อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 24. วันที่สิบสอง

24.

(วันที่ 12)

ห้าวันผ่านไปอาการของเสี่ยสาธรดีขึ้น จนกระทั่งรังสิตาอุ่นใจขึ้นมาว่าพี่ชายของเธอคงจะกลับมาฝันเฟื่องเรื่องยศและลาภได้เหมือนเดิม เมื่อหมดกังวลเรื่องนั้น รังสิตาก็กลับมาที่เรื่องของตัวเอง

ชั่วห้าวันที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในโรงแรมเขาปฏิบัติต่อเธอประดุจว่าเธอเป็นนางฟ้าตกจากสวรรค์อย่างที่เขาว่าไว้ จริง ๆ ยามกินเขาแทบจะป้อน ยามนอนเขาก็ประคอง แต่เธอก็รู้ว่านี่คือช่วงของน้ำผึ้งพระจันทร์ ที่รสหอมหวานมันยังล้นทะลักให้เขาดื่มกินอย่างไม่รู้เบื่อหน่าย การที่อยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นศึกษานิสัยใจคอกันมาก่อนแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการคลุมถุงชนที่พี่ใหญ่ของเธอกระทำ

เธอคิดผิดไหมหนอ

แล้วรังสิตาก็คงต้องมองย้อนกลับไปที่บรรยากาศในค่ำคืนนั้น กับคำว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

“คิดอะไรอยู่หรือครับ” โชคชัยมักจะถามรังสิตาอย่างนี้เสมอเมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบ และเขาก็จะเดาใจเธอออกว่าเธอกำลังกังวลเรื่องที่เขาเป็นใคร มาจากไหน และโชคชัยก็จะสรุปที่ว่าผู้หญิงต้องการความมั่นคง ต้องการความเชื่อมั่น

“คุณก็รู้ว่าฉันคิดอะไร” รังสิตาย้อนเขากลับไป

“พี่คุณอาการดีขึ้นแล้ว คุณจะเอาอย่างไรต่อไป”

“แล้วแต่คุณ” รังสิตาอยากดูพรหมที่ลิขิตตัวเองเหมือนกันว่าจะพาเธอไปยังทิศทางไหน

“ผมจะพาคุณไปหาพ่อผมที่เชียงใหม่”

“เมื่อไหร่”

“คุณสะดวกเมื่อไหร่ละครับ” เมื่อได้ฟังรังสิตานิ่งคิด

“วันนี้เลยละกัน ถึงอย่างไรพี่ใหญ่ก็ไม่ตาย เมื่อไม่ตายฉันก็ต้องหนีต่อไป” พูดจบเธอก็หัวเราะกลบเกลื่อนความหวาดวิตกที่รออยู่ข้างหน้า

เมื่อตัดสินใจได้แล้วรังสิตาให้โชคชัยขับรถไปส่งที่หน้าบ้านพักหลังใหญ่ หญิงสาวเดินกลับเข้าบ้านตาม
ลำพัง ตราบใดที่ยังไม่ได้แต่งงานกันให้ถูกต้องตามประเพณี รังสิตาก็ยังไม่อยากให้เขาเข้าไปในบ้าน เขาเองก็เข้าใจ

“จะไปจริง ๆ หรือคะ” เมื่อเห็นคนเป็นเจ้านายเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า นมแสงก็มีน้ำหูน้ำตาไหลอาบหน้า

“หากเขาเอาคุณหนูของนมไปขาย นมจะไปตามถูกได้อย่างไร หัวนอนปลายเท้าก็ไม่รู้”

นึกตามที่นมแสงพูดไปรังสิตาเองก็ชะงักเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ไม่เคยมี ซาตานในคราบเทพบุตรมันมีเรื่องให้ได้ยินได้ฟังเสมอมา

“อย่าไปเลยค่ะคุณหนู รอให้เสี่ยฟื้นขึ้นมา แล้วค่อยปรึกษากันก่อนดีไหม”

“แต่” ใจหนึ่งรังสิตาก็มั่นใจ ด้วยรูปลักษณ์ด้วยรถยนต์ที่เขามีขับ แถมลุงอินตาที่เขาให้กลับไปก่อนก็นอบน้อมเขาอย่างกับอะไรดี ยามที่อยู่ด้วยกันเขาก็ปฏิบัติกับเธอราวกับเจ้าหญิง ความคิดความอ่านของเขานั้นเต็มไปด้วยเหตุและผล สติสัมปชัญญะของเขามีสมบูรณ์ เขาเป็นผู้ใหญ่เขาเป็นผู้นำพาชีวิตครอบครัวได้ เขาพูดถึงลูกชายหรือหญิงที่จะเกิดมา เขาพร้อมแล้วสำหรับชีวิตคู่กับผู้หญิงที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สวรรค์ส่งมาให้อย่างเธอ

