เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร

พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…

แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น

แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า

ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)

ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น

+++++++++++++++++++++++++++++


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 8

ตอนที่ 8
คลีมองเพื่อนรักและหญิงสาวที่เขาคิดว่าตกหลุมรักเธอ ด้วยสายตาแสดงความผิดหวังอย่างไม่คิดจะปิดบังคลีกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบเอิ๊ก ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่กว่า เขามองเห็นว่าพีระดากำลังจัดแจงรีบสวมเสื้อผ้าของเธอ อีกทั้งสายตาของเธอยังมองมาที่เขาด้วยแววตาสาแก่ใจ คลีขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน

“ไอ้เอิ๊กแกเชื่อในสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูด แต่ไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดเลยใช่ไหม”

เอิ๊กพยายามดันร่างคลีออก “เออ ใช่สิวะ ก็ฉันเห็นกับตาไม่คิดเลยว่าคนอย่างเอ็งจะรังแกได้แม้แต่ผู้หญิงไอ้คลี”

“มันไม่ใช่อย่างที่เอ็งเห็นหรือ เข้าใจไอ้เอิ๊ก”

“อย่าไปเชื่อเขานะคะคุณเอิ๊ก หากคุณเอิ๊กมาช่วยไม่ทัน ป่านนี้ดาคงป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว”

คลีมองหญิงสาวด้วยสายตากร้าว “โกหก! คุณกำลังเล่นเกมปั่นหัวให้ผู้ชายสองคนทะเลาะกันใช่ไหม”

“เปล่าเลย ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น ฉันเพียงแต่พูดป้องกันตัวจากผู้ชายชั่วๆอย่างคุณ ซึ่งฉวยโอกาสได้แม้กับผู้หญิงไม่มีทางสู้อย่างฉัน”

“ที่ผ่านมาผมฉวยโอกาส หรือคุณต่างหากที่พยายามยั่วผมกันแน่”

“ไอ้คลี แกจะดูถูกคุณดาเขามากไปแล้วนะ” เอิ๊กชกเข้าที่คางของคลีอย่างแรงตอนที่เขาเผลอหันไปเถียงกับพีระดา


คลีกุมคางของตัวเองเอาไว้แน่น ใช่เขารู้สึกเจ็บแต่เขาไม่ได้โกรธเอิ๊กที่ชกเขาเสียเต็มแรง กลับโมโหพีระดาเมื่อเห็นสายตาของเธอเหมือนมันกำลังยิ้มเยาะเขาอยู่ ในขณะที่เอิ๊กไม่ทันเห็นมัน

จู่ๆ คลีก็ลุกขึ้นจากการคร่อมอยู่บนร่างของเอิ๊กและสาวเท้ายาวๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวพีระดา

“คุณพรีม ในเมื่อคุณเป็นคนจุดชนวนระเบิดลูกนี้ขึ้นมาเอง คุณก็ต้องรับผิดชอบ”

คลีไม่สนใจเสียงทัดทานของหญิงสาวสักนิด เขายกร่างบางขึ้นจากพื้นจนเธอลอยลิ่ว จากนั้นพาดเอาไว้บนบ่าและเดินออกไปจากห้อง พีระดากรีดร้องแต่คลีไม่สนใจจะฟังมันสักนิด เธอทุบเขาเข้าที่แผ่นหลังกว้างมันก็เหมือนแรงมดที่ทำให้ช้างสารอย่างเขาไม่สะดุ้งสะเทือน

ขณะที่เอิ๊กกำลังอึ้งในสิ่งที่คลีทำ เมื่อได้สติเขารีบวิ่งตามออกไป ในใจนึกห่วงพีระดาเพราะรู้ดีว่านายคลีบ้าเลือดมากแค่ไหน

“ปล่อยฉันลงนะ ไอ้คนบ้า ไอ้นักเขียนโรคจิต”

