เลือดรักทระนง
เด็กหญิงคนหนึ่งซ฿งถือกำเนิดมาจากโจร ปล้นฆ่า และเลือดอีกส่วนมาจากแม่ที่ไม่ยอมรับในความเป้นลูกของเธอ กระถินยังยืนหยัดที่จะอยู่อย่างทระนงในศักดิ์ศรีและค่าแห่งความเป้นคน ด้วยความรัก และซื่อสัตย์ต่อผู้มีพระคุณ
Tags: ศักดิ์ศรี คือสิ่งที่ต้องรักษา

ตอน: จากกระถินเป็นมินตรา

ในห้องโถงใหญ่บนตึก พระศานต์ แม่นิ่ม ราม จันทร์ และพุดกรอง รวมทั้ง ทด ทนายความ กระถินตัวน้อยนอนขดตัวหลับอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวนุ่ม ซึ่งรามนั่งห่างพอควร ต่างอยู่กันพร้อมหน้า
พระศานต์เขายืนเอามือไพล่หลัง ขณะที่พุดกรองนั่งแทบไม่ติด เพราะเวลานี้เธอตกเป็นจำเลย เพราะรามเก็บงำความลับมาเปิดเผย และพระศานต์กำลังพิพากษาเธอ
พระศานต์ผู้เป็นสามี ที่พุดกรองคิดว่าจับอยู่ฝ่ายอย่างที่เรียกว่าเธอชี้ไม้ให้เขาเห็นว่าเป็นนก เขาต้องว่าตามนั้น หากเวลานี้ พุดกรองได้รู้เนื้อแท้อีกชั้นหนึ่งว่า พระศานต์เป็นคนตรงไปตรงมา บทหวานจึงหวานเข้าไส้ แต่บทขมท่านขมอย่างกลืนไม่ลงทีเดียว
“ฉันเชื่อที่รามพูด ฉะนั้นเธออย่ามาโป้ปดกับฉันเด็ดขาดว่าไม่รู้จักคนร้ายคนนั้น”
“เอ่อ...ดิฉัน ดิฉันคิดว่าพี่ชายมาหา ท่านก็ได้ยินจันทร์มาบอกดิฉันว่าพี่ชายมาหา”
“เธออย่ากล่าวเลี่ยงเพื่อที่จะไม่พูดเลยพุดกรอง เรื่องนั้นฉันได้ยิน และเรื่องที่รามพูดฉันก็เชื่อ เธอเล่าความจริงมาว่าไอ้โจรนั่นกับเด็กคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกับเธอ”
“ท่านเจ้าขา”พุดกรองกรากเข้าไปกอดเท้าท่าน ร้องไห้จนน้ำตาหยอดรดเท้า
คนใจแข็งอย่างพุดกรองต้องยอมแพ้ โดยคายความจริงออกมาว่า เธอเป็นสาวงามของหมู่บ้านมีชายมาติดพันมากหน้าเธอถูกกาจฉุดไป กระทั่งกาจติดคุก เธอจึงได้แต่งงานกับคนรักและมีลูกคือสร้อยสน แต่เมื่อกาจพ้นโทษแล้วก็มาฉุดคร่าและยิงสามีเธอตาย เธอต้องนำสร้อยสนไปฝากให้พี่ชายเลี้ยงดู
ตลอดเวลาที่อยู่กับกาจ เขาต้องปล้ำเธอทุกครั้ง เธอเกลียดกาจมาก แต่เธอได้ตั้งครรภ์ และเวลานั้นที่เธอได้คิดว่าจะหนีจากกาจไปได้อย่างไร
เมื่อคลอดกระถิน เธอไม่ได้ดูเด็กที่เธอเยกว่าลุกโจร ไม่ตั้งชื่อหรือสนใจ เธอหนีออกจากโรงพยาบาลไปพาสร้อยสนหนีเข้ากรุงเทพ และได้มาเป็นนักร้องตามคลับเล็กๆ จนกระทั่งเลื่อนมาในคลับใหญ่ เข้าสู่สังคมเศรษฐี
สุดท้ายพุดกรองกล่าวออกมาด้วยน้ำตาว่า
“ไม่ใช่ความผิดของพุดกรองนะเจ้าคะท่าน ไม่ใช่”
“แต่เด็กนั้นก็ได้ชื่อว่าลูก”
“มันเกิดจากดิฉันถูกย่ำยีทารุณ ท่านเจ้าขา ให้ดิฉันตายเสียดีกว่าจะเกลือกกลั้วกับพวกมัน”
“พุดกรอง แล้วญาติของเสือกาจอยู่ที่ไหน”
เธอถูกกาจพาระหกระเหิน ไปอยู่หลายที่ แม้แต่ในป่า พุดกรองยังต้องตามอีกฝ่ายไป ตลอดเวลาพุดกรองไม่เห็นว่ากาจมีญาติที่ไหน หลังจากพ่อแม่ของกาจ แก่งเสือตายแล้ว ดังนั้นเธอเองไม่ทราบว่ากระถินไปโตมาจากใคร เธอจึงก้มหน้าบอกตามความเป็นจริง
“ดิฉันไม่ทราบเจ้าค่ะท่าน”
“เช่นนั้นเด็กกระถินมีพ่อเพียงคนเดียว และพ่อมาตายเสียแล้ว เธอจะให้ไปทิ้งได้อย่างไรกัน”
“ดิฉัน ดิฉันทนไม่ได้อย่าให้มันต้องเรียกดิฉันว่าแม่”
“ลูก ก็คือลูก ฉันแต่งงานกับเธอเพราะเธอรักลูกเป็นชีวิต อย่าให้ฉันรู้สึกผิดหวังที่เธอจะทิ้งเลือดของเธออีกก้อนหนึ่ง”
