รักสุดท้าย...ที่ปลายดาว
เพราะความเข้าใจผิดในสัมพันธภาพระหว่างสาวสวย ปากจัด กัดเจ็บ อย่าง “ปลายดาว” กับ เพื่อนหนุ่มคาสโนว่า ทำให้เธอต้องตกเป็นจำเลยในสายตาของ “เตชิต” วิศวกรหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า) ปากจัด ซ้ำยังกัดเจ็บยิ่งกว่า ผลที่ตามมาก็คือการปะทะคารมกันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกทีที่ประจันหน้า....เรื่องจะยอมเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองอีกฝ่ายน่ะรึ...ไม่มีทางซะหร้อกกกก

แต่เรื่องวุ่นๆชุลมุนหัวใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อสนามรบทำท่าจะเปลี่ยนเป็นสนามรัก(ตามสูตรนิยายคลาสสิค^^) ท่ามกลางความอึดอัดขัดใจของเพื่อนหนุ่มคาสโนว่าที่ยุยงส่งเสริมมาแต่ทีแรก แต่ดันเกิดอาการ “หวงของ” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้ก็เลยมี “ก้าง” ชิ้นใหญ่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

วิศวกรหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหนทาง “สุดท้ายที่ปลายดาว” ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเรื่องรัก(ลึกลับ)ในอดีตโผล่ขึ้นมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก...

งานนี้เห็นทีต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ!

Tags: กุ๊กกิ๊ก โรแมนติค ปลายดาว เตชิต

ตอน: ตอนที่ 4 <<สวรรค์เบี่ยง(เบน)! >>

4.

ภารกิจลับระหว่างวรนนท์และปลายดาวเริ่มต้นขึ้นในอีกสองวันต่อมา ชายหนุ่มมารับเธอตอนบ่ายตามสัญญาพร้อมนัดแนะแผนการและซักซ้อมบทกันจนเป็นที่เรียบร้อย จึงพาเธอมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเขานัดกับบุตรสาวของท่านอธิบดีคนดัง-ว่าที่เจ้าสาวในอนาคตของเขาเอาไว้

แว่บแรกที่เจอหน้า ปลายดาวก็ถึงประจักษ์ได้ในบัดดลว่าเหตุใดวรนนท์ถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อน เป็นฟืนเป็นไฟในการที่จะต้องแต่งงานกับหล่อนนัก ทั้งที่หล่อนก็หาใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ถึงขั้นที่เขาจะต้องยืนกรานปฏิเสธไม่ แถมมีเชื้อมีสกุลเป็นถึงผู้รากมากดีแห่งตระกูลคหบดีเก่าแก่ หากแต่เป็นเพราะรูปร่างอวบอ้วนซึ่งผิดไปจากพิมพ์นิยมของเขานี่เอง ที่ทำให้หมอถึงกับต้องออกมาประกาศเจตนารมย์แก่กล้า

แผนการที่วางไว้ก็ไม่มีอะไรมาก ดังจะหาดูได้จากบทละครยอดฮิตหลังข่าว ปลายดาวแสร้งทำเป็นเดินอุ้ยอ้ายคล้องแขนมากับวรนนท์แล้วทำทีเป็นร้องขอความเห็นใจให้สาวร่างอ้วนเห็นแก่เด็กตาดำๆที่กำลังจะลืมตามาดูโลก วรนนท์เองก็สวมบทสุภาพบุรุษที่สุดในโลกได้อย่างแนบเนียนจนปลายดาวอยากมอบตุ๊กตาทองให้เขาเอาไปนอนกอดเล่นๆสักตัว เขาบอกว่ายินดีที่จะแต่งงานกับหล่อน แต่ก็คงไม่อาจละทิ้งความรับผิดชอบที่มีต่อเด็กในท้องของปลายดาวได้ ดังนั้นเขาจึงเสนอให้หล่อนเป็นฝ่ายตัดสินใจว่ายินดีที่จะแต่งงานกับเขาต่อไปตามเจตนารมย์ของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย หรือจะยอมถอนตัวเพื่อที่ว่าหล่อนอาจจะได้เจอใครสักคนที่ดีกว่าในอนาคต ไม่ใช่เจ้าบ่าวแถมเรือพ่วงอย่างเขา

อีกฝ่ายไม่มีท่าทีแปลกใจอย่างที่ปลายดาวคาดเดา มีเพียงแววตาเท่านั้นที่บอกว่าหล่อนอึดอัด และแม้ว่าหล่อนจะยังคงไว้ตัวตามประสา “ลูกคุณหนู” ที่ไม่เคยโดนหยามหรือขัดใจ กระนั้นแล้วปลายดาวก็เดาออกว่าบทสรุปที่ได้จะไม่ผิดไปจากที่เธอคาดไว้อย่างแน่นอน ผู้หญิงที่ถึงพร้อมไปด้วยทุกอย่างอย่างหล่อน คงไม่ยอมลดศักดิ์ศรีไปกินน้ำใต้ศอกใคร

