รักนี้...หัวใจ (ไม่) กำมะลอ
“ ฉันไม่ใช่ผู้ชาย ฉันไม่ใช่กระเทย และแน่นอนว่าไม่ได้เป็นทอมด้วย!”
จุ๊ๆ ....จุ๊ๆ รู้แล้วเหยียบ รู้แล้วอย่าบอกใครเชียวนะ ว่าอีตาซุป’ตาร์ (บอด+บื้อ) คนนั้นทั้งตาบอดและตาต่ำยิ่งกว่าตาตุ่มแค่ไหน ที่ดั๊นมาติ๊ต่างเอาเองว่าสาวน้อยน่ารักอย่างฉันเป็นไอ้หนุ่มน้อยหน้าหยกไปซะได้ แถมยังไม่พออีตาบ้านั่นยังมายัดเยียดข้อหา “ไอ้หนูนักถ้ำมอง” แล้วจับฉันมาเล่นเป็นพระเอกมิวสิคให้มันอีกต่างหาก ฮึ! มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้...ฝาหลุดเอ้ย...
เออ รู้แล้วน่าว่าฉันมันเป็นของแปลก แล้วไง หา...ช่วยไม่ได้นี่ที่ฉันอยากเกิดมาหล่อผิดมนุษย์แบบนี้ แต่ถึงหน้าตาฉันมันจะไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป นายก็ไม่มีสิทธ์มาปล้นหัวใจกันแบบนี้นะโว้ย
แล้วเมื่อไหร่นายจะรู้สักทีนะว่าไอ้หนูที่นายเก็บมาปั้นให้ดังในชั่วข้ามคืนคนนี้ แท้ที่จริงแล้วรู้สึกยังไงกับนายกันแน่...
ไม่มีคำอธิบายอะไร นอกจากลองอ่านดูสักครั้งสิ แล้วคุณจะหลงเสน่ห์ “นายซุปตาร์หนุ่มกำมะลอ” แสนน่ารักน่าหยิกคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น คำเตือน++ อย่าเชื่อจนกว่าจะได้อ่านเองนะ ขอบอก!!!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่่ 2 ชีเปลือยรูปหล่อ vs ไอ้หนูถ้ำมอง


ตอนที่ 2

“ว้าย!!”

“เฮ้ย...โครม!!”

เสียงอุทานลั่น ตามด้วยเสียงกระชากประตูปิดดังสนั่นหวั่นไหวช่วยยืนยันว่าหล่อนมิได้ตาฝาด ผู้ชายร่างสูงใหญ่ยืนเปลือยกายล่อนจ้อนติดตาเหมือนภาพหลอนทำให้หล่อนตัวสั่นงันงก มันรู้สึกชาจนขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้

‘เจ้าประคุณเอ๋ย เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็นผู้ชายโป๊ล่อนจ้อนแบบจังๆ
โอ้ย...ล่ำชะมัด เห็นแล้วหัวใจจะละลาย...ว้าย! ไม่ใช่ๆ ต้องบอกว่าบัดสีบัดเถลิงที่สุดสิ แต่ทำไมใจมันหวิวอย่างนี้ล่ะ อุ้ยๆ ไม่ใช่ๆ ต้องพูดว่า... ซวยลูกกะตาสิถึงจะถูก...โอ้ย!!! ’

เจ้าหล่อนสะบัดศีรษะไปมาอย่างสับสนตัวเอง โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีใครคนหนึ่งจ้องมองอาการนั้นด้วยความขบขัน

“หึๆ นี่!” เสียงกุกกักกังวานค้ำอยู่เหนือศีรษะของใครคนหนึ่งทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวหากมือยังปิดตาไว้แน่น

“ จะนั่งปิดตาอีกนานไหมน่ะ” เสียงทุ้มหวานหูเอ่ยอย่างเอ็นดูปนขบขันร่างที่นั่งหลับหูหลับตาสั่นงกๆ เหมือนโดนผีหลอก มือหนาเอื้อมมาง้างงัดมือที่ปิดหน้าปิดตาอีกฝ่ายออก

“ อ้าว เด็กผู้ชายนี่นา” คนตัวสูงอุทาน พลางลดตัวลงนั่งยองๆ ข้างๆ แอบขำ ดูเหอะ...เด็ก...ตรงหน้ามันแอบหรี่ตามองเขาเหมือนไม่ไว้ใจ

“ ไงเจ้าหนู มาซนอะไรแถวนี้ฮึเรา ดีนะเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงคงสนุกพิลึก”

คนถูกว่าทำหน้าคว่ำคำว่าเจ้าหนูเอย ผู้ชายเอย ไม่ต้องบอกก็เดาได้ นายหน้าหล่อนี่เองก็เข้าใจไม่ต่างจากคนอื่นเมื่อแรกพบหล่อน

“สนุกยังไง คนโรคจิตชอบโชว์”

คราวนี้ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะร่วน พลางยื่นหน้าเข้ามาเกือบชิด ทำเอาอีกฝ่าย
หน้าร้อนวูบวาบ รู้สึกหายใจติดขัด เมื่อพบดวงตาดำใหญ่คมกริบ พราวระยับด้วยรอยขัน แม้จะไม่ชอบนัก หากหล่อนก็อดนึกชมในใจไม่ได้ ผู้ชายอะไรตาสวยเป็นบ้า ผิวขาวจัดซับโลหิตแดงระเรื่อ

