สเน่หานางรำ
เธอทำให้เขาร้อน...อยากได้อยากครอบครอง แค่เห็นเธอร่ายรำ นิโคไล กาซิยาส ก็ปราถนาจินตนาการไปว่าถ้าได้นางรำแสนสวยคนนั้นมามาร่ายรำบิดเร้าอยู่ใต้ร่างเขามันจะวิเศษแค่ไหน
(เรื่องนี้มีแค่ความเร้าร้อน....ร้อน...และร้อน เพราะฉะนั้น 20++ ฮับ) >___< (รอตีพิมพ์กับ สนพ.สื่อวรรณกรรม ค่ะ)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 3 (50% หลัง)



“ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือน้ำค้าง เด็ก ๆ มันบอกพ่อว่าน้ำถูกลูกค้าลากตัวออกไป ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อคืนพ่อก็เห็นหนูปิดไฟนอนไปแล้ว ”

หนานคำถามลูกสาวด้วยความสงสัยหลังจากที่เมื่อคืนได้ฟังจากพนักงานในร้านว่า ลูกสาวของเขาถูกหนุ่มต่างชาติตัวโตลากออกไปขณะที่กำลังยืนให้เหล่าลูกค้าถ่ายรูปด้วยที่หน้าร้าน ตอนที่ได้ยินครั้งแรกหนานคำรู้สึกตกใจไม่น้อย รีบโทรศัพท์หาลูกสาวหากคนึงนิจกลับไม่รับ ในใจชายชราคิดไปต่าง ๆ นานา เพราะตอนนั้นเวลาก็ล่วงเลยไปจากตอนที่เกิดเหตุการณ์นับชั่วโมงแล้ว เพราะหนานคำต้องอยู่เคลียร์ค่าจ้างให้เหล่าพนักงานในร้านจึงไม่ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอรีบกลับมาที่บ้านแล้วก็โล่งใจเมื่อเปิดประตูห้องนอนของลูกสาวเข้าไปแล้วเห็นว่าคนึงนิจนอนหลับอยู่บนเตียง

“ก็...ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะพ่อ เมื่อคืนพอดีคุณคนนั้นเขา เอ่อ ทำของตกไว้ในร้านน่ะจ๊ะ เลยร้อนใจให้น้ำช่วยหา พอช่วยหาของให้เขาเสร็จน้ำก็กลับบ้านเลยไม่ได้รอกลับพร้อมพ่อเพราะวันนี้มีสอนรำไทยแต่เช้าน่ะจ๊ะ...นี่น้ำก็ว่าจะออกไปเลย พ่อกินข้าวคนเดียวนะจ๊ะเช้านี้”

คนึงนิจหาคำพูดมาตอบบิดาตะกุกตะกัก พลางก้มหน้าสบสายตา ใช้ข้ออ้างเรื่องที่ต้องไปสอนรำไทยที่สถาบันนาฏศิลป์แห่งหนึ่งขึ้นมาพูดพร้อมกับเอ่ยขอตัว เพราะกลัวว่าถ้ายังอยู่ให้บิดาซักต่อไปอาจจะเผลอแสดงพิรุจอะไรออกมา...มันเป็นเรื่องน่าอาย เธอจะไม่มีวันให้บิดาได้รับรู้เรื่องราวอดสูที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองเด็ดขาด

“ไปเถอะลูกไม่ต้องห่วงพ่อหรอก แต่น้ำค้าง ตอนกลางคืนหลังรำเสร็จพ่อไม่อยากให้หนูเดินกลับบ้านคนเดียวเลย ถึงจะอยู่ไม่ไกลจากร้านแต่ทางเดินมันก็ค่อนข้างมืด พ่อเป็นห่วง วันดีคืนดีพวกลูกค้าหนุ่ม ๆ แก่ ๆ ที่มาติดพันลูกสาวพ่อมันคิดไม่ดีขึ้นมา จะลำบาก ต่อไปนี้ถ้าอยากจะกลับก่อนก็ให้เด็กในร้านสักคนเดินมาส่งนะลูกนะ”