แล้วรังสิตาก็ตัดสินใจเลื่อนกระเป๋าใบใหญ่ออกจากห้องพักโดยที่นมแสงไม่จำเป็นต้องช่วยเหมือนเมื่อก่อน

“เผื่อมันลำบากในภายภาคหน้า ฉันจะได้นึกถึงนมแสงให้น้อยที่สุดไงจ๊ะ”

“คุณหนูอ่ะอย่าพูดอย่างนี้ซิ นมใจจะขาดรู้ไหม จริง ๆ แล้วให้นมไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ”

รังสิตาฉุกคิดขึ้นมาได้ หญิงสาวโทรศัพท์กลับไปหาเขาทันที

“คือ ฉันอยากเอานมแสงไปเป็นเพื่อน”

นมแสงมีสีหน้าดีขึ้นมาทันที

“ตามใจคุณซิครับ แต่ความเป็นส่วนตัวเราจะหายไปนะ”


ห้าวันแล้วที่ประดิพัทธ์ตระเวนหาอินทรา เขากลับไปยังสลัมที่ถูกไฟไหม้อีกครั้ง ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงครอบครัวที่มีผู้เสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่รู้เรื่องใด ๆ เห็นมาเซ็นชื่อรับเงินแล้วก็หายไปเลย ประดิพัทธ์นึกถึงเจ้านายของหญิงสาว เขาโทรไปหาทันที

“ว่าไงจ๊ะ นางเอกของเธอ งานการไม่ทำแล้วรึ จะเอาไหมใบผ่านการฝึกงาน ถามให้หน่อยซิ โทรไปก็ไม่รับสาย ตกที่ลุ่มขุมทองได้ดิบได้ดีมีผัวเป็นดาราแล้วนี่” แค่ประโยคเดียวเขาก็รู้แล้วว่า รติไม่รู้เรื่องของอินทรา และอินทราเองก็คงไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว

เมื่อมานั่งทบทวน เขาก็สะดุดเรื่องฝึกงาน แสดงว่าอินทรายังเรียนไม่จบ แต่ว่าเธอเรียนที่ไหนเขาจึงโทรกลับไปถามรติอีกครั้ง เขาอยากรู้ว่าอินทรามีนามสกุลว่าอะไรและเรียนที่ไหนคณะอะไร เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วเขารีบขับรถไปยังมหาวิทยาลัย ระบบของรามคำแหง เด็กไม่จำเป็นต้องมาเรียนทุกวัน ให้อ่านหนังสือแล้วมาเพียงเฉพาะวันสอบไล่ เขาได้ตารางสอบของเธอมา อีกหลายวันทีเดียวกว่าเธอจะสอบวิชาสุดท้าย แล้วเธอก็จะเรียนจบ เขาจะหาไปเธอได้ที่ไหนนะ

เมื่อไม่รู้จุดหมาย วันทั้งวันที่ว่างงาน เขาจึงขับรถวน ๆ เวียน ๆ อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งพลบค่ำเขาขับรถกลับยังไปสลัมอีกรอบ ทีนี้เขาไปถามคนแถวนั้นว่าปกติแม่ของอินทราจะไปทำบุญที่ไหน เรื่องบุญไม่มีใครรู้อีก เขารู้สึกมืดแปดด้านอีกครั้ง เพราะถนนหนทางในกรุงเทพมหานครมีมากมายหลายสายเหลือเกินอีกกี่วันนะความบังเอิญจะเกิดขึ้นอีก


เมื่อจัดการบวชชัยวัฒน์ให้เป็นสามเณร อินทราก็รู้สึกโล่งอก ในใบกรอกขอบรรพชาสามเณร ชัยวัฒน์กรอกลงไปว่าเรียนจบชั้น ม.6 แล้วเพราะว่าไปสอบเทียบ นึก ๆ ไป น้องเธอก็ยังไม่ถือว่าเลวร้ายนัก อาจจะเป็นเพราะพ่อแม่ตามใจหรือเธอเองก็ไม่ได้เอาใจใส่หรือปลุกเร้าทางจิตวิญญาณให้เขาร่วมรับผิดชอบครอบครัว