“ท่านเจ้าขา ท่านได้เห็นฤทธิ์ของมันแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ อายุเพียงแค่นี้มันยังแสดงธาตุแท้แห่งความเป็นโจรออกมาตามสายเลือดพ่อของมัน แล้วท่านยังจะใจร้ายให้ดิฉันทนเห็นมันแทนเห็นหน้าเสือพ่อของมันอีกหรือเจ้าคะ” พระศานต์นิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่
พุดกรองรังเกียจกระถินอย่างไม่มีวันนับอีกฝ่ายเป็นลูกได้ เธอพร่ำรำพันขอความเห็นใจจากสามีว่า
“หน้าตาของมันไม่ผิดเพี้ยนมาจากเสือกาจสักนิดเดียว ท่านยังจะ ยังจะทำรายหัวใจของดิฉันด้วยการให้เห็นหน้ามัน ให้มันเรียกดิฉันว่าแม่อีกหรือคะท่าน ดิฉันผิดหรือคะที่ไม่ยอมรับเลือดที่เสือกาจมัยย่ำยีจนดิฉันต้องให้มันเกิด”
“แต่ถ้าไม่ให้กระถินเกิดเธอคงหาวิธีหนีมาจากเสือกาจไม่ได้ไม่ใช่หรือ เธออาจจะคิดให้กระถินเกิดเพราะสิ่งนี้”
“โอ้ท่าน...ทำไมท่านกล่าวเช่นนี้”
พระศานต์หันไปทางพี่เลี้ยงของลูกชาย แล้วเอ่ยว่า
“แม่นิ่มเลี้ยงเอาบุญก็แล้วกัน นางจันทร์ช่วยนมอีกแรงหนึ่ง”พระศานต์สั่ง พุดกรองมองเมิน กระถินซึ่งเผลอหลับ และลืมตาตื่นในเวลานี้ เมื่อรู้สึกตัว เด็กหญิงผุดลุกขึ้นนั่ง เธอมองหญิงสาวสวยอย่างพุดกรอง อะไรบางอย่างดลใจให้เรียก
“แม่” พุดกรองสะท้านใจเฮือกกับถ้อยวาจาไร้เดียงสานั้น หากคำที่ตามมาทำให้นางโทสะแทบกระอักออกมาเป็นเลือด
“มึงไม่ใช่แม่กู พ่อกูไปไหน ใครเอาพ่อกูไป”
“ตายแล้วคุณขา คุณกระถินทำไมพูดมึง พูดกูอย่างนี้คะ”จันทร์ปิดปากไม่ให้กระถินกล่าวคำหยาบออกมาอีก แต่เมื่อจันทร์ปิดปากอีกฝ่าย จึงถูกกระถินกัดมือจันทร์เจ็บมากจึงร้องลั่น
ทุกคนจึงรู้ฤทธิ์เด็กหญิงกระถินจนพากันนินทา ลูกเสือลูกจระเข้
“กระถินจ๋า”แม่นิ่มเอ่ยเรียกอีกฝายเสียงหวาน พลางปิดบังความจริง
“พ่อกาจกลับบ้านไปแล้ว พ่อสั่งให้คุณกระถินอยู่กับนิ่มที่นี่นะคะ”
เมื่อแม่นิ่มอ่อนโยนเข้าหา เด็กหญิงจึงคลายใจ ยอมเข้าใกล้ พลางเอ่ยปาก
“ทำไมพ่อทิ้งไป พ่อบอกจะพามาหาแม่ ไม่เจอแม่ พ่อยังทิ้งกระถินอีก”เด็กหญิงรำพัน น้ำตาร่วงเผาะ จากนั้นจึงร้องไห้โฮ ไม่ยอมให้ใครถูกตัวอีก
เด็กหญิงถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นจึงผละวิ่งหนีไปจากทุกคน
จันทร์ตามจับอีกฝ่ายจ้าละหวั่น โดยมีพุดกรองมองด้วยความเกลียดชัง เธอพาลเด็กน้อยว่า เพราะกระถินคนเดียวที่ทำให้พระศานต์ต้องรับรู้ว่าเธอเคยเป็นเมียโจรมาก่อน
ส่วนเด็กน้อยวิ่งหนีทะลุที่โน่น ออกที่นี่ และหายไปกับความมืด ร้อนคนในบ้านที่ต้องส่องไฟตามหากันทั่วบ้าน
แม่นิ่มมาพบอีกฝ่ายปีนขึ้นไปเกาะอยู่บนต้นไม้ แม่นิ่มจึงได้ร้องเรียกโดยใช้ไม้นวมกับอีกฝ่าย
“ขึ้นไปให้มดกัดทำไมคะคุณกระถิน”
“ช่างกู”
“เดี๋ยวมดเข้าหูคุณกระถินจะต้องปวดมาก รู้มั้ยว่าปวดมากเป็นยังไง”
“เป็นยังไง”ขณะย้อนถาม แล้วกระถินต้องสูดปากร้องเพราะเริ่มโดนมดแดงแผลงฤทธิ์กัดคนรุกล้ำถิ่นของมัน
“พอมดเข้าหูก็ต้องใช้ไม้แคะออก แล้วคุณกระถินรู้มั้ยว่าไม้อะไรแคะ”
“ไม่รู้”
“ไม้เรียวไงล่ะ ไม้เรียวที่ใช้ตีเด็กดื้อ นิ่มจะต้องเอามาตีมดที่กัดคุณกระถิน”
“โอ๊ยไม่เอา ไม้เรียวแม่ตีเจ็บจะตายห่า”กระถินโต้กลับมาแล้วรีบลงมา แต่เมื่อถึงโคนไม้ ทำท่าจะวิ่ง แม่นิ่มดึงมือไว้พลางสำทับ
