กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”

วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ

พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า

“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 4

ลงให้อีกค่ะ เพราะสัปดาห์นี้หยุดหลายวัน

......................
ตอนที่ ๔

เสียงกังวานใสที่ร้องถามดังก้องอยู่เบื้องหลังทำให้พีรพัฒน์ต้องชะงัก

“ฉันถามว่าใคร แล้วจะขึ้นไปทำอะไรบนบ้านฉัน ตอบมาเดี๋ยวนี้นะ!” แม้เนื้อเสียงจะค่อนไปทางเล็กและใส ทว่าแต่ละคำที่รวมกันอยู่ในประโยคก็ประกาศชัดว่า คนพูดน่ะพร้อมจะเอาเรื่องผู้บุกรุกอย่างเขาไม่น้อย พีรพัฒน์ค่อยๆหมุนตัวกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับคนที่ประกาศชัดว่าเป็นเจ้าของบ้าน

ร่างบางกระจ้อยของเด็กสาวอายุราวสิบเจ็ดยืนจังก้าอยู่ตรงลานหน้าบ้าน สาวน้อยอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำสนิทกับซิ่นลายทางสีเดียวกัน ใบหน้ารูปไข่ภายใต้หมวกสานใบลานเก่าๆดูขึงขังจริงจัง โดยเฉพาะนัยน์ตาที่ส่องประกายกล้ายามจ้องหน้าเขาเขม็ง

“ใครน่ะ เป็นขโมยใช่มั้ย!”

พีรพัฒน์เลิกคิ้วขึ้นนิดๆกับคำถามแนวกล่าวหา ขโมยงั้นรึ? กับบ้านโทรมๆอย่างนี้น่ะหรือ ชายหนุ่มส่ายหน้า
“เปล่า” เขาตอบเบาๆขณะก้าวกลับลงมา มิได้นึกเคืองคำพูดเด็กสาวสักนิด “ฉันไม่ใช่ขโมย”

“ถ้าไม่ใช่ แล้วคิดจะขึ้นไปทำอะไรบนบ้านฉัน!”

พีรพัฒน์หยุดฝีเท้าลงเมื่อมายืนประจันหน้า เด็กคนนี้สูงแค่ไหล่เขาเท่านั้น

“เธอคือจิ๊บใช่ไหม?”

แววสนเท่ห์ที่ฉายชัดในดวงตาซึ่งจ้องเขามาอย่างเขม็งเป็นสิ่งยืนยันได้ดี ว่าสิ่งที่ถามเป็นเรื่องถูก พีรพัฒน์หยิบกระดาษสีขาวในกระเป๋าเสื้อออกมา

“ฉันได้รับจดหมายจากยายของเธอเมื่อ...”
“โกหก!” เด็กสาวร้องเสียงกร้าวตั้งแต่เขายังพูดไม่จบ มิหนำซ้ำร่างบางๆยังผงะถอยห่างไปราวกับเขากลายร่างไปเป็นตัวประหลาดอะไรสักอย่างที่พร้อมจะทำอันตรายผู้คนได้ทุกเมื่อ

“ฉันไม่เชื่อหรอก นายเป็นใคร ออกไปจากเขตบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนแถวนี้ออกมาช่วย ช่วย...”

“นี่!” พีรพัฒน์ต้องยกมือห้าม ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจพรืดใหญ่เมื่อใช้น้ำเสียงสุขุมมากขึ้น “ใจเย็นๆก่อนเถอะนะวริณสิตา เธอชื่อนี้ ฉันเข้าใจถูกใช่ไหม”

ด้วยท่าทีที่ไม่ได้คล้ายจะจู่โจมมุ่งร้าย เด็กสาวเลยยังมิได้ตะโกนร้องออกไป แต่ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวมิได้วางใจเขาขึ้นเลย ร่างน้อยๆถลาไปคว้าอะไรสักอย่างที่พอจะเป็นอาวุธได้ มิใช่อะไรอื่นไกล ก็ท่อนไม้ไผ่ดุ้นที่ใช้เป็นเสาอิงสร้างค้างต้นถั่วนั่นแหละ

“ฉันไม่ใช่ผู้ร้ายหรือหัวขโมยอะไรที่ไหนหรอกนะ แต่ฉันมาที่นี่เพราะจดหมายที่ยายสายใจของเธอส่งไป นี่ไงจดหมายของยายเธอ” ชายหนุ่มยื่นกระดาษในมือส่งให้ เกือบอึดใจเต็มกว่าที่สาวน้อยจะตัดสินใจยื่นมือมารับไป ไม่สิ จริงๆน่าจะต้องเรียกว่ายื่นมือมาฉกอย่างไม่ยอมไว้ใจน่าจะตรงกว่า

วริณสิตากะพริบตาถี่ๆมองตัวหนังสือที่เป็นระเบียบเรียบร้อยบนแผ่นกระดาษด้วยความรู้สึกสับสน แน่นอน นี่คือจดหมายของยายไม่ผิดแน่ เธอรู้เพราะเธอเป็นคนเขียนมันขึ้นมาให้ยายด้วยมือของเธอเอง แต่ว่า...