เมื่อปลงผม แม่ของเธอก็ร้องห่มร้องไห้ออกมา

“เป็นอะไรอีกแม่” คำพูดห้วน ๆ ของชัยวัฒน์นั้นจริงใจจนเธอเองก็นึกขำขึ้นมา

“จะเป็นแม่เณรนะซิ บวชให้ได้เจ็ดวันนะ อย่าเพิ่งสึก เอาบุญให้พ่อเยอะๆ หน่อย” คนเป็นแม่อ้างถึงคนที่ตายแล้ว

เมื่อหลวงลุงญาติข้างแม่พาชัยวัฒน์เข้าไปหาอุปัชฌาย์เพียงประมาณสิบห้านาที สามเณรชัยวัฒน์ก็เดินออกมาจากกุฏิของท่านด้วยใบหน้ามีสง่าราศี

“เอาให้มันเป็นคนได้เต็มคนทีเถอะหลวงพี่” แม่เธอบอกอย่างนั้น

“เก็บโทรศัพท์มือถือไปด้วยนะ เอาไว้เดี๋ยวสาว ๆ โทรมารบกวน”

“โฮ่ เอาไว้ใช้หน่อยไม่ได้หรือครับ เผื่อ”

“อย่าเลยเชื่อพระเถอะ บวชแล้วอย่าลืมสวดมนต์ให้พ่อบ้างนะเณร”

คนเป็นเณรหน้าง้ำ

เมื่อออกมาจากวัด อินทราพาแม่ไปหาบ้านเช่าที่สามารถประกอบอาชีพขายของได้ด้วย สำหรับเธอนั้นคงไปสอบวิชาสุดท้ายแล้วเอาวุฒิไปหางานอื่นทำ ส่วนใบฝึกงานคงไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะเธอคงจะหางานที่ตรงสายงานไม่ได้ง่าย ๆ แล้วอีกอย่าง คนในวงการนั้นน่ากลัวกว่าที่เธอคิด ช่วงนี้คงอยู่เงียบ ๆ อ่านหนังสือเตรียมตัวสอบแล้วก็ลืมทุกอย่างที่ผ่านมา เมื่อเรียนจบแล้ว เธอจะตั้งต้นชีวิตใหม่ คงได้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเสียที ‘ห่วง’ คือแม่กับน้องนี้เธอจะต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด

เมื่อได้ทำเลบ้านเช่าที่ไม่แพงแถมอยู่ในย่านโรงงาน ทีนี้ก็เตรียมอุปกรณ์ทำมาหากิน เตาถ่านกะละมังหม้อไหรามชามช้อนทุกสิ่งทุกอย่างต้องซื้อใหม่ทั้งหมด

“เอาพอใช้ไปก่อนนะแม่ มีกำรี้กำไรแล้วค่อย ๆ ขยับขยายกันไป”

“ออกมาจากสลัมก็ดีเหมือนกัน เผื่อชัยวัฒน์สึกมาจะได้ไม่มีพวกพาเกเรเหมือนเมื่อก่อน”

“ถ้าเราออกมาก่อนหน้านี้พ่อก็คงไม่เป็นอะไร”

“ผ่านแล้วผ่านไป แล้วเอ็งแน่ใจนะว่า จะไม่แต่งงานกับเขา”

“ก็หนูยังไม่ได้เสียหายอะไรนี่แม่ แต่งกันไปก็เลิกอยู่ดี แล้วอีกอย่างแม่คิดหรือว่าแม่เข้าไปอยู่ในบ้านเขาแล้วแม่จะมีความสุข สู้เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ตามประสาเรามีความสุขกว่าเยอะ”

คนเป็นแม่มองหน้าลูกสาวที่ดูเหมือนกำลังตัดใจจากโอกาสดี ๆ เช่นกัน

“ไม่ได้นึกรักชอบเขาบ้างเลยรึ เห็นตอนสาว ๆ เคยเอารูปเขามาแปะที่ข้างฝาบ้าน”

“ก็ตอนนั้นมันเป็นสาวนี่แม่ ใครหน้าตาดี ๆ ก็อยากเอาไว้ดูให้สบายใจ”

“แต่วันนั้นเขาจูบเอ็งไปหนึ่งทีแล้วนะ ข้าเห็นกับตา”

