รักนี้...หัวใจ (ไม่) กำมะลอ
“ ฉันไม่ใช่ผู้ชาย ฉันไม่ใช่กระเทย และแน่นอนว่าไม่ได้เป็นทอมด้วย!”
จุ๊ๆ ....จุ๊ๆ รู้แล้วเหยียบ รู้แล้วอย่าบอกใครเชียวนะ ว่าอีตาซุป’ตาร์ (บอด+บื้อ) คนนั้นทั้งตาบอดและตาต่ำยิ่งกว่าตาตุ่มแค่ไหน ที่ดั๊นมาติ๊ต่างเอาเองว่าสาวน้อยน่ารักอย่างฉันเป็นไอ้หนุ่มน้อยหน้าหยกไปซะได้ แถมยังไม่พออีตาบ้านั่นยังมายัดเยียดข้อหา “ไอ้หนูนักถ้ำมอง” แล้วจับฉันมาเล่นเป็นพระเอกมิวสิคให้มันอีกต่างหาก ฮึ! มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้...ฝาหลุดเอ้ย...
เออ รู้แล้วน่าว่าฉันมันเป็นของแปลก แล้วไง หา...ช่วยไม่ได้นี่ที่ฉันอยากเกิดมาหล่อผิดมนุษย์แบบนี้ แต่ถึงหน้าตาฉันมันจะไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป นายก็ไม่มีสิทธ์มาปล้นหัวใจกันแบบนี้นะโว้ย
แล้วเมื่อไหร่นายจะรู้สักทีนะว่าไอ้หนูที่นายเก็บมาปั้นให้ดังในชั่วข้ามคืนคนนี้ แท้ที่จริงแล้วรู้สึกยังไงกับนายกันแน่...
ไม่มีคำอธิบายอะไร นอกจากลองอ่านดูสักครั้งสิ แล้วคุณจะหลงเสน่ห์ “นายซุปตาร์หนุ่มกำมะลอ” แสนน่ารักน่าหยิกคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น คำเตือน++ อย่าเชื่อจนกว่าจะได้อ่านเองนะ ขอบอก!!!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 3 พระเอกจำเป็น

ตอนที่ 3

ดวงหน้าที่ปรากฏในกระจกเงานั้นคลับคล้ายคลับคลาหากถูกตกแต่งอย่างดีดูแผกไปจากเดิม ทั้งทรงผมหนูแทะกระเจิงถูกจัดทรงใหม่เข้ารูปเข้าทรง หรือแม้เครื่องแต่งกายก็ดู ‘อินเทรนด์’ หากเป็นเทรนด์ที่ชีวิตนี้คนใส่ไม่เคยคิดฝันว่าจะสวมมาก่อนในชีวิต

เท่านี้...ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สาวน้อยกลายเป็นหนุ่มน้อยเจ้าเสน่ห์ที่แม้เจ้าตัวก็ไม่รู้จักมาก่อน

“ ต๊าย...ยิ่งดูก็ยิ่งล้อหล่อ คิ้ว ตา จมูก ปากได้รูปไปโม้ด... นี่เจ๊หลีแทบไม่ต้องโบ๊ะอะไรเลยนะเนี่ยเฮ้อ...ใจฉันจะละลายแล้ว โอ้ยๆ” คนพูดคือช่างแต่งหน้าหนุ่มที่หัวใจเอนเอียงไปทางผู้หญิง 99.99 เปอร์เซ็นต์

“ นั่นสิแก ตัวซู้งสูง หุ่นก็ดี๊ ดี ดูสิแค่เสื้อผ้าธรรมดาๆ แต่พอเจ้าหนูนี่ใส่เท่านั้น โอ้ย...ยังกะเทพบุตรมาจุติ” พี่โจ้คอสตูมสาวใหญ่ที่หัวใจเป็นชายซึ่งใครๆ ในกองต่างก็รู้ว่าไม่ค่อยกินเส้นกับฝ่ายแรกยังอดเสริมไม่ได้

ทว่าคนถูกชมโฉมกลับทำหน้าคว่ำ หาได้ปลื้มกับคำชมไม่ ในใจแอบแช่งชักหักกระดูก...ตัวการ...ที่พาหล่อนมาโยนปุไว้ในห้องที่หล่อนอยากให้ชื่อใหม่ว่าห้องลอกคราบนี้