“เรามีเรื่องที่ต้องคิดบัญชีกัน ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าคุณมีแผนการอะไร จู่ๆคุณก็เข้ามาตีสนิทกับผม คุณต้องการอะไรกันแน่”


“คุณเอิ๊กช่วยดาด้วยค่ะ” หญิงสาวตะโกนเรียกเมื่อเห็นเอิ๊กวิ่งตามมาอยู่ไกลๆ

“อย่าฝันไปหน่อยเลย เดี๋ยวคุณจะได้รู้ว่าคนอย่างนายคลี ไม่ใช่คนที่ผู้หญิงหน้าไหนจะมาปั่นหัวเล่นได้ง่ายๆ”

คลีจับหญิงสาวยัดเข้าไปในรถหรูของเขาและขับเร็วมาก จนแทบจะชนยามหน้าประตูทางออกของคอนโด

“ไอ้คลี ๆ แกจะพาคุณดาไปไหนวะ จอดรถเดี๋ยวนี้นะ” เอิ๊กวิ่งตามพร้อมร้องเรียกให้คลีหยุดการกระทำวู่วามลง เขากำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกโมโหเมื่อเห็นรถของคลีขับผ่านป้อมยามออกไปแล้ว เอิ๊กรีบวิ่งกลับไปที่ลานจอดรถและขับตามออกไปอย่างรวดเร็วแต่ทว่ารถเก่าๆบุโรทั่ง คันนี้ของเขาไหนเลยจะอาจหาญตามรถหรูสมรรถนะสูงอย่างรถของนายคลีได้ทัน

“ฉันบอกให้จอดรถยังไงล่ะ นายได้ยินไหม หูแตกหรือไง” พีระดาแหวใส่

เขาหันใบหน้าหล่อราวเทพบุตร แต่นัยน์ตายังคงแฝงความโกรธเกรี้ยวราวกับกองไฟมามองหญิงสาวที่เป็นคนก่อเรื่อง

“ผมไม่จอดมีอะไรไหม คราวนี้ทีของผมบ้าง ผมจะเค้นความจริงออกจากปากคุณให้ได้ว่าคุณทำแบบนี้กับผมทำไม”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


คลีขับรถเร็ว ผ่านชายหาดอันเงียบสงบ


“คุณจะพาฉันไปที่ไหน”

“พาไปข่มขืน แล้วก็ฆ่าโยนลงทะเลละมั้ง” เขาหันมาตอบกวนๆ และทำสายตาดุใส่เธอ


หัวใจหญิงสาวเต้นระส่ำเพราะพอจะรู้กิตติศัพท์ว่านายคลีเป็นพวกบ้าเลือดเสียด้วย เขาอาจจะทำได้อย่างที่ปากพูดจริงๆก็ได้

“มันไม่มากไปหน่อยเหรอ ถึงจะฆ่าจะแกงกันเลยหรือไง”

“ใช่ผมทำได้แน่ๆ หากคุณยังไม่หยุดพูด นั่งไปเฉยๆ ไม่ต้องพูดอะไรจนกว่าผมจะสั่ง”

“ฉันจะพูดมีอะไรไหม”


“มีสิ” เขาจอดรถกะทันหัน ฝ่ามือหนาบีบคางมนและก้มหน้าลงไปหาใบหน้าสวย

“อย่านะ” หญิงสาวกรีดร้อง


“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งไปเงียบๆ” คลีปล่อยมือจากคางของหญิงสาวและหันไปสนใจกับพวงมาลัยตามเดิม พีระดาจึงหยุดพูดแค่นั้น และนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะเลือดร้อนขนาดนี้

ที่ยอมนั่งเงียบๆไม่ใช่เพราะเธอกลัว แต่แค่ขอเวลาตั้งหลักบ้างเท่านั้น


บ้านไม้หลังใหญ่สีขาวริมทะเล ปลูกต้นไม้ล้อมรอบบ้าน ยามกลางคืนเช่นนี้มันจึงดูรกครึ้ม แต่ถ้าเป็นกลางวันมันคงดูสวยงามและร่มรื่นน่าอยู่มากเช่นกัน หญิงสาวรีบสลัดความคิด นี่เขาพาเธอมาด้วยเหตุผลอื่นเขาไม่ได้กำลังพาเธอมาเที่ยวสักนิด