“แม่ก็คิดเสียว่าดูละครซิ”

ขณะจัดของในบ้าน เสียงโทรศัพท์เครื่องของสามเณรชัยวัฒน์ก็ดังขึ้น นึกโมโหตัวเองที่ไม่ยอมปิดเครื่อง แต่ถ้าปิดไป คนที่เขารู้จักกันก็จะไม่รู้ว่าชัยวัฒน์หายไปไหนเหมือนที่เธอทำอยู่

เมื่อได้ยินว่าปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงอินทราถึงกับอึ้ง ก็เธอไม่เคยมีเพื่อนชายหรือแฟนสักคน การติดต่อกันในเชิงชู้สาวเธอจึงไม่เคยปฏิบัติ

“ตอนนี้ไปบวชเณรแล้ว มีอะไรรึ”

“คิดถึง” คนปลายสายพูดตรง ๆ

“อือ รอให้สึกก่อนแล้วกันนะ แล้วมีอะไรอีกไหม”

“จะคุยเรื่องเรียน อยากรู้ว่าเขาจะไปเรียนต่อที่ไหน คืออยากไปด้วยกัน”

“อ้าว ทำไมไม่เลือกตามที่ตัวเองอยากเรียนล่ะ แต่สำหรับเณรถ้าสึกไปก็คงให้เรียนราม มีเงินอยู่แค่นั้นพอส่งเสีย เผื่อจะได้ทำงานช่วยกันด้วย ที่บ้านพี่ไม่ค่อยมีเงินกันหรอกนะ” พูดเพื่อให้เด็กคนนั้นเข้าใจว่าขืนคบหาอยู่กับชัยวัฒน์ก็จะมีแต่ลำบาก สู้ไปหาคนที่เขามีเงินทองดีกว่า

“พี่พูดเหมือนกันท่านะ เป็นพี่หรือเป็นแฟนเขาเนี่ย”

“พี่ซิ” อินทราชักอารมณ์เสียเบื่อกับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้จังเลย

“แล้วเณรบวชอยู่วัดไหน”

“อยากให้อยู่อย่างสงบ ๆ สักพัก เธอรู้ใช่ไหมว่าที่บ้านพี่ไฟไหม้น่ะ”

“รู้ซิ เอ๋อ พี่คนที่เป็นข่าวกับประดิพัทธ์ใช่ไหม กอดกันกลมเลยนะพี่ เป็นไงดารานี่ดีไหม”

“แก่แดดใหญ่แล้ว”
“อย่าว่าแต่หนูเลยพี่ก็เหอะ แต่โชคดีนะที่ได้กระทบไหล่ดารา” พูดจบปลายสายก็หัวเราะอินทราอยากจะปิดโทรศัพท์หนี แต่ในที่สุดเธอก็จะต้องเจอคนที่รู้ความหลังเธออยู่ดี

“มีอะไรอีกไหมจะวางสายแล้วนะ”

“บอกหนูหน่อยไม่ได้รึว่าเณรอยู่ที่ไหน เผื่อหนูจะซื้อของไปเยี่ยมในฐานะเพื่อน”

“ไม่ต้องมาหรอกได้บาปมากกว่าได้บุญ แค่นี้นะ” พูดจบอินทราก็ตัดสายทิ้งทันที แล้วเธอก็ได้คิดว่าช่วงนี้อยากโทรไปไหนก็เอาโทรศัพท์เครื่องนี้ใช้ไปก่อน

อินทรานึกถึงโชคชัย ป่านนี้เขากับคุณรังสิตา หญิงสาวถอนหายใจออกมา ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้จักใครทั้งนั้นเพราะเมื่อก่อนเธอไม่ได้รู้จักพวกเขาสักคนก็ยังอยู่มาได้

นึกถึงฝ่ามืออันอบอุ่นของโชคชัยที่วางไว้บนศีรษะ หากเธอมีอะไรให้เขาช่วย เขายินดี

“อัตตาหิ อัตตะโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน” เมื่อคิดได้ดังนั้นอินทราก็จัดของและเตรียมตัวทำข้าวเหนียวปิ้งไว้ขายกับแม่ในวันพรุ่งนี้


