รักสุดท้าย...ที่ปลายดาว
เพราะความเข้าใจผิดในสัมพันธภาพระหว่างสาวสวย ปากจัด กัดเจ็บ อย่าง “ปลายดาว” กับ เพื่อนหนุ่มคาสโนว่า ทำให้เธอต้องตกเป็นจำเลยในสายตาของ “เตชิต” วิศวกรหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า) ปากจัด ซ้ำยังกัดเจ็บยิ่งกว่า ผลที่ตามมาก็คือการปะทะคารมกันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกทีที่ประจันหน้า....เรื่องจะยอมเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองอีกฝ่ายน่ะรึ...ไม่มีทางซะหร้อกกกก

แต่เรื่องวุ่นๆชุลมุนหัวใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อสนามรบทำท่าจะเปลี่ยนเป็นสนามรัก(ตามสูตรนิยายคลาสสิค^^) ท่ามกลางความอึดอัดขัดใจของเพื่อนหนุ่มคาสโนว่าที่ยุยงส่งเสริมมาแต่ทีแรก แต่ดันเกิดอาการ “หวงของ” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้ก็เลยมี “ก้าง” ชิ้นใหญ่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

วิศวกรหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหนทาง “สุดท้ายที่ปลายดาว” ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเรื่องรัก(ลึกลับ)ในอดีตโผล่ขึ้นมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก...

งานนี้เห็นทีต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ!

Tags: กุ๊กกิ๊ก โรแมนติค ปลายดาว เตชิต

ตอน: ตอนที่ 5 <<ผมตัดสินใจแล้ว...ก็ไม่เปลี่ยนใจเหมือนกัน >>

5.

คำพูดของนายหนอนที่ว่า “เกลียดอะไร ระวังจะได้อย่างนั้น” ดูเหมือนจะเริ่มเข้าเค้า...

เพราะแม้เส้นทางระหว่างปลายดาวและคุณเต้ หรือชื่อจริงๆว่า “คุณเตชิต” จะเป็นเหมือนเส้นขนาน ทว่าก็ดูเป็นเส้นขนานที่ใกล้กันมาก เพราะในที่สุดแล้วปลายดาวก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการพบปะกับเขาอีกจนได้ นอกเหนือไปจากการเป็นแขกประจำที่ร้าน “เรนนี่ เค้ก แอนด์ บิสโทร” แล้ว คุณเต้ก็ยังคงแวะเวียนมาที่โชว์รูมอยู่บ่อยๆ ไม่รู้ว่าต้องการมาดูผ้าจริงๆหรือว่าเขาเกิดหลงเสน่ห์สาวๆรีเซฟชั่นเข้าเสียแล้ว

ก็ได้แต่หวังว่า เขาคงไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอถึงขั้นจะตามมาจ้องจองเวรกันนอกสถานที่แบบนี้หรอกนะ

สายๆวันหนึ่ง ระหว่างที่ปลายดาวกำลังยืนถกเถียงอยู่กับวรนนท์(ที่กลายเป็นแขกประจำของโชว์รูมไปเรียบร้อยแล้ว) สืบเนื่องมาจากการที่เพื่อนหนุ่มเกิดอยากเปลี่ยนผ้าบุโซฟาในบ้านเธอ ให้เป็นลายกราฟฟิคดีไซน์ขาวดำเก๋ไก๋ หากปลายดาวไม่ยอม...เพราะยังคงชื่นชอบและหลงใหลในลวดลายดอกไม้สไตล์อังกฤษที่ใช้อยู่ แน่ล่ะ...ว่าเรื่องอะไรเธอจะปล่อยให้เขาถือวิสาสะ

“ไม่เอา...บ้าเหรอ ของเก่าก็สวยดีอยู่แล้ว เธออย่ามาหาเรื่องให้ชั้นเสียตัว เอ๊ย! เสียตังค์ไปหน่อยเลยน่ะ”

“ฉันจ่ายให้ก็ได้แหม...”

“เออ รู้แล้วว่ารวย แต่ฉันชอบลายดอกไม้นี่แหละ วินเทจนิดๆ คลาสสิคหน่อยๆ สวยจะตาย”

“แต่มันดูไม่โมเดิร์น เธอนี่” เพื่อนหนุ่มแย้ง “ลายดอกไม้ มันลายผู้หญิงเขาใช้กัน”

“อุวะ! ก็ฉันเป็นผู้หญิงนะโว้ย” เธอขึ้นเสียงด้วยความลืมตัว “อยากเปลี่ยนก็ไปเปลี่ยนบ้านเธอโน่น นี่มันโซฟาบ้านฉัน”

“อ๋อ เดี๋ยวนี้มีแบ่งสมบัติเหรอ เธอนี่...”

