รักนี้...หัวใจ (ไม่) กำมะลอ
“ ฉันไม่ใช่ผู้ชาย ฉันไม่ใช่กระเทย และแน่นอนว่าไม่ได้เป็นทอมด้วย!”
จุ๊ๆ ....จุ๊ๆ รู้แล้วเหยียบ รู้แล้วอย่าบอกใครเชียวนะ ว่าอีตาซุป’ตาร์ (บอด+บื้อ) คนนั้นทั้งตาบอดและตาต่ำยิ่งกว่าตาตุ่มแค่ไหน ที่ดั๊นมาติ๊ต่างเอาเองว่าสาวน้อยน่ารักอย่างฉันเป็นไอ้หนุ่มน้อยหน้าหยกไปซะได้ แถมยังไม่พออีตาบ้านั่นยังมายัดเยียดข้อหา “ไอ้หนูนักถ้ำมอง” แล้วจับฉันมาเล่นเป็นพระเอกมิวสิคให้มันอีกต่างหาก ฮึ! มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้...ฝาหลุดเอ้ย...
เออ รู้แล้วน่าว่าฉันมันเป็นของแปลก แล้วไง หา...ช่วยไม่ได้นี่ที่ฉันอยากเกิดมาหล่อผิดมนุษย์แบบนี้ แต่ถึงหน้าตาฉันมันจะไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป นายก็ไม่มีสิทธ์มาปล้นหัวใจกันแบบนี้นะโว้ย
แล้วเมื่อไหร่นายจะรู้สักทีนะว่าไอ้หนูที่นายเก็บมาปั้นให้ดังในชั่วข้ามคืนคนนี้ แท้ที่จริงแล้วรู้สึกยังไงกับนายกันแน่...
ไม่มีคำอธิบายอะไร นอกจากลองอ่านดูสักครั้งสิ แล้วคุณจะหลงเสน่ห์ “นายซุปตาร์หนุ่มกำมะลอ” แสนน่ารักน่าหยิกคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น คำเตือน++ อย่าเชื่อจนกว่าจะได้อ่านเองนะ ขอบอก!!!
จุ๊ๆ ....จุ๊ๆ รู้แล้วเหยียบ รู้แล้วอย่าบอกใครเชียวนะ ว่าอีตาซุป’ตาร์ (บอด+บื้อ) คนนั้นทั้งตาบอดและตาต่ำยิ่งกว่าตาตุ่มแค่ไหน ที่ดั๊นมาติ๊ต่างเอาเองว่าสาวน้อยน่ารักอย่างฉันเป็นไอ้หนุ่มน้อยหน้าหยกไปซะได้ แถมยังไม่พออีตาบ้านั่นยังมายัดเยียดข้อหา “ไอ้หนูนักถ้ำมอง” แล้วจับฉันมาเล่นเป็นพระเอกมิวสิคให้มันอีกต่างหาก ฮึ! มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้...ฝาหลุดเอ้ย...
เออ รู้แล้วน่าว่าฉันมันเป็นของแปลก แล้วไง หา...ช่วยไม่ได้นี่ที่ฉันอยากเกิดมาหล่อผิดมนุษย์แบบนี้ แต่ถึงหน้าตาฉันมันจะไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป นายก็ไม่มีสิทธ์มาปล้นหัวใจกันแบบนี้นะโว้ย
แล้วเมื่อไหร่นายจะรู้สักทีนะว่าไอ้หนูที่นายเก็บมาปั้นให้ดังในชั่วข้ามคืนคนนี้ แท้ที่จริงแล้วรู้สึกยังไงกับนายกันแน่...
ไม่มีคำอธิบายอะไร นอกจากลองอ่านดูสักครั้งสิ แล้วคุณจะหลงเสน่ห์ “นายซุปตาร์หนุ่มกำมะลอ” แสนน่ารักน่าหยิกคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น คำเตือน++ อย่าเชื่อจนกว่าจะได้อ่านเองนะ ขอบอก!!!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 4 จูบสายฟ้าฟาด
ตอนที่ 4
“ ผมรักคุณ”
เสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอกกับหญิงสาวอย่างแผ่วเบา เจ้าหล่อนเงยหน้าสบสายตาคมกริบราวกับต้องมนต์สะกด ดวงตาคู่งามปรากฏรอยชื้นทำให้เจ้าตัวต้องกระพริบตาถี่ๆ
“ แต่งงานกับผมนะครับ”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหวาน “ โอ...นี่เรื่องจริงเหรอคะ ฉันไม่ได้ฝันไปใช่หรือเปล่า”
ดวงหน้าคมคายโน้มเข้าหาก่อนประทับรอยจุมพิตที่ริมฝีปากบางสวยของหญิงสาวที่หลับตาพริ้มอย่างแผ่วเบา
“ ทีนี้รู้หรือยังครับว่าความฝันหรือความจริง”
“ โอ...ที่รัก” ร่างบางโผเข้าสู่อ้อมอกแข็งแรงของอีกฝ่าย
“ผมสัญญาว่าผมจะรักคุณคนเดียวตลอดไป...” ทั้งสองตระกองกอดกันอย่างแนบแน่น
“คัต!!! ปิดกล้องได้” พอสิ้นเสียงนั้น ทุกคนก็ระเบิดเสียงเฮลั่น
“ เหนื่อยไหมคุณเฟิร์ส รับรองเรตติ้งกระฉูดอีกแน่ๆ เพราะคุณแท้ๆ เลยนะครับเนี่ย”
พระเอกหนุ่มยิ้มรับ เขาทุ่มเทเรี่ยวแรงและฝีมือทุกอย่างเต็มที่เสมอ เพื่อให้ผลงานทุกสิ่งออกมาดีที่สุด
“ ไม่ใช่เพราะผมคนเดียวหรอกครับ พี่ต้องขอบคุณพวกเราทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจกัน อ้อ ที่ลืมได้ก็ต้องเป็นผู้กำกับคนเก่งของเราที่ทำให้ผลงานออกมาดีต่างหาก” ผู้กำกับยิ้มปลื้ม
“ พอครับอิ่มลูกยอละ เย็นนี้ไม่ต้องกินข้าวปลากันล่ะ เออ จริงสิครับ เย็นนี้เราจะมีงานเลี้ยงปิดกล้องกัน ถ้าคุณไม่มีนัดที่ไหนก็เชิญไปร่วมหน่อยสิครับ”
“ ว้า...ถ้าเย็นนี้ผมคงต้องขอตัวครับ พอดีวันนี้ผมมีนัดแล้ว”
“ ฮั่นแน่ นัดสาวที่ไหนไว้ครับ หรือว่าคุณแพตตี้คนสวย ที่จริงคุณน่าจะชวนเธอมาร่วมงานด้วยก็ได้นี่ครับ”
“ โธ่...หาเรื่องให้ผมเป็นข่าวฉาวเสียแล้วสิครับ ผมนัดกับเพื่อนน่ะครับ เพื่อนสนิท เธอเพิ่งกลับจากเมืองนอก ผมจะไปรับที่สนามบินแล้วเลยไปเที่ยวต่อนิดหน่อย ถ้าพี่ไม่มีอะไรแล้วผมต้องขอตัวเลยละกันนะครับ”
“ ตามสบายเลยครับ ผมจะไปเก็บงานอีกนิดหน่อยเหมือนกัน ว่าแต่แค่เพื่อนแน่หรือครับ เอาน่าผมไม่คาบไปบอกนักข่าวหรอก” คนพูดสัพยอกอย่างสนิท
สนม
“ เพื่อนครับ อยากเป็นมากกว่านั้นเหมือนกันแต่เธอจัสเซย์โนลูกเดียว ผมเลยรับประทานแห้วไป คงต้องไปก่อนล่ะครับ เดี๋ยวไปช้าเธอจะถวายบังคมลาหนีหายไปอีก คราวนี้จะไม่ใช่แค่แห้ว แต่คงได้เหมาเป็นเจ้าของไร่ระกำกันล่ะ”
ผู้กำกับหนุ่มหัวเราะขบขันมุขของพระเอกรูปหล่อ ใครจะรู้บ้างว่าชายหนุ่มเจ้าของฉายา “เจ้าชายน้ำแข็งหิน” ผู้นี้แท้จริงเป็นคนที่รุ่มรวยอารมณ์ขันแค่ไหน
ที่สนามบินตรงช่องผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ มีผู้คนพลุกพล่านทั้งผู้โดยสารและคนมารับ หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวผู้หนึ่ง หล่อนมีรูปร่างสูงโปร่งค่อนข้างแบบบาง ผิวขาวนวลราวกับปุยหิมะ ตลอดจนดวงหน้าหวานสวยจนใครต่อใครต้องเหลียวมองแทบคอเคล็ด หากเจ้าหล่อนเอาแต่เหลียวซ้ายแลขวามิได้สนใจต่อสายตาของคนรอบข้างแม้แต่น้อย
“ จ๊ะจ๋า...ทางนี้ครับ” จ๊ะจ๋า หรือชื่อเต็มๆ จารุดา หันขวับมองทางต้นเสียง คิ้วสวยขมวดเล็กน้อยเหมือนไม่แน่ใจ หากเมื่ออีกฝ่ายอ้าแขนรับ เจ้าหล่อนจึงคลี่ยิ้มกว้างก่อนโผสู่อ้อมกอดนั้นอย่างเต็มใจ ภาพนั้นทำให้ใครต่อใครมองด้วยความชื่นชม เพราะคนทั้งสองจะดูมุมไหนก็เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก เข้าตำราผู้หญิงสวย ผู้ชายหล่อทั้งคู่
“ แหม...คิดถึงจัง” น้ำเสียงหวานกระซิบข้างหู “คิดว่าจะไม่มีใครมารับแล้วซะอีก”
“ ไม่มาได้ไงครับ ยอดดวงใจกลับมาทั้งที นี่ก็นับวันตั้งตารอเลยนะ”
“ คารมยังดีเหมือนเดิม อย่ามาขายขนมจีบหน่อยเลย จ้างก็ไม่ซื้อหรอก” หญิงสาวเชิดจมูกรั้นๆ ขึ้นอย่างหมั่นไส้
จารุดาผละออกจากอ้อมแขนนั้น พลางส่งกระเป๋าให้อีกฝ่ายช่วยรับไปถือ
“เมื่อกี้จ๊ะจ๋าเกือบจำเฟิร์สไม่ได้แน่ะ แหม อยู่ในร่มแท้ๆ แต่ดันใส่หมวก ใส่แว่นกันแดดอันบะเริ่มเทิ่ม เท่ห์ซะไม่มีดี” คนพูดหัวเราะเสียงใส
“ ตกลงนี่ เท่ห์ดีหรือไม่ดีกันแน่ครับ จะว่าไปต้องขอบคุณไอ้เจ้าหมวกกับแว่นนี่นะ เพราะมันช่วยให้ใครต่อใครจำผมไม่ได้ ไม่งั้นอย่าหวังเลยว่าจะได้ยืนคุยกันอย่างสงบสุขโดยไม่ต้องมีสายตาใครคอยจับจ้องตลอดเวลาแบบนี้ ไม่งั้นล่ะก็คุณอาจกลายเป็นผู้โชคดีได้ลงหน้าหนึ่งพรุ่งนี้เช้ากับพระเอกและนักร้องเบอร์หนึ่งของเมืองไทยโดยไม่รู้ตัว”
“ ต๊าย ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือคะ ไม่ยักรู้นะเนี่ย การเป็นดาราคนดังนี่ก็ถือเป็นกรรมได้อย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่ เอ...” คนพูดเหลียวซ้ายแลขวา “ มาคนเดียวเหรอคะ”
“ ก็ใช่สิครับ จะให้มากับใครล่ะ” แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร หากเขาก็แสร้งทำเฉยเสีย หากเมื่อเห็นดวงหน้าหวานหม่นแสงลงทันควัน เขาก็เป็นฝ่ายอดรนทนไม่ได้แทน
“ เจ้าพอซช์มันติดงานน่ะ อันที่จริงมันก็อยากมาด้วยแหละ แต่เบี้ยวไม่ได้ก็เลยให้ผมมารับคุณแทน แต่เดี๋ยวเย็นๆ มันบอกว่าจะมาหาคุณให้เร็วที่สุด โอเค้?”