“น่าสงสารออก ฉันรู้สึกผิดบาปมาก”

ปลายดาวเปรยเบาๆเมื่อกลับมาอยู่กันในรถตามลำพังอีกครั้ง ส่วนวรนนท์คนเจ้าชู้ได้แต่ผิวปากอย่างสบายอารมณ์

“คิดมาก ฉันยังไม่เห็นว่าเขาจะรู้สึกอะไร”

“เขารู้อยู่แล้วน่ะสิ ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ หรือไม่เขาเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอเหมือนกัน...แล้วเธอว่าแม่เธอจะยอมจบมั้ย”

“ไม่ยอม” เขาตอบสั้นๆ

“อ้าว! แล้วถ้าแม่เธอตามมาราวีฉันล่ะ ซวยแล้วมั้ยล่ะฉัน”

“เออน่า...ไม่ต้องกลัวหรอก ถึงแม่จะอยากให้ฉันแต่งงานกับยัยหมู เอ๊ย! ยัยหนูภารดีอะไรนั่นขนาดไหน แต่เชื่อเถอะ...ว่ายังไงในโลกนี้แม่ก็รักฉันมากที่สุด...อืม...เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดกันต่อ แต่ตอนนี้เธอเอานี่ไปก่อน...คูปองร้านเค้กตามสัญญา”

อารมณ์หวาดวิตกเมื่อสักครู่นี้ค่อยลางเลือนเคลื่อนหายเมื่อเขายื่นคูปองร้านเค้กมาตรงหน้า ลักษณะมันคล้ายๆกับบัตรเครดิตซึ่งระบุวันเริ่มต้นใช้งานและวันหมดอายุไว้อย่างชัดเจน เดี๋ยวนี้แม้กระทั่งร้านอาหารหรือร้านเบเกอรี่ก็มีการพัฒนาด้านการให้เครดิตไม่ต่างอะไรกับบรรดาห้างสรรพสินค้าแล้ว

“Rainy Cake and Bistro เรนนี่ เค้ก แอนด์ บิสโทร”

ชื่อร้านแปลก ไม่คุ้นหู ทำเอาปลายดาวร้องเสียงหลง

“อ้าว! เฮ้ย! นี่มันไม่ใช่ร้านเค้กตรงเอกมัยนี่หว่า อีหนอน...แกหลอกฉันเหรอ”

“หลอกบ้าบออะไร นี่มันก็อยู่เอกมัยเหมือนกัน แหกตาดูหรือยัง”

“แต่มันไม่ใช่ร้านประจำของฉันนี่”

“พวกยึดติด รสนิยมสูงรายได้ต่ำ” เขาแอบเหน็บแนมเธออยู่ในลำคอ

“ผีเจาะปาก!”

“เธอต้องให้โอกาสร้านอื่นได้สำแดงฝีมือบ้างนะดาว จะอาหารไทยหรืออาหารฝรั่ง คนไทยก็ทำอร่อยที่สุดในโลกแหละฉันจะบอกให้”

“ย่ะ! พ่อคนรักบ้านเกิด! พ่อคนรักประเทศชาติบ้านเมือง! ไม่ลงสมัครสก. สข. สค. ให้มันรู้แล้วรู้แร่ดไปเลยล่ะ” หญิงสาวประชด “ชื่อร้านแปล๊กแปลก ไม่เคยได้ยิน”

“ก็เคยซะซี่ ฉันลองมาแล้ว ใช้ได้...”

“แล้วร้านนี้มีอะไรดี แถลงไขมาซิ เขาขึ้นชื่อเรื่องอะไร มีบลูเบอรี่ชีสเค้ก หรือเปล่า”

“มีทุกเค้กแหละ สเต็กเขาก็โอ รับรองว่าอร่อยไม่แพ้ร้านโปรดของเธอ เชื่อฉันเหอะน่า รับรองจะติดใจ”

“แล้วเธอไปรู้จักร้านนี้ได้ไง”

“ฉันก็แค่เบื่อร้านเก่า มีแต่พวกไฮโซ ไปทีไรก็เจอแต่คนรู้จัก บังเอิญฉันขับรถผ่านแล้วมาเจอร้านนี้เข้า เห็นว่าเข้าที รสชาติก็ไม่เลว บรรยากาศก็เจ๋ง เจ้าของร้านก็ซ้วย...สวย”

“มิน่า...”

ปลายดาวถึงบางอ้อ...ที่พูดมาทั้งหมด คำตอบมันรวมกันอยู่ในประโยคท้ายของเขานี่เอง ชายหนุ่มหันมาหัวเราะให้เธอเบาๆที่ถูกดักคอ ก่อนจะหันไปสตาร์ทรถแล้วค่อยๆเคลื่อนตัวออกสู่อีกหนึ่งเป้าหมายอย่างใจเย็น

“นี่เราจะไปไหนกัน”

"งานศพ”

“งานศพ!”