เขาปาหมอนอิงใส่หน้าเพื่อนสาวแล้วหัวเราะร่วน ปลายดาวกำลังจะปากลับไปอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเต้ที่เข้ามาในโชว์รูมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ดันก้าวเข้ามาอยู่ในรัศมีพอดิบพอดี มือที่ถือหมอนไว้ก็เลยค้างอยู่กลางอากาศ

นายหนอนยิ้มให้คุณเต้ด้วยสายตาปกติธรรมดา ไม่มีวี่แววของความหวั่นเกรงในฐานะ “คู่แข่งคนสำคัญ” เลยสักนิด

“ผมจะมาขอดูวอลล์เปเปอร์เสียหน่อย ฝนเขาอยากได้ไปตกแต่งที่ร้าน พอดีวันนี้เขาไม่ว่าง ผมเลยมาดูแทน”

“เชิญค่ะ” ปลายดาวผายมือไปยังอีกฟากของโชว์รูม “ฉันจะเรียกพนักงานมาให้ น้องเจี๊ยบคะ...”

หญิงสาวหันไปพยักเพยิดหน้ากับน้องเจี๊ยบ ทว่าชายหนุ่มดูจะไม่พอใจ

“คุณจะเสียเวลาคุยกับผมสักครู่ไม่ได้รึ”

“ก็ฉันมีลูกค้าอยู่นี่คะ”

สายตาของเขาแลเลยมาที่วรนนท์ที่ยืนอยู่ข้างๆ แม้ไม่มีท่าทีว่าไม่ชอบใจ แต่ก็ยังอยู่ห่างไกลจากคำว่าเข้าใจอยู่ดี

“เธอเถียงลูกค้าแบบนี้ได้ไงดาว” นายหนอนสาระแนขึ้น “คุณเต้เขาอุตส่าห์เสียเวลามา แทนที่จะดูแลอำนวยความ
สะดวก เดี๋ยวเหอะ...ฉันจะฟ้องเจ้านายเธอ”

“เธอไม่เกี่ยว อย่ามายุ่ง”

“เกี่ยวสิ เกี่ยวอย่างแรงเลยแหละขอบอก อย่าลืมสิว่าฉันเป็นใคร...ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับคุณลักษณาผู้บริหารของที่นี่นะ ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณลักษณ์ รับรองงานนี้เธอเดือดร้อนแน่ เอางี้...เชิญคุณเต้เลือกดูตามสะดวกเลยนะฮะ สงสัยอะไรก็ถามดาวเขาได้เลย คนกันเองทั้งนั้นฮะ”

หญิงสาวเม้มปากอย่างขัดใจ แต่นาทีนี้พูดไปก็ดูจะมีแต่สองไพเบี้ยเปล่าๆ

“งั้นคุณจะดูวอลล์ฯอะไรล่ะคะ กระดาษ หรือไวนีล”

“ขอดูทั้งสองแบบนั่นล่ะ”

“ที่จริงคุณเลือกเองก็ได้ ชอบแบบไหนก็ไปจ่ายตังค์เอากลับบ้านไป ไม่เห็นต้องมาถามอะไรฉันเลย”

“ใจคอคุณจะปล่อยให้ผมเลือกเองคนเดียวจริงๆ น่ะหรือ ของแพงนะ ไม่ใช่บาทสองบาท”

“ยังไงที่โชว์รูมก็มีเด็กคอยช่วยคุณอยู่แล้วนี่คะ มันไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ได้อยู่ฝ่ายขาย ”

“แต่ยังไงผมก็เป็นลูกค้าคุณนะ อีกอย่างนอกจากคุณแล้ว...ผมก็ไม่รู้จักใครที่นี่ด้วย”

“ตอนฉันไปซื้อของในห้าง ฉันก็ไม่รู้จักใครที่นั่นเหมือนกัน เอาล่ะ พูดเรื่องจริงว่าฉันไม่อยากทะเลาะด้วยหรอกนะ ไหนๆก็ไหนๆ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ตกลงว่าคุณสนใจวอลล์เปเปอร์แบบไหนคะ”

เขาไม่ตอบแต่พยักหน้าให้เธอพูดต่อ...

“โดยมากแล้วที่เรานำเข้ามาก็มีแค่สองแบบคือกระดาษกับไวนีล แบบกระดาษจะบางกว่า ถูกกว่า และอาจจะทำความสะอาดยากกว่านิดหน่อย ส่วนอีกแบบก็เป็นไวนีล จะเหนียวกว่าแบบที่เป็นกระดาษ หนากว่า แพงกว่า คุณพอจะมีไอเดียในการเลือกมาบ้างหรือเปล่าล่ะ”

“ฝนเขาอยากจะเปลี่ยนผนังร้านด้านที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ อยากได้ลุคส์ที่ดูธรรมดาๆให้ความรู้สึกสบายๆ รีแล็กซ์ๆเขาว่าลูกค้าจะได้ทานอย่างมีความสุขน่ะ”

“ผนังอื่นๆเป็นสีอะไรคะ”

“หลักๆก็เป็นสีขาวเพิร์ลไวท์ แต่บุด้วยไม้วีเนียร์สีโอ๊ค นี่คุณไปตั้งหลายครั้งไม่เคยสังเกตเลยเหรอ”

“ฉันไปทานเค้กนี่คะ ไม่ได้ไปดูสีผนัง” เธอตอบโดยไม่มองหน้า เลยไม่เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายที่แทรกอยู่มุมปาก “โอเค...งั้นคุณลองดูจากเล่มนี้ละกัน...อันนี้เป็นวอลล์ฯนำเข้ามาจากอังกฤษ สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้เพราะเป็นไวนีล แต่ราคาแพงหน่อยนะ แต่ถ้าซื้อเยอะก็อาจลดราคาได้ แต่ก็ต้องเช็คสต๊อกกับทางเมืองนอกด้วยว่ามีของหรือเปล่า แต่ก็....”