‘ผมพาเด็กใหม่มาให้ปั้นครับเจ๊หลี พี่โจ้ไม่ต้องเกรงใจครับคนนี้ ผมยกให้ อยากโบ๊ะอยากแต่งอะไรก็...จัด...ให้เต็มที่เลยนะครับ ขออย่างเดียวอย่างให้หล่อแซงหน้าผมก็แล้วกัน เดี๋ยวสาวๆจะมองไอ้หนูนี่หมดพอดี’

พระเอกหนุ่มแกล้งสัพยอกก่อนรีบผละไป “เข้าฉาก” ทิ้งหล่อนเผชิญชะตากรรมตามลำพัง

‘คนผีทะเล คอยดูนะ ฉันต้องฆ่านายหมก เออ...ที่ไหนดีถึงจะสาสม หมกป่าก็ธรรมดาไป อย่างนายนี่ต้องหมกโถส้วมไม่ต้องผุดต้องเกิดกันไปเลยยิ่งดี ถ้านายเผลอเมื่อไหร่ล่ะก็ เสร็จฉันแน่...’

“มาแล้วค่ะ ดาวรุ่งดวงใหม่ของเรามาแล้ว”

เสียงนั้นทำให้ทุกคนหันมามอง ‘ว่าที่ดาวรุ่งดวงใหม่’ เป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้นางเอกของเรื่องไพจิตรีมองเพื่อนรักอย่างแทบไม่เชื่อสายตา พระพายที่หล่อนรู้จักกลายเป็นหนุ่มน้อยรูปงามสง่าไปแล้ว ทั้งที่รู้หรอกว่าคนเป็นเพื่อนหน้าตาหล่อ แต่ใครจะคิดว่าจะหล่อดับชีพได้ขนาดนี้ ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นผู้หญิงล่ะก็แม่จะยื่นใบสมัคร ‘จีบ’ มันดูสักตั้ง

“มองอะไรไอ้เพต เห็นเขางอกจากหัวฉันเรอะ” พระพายต้องแอบกระซิบกระซาบไม่ให้ใครสังเกต

“ หล่อดี” ไพจิตรียอมรับเอาดื้อๆ

“ ฉันควรปลื้มดีไหมวะเนี่ย” คนถูกชมชักกลุ้ม

“ จริงสิ ว่าแต่ไม่กลัวอาม่ารู้แล้วเหรอ”

“ ก็เสียวๆ อยู่เนี่ย ฉันเผ่นตอนนี้ทันไหมแก” พระพายหันปรึกษา

“ ไม่ทันแล้วมั้ง นู้นเจ๊ฝนเรียกเข้าฉากแล้ว รีบไปก่อนองค์ลงเถอะ”

เจ๊ฝนคือผู้กำกับหนุ่มแต่ใจหญิงละเงยหน้าจากมอนิเตอร์ยิ้มๆ เมื่อร่างสูงสมาร์ทเดินตรงเข้ามาสมทบ

“ว้าว...คุณเฟิร์สไปหามาจากไหนคะเนี่ย ยิ่งดูยิ่งหล่อ หน้างี้ว้านหวานผู้หญิงยังชิดซ้าย ”

“ หน้าห้องน้ำหญิงครับ” คนตอบหัวเราะ หากเจ้าของเรื่องหน้าหงิก ตาเขียวปัดเมื่อได้ยินประโยคต่อมา

“ ทันเห็นหมอนี่ทำท่าจะแปลงร่างเป็นชาวถ้ำพอดี”

“ มันแปลว่าอะไรคะ” ชาวคณะสงสัย

“ ชาวถ้ำ ก็...” คนตอบมีกะใจหันมายิ้มให้คนถูกกล่าวหา “ถ้ำมอง...น่ะสิครับ”

“ ต๊าย คุณเฟิร์สนี่ช่างสรรหาอะไรมาพูดก็ไม่รู้”

“ อ้าว จริงๆ นะครับ ผมเห็นกับตาไอ้หนูหน้าหยกของเราทำท่าจะเข้าห้องน้ำหญิงซะด้วย”

“ อ้าว ทำไมคุณเฟิร์สรู้ล่ะฮะ” ใครฟังก็ต้องฉงน

“ ก็เผอิญเค้าเปิดไปเจอ...” ยังไม่ทันพูดจบ เสียงหนึ่งก็แทรกขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