“ห้ามกัดนิ่มนะคะนิ่มแก่แล้ว คุณกระถินต้องสงสารคนแก่นะคะ อย่าทำร้ายคนแก่”
กระถินนิ่งงันไปด้วยความอ่อนโยนของแม่นิ่มที่มอบให้
“ไปกินขนมอร่อยๆที่บ้านนิ่มนะ ชอบมั้ยขนม”
“ข้าวสุกคลุกมะพร้าวใส่น้ำตาลเหรอ”
“อร่อยกว่านั้นอีกค่ะนิ่มชอบทำขนม คุณกระถินจะมีขนมอร่อยกินทุกวัน”
กระถินเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง แม่นิ่มทอดตามองความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย แม่นิ่มจูงมือเล็กๆซึ่งแม่นิ่มสัมผัสได้ถึงความหยาบกร้านของอีกฝ่าย ซึ่งแสดงว่าเด็กน้อยทั้งซน และลำบากมาไม่น้อย
สายตาของบริวารทุกคนที่เที่ยวหากระถินได้มองหญิงสองวัยเดินผ่านโดยที่แม่นิ่มแนะนำให้รู้จัก
“คนนี้ชื่อจันทร์ จันทร์มีเสื้อสวยๆให้คุณกระถินใส่ทุกวัน แต่ต้องอาบน้ำก่อน แล้วจันทร์จะเอาผ้าสวยใส่ให้ชอบเสื้อผ้าสวยๆมั้ย”
กระถินพยักหน้ารับ ยอมตามคนที่ดีต่อเธอไปจนถึงเรือนริมน้ำ ทั้งนี้ของล่อใจเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้นที่ทำให้เด็กหญิงยอมไปด้วย เพราะเนื้อแท้แล้วกระถินไปเพราะอีกฝ่ายดีต่อเธอมากต่างหาก
จากน้ำใจไมตรีอันดีที่จันทร์ดูแลตามคำสั่งของแม่นิ่มที่ให้ยกกระถินเป็นนาย แม้พุดกรองไม่ยอมรับก็ตามที
แม่นิ่มขัดขี้ไคลของเด็กหญิงด้วยมะขามเปียก กระถินโดดเป็นกุ้งเต้น จันทร์หลอกล่อ ด้วยการร้องขายขนม
“ขนมแม่เอ๊ย คุณนมของใครกันนะทำขนมดอกโสนเหลืองอร่ามมาคลุกน้ำตาลแสนอร่อย”
กระถินจึงยอมอดทน เพราะคำร้องขาน ของจันทร์ แม่นิ่มทาขมิ้นลงไปเพื่อให้ให้อีกฝ่ายแสบคัน ท่านชำระคราบไคลออกจนกระถินสะอาดหมดจด ผิวพรรณผ่องใส เนียนขาวไม่ผิดจากพุดกรอง
แม่นิ่มทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กดื้อร้ายกาจอย่างกระถิน ซึ่งทุกครั้งที่สอนอะไรสักอย่าง กระถินจะหาเหตุมาอ้างและยอกย้อนให้ได้เสียทุกคราวไป
บางวันเมื่อรามมาดูการอบรมกระถิน เด็กหญิงเกเร วิ่งไปซุกซ่อน และตามตัวยากเต็มที จนกระทั่งแม่นิ่มต้องขอร้องรามว่า ให้กระถินดีขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อยแล้วรามค่อยมาดู
วันนี้กระถินต้องหัดเดินเข่า ซึ่งเจ้าตัวดื้อบ่นไปเดินไป
“ทำไมต้องเดินเหมือนคนขาขาดอย่างนี้ด้วยนะ เจ็บเข่าเหมือนจะตาย”
“ทนนิดนะคะคุณกระถิน การเดินเข่าอย่างนี้เป็นมารยาทที่งดงาม เอาไว้ใช้เมื่อเราต้องเข้าพบผู้ใหญ่ หรือไม่เดินค้ำหัวผู้ใหญ่”
“ไม่ได้ค้ำสักหน่อย ไม่ได้เดินบนหัวผู้ใหญ่ด้วย”
“ตายจริง ทำไมจึงเถียงไปข้างๆคูๆอย่างนี้นะคุณกระถิน”
“ไม่ได้ลงคู”
แม่นิ่มถอนใจยาว ก่อนเอ่ยอย่างคนใจเย็น ที่ต้องหัดไม้อ่อนที่ไม่อ่อนดั่งวัยของกระถิน
“คุณกระถินต้องพูดทอดเสียงนะคะ พูดเสียงอ่อนๆจะได้ฟังรื่นหู น่ารัก”
“กระถินไม่อยากน่ารัก”กล่าวแล้วคลานปั้บๆประชด
“หลานเหมือนละมุดไม่มีผิด”
กระถินชะงักกึก แม่นมได้ทีจึงสอนว่า
“คุณกระถินเป็นนาย ต้องมีกิริยา มารยาทที่งดงาม จะทำอย่างบ่าวไพร่ไม่ได้นะคะ ยิ่งทำอย่างเมื่อกี้นี้ยิ่งเหมือนคนที่คุณกระถินว่าเขาไม่มีผิด จำไว้นะคะคุณกระถิน เมื่อเราว่าใคร เราอย่าไปทำตามอย่างเขา เพราะจะเข้าตำรา ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง”