“ทำไมคุณถึงมี “แต่” เยอะจัง”

คราวนี้เขาหัวเราะหึๆ ปลายดาวเลยค้อนขวับเข้าให้

“ความจริงฉันชอบวอลล์ฯแบบกระดาษมากกว่านะ แต่มันขาดง่ายแล้วก็ติดได้ครั้งเดียว แต่ถ้าเป็นไวนีลยังสามารถแกะมาใช้ได้ใหม่ แต่ถึงจะแกะได้ ฉันว่าก็คงไม่มีใครเอามาใช้ซ้ำอีกหรอก อ้อ! ม้วนหนึ่งจะกว้างห้าสิบเซ็นต์ ยาวสิบเมตร คิดเป็นห้าตารางเมตร ไม่รับเปลี่ยน ไม่รับคืน”

“อันนั้นผมรู้แล้ว”

“รู้แล้วจะถามฉันทำไมคะ อย่าบอกนะว่าที่คุณมานี่แค่ตั้งใจจะมากวนประสาทฉันเล่นๆ”

“เปล่า” เขาอมยิ้มจนแก้มป่อง “มีใครเคยบอกคุณมั้ย ว่าบางครั้งคนเราก็ทำสักอย่างอะไรโดยไม่มีเหตุผลได้เหมือนกัน”

“ก็มีแต่คนปัญญาอ่อนเท่านั้นแหละ”

ปลายดาวตอบเสียงดังฟังชัด แต่มันก็อยู่แค่ในใจเท่านั้น เมื่อชายหนุ่มยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาพร้อมแววตาครุ่นคิด ก็ดูออกว่าเวลานี้เรื่องวอลล์เปเปอร์นั่นไม่ได้อยู่ในความสนใจเขาอีกต่อไป เขาคงตั้งใจมากวนประสาทเธอจริงๆนั่นแหละ

“ขอโทษทีนะ พอดีผมมีนัด เย็นนี้คุณช่วยเอาเล่มตัวอย่างพวกนี้ไปให้ฝนที่ร้านหน่อยได้มั้ย”

“แล้วคุณเสียเวลามาแต่แรกทำไม โทรมาบอกแต่แรกก็หมดเรื่อง”

“คุณมีปัญหากับลูกค้าแบบนี้เสมอรึ” เขาถามเธอยิ้มๆ พร้อมสบตาอย่างท้าทาย “ผมอยากรู้แค่ว่าคุณจะเอาไปให้ผมที่ร้านได้มั้ย?”

“งั้นก็ขอนามบัตรด้วย” ปลายดาวถอนใจ นึกเหน็ดเหนื่อยที่ต่อปากต่อคำด้วย “ฉันจะบอกฝ่ายขายให้เขาไปส่งให้ละกัน”

“คุณไปเองไม่ได้รึ”

“มันไม่ใช่หน้าที่ฉัน แต่ถึงใช่...ฉันก็ไม่ว่างเสียด้วย”

“ว่างครับ ว่าง...”
วรนนท์แทรกเสียงเข้ามาได้ถูกที่ถูกเวลามากจนปลายดาวอยากจะเหวี่ยงกำปั้นไปที่ปากเขาสักทีหนึ่งให้หายแค้น

“เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าปฏิเสธลูกค้าแบบนี้” เขาหันมาดุปลายดาวซะอย่างนั้น “คุณเต้ฮะ ไม่ต้องห่วงนะฮะ เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะขับรถพาปลายดาวไปที่ร้านเอง”

คุณเตชิตพยักหน้าพอใจ นายหนอนยิ้มรับหน้าบาน ส่วนปลายดาวได้แต่กัดปากตัวเองอย่างอึดอัดขัดใจเป็นที่สุด

เจ๋อ...มันซะทุกเรื่องจริงๆหมอนี่!

วรนนท์แจ้นอาสาพาเธอไปที่ร้าน “เรนนี่ เค้ก แอนด์ บิสโทร” ตามที่พูดจริงๆ แว่บแรกที่ไปถึงปลายดาวแอบดีใจที่ไม่เห็นรถของคุณเต้จอดอยู่ เดาว่าเขาคงไม่อยู่ที่ร้าน หรือไม่ก็คงยังมาไม่ถึง ทว่าดีใจได้ไม่ถึงห้านาที “โจทก์” ของเธอก็มาถึงในสภาพไม่ต่างจากเมื่อเช้า มีเพียงแค่ท่าทีที่ดูอิดโรยไปหน่อยเท่านั้น