“ ผู้ชายโรคจิตโชว์โป๊อยู่น่ะสิ” คนถูกว่าถึงกับตาเหลือก

“ วะ ไอ้หนูนี่ปากจัดจริงนะเรา คนเปลี่ยนเสื้อผ้า ใครเขาไม่โป๊บ้างล่ะ”

“ ก็ทำไมไม่รู้จักล็อคประตูเล่า” ไอ้หนูตะเบ็งอึงหายอมไม่ เสียงอื้ออึงรอบกายเงียบกริบ

“ เออ จริงของมัน” ฟารุตม์ยอมรับเอาดื้อๆ “แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้เป็นโรคจิตนา”

“ เราก็ไม่ใช่ถ้ำมองซักหน่อย” บทสนทนาที่กำลังจะแปรเป็นสงครามถูกยุติ

“เอาล่ะค่ะ คุณเฟิร์ส คุณน้องแพตตี้ขาได้เวลาเข้าฉากแล้วค่ะ ไปค่ะไป” ผู้กำกับใหญ่รีบต้อนพระนางไปเข้าฉาก พลางหันไปพยักเพยิดกับผู้ช่วยให้เข้ามาช่วยจัดการคนที่เหลือ

“ ใจเย็นๆ นะครับน้อง คุณเฟิร์สน่ะปกติไม่ค่อยต่อปากต่อคำกับใครแบบนี้นักหรอก ที่รู้ก็เพราะเคยร่วมงานกันมาก่อน พี่ยังแปลกใจว่าทำไมกับน้องถึงพูดจ๋อยๆ ขนาดถูกขึ้นเสียงใส่ยังไม่ยักโกรธ เป็นคนอื่นล่ะก็ บรื๋อ...พี่คนนึงล่ะขอหลบซักร้อยโยชน์พันโยชน์”

“ ทำไมฮะ”

“ ที่จริงเค้านิสัยดีนะ แต่เวลาทำงานจะจริงจังมากๆ แล้วถ้าไม่ชอบไม่สนิทกันจริงๆ ล่ะก็ พ่อไม่พูดไม่คุยเล่นด้วยเลย ดูอย่างนายน๊อตนั่นประไร โอ้ย...อย่าให้เซด เกือบ อุ๊บ...” คนเล่าเพลินตาเหลือกเมื่อถูกมืออุดปากหมับ

“คุณน้องขา...ได้เวลาเข้าฉากแล้วค่ะ ส่วนแกเจ้าต้นไปเลย นู้นไปประจำที่” เจ๊ฝนถลึงตาใส่ผู้ช่วย

“ มันพูดมาก อย่าไปฟังเลยนะคะ ” พระพายยิ้มฝืดหากไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

“ ซีนนี้เป็นซีนที่นางเอกกำลังสวีทกับแฟนหนุ่มก็คือคุณเฟิร์สพระเอกของเรื่องอย่างหวานชื่น โดยไม่รู้ว่าเพื่อนของพระเอกซึ่งก็คือคุณน้องที่แอบหลงรักนางเอกอยู่ ได้แต่เฝ้ามองเหตุการณ์นั้นด้วยความเจ็บช้ำอยู่ห่างๆ แบบว่ารักนะแต่ไม่กล้าแสดงออกน่ะค่ะ”

“ แล้วฉัน...เอ่อ...ผมต้องทำไงบ้างล่ะคะ เอ้ย...ครับ” พระพายรีบกดลิ้นทัน

“คุณน้อง...เอ่อ ชื่ออะไรนะฮ่ะ เจ๊ก็ลืมถาม” ผู้กำกับหนุ่มร่างยักษ์หันมาถาม

“ ชื่อ...เอ่อ...ลม” คนตอบอึกอักตอบเสียงแผ่ว

“ ลมอะไร ลมพัดลมเพ หรือ พัดลม หรือว่าลมอื่นกันครับผม” เสียงยั่วโทสะของพระเอกหนุ่มที่ยืนฟังอยู่ทำให้เจ้าของชื่อฉุนกึกจนได้

“ ลม ชื่อลมเฉยๆ” เสียงแข็งๆ ทำให้ผู้กำกับใหญ่ต้องรีบเข้าห้ามทัพอีกครั้ง

“ค่ะๆ คุณน้องลมเฉยๆ คือคุณน้องก็แค่ยืนมองไปที่นางเอกนิ่งๆ นะคะ แต่ต้องสื่อออกมาทางสายตาว่าเจ็บช้ำใจที่ไปรักแฟนเขาข้างเดียวน่ะค่ะ”