เท่านั้นเอง คนฟังก็ยิ้มออก แม้จะเจ็บใจหากชายหนุ่มจะทำอะไรได้ ในเมื่อเขาสมัครใจเป็นแค่ตัวคั่นเวลาก็ทำได้แค่ก้มหน้ารับเท่านั้น ใบหน้าหล่อเหลาที่ใครเห็นเป็นต้องรักต้องหลงเสน่ห์กันทั้งประเทศ หากกับคนที่เขาต้องการให้หลงเพียงคนเดียวกลับมองข้ามไปเสียได้ มันน่าเจ็บใจน้อยหรือเล่า!
“ รีบไปกันดีกว่า” ศิลปินหนุ่มตัดบท
“ ดีค่ะ ชักหิว”
“ งั้นไปกัน ผมรู้จักร้านอาหารไทยอร่อยๆ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปเลี้ยงต้อนรับให้เต็มคราบเลย”
“ งานนี้ไม่เมาหัวทิ่มไม่เลิกอีกหรือเปล่า” หญิงสาวเอียงคอถาม เพราะอีกฝ่ายเคยประกาศลั่น
“ ไม่เมาไม่เลิก ตะวันไม่เบิกฟ้า ไม่ลุก” หากผลสุดท้ายคนประกาศนอกจากจะไม่ได้ลุกแล้วกลับเมาหัวทิ่มจนลุกไม่ขึ้นอีกต่างหาก
“ น่า...ผมไม่ทำคุณขายขี้หน้าเหมือนครั้งก่อนหรอก” ชายหนุ่มรับรองอย่างแข็งขัน พลางงอแขนให้ หล่อนแย้มยิ้มอย่างสดใสก่อนสอดแขนเดินควงคู่กับเขาไปอย่างมีความสุข ภาพหวานชื่นดังกล่าวถูกมือดีที่ประสงค์ร้ายแอบตามสะกดรอยเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้ได้โดยที่เจ้าของภาพไม่รู้ตัว
นักร้องเบอร์หนึ่งของเมืองไทยควงสาวนอกวงการแสนสวยทำสวีทโชว์กลางสนามบินไม่แคร์สายตาสื่อ
พาดหัวข่าวแบบนี้หากตัวเอกในข่าวเป็นคนอื่นอาจไม่น่าสนใจ หากผู้ที่ตกเป็นข่าวคราวนี้คือ เฟิร์ส - ฟารุตม์ นักร้องเบอร์หนึ่งของเมืองไทยในเวลานี้ ซึ่งได้ชื่อว่าเก็บเนื้อเก็บตัวรักษาภาพลักษณ์ได้ดียิ่ง เขาไม่เคยมีข่าวฉาวกับใครไม่ว่าจะเป็นในวงการหรือนอกวงการแม้แต่ครั้งเดียว ในแวดวงปาปารัสซี่ทั้งหลายต่างพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะเก็บภาพลับเฉพาะของเขาให้ได้ แต่ก็คว้าน้ำเหลวตลอด คราวนี้แหละ วงการข่าวซุบซิบต้องฮือฮากับข่าวนี้แน่ และภาพลับของเขาก็จะทำเงินให้เขาได้เป็นกอบเป็นกำทีเดียว
แต่...ถ้าจะลงข่าวแค่นี้คงไม่แรงพอ มันน่าจะใส่สีเติมผงชูรสแล้วตีให้แรงยิ่งกว่านี้อีกหน่อยดีกว่า!!! ปาปารัซซี่มือดีหมายมั่นปั้นมือ
ร้านที่นักร้องสุดหล่อพาสาวในดวงใจของเขาไปคือร้านอาหารกึ่งผับหรูของเพื่อนของเขา ที่วันนี้ดูท่าในร้านจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะลานจอดรถต้องรองรับรถหรูหลายคัน แถมในส่วนที่เป็นผับนั้นแน่นขนัดด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ที่น่าจะมาร่วมงานเลี้ยงหรือไม่ก็อาจมาสังสรรค์รวมรุ่นเทือกนั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องเลี่ยงควงหญิงสาวไปนั่งในมุมที่ค่อนข้างลับตาด้านนอกร้านที่เจ้าของตกแต่งไว้บริการแขกที่ชื่นชอบธรรมชาติเพราะรอบบริเวณเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่เจ้าของนำมาปลูกอย่างมีรสนิยม ฟารุตม์เลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวอย่างเอาใจ
“ ร้านสวยจังเลย การตกแต่งก็น่ารักด้วยสิ แหม เฟิร์สนี่รู้ใจจ๊ะจ๋าที่สุดเลย ”
จารุดามอบไปรอบๆ ตัวอย่างเพลิดเพลิน สายตาของนักออกแบบอย่างหล่อนเป็นประกาย ซึ่งนั่นทำให้นักร้องหนุ่มยิ้มปลื้ม
“ ไม่ใช่แค่ร้านที่สวยนะ อาหารเค้าก็อร่อยด้วย ผมเลยชอบมานั่งบ่อยๆ ”
“ อะแฮ่ม มาคนเดียวเหรอ หรือว่ามากับใครจ๊ะ” หญิงสาวเอียงคอมองอย่างแกล้งจับผิด
“ โอ้ย เยอะแยะนับไม่ถ้วน จะให้จารไนมั้ยล่ะทูนหัว” คนพูดยิ้มทะเล้นที่น้อยคนนักจะได้เห็นทว่ารอยยิ้มนี้ก็หุบฉับเมื่อเห็นสายตาอีกฝ่ายที่วาววับของอีกฝ่าย
“ ฮั่นแน่ หึงอ่ะดิ”
“ อย่ามาสำคัญตัวผิดนะ”
“ โธ่ หึงก็บอกมาเหอะน่า” ดวงตาคมที่เคยทำให้ใครต่อใครใจละลายมองอย่างคาดคั้น เท่านั้นเองคนถูกมองก็หลุดหัวเราะออกมา เสียงใสราวกับระฆังแก้วทำให้นักร้องหนุ่มหัวใจกระตุกวูบ
“ พอละๆ เลิกเล่น พูดอะไรก็ไม่รู้ หึงเหิงอะไรกัน เหลวไหลน่า” หัวใจของเขาเหี่ยววูบไปทันที หญิงสาวยิ้มหวาน เพราะความที่คบกันมานานทำให้จารุดาไม่ถือสาเอาคำพูดของเพื่อนชายที่หล่อนรู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียนมาเป็นสาระสำคัญ ฟารุตม์ก็คือฟารุตม์ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาคือผู้ที่เป็นเพื่อนชายคนสนิทที่หล่อนรู้จักมานาน เพื่อนที่รู้ใจ เพื่อนที่หล่อนให้ความสนิทสนม ไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่านั้น แม้หล่อนจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง จารุดาก็พยายามวางตัวเป็นเพื่อนกับเขาด้วยดีเรื่อยมา
“ เฮ้อ...วัยรุ่นเซ็งเลย ทำไมหักอกกันอย่างนี้ล่ะจ๊ะทูนหัว เมื่อไหร่จะใจอ่อนซักทีล่ะ” น้ำเสียงตัดพ้อปนความน้อยใจ
“ พอล่ะ ไม่ต้องมาทูนหงทูนหัว เลิกเล่นเหอะ ไหน มีอะไรอร่อยก็นำเสนอมา เร็วๆ จ๊ะจ๋าหิวจะแย่ละ อาหารบนเครื่องไม่ถูกปากเลย ให้ตายเหอะ”
ดวงหน้าหล่อเหลางอหงิก ขัดใจกับทีท่าของอีกฝ่ายที่เห็นทุกอย่างที่เขาทำเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระซะเรื่อย ทั้งที่เขาแสดงทีท่าออกมาอย่างเปิดเผย หากจารุดาก็ยังคงรักษาระยะไม่ให้ล้ำเส้นของคำว่าเพื่อนเท่านั้น
“ ตอบเอาใจหน่อยก็ไม่ได้ ถามจริงๆ นะ เมื่อไหร่คุณจะใจอ่อนกับผะ...” ยังไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์ของฟารุตม์ก็ดังขึ้น หากเมื่อเห็นเบอร์ที่ปรากฏหน้าจอเท่านั้น ดาราหนุ่มก็ทำหน้าหน่ายโลก หงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ ว่าไง โทรมาจังหวะดีเหลือเกินนะ” น้ำเสียงห้าวสะบัดใส่อย่างประชดประชัน หากปลายสายกลับหัวเราะไม่ถือสา
“ไม่ได้สิ เดี๋ยวแกทำคะแนนแซงฉันขึ้นมาก็แย่สิ ขอสายหวานใจฉันหน่อยซิ อยู่ข้างๆ ใช่หรือเปล่า” ฟารุตม์นึกหมั่นไส้ ยิ่งได้ยินสรรพนามที่ปลายสายเรียกหญิงสาว ก็แทบอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งซะเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่นึกเกรงใจสายตา