“ที่นี่บ้านใคร แล้วพาฉันมาทำไม”

“ที่นี่เป็นบ้านคุณยายผมซึ่งตอนนี้เป็นของผม มันสงบ เงียบ และไม่มีใครรู้จักแม้กระทั่งนายเอิ๊ก มันเหมาะที่จะเป็นสถานที่สอบสวนคุณ”


“คุณมันบ้า คุณคิดจะตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยกับฉันไม่ได้นะ รู้ไหมว่าคุณจะถูกข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว บางทีถ้าพวกนักข่าวรู้มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ฉันและคุณอาจจะเสียชื่อเสียง”

“บังเอิญว่าผมไม่กลัวเสียด้วย คลีเดินเข้ามาใกล้และฉุดข้อมือหญิงสาวให้เข้าไปในบ้าน”

“นายจะฉุดฉันมาแบบนี้ไม่ได้นะ พาฉันกลับไปส่งที่คอนโดเดี๋ยวนี้เลยได้ยินไหม”

“ทำไมครับคุณนางแบบคนสวย กลัวตกเป็นข่าวหรือครับ จะกรี๊ด จะร้องยังไงก็เชิญตามสบาย เพราะคงไม่มีใครได้ยินเสียงคุณหรอก แถวนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของผม”

“ใครเถียงอะไรกัน” หญิงวัยกลางคนกระวีกระวาดออกมาจากบ้านหลังเล็กๆซึ่งปลูกอยู่ไม่ห่างบ้านไม้หลังใหญ่นัก นางกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาที่ประตูรั้วเพราะได้ยินเสียงหญิงชายโต้เถียงกัน แต่ผู้ชายที่เป็นต้นเหตุของเสียงที่แท้ก็คือคุณคลีเจ้าของบ้านนี่เอง

“คุณคลีเองหรือคะ ทำไมวันนี้มาค่ำๆมืด ไม่โทรบอกป้าก่อนคะ ป้าจะได้เตรียมจัดที่นอนหมอนมุ้งเอาไว้ให้”

“ไม่เป็นไรครับป้าบุตร ทีแรกก็ไม่ได้คิดจะมาวันนี้หรอกครับ แต่ว่าแฟนผมเขาอยากจะมาพักผ่อนชายทะเลอย่างกะทันหันก็เลยมาแบบไม่ได้เตรียมตัว”


พีระดากำลังจะเผยอริมฝีปากคัดค้าน แต่สายตาคู่คมก็หันมาขู่แบบเอาเรื่อง

สาวใหญ่วัยเกือบห้าสิบหันไปมองหญิงสาวสวยข้างกายเจ้าของบ้านหนุ่มและยิ้มน้อยๆ จากนั้นรีบเปิดประตูรั้ว


“เชิญเลยค่ะ”

พีระดาแข็งขืนไม่ยอมเดินตามเข้าไปจนคลีต้องแอบกระซิบ “จะเดินเข้าไปในบ้านดีๆ หรือว่าจะให้ผมอุ้มคุณเข้าไป”

“ไม่เข้า ได้ยินไหมฉันจะกลับบ้าน”

“อ๋อ ลองดีใช่ไหมได้เลย อวดดีแบบนี้ผมชอบ”

คลีอุ้มหญิงสาวลอยลิ่วและก้าวฉับๆ เข้าบ้าน ท่ามกลางสายตาของแม่บ้านสาวใหญ่ซึ่งเป็นคนเก่าแก่รับใช้มาตั้งแต่สมัยยายของคลียังมีชีวิตอยู่


“ปล่อยฉันนะคุณทำแบบนี้ได้ยังไง ดูสิคุณป้าเขามองฉันใหญ่เลย”

“ก็คุณอยากอวดดีกับผมก่อนทำไม”