“ มันต้องทำไงฮะ ไอ้สายตาแบบว่ารักเขาข้างเดียวนี่น่ะ”

“ก็มองแบบว่าอยากเข้าไปสวีทกับนางเอกเหมือนที่พระเอกทำบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่านางเอกเค้าไม่ได้รู้ไม่ได้รักคุณน้องไงคะ ทำได้ไหม”

พระพายถอนหายใจเฮือก ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตนมานี่หล่อนยังไม่เคยไปแอบรักใครซักทีหากหล่อนไม่อาจอุทธรณ์อะไรได้ พอเสียงผู้กำกับสั่งเริ่ม หล่อนจึงได้แต่ยืนนิ่งเป็นหุ่น ดวงตาจ้องไปทางไพจิตรีที่เล่นเป็นนางเอกซึ่งกำลังพูดคุยหยอกล้อกับพระเอกตามบทอย่างตาไม่กระพริบ

“ เทคๆๆ เอาใหม่ๆ คุณน้องขา เกลียดชังอะไรนางเอกนักหนาคะ จ้องซะตาจะหลุด”

พระพายหันมายิ้มเจ๋อๆ หางตาตวัดไปทางพระเอกของเรื่องแอบทำเสียงกุกกักๆ ในคอ

“เริ่มใหม่นะคะ มองแบบนุ่มนวลนะคะ แบบรักเค้าน่ะค่ะ รักเค้า”

คราวนี้พระพายสูดหายใจเข้าปอดตั้งสติพลางมองไปที่เพื่อนสาวตาปรอย

“ เทคค่า เทคๆๆ น้องลมขา ง่วงนอนเหรอคะนั่น ทำไมมองตาปรอยอย่างนั้นคะ เอาใหม่นะคะเอาใหม่”

จนแล้วจนรอดพระพายก็ไม่อาจเข้าถึงบทและแสดงได้โดนใจผู้กำกับซักที หล่อนถูกเทคครั้งแล้วครั้งเล่า

“เทคค่ะเทคๆๆๆ โอ้ย ขอยาลมค่ะ เจ๊ลมจะใส่” คำบ่นนั้นทำให้ฟารุตม์อดหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วพระพายก็แอบเห็นชายหนุ่มเดินเข้าไปหาผู้กำกับที่ทำท่าจะเป็นลมเป็นแล้งพลางกระซิบอะไรบางอย่าง จู่ๆ เจ๊ฝนผู้กำกับก็พยักหน้าหงึกๆ เหมือนเห็นด้วย

“ คุณน้องลมขา ออกมาตรงนี้ก่อนค่ะ” พระพายเดินออกมาจากฉากอย่างงงๆ

“ เดี๋ยวคุณเฟิร์สจะแสดงเป็นตัวอย่างให้ก่อนนะคะ จับตาดูให้ดีนะคะ” แม้ไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก หากพอเสียงผู้กำกับสั่งเริ่มเท่านั้น พระพายกลับไม่อาจละสายตาจากชายหนุ่มไปได้อีกเลยแม้อึดใจเดียว

อาการมองนิ่งๆ ไม่ต่างจากที่หล่อนทำ หากเขากลับดึงดูดอารมณ์ให้คนดูรู้สึกลมหายใจสะดุด ดวงตาสวย ฉายรอยอ่อนหวานซึ้งปนเศร้า และเจ็บปวดรวดร้าวออกมาจนคนมองนึกสงสารจนอยากเดินเข้าไปสวมกอดปลอบใจ

‘เฮ้ย!! บ้าๆๆ คิดได้ไงเนี่ยเรา กอดหมอเนี่ยนะ ต่อให้โลกแตกไปซะตรงหน้าก็ไม่มีวัน ’

“ เยี่ยมค่ะ อย่างนี้แหละที่เจ๊อยากได้ คุณน้องลมขา สายตาแบบนี้เลยค่ะ เดี๋ยวเอาให้ได้แบบคุณเฟิร์สเมื่อกี้เลยนะคะ”

พระพายจำใจเดินเข้าฉากพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ หากพอเดินสวนกับพระเอกของเรื่องอาการดังกล่าวก็แทบหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อร่างสูงโน้มกายกระซิบเบาๆ ข้างหู

“ ถ้าคิดจะเป็นตัวถ่วงคนอื่นด้วยการแสดงห่วยๆ แบบนี้ล่ะก็ ฉันจะเรียกนายว่า...ไอ้หมาขี้แพ้แล้วตามจองล้างจองผลาญนายไปตลอดชีวิตเลย คอยดู”

“ นี่...นาย” พระพายฉุนกึกหันไปจะเอาเรื่อง หากชายหนุ่มกลับเดินลอยชายไปประจำที่ของตนเรียบร้อย...ไอ้หมาขี้แพ้เหรอ หนอย...คิดว่านายเป็นใครมาเรียกฉันแบบนี้ คอยดูให้ดีละกัน...