วงสนทนาที่เคยมีอยู่สาม กลายเป็นสี่ เมื่อนายหนอนสาระแนเชื้อเชิญคุณเต้มานั่งด้วยกันราวกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง ปลายดาวทำท่าทีให้เขารู้ว่าเธออึดอัดและทำทีเป็นขออนุญาตไปรอที่รถ หากเท้าของเธอก็ถูกสกัดไว้ด้วยเท้าข้างหนึ่งของวรนนท์จนได้

“อ้าว! เต้มาแล้วเหรอ ทานอะไรมาหรือยัง วันนี้ฝนมีเมนูเด็ดสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ทานคู่กับหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีส แล้วก็ซุปเห็ดด้วย เพิ่งทำให้คุณนนท์กับคุณปลายดาวเมื่อกี้นี้เอง สนใจมั้ยจ๊ะ”

คุณฝนเอ่ยถามยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียงไพเราะหวานหู ดวงตาเป็นประกายหวานล้ำ มิน่าล่ะ...อีหนอนถึงได้หัวทิ่มหัวตำ ขนาดนี้ หวังว่าคงจะไม่เกิดศึกชิงนางเพราะรถไฟสองขบวนมาชนกันดังโครมเข้าให้แบบนี้หรอกนะ

“น่าสนใจ แต่เต้เรียบร้อยมาแล้ว ขอกาแฟลาเต้หอมๆให้เต้ถ้วยเดียวก็พอ”

“ได้” หล่อนพยักหน้า ก่อนจะหันมาถามเผื่อแขกทั้งสองที่นั่งอยู่ก่อน “คุณนนท์กับคุณปลายดาวจะรับเครื่องดื่มอะไรเพิ่มด้วยมั้ยคะ”

“คุณฝนเรียกดาว ว่าดาวเฉยๆก็ได้ค่ะ จะได้ดูเป็นคนกันเองหน่อย เรียกคุณปลายดาวแบบนี้มันดูเป็นทางการเกินไป”

“แล้วผมล่ะ” คุณเตชิตแทรกขึ้นบ้าง “ผมเรียกคุณว่าดาวเฉยๆด้วยได้หรือเปล่า”

“คนไม่สนิทกัน...เรียกว่าปลายดาวดีกว่าค่ะ ดูเป็นทางการดี หรือคุณจะเรียกทั้งชื่อและนามสกุลฉันเลยก็ได้ ไม่ถือ ปลายดาว รัตนดารากร!”

หญิงสาวกระแทกเสียงตอบ ไม่สนใจกับแววตากรุ้มกริ่มนั่นอีก

หลังจากส่งมอบเล่มตัวอย่างวอลล์เปเปอร์และอธิบายข้อมูลคร่าวๆให้คุณฝนทราบแล้ว ปลายดาวก็เทความสนใจทั้งหมดไปกับอาหารตรงหน้าทั้งๆที่ตัวเองยังไม่หิวสักเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยก็คงยังดีกว่าการเข้าไปมีส่วนร่วมกับบทสนทนาที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับตัวเองเท่าไหร่นัก ปล่อยให้นายหนอนสวมมาดพระเอกทำคะแนนต่อหน้าหญิงสาวและแซงหน้าคู่แข่งของเขาต่อไปตามลำพังดีกว่า

ทว่าแม้จะไม่อยากมีส่วนร่วมด้วยเท่าไหร่ กระนั้นเธอก็ไม่อาจหลุดรอดไปได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อจู่ๆขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับอาหารคาวจานสุดท้าย แล้วกำลังจะสั่งบลูเบอรี่ ชีสเค้ก เป็นการตบท้ายนายหนอนก็เบรกเธอไว้

“กินของหวานอีกเหรอ จะนอนแล้วนะ เดี๋ยวก็อ้วนตายหรอก”

“กินคาวไม่กินหวาน สันดานไพร่”

“หยาบคาย เป็นสาวเป็นนาง พูดออกมาได้ อายคนอื่นเขามั่งเหอะ” เขาบิดเนื้อแขนเธอเบาๆ

“อ้าว! ก็คุณยายฉันบอกไว้ เธอก็เคยได้ยินนี่ หยาบคายอะไรกัน เขาพูดกันมาตาปีตาชาติ”

“เออๆ จะกินอะไรก็ตามใจ แล้วตกลงเรื่องที่คุยค้างกันไว้ เธอว่าไง”

“เรื่องอะไรล่ะ”

ปลายดาวตาลีตาเหลือก เธอไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าทั้งหมดพูดกันเรื่องอะไรบ้าง แล้วเธอจะไปจับใจความได้อย่างไร ที่สำคัญ...มันเกี่ยวข้องกับเธอตรงไหนนี่สิ

“ก็ที่อาทิตย์หน้าคุณฝนเขาชวนไปเที่ยวเกาะเกร็ดด้วยไงล่ะ”

“ก็ไปสิ ไม่เห็นต้องมาขออนุญาตฉันนิ”

“ฉันไม่ได้ขออนุญาตเธอ แต่คุณฝนเขาชวนเธอไปด้วย!” เขาพูดเสียงเข้ม หมายจะเตือนสติเธอไปด้วยในที