หนานคำบอกอย่างเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าบุตรสาวของตนนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยงามมากแค่ไหน หลายครั้งที่บรรดาลูกค้าทั้งหนุ่มทั้งแก่จะแวะเวียนหาทางมาข้องเกี่ยว บางคนยังถึงกับยื่นข้อเสนอโดยคิดว่าผู้หญิงที่เต้นกินรำกินคงจะซื้อตัวได้ง่าย นั่นทำให้คนเป็นพ่ออย่างหนานคำเป็นห่วง กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายเข้าสักวัน

“จ๊ะพ่อ งั้นน้ำขอตัวไปทำงานก่อนนะจ๊ะ” คนึงนิจรับคำบิดาเผ่วเบา จะบอกท่านได้ยังไงว่าสิ่งที่ท่านเป็นห่วงนั้นได้เกิดขึ้นกับเธอแล้ว ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่มีราคีคาวที่ไม่เหมาะสมไม่มีค่าควรกับผู้ชายคนไหนอีกแล้ว

++++++++++

ทำยังไงเขาถึงจะลืมกลิ่นกายและความหอมหวานของผู้หญิงปากร้ายซาดิสซ์นั่นได้สักทีนะ

นิโคไลที่ยืนพิงกรอบหน้าต่างห้องนั่งเล่นภายให้ห้องชุดของเสื่อนสนิทสบถด่าทอตัวเองในใจ เมื่อคอยแต่จะเหม่อลอยและคิดถึงเรือนร่างงดงามหอมหวานของผู้หญิงที่พูดจาและมีทำท่าทางรังเกียจเขาอยู่ทุกนาที ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว แทนที่เขาจะลืมเลือนเธอไปเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เคยมีสัมพันธ์ด้วยที่แค่เพียงข้ามคืนเขาก็จดจำหน้าตาและชื่อของพวกหล่อนไม่ได้แล้ว หากแต่ครั้งนี้ยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็ยิ่งทุรนทุราย เหมือนคนลงแดงเมื่อไม่ได้เสพสารเสพติด ขนาดถูกเธอทำร้ายร่างกายจนเกือบเป็นหมันเขาก็ยังคงเอาแต่ฝันละเมอเพ้อพกถึงเรือนร่างงดงามที่บิดเร้าส่ายไปมาพร้อมเสียงครวญครางอยู่ทุกค่ำคืน

“คิดถึงลูกแมวเหมียวที่ฝากรอยเล็บทั้งห้าไว้บนหน้าอยู่หรือวะนิค” เสียงทักกลั้วหัวเราะของพีรพัทรยิ่งทำให้นิโคไลหงุดหงิด

“ถ้าแกยังไม่หยุดพูดนะไอ้แพท ฉันจะทำให้ปากแกพูดไม่ได้ไปสักเดือน” ยกมือขึ้นชี้หน้าเพื่อนพร้อมคำขู่เมื่อได้ยินคำพูดแทงใจ หากแต่พีรพัทรก็แค่ยักไหล่

“ถ้าแกทำอย่างนั้น ก็อดรู้ความคืบหน้าแผนการที่ให้ฉันไปทำน่ะสิ หรือไม่อยากจะได้ลูกแมวเหมียวแล้ว งั้นฉันขอเซ้งต่อนะ”

“ไอ้แพท!! ถ้าขืนแกพูดแบบเมื่อกี้อีกครั้งเดียวนะ...”

“โอเค ๆ รู้เพื่อนรู้ว่า...หวง” ยังไม่วายหยอด หากแต่ก็เตรียมท่าหลบหากเพื่อนสนิทกระโจนเข้าใส่

“ว่ามา!! อย่ามัวลีลาท่ามาก มีอะไรก็พูดมาให้หมด”

“ฮ่าๆๆ ความหอมหวานของลูกแมวเหมียวมันทำให้ลงแดงจนอดใจไม่ไหวแล้วใช่มั๊ย” พีรพัทรหัวเราะขึ้นมาดังลั่นเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าโหดหากใบหูกลับแดงก่ำเมื่อเขาพูดอย่างรู้ทัน ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นสัญณานว่ายอมแพ้เมื่อเห็นนิโคไลยกเท้าขึ้นเตรียมจะเตะจริง ๆ “โอเค ๆ ไม่เล่นแล้ว มาเข้าเรื่องแล้วปฏิบัติการต่อกันได้แล้ว”

จากนั้นพีรพัทรก็รายงานความคืบหน้าของแผนการให้เจ้าของแผนการได้รู้ นิโคไลพยักหน้าตามอย่างพึงใจเมื่อทุกอย่างเป็นอย่างที่เขาต้องการ