พระพายสูดลมหายใจลึกๆ ตั้งสมาธิมั่น ในสมองพยายามระลึกถึงท่าทางของชายหนุ่มที่แสดงออกว่ารักเอ่อล้นออกมาจากจากหัวใจ ความรัก...สิ่งที่ชีวิตนี้หล่อนไม่เคยรู้จัก เอาล่ะ มาลองดูกันซักตั้งน่า

ร่างสูงโปร่งยืนนิ่ง ดวงตาคู่สวยมองภาพการหยอกล้อของคู่พระนางในเรื่องอย่างหวานชื่นไม่วางตา หากแววตาเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ความอ่อนหวานเจือด้วยเจ็บปวดรวดร้าวในรักรันทดที่ไม่สมหวัง ดวงตาที่เต้นระริกด้วยแววอิจฉาในความรักของคนทั้งคู่จนท้ายสุดต้องแสดงอาการออกมาด้วยการกำมือทั้งสองแน่นระงับอารมณ์ ทำเอาใครต่อใครหายใจติดขัด และตื้อขึ้นมาในอกด้วยความสงสารเห็นใจ

“ คัตค่ะ!!” พอสิ้นเสียงประกาศก้องนั้น หญิงสาวก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ เลิศค่ะ เลิศมากค่ะคุณน้อง เท่ห์สุดๆ น่าสงสารสุดๆ นี่เจ๊เกือบลืมตัววิ่งเข้าไปกอดแล้วนะคะ” คนเป็นผู้กำกับออกอาการปลื้มสุดๆ “ เอ้า พักห้านาทีค่ะ”

“เก่งนี่...” เสียงนั้นทำให้หญิงสาวหันขวับ นัยน์ตาเขียวปัด

“ ฉันไม่มีวันยอมให้หน้าไหนมาสบประมาทว่าไอ้หมาขี้แพ้ได้หรอก อย่าหวังเลย”

“ หึๆ ดีมาก จำความรู้สึกนี้ไว้อย่าลืมซะล่ะ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น”

พระพายชะงักกึก พอรู้สึกตัวร่างนั้นหายลับไปจากที่นั้นแล้ว

******************************************************

“ เฮ้อ...ในที่สุดก็ถ่ายเสร็จซักที เหนื่อยไหมยัยลม”

ไพจิตรีทิ้งตัวลงพิงโซฟาหรูอย่างอ่อนแรง อันที่จริงการแสดงไม่กี่ฉากนั้นไม่ทำให้เหนื่อย ทว่าการนั่งลุ้นคนเป็นเพื่อนให้รอดแต่ละฉากไปได้นี่สิ

เฮ้อ...เหนื่อยพิลึก

คนถูกถามไม่ตอบ หากทิ้งกายลงนอนพังพาบกับพื้นห้องของคนเป็นเพื่อนโดยไม่แม้แต่จะถอดรองเท้า

“ อ้าวๆ จะนอนละหรือ ไม่หิวไม่โหยเลยหรือไงจ๊ะ พ่อดาราใหญ่”

“ ขืนพูดอีกคำล่ะก็ แกแหละจะถูกเขมือบ” คนพูดผงกหัวตอบก่อนล้มตัวนอนอีก ทำเอาเจ้าของห้องค้อนขวับ

“ แต่ว่าไปแกก็เก่งนะ แสดงแค่ครั้งแรก แต่ทำให้เจ๊ฝนชมแล้วชมอีกได้นี่ไม่ธรรมดาเลย ขนาดนายน๊อตที่ว่าแน่เจ๊แกยังไม่เคยออกปากขนาดนี้ด้วยซ้ำ”

“ พอๆ อิ่มละ ข้าวปลาไม่ต้องกงต้องกินกัน” พระพายงึมงำทั้งที่ตายังปิด

“ แต่คุณเฟิร์สนี่สิ น่าแปลก” ดาราสาวผงกร่างขึ้น ชื่อนั้นทำให้คนนอนอุตุตาสว่าง

“ แกรู้ไหมเขาน่ะได้ฉายาว่าอะไร?”