กระถินพยักหน้ารับ เดินเข่าอย่างนุ่มนวล ซึ่งแม่นิ่มรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายทำได้ แต่แสร้งฤทธิ์มากไม่ทำเสียอย่างนั้น
“อิเหานี่คืออะไรคะแม่นิ่ม”
“อิเหนาค่ะ ไม่ใช่อีเหา”
จันทร์ได้ทีตะโกนมาจากครัวขนมหวาน ซึ่งแม่นิ่มจะเป็นคนลงมือทำขึ้นข้างบน
“อีเหาโดนใบน้อยหน่าไล่หมดแล้วค่ะคุณกระถิน”
“ปากดีนักนะ เดี๋ยวกระถินจะหามาใส่หัวใหม่ แต่เป็นหัวของพี่จันทร์ ไม่ใช่หัวของกระถินคอยดูนะ”
“โอ๊ย ไม่เอาค่ะ กลัวแล้วค่ะกลัวแล้ว”จันทร์โต้ออกมาอย่างกลัวจริงๆ
กระถินเข้าไปนั่งใกล้แม่นิ่ม นอนหนุนตักอีกฝ่าย แม่นิ่มบอกเล่าสุภาษิตให้กระถินฟัง
“อิเหนา เป็นบทละครร้องที่นิยมกันมากในสมัยรัชกาลที่สอง พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ พระราชนิพนธ์แปลว่าแต่งเรื่อง และที่ว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เพราะอิเหนาไปว่าคนอื่น แต่ตัวมาทำเสียเอง เรื่องนี้อิเหนาตะบัดสัตย์ ไม่รับเลี้ยงคู่หมั้นแต่เด็ก สุดท้ายมาลักพาตัวแล้วโทษโจรให้วุ่นวายไป”
“แต่อิเหนาเป็นคนทำหรือคะแม่นิ่ม”
แม่นิ่มลูบศีรษะเด็กหญิงแสนฉลาดเฉลียว ช่างจำนักหนา ยิ่งนับวันทั้งคนเลี้ยง คนถูกเลี้ยงติดพันกันแจ

จากเด็กหญิงที่ถูกละเลยการเอาใจใส่จนดูเหมือนขอทาน จึงได้ปรากฏ เนื้อแท้ของเด็กหญิงออกมาให้เป็นที่นินทาในครัวว่าไม่มีส่วนใดที่สู้คุณสร้อยสนไม่ได้
เด็กหญิงได้รับการเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ เวลานอนแม่นิ่มกอดอีกฝ่ายแนบอก เล่านิทานก่อนนอนให้ฟังทุกคืน กระถิ่นเรียกอีกฝ่ายว่าแม่ แม้จะโดนห้ามจากแม่นิ่มแต่เด็กหญิง ยังเปลี่ยนมาเรียกแม่นม แม่นิ่มรักและสงสารอีกฝ่ายไม่น้อยเลยนานวันเข้าทั้งสองผูกพันกันยิ่งนัก
“ใครนะว่าคุณกระถินดื้อ”
“แม่นมว่าใครล่ะคะ”กระถินย้อนถามสำเนียงส่อสกุลตามที่แม่นิ่มพร่ำสอน
“คนดื้อเขาไม่ชอบเรียนหนังสือ ใครนะชอบอ่าน กออากา”
“กระถินชอบอ่านค่ะ”
“ต้องแลกกับขนมด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ต้องแลกค่ะ”กระถินตอบ
“ดีแล้วค่ะ เพราะความรู้เป้นของคู่กับตัวเรา ใครปล้อนใครชิงไปไม่ได้ ความขยันหมั่นเพียรการแสวงหาความรู้ ล้วนแต่เป็นประโยชน์กับตัวเรา ไม่ต้องให้คนว่าจ้าง”
“ค่ะ ไม่ต้องจ้างกระถินด้วยขนมแล้วค่ะ แต่ถ้ากระถินหิว ก็ต้องให้กระถินนะคะ”ตอบออกมาแล้วเด็กหญิงเอนอิงซบอกอุ่นของแม่นิ่มอย่างแสนรัก
ถึงวันนี้กระถินท่องหนังสือได้คล่องมากแล้ว และแม่นิ่มพักผ่อน เธอจึงไม่กวนใจ แต่แอบหนีจันทร์ซึ่งตามติดเหมือนเงาตามตัวไปจนพ้น
วิ่งเล่นตามประสาความซน เธอวิ่งไปถึงคุณพระศานต์ ซึ่งนั่งพักผ่อนอยู่ที่เก้าอี้ไม้ยาวริมสระน้ำ ใต้ร่มไม้ราชพฤกษ์ ซึ่งออกดอกเป็นช่อเหลืองอร่ามสวยงาม
คุณพระเหลือบสายตามาเห็นเด็กหญิงเมื่อก่อนหน้านี้มีสภาพผอมแกร็น ผมฟูกระเซิง มอมแมม แต่วันนี้ทำให้ท่านต้องอมยิ้มด้วยความพอใจต่อคนที่เลี้ยงดู เพราะกระถินดูสะอาด หน้าใสพวงเป็นสีชมพูจัด บอกให้รู้ว่าตากแดดหรือวิ่งเล่นมาจนเหนื่อย
“ไงเจ้ากระถิน ได้ข่าวว่าซนมากรึ”
“คุณท่าน”
“เอ๊ะแม่นิ่มนี่สอนเจ้ามาดีนี่เจ้าตัวดี แปลกหูเลย ทำไมไม่พูดกูมึงล่ะสนุกดีนะ”
“แม่นิ่มบอกว่า มีแต่คนหยาบคายพูดกันเจ้าค่ะ”
“แกมันฉลาดนะเจ้ากระถิน มานี่ มา มานั่งใกล้ๆฉันนี่”