“ไม่จริงละ! คุณต้องโกหกแน่”
“ฉันไม่ได้โกหก”

“ไม่จริง!” วริณสิตายังไม่เชื่อ ก็ในเมื่อคนที่ยายวานให้เธอเขียนจดหมายถึง คืออดีตเจ้านายที่ชื่อคุณอังกาบ มิหนำซ้ำอายุอานามคุณอังกาบตามคำบอกเล่าของยายก็ต่างจากยายแค่เจ็ดปีเท่านั้น เพราะอย่างงั้นคุณอังกาบต้องไม่มีทางกลายร่างเป็นชายวัยฉกรรจ์ ผิวพรรณขาว แถมตัวยาวสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่นแบบนี้!

“ไม่จริง ยายส่งจดหมายไปถึงคุณอังกาบ และคุณอังกาบเขาก็เป็นผู้หญิง!”

“ใช่” ชายหนุ่มยอมรับ “คุณอังกาบเป็นผู้หญิง แต่จดหมายของยายเธอ ส่งไปไม่ถึงคุณอังกาบหรอก”
วริณสิตาได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น “แล้วทำไมถึงไม่ถึง?”

ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆอีกครั้ง

“ฉันเสียใจนะ ที่จะต้องบอกให้เธอกับยายของเธอรู้ว่าคุณอังกาบท่านเสียไปแล้ว”
“อะไรนะ?” วริณสิตาร้องคราง หัวใจหวิวๆเมื่อนึกถึงคำบอกสุดท้ายของยาย...

‘คุณอังกาบท่านเป็นคนใจดีและเคยเมตตาต่อเรายายหลานนักหนา ในวันที่เจ้าไม่มียายแล้ว คุณอังกาบ...ท่านจะช่วยดูแลเจ้าได้นะลูกนะ’

โธ่...ยายจ๋า เจ้านายผู้เมตตาที่ยายยึดหวัง และขอเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะฝากฝังอนาคตหนูเอาไว้ ท่านจากไปจากโลกนี้เสียแล้ว...

ใบหน้าน้อยๆภายใต้หมวกสานใบลานเก่าๆดูซีดสลดลงจนเห็นได้ชัด เสียงครางเรียกชื่อคุณอังกาบซึ่งหลุดลอดจากริมฝีปากบางๆของเด็กสาวทำให้พีรพัฒน์อดสงสัยไม่ได้ ก็แค่การจากไปของคนหนึ่งคนเท่านั้น หนำซ้ำมิใช่ญาติแล้วทำไมแม่สาวน้อยถึงต้องดูเสียใจถึงเพียงนั้น?

หรือเกรงว่าตนเองจะไร้คนรับอุปการะ?

“แล้ว...ถ้าอย่างนั้นคุณเป็นใคร ทราบได้อย่างไรว่าคุณอังกาบท่านเสียไปแล้ว?” จู่ๆประโยคนั้นก็ดังขึ้นก่อนที่พีรพัฒน์จะได้ข้อสรุปให้กับเหตุผลที่ตนเองสันนิษฐานไว้ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบางๆ

“ก็ต้องทราบสิ เพราะฉันเป็นญาติคุณอังกาบไง”
“ญาติ?”
“ใช่ ฉันเป็นหลานชายของคุณอังกาบ ชื่อพีรพัฒน์”

“พีรพัฒน์?” สาวน้อยตรงหน้าทวนชื่อออกมา กะพริบตามองเขาด้วยสีหน้าไม่มั่นใจสักนิด แถมมือเล็กๆยังกำดุ้นไม้ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ใช่” ชายหนุ่มเลยย้ำอีกครั้ง “ฉันชื่อพีรพัฒน์ แต่เธอจะเรียกฉันว่าคุณพีเฉยๆก็ได้ ฉันมาที่นี่เพราะจดหมายที่ยายของเธอส่งไป”
“แล้ว...แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไง ว่าคุณเป็นหลานของคุณอังกาบตัวจริง ไม่ใช่โจร”
“อืม!” หนนี้พีรพัฒน์ชักเกิดอาการเลิกคิ้วสูงเป็นวา “ถ้าจะเอาหลักฐานกันเวลานี้ ตอนนี้ ฉันเองก็คงไม่มีเอกสารอะไรมายืนยันกับเธอได้หรอก แต่...”