“ เอ๊ะ หน้าตาดีนี่เรา” ฝ่ายนั้นกลับอุทาน พลางเอื้อมมือมาขยี้ผมสีน้ำตาลอ่อนสลวยนั้นเล่นอย่างนึกเอ็นดู “เด็กใหม่เหรอ เพิ่งเคยเห็นหน้าวันนี้เอง”

คนหน้าตาดีหาได้ภาคภูมิใจกับคำชมนั้นไม่ ตรงข้ามดวงหน้าคมสันร้อนวูบขึ้นมาอีกเมื่อเห็นร่างนั้นเต็มๆ ตา ร่างสูงกำยำ มีมัดกล้ามดูแข็งแรงแบบนักกีฬา ผิวขาวราวหยวกของเขาสวยยิ่งกว่าผิวผู้หญิงบางคนเสียอีก ทุกสัดทุกส่วนสมชายน่ามองไปหมด หากยิ่งมองยิ่งคิดไปถึงไหนต่อไหน

“ชื่ออะไรล่ะเจ้ารูปหล่อ” อันที่จริงอีตานี่รูปร่างหน้าตาอะไรๆก็ดีอยู่หรอก เสียก็แต่ปากเท่านั้น คำก็เจ้าหนู สองคำก็ผู้ชาย อีกคำก็รูปหล่อ ถึงชมก็เถอะน่า มันน่าปลื้มซะที่ไหน

“ถามทำไม”

“อ้าว ก็จะได้รู้จักกันไว้ไง ฉันน่ะไม่ต้องบอกชื่อนายคงรู้จัก” คนพูดยืดอก “ แต่ถ้านายไม่บอกฉันจะเรียกถูกได้ไงฮ่ะเจ้าหนูรูปหล่อ”

“ ก็ไม่เห็นอยากรู้จักนี่”

“วะ เจ้านี่ปากดีจริง ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะก็นะ...” เขาแกล้งเว้นวรรคให้อีกฝ่ายจินตนาการ

“ ทำไมถ้าเป็นผู้หญิงจะทำไม” หล่อนฮึดฮัด ก่อนผงะเมื่ออีกฝ่ายโน้มตัวเข้าหาจนเกือบชิด

“ ก็ไม่ทำไมหรอก แค่จะ...จุ๊บซะให้เข็ดน่ะสิ” เท่านั้นเองคนฟังก็สะดุ้ง เผลอเอามือปิดปากตัวเองหมับ

“ บ๊ะ!! ไอ้หนู ปิดปากทำไมน่ะ นายมันผู้ชาย ฉันจูบไม่ลงหรอก ฟ้าได้ผ่าหัวหลุดกันพอดี”

เขาแอบยิ้มขันเมื่อเห็นหน้ามุ่ยของเจ้าหนูรูปหล่อนึกชมในใจ เจ้านี่ท่าทางมีเสน่ห์น่าดู ขนาดโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงยังน่ามองซะขนาดนี้ ถ้ามันยิ้มคงสวยเหมือนผู้หญิง

“ ว่าแต่เราเถอะ ถ้าจะเข้าห้องน้ำล่ะก็ห้องผู้ชายอยู่ด้านซ้ายต่างหาก”

“ อ้าว แล้วทำไมน้าเข้าห้องขวาล่ะ”

“ โห...เรียกน้าเลยเรอะ เจ้านี่ปากมันน่า...”

“ อย่าเปลี่ยนเรื่อง ตอบมาสิว่าน้าไม่ใช่ผู้ชาย” ไอ้หนูสวนทันควัน

“เอ้าๆ ไปกันใหญ่แล้วไอ้หนู เมื่อกี้ห้องนั้นมันไม่ว่างหรอก พอดีฉันรีบก็เลยเข้าอีกห้องน่ะสิ แล้วเรียกพี่ก็พอ ฉันยังไม่อยากนับญาติเป็นน้องแม่นาย” คนพูดนั่งมองหน้าหนุ่มน้อยยิ้มๆ

“ ขำอะไร” คนพูดแหว พลางผุดลุกขึ้นพรวดพราด ทำเอาอีกฝ่ายผงะลุกตามแทบไม่ทัน

“ โอ้โห สูงเท่าไหร่เนี่ยเรา” เขาอุทาน

ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าความสูงของตัวเองมักเตะตาใครต่อใคร ต้องโทษแม่นั่นแหละขยันโด๊ปนมสดทั้งหล่อนและพี่ชายมาตั้งแต่เด็กจนสูงชะลูดแบบนี้

“ 175 เซนถามทำไม” พระพายตอบสะบัด แม้จะถูกชมว่าสูง แต่ที่น่าเจ็บใจคือหล่อนเป็นฝ่ายต้องเขย่งปลายเท้าแหงนหน้าคุยกับอีกฝ่ายอยู่ดี

“ อืม หน่วยก้านดีแฮะถึงจะอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงไปหน่อยก็เถอะ นี่ถ้ามีเนื้อมีหนังอีกนิดล่ะก็เป็นนายแบบได้สบายเลยนะ” เขายิ้มพลางโอบไหล่ของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ๆ อย่างเอ็นดู

“ เอาไหมล่ะ เดี๋ยวฉันพาไปแนะนำกับคนรู้จักให้ อย่างนายนี่เข้าวงการเมื่อไหร่รับรองรุ่ง”

“ รุ่งริ่งสิไม่ว่า ไม่เอาด้วยหรอก” หล่อนงึมงำหน้าคว่ำ พลางเบี่ยงตัวออกจากวงแขนของอีกฝ่ายจนได้