“ไม่นั่งเจ้าค่ะ กระถินจะไปวิ่งเล่นทางโน้น มีมะม่วงออกแล้วด้วยเจ้าค่ะ”
คุณพระหัวเราะเสียงดัง มองร่างของกระถินวิ่งจากไป ระหว่างนั้นพุดกรองเดินมาพร้อมสร้อยสน พุดกรองเห็นหลังกระถินไวๆ นางมีแต่ความเกลียดชังให้ไม่คลาย
“เอ้า พุดกรอง กลับจากเดินห้างแล้วรึ เป็นอย่างไรล่ะห้างฝรั่ง”
“ซื้อของมาฝากคุณพระด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องซื้อหาอะไรมาหรอกฉันมีอยู่เยอะมากแล้ว เห็นเจ้ากระถินมั้ยเมื่อครู่นี้ มันแปลกตาไปเทียว”
พุดกรองปิดปากเงียบ
“ฉันว่าจะให้ทนายความมาทำทะเบียนให้มันเสียหน่อยจะเปลี่ยนชื่อให้มันด้วย ให้เป็นพ่อเดียวแม่เดียวกับสร้อย”
“ไม่นะคะ ดิฉันรับไม่ได้ค่ะไม่เด็ดขาด”
“ตามใจนะ ถ้าจะให้ฉันรับเจ้ากระถินเป็นลูกบุญธรรมละก็มันจะได้สมบัติคนละครึ่งกับราม”
พุดกรองกัดลิ้นตัวเองระงับการสบถออกมาอย่างเต็มกลืน พระศานต์ช่างกระไรเลย เหตุใดจึงต้องนำเรื่องนี้มาข่มขู่ให้เธอต้องยอมรับ “เลือดโจร”นั้นเข้ามาเป็นเลือดตัวด้วยการบังคับทางอ้อมเช่นนี้
“ฉันจะตั้งชื่อมันว่ามินตรา แปลว่ากระถิน แต่ฟังดูเพราะพอกันกับสร้อยสนเลย ดีมั้ยสร้อย”
“เจ้าค่ะคุณลุง”สร้อยสนรับคำอย่างอ่อนหวาน เหลือบสายตาเห็นรถของวังนารายณ์รับรามกลับมาจากโรงเรียนชายล้วน
“พี่รามกลับมาแล้ว สร้อยไปสวัสดีพี่รามก่อนนะคะคุณลุง”กล่าวจบแล้วสร้อยสนไปหาอีกฝ่าย
รามรอให้นายดำเปิดประตูลงจากรถ เขาเห็นสร้อยสนมายืนรอพร้อมไหว้สวย เด็กชายเมินเฉยที่จะยอมรับ จึงเดินผ่านหน้าไป นายดำได้แต่ลอบส่ายหน้าที่รามเกลียดไม่เว้นแม้แต่เด็กน่ารักอย่างสร้อยสน
“พี่รามจะไปไหนคะ”
“เราจะไปไหน หล่อนอย่ามายุ่งกับเรา”
“จะไปหาแม่นิ่มหรือคะ สร้อยไปด้วยนะคะ”
“บอกว่าอย่ามายุ่งกับเรา อย่ามาใกล้เรานะ” เด็กชายแสดงความรังเกียจอย่างโจ่งแจ้ง สร้อยสนก้มหน้านิ่งด้วยความเสียใจก่อนเดินย้อนกลับไปหาพุดกรอง
ผู้ให้กำเนิดเด็กหญิงลอบเม้มริมปากด้วยความไม่พอใจรามที่จงเกลียดจงชังสร้อยสนยิ่งนัก นางเจ้าคิดเจ้าแค้นไกลไปถึงวันข้างหน้า...รามจะไม่พ้นมือของนาง!

รามกลับจากโรงเรียนประจำก็มาเที่ยวที่เรือนแถว นอนหนุนตักให้แม่นิ่มร้องเพลงกล่อมให้คลายเหงา
เด็กหญิงกระถินเล่นจนมอมแมมวิ่งมาที่เรือนพักพอเห็นรามหนุนตักแม่นิ่ม ซึ่งเธอคิดว่าเป็นแม่ของเธอคนเดียวเท่านั้น ด้วยความอิจฉาที่คิดว่าถูกแย่งของรัก เด็กหญิงจึงผลักเด็กชายรุ่นพี่เต็มแรง รามเสียหลักกลิ้งลงไปนอนกับพื้นเสียงโครม เด็กหญิงตามไปหยิกกัดดุร้าย เขาปัดป้องร้องโอด แม่นิ่มรีบปราม
“คุณกระถินอย่าทำอย่างนี้นะ”กระถินไม่ยอมปล่อยแม่นิ่มจึงเอ็ดอึง
“บอกให้หยุดไงคุณกระถิน อะไรใจคอดุร้ายอย่างนี้”
“มันมาแย่งแม่ทำไมนี่แม่เค้านะไม่ใช่ของตัวเอง”
กระถินแหกปากลั่น ๆ กระทืบเท้าไปมา แม่นิ่มอดใจไม่อยู่ตีขาเบา ๆ สั่งสอนด้วยวาจานุ่มนวล
“คุณกระถิน แม่นมสอนแล้วนะคะอย่ากระทืบเท้ามันไม่งาม แล้วคุณรามเป็นเจ้าของที่นี่บ้านนี้เป็นของคุณรามอย่าพูดกูมึงอีกเด็ดขาด”
“แต่แม่นิ่มเป็นแม่ของกระถินนี่” เด็กหญิงเสียงอ่อนลง เงยหน้าน้ำตาพราว
“แม่ของกระถินคนเดียวนี่”เธอเอ่ยหวงป้ายน้ำตาที่รินไหลอาบแก้ม
“แม่นิ่มไม่รักกระถิน ไม่รักแล้วหรือคะแม่”
“รักค่ะคุณกระถิน”