“ จะไปรู้เรอะ ฉายาดาราโรคจิตมั้ง”

“ บ้า!” ไพจิตรีหวดแขนคนพูดอย่างเหลืออด

“ แกน่ะซิโรคจิต หนอย อย่าให้แฟนคลับเขาได้ยินเชียะ พี่เฟิร์สน่ะเขามีฉายาว่า...เจ้าชายน้ำแข็งหินต่างหากล่ะยะ คือนอกเวลาอาจคุยเล่นสนุกสนานก็จริงแต่พอทำงานน่ะเขาจะจริงจังมากๆ เลย ดาราจะใหม่จะเก่าถ้าแสดงไม่ได้เรื่อง เพียงแค่เขาเอ่ยปาก ก็มีสิทธิ์ดับได้ง่ายๆ ใครไม่รู้จักก็จะว่าขี้เก๊ก ว่าหยิ่ง เย็นชาบ้างล่ะ อย่างนายน๊อตนั่นไง จะโดนฟาดปากมาหลายหนแล้ว แต่สำหรับแกนี่ทำไมน้า...”

“ ทำไม สำหรับฉันทำไม”

“ ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าเขาดูใจดีกับแกมากเลยนะ คิดดูสิคนเพิ่งรู้จักกัน ใครจะกล้าลากมาแสดงมิวสิคเปิดตัวอัลบั้มใหม่แบบนี้กัน”

“ ก็มันจำเป็นไง ไม่งั้นงานพัง นายนั่นก็มีหวังอนาคต...ดับวูบ” คนฟังอดขัดคอไม่ได้

“ แกไปอยู่หลังเขาลูกไหนมานี่” ไพจิตรีแหว “ พี่เฟิร์สน่ะดาราคิวทอง แถมยังเป็นนักร้องยอดนิยมด้วยนะยะ เรื่องไหนเรื่องนั้นถ้ามีชื่อเขาล่ะก็ เชื่อขนมกินได้เรตติ้งกระฉูด แล้วทุกอัลบั้มน่ะติดชาร์ตเพลงฮิตก็มากนะจ๊ะ เอ่อนี่...”

“อาราย” เสียงพูดเริ่มยานคาง

“ ตอนที่แกแสดงไม่ได้น่ะ ฉันเห็นเขาไปกระซิบกระซาบอะไรกับแกเหรอ พอเข้าฉากปุ๊บถึงได้เทคเดียวฉลุยแบบนั้น”

“ เชอะ” พระพายนึกถึงคำพูดของชายหนุ่มแล้วอดฉุนขึ้นมาไม่ได้ “ คนอวดดี ร้ายกาจ ปากมอม”

“ หืม เขาว่าอะไร” ดาราสาวผุดลุกขึ้นนั่งอย่างสนใจ

“ เขาก็ด่าฉันสิว่าถ้าฉันขืนแสดงห่วยๆ เป็นตัวถ่วงคนอื่นล่ะก็ เขาจะเรียกฉันว่า
ไอ้หมาขี้แพ้ แล้วตามจองล้างจองผลาญฉันตลอดชีวิตนะสิ”

“ หา...เขาพูดอย่างนั้นจริงอ่ะ” ไพจิตรีตาโต

“ ก็เออนะสิ ใครจะโกหก บอกแล้วไงนายนี่มันปากมอม”

“ แปลกจัง”

“ แปลกอะไร”

“ ก็แปลกที่เขาเอาใจใส่แกมากผิดปกติน่ะสิ”

“ หา...” พระพายผงกศีรษะขึ้น “ ด่าฉันซะเสียคนแบบนั้นน่ะนะเรียกเอาใจใส่”

“ แกอาจคิดว่าเขาด่านะ แต่ฉันว่าเขาท่าทางจะชอบแกมากเลยนะ”

“ ว่าไงนะ”

“ คิดดูนะ ถ้าไม่ชอบ ทำไมก่อนกลับฉันได้ยินเขาแอบไปถามใครต่อใครว่ามีเบอร์โทรแกบ้างหรือเปล่า คิดดูฉันเองยังโดนถามเลย”

“ หา” คราวนี้พระพายถึงกับผุดลุกขึ้นนั่ง “แล้วแกให้ไปหรือเปล่า”