ปลายดาวร้องทักออกมาเสียงหลง ร้อยวันพันปีวรนนท์ไม่เคยคิดจะย่างกรายไปงานศพใคร สงสัยเขาจะโดนผีคนตายเข้าสิงล่วงหน้าเสียแล้วล่ะกระมัง

“ร้องเสียตกอกตกใจ มันจะอะไรกันนักหนา ก็แค่งานศพ”

“ฉันแต่งตัวไม่เรียบร้อย เธอดูสิ...ความจริงฉันต้องสวยกว่านี้”

“เออน่า...ชุดนี้ก็ไม่น่าเกลียดอะไร เสร็จแล้วฉันจะพาไปเลี้ยงข้าว”

ถึงมันจะไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไหร่ แต่ปลายดาวก็ถอนใจออกมาอย่างยอมจำนน จริงอยู่ว่าชุดแส็คสีเทาเข้มคลุมเข่าที่สวมอยู่นั้นจะดูเรียบร้อยพอที่จะออกงานได้ก็ตาม ทว่าอย่างน้อยเธอก็ควรต้องสวยมากกว่านี้...

ก่อนทุ่มตรงไม่กี่มากน้อย วรนนท์ก็พาเธอมาถึงวัดหลวงแห่งหนึ่ง หญิงสาวลืมนึกไปว่าเธอยังไม่รู้เลยว่าเป็นงานศพใคร แล้วเพื่อนหนุ่มหน้ามนของเธอไปรู้จักกับญาติผู้ตายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทว่าความสงสัยของเธอก็ดูเหมือนจะอันตรธานหายไปในอีกไม่กี่นาทีถัดมา เมื่อเขาแนะนำให้เธอรู้จักกับสาวสวยนางหนึ่งในชุดกระโปรงสีดำโศกสลด เค้าโครงใบหน้าหล่อนที่ถึงแม้ว่าจะดูซีดเซียวไปบ้างแต่ก็ยังคงสวยหวานสะกดใจ โดยเฉพาะเมื่อหล่อนรวบผมไปตรึงไว้ตรงท้ายทอยแล้วปักด้วยปิ่นมุกอันเล็กๆ ก็ยิ่งส่งให้หล่อนดูสวยบาดลึกมากขึ้นไปอีก ถ้าหล่อนไม่ใช่ญาติสนิทข้างใดข้างหนึ่งของเขา...ก็เชื่อขนมกินได้เลยว่าเขาต้องกำลังพยายามปลูกต้นรักกับหล่อนอยู่เป็นแน่

“ดาว นี่คุณฝน...เจ้าของร้านเค้กที่ฉันซื้อคูปองให้เธอ”

ชายหนุ่มแนะนำด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม แต่ปลายดาวแอบตบสีข้างตัวเองดังฉาด...เห็นมั้ย? ว่าคนอย่างเธอเดาอะไรไม่เคยพลาด

“คุณฝนฮะ นี่เพื่อนสนิทผมฮะ ชื่อปลายดาว ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง เขาชอบทานเค้ก ต่อไปคงได้เจอคุณฝนบ่อยๆ”

ฉันหรือแกกันแน่ยะ?

หญิงสาวเจ้าของชื่อ “ฝน” ยิ้มให้ปลายดาวอย่างมีไมตรี รอยยิ้มหล่อนจริงใจ ไม่มีจริต ปลายดาวดูออก

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณนนท์พูดถึงคุณปลายดาวให้ได้ยินบ่อยๆ ตอนแรกยังนึกว่าเป็นแฟนเพราะพูดถึงบ่อยเหลือเกิน ตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดไว้อีกค่ะ”

“ปกติดาวสวยกว่านี้นะ ขอบอก” ปลายดาวหัวเราะคิก “พอดีนายหนอน เอ๊ย! วรนนท์เขาไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมางานศพ เลยแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่”

“นี่เธอ...น้อยๆหน่อย หัดถ่อมเนื้อถ่อมตัวเสียมั่ง นี่อะไร...”