“ตอนนี้ฉันให้ทางธนาคารส่งใบเร่งรัดหนี้สินไปให้ทางนั้นแล้ว แล้วทีนี้แกจะเอายังไงต่อ จัดการเรื่องนั้นต่อเลยไหม” พีรพัทรสรุปและเอ่ยถามปิดท้าย

“เรื่องนั้นระงับไว้ก่อน รออีกสักพัก ฉันยังไม่อยากใช้วิธีรุนแรงขนาดนั้น...เดี๋ยวแกขับรถให้หน่อยสิแพท” เมื่อรับฟังทุกอย่างจนจบ นิโคไลขยับตัว หันไปเอ่ยกับเพื่อนสนิทก่อนจะก้าวเดินไปที่ประตู

“จะไปไหนวะ ฉันเพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ ขออาบน้ำให้หายร้อนก่อนได้มั๊ย” ไอ้นี่มันเห็นเขาเป็นเพื่อนหรือคนรับใช้ส่วนตัวของมันกันแน่วะ ใช้เอา ๆ พีรพัทรต่อว่าเพื่อนรักในใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำตามคำสั่งของเพื่อนรักอยู่ดี

“ยังไม่ต้องอาบ ขับรถไปส่งฉันก่อนที่...บ้านลูกแมวของฉัน”

++++++++++

“ พ่อ!! ปล่อยนะ!! น้ำค้างจะเข้าไปช่วยพ่อ!! ”

เสียงกรีดร้องที่ดังออกมาจากกลุ่มคนที่ยืนออกันอยู่หน้าทางเข้าของร้านขันโตกคนึงนิจ พร้อมกับกลุ่มควันและเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่ด้านในทำให้ชายหนุ่มของคนที่เพิ่งจะก้าวลงจากรถหันไปมองสบตากัน ก่อนที่นิโคไลจะออกวิ่งเข้าไป เมื่อเห็นร่างบางที่กำลังดิ้นรนออกจากการเกาะกุมของชายหญิงคู่หนึ่ง

“เกิดอะไรขึ้น!! “ นิโคไลถามเสียงดังแข่งเสียงอื่น ๆ ที่ดังแซงแซ่อยู่รอบตัว พร้อมกับดึงร่างบางของคนึงนิจเข้าสู่อ้อมกอด “เป็นอะไรน้ำ เกิดอะไรขึ้น” เขาเรียกหญิงสาวด้วยชื่อพยางค์เดียวที่ตัวเองออกเสียงได้ชัดเจนที่สุด พลางเขย่าเรียกสติหญิงสาวที่ร่ำไห้ยื่นไม้ยื่นมืนไขว่คว้าไปทางประตูหน้าร้านที่มีพนักงานดับเพลิงกำลังฉีดละอองน้ำเข้าไปดับเปลวเพลิงที่โหมกระพืออยู่

คนึงนิจเงยหน้ามองคนที่เขย่าเธอจนหัวสั่นหัวคลอน นัยน์ตาคู่หวานฉายแววตกใจเพียงคู่ก่อนจะละล่ำละลักบอกเขาทั้งน้ำตา

“ปล่อยฉัน ได้โปรดฉันจะเข้าไปช่วยพ่อ...ฮื้อ ปล่อย!!”

“ พ่อคุณอยู่ไหน? ในนั้นเหรอ ” เขาถามอย่างพอจะเดาได้ และเมื่อใบหน้างามที่เต็มไปด้วยน้ำตาพยักหน้าตอบกลั พร้อมกับเสียงคร่ำครวญเดิม ๆ นิโคไลก็ขบกรามแน่น ชายหนุ่มส่งร่างบางของคนึงนิจให้พีรพัทรที่เดินมาหยุดยืนข้าง ๆ เอ่ยสั่งเพื่อนเสียงหนักแน่น

“จับน้ำไว้นะแพท อย่าปล่อยเป็นอันขาด เข้าใจใช่ไหม ห้ามปล่อยน้ำเด็ดขาด!!”