ของหญิงสาวที่นั่งจ้องมองมาล่ะก็ แต่ในที่สุดแล้วเขาก็จำต้องตัดใจยื่นสายให้โดยดี
“อ่ะ สายคุณแน่ะ”
“ ใครคะ” ดวงตาหวานเป็นประกาย
“ ก็ใครล่ะที่คุณอยากเจอน่ะ”
“ พอซซ์! พอซซ์โทรมาเหรอคะ” เจ้าของโทรศัพท์พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
เท่านั้นเอง จารุดา ก็คลี่ยิ้มสดใสก่อนกรอกเสียงหวานลงไป “ พอซช์คะ จ๊ะจ๋าพูดค่ะ ทำไมไม่มารับเองล่ะคะ ”
ดวงหน้าหล่อเหลางอง้ำ ทั้งริษยาและหมั่นไส้มนุษย์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าคนปลายสายมายืนเบื้องหน้าเขาสาบานได้ว่าจะตะบันหน้าให้ซักสองสามหมัด หนอย...ตัวไม่อยู่ ยังอุตส่าห์ส่งเสียงมารบกวนหัวใจซะได้
“ ค่ะ จ๊ะจ๋าอยู่กับเฟิร์สค่ะ ก็จริงสิคะ จะโกหกทำไม คุณก็รู้นี่คะว่าจ๊ะจ๋าไม่เคยโกหกคุณ ยังจะมาแกล้งล้อกันอีก...” เสียงใสหวานกระเง้ากระงอดคงจับจิตคนฟังปลายสาย หากกลับแสลงหูคนอยู่เคียงข้างที่กลายเป็นส่วนเกินของบทสนทนาเหล่านั้นจนไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป
“คุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวผมมา” นักร้องหนุ่มบุ้ยใบ้
“ ไปไหนคะ” หญิงสาวปิดหูโทรศัพท์กระซิบถาม
“ ห้องน้ำ จะไปอ้วก!” น้ำเสียงห้าวตวัดงอนๆ หากเมื่อเห็นอีกฝ่ายค้อนคมไม่ใส่ใจฟังซักเท่าไหร่ก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากหยักเม้มสนิทแน่นราวกับเด็กที่โดนขัดใจ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านั้น
ฟารุตม์เดินหน้ามุ่ยออกไป โดยไม่ทันสังเกตว่าทันทีที่เขาลุก ใครอีกคนก็ลุกตามทันที
อีกมุมหนึ่งของร้านอาหารกึ่งผับนั้นดูครึกครื้นและคึกคักเป็นพิเศษ งานเลี้ยงปิดกล้องละครเรื่องดัง ซึ่งคนที่มาร่วมงานมีทั้งนักแสดงที่มีชื่อเสียง ตลอดจนผู้กำกับ ผู้จัดและทีมงานอีกหลายชีวิตที่เตรียมตัวมาปลดปล่อยความเครียดและสนุกสนานกันอย่างเต็มที่โดยเฉพาะ
ท่ามกลางแสงสีและเสียงเพลงจังหวะเร้าใจ ขาแดนส์ทั้งหลายได้วาดลวดลายจนไฟแลบ ยกเว้นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รู้สึกร่วมไปด้วย เงาร่างสูงโปร่งแฝงตัวเงียบๆ ในมุมมืดคนเดียว วงหน้าคมจัดหงิกงอไม่สบอารมณ์ ดวงตารีกว้างล้อมกรอบด้วยแพขนตาดกยาวสอดส่ายไปมาดูหวาดระแวงชอบกล
“ อยู่นี่เองเหรอ ยัยลม!” เจ้าของร่างเพรียวระหงเฉิดฉายในชุดรัดรูปสีแดงเพลิงเซ็กซี่ร้อนแรง ไม่เสียชื่อนางเอกสุดเปรี้ยวแห่งยุคปลีกตัวเดินออกมาจากกลางฟอร์
“ งานไม่สนุกเหรอยะ ทำไมแอบมานั่งเงียบๆล่ะ” คนพูดซับเหงื่อพราวไปพลางฉวยแก้วสีอำพันของอีกฝ่ายขึ้นจิบด้วยท่วงท่ากรีดกรายจนคนมองรำคาญ หากก็ต้องยอมรับว่าท่าทางนั้นดูดีสมกับเป็นนางเอก
“ เบื่อ!”
“ อ้าว!” นางเอกสาวอุทาน ก็อุตส่าห์หวังดี เห็นคนเป็นเพื่อนนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในคอนโดก็เกรงจะเบื่อจึงชวนออกมาสังสรรค์คลายเหงา หากเจ้าตัวกลับบ่นเบื่อเสียนี่
“ ก็ใครใช้ให้นั่งหลบมุมอยู่นี่ล่ะ ใครๆ เขาก็ไปเต้นกันสนุกจะตาย แล้วจะไม่ให้เบื่อได้ไง หืม?”
“ ถ้ารู้ว่าแกจะชวนมาผับนี่ จ้างให้ฉันก็ไม่มาหรอก ไม่รู้จักใครซักคน แถม...เฮ้อ!” จู่ๆ คนพูดก็ถอนหายใจออกมาดื้อๆ
“ แถมอะไร” ไพจิตรีถามงงๆ “ไม่เอาล่ะ ไปสนุกทางโน้นกันดีกว่า เพลงกำลังมันส์เลย ไป!”
มือเรียวงามประกอบด้วยเล็บยาวเพ้นสีสวยเก๋จิกแขนอีกฝ่ายหวังพาเพื่อนรักออกไปท่องเที่ยวกลางฟอร์เต้นรำ หากเจ้าตัวกลับขืนร่างสุดฤทธิ์ มืออีกข้างเกาะพนักเก้าอี้แน่น เมื่อเห็นทีมงานสาวๆ แกล้งเดินเฉียดเข้ามาใกล้ แถมทำชะม้ายชายตาให้อย่างยั่วเย้า คนถูกยั่วก็สะดุ้งเฮือกราวถูกน้ำร้อนลวก
“ เป็นอะไรอีกล่ะ ทำมาเล่นองค์อยู่ได้” ไพจิตรีบ่นอย่างหมั่นไส้
“ นี่แกไม่เห็นอะไรเลยเหรอ”
“ ก็อะไรล่ะ”
“ ก็...ไอ้สายตาวิบๆ ที่คนพวกนั้น...มองฉันน่ะสิ” คนพูดชักเหลืออด พยักเพยิดไปทางทีมงานสาวทั้งแท้และเทียมที่ขยันประเคนสายตาชวนขนลุกให้วิบวับๆ เท่านั้นเองคนฟังก็ถึงบางอ้อ
ไพจิตรี แอบยิ้ม ทำไมหล่อนจะไม่เห็น ตั้งแต่ที่หล่อนควงเพื่อนรักก้าวเข้ามาในร้านและแนะนำในฐานะเพื่อนสนิท พระพายก็ดึงดูดสายตาและความสนใจจากทุกคนได้ชะงัด ด้วยรูปลักษณ์ที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์จับตาไม่เหมือนใคร และหน้าตาเด่นล้ำชวนมองที่มักทำให้ใครๆ เข้าใจผิดคิดว่าเป็นหนุ่มน้อยหน้ามน ไหนจะการแต่งกายก็ด้วย แม้จะใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขาดๆ ตัวโปรดก็ทำให้ดูเท่ห์จับใจ เท่านี้เจ้าตัวก็แย่งซีนกลายเป็นพระเอกของงานไปได้
ง่ายดาย
“ ยังไม่ชินอีกเหรอยะ ” คนเป็นเพื่อนแซวขำๆ ปมเด่นเรื่องความหล่อขั้นเทพของคนเป็นเพื่อนมักกลายเป็นปัญหาให้พระพายได้กลุ้มอยู่บ่อยๆ แม้หล่อนที่เป็นเพื่อนสนิทเองก็ยังเคยโดนหางเลขถูกนักข่าวแซวว่าแอบมีกิ๊กให้ต้องแก้ข่าวเลย
“ ชินกะผีสิ ”
“ ก็ใครใช้ให้แต่งตัวแบบนี้ล่ะยะ ยังกะผู้ชายแน่ะ แล้วดูซิด้านหน้ากับด้านหลังแทบจะไม่เห็นความแตกต่างอย่างนี้ ใครๆ ก็ต้องเข้าใจผิดเป็นธรรมดาล่ะย่ะ บอกให้เอาชุดสวยๆ ของฉันมาใส่ก่อนก็ไม่เชื่อ” คนเป็นเพื่อนแขวะ
“ ไม่ไหวล่ะ ชุดหล่อนแต่ละชุด” คนพูดส่ายหน้าวิจารณ์ “ ผ่านู่น แหวกนี่ โหว่เป็นรู ไหนจะบางเห็นไปถึงไหนต่อไหน โอ้ย! ขืนฉันใส่เข้าไป ฟ้าได้ผ่าให้”
“ ฟ้าผ่าอะไรยะ อินเทรนด์ทั้งนั้นน่ะนั่น เจ้าของห้องเสื้อได้ยินแกพูดเข้า มีหวังผูกคอตาย แล้วชุดกระโปรงสวยๆ ที่ไม่ผ่านู่น แหวกนี่ ก็มีตั้งเยอะทำไมไม่เลือกมาซักชุดล่ะ”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบนุ่งกระโปรง เกะกะน่ารำคาญ” คนพูดเบ้หน้า ก่อนรีบขยับกายหลบด้านหลังคนเป็นเพื่อนทันทีที่เห็นทีมงานสาวแท้และเทียมที่จงใจเดินโฉบเข้ามา
“ เป็นอะไรอีกล่ะ ทำท่าพิลึก”
“ อย่าเอะอะไปนะ ยัยแพต ยัยคนที่เดินผ่านไปเมื่อกี้น่ะ...”
“ ไหน? ใคร?”