เมื่อเพื่อนหนุ่มติงหญิงสาวก็เผลอหัวเราะคิกออกมาอย่างคนขี้เล่น ลืมไปว่าในบรรยากาศของงานศพ การสำรวมกิริยาเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังมากกว่าเรื่องใดทั้งหมด

“แค่นี้ก็สวยมากแล้วค่ะ” หล่อนชมอย่างจริงใจ “ต้องขอบคุณมากนะคะที่เสียเวลามา ความจริงเราไม่ได้บอกใคร มากเท่าไหร่ก็มีแต่ญาติสนิท คุณป้าไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูกหลานที่ไหน นอกจากฝนคนเดียว ก็เลยต้องมาคอยดูแล ถือว่าทำให้ท่านเป็นครั้งสุดท้ายน่ะค่ะ”

อ้อ! งานศพคุณป้าของเจ้าหล่อนนี่เอง...
นี่ขนาดคุณป้า...วรนนท์ยังแร่ดมาแต่หัววันขนาดนี้ ไม่ได้แช่งนะ...ถ้าเป็นพ่อแม่พี่น้องของหล่อน สงสัยหมอคงรับอาสาเป็นเจ้าภาพเจ็ดวันเจ็ดคืน เผลอๆยอมลงทุนมานอนเป็นเพื่อนศพด้วยซ้ำ

“เป็นอะไรเสียคะ ขอโทษค่ะ”

ปลายดาวถามอย่างเกรงใจ พลางเบียดกระแซะเข้าไปชิดหัวไหล่เพื่อนหนุ่มอย่างลืมตัว

“เป็นโรคหัวใจค่ะ ปกติคุณป้าจะอยู่กับเด็กรับใช้คนนึง แต่พอดีวันที่คุณป้าเสียเด็กออกไปซื้อของ พอกลับมาก็เห็นคุณป้านอนหมดสติไปแล้ว ตอนที่เด็กโทรบอกฝนยังติดธุระอยู่ที่พัทยาอยู่กับเต้อยู่เลย พอรีบกลับมาตามไปที่โรงพยาบาล ก็ไม่ทันแล้วค่ะ”

“เสียใจด้วยนะคะ”

“ค่ะ เชิญคุณนนท์กับคุณปลายดาวตามสบายนะคะ ฝนขอตัวไปรับแขกด้านหน้าก่อน เดี๋ยวพอเต้มาถึงเมื่อไหร่ ฝนจะพามาให้รู้จักนะคะ จะได้ช่วยรับรอง...”

หล่อนพูดถึงคนชื่อเต้หลายครั้งด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสนิทสนม คงจะเป็นคนสนิท...เพื่อนสนิท หรืออาจจะมากกว่านั้นก็เป็นได้หลายอย่าง แล้วเพื่อนหนุ่มของเธอมันจะรู้หรือไม่หนอ ยิ่งรู้ตัวช้าอยู่ด้วย ทว่ายังไม่ทันที่หล่อนจะได้เดินจากไปจริงๆ ใครคนที่หล่อนเอ่ยถึงก็เดินก้าวพรวดๆ เข้ามา แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ของปลายดาวดังขึ้นพอดี เธอจึงเดินเลี่ยงมาอีกทางเพื่อที่จะรับสายได้โดยสะดวก

สนทนากับมารดาอยู่ครู่หนึ่ง ปลายดาวก็กดวางสาย ในจังหวะที่ผินหลังกลับ สายตาของเธอก็เลื่อนไปปะทะกับรูปที่ตั้งอยู่หน้าศพพอดี จึงอดบวกลบคูณหารอยู่ในใจเงียบๆไม่ได้ตามประสาคนที่ชอบซื้อเลขเสี่ยงดวงเป็นชีวิตจิตใจ กว่าจะรู้ตัวว่าสาวเท้าเพลิน เสียงดุเข้มของวรนนท์ก็เรียกสติเธอให้กลับมาได้ทันเวลาพอดิบพอดี

“ดาว...เธอเดินไปเบียดคุณเต้เขาทำไม มานี่!”

ปลายดาวหยุดเดิน แล้วหัวเราะแหะๆให้กับความเปิ่นเทิ่นของตัวเองเมื่อเริ่มรู้สึกว่าสีข้างเธอสัมผัสกับร่างแข็งแกร่งของใครคนหนึ่งเข้าให้จริงๆ ความประหลาดใจมีมากกว่าที่คิดเมื่อ “คุณเต้” ที่คุณฝนปรารภถึง และปลายดาวก็จินตนาการว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มผู้อบอุ่นใจดี ดันกลับกลายเป็นชายหนุ่ม หล่อระเบิดระเบ้อแบรนด์เจ็น เจ้าของดวงตากรุ้มกริ่มร้ายกาจคนที่เธอเคยเจอเมื่อสองวันก่อนนั่นเอง

โลกจะกลมไปถึงไหนนะเนี่ย!