จากนั้นคลีก็หันไปสั่งแม่บ้าน “ป้าบุตรไปนอนเถอะครับ ทางนี้ผมจัดการเองได้”

“แต่ป้ายังไม่ได้จัดที่หลับที่นอนให้คุณเลยนะคะ” แม่บ้านทำทีละล้าละลัง เพราะคิดว่ายังไม่เตรียมจัดห้องนอนเอาไว้ให้นายหนุ่มกลัวจะไม่ได้รับความสะดวกสบาย

“ไม่เป็นไรครับคืนนี้ผมมีคนปูเตียงให้แล้ว” คลีมองหน้าพีระดา จากนั้นก็พาร่างบางเดินเร็วเข้าไปในบ้าน

แม่บ้านจึงเข้าใจความหมาย และรีบขอตัวกลับไปที่บ้านหลังเล็ก


“นี่ปล่อยฉันลงได้แล้วนะ ฉันอายรู้ไหม”

“ทีตอนนี้ทำเป็นอาย แล้วไปยืนกอดกันกลมกับผู้ชายริมถนนไม่อายใช่ไหม หรือว่ากอดจูบกับผู้ชายตามที่สาธารณะมันเป็นความเคยชินของคุณ”

“กอดจูบกับใคร ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้น” หญิงสาวปฏิเสธทันควัน


“ผมเห็นกับตาอย่ามาโกหก ผมเห็นคุณกอดกันกลมอยู่กับไอ้เอิ๊กที่หน้าสวนสาธารณะ หรือจะปฏิเสธว่ามันไม่เป็นความจริง”

“คือ...ฉัน” พีระดาไม่คิดว่าคลีจะเห็นภาพนั้น แต่อันที่จริงมันไม่ใช่แบบที่เขาคิด แต่ทำไมเธอจะต้องแก้ตัวหรือแก้ข่าวด้วยล่ะ

“แล้วถ้าฉันจะกอดกับคุณเอิ๊กมันผิดตรงไหนล่ะ” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาถามอย่างไม่เกรงกลัว

“ผิดสิ”


“เพราะอะไรคะ” พีระดาจ้องตาคลีมองลึกเข้าไปในดวงตาดุจพญาเหยี่ยว


“เพราะ....เอ่อ....”


“ตอบไม่ได้ใช่ไหม เพราะฉะนั้นพาฉันกลับไปส่งที่คอนโดได้แล้วก่อนจะเกิดเรื่องใหญ่”


“ผมพาคุณกลับไปส่งแน่ ที่ผมดั้นด้นพาคุณมาที่นี่เพราะอยากจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวไม่ได้คิดจะเอาคุณมาขังเอาไว้ให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำบ้านผมหรอก เรื่องนี้เจ้าเวหาเพื่อผม มันร่วมแผนการกับคุณด้วยใช่ไหมหลายวันมานี้ผมโทรไปมันไม่รับสายคงละอายใจล่ะสิท่า”


“พี่เวหา เอ๊ย..คุณเวหาเขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย”

“ผมไม่เชื่อ ขอสอบสวนคุณก่อนแล้วผมจะไปง้างปากมันทีหลัง”


“และจะมาสอบสวนฉันเรื่องอะไร”

“ก็เรื่องเดิมตกลงคุณเป็นใครกันแน่ ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันที่คุณเก็บโทรศัพท์ของไอ้เวหาเพื่อผมได้มันเป็นแผนการของคุณใช่ไหม เพราะผมก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกัน”

พีระดานิ่งราวกับกำลังตัดสินใจว่าจะล้มเลิกเกมหรือเดินหน้าต่อไป

“ใช่...มันเป็นแผนการของฉันแล้วจะทำไม” วันนี้เป็นไงเป็นกันพีระดาคิดว่าเธอจะเลิกเล่นเกมกับเขาเพราะรู้สึกว่าขืนเดินหน้าต่อไปเธอจะยิ่งเสียเปรียบ