ชายหนุ่มหลิ่วตาไปทางเคหสถานมุงสังกะสีก่อนจะหันมาสบตากับแม่สาวน้อยอีกที “แต่เธอคิดว่าจะมีโจรที่ไหนสนใจบ้านสภาพแบบนี้บ้างล่ะ หืม?”

แน่นอน แม้แต่คนฟังก็ยังอึ้งกับคำถามขวานผ่าซากนั้น ผิวหน้าสีน้ำผึ้งใต้หมวกสานจึงดูเรื่อขึ้น เข้มจัดจนสังเกตได้ไม่ยากเลย พีรพัฒน์ขยับตัวนิดๆ

“ขอโทษนะ” เขากล่าว “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเธอหรือว่าอะไรเลย เพียงแต่ต้องการให้เธอตรองดูเท่านั้น เชื่อเถอะ ฉันไม่ใช่โจร ฉันเป็นญาติของคุณอังกาบจริงๆ”

แม้ผิวหน้าจะยังเรื่อเข้ม แต่ดุ้นไม้ต่างอาวุธที่ถือในมือก็ย้ายสำมะโนครัวลงไปอยู่บนพื้นเรียบร้อย เมื่อนั้นล่ะพีรพัฒน์จึงได้ผ่อนลมหายใจไปพรืดใหญ่ ก็นี่ขนาดว่าเขาเป็นคนที่จะเข้ามาดูสารทุกข์สุขดิบและช่วยเหลือนะ ทว่าแค่นาทีแรกที่พบ เด็กคนนี้ก็ขู่ฟ่อเอาเสียแล้ว

“ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นล่ะ” ชายหนุ่มค่อยๆเอ่ยต่อไป “ฉันมานี่เพราะจดหมายของยายเธอ แล้วตอนนี้ยายเธอเป็นอย่างไรบ้าง”

สาวน้อยตรงหน้ามิได้ตอบคำถามของเขาทันใด กระทั่งชั่วอึดใจกระแสเสียงอ่อนๆจึงเอื้อนเอ่ย

“ไม่อยู่แล้ว ยายเองก็ตายไปตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน”

นาทีนั้นพีรพัฒน์ได้แต่กะพริบตา แม้จริงๆจะนึกมาอยู่บ้างว่า คำตอบที่ได้อาจเป็นเช่นนี้ แต่มันก็อดจะรู้สึกวูบๆลึกๆในใจไม่ได้

...สองอาทิตย์อย่างนั้นหรือ... สองอาทิตย์...ถ้าเพียงแต่เขาคิดใส่ใจกับจดหมายนั่นให้ไวสักนิด...

“ฉัน...เสียใจด้วยจริงๆ” พีรพัฒน์กล่าวเสียงเบา แต่ทว่า...
“ไม่เป็นไร” สาวน้อยตอบสวนทันควัน “เพราะยายสอนเอาไว้ เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา”
ดวงหน้าน้อยๆยามเอ่ยประโยคนั้นเชิดขึ้นนิดๆ อากัปกิริยาเช่นนั้นเผยให้เห็นจมูกโด่งรั้น พร้อมสีหน้าและแววตาที่ทำให้พีรพัฒน์อดรู้สึกไม่ได้เลยว่า เด็กคนนี้คงเป็นประเภทเข้มแข็งและมุ่งมั่นเอาการทีเดียว

ถึงจะยกสิ่งที่ยายพร่ำสอนเสมอว่ามันคือสัจธรรมของชีวิตขึ้นมาอ้าง ทว่าวริณสิตาก็ยังต้องเชิดหน้า กะพริบตาถี่ๆก่อนสูดหายใจเข้าปอดให้ลึก ทั้งหมดนี้เพื่อพยายามสะกดกั้นน้ำอุ่นๆที่ยังคงพาลจะเอ่อขึ้นในหน่วยตา

ไม่ได้นะ! วริณสิตาสั่งตัวเอง ก็ในเมื่อยายเองก็สั่งไว้ ว่าห้ามร้องไห้ให้ยายเกินเจ็ดวันเด็ดขาด! อีกอย่างคำสั่งเสียสุดท้ายของยายยังคงก้องในห้วงความคิด