ในเวลาว่างประดิพัทธ์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ฆ่าเวลา หากเขาไม่มีเงินแล้วเขาจะอยู่อย่างไร ชายหนุ่มนึกถึงบริษัทละครที่บอกว่าจะติดต่อกลับมา แต่ก็เงียบหาย จริง ๆ แล้วมันเพิ่งเงียบได้ไม่กี่วัน แต่ด้วยเขากำลังอยู่ในห้วงของความทุกข์ทุกสิ่งทุกอย่างจึงดูน่าเบื่อหน่ายไปเสียหมด เมื่อเปิดหน้าหนังสือพิมพ์ไปพบประกาศตามหาคน เขาคิดวิธีตามหาอินทราได้ทันที

ประดิพัทธ์ยกโทรศัพท์หานักข่าวที่คุ้นเคย นักข่าวต่อสายให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายโฆษณา อีกไม่กี่วันหรอกเขาจะได้ที่อยู่ของอินทราแน่นอน


ขณะที่นั่งรถออกจากจังหวัดกาญจนบุรีมุ่งสู่จังหวัดสุพรรณบุรี เข้าอุทัยธานี นครสวรรค์ ลัดเลาะไปทางจังหวัดกำแพงเพชรเพื่อมุ่งหน้าไปยังตาก เถิน ลำปางและเชียงใหม่ โชคชัยคุยกับนมแสงมากกว่าคุยกับอินทรา เขากระเซ้าถามนมแสงถึงการอยู่เป็นโสดมาถึงปัจจุบัน ถามถึงแฟนเก่า ถามถึงชีวิตในอดีต และถามรวมถึงว่าในอดีตว่าที่คุณนายของเขาเป็นอย่างไรบ้าง แม้รังสิตาจะห้ามปราม แต่ด้วยได้รับของกินรายทางตั้งแต่สาลี่และสมหวัง (แห้ว) ของสุพรรณบุรี ไก่ย่างและโมจิของนครสวรรค์ กล้วยฉาบในกำแพงเพชร นมแสงจึงเล่าได้น้ำลายแตกฟอง แต่พอนมแสงถามคืนเรื่องประวัติของเขาเพื่อประโยชน์ของเจ้านาย เขากลับตอบเพียงว่า

“เดี๋ยวก็รู้”

และคำว่าก็เดี๋ยวก็รู้นั้นเล่นเอารังสิตานั่งรถจนรู้สึกเมื่อยล้าไปเสียหมด นมแสงก็บ่นกะปริบกะปรอยเมื่อเดินมาเข้าห้องน้ำ

“ตื่นเต้นไหม” เมื่อออกจากรถมายืดเส้นยืดสายที่ปั๊มน้ำมันก่อนถึงเมืองเชียงใหม่ เขาก็แสดงความห่วงใยออกมา

“ตื่นเต้น”

“ผมบอกไว้ก่อนนะว่า ผมไม่ได้มีเจตนาใด ๆ ทั้งสิ้น”

ยิ่งเขาพูดอย่างนี้ รังสิตาก็ยิ่งตื่นกลัว


แล้วความตื่นกลัวของเธอก็กลายเป็นความโกรธขึ้ง เพราะบ้านที่เขาพาเข้าไปนั้นเป็นเรือนหมู่กาแลหลายหลังที่มีตัวชานเชื่อมถึงกันซึ่งตั้งอยู่ในรั้วสูงทะมึนท่ามกลางไม้ดอกไม้ประดับที่จับวางโดยคนจัดสวนฝีมือดี

เมื่อรถจอดลงที่ลานจอด รังสิตาตัวเกร็ง

นมแสงนั้นอู้ฮู้อ้าฮ้าตั้งแต่รถวิ่งบนถนนแล้วเห็นรั้วบ้านหลังนี้

“ที่นี่จริง ๆ หรือคุณ” น้ำเสียงของนมแสงเปลี่ยนไปทันที เขารีบลงจากฝั่งคนขับมาเปิดประตูให้คนเป็นภรรยา นมแสงกลัวว่าเขาจะเปิดให้ตัวเองด้วยจึงรีบเปิดออกมาเสียเอง

“เชิญครับ ที่นี่เรือน ‘พ่อเลี้ยงสมบูรณ์’ ยินดีตอนรับครับ” เมื่อตั้งตัวได้ ความโกรธก็แล่นฉิวเข้าสู่ทรวงอกของรังสิตา หญิงสาวสะบัดฝ่ามือตบหน้าเขาทันทีโดยที่ไม่ได้คิดลังเล

“คุณหนู” นมแสงอุทานเสียงดังเพราะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

“อะไรกันคะ”

