ แต่นี่มันมากเกินกว่าที่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะทำไหว ชายหนุ่มจึงเดินอ้อมไปยังด้านหลังคอมพิวเตอร์ กดปิดสวิตซ์จนกระทั่งไฟดับลง

“ทำอะไรคะพี่ก้อง น้ำยังทำไม่เสร็จเลยนะ” ม่านนทีอุทานเสียงดัง

“ไม่เสร็จก็ช่างมันสิ นี่มันเลยเวลากลับบ้านแล้วนะ คิดจะทำงานทั้งคืนเลยหรือไง”

“ขอเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็ได้ค่ะพี่ก้อง น้ำจะรีบทำ”

หญิงสาวต่อรอง เพราะหากทำไม่เสร็จตามกำหนด นอกจากไม่ได้รับค่าตอบแทนแล้ว ยังต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่ลูกค้าอีกด้วย

“พรุ่งนี้ค่อยกลับมาทำ”

“แต่ว่า..”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้น จัดการเก็บข้าวของแล้วกลับบ้านได้แล้ว นี่เป็นคำสั่ง” ผู้จัดการหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก ทำท่าจะเดินตรงไปปิดไฟสำนักงาน

ม่านนทีถึงกับเหวอไปชั่วขณะ สุดท้ายก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอยู่ดี ร่างบางถอนหายใจยาวลงมือเก็บของใส่กระเป๋า เดินหน้าเง้าผ่านหน้าผู้จัดการออกไปทางประตูอย่างไม่มีทางเลือก

“เฮ้อ..ให้มันได้ยังงี้สิ”

ชายหนุ่มเดินตามม่านนทีลงบันไดมายังประตูชั้นล่าง ออกปากเตือนหญิงสาวตามประสาคนรู้จักกัน

“พี่รู้ว่าเรามีความตั้งใจทำงาน แต่การหักโหมเกินไปมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพเข้าใจหรือเปล่า บางครั้งงานของลูกค้าก็สำคัญ แต่ถ้าหากต้องทนเห็นลูกน้องล้มป่วยเพราะร่างกายขาดการพักผ่อน พี่ก็ไม่ต้องการเหมือนกัน”

“พี่ก้อง”

“อย่าทำให้พี่ต้องเป็นห่วงเลยนะ” ผู้จัดการหนุ่มเอ่ยปากแสดงความห่วงใย ม่านหนีได้แต่ก้มหน้ารับผิด

“ขอโทษค่ะ ต่อไปน้ำจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” เธอให้สัญญา

อีกฝ่ายยิ้มกว้าง ยกฝ่ามือขึ้นขยี้ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมของเธอเบา ๆ

“เด็กโง่ ต้องให้เตือนกันประจำ”

“พี่ก้องนั่นแหละ ชอบทำเหมือนน้ำเป็นเด็กอยู่เรื่อย” ม่านนทีทำหน้าเง้า ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ทำท่าหยอกล้อกันราวกับคู่รัก

“น้ำขอตัวก่อนนะคะ พี่ก้อง”

“จ้ะ ฝันดีนะน้ำ”

ม่านนทีโบกมือล่ำลาพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นทั้งคู่ต่างก็เดินแยกย้ายกลับไปยังรถของตัวเอง ร่างบางตรงไปยังบริเวณลานจอดหน้าด้านหน้าบริษัท ท่ามกลางความรู้สึกปลอดโปร่งกว่าทุกวัน แต่แล้วต้องสะดุ้ง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเจ้าของร่างสูง ยืนพิงข้างประตูรถรอเธออยู่ก่อนแล้ว

“คุณเตชิต...” หญิงสาวกระซิบแผ่ว

*************************

เอาตอนใหม่มาลงให้อ่าน ก่อนที่เบลินญาจะหายแว้บ
ไปร่วมซื้อของช่วยผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก
ที่ตำบลน้ำไผ่ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ค่ะ
ตอนนี้มีผู้สมทบทุนซื้อของได้พอสมควรแล้ว
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว จะนำบุญมาฝากทุกคนนะคะ (^o^)




เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ย. 2554, 09:20:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2554, 15:08:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 2406





<< ตอนที่ 10 คุณพ่อจอมบงการ   ตอนที่ 12 พยศรัก >>
Zephyr 15 ก.ย. 2554, 18:48:06 น.
อนุโมทนาด้วยค่ะ _/|\_
แต่ว่า ประโยคต่อไปที่จะพิมพ์นี่ ชั้นจะบาปมั้ยเนี่ย
..นังมาลัย มายุ่งไรกับคุณเตฮะ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ น่าจับมาตบๆๆๆๆ ฮึ่ย.. เอิ่ม ขอโทษค่ะ อินไปหน่อย แหะๆ แต่อดไม่ได้ จริงๆ นะ


wane 15 ก.ย. 2554, 22:52:27 น.
ตอนที่ 7 เตชิตตามม่านนทีมาจากบริษัท ถึงได้เจอว่าน้ำมาที่บ้านครูวิภา แสดงว่าเตชิตรู้ว่าน้ำทำงานอยู่ที่ไหน ทำไมตอนนี้เค้าถึงไม่รู้หล่ะคะ


violette 16 ก.ย. 2554, 01:05:36 น.
อ่า แอบงงเหมือนคุณwaneค่า
แล้วอีกอย่าง ตัวเองบอกไม่รู้ว่าน้ำทำงานอะไรแล้วจะมาน้อยใจน้ำได้ไงเนี่ยเฮ่อ
ยัยมาลัยมาทางไหนไปทางนั้นเลยไปๆไป๊ (อินซะ)

คุณไรเตอร์ได้รวบรวมของไปช่วยคนเองดีจังเล้ยจ้า
คนอ่านอยู่ไกลได้ส่งของเงินละกำลังใจไปด้วย


anOO 16 ก.ย. 2554, 06:14:49 น.
อนุโมทนาด้วยค่ะ
เห็นด้วยกับความเห็นข้างบน


เบลินญา 16 ก.ย. 2554, 15:12:41 น.
ขออภัยสำหรับข้อผิดพลาดค่ะ
พอดีเพิ่งเข้ามาอ่าน ตอนนี้แก้ไขให้แล้วนะคะ
ต้องขอขอบคุณทุกคนจริง ๆ ที่ช่วยตรวจทานให้ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account