เขาอยู่ในชุดแต่งกายสีดำทั้งชุด ดูหล่อเข้มเหมือนคีนู รีฟส์ในหนังเรื่องเดอะเมทริกซ์ไม่มีผิด แววตาเขาจะว่าดุก็ไม่ใช่ แต่คล้ายๆว่าจะมีรอยยิ้มก็ไม่เชิง ปลายดาวเดาอารมณ์เขาไม่ถูก รู้แต่ว่าในแววตาคมเข้มของเขาที่เธอมองเห็นนั้นมีความฉงนฉงายซ่อนอยู่ด้วย

“สวัสดีครับ”

เขาเอ่ยทักพร้อมยกมือขึ้นรับไหว้เธอ เพียงเท่านั้นก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองเข่าอ่อน พร้อมกับร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้าโดยไม่รู้ตัว ตรงข้ามกับชายหนุ่มที่สามารถควบคุมทุกการแสดงออกไว้ภายใต้ท่าทีนิ่งขรึมนั้นได้อย่างน่าชมและน่าหมั่นไส้ในคราวเดียวกัน

“เดี๋ยวฝนกับเต้ขอตัวไปรับแขกด้านหน้าก่อน คุณนนท์กับคุณปลายดาวเชิญตามสบายนะคะ อีกสักพักพระคุณเจ้าก็คงจะลงมาแล้วล่ะค่ะ”

“เชิญตามสบายนะฮะ แล้วผมจะแวะมาคุยด้วยใหม่”

เขาเอ่ยเบาๆดูดีมีมารยาทมาก หากคำมั่นสัญญาในตอนท้ายนั้นกลับทำให้ปลายดาวผวาจนถลาเข้าไปเกาะแขนเพื่อนหนุ่มไว้โดยอัตโนมัติ ซ้ำยังเบียดแนบชิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“เธอมาเบียดฉันทำไมเนี่ย ยัยบ๊อง! น้ำท่ายิ่งไม่ค่อยได้อาบอยู่ด้วยเธอน่ะ สกปรก!”

เขาทำเป็นผลักเธอออกอย่างรังเกียจ แต่ก็แอบหัวเราะหึๆ

“บ้า! ว่าฉันงั้นได้ไง” เธอทุบหัวไหล่เพื่อนรักดังปั๊ก “ฉันอาบทุกเดือนนะ น้ำน่ะ”

ว่าแล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนจะพากันเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่วางเรียงกันอยู่ค่อนไปทางด้านหลังศาลา เสียงหัวเราะของทั้งคู่เรียกคุณเต้ให้หันมามองอีกครั้ง

“คุณเต้นี่เขาหล่อดีเนอะ”

วรนนท์เปรยเบาๆ เหมือนไม่ตั้งใจ แต่ปลายดาวได้ยินชัดเต็มสองหู เลยอดหัวเราะคิกคักออกมาเสียไม่ได้

“เธอชอบเหรอ...ขอเบอร์ให้เอาป่ะ”

“บ้า! ฉันแค่ว่าเขาหล่อดี ขนาดฉันเป็นผู้ชายด้วยกันยังอดชมไม่ได้ แต่ยังไงฉันก็ชอบผู้หญิงย่ะ ไม่ได้สวรรค์เบี่ยงเบนเหมือนเธอสักหน่อย แก่จนป่านนี้แล้วยังไม่มีแฟน”

“ปากจัด!” เธอส่งค้อนให้เพี่อนรักวงเบ้อเริ่ม “แล้วนี่ฉันถามหน่อยเหอะ ตกลงว่าที่เธอไม่อยากแต่งงานกับน้องปุ๊กลุ้กคนเมื่อตอนบ่ายเนี่ย เพราะเธอไม่ได้ชอบเขาจริงๆหรือเพราะว่าเธอมีที่หมายใหม่สบายผิดกันแล้วกันแน่”

“ก็...ทั้งสองอย่าง”

“แล้วที่เธอซื้อคูปองร้านเค้กมาให้ฉัน เพราะว่ามันอร่อยจริง...หรือเพราะว่าอยากปลูกไมตรีกับเจ้าของร้าน บอกความจริงฉันมา”

คราวนี้ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่ยิ้มแก้มปริออกมาแทน รอยยิ้มนั้นกว้างไปถึงใบหู แต่เพียงเท่านี้ปลายดาวก็เดาเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่ง...

สะบัดหน้าหนีเพื่อนหนุ่ม ก็หันมาปะทะกับใบหน้าหล่อๆของคุณเต้เข้าจนได้ รอยยิ้มยียวนของเขาทำให้หญิงสาวนึกถึงเหตุการณ์ตอนหนึ่งขึ้นมาได้

“เธอไม่รู้จักคุณเต้อะไรนี่เรอะ”

“ไม่แน่ใจว่าเคยเจอหรือเปล่า...รู้สึกหน้าคุ้นๆเหมือนกัน แต่ถ้าถามว่ารู้จักหรือเปล่า...ก็เปล่า”

“แต่เขารู้จักเธอ”

“อ้าว! คนดัง” เขายักไหล่อย่างไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก “เขาอาจรู้จักฉันผ่านสื่อก็ได้ แฟนคลับฉันเยอะนะขอบอก โพสอะไรลงเฟสบุ๊คแต่ละที กด Like กันไม่หวาดไม่ไหวเลยเชียว ว่าแต่...แล้วเธอไปรู้จักเขาตั้งแต่ตอนไหน”