“แกจะทำอะไรนิค” พีรพัทรถามกลับก่อนจะรีบเอ่ยห้ามเมื่อคิดว่าเพื่อนกำลังจะทำอะไร “อย่าทำบ้า ๆ นะไอ้นิค อยู่นี่แหละเดี๋ยวดับเพลิงเขาจัดการเอง ไอ้นิค!! เฮ้ย!!”

พีรพัทรตะโกนเสียงดังลั่น เมื่อนิโคไลวิ่งไปที่รถดับเพลิง ใช้น้ำราดตัวเองจนเปียก พร้อมกับดึงผ้าฝ้ายสีขาวที่ทางร้านใช้กั้นตรงประตูออกมาชุบน้ำจนชุ่มพันตัวเอง ก่อนที่จะกระโจนเข้าไปข้างใน รวดเร็วเกินที่ใครจะทันได้ห้าม พีรพัทรอยากจะกระโจนตามเพื่อนรักไปด้วยความเป็นห่วง หากเสียงหนักแน่นของนิโคไลที่ทำให้ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงจับร่างบางของคนึงนิจที่หยุดดิ้นมองตามหลังร่างสูงที่วิ่งเข้าสู่เปลวเพลิงอย่างไม่กลัวเกรงด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก


ให้ตายสิ ร้อนชะมัด นิโคไลสบถพลางยกผ้าม่านที่เปียกน้ำจนชุ่มขึ้นปิดปากกั้นควันและความร้อน สายตาก็สอดส่ายหาสิ่งมีชีวิต ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเข้าไปด้านในเรื่อย ๆ แข่งกับความร้อนที่โหมเข้ามาไม่หยุด ไม่นานเขาก็เห็นร่างท้วมก็ชายสูงวัยคนหนึ่งนอนคุดคู้อยู่หน้าเวทีที่ใช้สำหรับการแสดงโชว์

นิโคไลวิ่งเข้าไปหาทันที เมื่อไปถึงก็เห็นว่าชายสูงวัยกำลังสำลักควันไฟหน้าตาแดงก่ำ เขารีบสะลัดผ้าม่านที่ห่อหุ้มตัวอยู่ออกคลุมให้พร้อมกับใช้ชายผ้าม่านส่วนหนึ่งยกขึ้นปิดปากให้...ดวงตาที่หรี่ปรือเพราะความแสบจากควันไปของชายสูงวัยลืมขึ้น เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นที่กระทบใบหน้า

“เดี๋ยวผมจะพาคุณออกไปข้างนอก แต่เราคงออกไปทางด้านหน้าไปได้แล้วเพราะไฟลุกท่วมปิดทางเข้าออกหมดแล้ว คุณรู้ทางออกทางอื่นหรือเปล่า” นิโคไลตวัดแขนอุ้มร่างท้วมออกเดินแกมวิ่งไปด้านที่เปลวเพลิงยังไม่แรงนัก ปากก็พูดช้า ๆ ชัด ๆ ที่ละคำ หวังให้อีกฝ่ายฟังภาษาอังกฤษเข้าใจ แล้วก็แทบจะถอนหลายใจออกมาแรง ๆ เมื่ออีกฝ่ายตอบรับ

“รู้ ๆ ไปทางนั้น” หนานคำพยักหน้าพร้อมกับตอบเสียงดังที่สุดที่จะสามารถได้เพราะตอนนี้เขารู้สึกแสบคอจนเสียงแหบแห้งไปหมด อาศัยให้มื้อชี้บอกทางไปด้วย

จนในที่สุดร่างสูงใหญ่ของนิโคไลที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อไคลและเปื้อนเศษหินเศษดินก็เดินโซซัดโซเซออกมาจากพุ่มไม้ทางด้านข้างที่เปลวเพลิงเริ่มมอดลงจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง

“พ่อ!! “ คนึงนิจสะบัดตัวออกจากการจับกุมของพีรพัทรทันทีที่เห็นร่างสูงอุ้มร่างท้วมของบิดาเดินออกมา พีรพัทรเองก็ไม่คิดจะดึงดันจับไว้อีก เขาวิ่งตามคนึงนิจไปในทิศทางเดียวกัน

“ไอ้เวร ไอ้นิค แกทำบ้าอะไรวะ อยากเป็นพระเอกนักหรือไงถึงได้กระโจนเข้าไปในกองเพลิงอย่างนั้น ไอ้เวรเอ้ย ไอ้...” พีรพัทรก่นด่าเป็นชุดเมื่อมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าร่งสูงของเพื่อนรักที่มีสภาพไม่ต่างจากขอทานข้างถนน