“ คนนั้นไง ทางขวาสุดน่ะ” คนพูดนิ่วหน้าบุ้ยใบ้ปาก
“ อ๋อ เจ๊กุ้ง คอสตูม ทำไมล่ะ”
“ ก็...เอ่อ...รู้แล้วเหยียบไว้นะ” เสียงกระซิบกระอักกระอ่วน “ เมื่อกี้ตอนอยู่กลางฟอร์ ยัยเจ๊คนนี้น่ะ แอบจับ...เอ่อ...จับ...จับตูดฉันน่ะสิ”
“ หา! จับ...อุ้บ!” นางเอกสาวตาเหลือกเพราะถูกตะปบปิดปากไว้
“ อย่าเสียงดังซิ ยัยแพต” พระพายแหวใส่ หน้าคว่ำ “เดี๋ยวก็แห่มากันหรอก”
“ แกก็เลยแอบหลบมุมมานั่งคนเดียวงั้นสิ”
คนเสน่ห์แรงพยักหน้าหงึกๆ รับ สายตาเหลือบซ้ายแลขวาหวาดระแวง
“ ฉันหยะแหยงจะแย่”
“ เอาน่า ทนอีกนิดละกันนะเพื่อน เดี๋ยวงานก็เลิกแล้วล่ะ” ไพจิตรีปลอบ
“ กลับเลยไม่ได้เหรอ”
“ เฮ้ย! กลับได้ไงน่าเกลียดแย่ พี่กบผู้จัดก็ยังไม่มาเลย คนอื่นๆ ก็ยังไม่มีใครกลับซักคนด้วย ”
“ งั้นแกก็อยู่ต่อเองแล้วกัน ฉันเผ่นก่อนล่ะ”
“ เดี๋ยวๆ” ไพจิตรีรีบคว้าแขนเพื่อนไว้ พลางถอนใจต่อรอง “อ๊ะๆ ก็ได้ๆ กลับก็กลับ งั้นเดี๋ยวฉันไปบอกพี่ๆ เค้าก่อนละกัน จู่ๆ หายตัวไปเลย น่าเกลียดแย่ เดี๋ยวก็ได้ตกเป็นข่าวอีก”
“ โอเค เอาตามนั้นก็ได้ งั้นฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวไปเจอกันที่รถละกัน”
ว่าแล้วคนพูดก็รีบเผ่นแผล่วไปทันที ไพจิตรีมองตามแล้วได้แต่ส่ายหน้าทั้งสงสารแกมหมั่นไส้คนเป็นเพื่อน
‘คนอื่นๆ เค้ามีแต่จะอยากหล่อ อยากสวยกัน แต่ยัยนี่กลับกลุ้มใจในความหล่อของตัวเองเสียนี่ น่าขำจริงๆ’
ทันทีที่หลบออกมาพ้นเรดาร์อันตรายได้ พระพายก็หายใจหายคอคล่องขึ้น หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำไมหล่อนจะไม่รู้ความหวังดีของเพื่อนรักที่ไม่ต้องการให้หล่อนอุดอู้อยู่แต่ในห้องคนเดียว ไพจิตรีพยายามลากหล่อนไปนั่นไปนี่ด้วยเสมอ แม้เจ้าตัวจะอ้างว่าให้ไปช่วยขับรถให้ก็เหอะ แม้งานวันนี้ก็ด้วย พระพายไม่ปฏิเสธหรอกว่าอันที่จริงงานก็สนุกดีหรอก ถ้าหล่อนไม่ถูกลวนลามซะก่อนก็คงดี
นึกไปก็น่าขำ เมื่อก่อน เคยได้ยินแต่ผู้ชายลวนลามผู้หญิง สมัยนี้ผู้หญิงกลับเป็นฝ่ายรุกซะเอง ยัยเจ๊อะไรนั่นจะว่ายังไงนะ ถ้ารู้ว่าคนที่เจ้าหล่อนแต๊ะอั๋งไม่ใช่ผู้ชาย พูดไปแล้วก็กลุ้ม...ใช่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่หล่อนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชาย จะทำไงได้ก่อนออกมาจากบ้าน อารามรีบฉวยได้แต่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ไม่กี่ตัว หวังไปตายเอาดาบหน้า แล้วหล่อนก็ได้สมใจหวัง และคนลงดาบก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่ทำให้หล่อนต้องระเห็จจากบ้านมาหาที่พึ่งไกลถึงกรุงเทพนั่นเอง อาม่าหล่อนแสบเบ็ดเสร็จจริงๆ เพราะเล่นอายัติบัตรเครดิตทุกใบหมด ไม่เว้นแม้แต่บัญชีกลางที่หล่อนอาศัยกดเงินได้ไม่อั้นก็ด้วย อย่างนี้มันตัดหางปล่อยวัดชัดๆ !
ยังดีที่มีเงินเก็บส่วนตัวสมัยที่ไปเรียนเมืองนอกยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้าง ทั้งนี้คงต้องขอบคุณความมัธยัสของตัวเอง แต่ทว่าถึงมีเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ แต่ถ้าไม่หามาเพิ่มไม่นานก็คงหมด ฉะนั้นหล่อนจึงต้องจำทนใส่เสื้อผ้าเท่าที่มีไป ไอ้ครั้นจะให้ยืมของไพจิตรีใส่ก็เกรงใจ อีกทั้งเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของแม่เพื่อนสาวแต่ละชุดก็หรูเฟ่หรือไม่ก็เซ็กซี่ซะจนใส่ไม่ลง พระพายได้แต่ถอนหายใจปลงๆ เห็นทีหล่อนคงต้องทนให้ใครต่อใครเข้าใจผิดแบบนี้อีกพักใหญ่ล่ะ
หญิงสาวจมตัวเองอยู่ในภวังค์ความคิดอย่างเพลิดเพลิน มือเรียวบางผลักเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่ทันสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้น!
ทันทีที่หล่อนโผล่หน้าเข้ามา บรรยากาศก็เย็นยะเยือกลงฉับพลัน ความเงียบชวนขนหัวลุกแทรกเข้ามาทุกอณูอากาศ สายตาทุกคู่ของคนที่ทำธุระอยู่ก่อนหน้าหล่อนก็พร้อมใจกันหันมามองคนมาใหม่เป็นตาเดียวอย่างตกตะลึง...
“ ว้าย...ไอ้โรคจิต!”
จู่ๆ เสียงใครคนหนึ่งในห้องน้ำแห่งนั้นก็ดังขึ้นทำลายภวังค์ คนเพิ่งมาใหม่สะดุ้งโหยง หันขวับมองด้านหลังตัวเองทันควัน หากทว่ายังไม่ทันเห็นใครที่เข้าข่าย ‘โรคจิต’ ซักคน หญิงสาวก็ถอนหายใจเฮือก ทว่ารังสีอำมะหิตที่แผดจ้ามาจากทุกทิศทุกทางทำให้หล่อนรู้สึกหนาวจนขนลุก บังเอิญหางตาเหลือบไปเห็นเงาตัวเองในกระจกที่สะท้อนกลับมา พระพายรู้สึกใจหายวาบ
คนโรคจิตที่จ้องตอบกลับมาดูแปลกแยกกว่าใครในห้องน้ำแห่งนี้ คนเดียวที่มีรูปลักษณ์ผิดไปไกลจากคำว่า...ผู้หญิง
หญิงสาวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ หากพยายามทำใจดีสู้เสือส่งยิ้มให้รอบด้าน หากสิ่งที่ตอบกลับมาจากทุกคนทำให้พระพายต้องรีบก้มหลบแทบไม่ทัน
‘เฟี้ยว’
เสียงวัตถุลอยลิ่วมาเฉียดศีรษะไปเส้นยาแดงผ่าแปด และมีทีท่าว่าชิ้นที่สองกำลังตามมาติดๆ เมื่อทุกคนในห้องน้ำพร้อมใจประเคนสิ่งของประดามีให้ลอยว่อนข้ามฟากมา เป้าหมายคือ...หล่อน นั่นเอง
“ ไอ้โรคจิต นี่แน่ะ” สิ้นเสียงแจกันก็ลอยละลิ่วมาทักทาย ดีที่หลบทัน
“ เฮ้ย! เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน มันอะไรกันเนี่ย โอ้ย!” พระพายร้องลั่น พลางหลบหลีกปัดป้องพัลวัน จะเรื่องอะไรไม่รู้แต่ถ้าขืนอยู่ต่อหล่อนก็คงเละตุ้มเป๊ะแน่
ร่างสูงโปร่งรีบหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากสมรภูมิอันร้อนระอุนั้นอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหลบหลีกปัดป้องสุดฤทธิ์สุดเดช หากตอนที่เปิดประตูจะออกไปนั้น หล่อนก็ต้องผงะรีบก้มหัวหลบวูบ เมื่อเห็นตลับแป้งพัฟของใครคนหนึ่งในห้องน้ำนั้นลอยละลิ่วตามหลังมา
“โป๊ก!~ โอ้ย!”
เสียงผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่งร้องลั่น ตลับแป้งพัฟลอยมากระแทกศีรษะเข้าอย่างจัง ร่างใหญ่ราวกำแพงเสียหลักหงายหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ยังไม่ทันเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ก็ถูกดันออกมาโครม พร้อมคนที่อยู่ในห้องน้ำหญิงแห่งนั้นกรูกันออกมาอย่างชุลมุน ร่างสูงเพรียวของพระพายถูกมือดีผลักจนหน้าคะมำหล่นแอ้กลงมาบนร่างหนาพอดิบพอดี ทำเอาจุก
“ โอ้ย! อุ้บ” ริมฝีปากหยักอุทานได้เพียงเท่านั้นก็ถูกปิดกลั้นไว้จากอีกฝ่ายที่ล้มลงมาทับอย่างไม่คาดฝัน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ตัวชาวาบ
ขณะที่ดวงตาดำใหญ่คมจ้องกลับมาอย่างตกตะลึงเช่นกัน เมื่อดวงตาสองคู่ประสานสบกันเข้า ทั้งสองฝ่ายก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแรงสูงช็อต ริมฝีปากนุ่มบดเคล้าลมหายใจที่เริงแรงเพราะความตื่นเต้นทำให้หัวใจดวงน้อยของพระพายแทบโลดออกมานอกอก ขณะที่อีกฝ่ายก็ดูไม่ต่างกัน มือใหญ่เอื้อมมาโอบร่างของหล่อนไว้จนแนบชิดแทบทุกอณูราวกับจะหลอมติดเป็นร่างเดียวกัน!!!
(โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า...)
***************************************************
คุยท้ายเรื่องค่ะ...
ระหว่างที่กำลังเอาเรื่องมาลงนี้ กำลังนั่งลุ้นอยู่ค่ะ...
ลุ้นว่า พระแม่คงคาจะกรีฑาทัพเข้ากรุงเทพหรือเปล่า
หลังจากที่ติดตามข่าวทั้งวัน เห็นหลายๆ จังหวัดจมอยู่ใต้น้ำ แล้วรู้สึกเห็นใจทุกคนมากๆ เลย ยังไงก็ยังยืนยันว่าขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนต่อสู้กับสถานการณ์อย่างเข้มเเข็งนะคะ เอาใจช่วยค่ะ เชื่อว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติ ฉะนั้นอดทนนะคะ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะช่วยสร้างความสุขให้คนอ่านที่รักได้บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
ด้วยรักจากใจ
ไรเตอร์เจ้าเก่าเองค่ะ ^ v ^
“ ผมรักคุณ”
เสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอกกับหญิงสาวอย่างแผ่วเบา เจ้าหล่อนเงยหน้าสบสายตาคมกริบราวกับต้องมนต์สะกด ดวงตาคู่งามปรากฏรอยชื้นทำให้เจ้าตัวต้องกระพริบตาถี่ๆ
“ แต่งงานกับผมนะครับ”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหวาน “ โอ...นี่เรื่องจริงเหรอคะ ฉันไม่ได้ฝันไปใช่หรือเปล่า”
ดวงหน้าคมคายโน้มเข้าหาก่อนประทับรอยจุมพิตที่ริมฝีปากบางสวยของหญิงสาวที่หลับตาพริ้มอย่างแผ่วเบา
“ ทีนี้รู้หรือยังครับว่าความฝันหรือความจริง”
“ โอ...ที่รัก” ร่างบางโผเข้าสู่อ้อมอกแข็งแรงของอีกฝ่าย
“ผมสัญญาว่าผมจะรักคุณคนเดียวตลอดไป...” ทั้งสองตระกองกอดกันอย่างแนบแน่น
“คัต!!! ปิดกล้องได้” พอสิ้นเสียงนั้น ทุกคนก็ระเบิดเสียงเฮลั่น
“ เหนื่อยไหมคุณเฟิร์ส รับรองเรตติ้งกระฉูดอีกแน่ๆ เพราะคุณแท้ๆ เลยนะครับเนี่ย”
พระเอกหนุ่มยิ้มรับ เขาทุ่มเทเรี่ยวแรงและฝีมือทุกอย่างเต็มที่เสมอ เพื่อให้ผลงานทุกสิ่งออกมาดีที่สุด
“ ไม่ใช่เพราะผมคนเดียวหรอกครับ พี่ต้องขอบคุณพวกเราทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจกัน อ้อ ที่ลืมได้ก็ต้องเป็นผู้กำกับคนเก่งของเราที่ทำให้ผลงานออกมาดีต่างหาก” ผู้กำกับยิ้มปลื้ม
“ พอครับอิ่มลูกยอละ เย็นนี้ไม่ต้องกินข้าวปลากันล่ะ เออ จริงสิครับ เย็นนี้เราจะมีงานเลี้ยงปิดกล้องกัน ถ้าคุณไม่มีนัดที่ไหนก็เชิญไปร่วมหน่อยสิครับ”
“ ว้า...ถ้าเย็นนี้ผมคงต้องขอตัวครับ พอดีวันนี้ผมมีนัดแล้ว”
“ ฮั่นแน่ นัดสาวที่ไหนไว้ครับ หรือว่าคุณแพตตี้คนสวย ที่จริงคุณน่าจะชวนเธอมาร่วมงานด้วยก็ได้นี่ครับ”
“ โธ่...หาเรื่องให้ผมเป็นข่าวฉาวเสียแล้วสิครับ ผมนัดกับเพื่อนน่ะครับ เพื่อนสนิท เธอเพิ่งกลับจากเมืองนอก ผมจะไปรับที่สนามบินแล้วเลยไปเที่ยวต่อนิดหน่อย ถ้าพี่ไม่มีอะไรแล้วผมต้องขอตัวเลยละกันนะครับ”
“ ตามสบายเลยครับ ผมจะไปเก็บงานอีกนิดหน่อยเหมือนกัน ว่าแต่แค่เพื่อนแน่หรือครับ เอาน่าผมไม่คาบไปบอกนักข่าวหรอก” คนพูดสัพยอกอย่างสนิท
สนม
“ เพื่อนครับ อยากเป็นมากกว่านั้นเหมือนกันแต่เธอจัสเซย์โนลูกเดียว ผมเลยรับประทานแห้วไป คงต้องไปก่อนล่ะครับ เดี๋ยวไปช้าเธอจะถวายบังคมลาหนีหายไปอีก คราวนี้จะไม่ใช่แค่แห้ว แต่คงได้เหมาเป็นเจ้าของไร่ระกำกันล่ะ”
ผู้กำกับหนุ่มหัวเราะขบขันมุขของพระเอกรูปหล่อ ใครจะรู้บ้างว่าชายหนุ่มเจ้าของฉายา “เจ้าชายน้ำแข็งหิน” ผู้นี้แท้จริงเป็นคนที่รุ่มรวยอารมณ์ขันแค่ไหน
ที่สนามบินตรงช่องผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ มีผู้คนพลุกพล่านทั้งผู้โดยสารและคนมารับ หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวผู้หนึ่ง หล่อนมีรูปร่างสูงโปร่งค่อนข้างแบบบาง ผิวขาวนวลราวกับปุยหิมะ ตลอดจนดวงหน้าหวานสวยจนใครต่อใครต้องเหลียวมองแทบคอเคล็ด หากเจ้าหล่อนเอาแต่เหลียวซ้ายแลขวามิได้สนใจต่อสายตาของคนรอบข้างแม้แต่น้อย
“ จ๊ะจ๋า...ทางนี้ครับ” จ๊ะจ๋า หรือชื่อเต็มๆ จารุดา หันขวับมองทางต้นเสียง คิ้วสวยขมวดเล็กน้อยเหมือนไม่แน่ใจ หากเมื่ออีกฝ่ายอ้าแขนรับ เจ้าหล่อนจึงคลี่ยิ้มกว้างก่อนโผสู่อ้อมกอดนั้นอย่างเต็มใจ ภาพนั้นทำให้ใครต่อใครมองด้วยความชื่นชม เพราะคนทั้งสองจะดูมุมไหนก็เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก เข้าตำราผู้หญิงสวย ผู้ชายหล่อทั้งคู่
“ แหม...คิดถึงจัง” น้ำเสียงหวานกระซิบข้างหู “คิดว่าจะไม่มีใครมารับแล้วซะอีก”
“ ไม่มาได้ไงครับ ยอดดวงใจกลับมาทั้งที นี่ก็นับวันตั้งตารอเลยนะ”
“ คารมยังดีเหมือนเดิม อย่ามาขายขนมจีบหน่อยเลย จ้างก็ไม่ซื้อหรอก” หญิงสาวเชิดจมูกรั้นๆ ขึ้นอย่างหมั่นไส้
จารุดาผละออกจากอ้อมแขนนั้น พลางส่งกระเป๋าให้อีกฝ่ายช่วยรับไปถือ
“เมื่อกี้จ๊ะจ๋าเกือบจำเฟิร์สไม่ได้แน่ะ แหม อยู่ในร่มแท้ๆ แต่ดันใส่หมวก ใส่แว่นกันแดดอันบะเริ่มเทิ่ม เท่ห์ซะไม่มีดี” คนพูดหัวเราะเสียงใส
“ ตกลงนี่ เท่ห์ดีหรือไม่ดีกันแน่ครับ จะว่าไปต้องขอบคุณไอ้เจ้าหมวกกับแว่นนี่นะ เพราะมันช่วยให้ใครต่อใครจำผมไม่ได้ ไม่งั้นอย่าหวังเลยว่าจะได้ยืนคุยกันอย่างสงบสุขโดยไม่ต้องมีสายตาใครคอยจับจ้องตลอดเวลาแบบนี้ ไม่งั้นล่ะก็คุณอาจกลายเป็นผู้โชคดีได้ลงหน้าหนึ่งพรุ่งนี้เช้ากับพระเอกและนักร้องเบอร์หนึ่งของเมืองไทยโดยไม่รู้ตัว”
“ ต๊าย ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือคะ ไม่ยักรู้นะเนี่ย การเป็นดาราคนดังนี่ก็ถือเป็นกรรมได้อย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่ เอ...” คนพูดเหลียวซ้ายแลขวา “ มาคนเดียวเหรอคะ”
“ ก็ใช่สิครับ จะให้มากับใครล่ะ” แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร หากเขาก็แสร้งทำเฉยเสีย หากเมื่อเห็นดวงหน้าหวานหม่นแสงลงทันควัน เขาก็เป็นฝ่ายอดรนทนไม่ได้แทน
“ เจ้าพอซช์มันติดงานน่ะ อันที่จริงมันก็อยากมาด้วยแหละ แต่เบี้ยวไม่ได้ก็เลยให้ผมมารับคุณแทน แต่เดี๋ยวเย็นๆ มันบอกว่าจะมาหาคุณให้เร็วที่สุด โอเค้?”
เท่านั้นเอง คนฟังก็ยิ้มออก แม้จะเจ็บใจหากชายหนุ่มจะทำอะไรได้ ในเมื่อเขาสมัครใจเป็นแค่ตัวคั่นเวลาก็ทำได้แค่ก้มหน้ารับเท่านั้น ใบหน้าหล่อเหลาที่ใครเห็นเป็นต้องรักต้องหลงเสน่ห์กันทั้งประเทศ หากกับคนที่เขาต้องการให้หลงเพียงคนเดียวกลับมองข้ามไปเสียได้ มันน่าเจ็บใจน้อยหรือเล่า!