“ เปล่า ฉันบอกว่าไม่มี ” คนฟังถอนหายใจ หากประโยคต่อมากลับทำเอาหล่อนตาค้าง

“ แต่เขาว่าไม่เป็นไร เขาจะพยายามสืบหาเบอร์แกเอาเองน่ะสิ”

(โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ)

******************************************************
คุยท้ายเรื่องค่ะ...^ v ^

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ไรเตอร์ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ^ v ^ สำหรับเรื่องนี้มีในสต๊อกอยู่ประมาณนึง ช่วงนี้ก็อาจจะมาลงให้ได้อ่านเกือบทุกวันนะคะ
และใครที่เคยติดตามอ่านเรื่องทรายเทียมเพชร ของ Winchaya ก็ขอบอกว่าทั้งสองเรื่องนี้เเต่งโดยผู้เขียนคนเดียวกันนะคะ แต่เรื่องนี้ใช้นามปากกาว่า เสี้ยวตะวัน ซึ่งเป็นนามปากกาดั้งเดิมค่ะ ฉะนั้นถ้าไปเห็นที่เว็ปอื่นว่าเป็นอีกนามปากกาก็อย่าได้แปลกใจนะคะ

ยังไงก็ขอฝากทั้งสองเรื่องไว้ในอ้อมใจของทุกๆ คนด้วยนะคะ

และช่วงนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆ ที่ตอนนี้กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมด้วยอีกหนึ่งคนนะคะ ขอให้สู้ๆ อย่าได้ยอมแพ้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^ v ^

ด้วยรักจากใจ

เสี้ยวตะวัน (Winchaya) ค่ะ

ตอบคอมเม้นต์ค่ะ

คุณ Auuuu : ถือเป็นรีดเดอร์คนแรกที่แสดงตัวของเรื่องนี้เลย ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ยังไงขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ

คุณลิขิตรา : นามปากกานี้ต้องแปลว่าเป็นคนรักการเขียนแน่ๆ เลย 555 รู้ได้ไงอ่ะ ว่าพระเอกของเราเป็นคนน่ากลัว อิอิ แต่ขอเตือนว่า ถ้าลองอ่านไประวังจะตกหลุมรักน้า...

คุณ Milbol : เย้...ดีใจจังที่ทำให้ขำได้ค่ะ แต่แอบเสียใจหน่อยๆ ที่ทำให้เสียน้ำตา แหะๆ ย้อเย่นจ้า

คุณหมูอ้วน : รีดเดอร์คนนี้เป็นแฟนนิยายทั้ง 2 เรื่องเลย ว้าวววว ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณหลายๆ ค่ะ

คุณ anOO: ไม่รู้จริงๆ ค่ะ ดูเหมือนพระเอกของเรานี่จะตาถั่วไปหน่อย แต่ว่าอิมเมจของนางเอกเรื่องนี้ ในจินตนาการนั้นหล่อมากกกก และบุคลิกห้าวได้โล่ห์ จนถ้าไม่บอกก็จะเดาไม่ถูกเลยล่ะค่ะ ว่าเป็นผู้หญิง




winchaya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ต.ค. 2554, 20:46:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ต.ค. 2554, 20:52:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1788





<< ตอนที่่ 2 ชีเปลือยรูปหล่อ vs ไอ้หนูถ้ำมอง   ตอนที่ 4 จูบสายฟ้าฟาด >>
Auuuu 9 ต.ค. 2554, 21:12:23 น.
ลุ้นไปกับนางเอกนะนี่ กลัวโดนอาม่าบ่น XD


pattisa 9 ต.ค. 2554, 21:15:22 น.
นั่นแน่ นายเฟิร์สแอบรู้ว่า เป็นผู้หญิงหรือเปล่าน้าา :D


milbol 9 ต.ค. 2554, 23:59:50 น.
นายเฟิร์สเป็นเกหรอ (55+ ไม่ใช่มั่ง ใช่ปะ \\\>.<///)


หมูอ้วน 10 ต.ค. 2554, 10:41:48 น.
ชอบทั้ง 2 เรื่องเลยค๊ะ
มาอัพบ่อย ๆ นะค่ะ


anOO 10 ต.ค. 2554, 18:08:26 น.
ตายแล้ว ถ้าเอ็มวีออก แล้วนายลมดันดังขึ้นมาล่ะ จะทำยังไงกัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account