“รักกระถินมากกว่าคุณราม นะแม่ แม่ต้องรักมากกว่าคุณราม” เธอออดอ้อนแกมโกง
รามทำหน้าง้ำ หากมากวัยกว่าจึงได้แต่ยั่ว ขณะที่มือกุมรอยกัดจากคมฟันองอีกฝ่ายจนเลือดออกซิบ
“เด็กขี้ตู่ ไม่มีพ่อแม่ก็เที่ยวตู่คนอื่น แม่ตัวชื่อพุดกรองไม่รู้หรือไง”
เด็กหญิงทำท่ากระโจนเข้าใส่อีกฝ่ายอีก แต่แม่นิ่มเรียกรั้งเสียงแข็งขู่เอาว่า
“ถ้าคุณกระถินดื้อ นมจะไม่รัก จะไม่กอดอีกเลย”แม่นิ่มขู่และได้ผล
กระถินหยุดชะงักก้มหน้าร้องไห้อย่างเงียบงัน น้ำตารินไหลมากจนเจ้าตัวต้องป้ายทิ้ง แม่นิ่มก้มมอง
อีกฝ่ายเห็นความอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา จึงสงสารแทบขาดใจ
รามล้อเลียนยั่วโดยยักคิ้วยักไหล่และยิ้มยั่ว กระถินสะอื้นฮัก แม่นิ่มดึงเด็กหญิงเข้าไปกอดแนบแน่น กระถินสวมกอดรอบคออีกฝ่ายเปล่งเสียงร้องไห้โฮ
“คุณของนม นมรักคุณมากนะ แต่นมไม่อยากให้คุณทำร้ายกาจอย่างเมื่อกี้”
กระถินได้แต่สะอื้น เถียงตะกุกตะกัก
“คุณราม คุณราม แกล้ง คุณราม”
แม่นิ่มหอมแก้มเนียนใส ใช้ผ้าซับน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“แม่นิ่มขา กระถินไม่ดื้อกับแม่นิ่มอีกแล้วค่ะ” เด็กหญิงกอดผู้ที่เลี้ยงดู ด้วยความหวงแหน ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นเดียวที่เธอมีอยู่บนโลกใบนี้
ความใจดีของแม่นิ่มมีมาก เธอลืมเศร้าจนสิ้น วันเวลาและเยาว์วัยลืมแม่กุเลา ซุกซนไปทั่วบ้าน โดยที่สาวใช้หลายคนไม่กล้าห้ามด้วยฤทธิ์เดชหยิกกัดด่าทอ
บริวารคนใดที่ไม่ลืมอดีตของกระถินจึงชอบเก็บงำไปเอ่ยถึงที่มาของเด็กหญิง
“ลูกเสือลูกสาง”คนใช้นินทา
“เชื้อไม่ทิ้งแถวตามสายเลือดพ่อหรอก ดูสิมองคนเคยหลบตาใครที่ไหนกันไม่เห็นกลัวใครนอกจากคุณนม”
เสียงนินทามีมากเท่าที่คนเป็นนายไม่ได้ยิน เพราะถ้ากระถินได้ยิน เธอจะจัดการกับคนพูดอย่างรุนแรง และไม่มีบริวารคนไหยกล้าต่อกร เพราะคุณพระรักและเอ็นดูกระถินอย่างออกนอกหน้าทีเดียว
คุณพระพาพุดกรองออกไปชมละครเวที ซึ่งเป็นละครร้อง ท่านชมไปอย่างเพลิดเพลิน และเมื่ออกจากโรงละคร ได้ยินคำเสียดสี นินทาจากนักเรียนนอก หลายคน
พุดกรองเป็นคนยึดติดต่อชื่อเสียง และวันนี้เธอมีฐานะเป็นภรรยาของคุณพระ การเข้าสังคมชั้นสูงทำให้เธอเปลี่ยนไปตามสมัยนิยม ดังนั้นการได้รู้ได้ยิน คน ‘คนหัวนอก’ ที่ดูถูกวัฒนธรรมของชาติตนเอง นางจึงเป็นว่าโก้เก๋ ดังนั้นจึงพลอยติฉินนินทา เพื่อให้ตัวเองกลายเป็นคนหัวสูงไปด้วย
“ละครเก่าเก็บ เล่นกันมาหลายยุคน่าเบื่ออย่างที่เขาว่าเห็นจะจริงนะเจ้าคะคุณท่าน”
“ถ้ามันน่าเบื่ออย่างที่เขาพูดกัน เขาก็ไม่น่ามาดูนี่พุดกรอง”
พุดกรองน่าเผือดลงไปเล็กน้อย เมื่อคุณพระตอกย้ำลงมาเช่นนี้
“ฉันเป็นคนค้าขาย ฉันดูคนออกนะ พวกนั้นทำท่าให้เหมือนตัวเองสิวิไลซ์(คำนิยม)ดูถูกพื้นเพความเป็นไทยของตัวเอง ฉันว่า น่าตำหนิเสียอีก ที่การศึกษาไม่ได้สอนเขาให้รักประเทศและวัฒนธรรมของตัวเอง”
“แหมคุณท่าน ทำเป็นพวกอนุรักษ์นิยมไปได้นะเจ้าคะ”
คุณพระยิ้มนิดในสีหน้า รั้งร่างอฃีกฝ่ายเข้าไปกอดและจูบ
“อุ๊ยท่านขา อายนายดำจะแย่”
“ฉันจะทำอย่างพวกตะวันตกไง เขากอดจูบกันอย่างใจต้องการ ไม่อายใคร ฉันก็ทำเป็น หล่อนอยากเปลี่ยนวัฒนธรรมไม่ใช่หรือ”