เมื่อวรนนท์ย้อนถามเช่นนี้ หญิงสาวก็จนปัญญาจะตอบ จึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วเปลี่ยนประเด็นไปสู่เรื่องอื่นหน้าตาเฉย

“ท่าทางเขาสนิทกันออกนะ แน่ใจนะว่าเธอไม่ได้กำลังจีบแฟนคนอื่นอยู่”

คำถามของเธอไม่ต่างอะไรกับเสียงแมลงหวี่บินข้างหูที่เขาไม่เพียงแต่ไม่สนใจ แต่ยังเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยนึกถึงให้เสียเวลาเลยอีกต่างหาก ผู้ชายครบเครื่องคอมโบเซ็ทอย่างเขาไม่เคยมีเรื่องของ “คู่แข่ง” เข้ามารบกวนให้เปลืองเนื้อที่ในสมอง(ที่มีอยู่น้อยนิด)

“เขาเป็นเพื่อนกัน”

“แต่สนิทมากเลยนะ ดูสิ...ยืนไม่ห่างกันเลย ฉันกลัวว่าเธอจะแห้วเข้าให้น่ะสิ”

“ทุกคนมีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับหัวใจตัวเองเสมอ และตราบใดที่เรายังไม่ได้เลือก...เราก็มีสิทธิ์เลือก ผู้หญิงหรือผู้ชายก็เหมือนกัน”

“แร้งส์ง่ะ!” เธอล้อเพื่อนหนุ่ม “มั่นใจในตัวเองขนาดนี้ ฉันเห็นซดน้ำแห้วมาก็หลายรายแล้วนะ”

ปลายดาวหัวเราะ แอบรู้สึกเหมือนกับว่าทุกอิริยาบถของเธอ คล้ายๆจะอยู่ในสายตาของใครบางคนอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่วรนนท์ดูจะไม่สะทกสะท้าน มิหนำซ้ำคงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีเธอมาด้วยเพราะสายตาของเขาไม่เพียงแต่ไม่มีเธออยู่ในนั้น แต่ยังแลเลยไปที่อื่นจนน่าหมั่นไส้อีกด้วย

เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ๆจนกระทั่งพระคุณเจ้าสวดจบและบรรดาแขกเหรื่อพากันรับของว่าง ใครคนที่เธอกำลังเอ่ยถึงก็เดินกลับเข้ามาพร้อมนั่งลงข้างๆ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่วรนนท์ลุกขึ้นอย่างรู้จังหวะ ในเวลาที่คุณฝนยืนอยู่คนเดียวอย่างปราศจากเงาเพื่อนสนิทแบบนี้ ก็อาจเป็นเวลาที่ดีและเหมาะสมสำหรับเขาที่จะได้ไปเสนอหน้าเคียงคู่กับหล่อน ปลายดาวกระตุกชายเสื้อเขาไว้เป็นเชิงเหนี่ยวรั้ง หากก็ดูจะไม่เป็นผล

“จะมาดึงฉันหาพระแสงอะไรเนี่ย ปล่อยฉันนะยัยบ๊อง เธอจะมาเกาะติดฉันเป็นหลินปิงเกาะต้นไผ่ยังงี้มันไม่ถูก”

“แล้วเธอจะปล่อยให้ฉันนั่งคนเดียวยังงี้น่ะเรอะ”

“วุ้ย! คนในศาลาก็ออกจะเยอะแยะ เธอนั่งคนเดียวที่ไหนกันล่ะ คุณฝนเขาคงเหนื่อย ฉันก็จะไปช่วยเขามั่ง อะไรมั่ง เธออย่ามาหึงหวงฉันไม่เข้าเรื่องน่า”

“อี...อี...” เธอไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาว่าเขา “อีคนดี...อีคนมีน้ำใจ...”

น้ำเสียงเธอรอดไรฟันแต่ก็ไม่อาจหยุดรั้งความปรารถของเขาได้ หญิงสาวเตรียมตัวกระเถิบหนีเมื่อคุณเต้ทำท่าจะเขยิบเข้ามาใกล้ แต่เสียงกระแอมที่ดังขึ้นอย่างตั้งใจดักคอก็ทำให้เธอเปลี่ยนใจ

“คุณกลัวผมรึ”

เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแบบที่เธอเคยเห็นเริ่มกลับมาอีกแล้ว คนบ้า!...ในวัดในวาก็ยังไม่เว้น! ตัวเองมากับผู้หญิงคนอื่นแท้ๆ

“คุณเป็นผีหรือเปล่าล่ะ” พูดได้แค่นั้นก็เสียววาบ อยู่ในวัดในวาเธอไม่ควรพูดถึงสิ่งนี้ “มีอะไรให้ฉันต้องกลัว ถามหน่อย”