“คุณทำแบบนั้นทำไมพีระดา ผมเคยไปทำอะไรให้คุณเจ็บช้ำหรือไง”คลีจับไหล่ของหญิงสาวและบีบมันเบาๆ

“คุณไม่รู้หรอกว่าผมดีใจมากแค่ไหนที่ได้เราได้พบกันคุณอีกครั้ง”


“อีกครั้งอย่างนั้นเหรอ” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย


“ใช่เราเคยพบกันครั้งหนึ่งแล้วแต่คุณคงไม่รู้ตัว และผมก็ยังไม่เคยบอกคุณ เพราะฉะนั้นคุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมคุณพรีมว่าคุณทำแบบนี้กับผมทำไม”

“ก็เพราะคุณเคยทำให้หัวใจของฉันเจ็บช้ำ แต่คุณคงจำมันไม่ได้”


คลีรู้สึกแปลกใจในคำตอบเขาพยายามนึก “ผมจำมันไม่ได้ ไหนคุณบอกผมมาสิว่ามันเรื่องอะไรกัน ผมเคยไปทำอะไรคุณ”


“เรื่องที่ฉันเคยโง่แอบตกหลุมรักคุณ และคุณก็ปฏิเสธมันอย่างหยาบคายที่สุด”

“ฮะ อะไรนะ คุณเคยตกหลุมรักผม!” คลีหัวเราะเบาๆ มันจะเป็นไปได้ยังไง

“ใช่ คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ฉันแอบตกหลุมรักคุณได้ยินไหมฉันคิดว่าคุณเป็นผู้ชายนิสัยดี และอบอุ่นเหมือนบทนิยายที่คุณเขียน”

คลีกำลังอึ้ง เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนิยาย หรือว่าเธอเคยเป็นแฟนคลับของเขา เขาไม่ได้เซ็นหนังสือให้เธอหรือไง แต่ทว่าเรื่องแค่นั้นมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้


“ฉันเป็นคนพิสูจน์อักษรให้สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่คุณส่งงานไปพิมพ์อยู่เสมอ” แต่พีระดาไม่ได้บอกว่าเธอเป็นน้องสาวของบรรณาธิการชื่อดังที่คลีให้ความเคารพ


คลีฉุกคิดเรื่องที่เอิ๊กเคยพยายามจะแนะนำให้เขาพบสาวพิสูจน์อักษรคนหนึ่ง“อย่าบอกนะว่าคุณกับผู้หญิงที่นายเอิ๊กแนะนำให้ผมเป็นคนเดียวกัน นั่นหมายความว่าคุณคือผู้หญิงคนที่เอาขวดคุกกี้ฟาดหัวผมจนแตกในร้านอาหารญี่ปุ่นวันนั้น” คลีเผลอคลำรอยแผล


“ใช่ฉันนี่แหละเป็นคนทำ วันนั้นคุณประเมินค่าความรักของฉันต้อยต่ำราวกับเศษฝุ่นทั้งๆที่คุณยังไม่รู้จักนิสัย หรือเห็นหน้าฉันสักครั้ง”

“คุณพรีม!”


“คุณมองผู้หญิงแค่เพียงหน้าตา คุณสนใจพรีมเพราะพรีมสวย แต่คุณปฏิเสธพีระดาคนที่เพื่อนคุณแนะนำให้เพราะคุณคิดว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงหน้าจืดๆ สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่งตัวล้าสมัย”


“ผมเอ่อ...พรีม”



“คุณไม่ต้องมาปฏิเสธ เพราะในวันนั้นพรีมได้ยินเต็มสองหู”

“ครับผมไม่ปฏิเสธในความปากพล่อยของผม วันนั้นผมยอมรับว่าพูดแบบนั้นออกไปจริงๆ ”


“แล้วมันผิดรึไงที่ฉันอยากจะให้คุณได้รับความรู้สึกเดียวกันคืนกลับไปบ้าง”