“ รีบไปกันดีกว่า” ศิลปินหนุ่มตัดบท
“ ดีค่ะ ชักหิว”
“ งั้นไปกัน ผมรู้จักร้านอาหารไทยอร่อยๆ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปเลี้ยงต้อนรับให้เต็มคราบเลย”
“ งานนี้ไม่เมาหัวทิ่มไม่เลิกอีกหรือเปล่า” หญิงสาวเอียงคอถาม เพราะอีกฝ่ายเคยประกาศลั่น
“ ไม่เมาไม่เลิก ตะวันไม่เบิกฟ้า ไม่ลุก” หากผลสุดท้ายคนประกาศนอกจากจะไม่ได้ลุกแล้วกลับเมาหัวทิ่มจนลุกไม่ขึ้นอีกต่างหาก
“ น่า...ผมไม่ทำคุณขายขี้หน้าเหมือนครั้งก่อนหรอก” ชายหนุ่มรับรองอย่างแข็งขัน พลางงอแขนให้ หล่อนแย้มยิ้มอย่างสดใสก่อนสอดแขนเดินควงคู่กับเขาไปอย่างมีความสุข ภาพหวานชื่นดังกล่าวถูกมือดีที่ประสงค์ร้ายแอบตามสะกดรอยเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้ได้โดยที่เจ้าของภาพไม่รู้ตัว
นักร้องเบอร์หนึ่งของเมืองไทยควงสาวนอกวงการแสนสวยทำสวีทโชว์กลางสนามบินไม่แคร์สายตาสื่อ
พาดหัวข่าวแบบนี้หากตัวเอกในข่าวเป็นคนอื่นอาจไม่น่าสนใจ หากผู้ที่ตกเป็นข่าวคราวนี้คือ เฟิร์ส - ฟารุตม์ นักร้องเบอร์หนึ่งของเมืองไทยในเวลานี้ ซึ่งได้ชื่อว่าเก็บเนื้อเก็บตัวรักษาภาพลักษณ์ได้ดียิ่ง เขาไม่เคยมีข่าวฉาวกับใครไม่ว่าจะเป็นในวงการหรือนอกวงการแม้แต่ครั้งเดียว ในแวดวงปาปารัสซี่ทั้งหลายต่างพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะเก็บภาพลับเฉพาะของเขาให้ได้ แต่ก็คว้าน้ำเหลวตลอด คราวนี้แหละ วงการข่าวซุบซิบต้องฮือฮากับข่าวนี้แน่ และภาพลับของเขาก็จะทำเงินให้เขาได้เป็นกอบเป็นกำทีเดียว
แต่...ถ้าจะลงข่าวแค่นี้คงไม่แรงพอ มันน่าจะใส่สีเติมผงชูรสแล้วตีให้แรงยิ่งกว่านี้อีกหน่อยดีกว่า!!! ปาปารัซซี่มือดีหมายมั่นปั้นมือ
ร้านที่นักร้องสุดหล่อพาสาวในดวงใจของเขาไปคือร้านอาหารกึ่งผับหรูของเพื่อนของเขา ที่วันนี้ดูท่าในร้านจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะลานจอดรถต้องรองรับรถหรูหลายคัน แถมในส่วนที่เป็นผับนั้นแน่นขนัดด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ที่น่าจะมาร่วมงานเลี้ยงหรือไม่ก็อาจมาสังสรรค์รวมรุ่นเทือกนั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องเลี่ยงควงหญิงสาวไปนั่งในมุมที่ค่อนข้างลับตาด้านนอกร้านที่เจ้าของตกแต่งไว้บริการแขกที่ชื่นชอบธรรมชาติเพราะรอบบริเวณเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่เจ้าของนำมาปลูกอย่างมีรสนิยม ฟารุตม์เลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวอย่างเอาใจ
“ ร้านสวยจังเลย การตกแต่งก็น่ารักด้วยสิ แหม เฟิร์สนี่รู้ใจจ๊ะจ๋าที่สุดเลย ”
จารุดามอบไปรอบๆ ตัวอย่างเพลิดเพลิน สายตาของนักออกแบบอย่างหล่อนเป็นประกาย ซึ่งนั่นทำให้นักร้องหนุ่มยิ้มปลื้ม
“ ไม่ใช่แค่ร้านที่สวยนะ อาหารเค้าก็อร่อยด้วย ผมเลยชอบมานั่งบ่อยๆ ”
“ อะแฮ่ม มาคนเดียวเหรอ หรือว่ามากับใครจ๊ะ” หญิงสาวเอียงคอมองอย่างแกล้งจับผิด
“ โอ้ย เยอะแยะนับไม่ถ้วน จะให้จารไนมั้ยล่ะทูนหัว” คนพูดยิ้มทะเล้นที่น้อยคนนักจะได้เห็นทว่ารอยยิ้มนี้ก็หุบฉับเมื่อเห็นสายตาอีกฝ่ายที่วาววับของอีกฝ่าย
“ ฮั่นแน่ หึงอ่ะดิ”
“ อย่ามาสำคัญตัวผิดนะ”
“ โธ่ หึงก็บอกมาเหอะน่า” ดวงตาคมที่เคยทำให้ใครต่อใครใจละลายมองอย่างคาดคั้น เท่านั้นเองคนถูกมองก็หลุดหัวเราะออกมา เสียงใสราวกับระฆังแก้วทำให้นักร้องหนุ่มหัวใจกระตุกวูบ
“ พอละๆ เลิกเล่น พูดอะไรก็ไม่รู้ หึงเหิงอะไรกัน เหลวไหลน่า” หัวใจของเขาเหี่ยววูบไปทันที หญิงสาวยิ้มหวาน เพราะความที่คบกันมานานทำให้จารุดาไม่ถือสาเอาคำพูดของเพื่อนชายที่หล่อนรู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียนมาเป็นสาระสำคัญ ฟารุตม์ก็คือฟารุตม์ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาคือผู้ที่เป็นเพื่อนชายคนสนิทที่หล่อนรู้จักมานาน เพื่อนที่รู้ใจ เพื่อนที่หล่อนให้ความสนิทสนม ไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่านั้น แม้หล่อนจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง จารุดาก็พยายามวางตัวเป็นเพื่อนกับเขาด้วยดีเรื่อยมา
“ เฮ้อ...วัยรุ่นเซ็งเลย ทำไมหักอกกันอย่างนี้ล่ะจ๊ะทูนหัว เมื่อไหร่จะใจอ่อนซักทีล่ะ” น้ำเสียงตัดพ้อปนความน้อยใจ
“ พอล่ะ ไม่ต้องมาทูนหงทูนหัว เลิกเล่นเหอะ ไหน มีอะไรอร่อยก็นำเสนอมา เร็วๆ จ๊ะจ๋าหิวจะแย่ละ อาหารบนเครื่องไม่ถูกปากเลย ให้ตายเหอะ”
ดวงหน้าหล่อเหลางอหงิก ขัดใจกับทีท่าของอีกฝ่ายที่เห็นทุกอย่างที่เขาทำเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระซะเรื่อย ทั้งที่เขาแสดงทีท่าออกมาอย่างเปิดเผย หากจารุดาก็ยังคงรักษาระยะไม่ให้ล้ำเส้นของคำว่าเพื่อนเท่านั้น
“ ตอบเอาใจหน่อยก็ไม่ได้ ถามจริงๆ นะ เมื่อไหร่คุณจะใจอ่อนกับผะ...” ยังไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์ของฟารุตม์ก็ดังขึ้น หากเมื่อเห็นเบอร์ที่ปรากฏหน้าจอเท่านั้น ดาราหนุ่มก็ทำหน้าหน่ายโลก หงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ ว่าไง โทรมาจังหวะดีเหลือเกินนะ” น้ำเสียงห้าวสะบัดใส่อย่างประชดประชัน หากปลายสายกลับหัวเราะไม่ถือสา
“ไม่ได้สิ เดี๋ยวแกทำคะแนนแซงฉันขึ้นมาก็แย่สิ ขอสายหวานใจฉันหน่อยซิ อยู่ข้างๆ ใช่หรือเปล่า” ฟารุตม์นึกหมั่นไส้ ยิ่งได้ยินสรรพนามที่ปลายสายเรียกหญิงสาว ก็แทบอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งซะเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่นึกเกรงใจสายตา
ของหญิงสาวที่นั่งจ้องมองมาล่ะก็ แต่ในที่สุดแล้วเขาก็จำต้องตัดใจยื่นสายให้โดยดี
“อ่ะ สายคุณแน่ะ”
“ ใครคะ” ดวงตาหวานเป็นประกาย
“ ก็ใครล่ะที่คุณอยากเจอน่ะ”
“ พอซซ์! พอซซ์โทรมาเหรอคะ” เจ้าของโทรศัพท์พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
เท่านั้นเอง จารุดา ก็คลี่ยิ้มสดใสก่อนกรอกเสียงหวานลงไป “ พอซช์คะ จ๊ะจ๋าพูดค่ะ ทำไมไม่มารับเองล่ะคะ ”
ดวงหน้าหล่อเหลางอง้ำ ทั้งริษยาและหมั่นไส้มนุษย์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าคนปลายสายมายืนเบื้องหน้าเขาสาบานได้ว่าจะตะบันหน้าให้ซักสองสามหมัด หนอย...ตัวไม่อยู่ ยังอุตส่าห์ส่งเสียงมารบกวนหัวใจซะได้
“ ค่ะ จ๊ะจ๋าอยู่กับเฟิร์สค่ะ ก็จริงสิคะ จะโกหกทำไม คุณก็รู้นี่คะว่าจ๊ะจ๋าไม่เคยโกหกคุณ ยังจะมาแกล้งล้อกันอีก...” เสียงใสหวานกระเง้ากระงอดคงจับจิตคนฟังปลายสาย หากกลับแสลงหูคนอยู่เคียงข้างที่กลายเป็นส่วนเกินของบทสนทนาเหล่านั้นจนไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป
“คุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวผมมา” นักร้องหนุ่มบุ้ยใบ้
“ ไปไหนคะ” หญิงสาวปิดหูโทรศัพท์กระซิบถาม
“ ห้องน้ำ จะไปอ้วก!” น้ำเสียงห้าวตวัดงอนๆ หากเมื่อเห็นอีกฝ่ายค้อนคมไม่ใส่ใจฟังซักเท่าไหร่ก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากหยักเม้มสนิทแน่นราวกับเด็กที่โดนขัดใจ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านั้น
ฟารุตม์เดินหน้ามุ่ยออกไป โดยไม่ทันสังเกตว่าทันทีที่เขาลุก ใครอีกคนก็ลุกตามทันที
อีกมุมหนึ่งของร้านอาหารกึ่งผับนั้นดูครึกครื้นและคึกคักเป็นพิเศษ งานเลี้ยงปิดกล้องละครเรื่องดัง ซึ่งคนที่มาร่วมงานมีทั้งนักแสดงที่มีชื่อเสียง ตลอดจนผู้กำกับ ผู้จัดและทีมงานอีกหลายชีวิตที่เตรียมตัวมาปลดปล่อยความเครียดและสนุกสนานกันอย่างเต็มที่โดยเฉพาะ
ท่ามกลางแสงสีและเสียงเพลงจังหวะเร้าใจ ขาแดนส์ทั้งหลายได้วาดลวดลายจนไฟแลบ ยกเว้นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รู้สึกร่วมไปด้วย เงาร่างสูงโปร่งแฝงตัวเงียบๆ ในมุมมืดคนเดียว วงหน้าคมจัดหงิกงอไม่สบอารมณ์ ดวงตารีกว้างล้อมกรอบด้วยแพขนตาดกยาวสอดส่ายไปมาดูหวาดระแวงชอบกล
“ อยู่นี่เองเหรอ ยัยลม!” เจ้าของร่างเพรียวระหงเฉิดฉายในชุดรัดรูปสีแดงเพลิงเซ็กซี่ร้อนแรง ไม่เสียชื่อนางเอกสุดเปรี้ยวแห่งยุคปลีกตัวเดินออกมาจากกลางฟอร์
“ งานไม่สนุกเหรอยะ ทำไมแอบมานั่งเงียบๆล่ะ” คนพูดซับเหงื่อพราวไปพลางฉวยแก้วสีอำพันของอีกฝ่ายขึ้นจิบด้วยท่วงท่ากรีดกรายจนคนมองรำคาญ หากก็ต้องยอมรับว่าท่าทางนั้นดูดีสมกับเป็นนางเอก
“ เบื่อ!”