“แล้วคุณจะหนีผมทำไม”

“ก็แล้วคุณจะมาสนใจฉันทำไม ทำไมไม่ไปอยู่กับเพื่อนคุณโน่นล่ะ เดี๋ยวก็ได้โดนมือดีฉกไปหรอก อ้อ! พูดเรื่องนี้แล้วก็นึกได้ ไหนคุณบอกว่ารู้จักเพื่อนฉัน แต่เขาไม่เห็นรู้จักคุณ...คุณโกหกฉันทำไม”

“เขาชื่อวรนนท์ เป็นลูกชายคนเดียวของคุณหญิงดวงใจเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆของเมืองไทย เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์มาจากเมลเบิร์น เป็นหนึ่งในห้าสิบหนุ่มโสดในฝันแห่งปี เจ้าชู้หาตัวจับยาก ไม่ชอบทำงานพอๆกับที่เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น แค่นี้...คุณคิดว่าผมรู้จักเขาพอหรือเปล่า”

“แต่เขาไม่รู้จักคุณ”

“ก็ไม่แปลก” เขาสบตาเธอ แล้วหันไปยกมือรับไหว้แขกที่บังเอิญมาลากลับ “แต่ก็ไม่จำเป็น ที่ผมสนใจก็คือ...ในเมื่อเขามีคุณอยู่แล้ว ทำไมยังกล้ามายุ่งกับฝน”

“ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้เป็นแฟน แล้วทำไมเขาถึงจะไปจีบคุณฝนไม่ได้”

“ฝนเขาชอบคนยาก ผมกลัวว่าเขาจะเสียเวลาเปล่า ”

“งั้นที่คุณบอกว่ารู้จักเขาดีก็อาจไม่ใช่ ถ้าคุณรู้จักเขาจะรู้ว่าคนอย่างหมอนี่...นอกจากไม่กลัวเสียเวลา แล้วเขายังไม่กลัวใครหน้าไหน ฉันยังไม่เคยเห็นว่าจะมีครั้งไหนที่เขาชอบใครแล้วจะไม่สำเร็จเลย”

“ไม่สำเร็จ?” เขาทวนคำพูดเธอ เหมือนไม่แน่ใจในนัยยะที่ซ่อนอยู่

“ไม่สำเร็จ ก็คือไม่สำเร็จ..คุณคิดไปถึงไหนเนี่ย พูดง่ายๆคือฉันยังไม่เคยเห็นเขาพลาดเรื่องนี้ เขาเทพมากๆนะ เจอคู่แข่งแบบเขาคุณก็อาจต้องเหนื่อยหน่อย”

“จริงหรือ”

“จริงสิ...ไม่รู้จะโกหกคุณทำไม”

“ผมหมายถึง...ที่บอกว่าคุณกับเขาเป็นแค่เพื่อนกันน่ะ”

“จริ๊ง...ไม่อยากโกหกคุณหรอก คุณเฝ้าคุณฝนไว้ดีๆก็แล้วกัน นายหนอนมันขั้นเทพ พลาดท่าเข้าไปอย่ามาหาว่าฉันไม่เตือน”

ชายหนุ่มยักไหล่แบบเดียวกับที่เธอเคยเห็นเมื่อหลายวันก่อน เธอไม่ชอบท่าทางที่บ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองเกินไปแบบนี้เลยให้ตายเถอะ

“คุณจะไปไหน”

เขาท้วงเมื่อเห็นเธอลุกขึ้นยืน หันรีหันขวางเหมือนเหลียวมองหาใคร

“ฉันจะไปห้องน้ำ ปวดฉี่ คุณจะไปด้วยมั้ยล่ะ

เธอยักคิ้วให้เขาอย่างเป็นต่อ โชคดีที่วรนนท์เดินกลับเข้ามาได้ทันเวลา เธอจึงชิ่งจากเขาไปหาเพื่อนหนุ่มทันที วรนนท์ยิ้มร่าให้เพื่อนรักและอาสาเป็นเพื่อนพาเธอไปห้องน้ำที่อยู่ค่อนไปทางหลังของทางศาลา ท่ามกลางความมืดปลายดาวก็ยังสังเกตเห็นว่านัยน์ตาเขาหวานเชื่อมมีประกายชวนฝันจนน่าหมั่นไส้

“ฉันชอบเขาจริงๆนะดาว คุณฝนน่ะ...เกิดมายังไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างนี้มาก่อน”

“แร่ดได้อีก...” เธอประชดเพื่อนหนุ่ม “ระวังตัวเหอะ เขามีแฟนแล้ว ฉันว่าเธออย่าไปยุ่งดีกว่า”

“ฟงแฟนอะไร ไร้สาระ เขาเรียกเพื่อนสนิท...ใครก็มีเพื่อนสนิทได้ ทีฉันยังมีเธอได้เลย”