“ไม่ผิด แต่ไม่ควรจะทำเพราะความรู้สึกของผมในวันนั้นผมแค่พูดไปแบบไม่ได้คิดอะไร ผมแค่ล้อเล่นกับเพื่อนสนุกๆ เท่านั้น”


“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ล้อเล่นกับคุณสนุกๆเหมือนกัน เย็บแค่ยี่สิบเข็มมันยังน้อยไป”


คลีนิ่งไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะกลายมาเป็นแบบนี้ นางในฝันคนที่เขาพบที่ร้านรองเท้าเธอคือคนทำหน้าที่พิสูจน์อักษรให้กับงานเขียนของเขา และเธอกลับมาตกหลุมรักเขา และเขาเองก็ปฏิเสธเธอไปเพราะไม่ทันได้เห็นหน้า จนเมื่อเธอกลายมาเป็นนางแบบเขาก็ไปตามจีบเธอ กามเทพองค์ใดที่เล่นกลกับเขา


“คุณพรีม ผมว่าเรื่องของเราทั้งหมดมันเกิดจากการเข้าใจผิด การผิดที่ ผิดเวลา ผมมีอะไรจะให้คุณดู” ความรู้สึกโกรธน้อยใจของคลีหายไปหมด เพราะเขาพอจะเข้าใจแล้ว


คลีกึ่งลากกึ่งจูงไปที่ห้องนอนของเขา

“จะบ้าเหรอ คุณจะพาฉันเข้าไปในห้องนั้นทำไม จะทำอะไรฉันปล่อยนะ”


“มาเถอะน่า ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ระหว่างเรามันแค่เข้าใจผิดกันจนวุ่นวาย” คลีดึงข้อมือหญิงสาวแรงๆ เธอก็แทบจะปลิวติดมือเขาไปแล้ว


คลีเดินมาที่ชั้นวางหนังสือและหยิบนิยายเล่มหนึ่งขึ้นมา มันถูกตีพิมพ์เมื่อห้าปีก่อนตีพิมพ์ถึงสามครั้งและขายจนหมดเกลี้ยง

“ดูนี่สิ” เขาส่งมันให้หญิงสาว

พีระดารับมาและขมวดคิ้วขึ้นทันที “ทำไมหน้าปกมันถึงเอ่อ....”


ผลงานเล่มแรกในนามปากกาของเมาคลีที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขา พีระดาเคยได้ยินแต่เธอไม่เคยได้มีโอกาสอ่านมันมาก่อนเพราะมันมาก่อน


“นางเอกนิยายของผมหน้าเหมือนคุณเลยใช่ไหม เล่มนี้เป็นนิยายเล่มแรกในชีวิตผมและปกนี้ถูกพิมพ์ครั้งแรกที่สำนักพิมพ์อื่นไม่ใช่สำนักพิมพ์ที่คุณเคยทำงาน ครั้งแรกพิมพ์แค่สองพันเล่มเท่านั้นหน้าปกเป็นนางเอกในจินตนาการของผม ต่อจากนั้นการพิมพ์ครั้งที่สองและสำนักพิมพ์เปลี่ยนภาพปกเป็นรูปดอกไม้”


“คุณกำลังจะบอกอะไรฉันกันแน่คะ”

“เมื่อเกือบหกปีที่แล้วสมัยนั้นผมเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปีสาม ผมพบผู้หญิงคนหนึ่งโดยบังเอิญเธอกำลังลองรองเท้าอยู่ในร้านหรูของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เชื่อไหมผมยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น มองผู้หญิงคนนั้น จนรปภคิดว่าผมเป็นพวกโรคจิตยืนจ้องผู้หญิงตอนลองรองเท้า เขาคงคิดว่าผมจะแอบมองภาพวับๆ แวมๆ ตอนคุณไม่ได้ระวังตัว อย่างว่าตอนนั้นคุณใส่ชุดนักศึกษาแถมยังใส่กระโปรงสั้นเสียด้วย”


“คุณหมายถึงฉันเหรอคะ”