“ อ้าว!” นางเอกสาวอุทาน ก็อุตส่าห์หวังดี เห็นคนเป็นเพื่อนนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในคอนโดก็เกรงจะเบื่อจึงชวนออกมาสังสรรค์คลายเหงา หากเจ้าตัวกลับบ่นเบื่อเสียนี่
“ ก็ใครใช้ให้นั่งหลบมุมอยู่นี่ล่ะ ใครๆ เขาก็ไปเต้นกันสนุกจะตาย แล้วจะไม่ให้เบื่อได้ไง หืม?”
“ ถ้ารู้ว่าแกจะชวนมาผับนี่ จ้างให้ฉันก็ไม่มาหรอก ไม่รู้จักใครซักคน แถม...เฮ้อ!” จู่ๆ คนพูดก็ถอนหายใจออกมาดื้อๆ
“ แถมอะไร” ไพจิตรีถามงงๆ “ไม่เอาล่ะ ไปสนุกทางโน้นกันดีกว่า เพลงกำลังมันส์เลย ไป!”
มือเรียวงามประกอบด้วยเล็บยาวเพ้นสีสวยเก๋จิกแขนอีกฝ่ายหวังพาเพื่อนรักออกไปท่องเที่ยวกลางฟอร์เต้นรำ หากเจ้าตัวกลับขืนร่างสุดฤทธิ์ มืออีกข้างเกาะพนักเก้าอี้แน่น เมื่อเห็นทีมงานสาวๆ แกล้งเดินเฉียดเข้ามาใกล้ แถมทำชะม้ายชายตาให้อย่างยั่วเย้า คนถูกยั่วก็สะดุ้งเฮือกราวถูกน้ำร้อนลวก
“ เป็นอะไรอีกล่ะ ทำมาเล่นองค์อยู่ได้” ไพจิตรีบ่นอย่างหมั่นไส้
“ นี่แกไม่เห็นอะไรเลยเหรอ”
“ ก็อะไรล่ะ”
“ ก็...ไอ้สายตาวิบๆ ที่คนพวกนั้น...มองฉันน่ะสิ” คนพูดชักเหลืออด พยักเพยิดไปทางทีมงานสาวทั้งแท้และเทียมที่ขยันประเคนสายตาชวนขนลุกให้วิบวับๆ เท่านั้นเองคนฟังก็ถึงบางอ้อ
ไพจิตรี แอบยิ้ม ทำไมหล่อนจะไม่เห็น ตั้งแต่ที่หล่อนควงเพื่อนรักก้าวเข้ามาในร้านและแนะนำในฐานะเพื่อนสนิท พระพายก็ดึงดูดสายตาและความสนใจจากทุกคนได้ชะงัด ด้วยรูปลักษณ์ที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์จับตาไม่เหมือนใคร และหน้าตาเด่นล้ำชวนมองที่มักทำให้ใครๆ เข้าใจผิดคิดว่าเป็นหนุ่มน้อยหน้ามน ไหนจะการแต่งกายก็ด้วย แม้จะใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขาดๆ ตัวโปรดก็ทำให้ดูเท่ห์จับใจ เท่านี้เจ้าตัวก็แย่งซีนกลายเป็นพระเอกของงานไปได้
ง่ายดาย
“ ยังไม่ชินอีกเหรอยะ ” คนเป็นเพื่อนแซวขำๆ ปมเด่นเรื่องความหล่อขั้นเทพของคนเป็นเพื่อนมักกลายเป็นปัญหาให้พระพายได้กลุ้มอยู่บ่อยๆ แม้หล่อนที่เป็นเพื่อนสนิทเองก็ยังเคยโดนหางเลขถูกนักข่าวแซวว่าแอบมีกิ๊กให้ต้องแก้ข่าวเลย
“ ชินกะผีสิ ”
“ ก็ใครใช้ให้แต่งตัวแบบนี้ล่ะยะ ยังกะผู้ชายแน่ะ แล้วดูซิด้านหน้ากับด้านหลังแทบจะไม่เห็นความแตกต่างอย่างนี้ ใครๆ ก็ต้องเข้าใจผิดเป็นธรรมดาล่ะย่ะ บอกให้เอาชุดสวยๆ ของฉันมาใส่ก่อนก็ไม่เชื่อ” คนเป็นเพื่อนแขวะ
“ ไม่ไหวล่ะ ชุดหล่อนแต่ละชุด” คนพูดส่ายหน้าวิจารณ์ “ ผ่านู่น แหวกนี่ โหว่เป็นรู ไหนจะบางเห็นไปถึงไหนต่อไหน โอ้ย! ขืนฉันใส่เข้าไป ฟ้าได้ผ่าให้”
“ ฟ้าผ่าอะไรยะ อินเทรนด์ทั้งนั้นน่ะนั่น เจ้าของห้องเสื้อได้ยินแกพูดเข้า มีหวังผูกคอตาย แล้วชุดกระโปรงสวยๆ ที่ไม่ผ่านู่น แหวกนี่ ก็มีตั้งเยอะทำไมไม่เลือกมาซักชุดล่ะ”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบนุ่งกระโปรง เกะกะน่ารำคาญ” คนพูดเบ้หน้า ก่อนรีบขยับกายหลบด้านหลังคนเป็นเพื่อนทันทีที่เห็นทีมงานสาวแท้และเทียมที่จงใจเดินโฉบเข้ามา
“ เป็นอะไรอีกล่ะ ทำท่าพิลึก”
“ อย่าเอะอะไปนะ ยัยแพต ยัยคนที่เดินผ่านไปเมื่อกี้น่ะ...”
“ ไหน? ใคร?”
“ คนนั้นไง ทางขวาสุดน่ะ” คนพูดนิ่วหน้าบุ้ยใบ้ปาก
“ อ๋อ เจ๊กุ้ง คอสตูม ทำไมล่ะ”
“ ก็...เอ่อ...รู้แล้วเหยียบไว้นะ” เสียงกระซิบกระอักกระอ่วน “ เมื่อกี้ตอนอยู่กลางฟอร์ ยัยเจ๊คนนี้น่ะ แอบจับ...เอ่อ...จับ...จับตูดฉันน่ะสิ”
“ หา! จับ...อุ้บ!” นางเอกสาวตาเหลือกเพราะถูกตะปบปิดปากไว้
“ อย่าเสียงดังซิ ยัยแพต” พระพายแหวใส่ หน้าคว่ำ “เดี๋ยวก็แห่มากันหรอก”
“ แกก็เลยแอบหลบมุมมานั่งคนเดียวงั้นสิ”
คนเสน่ห์แรงพยักหน้าหงึกๆ รับ สายตาเหลือบซ้ายแลขวาหวาดระแวง
“ ฉันหยะแหยงจะแย่”
“ เอาน่า ทนอีกนิดละกันนะเพื่อน เดี๋ยวงานก็เลิกแล้วล่ะ” ไพจิตรีปลอบ
“ กลับเลยไม่ได้เหรอ”
“ เฮ้ย! กลับได้ไงน่าเกลียดแย่ พี่กบผู้จัดก็ยังไม่มาเลย คนอื่นๆ ก็ยังไม่มีใครกลับซักคนด้วย ”
“ งั้นแกก็อยู่ต่อเองแล้วกัน ฉันเผ่นก่อนล่ะ”
“ เดี๋ยวๆ” ไพจิตรีรีบคว้าแขนเพื่อนไว้ พลางถอนใจต่อรอง “อ๊ะๆ ก็ได้ๆ กลับก็กลับ งั้นเดี๋ยวฉันไปบอกพี่ๆ เค้าก่อนละกัน จู่ๆ หายตัวไปเลย น่าเกลียดแย่ เดี๋ยวก็ได้ตกเป็นข่าวอีก”
“ โอเค เอาตามนั้นก็ได้ งั้นฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวไปเจอกันที่รถละกัน”
ว่าแล้วคนพูดก็รีบเผ่นแผล่วไปทันที ไพจิตรีมองตามแล้วได้แต่ส่ายหน้าทั้งสงสารแกมหมั่นไส้คนเป็นเพื่อน
‘คนอื่นๆ เค้ามีแต่จะอยากหล่อ อยากสวยกัน แต่ยัยนี่กลับกลุ้มใจในความหล่อของตัวเองเสียนี่ น่าขำจริงๆ’
ทันทีที่หลบออกมาพ้นเรดาร์อันตรายได้ พระพายก็หายใจหายคอคล่องขึ้น หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำไมหล่อนจะไม่รู้ความหวังดีของเพื่อนรักที่ไม่ต้องการให้หล่อนอุดอู้อยู่แต่ในห้องคนเดียว ไพจิตรีพยายามลากหล่อนไปนั่นไปนี่ด้วยเสมอ แม้เจ้าตัวจะอ้างว่าให้ไปช่วยขับรถให้ก็เหอะ แม้งานวันนี้ก็ด้วย พระพายไม่ปฏิเสธหรอกว่าอันที่จริงงานก็สนุกดีหรอก ถ้าหล่อนไม่ถูกลวนลามซะก่อนก็คงดี
นึกไปก็น่าขำ เมื่อก่อน เคยได้ยินแต่ผู้ชายลวนลามผู้หญิง สมัยนี้ผู้หญิงกลับเป็นฝ่ายรุกซะเอง ยัยเจ๊อะไรนั่นจะว่ายังไงนะ ถ้ารู้ว่าคนที่เจ้าหล่อนแต๊ะอั๋งไม่ใช่ผู้ชาย พูดไปแล้วก็กลุ้ม...ใช่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่หล่อนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชาย จะทำไงได้ก่อนออกมาจากบ้าน อารามรีบฉวยได้แต่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ไม่กี่ตัว หวังไปตายเอาดาบหน้า แล้วหล่อนก็ได้สมใจหวัง และคนลงดาบก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่ทำให้หล่อนต้องระเห็จจากบ้านมาหาที่พึ่งไกลถึงกรุงเทพนั่นเอง อาม่าหล่อนแสบเบ็ดเสร็จจริงๆ เพราะเล่นอายัติบัตรเครดิตทุกใบหมด ไม่เว้นแม้แต่บัญชีกลางที่หล่อนอาศัยกดเงินได้ไม่อั้นก็ด้วย อย่างนี้มันตัดหางปล่อยวัดชัดๆ !