‘เจ้าจะต้องเข้มแข็งนะจิ๊บนะ แม้ยายจะจากไป เจ้าก็ต้องระวังรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ยายคงไม่มีบุญพอจะได้อยู่ดูอนาคตของเจ้าให้ตลอดรอดฝั่งแล้ว ที่พอจะทำได้ ก็คือฝากฝังแก้วตาดวงใจอย่างเจ้ากับคนที่เขาสามารถจะอุปการะได้ จิ๊บเอย...คุณอังกาบท่านเป็นคนใจดีและเคยเมตตาต่อเรายายหลานนักหนา ในวันที่เจ้าไม่มียาย คุณอังกาบจะช่วยดูแลเจ้าได้นะลูกนะ’

สาวน้อยได้แต่สะท้อนสะท้าน ลำพังแค่ต้องกลั้นความอาดูรต่อการจากไปของยายก็หนักเอาการอยู่แล้ว แต่นี่...โธ่! ยายจ๋า...ยายจะรู้ไหมว่าโลกนี้ช่างเล่นตลกนัก ในเมื่อคนที่มาแทนคุณอังกาบเป็นผู้ชาย แล้วอย่างนี้อนาคตของจิ๊บจะเป็นอย่างไรต่อไปเล่า?

วริณสิตาตอบคำถามในใจตัวเองไม่ได้เลย เหมือนตนกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่เลือนราง กับความฝันและความหวังว่าชีวิตนี้ อย่างน้อยก็จะขอร่ำเรียนให้จบถึงปริญญาก็คงต้องหยุดไป

ใช่! นึกแล้วก็ได้แต่สะท้อนสะท้านขึ้นมาอีก วริณสิตาลอบมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างหวั่นใจ ที่จริงนาทีนี้เธอไม่ควรริอ่านคิดไกลไปถึงเรื่องเรียนด้วยซ้ำ เพราะแค่อาณาเขตที่ประกาศก้องว่าตนเองเป็นเจ้าของอยู่เมื่อครู่ ที่จริงก็หาได้มีสิทธิ์สักหยิบมือ!

‘ผืนดินแห่งนี้แหละจิ๊บเอ๋ย ที่เจ้าอยู่มาตั้งแต่เล็กจนโต มันเป็นที่ๆคุณอังกาบท่านเมตตา อนุเคราะห์ให้ยายได้ใช้อาศัยทำกินหาเลี้ยงเจ้า แต่ถึงแม้เราจะอยู่บนผืนดินแห่งนี้มานาน แต่มันก็เป็นสมบัติของคุณอังกาบ ไม่ใช่ของเราที่จะยึดครองได้โดยปราศจากการยินยอมนะลูกนะ’

วริณสิตาจำได้และซื่อสัตย์เสมอกับทุกสิ่งที่ยายสอน และแน่นอน เธอคิดว่าหลานชายคุณอังกาบคนนี้ก็ต้องรู้ความจริงเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินดีเหมือนกัน! และนั่นเองที่ทำให้เกิดคำถามว่า ‘เขา’ ยังจะอนุญาตให้เธออาศัยอยู่บนที่ดินผืนนี้ต่อไปได้อีกหรือไม่ วริณสิตาไม่รู้เลย!
..............



ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 เม.ย. 2554, 12:56:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 เม.ย. 2554, 12:56:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 3098





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 5 >>
pigasus 11 เม.ย. 2554, 16:12:18 น.
รอตอนต่อไปค่า
สนุกๆๆ


panon 11 เม.ย. 2554, 16:13:31 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


ปูสีน้ำเงิน 11 เม.ย. 2554, 20:46:00 น.
รีไรท์ใหม่เหรอคะ(พอดีปูเพิ่งจะได้เล่นหลังจากไม่ได้เล่นเน็ตมาเกือบสองอาทิตย์)เพราะจำได้ว่าเคยอ่านแล้ว


ree 12 เม.ย. 2554, 06:47:40 น.
เฝ้ารอและเป็นกำลังใจให้นะ


pseudolife 12 เม.ย. 2554, 09:35:38 น.
แวะมาเยี่ยมเยียนจ้า รีไรท์แล้วขอให้มีกำลังใจในการปั่นต่อไปเรื่อยๆน้า


ปาริน 12 เม.ย. 2554, 10:02:48 น.
จะพยายามครับป๋ม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account