นิโคไลไม่ตอบเพื่อน หากแต่ยื่นมือไปตบไหล่พีรพัทรเท่านั้น เขารู้ว่าเพื่อนตกใจและเป็นห่วงตนเองแค่ไหน ตอนนี้เขาเองก็ตกใจระคนแปลกใจกับตัวเองไม่ต่างไปจากพีรพัทรนัก เขาไม่รู้อะไรทำให้ตัวเองตัดสินใจกระโจนเข้าไปในกองเพลิงที่เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายอย่างนั้น ณ ตอนนั้นนิโคไลรู้เพียงแต่ว่าเขาทนเห็นคนึงนิจร้องไห้ปานจะขาดใจแบบนั้นไม่ได้เท่านั้น ดวงตาสีดำรัตติกาลมองนิ่งที่ใบหน้างามที่ตอนนี้กำลังนั่งบีบนวดแขนขาให้บิดาขณะที่เจ้าหน้าที่พบาบาลกำลังดูแลอยู่ และเหมือนจะรู้ว่าเขามองใบหน้าหวานซึ้งที่ติดตรึงตาเขาตั้งแต่แรกเจอผินหน้ามามอง

คนึงนิจมองสบสายตาผู้ชายที่พร่าพรมจรรย์ของตนเองไปอย่างร้ายกาจที่สุด ผู้ชายที่เธอก่นด่าสาปส่งเขาให้ตกนรกหมกไหม้ หากแต่ตอนนี้ผู้ชายคนเดียวกันนี้กลับเป็นคนเดียวที่กล้าวิ่งเข้าสู่เปลวเพลิงเพื่อช่วยชีวิตบิดาของเธอ หญิงสาวไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น รู้แต่ตอนนี้ใจที่คิดว่าเกลียดชังเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นประทับใจ...และหวั่นไหว

ดังนั้นเมื่อร่างสูงของนิโคไลเดินเข้ามาทรุดนั่งลงใกล้ ๆ รอยยิ้มหวานจากใจของคนึงนิจก็ถูกส่งไปให้พร้อมเสียงหวานที่เอ่ยขอบคุณอย่างสุดซึ้ง

“ขอบคุณคุณมากนะคะที่ช่วยพ่อฉัน ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้พ่อกลับมาอยู่เคียงข้าง”

“ถ้าผมจะขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณ เป็นคำพูดหวาน ๆ และท่าทางเป็นมิตรจากคุณแบบนี้ตลอดไปได้หรือเปล่า” เขาขอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและเสียงนุ่มทุ้มที่พีรพัทรถึงกับทำตาโต

ไอ้นิค...มันเป็นอะไรไปวะ นี่มันไม่ใช่แค่ความอยากได้แล้วนี่หว่า หรือว่า...เสือร้ายจะมีความรักเข้าเสียแล้ว

....................................................................................................................


3/10/2011


จากครึ่งแรกมีแอบสะใจนายนิค มาครึ่งหลังเห็นความดีของหนุ่มสเปนบ้างหรือยังคะ อิอิ >___<



นายหัวอัพแล้วเน้อ....



ลัลลดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ต.ค. 2554, 00:52:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2554, 00:52:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 2159





<< ตอนที่ 3 (50%)   ตอนที่ 4 (50% แรก) >>
violette 5 ต.ค. 2554, 01:01:21 น.
ถ้ายังทำตัวดีและรู้ตัวว่ารักจริงๆก็พอจะให้อภัยได้บ้างค่ะ อิอิ

ปล.อยากเม้นท์นายหัวในเวบอินเลิฟมาก แต่เม้นท์ยากเย็นเหลือหลาย (ในนุ้นไปไวกว่าเนอะ)
ไว้มาเม้นท์ในนี้สลับกันไปนะคะ


อริสา 5 ต.ค. 2554, 06:27:25 น.
เริ่มเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้างแล้ว อิอิ


anOO 5 ต.ค. 2554, 09:29:29 น.
สร้างความประทัยใจให้สาวเห็นแต่แรก ก็โอเคแล้ว


หมูอ้วน 5 ต.ค. 2554, 13:00:04 น.
หนูน้ำว่าไงจ๊ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account