แล้วน้ำตาของรังสิตาก็ไหลออกมานองหน้า
“เขาหลอกหนูนมแสง เขาหลอกหนู” รังสิตาเริ่มโวยวาย

“ผมหลอกอะไรคุณ” โชคชัยยังมีหน้าตาเหลอหลา

“คุณคือลูกชายพ่อเลี้ยงสมบูรณ์ผู้มั่งคั่งใช่ไหม”

เขาพยักหน้ารับเมื่อเขารับเธอจึงตบเขาอีกที

“พอแล้วคุณหนู อะไรกัน นมงงหมดแล้ว”

“ก็พ่อเลี้ยงสมบูรณ์ โชควัฒนาวิสุทธิ์ ที่พี่ชายใหญ่อยากเกี่ยวดองด้วยไง ที่หนูหนีหัวซุกหัวซุนก็เพราะพ่อเลี้ยงนี่กับลูกชายที่ขี้ขลาด แล้วเขาก็ทำอย่างนี้กับหนู เขาหลอกหนู” รังสิตาโวยวายเสียงดังตามนิสัย

โชคชัยถึงบางอ้อทันทีเช่นกัน แล้วมันเป็นความผิดของเขาหรือ เขาก็ไม่ได้รู้อะไรเลยนี่ ใบหน้าที่ชาดิกมันชาไปถึงหัวใจ เขาข่มโกรธโดยพยายามกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก

รังสิตายังร้อนเหมือนเคย หญิงสาวรีบวิ่งไปทางด้านคนขับ เธอตอนแรกเธอจะไปเปิดท้ายรถเพื่อเอาของแต่เมื่อเห็นว่า กุญแจยังค้างอยู่เธอจึงขึ้นนั่งปิดประตูแล้วเรียกนมแสง นมแสงยังเงอะงะงุนงงจึงไม่ได้ปฏิบัติตาม

เมื่อเห็นว่ารังสิตาจะไป โชคชัยจึงวิ่งมาห้ามไว้ แต่รังสิตาก็สตาร์ทเครื่องแล้วถอยออกมาเปลี่ยนเกียร์แล้วหมุนพวงมาลัยขับฉิวไปยังรั้วที่อยู่ห่างไปประมาณร้อยเมตร โชคชัยวิ่งตาม รังสิตาหาได้สนใจ

ยามที่อยู่หน้าประตูเห็นว่าเหตุการณ์ไม่ดีจึงรีบปิดประตู รังสิตาเลื่อนกระจกลง แล้วถามด้วยเสียงทรงอำนาจว่า

“จะให้ฉันขับชน หรือจะเปิดดี ๆ” เมื่อเห็นหญิงสาวถอยหลังรถตั้งหลักพุ่ง พวกเขาจึงรีบดันประตูออก เมื่อโชคชัยวิ่งมาจวนจะถึง เธอก็พุ่งรถออกไปแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหลักทันที

“บ้าฉิบหาย” โชคชัยสบถเสียงดัง แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของยามที่จอดอยู่

“ขอกุญแจหน่อย”

ยามรีบควักกระเป๋าส่งให้ เขาขึ้นคร่อมแล้วสตาร์ทออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน


ในกระจกส่องหลังรังสิตาเห็นว่าเขาขับรถมอเตอร์ไซค์ตามมาด้วยความเร็ว หญิงสาวเหยียบคันเร่งเพื่อหนีอีก แต่เมื่อนึกได้ว่ามันอันตราย เธอจึงผ่อนความเร็วลง แล้วในกระจกส่องท้ายเธอก็เห็นว่าช่วงที่ผ่านทางสามแยกเขาคงไม่ได้ระวังทำให้มีรถยนต์อีกคันที่กำลังจะออกจากทางรองเลี้ยวตัดหน้า แล้วรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กก็เสียหลักคว่ำ รถกระเด็นไปทาง คนกระเด็นไปทาง แล้วเขาไม่มีหมวกกันน็อคด้วยเขาจะเป็นอย่างไร

รังสิตารีบหยุดแล้วกลับรถมายังจุดเกิดเหตุพอดี

ที่ร่างกายของเขามีเลือดไหลเพราะแผลถลอกโดยเฉพาะที่ศีรษะได้รูปนั้นบัดนี้มีเลือดไหลออกมา เขาสลบไป