“มันไม่เหมือนกัน ท่าทางคุณเต้อะไรนั่นเขาหวงคุณฝนน่าดู ฉันกลัวว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด”

“ก็นั่นแหละ...ที่ฉันอยากให้เธอช่วย”

วรนนท์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงกล้อมแกล้ม นัยน์ตามีแววหวาดหวั่นแต่ก็ซุกซนเหมือนเด็กน้อยที่กำลังหมายตากับของเล่นชิ้นใหม่เอาไว้ หากปลายดาวหูผึ่ง ตาลุกวาวอย่างตกใจจนหายปวดฉี่ไปชั่วขณะ

“บ้าแล้ว! ฉันไม่ยุ่งด้วยคนหรอก งานนี้ฉันไม่เอาจริงๆด้วย ต่อให้เอาคูปองกินเค้กฟรีตลอดชีวิตมาล่อ ฉันก็เซย์โน!”

“ดาว....” เขาเรียกชื่อเธอกระซิบกระซาบ รั้งแขนเธอไว้ไม่ยอมให้ก้าวเข้าห้องน้ำจนแล้วจนรอด “ฉันไม่ได้จะให้เธอไปทำอะไรสักหน่อย แค่ไปเป็นเพื่อนฉันเวลาไปหาคุณฝน ก็แค่ช่วงแรกๆแค่นั้นแหละเธอ พอทุกอย่างลงตัวเธอก็หมดความหมายไปเองแหละ”

“ฟังแล้วรู้สึกดีมาก อยากช่วยมากอ่ะ” เธอกัดฟันพูด

“น่านะ...ก็แค่ช่วงแรกๆ เถอะ...ถือว่าฉันอาสาเป็นสารถีพาเธอไปกินเค้กฟรีก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องเลย...ขอบใจ ร้านใกล้แค่นี้เอง ขึ้นมอเตอร์เวย์แป๊บเดียวก็ถึง อยากกินเมื่อไหร่ ฉันค่อยไปเองก็ได้ ” ปลายดาวเชิดหน้าอย่างไม่แคร์ “ฉันไม่อยากเจอหน้าตาบ้านั่น ขี้เกียจทะเลาะด้วยให้เสียพลังงาน”

“แต่ฉันว่าเขาชอบเธอออกนะ ท่าทางเขาก็ดูดีออก ไม่สนใจเหรอ”

“เมาน้ำเก๊กฮวยในงานมาเรอะ” เธอเท้าสะเอวย้อนถามเพื่อนหนุ่มอย่างเอาเรื่อง “ฉันล่ะเกลียดขี้หน้าเขาพิลึก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยหมั่นไส้ใครเท่านี้มาก่อนเลย ให้ตายเหอะ”

“ระวังนะเธอ เกลียดอะไรได้ยังงั้น เธอไม่เคยได้ยินเรอะ” เพื่อนหนุ่มพูดยิ้มๆ

“เออ...จริงเด่ะ งั้นจะบอกให้ว่าฉันเกลียดพี่เคนม้ากมาก...เกลียดมาริโอ้...เกลียดชิน ชินวุฒิ...เกลียดโดม ปกรณ์ ลัม....ฉันควรจะเกลียดใครอีกดีล่ะ แบรด พิตต์ ดีมั้ย”



สิริเสาวภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ต.ค. 2554, 11:25:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ต.ค. 2554, 11:25:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1925





<< ตอนที่ 3 <<คุณไม่หอม...ผมหอมนะ >>   ตอนที่ 5 <<ผมตัดสินใจแล้ว...ก็ไม่เปลี่ยนใจเหมือนกัน >> >>
anOO 3 ต.ค. 2554, 12:10:39 น.
ชอบๆๆๆๆๆ.....ดูสินายหนอนจะจีบฝนสำเร็จไหม
รึนยเต้จะจีบดาวสำเร็จก่อน


violette 3 ต.ค. 2554, 15:10:47 น.
โอยชอบบค่ะ สองคนนี้ฮาเกินไปละ


สิริเสาวภา 3 ต.ค. 2554, 17:29:52 น.
โปรดติดตามตอนไปค่า...
ขอบคุณมากนะคะ ทั้งคุณ anOO แล้วก็คุณ violette ด้วยสำหรับการติดตามค่ะ ^^


NokTamakar 3 ต.ค. 2554, 18:03:25 น.
ตลกดี ฮาในสำนวนค่ะ ลงทุกวันนะคะ


pseudolife 3 ต.ค. 2554, 22:41:24 น.
ชอบคุณเต้ รำคาญนายหนอนมากกกก ฮ่าๆ
รออ่านตอนต่อไปค่า


wane 18 ต.ค. 2554, 07:29:22 น.
ยัยดาว ปากร้าย แต่ฮาสุดๆ อะ ชอบ ชอบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account