“โหย...เกาะเกร็ดร้อนจะตาย แล้วฉันก็ไปมาเป็นสิบรอบจนจะรู้จักกับทุกร้านในนั้นอยู่แล้ว ฉันขอตัวดีกว่า เชิญเธอตามสบายเหอะ”

“ก็เธอออกจะเจนจัดแถวนั้น...มันจะมีใครเหมาะสมจะเป็นไกด์เท่าเธอมั้ยล่ะ”

วรนนท์จ้องเธอตาไม่กระพริบ หมายจะให้เธอรู้ตัวไปด้วยในที ว่านี่ไม่ใช่การเที่ยวเกาะเกร็ดธรรมดาๆ หากแต่มันเป็นโอกาสที่เขาจะได้ใกล้ชิดกับคุณฝน...แล้วเธอก็มีหน้าที่ต้องไปเป็นกันชนให้เขา ถ้าหากว่าจะมีใครอีกคนร่วมเดินทางไปด้วย ทว่าปลายดาวก็ทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนเสียอย่างนั้น

“ไม่ค่อยว่างอ่ะ”

“ถ้าคุณดาวไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฝนเกรงใจ”

หญิงสาวเจ้าของดวงหน้าอ่อนหวานและแววตาเป็นประกายเชื่อมอบอุ่นเอ่ยออกมาอย่างกริ่งเกรงใจ แต่นายหนอนก็รีบเสนอหน้าอีกตามเคย

“สะดวกฮะ สะดวก แหม...เพื่อนคุณฝนมาทั้งทีจะปล่อยให้ไปเที่ยวกันตามลำพังได้ไง ยังไงก็ต้องขออาสาเป็นเจ้าบ้านที่ดีหน่อยล่ะฮะ ว่ายังไงดาว เพื่อนคุณฝนเขาอุตส่าห์เดินทางไกลข้ามน้ำข้ามทะเลมาทั้งที เธอจะใจดำได้ลงคอเชียวเรอะ”

“แล้ว...มีใครไปมั่ง”

เธอถามเสียงอ่อย ไม่พยายามแสดงในสิ่งที่กำลังกังวลถึง

“ก็มีเพื่อนๆฝนน่ะค่ะ เรียนมาด้วยกันตั้งแต่อยู่ไฮสกูล ใจจริงแล้วฝนเองก็อยากจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน แต่ก็เกรงใจเพื่อนๆ เพราะเขานัดล่วงหน้ากันมาตั้งหลายเดือนแล้ว เพื่อนที่ UBC น่ะค่ะ”

“หา!...เพื่อนจาก UBC? มาจากบ้านเอเอฟกันทั้งนั้นเลยเรอะ”

หญิงสาวโพล่งขึ้นมาอย่างลืมตัว เพราะคิดว่าเป็นยูบีซี อะคาเดมี แฟนเทเชีย(ตามประสาคนบ้าดารา) แหม...มีดาราคนล่าฝันตัวเป็นๆมาให้เจอ ใครล่ะจะไม่ตื่นเต้น

นายหนอนหัวเราะ ก่อนจะเอื้อมมือมาบิดเนื้อแขนเธออีกครั้งอย่างหมั่นไส้

“บ้า! UBC University of British Columbia ที่แคนาดานั่นต่างหาก”

“แล้วฉันจะไปรู้เรอะ ไม่เคยไปอยู่แคนาดาซักหน่อย...ว่าแต่...มีแค่นี้จริงๆเหรอคะ”

“ค่ะ เพื่อนๆฝนก็ประมาณห้าหกคน แล้วก็มีฝน กับคุณนนท์คุณดาว...ถ้าคุณดาวสะดวกนะคะ ส่วนเต้...รอให้เขาคิวว่างจากสาวๆก่อนก็คงมาได้”

ปลายดาวคิดว่าเธอมองเห็นความน้อยใจฉายออกมาจากดวงตาคู่นั้น แต่มันก็เพียงแค่แป๊บเดียวเพราะเมื่อชายหนุ่มชื่อเต้หัวเราะแก้เก้อออกมา เธอก็ไม่เห็นสายตาอย่างที่ว่านั้นอีก

“เกินไปแล้วฝน...พูดงี้เต้เสียหายนะ”

เสียงหัวเราะของเขาดูอบอุ่น แต่มันจะเข้าไปอุ่นอยู่ในหัวใจใครบ้างนั่นก็ยังน่าสงสัย แต่อย่างไรก็เถอะเสียงหัวเราะของเขาก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าคำตอบที่เธออยากได้ยิน เพราะเมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้ไปด้วย ปลายดาวก็แอบถอนใจออกมาอย่างโล่งอก

“ถ้าไม่ติดอะไรด่วน ดาวคิดว่าก็คงไปได้ค่ะ เข้าใจดาวนะคะ...คนหน้าตาดีก็งี้ ไม่ค่อยจะว่างกับเขา”

ปลายดาวทำเป็นถอนหายใจออกมา ส่วนนายหนอนก็ได้แต่หัวเราะหึๆให้กับลีลาของคนท่ามาก ที่แม้ว่าเพื่อนรักจะมีท่าทีอิดออด แต่ปลายดาวก็ไม่ใช่คนไร้น้ำใจ เขารู้จักเธอดี