“คุณโชคชัยคุณต้องไม่เป็นอะไรนะ คุณโชคชัย” รังสิตาร้องเสียงหลงจนคนที่ผ่านไปมาผ่านมารู้สึกเวทนาเหลือเกิน

ตอนที่เฝ้าพี่ชายอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เธอไม่ได้รู้สึกทุรนทุรายอะไร ด้วยคิดว่าเขากับตัวเองนั้นคนละคนกัน ถ้าเขาอยู่เธอก็เดือดร้อนจากการจำจี้จำไชบังคับให้ทำนั่นทำนี่ แต่ถ้าเขาตายเธอก็ต้องสู้ชีวิตตามลำพัง แต่นี่หากโชคชัยเป็นอะไร แล้วเธอจะอยู่ได้อย่างไร

น้ำตาเท่านั้นเป็นคำตอบ

“คุณหนูนั่งพักบ้างนะคะ” นมแสงนั้นก็หน้าไม่ดีเอาเสียเลยด้วยคนที่ผิดเต็มประตูคือเจ้านายของตัวเอง

“หยุดเดินบ้างเถอะ ฉันปวดหัวตาลายหมดแล้ว” แม้ใบหน้าของผู้เป็นพ่อของโชคชัยจะเคร่งเครียดแต่น้ำเสียงนั้นยังมีความสนุกจนรังสิตารู้สึกได้

“หนูขอโทษนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนี้เลย”

“หนูพูดประโยคนี้มาพันกว่ารอบแล้วนะ”

“เวรกรรมจริง ๆ จุดไต้ตำตอแท้ ๆ เชียวคุณ” นมแสงหันไปคุยด้วยคุ้นเคยกันมา ด้วยพ่อเลี้ยงสมบูรณ์นั้นเคยไปที่กาญจนบุรีหลายครั้ง

ก็เสี่ยสาธรนั้นเป็นทั้งเพื่อนและผู้ร่วมลงทุนและลูกหนี้รายใหญ่ พอไปทีคนทางนั้นก็เสียวสันหลังทีว่าเขาจะฮุบกิจการไปบริหารเองเมื่อไหร่

“ลุงมั่นใจตอบแทนมันได้เลยว่ามันไม่รู้จักหนูมาก่อนหรอก ลุงยังไม่ทันบอกมันเลยว่าคู่หมั้นคู่หมายมันเป็นใคร มันก็หอบผ้าออกจากบ้านแล้ว รูปหนูที่มีอยู่ มันก็ไม่ดู ดีแล้ว สมแล้ว ดูแล้วผู้เป็นพ่อจะพูดจริง ๆ

รังสิตาถอนหายใจออกมา

เนื้อคู่กันแล้ว ต่อให้อยู่สุดหล้าฟ้าเขียว ต่อให้มีอุปสรรคขวากหนาม ต่อให้หนีกันไปในที่ไหน ๆ สุดท้ายก็จะได้พบกัน เขากับเธอ อย่างที่ป้าแหวงบอกหรือเปล่า หน้าตาเหมือน ๆ กันคือเนื้อคู่กัน รังสิตายังเดินวนไปวนมาบริเวณหน้าห้องผู้ป่วยโดยที่ไม่ได้สนใจว่าใครจะตาลาย หากเขาตายเธอก็ยินดีตายไปพร้อมเขา เธอขาดเขาไม่ได้หรอก ไม่ว่าเขาจะรวยหรือจน เธอก็จะรักเขา รักเขาคนเดียว



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ย. 2554, 09:57:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ย. 2554, 09:57:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1791





<< 23. “คุณก็บอกมาสักทีซิคะว่าคุณคือใคร”   25. ใกล้แล้วนะ >>
innam 17 ก.ย. 2554, 12:53:09 น.
ตามเป็นกำลังใจ


คิมหันตุ์ 17 ก.ย. 2554, 13:02:02 น.
อย่างน้อยคุณ ป๋า ก็ ยืนยันได้ละนะว่าตาโชคชัยไม่ได้หลอก ยัยรังสิตา นี่..ใจร้อนจริงๆ หึหึ


pattisa 17 ก.ย. 2554, 21:42:14 น.
สมนำ้หน้ารังสิตา ทำอะไรไม่เคยคิด


Zephyr 20 ก.ย. 2554, 11:48:06 น.
อ่านถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชอบสิตาอ่ะ ปลดจากการเป็นนางเอกได้มั้ยเนี่ย ทำก่อนคิดตลอด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account