“ใช่แล้ว เราเคยพบกัน”

“นี่เป็นเนื้อหาในนิยายที่คุณเขียนขึ้นเหรอ มันถึงได้เหมือนนิยายเสียเหลือเกิน”


คลีดึงมือหญิงสาวมากุมเอาไว้“เปล่าครับ แต่มันคือเรื่องจริงต่างหาก ผมไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเลยเพราะผมคิดว่าสักวันว่าผมคงต้องได้พบกันอีก คุณเชื่อไหมหากวันนั้น รปภ ไม่เชิญตัวผมออกไปนอกห้างเสียก่อน ผมคงจะเข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณอย่างแน่นอน ผมเคยไปเฝ้าคุณหน้ามหาวิทยาลัยที่คุณเรียนคิดว่าสักวันจะได้พบแต่กลับไม่เคยเจอคุณ”


“ไม่จริง ๆ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ เรื่องแบบนี้ไม่มีทางจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง ยกเว้นจากปลายปากกาของนักเขียนแบบคุณ อย่ามาแต่งเรื่องให้ฉันฟังหน่อยเลย”
++++++++++++++++++++++++





อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ย. 2554, 23:01:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ย. 2554, 23:13:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 5077





<< ตอนที่ 7   ตอนที่ 9 >>
อัปสรา 17 ก.ย. 2554, 23:04:40 น.
ใครที่เคยอ่านเรื่องนางร้ายอ้อนรัก ตอนนี้ทางสนพ ธราธรา ในเครืออักษรศาสตร์ส่งสัญญามาให้แล้วค่ะ ออกเดือนไหนจะมาอัพให้อีกครั้งนะคะ แต่ตอนออกเป็นเล่มคงจะไม่ได้ิใช้ชื่อเดิมนะคะ ช่วงนี้ไม่ได้ค่อยมาอัพเลยค่ะยุ่งๆอยู่หลายเรื่อง บกพร่องอะไรไป มึนๆ เมา อะไรไปต้องขออภัยด้วยค่ะ


violette 18 ก.ย. 2554, 00:48:48 น.
ฮ่าๆ สะใจ พรีมต้องไม่เชื่อไปเรื่อยๆให้นายคลีทุรนทุรายเล่นๆจะได้รู้ผลของวามปากพล่อยของตัวเอง อิอิ


anOO 18 ก.ย. 2554, 16:01:20 น.
เป็นไงล่ะนายคลี คิดว่าเรื่องแค่นี้สาวเจ้าจะเชื่อหรือ
มันต้องพิสูจน์กันยาวๆๆๆๆ
ปล. ยินดีด้วยนะค่ะ


lovemuay 18 ก.ย. 2554, 20:54:55 น.
ยินดีด้วยนะคะ
แหม แค่นี้ทำให้นางเอกของเราเชื่อไม่ได้หรอ อิอิ


แพม 19 ก.ย. 2554, 11:11:20 น.
แหม...นึกว่าจะเป็นแบบพิศาลเสียละ ตบ จูบ ปล้ำ เง้อ...


jada 19 ก.ย. 2554, 13:58:57 น.
ยินดีด้วยค่า มาเอาใจช่วยคุณคลีกะคุณพรีมต่อ =)


XaWarZd 19 ก.ย. 2554, 14:33:43 น.
จะเข้าใจกันมะเนี่ย


kaero 20 ก.ย. 2554, 11:23:04 น.
ยินดีด้วยนะจ๊ะ คุณนก


อัปสรา 20 ก.ย. 2554, 16:26:56 น.
ขอบคุณค่ะ คุณกบ


หนอนฮับ 20 ก.ย. 2554, 23:21:39 น.
กรี๊ดด...ต่างฝ่ายต่างแอบรักรึเปล่าเนี่ยยย


shotang 31 ม.ค. 2556, 19:10:04 น.
เอ้า ทำไมทีอย่างนี้ไม่เชื่อล่ะจ๊ะปม่นาง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account