“อ้าว เฟิร์สมาอยู่นี่เองเหรอ เค้าตามหากันให้ควั่ก” เสียงดังขัดจังหวะจากผู้มาใหม่ทำให้หญิงสาวได้โอกาสจะชิ่งหนี หากอีกฝ่ายหันมาเห็นเข้าเสียก่อน

“ อ้ะ แล้วนั่นใครล่ะ” คนพูดคือชายหนุ่มร่างผอม แม้จะสูงแต่ทว่ายังน้อยกว่านายชีเปลือยอยู่ดี หากดวงหน้าที่มองมายังหล่อนต้องบอกว่าน่ารักและใสกิ๊กทีเดียว นี่ขนาดหล่อนเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังใสสู้ไม่ได้

“ ถ้ำมองน่ะ” คนพูดกลั้วหัวเราะ ร้อนถึงคนถูกกล่าวหาต้องรีบแก้ทันควัน

“ ไม่ใช่นะ”

“ คงมาออดิชั่นอีกรายล่ะสิ” นายหน้าหวานส่งยิ้มละลายใจให้

“ ออดิชั่น? ออดิชั่นอะไร” คนฟังงง

“ เออ จริงดิ วันนี้มีออดิชั่นนี่หว่า มัวแต่ชวนเจ้านี่คุยเพลินไป ฉันก็ลืมสนิทเลย”

“ ใช่อ่ะดิ นายน่ะโชคดีโครต มีถ่ายมิวสิควันนี้พอดี เราดิโดนไฟท์บังคับต้องไปนั่งเป็นกรรมเป็นเวรตัดสินคนมาออดิชั่นกับเจ้าเคนตะ นี้มันก็มาหายหัวไปไหนอีกก็ไม่รู้ ชั้นว่าสงสัยงานนี้มีเบี้ยวแหงๆ หนอย ทิ้งตรูเผชิญเวรคนเดียว เจอเมื่อไหร่น่าดู” หนุ่มหน้าใสเข่นเขี้ยว ทว่าดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวซะนี่

“ งั้นแกก็ควรรีบโผล่หัวไปให้บอสเห็นก่อนที่ระเบิดจะลงดีกว่านะ จะหาว่าไม่เตือน” คนพูดนึกขึ้นได้ควานไปคว้าคอคนข้างกายหมับ

“ อ้อ นายจะไปห้องออดิชั่นพอดีเลย งั้นฝากเอาไอ้เจ้านี่ไปด้วยคนหนึ่งละกันนะพอชซ์”

“ เฮ้ย!! เดี๋ยวสิ” พระพายตาเหลือก “ ทำไมฉันต้องไปกับหมอนี่ด้วยล่ะ”

“ บังอาจ” นายหน้าใสตวาดลั่น “ กล้าดียังไงเรียกฉันว่าหมอนี่ ไอ้เวรนี่ วอนตายซะแล้ว” พระพายกลืนน้ำลาย เมื่อพอซซ์ยื่นหน้าใสกิ๊กเข้าหา นัยน์ตาพองเอาเรื่อง

“ เอาน่าเพื่อน นายก็ยกให้มันคนนึงเถอะ นึกว่าเอาบุญละกัน ดูท่ามันไม่ค่อยเต็มนักหรอก เข้าห้องน้ำยังเข้าผิดเลย ให้มันเดินไปเองมีหวังเดินหลงมั่วกันพอดี” นายชีเปลือยไกล่เกลี่ย

“ เออ ก็ได้ แต่ถ้ามันปากเสียอีกล่ะก็” พอซซ์ชี้หน้าคาดโทษ ก่อนเอานิ้วชี้ทำท่าปาดคอหน้าเอาเรื่อง

“เอาเหอะ เสร็จงานแล้วจะฆ่าจะแกงมันก็ตามใจ สายแล้ว เดี๋ยวฉันต้องรีบไปก่อนล่ะ ไว้เจอกันใหม่นะเจ้าหนูรูปหล่อ พยายามเข้าล่ะ” เขาพูดพลางเอื้อมมือมาขยี้ศีรษะทุยสวยอีกครั้ง แล้วก่อนที่หล่อนจะทันได้ตั้งตัว จมูกโด่งๆ ของอีกฝ่ายตวัดมาชนแก้มของหล่อนเบาๆ อย่างจงใจจะหยอกเอิน ก่อนผละไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนตะลึงพรึงเพริดทำอะไรไม่ถูก บริเวณแก้มข้างที่ถูกสัมผัสร้อนฉ่าขึ้นมาราวกับถูกไฟนาบ...พระพายนึกจองเวรในใจอย่างแสนแค้น

คนบ้า...คนลามก...อย่าให้เจอหน้าอีกล่ะ แม่จะจับทุ่มให้อ่วมกระอักเลย!!

“ ไง ถึงกับเคลิ้มเลยเรอะ ชะ เจ้าลูกหมาน้อย อย่าเพิ่งตกหลุมพรางเจ้าเฟิร์สซะล่ะ เจ้านี่มันเสน่ห์แรงก็จริงแต่มันไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าถึงได้ง่ายๆนะโว้ย ดีไม่ดีแกน่ะอาจถูกเตะโด่งซะก่อน เอาล่ะ รีบไปกันเถอะ ช้าเดี๋ยวไม่ทันกันพอดี”

“ไป? ไปไหน”