หลังจากเล่นตัวพอเป็นพิธี ปลายดาวก็ยอมร่วมทางไปกับเพื่อนชาวต่างชาติของคุณฝนจนได้ในที่สุด

วรนนท์รับปากว่าจะมารับเธอในตอนเช้าราวๆเจ็ดโมงเพื่อจะไปเจอกับบรรดาเพื่อนๆของคุณฝนที่โรงแรม แล้วเมื่อทุกอย่างพรักพร้อม ทั้งหมดจะออกเดินทางจากพร้อมกันในเวลาไม่เกินแปดโมงเช้า แต่รอจนเกือบเจ็ดโมงครึ่งวรนนท์ก็ยังมาไม่ถึงทั้งที่ปกติเขาไม่เคยมาสาย แต่ถึงจะเคย...เขาก็จะโทรมาบอกล่วงหน้าเสมอ

ปลายดาวตัดสินใจเดินออกมายืนรอตรงหน้าบ้าน บริเวณนั้นมีเถาไม้เลื้อยที่ออกดอกหลากสีสะพรั่งและส่งกลิ่นหอมไปทั่ว หญิงสาวยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรตามจิกเพื่อนรักเสียหน่อย ทว่ารถคันงามที่แล่นมาจอดเทียบตรงหน้าก็ทำให้หญิงสาวเปลี่ยนใจ...บีเอ็มดับลิว ซีรี่ส์เจ็ด สีดำเงาปลาบติดฟิล์มทึบทั่วทั้งคัน!

หญิงสาวเกือบจะเปิดประตูแล้วพรวดเข้าไปอยู่แล้ว แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เธอนึกเอะใจ

“ขึ้นรถสิ รออะไรอยู่”

เป็นคุณเต้จริงๆด้วย...เดชะบุญจริงๆที่เธอไม่ผลีผลามขึ้นรถเขาไปโดยไม่ดูตาม้าตาเรือเหมือนคราวที่แล้วอีก คุณพระคุ้มครองคน(หน้าตา)ดีจริงๆด้วย ฮิฮิฮิ

เขาเปิดกระจกแล้วบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนหันรีหันขวาง เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ปลายดาวถอยเท้ากลับ ไหนคุณฝนบอกว่าเขาติดธุระไงล่ะ...แล้วเขาเหาะมาทำอะไรที่นี่

“ขึ้นมาได้แล้ว จะขึ้นหรือไม่ขึ้น!”

“ฉันไม่ไปกับคุณหรอก อย่านึกว่าฉันจะหลงกล เชิญคุณไปเหอะ”

“เขารอคุณกันอยู่ที่โรงแรมหมดแล้วนะ ยังไม่รีบขึ้นมาอีก”

“ฉันรอนายหนอนมารับ...”

ปลายดาวพูดได้เท่านั้น เขาก็เปิดประตูรถลงมาด้วยใบหน้ากึ่งอ่อนอกอ่อนใจกึ่งหงุดหงิด มือข้างหนึ่งเท้าหลังคารถ ท่าทางเหมือนจิ๊กโก๋ปากซอยไม่มีผิด

“เขาอยู่ที่โรงแรมแล้ว ถ้าไม่เชื่อ คุณก็ขึ้นไปนั่งในรถก่อน แล้วก็โทรถามเพื่อนคุณหรือจะโทรตอนนี้เลยก็ยังได้นะ ถ้าคิดว่าผมโกหก”

ไม่ต้องท้า...ฉันโทรแน่

ปลายดาวเถียงเขาอยู่ในใจ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพื่อนรัก วรนนท์หัวเราะร่วนทันทีที่รับสาย ท่าทางอารมณ์ดีสุดขีดจนน่าหมั่นไส้

“อ๋อ...ฉันกำลังจะเอารถสปอร์ตไปรับคุณฝนกับเพื่อนๆที่โรงแรม”

“รถสปอร์ต?” ปลายดาวทวนคำเพื่อนรักอย่างไม่เข้าใจ “รถสปอร์ตก็นั่งได้สองคนสิ แล้วเธอจะรับเพื่อนเขามาได้ไง”

“บ้า! รถสปอร์ตที่ไหนจะนั่งได้สองคน แบบนั้นเขาไม่เรียกรถสปอร์ตแล้วยัยบ๊อง ฉันเอารถตู้ที่บ้านไปรับพร้อมคนขับด้วย เป็นไง...แบบนี้เรียกว่าสปอร์ตพอหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่ตลก!”

หญิงสาวตอบกลับเสียงเข้มให้กับมุกตลกฝืด โดยเฉพาะเมื่อน้ำเสียงวรนนท์บ่งบอกว่ามีความสุขเสียเต็มประดาแบบนั้น ก็ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ท่าทางคะแนนเขาจะนำโด่งคุณเต้นี่ไปแล้ว แต่ว่าเขาลืมเธอไปหรือเปล่านี่สิ...