“อุ๊ยไม่เจ้าค่ะ อย่างนี้เห็นทีจะไม่เป็นเจ้าค่ะ”พุดกรองดีดดิ้นด้วยมารยา ทั้งที่นางรู้สึกตื่นเต้น เป็นอันมาก ยิ่งมากวัย นางยิ่งมีความต้องการทางด้านกามรมย์มากขึ้น
หลังจากทั้งสองหลับมาถึงวังนารายณ์แล้วพุดกรองกอดคูณพระแน่น มองด้วยสายตายั่วยวน บ่งบอกความต้องการที่กำลังระอุอยู่ภายใน จนนางแทบไม่อยากรอให้ถึงห้องนอน คุณพระโอบร่างอีกฝ่ายแนบชิดอก พากันเดินเข้าที่รโหฐาน เติมเต็มไฟสวาทให้ลุกโชน และให้มันดับลงไปเมื่อถึงเวลาต้องการ

เวลาผ่านไปสองปี กระถินยังติดอยู่กับแม่นิ่มไม่คลาย
เมื่อเวลาว่างรามจะมาหาแม่นิ่ม กระถิ่นคอยจำเวลาที่รามจะมาหาแม่นิ่ม เมื่อได้เวลาเมื่อใด เด็กหญิงจะต้องนั่งเฝ้าเกาะแขนแม่นิ่มอย่างเป็นเจ้าของเสียทุกคราไป รามอดใจไม่ได้จึงแกล้งดึงผมเปียของอีกฝ่ายเล่นเสียบ้าง กระถินอยากตอบโต้ แต่สายตาดุของแม่นมปรามไว้ทำให้เด็กหญิงจำต้องยอมให้คุณรามเพียงคนเดียว
“คุณรามเธอเป็นเจ้าของบ้านนี้ คุณกระถินต้องเคารพเธอเป็นคุณพี่”
“ไม่เรียกพี่ได้มั้ยคะแม่”
“ไม่ต้องเรียกดอกค่ะ นี่จะเข้าโรงเรียนได้แล้วนะ ชอบมั้ยจะได้ไปโรงเรียน”
“ไม่ชอบ”กระถินส่ายหน้า ก่อนโถมกอดแม่นิ่มจนแน่น “ออกไปแล้ว กระถินก็ไม่มีใครอีก พอใครให้กระถินไป ก็จะทิ้งกระถิน”
“เด็กขี้เกียจ”เสียงรามดังมากก่อนตัว กระถินรีบกระแซะข้างแม่นิ่ม มือข้างหนึ่งจับแขนแม่นิ่มไว้อย่างหวงแหน
“ตัวว่าใครขี้เกียจ”
“คุณกระถิน พูดอย่างนั้นไม่ได้นะคะ พูดตัวพูดเค้าไว้พูดกับเพื่อน ไม่ใช่พูดกับคุณรามอย่างนี้”
“คุณรามว่ากระถินขี้เกียจ คุณรามขยันก็ไปขุดดินอย่างลุงดำสิ ใครใครก็ว่าลุงดำขยัน แต่กระถินแอบเห็นลุงดำหลับด้วย”
แม่นิ่มฟังการเจรจาของเด็กหญิงแล้วรู้ว่าฉลาดนักหนา...คงฉลาดกว่าพี่สาวต่างพ่อแน่
“คุณรามทานขนมเบื้องญวนมั้ยคะ”
“ไม่ครับ มันหวานรามไม่ชอบ”
“คุณรามมาทำไม นานแล้วนะ เค้าจะคุยกับแม่นมคุณรามกลับไปตึกเสียที”
“แนะ เด็กลูกหลง”รามต่อว่าอีกฝ่าย “แม่นิ่มเป็นแม่นมของฉันมาก่อนตัวเองตั้งเท่าไหร่ จู่ๆมาครองคนเดียวเสียนี่ รู้มั้ยวันนี้เราจะพาแม่นิ่มไปนอนบนตึก”
“ไม่นะ ไม่เอา”กระถินคัดค้านหน้าเสีย รามจึงหัวเราะขอบใจ จากนั้นจึงล้วงในกระเป๋าเสื้อนักเรียน หยิบลูกกวาดส่งให้กระถิน
“มาแมร์เอามาให้เราเป็นของขวัญที่สอบได้ที่หนึ่ง เราเอามาฝากกระถิน” (ครูพี่เลี้ยงโรงเรียนฝรั่ง สมัยก่อนจะไม่นิยมเรียกซิสเตอร์)
“จะแกล้งกระถินอีกละ”
“ให้จริงๆ”กระถินแบมือรับรามให้ แม่นิ่มสอนให้ไหว้ขอบคุณ เวลานั้นสร้อยสนตามรามมาอย่างเงียบๆ มาแอบมองอีกฝ่าย กระถินเห็นสร้อยสนแล้ว เธอทำหน้าบึ้งตึง แต่เมื่อสร้อยสนพยักหน้าเรียกพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ กระถินมองหน้าแม่นิ่มก่อนขออนุญาตว่า
“ลูกสาวคุณผู้หญิงเรียกกระถิน กระถินไปได้มั้ยคะแม่นม”
“ได้สิคะคุณกระถิน เอ่อ เรียกเธอว่าพี่สร้อยก็ได้ค่ะ เธอเป็นพี่สาวของคุณกระถิน”
“พี่สาว พี่อย่างพี่รามหรือเปล่า”พูดแล้วกระถินอุดปากตัวเองอย่างรู้สึกเก้อเมื่อเรียกรามว่าพี่ หากเด็กชายค่อนข้างพอใจ จึงว่า
“เรียกเราว่าพี่ก็ได้นะกระถิน เพราะเรามีแม่นมคนเดียวกัน”