“ อ้าว ไอ้เวรนี่ ก็นายอยากเข้าวงการไม่ใช่เรอะ ก็ต้องเข้าออดิชั่นก่อนอ่ะดิ อย่ามาทำเนียน บอกซะก่อนนะว่าถึงนายจะโชคดีที่เจอฉันเจอเฟิร์สก่อน แต่อย่าคิดล่ะว่าฉันจะช่วยเทคะแนนซะให้ยาก ถ้าฝีมือไม่ถึงล่ะก็ มีวืด...” พูดจบพระพายก็ถูกหนุ่มหน้าสวยลากลู่ถูกังเข้าไปโดยไม่ไยดีว่าคนถูกลากจะดิ้นขัดขืน พระพายหอบพลางนึกในใจ

โอ้ย เห็นตัวผอมเป็นกุ้งแห้งทำไมแรงเยอะอย่างนี้นะ

จู่ๆ นายหน้าสวยก็เบรกพรืดพลางปล่อยมือทันควันทำเอาคนเบรกไม่ทันหัวทิ่มไปนั่งกองกับพื้น

“ เอาล่ะถึงแล้ว”

“ โอ้ย เจ็บนะ จะหยุดทำไมไม่รู้จักบอกก่อน หา แล้วที่นี่มันที่ไหนล่ะเนี่ย”

“ ห้องออดิชั่น เดี๋ยวฉันจะเข้าไปก่อนส่วนนายก็นั่งรอเขาเรียกคิวตรงนู้นแล้วกัน”

พระพายมองตามมือของนายหน้าสวยที่ชี้ไปทางหน้าห้องที่มีคนมายืนออกันเต็มไปหมดอย่างแปลกใจ

“ แล้วทำไมฉันต้องรอด้วย”

“ วะ เจ้านี่ คิดจะให้ฉันช่วยพานายลัดคิวล่ะสิ อย่าฝันเลย เป็นลูกผู้ชายทั้งทีน่ะมันต้องใช้ฝีมือตัวเองสิถึงจะถูก อย่ามาหวังพึ่งแต่คนอื่นให้ยาก ไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันก็ต้องไปเหมือนกัน โชคดีนะ”

คนฟังอ้าปากค้าง หนึ่งคือเถียงไม่ทัน สองคือคนพูดเดินผละเข้าห้องไปอย่างไม่ไยดีคนที่ตัวเองพามาทิ้งไว้หน้าห้องอย่างโดดเดี่ยว

“ น้องคะ ถ้ามาออดิชั่นรับบัตรคิวด้านนี้ก่อนนะคะ”
พระพายเหลียวซ้ายแลขวางงๆ ก่อนชี้ที่ตัวเอง “ ฉัน?”

“ ก็น้องนั่นแหละค่ะ มารับบัตรคิวแล้วนั่งรอก่อน”

“ แต่ฉันไม่ได้...”

“ อ่ะๆ ถือว่าหน้าตาหล่อนะ จะยกให้ซักครั้ง เอานี่หมายเลข 15 ถ้าได้เป็นนักร้องดังเมื่อไหร่อย่าลืมแจกลายเซ็นต์พี่บ้างแล้วกัน รับไปสิ” คนพูดรีบยัดบัตรคิวพลางขยิบตาให้ ก่อนเดินกลับไปนั่งประจำที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พระพายนึกอยากมุดดินหนี ที่จริงตอนเด็กๆ หล่อนเองก็เคยฝันอยากเป็นนักร้องอยู่เหมือนกันแต่ทว่ามันต้องไม่ใช่แบบนี้ หล่อนไม่ได้ต้องการมาเข้าออดิชั่นบ้าบออะไรนี่สักหน่อย...แล้วฉันมานั่งทำบ้าอะไรตรงนี้กันเล่า

“ หมายเลข 15 เชิญค่ะ”

“ หมายเลข 15 น้องคะ หมายเลข 15 ใช่ไหมคะ”

“ หา...เอ่อ 15 อ๋อ เออใช่ 15 ฉันเอง ทำไมเหรอ” พระพายเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง

“ โถ สงสัยจะตื่นเต้นล่ะสิ ถึงคิวน้องแล้วค่ะ ใจเย็นๆ นะคะ”

“ คะ...คิว ฉันเหรอ” หล่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนชี้ที่ตัวเองอีกครั้ง ครั้นพออีกฝ่ายพยักหน้าพลางยิ้มให้อย่างเอาใจช่วย หญิงสาวก็แทบทรุด นี่มันเรื่องอะไรกันนี่ ทำไมฉันต้องเข้ามาออดิชั่นบ้าบออะไรนี่ด้วย แล้วนี่มันออดิชั่นอะไร แล้วต้องทำยังไงบ้าง พระพายรู้สึกเหมือนหัวสมองกลายเป็นสุญญากาศ หากจนแล้วจนรอดหล่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพาตัวเองเข้ามายืนอยู่ท่ามกลางห้องนั่นได้อย่างไร

เบื้องหน้าคือโต๊ะยาวที่มีคนแปลกหน้าหลายคนนั่งอยู่ คนเดียวที่หล่อนเคยพบหน้าคือชายหนุ่มหน้าตาน่ารัก หากเขาผู้นั้นกลับมองหล่อนเหมือนคนไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน

“ เอ้า...ยืนเฉยๆ ทำไม จะแสดงอะไรก็รีบๆเข้าสิ เสียเวลาคนอื่นเค้าเปล่าๆ”

“ แสดง?” พระพายหน้าเหวอ “ แล้วจะให้แสดงอะไรล่ะ”

“ อ้าวเวรละ นี่เป็นมุกใช่ไหมเนี่ย คุณน้อง” หนึ่งในคณะกรรมการตบหน้าผากปวดเฮดขึ้นมาทันใด