“ไม่ได้ลืม ก็แค่ไหว้วานคุณเต้ไปรับเธอให้หน่อย เขาต้องผ่านทางนั้นพอดี แล้วเขาก็ไม่ขัดข้อง ถือว่าเป็นโชคดีของฉันแล้วกัน”

“โชคดีของเธองั้นรึ โชคร้ายของฉันน่ะสิไม่ว่า”

“เอาน่า...ไหนๆก็มีโอกาสใกล้ชิดเขาทั้งที ทำตัวให้เป็นประโยชน์ด้วย แล้วอย่าไปกวงซ่งติงเขาเข้าล่ะ โอเคนะ แล้วเจอกันที่โรงแรม”

ปลายดาวปิดโทรศัพท์ แล้วก้าวเข้าไปนั่งรถอย่างไม่มีทางเลือก วันนี้เริ่มต้นได้น่าประทับใจชะมัด ทริปเกาะเกร็ดวันนี้ที่เหลือ คงจะยิ่งมันระเบิดระเบ้อติดตราตรึงใจไปเลยทีเดียว ฮึ!

“คาดเบลท์ด้วยนะ”

เขาสั่งยิ้มๆ แต่ก็กลับเป็นฝ่ายหันมาดึงเข็มขัดนิรภัยลงมาคาดให้เธอเสียเอง เวลานี้ใบหน้าเขาอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงสองนิ้ว อย่างยอมรับ...ปลายดาวรู้สึกว่ากลิ่นเหงื่อยามเช้าบวกกับกลิ่นอ่อนๆของน้ำหอมผู้ชายแบบนี้มันทำให้เขาดูเซ็กซี่ขึ้นอีกเป็นกอง หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะลอบมองใบหน้าเขาอีกครั้ง แม้ในยามเคร่งขรึมแต่เสี้ยวหน้าของเขาก็ยังดูหล่อจัด โดยเฉพาะจมูกโด่งเป็นสันที่รับกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น...ทว่าด้วยเหตุผลส่วนตัวลึกๆก็ไม่อาจทำให้เสน่ห์ของเขาดึงดูดใจเธอได้มากกว่านี้ ในเมื่อสำหรับเธอแล้ว เขาก็ยังคงเป็นเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของคำว่า “หล่อ...แต่นิสัยแย่โคตรๆ” อยู่ดี

“ที่จริงถ้านายหนอนไม่สะดวก ก็น่าจะบอกกัน ฉันไปแท็กซี่ก็ได้”

“ก็คิดเสียว่าผมเป็นแท็กซี่ก็ได้นี่ ถึงโรงแรมเมื่อไหร่คุณก็จ่ายค่าโดยสารมา แต่ผมไม่รับเป็นเงินนะ”

“นี่คุณอย่ามารุ่มร่ามนะ!”

หญิงสาวสบถเบาๆ แต่ก็อดรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้าไม่ได้เมื่อภาพเหตุการณ์วันก่อนย้อนเข้ามาในภวังค์อีกรอบ เธออุตส่าห์ลืมมันไปแล้วเชียวนะ ไม่รู้ว่าเขาจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาทำไมอีก ก็ได้แต่หวังว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย และวันนี้คงจะไม่มีเรื่องร้ายๆผ่านเข้ามาให้เธอปวดหัวอีกหรอกนะ

“ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย คิดไปเองหรือเปล่า ลามกนะเรา” เขาหัวเราะหึๆ

“นี่ฉันถามจริง...คุณโกรธฉันเรื่องอะไรคะ แล้วมีความสุขมากเหรอคะกับการได้กวนประสาทฉัน หรือว่าโดนเพื่อนฉันฉกคุณฝนไปได้ เลยเสียศูนย์จนถึงกับประสาทหลอน ต้องมาคอยหาเรื่องฉัน แต่ความจริงเรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยวนะ บอกไว้ก่อน”

“ทำไมถึงคิดว่าคุณไม่เกี่ยว”

“อ้าว! หัวใจใครก็หัวใจใครสิ นายหนอนเขามีสิทธิ์จะชอบใคร เหมือนที่คุณฝนจะชอบใครก็ได้เหมือนกัน คุณบังคับหัวใจใครได้ด้วยรึ”

“ทำเป็นกูรู...อย่ามานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าให้เห็นก็แล้วกัน”

“คุณท่าจะเป็นเอามาก ฉันบอกแล้วเราเป็นแค่เพื่อนกัน เรื่องอะไรจะต้องไปน้ำตาเช็ดหัวเข่าเพราะหมอนั่นด้วย”

“จะให้ผมเชื่อจริงๆหรือ ว่าคุณสองคนเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ”

“ท่าทางฉันสวีทกันมากหรือไงคะ” เธอประชดแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง “จะบอกอะไรให้นะ สำหรับฉันแล้วผู้ชายเจ้าชู้อย่างนายหนอน จะเป็นคนสุดท้ายที่ฉันจะพิจารณาในโลกนี้ แล้วต่อให้โลกนี้เหลือเขาเป็นผู้ชายคนสุดท้ายจริงๆ ฉันว่าฉันยังต้องขอคิดดูก่อนเลย”

“แล้วถ้าเป็นผมล่ะ...ถ้าผมเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่เหลือบนโลก”

“งั้นไม่ต้องคิด...ฉันก็คงยอมเป็นเลสเบี้ยนเท่านั้นแหละ!”

คราวนี้เขาหัวเราะพรืดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็ยอมเลิกต่อล้อต่อเถียงแต่โดยดี และเร่งความเร็วไปตามถนนที่ค่อนข้างร้างไร้ยวดยานในเช้าวันหยุด ทว่าผ่านมาได้ครู่เดียวเมื่อเธอทำท่าจะหลับตาลง เขาก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียอีก

“คุณเกลียดผมมากหรือเปล่าดาว”

“แล้วคุณชอบขี้หน้าฉันงั้นซี...” เธอทำเสียงหึในลำคอ “รู้คำตอบอยู่แล้ว คุณจะถามฉันทำไม ทำร้ายตัวเองทำไมคะ”
“ผมก็แค่อยากรู้...เราต้องร่วมทางกัน อย่างน้อยก็จากนี่ไปถึงโรงแรม...”

“ปกติฉันไม่ค่อยทำร้ายจิตใจใครหรอก แต่ในเมื่อคุณถามมาฉันก็จะจัดให้...ความจริงฉันไม่ได้อยากไปเกาะเกร็ด แต่ที่ยอมอาสาเป็นไกด์พาเพื่อนคุณฝนไปเที่ยว ก็เพราะเห็นแก่คุณฝน และเพื่อนรักฉันอุตส่าห์ขอร้อง แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั่นก็เพราะว่าคุณไม่ได้ไปด้วย...ไม่งั้นแล้วฉันก็คงไม่มีทางยอมแน่...แบบนี้เรียกว่าอะไร คุณไปคิดเอาเองก็แล้วกัน”

หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบอย่างผู้ชนะ และคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าและแววตาสลดจากเขา แต่ก็แปลก...ที่เขาไม่เพียงแต่จะมีท่าทีสลดกับคำตัดรอนรุนแรงนั้น หากแต่ยังมีแก่ใจส่งรอยยิ้มยั่วมาให้เธออีกด้วย

“ยิ้มอะไร อย่ามาคิดทะลึ่งนะ”

“เปล่าทะลึ่งสักหน่อย” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ริมฝีปาก “แค่จะบอกว่า งั้นคุณก็ต้องอดทนหน่อยล่ะ เพราะผมตัดสินใจแล้ว ก็คงไม่เปลี่ยนใจเหมือนกัน”

“หมายความว่าไง ตัดสินใจเรื่องอะไร แล้วเปลี่ยนใจเรื่องอะไร”

“ก็หมายความว่าพอดีผมเคลียร์งานได้น่ะสิ ก็เลยว่างพอจะไปเที่ยวเกาะเกร็ดด้วย...นี่ยังไม่มีใครบอกคุณอีกหรือ?”




สิริเสาวภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ต.ค. 2554, 13:25:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2554, 13:25:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 2127





<< ตอนที่ 4 <<สวรรค์เบี่ยง(เบน)! >>   ตอนที่ 6 << แล้วผมจะเปลี่ยนใจคุณเอง >> >>
pseudolife 5 ต.ค. 2554, 14:51:40 น.
ฮ่าๆ นายหนอนนี่ไม่ใช่แค่'หัวปักหัวปำ'แต่'หัวทิ่มหัวตำเลยทีเดียว'
ไม่ว่าจะอะไรที่ทำคะแนนกับคุณฝนได้นี่จัดให้หมด
จนบางครั้งดูเหมือนตั้งใจเอาปลายดาวใส่พานให้คุณเต้เลยทีเดียว
คุณเต้ก็ยังไงๆ อยู่น้อชอบกวนปลายดาวเสียจริง
คู่หลังนี่น่ารักมากๆ ค่ะ รออ่านตอนต่อไปจ้า


anOO 5 ต.ค. 2554, 15:24:38 น.
ลักษณะการคุยของดาวกับนายหนอน
เหมือนคุยกับเพื่อนสาวเลยอ่ะ


Auuuu 5 ต.ค. 2554, 21:17:02 น.
ฮ่าๆๆๆ นางเอกแร๊งงงได้ใจจริงๆเอิ๊กๆๆ


violette 6 ต.ค. 2554, 01:11:30 น.
เอ่อ นายหนอนนี่เอาเพื่อนไปยกให้ศัตรูจริงจังมาก
คุณฝนท่าจะแอบชอบนายเต้นะเนี่ย


สิริเสาวภา 6 ต.ค. 2554, 21:49:59 น.
@ คุณ pseudolie : ขอบอกว่า "นายหนอน" ตัวจริง(ในชีวิตจริง) แร๊งส์กว่านี้อีกค่า อิอิ
@ คุณ anOO : 555
@ คุณ Auuuu : ก็เพราะอยู่แต่กับคนแร้งส์ๆ นางเอกของเราเลยต้องแรงกว่าไง ^^
@ คุณ violette : โปรดติดตามตอนต่อไปค่าาาาาาา ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account