ยังดีที่มีเงินเก็บส่วนตัวสมัยที่ไปเรียนเมืองนอกยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้าง ทั้งนี้คงต้องขอบคุณความมัธยัสของตัวเอง แต่ทว่าถึงมีเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ แต่ถ้าไม่หามาเพิ่มไม่นานก็คงหมด ฉะนั้นหล่อนจึงต้องจำทนใส่เสื้อผ้าเท่าที่มีไป ไอ้ครั้นจะให้ยืมของไพจิตรีใส่ก็เกรงใจ อีกทั้งเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของแม่เพื่อนสาวแต่ละชุดก็หรูเฟ่หรือไม่ก็เซ็กซี่ซะจนใส่ไม่ลง พระพายได้แต่ถอนหายใจปลงๆ เห็นทีหล่อนคงต้องทนให้ใครต่อใครเข้าใจผิดแบบนี้อีกพักใหญ่ล่ะ
หญิงสาวจมตัวเองอยู่ในภวังค์ความคิดอย่างเพลิดเพลิน มือเรียวบางผลักเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่ทันสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้น!
ทันทีที่หล่อนโผล่หน้าเข้ามา บรรยากาศก็เย็นยะเยือกลงฉับพลัน ความเงียบชวนขนหัวลุกแทรกเข้ามาทุกอณูอากาศ สายตาทุกคู่ของคนที่ทำธุระอยู่ก่อนหน้าหล่อนก็พร้อมใจกันหันมามองคนมาใหม่เป็นตาเดียวอย่างตกตะลึง...
“ ว้าย...ไอ้โรคจิต!”
จู่ๆ เสียงใครคนหนึ่งในห้องน้ำแห่งนั้นก็ดังขึ้นทำลายภวังค์ คนเพิ่งมาใหม่สะดุ้งโหยง หันขวับมองด้านหลังตัวเองทันควัน หากทว่ายังไม่ทันเห็นใครที่เข้าข่าย ‘โรคจิต’ ซักคน หญิงสาวก็ถอนหายใจเฮือก ทว่ารังสีอำมะหิตที่แผดจ้ามาจากทุกทิศทุกทางทำให้หล่อนรู้สึกหนาวจนขนลุก บังเอิญหางตาเหลือบไปเห็นเงาตัวเองในกระจกที่สะท้อนกลับมา พระพายรู้สึกใจหายวาบ
คนโรคจิตที่จ้องตอบกลับมาดูแปลกแยกกว่าใครในห้องน้ำแห่งนี้ คนเดียวที่มีรูปลักษณ์ผิดไปไกลจากคำว่า...ผู้หญิง
หญิงสาวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ หากพยายามทำใจดีสู้เสือส่งยิ้มให้รอบด้าน หากสิ่งที่ตอบกลับมาจากทุกคนทำให้พระพายต้องรีบก้มหลบแทบไม่ทัน
‘เฟี้ยว’
เสียงวัตถุลอยลิ่วมาเฉียดศีรษะไปเส้นยาแดงผ่าแปด และมีทีท่าว่าชิ้นที่สองกำลังตามมาติดๆ เมื่อทุกคนในห้องน้ำพร้อมใจประเคนสิ่งของประดามีให้ลอยว่อนข้ามฟากมา เป้าหมายคือ...หล่อน นั่นเอง
“ ไอ้โรคจิต นี่แน่ะ” สิ้นเสียงแจกันก็ลอยละลิ่วมาทักทาย ดีที่หลบทัน
“ เฮ้ย! เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน มันอะไรกันเนี่ย โอ้ย!” พระพายร้องลั่น พลางหลบหลีกปัดป้องพัลวัน จะเรื่องอะไรไม่รู้แต่ถ้าขืนอยู่ต่อหล่อนก็คงเละตุ้มเป๊ะแน่
ร่างสูงโปร่งรีบหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากสมรภูมิอันร้อนระอุนั้นอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหลบหลีกปัดป้องสุดฤทธิ์สุดเดช หากตอนที่เปิดประตูจะออกไปนั้น หล่อนก็ต้องผงะรีบก้มหัวหลบวูบ เมื่อเห็นตลับแป้งพัฟของใครคนหนึ่งในห้องน้ำนั้นลอยละลิ่วตามหลังมา
“โป๊ก!~ โอ้ย!”
เสียงผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่งร้องลั่น ตลับแป้งพัฟลอยมากระแทกศีรษะเข้าอย่างจัง ร่างใหญ่ราวกำแพงเสียหลักหงายหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ยังไม่ทันเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ก็ถูกดันออกมาโครม พร้อมคนที่อยู่ในห้องน้ำหญิงแห่งนั้นกรูกันออกมาอย่างชุลมุน ร่างสูงเพรียวของพระพายถูกมือดีผลักจนหน้าคะมำหล่นแอ้กลงมาบนร่างหนาพอดิบพอดี ทำเอาจุก
“ โอ้ย! อุ้บ” ริมฝีปากหยักอุทานได้เพียงเท่านั้นก็ถูกปิดกลั้นไว้จากอีกฝ่ายที่ล้มลงมาทับอย่างไม่คาดฝัน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ตัวชาวาบ
ขณะที่ดวงตาดำใหญ่คมจ้องกลับมาอย่างตกตะลึงเช่นกัน เมื่อดวงตาสองคู่ประสานสบกันเข้า ทั้งสองฝ่ายก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแรงสูงช็อต ริมฝีปากนุ่มบดเคล้าลมหายใจที่เริงแรงเพราะความตื่นเต้นทำให้หัวใจดวงน้อยของพระพายแทบโลดออกมานอกอก ขณะที่อีกฝ่ายก็ดูไม่ต่างกัน มือใหญ่เอื้อมมาโอบร่างของหล่อนไว้จนแนบชิดแทบทุกอณูราวกับจะหลอมติดเป็นร่างเดียวกัน!!!
(โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า...)
***************************************************
คุยท้ายเรื่องค่ะ...
ระหว่างที่กำลังเอาเรื่องมาลงนี้ กำลังนั่งลุ้นอยู่ค่ะ...
ลุ้นว่า พระแม่คงคาจะกรีฑาทัพเข้ากรุงเทพหรือเปล่า
หลังจากที่ติดตามข่าวทั้งวัน เห็นหลายๆ จังหวัดจมอยู่ใต้น้ำ แล้วรู้สึกเห็นใจทุกคนมากๆ เลย ยังไงก็ยังยืนยันว่าขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนต่อสู้กับสถานการณ์อย่างเข้มเเข็งนะคะ เอาใจช่วยค่ะ เชื่อว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติ ฉะนั้นอดทนนะคะ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะช่วยสร้างความสุขให้คนอ่านที่รักได้บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
ด้วยรักจากใจ
ไรเตอร์เจ้าเก่าเองค่ะ ^ v ^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2554, 23:21:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2554, 23:24:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 2092
<< ตอนที่ 3 พระเอกจำเป็น | ตอนที่ 5 ผลแห่งรอยจุมพิตสุดสยอง >> |

anOO 12 ต.ค. 2554, 11:28:49 น.
จูบกันแล้ว ต่างก็หวั่นไหวแบบนี้
ยังคิดว่าลมเป็นผู้ชายต่อไปอีกเหรอ หาทางพิสูจน์หน่อยแล้ว
เดี๋ยวใครๆ ก็คิดว่าเป็นเกย์หรอก
จูบกันแล้ว ต่างก็หวั่นไหวแบบนี้
ยังคิดว่าลมเป็นผู้ชายต่อไปอีกเหรอ หาทางพิสูจน์หน่อยแล้ว
เดี๋ยวใครๆ ก็คิดว่าเป็นเกย์หรอก

หมูอ้วน 12 ต.ค. 2554, 13:12:57 น.
รอตอนต่อไปค่ะ เหตุเกิดหน้าห้องน้ำอีกแย้วว
รอตอนต่อไปค่ะ เหตุเกิดหน้าห้องน้ำอีกแย้วว

winchaya 12 ต.ค. 2554, 13:16:52 น.
แอบเคยคิดเล่นๆ เหมือนกันว่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น
รักนี้เกิดหน้า...สุขา กลัวคนไม่อ่านอ่ะค่ะ เดี๋ยวเหม็นฉึ่ง 555
แอบเคยคิดเล่นๆ เหมือนกันว่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น
รักนี้เกิดหน้า...สุขา กลัวคนไม่อ่านอ่ะค่ะ เดี๋ยวเหม็นฉึ่ง 555

คิมหันตุ์ 13 ต.ค. 2554, 09:47:44 น.
อย่าลืมให้พี่เฟิรสคิดว่าตัวเองเป็นเกย์นะคะ. 555555
อย่าลืมให้พี่เฟิรสคิดว่าตัวเองเป็นเกย์นะคะ. 555555