“ เอ้า จะร้อง จะเต้น จะเล่นดนตรี หรือว่ามีอะไรเด็ดๆ ก็ควักมาโชว์ให้หมดก็ได้ ขออย่างเดียวอย่ายืนทื่อเป็นสาก มันเสียเว...คนอื่นเค้า เข้าใจ๋” นายพอซซ์หนุ่มหน้าสวยกึ่งช่วยแนะกึ่งกัด หมอนี่ถ้าไม่หล่อนะ หล่อนคิดว่าน่าจะจับไปเฝ้าบ้านน่าจะเวิร์ก ปากอย่างกะแย้จริงๆ

“ร้อง เต้น เล่นดนตรี...” พระพายพึมพำ นึกอยากหายตัววับไปเดี๋ยวนั้น ทว่ามันก็ทำไม่ได้ แล้วนี่หล่อนจะทำอะไรดีล่ะ จะให้ร้องเพลง เต้นรำ หรือว่าเล่นดนตรีก็ไม่ใช่แนวถนัดซักอย่าง นี่ถ้าให้หล่อนขี่ม้าโชว์หรือไม่ก็ขับโกคาร์ทยังจะดีกว่า หากทว่ายามนี้ที่หล่อนจำต้องต่อสู้กับสายตากว่า 10 คู่จ้องมองอย่างคาดหวังมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก หากพอมองเห็นสายตาดูแคลนของอีตานักร้องหน้าหวานที่ชักนำหล่อนมาเจอสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานนี่ พระพายก็เกิดตัดสินใจฮึดสู้

เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน The show must go on ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปว่า คนอย่างพระพายฆ่าได้หยามไม่ได้!

***********************************************

“ โอ้ยๆ แย่แล้วๆ ใครก็ได้ขอยาหอมยาลมยาดมยาหม่องให้เจ๊ทีเถอะ โอย ลมจะใส่” คนพูดคือชายร่างใหญ่ยักษ์ ตัวดำเป็นเหนี่ยง แต่การแต่งกายกลับสะอาดสะอ้านกระเดียดไปทางหญิงซะมากว่าชาย

“ บ่นอะไรคะ เจ๊ฝน” ดาราสาวที่เพิ่งแปลงโฉมลอกคราบนางเสือดาวเปรี้ยวจี๊ดออกไปจนสิ้นเชิง แล้วกลายร่างเป็นสาวหวานแทนเดินเข้ามาถาม เมื่อเห็นทีท่าจะเป็นจะตายของอีกฝ่าย

“ จะอะไรล่ะคะคุณน้องแพตตี้ ก็พ่อยอดชายนายเหนือมนุษย์ของเราน่ะซิ” คนพูดค้อนลมค้อนแล้ง

“ ทำไมคะ” ดาราสาวนึกเห็นภาพ ‘นายเหนือมนุษย์’ ชัดเจนทีเดียว

“ โอ้ย...พ่อคุณโทรมาขอแคนเซิลงานวันนี้ซะแล้วล่ะค่ะ บอกว่าปวดท้อง ทำเจ๊งานเข้าอีกจนได้ไหมล่ะ”

“ อ้าว ตายจริงแล้วนี่คุณน๊อตแกเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะเจ๊”

“ไม่ตายหรอก นี่คนที่จะตายยืนอยู่นี่ต่างหาก” คนตอบตบอกตัวเองปุๆ อย่างเจ็บใจ

“ ใช้มุกเดิมๆ ของเค้าน่ะแหละ พอรู้ว่าตัวเองต้องเล่นกับคุณเฟิร์สเท่านั้น พ่อก็ให้ผจก. ส่วนตัวโทรมาแคนเซิล บอกว่ามาไม่ไหว นี่จะได้เวลาถ่ายแล้วด้วย โอ้ย อกตึงๆ ของเจ๊ฝนจะแตกก็คราวนี้แหละมั้ง แล้วนี่จะไปหาใครมาแทนทัน ตายๆๆ บรรลัยหมด นี่มิต้องยกกองเพราะคนๆ เดียวหรือไงเนี่ย โอ้ยๆๆ กว่าจะได้คิวพระเอกก็ยากแสนยาก นี่พอได้คิวพระเอกมา พ่อพระรองก็ดันขอแคนเซิลอีก เวรของกรรม”

“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะเจ๊”

“เย็นยังไงไหวคะคุณน้อง นี่จะได้เวลาแล้ว ทุกอย่างเตรียมพร้อมสรรพขาดแต่คนแสดงคนเดียว คิวคุณเฟิร์สก็ได้แค่วันนี้ซะด้วย โอ้ย อยากตาย” ผู้กำกับชายใจหญิงทิ้งตัวลงนั่งหมดอาลัยตายอยาก

“ เอางี้ไหมคะ ลองโทรหาคนอื่นดู เดี๋ยวแพตช่วยอีกแรง”

“ ลองแล้วค่ะ แต่ไม่ว่าใครก็หมดหวัง นัดกะทันหันอย่างนี้ เค้าไม่ว่างกันหรอก แล้วมิวสิคนี่ต้องออกอากาศภายในเสาร์นี้แล้วด้วย ไม่ไหวๆ เอาเจ๊ไปแล่เนื้อเถือหนังซะดีกว่า เข็ดจริงๆ เค้ามีแต่พระเอกเล่นตัว นี่อะไรเป็นแค่พระรองยังกระแดะจะเล่นตัว”