กระถินพยักหน้า ก่อนค่อยลุกไปหาสร้อยสน รามชายตามองดูว่ากระถินไปทำไม เขาเห็นเด็กหญิงสองคนชักชวนไปไหนสักแห่ง และเขาเห็นกระถินแบ่งลูกกวาดที่เขาให้ไปนั้น ให้กับสร้อยสนไปครึ่งหนึ่ง แม้ไม่พอใจ แต่เขาละสายตา หันมาเอ่ยกับแม่นิ่ม
“รามเรียนจบชั้นประถมแล้วนะครับนม”
“ดีจริงเชียว แล้วคุณพ่อเรียกไปพูดเรื่องเรียนต่อเมืองนอกหรือยังคะ”
“ต่อเมืองนอก”รามอุทาน หน้าถอดสี รู้สึกตกใจอย่างแม่นิ่มคาดไม่ถึงทีเดียว
“เอ่อคุณราม คุณรามไม่อยากไปหรือคะ”
“รามเพิ่งสิบสามสิบสี่...ทำไมคุณพ่ออยากไล่รามออกจากบ้านนี้นักละครับนม”
“คุณรามอย่าเข้าใจคุณพ่ออย่างนั้นสิคะ ท่านอยากให้คุณรามทันสมัย อยากให้มีความรู้ ใช้ชีวิตโก้เก๋อย่างพวกหัวนอก”
“รามยังไม่อยากไป ยังอยากเรียนต่อที่โรงเรียนนี้อีกสักสามปี”
ขณะนั้นเองสังเวียน เด็กรับใช้บนตึกได้รับคำสั่งจากพระศานต์ให้มาตามรามและแม่นิ่มไปพบ รามเอ่ยเบาแสนเบา
“คงเรื่องเรียนต่อใช่มั้ยรับนม”
“อย่างไรคุณรามก็บอกท่านไปตามตรงนะคะว่ายังไม่อยากไป”
รามรับคำ ก่อนพากันไปตามคำสั่งผู้มีอำนาจ
ส่วนกระถินและสร้อยสน พากันไปเล่นขายข้าวแกง กระถินนั่งเท้าคางดูพี่สาวเล่นบทแม่ค้า แต่เมื่อสร้อยสนให้กระถินเป็นคนซื้อ กระถินทวงลูกกวาดอีกฝ่ายเสียดื้อ
“ให้พี่แล้วจะเอาคืนได้ยังไงกระถิน คนขี้โกง”
“กระถินยังให้พี่สร้อยโดยไม่ต้องซื้อเลย ทีใบไม้พวกนี้พี่สร้อยจะขายกระถินได้ยังไง”
“ไม่ใช่ เล่นไม่เป็นก็ไม่บอก เขาเล่นเป็นแม่ค้า กระถินเป็นคนซื้อ กระถินต้องเอาใบไม้มาเป็นเงินซื้อของพวกนี้”
“ไม่สนุกเลย สู้ปีนต้นไม้เก็บมะม่วงกินก็ไม่ได้ เป็นของกินได้จริงๆ”
“ไม่เอาหรอก คุณแม่บอกว่าเป็นผู้ดีไม่ป่ายปีนเป็นลิงเป็นค่าง”
“งั้นผู้ดีไม่ต้องกิน กระถินเป็นลูกแม่นมกระถินจะเก็บกินได้”กระถินวิ่งพร้อมใช้ปัดก้นให้เศษใบไม้ใบหญ้าหลุดออก
เธอไปที่ต้นมะม่วง แต่ยังไม่ทันได้ปีนไปเก็บให้สมใจ กระถินโดนจันทร์ดักจับตัวอุ้มไปเสียก่อน กระถินดิ้น
“ปล่อยเค้านะพี่จันทร์”
“ได้เวลาอ่านอาขยานแล้วค่ะ วันนี้ได้ขึ้นบทใหม่อีกบทนะคะ”
“พี่จันทร์ได้เรียนด้วย”
“แต่คุณนมบอกว่าในหัวพี่จันทร์ใส่ขี้เลื่อยเยอะค่ะเลยไม่ค่อยใส่หนังสือ”จันทร์สารภาพ ได้เริ่มเรียนพร้อมกับกระถิน อย่างจำใจเพราะแม่นิ่มสอนคุณกระถินของเธอ พร้อมกับที่เธอต้องคอยรับใช้ทั้งสองไปด้วย จึงเข้าสองหูอย่างจำใจเต็มที
กระถินหัวเราะดัง ก่อนโบกมือให้พี่สาวยอมตามใจจันทร์แต่โดยดี สร้อยสนมองตามน้องสาวซึ่งจากไปแล้ว เธอเดินเหงากลับเข้าไปในตึกใหญ่
ในห้องโถงบนตึกใหญ่ พุดกรองเฝ้าเอาอกเอาใจพระศานต์ เป็นภาพไม่น่าดูสำหรับเด็ก ดังนั้นเมื่อสร้อยสนเข้าไปพุดกรองจึงไล่อีกฝ่ายให้ไปนอนเล่นในห้องส่วนตัว
สร้อยสนจึงกลายเป็นเด็กเก็บกดอย่างที่ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลยสักนิดเดียว!!




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2554, 19:04:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2554, 19:04:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 3808





<< ลูกเสือลูกจระเข้   ไฟใกล้เชื้อ >>
ก้อนอิฐ 10 เม.ย. 2554, 22:07:06 น.
มารอตอนต่อไปค่ะ


Zephyr 11 เม.ย. 2554, 18:53:02 น.
รอ ร้อ รอ ต่อไปค่ะ ยังไม่เท่าตอนเดิมเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account