ไพจิตรีรีบเข้ามาปลอบใจคนตีโพยตีพายให้สงบลง ในใจนึกเคืองเพื่อนร่วมอาชีพกับหล่อนไม่น้อย ก็รู้ดีหรอกว่านายเหนือฟ้า หรือน็อต ไม่ถูกชะตากับเฟิร์ส หรือ ฟารุตม์ พระเอกและเจ้าของอัลบั้มเพลงที่จะถ่ายมิวสิควิดีโอวันนี้ หากการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ก็ไม่เหมาะสมกับคำว่ามืออาชีพเอาเสียเลย

“ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” เสียงนั้นทำให้ไพจิตรีต้องละสายตาจากเจ๊ฝนชั่วคราว

“อ้าว พี่เฟิร์ส มานานแล้วเหรอคะ” คนมาใหม่ยิ้มรับ

“ พักนึงแล้วล่ะครับ น้องแพต นี่เพิ่งเปลี่ยนชุดเพิ่งเสร็จเดี๋ยวนี้เอง ว่าแต่ยังไม่ได้ตอบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”

“ก็นายน๊อตน่ะสิคะ ดันโทรมาแคนเซิลกระทันหัน เจ๊แกเลยปรี๊ดแตกแบบนี้ นี่ทุกอย่างก็พร้อมแล้วด้วยขาดแต่นายน๊อตคนเดียวเท่านั้น”

“อ้าว...แล้วทำไงล่ะ”

“ยังไม่รู้เลยค่ะ” คนพูดถอนหายใจ “พี่เฟิร์สมีใครแนะนำบ้างไหมล่ะคะ”

“ อืม...” ชายหนุ่มนิ่งครุ่นคิดถึงเพื่อนนักแสดงคนอื่นที่เขารู้จัก หากคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ทันใดนั้นเองหางตาของเขาก็บังเอิญหันไปเห็นใครคนหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านประตูไปแวบๆ พอดี ชายหนุ่มก็ยิ้มออกฉับพลัน

“ นึกออกแล้ว มีอยู่คนนึงครับ”

“ใครกันคะ” ทุกคนหันมาสนใจ

“รอเดี๋ยวนะครับ เดี๋ยวผมมา” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เผ่นแผล็วออกไปจากห้องทันที ทำเอาใครต่อใครงุนงง

“คุณเฟิร์สเค้าจะไปไหนคะนั่น น้องแพตตี้” เจ๊ฝนหยุดดมยาดมชั่วคราว หันไปถามนางเอกสาวที่ได้แต่ยืนอึ้งกิมกี่

“ นั่นสิคะเจ๊ แพตก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ”

ร่างสูงชะลูดเดินตุปัดตุป่องอย่างมีมะโห หนอย...ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยขายขี้หน้าเท่าวันนี้มาก่อนเลย ก็มีอย่างที่ไหน อยู่ดีๆ ก็ถูกจับไปโชว์จำอวดต่อหน้าต่อตาคนนับสิบ ‘โชว์’ ที่คิดว่าเจ๋งกลับทำให้กรรมการทั้งหลายหัวเราะงอหายซะนี่ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องโทษเจ้าคนโรคจิตชอบโชว์นั่นคนเดียว

“ คอยดูนะ อย่าให้ฉันเจอนายอีกแล้วกันแม่จะซัดซะให้...” คิดยังไม่ทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงแว่วมา

“ เจ้าหนู! หยุดก่อน!”

เสียงตะโกนเรียกนั้นแม้คุ้นแต่ก็จำไม่ได้ว่าใคร หากสรรพนามที่ใช้ทำให้พระพายชะงักกึก รีบหันขวับ

“ นาย? มาพอดี...อ้าวเอ๊ะ?? โอ้ย...” ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วลากหลุนๆ

“ เฮ้ย...เดี๋ยวสิ จะพาฉันไปไหนอีกเนี่ย” พระพายเอะอะ กว่าที่จะรอดจากห้องออดิชั่นมาได้ก็เกือบแย่ พอออกมาได้ก็โดนนายตัวร้ายนี้มาฉุดกระชากลากถูอีกครั้ง

“ อย่าเพิ่งถามน่า ตามมาก่อน”

“ ไม่...ไม่ไป โว้ย...ปล่อยนะ”

“เอ๊ะพูดไม่เพราะเลย” เขาถลึงตาดุ

“ก็ปล่อยสิโว้ย มันเจ็บนะ”

ชายหนุ่มมิได้ไยไพเสียงเอ็ดตะโรปาวๆ ของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย จนกระทั่งผ่านประตูห้องเข้ามาได้ นั่นแหละ...

ร่างสูงโปร่งของผู้มาใหม่ตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครที่พร้อมใจกันมองมาที่เจ้าหล่อนกับชายหนุ่มข้างๆ เป็นตาเดียว พระพายเหลียวหน้าแลหลังอย่างงุนงง หากยังไม่ทันตั้งตัวจู่ๆ คนที่ฉุดแขนหล่อนไว้อย่างถือวิสาสะก็ประกาศก้อง

“ เจ้าหนูรูปหล่อคนนี้ น่าจะพอใช้แทนได้หรือเปล่าครับ เจ๊ฝน” คนพูดโปรยยิ้มเจ้าเสน่ห์ ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ปริปากปฏิเสธซักคำ พระพายตาเหลือกมองคนนู้นทีคนนี้ทีอย่างงงๆ และหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสาวของหล่อนนั่นเอง

“ นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ” หล่อนหันไปกัดฟันถามเอากับคนพามาอย่างเอาเรื่อง หากอีกฝ่ายไม่ตอบกลับส่งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย

แล้วเวลาต่อมา

“ว่าไงนะ” คนพูดตาเบิกกว้าง

“ โอ้ย...เบาๆ หน่อยสิ ขี้หูร่วงหมดแล้ว” ไพจิตรีรีบปราม พลางเหลียวซ้ายแลขวาเลิ่กลั่ก

“ แกหมายความว่าไงที่ว่าจะให้ฉันแสดงเป็นแทนไอ้นายอะไรนั่นน่ะ” พระพายแหวลั่น

“ ก็หมายความตามนั้นนั่นแหละ” ไพจิตรีพยักเพยิด หล่อนเองก็จับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนกัน ไม่รู้เลยว่าฟารุตม์ไปเจอกับเพื่อนหล่อนตอนไหนกัน จึงได้มั่นใจถึงขนาดเสนอชื่อให้พระพายมาแสดงแทนเหนือฟ้า

“ แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะยะ” พระพายโวยวาย

“แล้วไง”

“ จะแล้วไง ก็ไอ้บทที่แกว่านั่นน่ะมันบทของผู้ชายนะสิ” คนพูดไม่คิดถนอมเสียง “ นี่มันเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนชัดๆ เลย”

“ โอ้ย แล้วแกจะให้ฉันทำไงล่ะ อยู่ดีๆ พี่เฟิร์สก็ลากแกเข้ามาใส่พานถวายให้เองแบบนี้” คนพูดกุมขมับ

“ จะไปรู้เหรอยะ นี่เรื่องเก่ายังไม่ได้คิดบัญชีกับไอ้หมอนั่นเลยนะ หนอย ให้เราเข้าไปโชว์เต้นแร้งเต้นกาให้พวกกรรมการนั่นหัวเราะเยาะเอา อายจะแย่ นี่ยังไม่พอ จะให้ฉันมาเล่นบทผู้ชายอีกมันจะมากไปแล้วนะ”

“เออ พูดถึงพี่เฟิร์ส บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไปรู้จักเค้าตอนไหนกัน ทำไมไม่เห็นบอกเล่าเก้าสิบกันบ้างเลย หา ไอ้ลมบ้าหมู” ไพจิตรีหันมาตั้งป้อมซักฟอกบ้าง

“ ใครกัน พี่เฟิร์สของแกน่ะ”

“ อ้าว...ก็คนที่ลากแกหัวซุกหัวซุนมานั่นไง”

“ อ๋อ อีตาคนโรคจิตชอบโชว์นั่นน่ะเหรอ” สรรพนามนั้นทำให้คนฟังถึงกับสะดุ้ง

“ เดี๋ยวๆ เรียกอะไรนะ ใครโรคจิต? ใครชอบโชว์ยะ”

“ อ้าว ก็นายนั่นไง ตาคนที่ลากฉันมาน่ะ”

“ ต๊าย...ยัยลมปากเหม็น ทำไมไปเรียกเขาอย่างนั้น” ไพจิตรีตาโต

“ ก็เมื่อกี้น่ะสิ ฉันไปเข้าห้องน้ำ แล้วไปเจอตานี่เข้า เขากำลัง...” พระพายนึกเห็นภาพของคนที่กำลังเล่าอยู่วาบขึ้นมาในสมอง ดวงหน้าก็ร้อนวูบวาบ

“อี๋...บัดสีบัดเถลิงที่สุด”

“ ทำไมยะ เขากำลังทำอะไร” ไพจิตรีรีบซัก

“ ก็...อีตานี่น่ะสิ แอบเข้าไปในห้องน้ำหญิงแล้วก็...เอ่อ...” คนพูดอึกอัก จนปัญญาจะอธิบายเหตุการณ์ที่ประสบพบพานได้

“ อะไร?”

“ เอ่อ...โอ้ย... ฉันลืมไปแล้ว” เจ้าของเรื่องรีบเอาเสียงดังเข้ากลบเกลื่อน

“ หา ลืม??” คนฟังงงเป็นไก่ตาแตก

“ เหอะน่า ช่างหัวมันไปเถอะ เอาเรื่องนี้ก่อน เราจะทำไงดีล่ะ” พระพายวกกลับมาจนได้

“ยังไงฉันก็ไม่แสดงนะ ขืนแสดงไปแล้วอาม่าหรือใครที่บ้านมาเห็นเข้าก็พอดีฉันต้องถูกลากคอกลับไปเข้าพิธีดูตัวกับไอ้ตี๋บ้านั่นพอดี”

“ อาม่าไม่ดูร็อก” คนพูดเอ่ยหน้าตาย “ เท่าที่รู้น่ะอาม่าแกชอบดูแต่งิ้ว กับข่าวเท่านั้นไม่ใช่เรอะ”

“ ถึงอาม่าไม่เห็นแล้วแม่ฉัน ไหนจะเด็กที่บ้านอีกล่ะ เกิดวันดีคืนดีเปิดทีวีเจอเข้า ก็ม่องไป”

“ เฮ้อ...ไม่รู้สิ ถ้าแกไม่ยอมแสดง กองถ่ายวันนี้ก็เป็นอันต้องยกเลิก เสียหายหลายแสนล่ะทีนี้” ไพจิตรีถอนหายใจ

“ ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ” พระพายเสียงอ่อย

“ อืม ลำพังฉันน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ช่วงนี้พอมีคิวว่างอยู่ แต่พี่เฟิร์สน่ะสิคิวทองซะยิ่งกว่าอะไรดี ไหนจะสถานที่ ทีมงานอีกล่ะ งานนี้อย่าให้เซดเลย มีหวังเจ๊ฝนผูกคอตายแน่ๆ”

ยิ่งฟังคนฟังก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความเสียหาย และแม้ไม่รู้จักนายคนที่เบี้ยวงานคนนั้นเลยก็ตาม แต่ พระพายก็อดนึกตำหนิในความไม่รับผิดชอบของเขาไม่ได้ และถ้าหล่อนปฏิเสธอีกคน ก็คงเข้าข่ายมิต่างกัน แม้จะไม่มากเท่าแต่ความเสียหายก็ใกล้เคียง

“ แล้วถ้าเกิดฉันยอมแสดง”

“ หา???” ดาราสาวตาโต

“ สมมติน่ะนะ แค่สมมติว่าฉันยอมไปแสดงแทน”

“ กองถ่ายก็ทำงานกันต่อไปได้น่ะสิ แล้วคนทั้งกองถ่ายนี้ก็จะยกให้แกเป็นฮีโร่ทันที”

“ น้อยๆ หน่อยย่ะ ฮีร่งฮีโร่อะไร ถ้าถูกจับได้ฉันนี่แหละจะเป็นฮีร่วงคนแรก อาม่าจะว่ายังไง ถ้ามาเห็นหลานสาวกลายร่างเป็นหลานชายไปแบบนี้”

“ อ้าว ทุกวันนี้แกเป็นผู้หญิงเรอะ” ไพจิตรีหัวเราะคิก

“ ไอ้เพต!!”

“ เออๆ ผู้หญิงก็ผู้หญิงสิ ทำไมต้องมีมะโหด้วยเล่า”

“ แล้วถ้าคนอื่นมารู้ทีหลังล่ะก็ สนุกแน่ๆ”

“ เอาล่ะๆ จะเล่นหรือไม่แกก็ตัดสินใจเอาเองละกัน นี่บทลองอ่านดูก่อน เท่าที่ดูแล้วแกคงต้องออกประมาณ 3-4 ฉากเท่านั้น หรือถ้า...ไม่แสดง! ก็นู่นประตู แกรู้นี่ว่ารถฉันจอดที่ไหน เอ้า นี่กุญแจ ฉันต้องไปเข้าฉากก่อนล่ะ” ว่าแล้วคนพูดก็ผละออกไปจากห้อง ทิ้งคนเป็นเพื่อนนั่งกลุ้มตามลำพัง
พระพายมองกระดาษที่คนเป็นเพื่อนวางไว้ให้ สลับกับกุญแจรถที่วางคู่กันอย่างสับสน

บทที่ต้องออก 3-4 ฉากของแม่เพื่อนสาว สำหรับคนมีประสบการณ์ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก หากสำหรับ...คนไม่เคย...ย่อมเป็นเรื่องน่าหนักใจ เอ...หรือจะแจวดีน้า

หญิงสาวครุ่นคิดหนักหากหากเคราะห์ดีหน่อยไม่ถูกจับได้ก็แล้วไป แต่...ถ้าชะตาไม่เข้าข้างถูกจับได้ล่ะก็นอกจากจะถูกลากคอกลับไปเข้าพิธี ‘ดูตัว’ กับไอ้ตี๋ของอาม่า แล้วอาจต้องไปเยือน ‘ห้องกรง’ กันบ้างหรอก เมื่อคิดได้ดังนั้นพวงกุญแจรถสปอร์ตอันน้อยดูจะมีภาษีดีกว่าขึ้นมาทันที

‘เอาวะ แจวจรลีน่าดีกว่านะเรา ใครอยากดังก็ช่าง แต่ฉันไม่อยากนี่นา’

หญิงสาวเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อเห็นไม่มีใครจึงคว้ากุญแจรถเตรียมเผ่นจากห้อง แล้วทันใดนั้นเองมือของใครคนหนึ่งก็คว้าที่คอเสื้อของหล่อนหมับ อีกมือรวบเอวบางยกขึ้นจนตัวลอย พระพายใจหายวาบ

“โป้งแปะ เจอตัวแล้ว” เจ้าของมือยิ้มอย่างเป็นต่อ “ ถ้าคิดเผ่นล่ะก็สายไปแล้วเจ้าหนูเอ๋ย”

(โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ ^ v ^
****************************************



winchaya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2554, 21:09:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2554, 21:56:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1897





<< ตอนที่ 1 หล่อไม่ต้องพาสเจอร์ไรท์   ตอนที่ 3 พระเอกจำเป็น >>
Auuuu 8 ต.ค. 2554, 21:27:38 น.
เอิ๊กๆๆ ไม่รอดซะแล้วนางเอกเรา
(ช่วยจัดหน้ากระดาษสักหน่อยได้ไหมอ่ะคะ คืออ่านยากพอสมควรเลย ขอบคุณค่า)


winchaya 8 ต.ค. 2554, 22:01:07 น.
มาจัดหน้ากระดาษให้แล้วจ้า ^ v ^
ขอบคุณคุณ Auuuu มากๆ เลยนะคะที่ช่วยบอกมา


ลิขิตรา 8 ต.ค. 2554, 22:03:24 น.
สนุกดีค่ะ พระเอกน่ากลัวชะมัดเลย


milbol 9 ต.ค. 2554, 12:03:38 น.
5555ขำจนน้ำตาเล็ดเลย


หมูอ้วน 9 ต.ค. 2554, 13:38:57 น.
หนีไม่ทันแย้ววว
รอตอนต่อไปค่ะ


anOO 9 ต.ค. 2554, 17:49:53 น.
สนุกดี พระเอกเราไม่รู้จริงๆ เหรอ ว่าเจ้าหนูนี่เป็นผู้หญิง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account