รักสุดท้าย...ที่ปลายดาว
เพราะความเข้าใจผิดในสัมพันธภาพระหว่างสาวสวย ปากจัด กัดเจ็บ อย่าง “ปลายดาว” กับ เพื่อนหนุ่มคาสโนว่า ทำให้เธอต้องตกเป็นจำเลยในสายตาของ “เตชิต” วิศวกรหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า) ปากจัด ซ้ำยังกัดเจ็บยิ่งกว่า ผลที่ตามมาก็คือการปะทะคารมกันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกทีที่ประจันหน้า....เรื่องจะยอมเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองอีกฝ่ายน่ะรึ...ไม่มีทางซะหร้อกกกก

แต่เรื่องวุ่นๆชุลมุนหัวใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อสนามรบทำท่าจะเปลี่ยนเป็นสนามรัก(ตามสูตรนิยายคลาสสิค^^) ท่ามกลางความอึดอัดขัดใจของเพื่อนหนุ่มคาสโนว่าที่ยุยงส่งเสริมมาแต่ทีแรก แต่ดันเกิดอาการ “หวงของ” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้ก็เลยมี “ก้าง” ชิ้นใหญ่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

วิศวกรหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหนทาง “สุดท้ายที่ปลายดาว” ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเรื่องรัก(ลึกลับ)ในอดีตโผล่ขึ้นมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก...

งานนี้เห็นทีต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ!

Tags: กุ๊กกิ๊ก โรแมนติค ปลายดาว เตชิต

ตอน: ตอนที่ 7 << แหย่หนวดเสือ >>

7.

วันเวลาผ่านไป ไวเหมือนนิทานหลอกเด็ก....

ตั้งแต่กลับจากเกาะเกร็ด ความสัมพันธ์ระหว่างนายหนอนกับคุณฝนดูเหมือนจะพัฒนาไปได้ด้วยดีและราบรื่นมากกว่าที่คิดโดยไม่เห็นจะมีอะไรต้องวิตก ทุกอย่างไหลลื่นไปตามครรลองอย่างที่ควรจะเป็น แม้ปลายดาวจะไม่อยากฟันธงว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...ว่ารัก(แท้) ครั้งนี้ทำเอาวรนนท์หายแร่ดไปได้ชั่วคราวจริงๆ

ข่าวคราวของวรนนท์ค่อยๆหายไป พอๆกับหน้าหล่อๆของเขาที่ไม่ค่อยจะได้แวะเวียนมาหาปลายดาวเหมือนอย่างเคย ซึ่งความจริงแล้วมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่เขาไปเจอคนถูกใจ แล้วอยู่ในช่วงของการทำคะแนน...ที่สำคัญเขาทำให้เธอตระหนักชัดเจนว่าเขาทำได้อย่างที่พูดจริงๆ นั่นคือ พอทุกอย่างลงตัว...ปลายดาวก็หมดความหมายไปเอง แต่เธอก็ชินเสียแล้วล่ะ

เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้น ขณะที่เธอกำลังถ่ายทอดงานให้ “ต้นอ้อ” เพื่อนร่วมงานคนสนิทฟัง หญิงสาวทำเสียงทำเสียงจิ๊ออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยความเคยชินว่า

“ขณะนี้เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ กรุณาติดต่ออีกครั้งภาย....”

“ดาว นี่ผมเองนะ”

น้ำเสียงจากปลายสายแทรกออกมาได้ทันเวลาก่อนที่เธอจะกดปุ่มวางสาย ปลายดาวหูผึ่ง! เสียงใครกันนะไม่คุ้นเลย แถมยังเป็นเบอร์แปลกๆเสียด้วย

“ใคร!”

“ผมเอง...เต้”

“คุณเต้เตชิต!” ปลายดาวร้องออกมาอย่างประหลาดใจ “คุณโทรมาทำไม...แล้วเอาเบอร์ฉันมาจากไหน อีหนอนใช่มั้ย?”

ชายหนุ่มหัวเราะมาตามสาย เธอคงลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยบังคับให้เขาโทรเข้าหาเบอร์ตัวเอง แม้ว่าเธอจะลบออกจากเครื่องตัวเอง แต่ในเครื่องเขามันยังคงอยู่

“ผมชื่อเต้ หรือเตชิต จะเรียกชื่อไหนก็เอาสักชื่อเถอะ เรียกซะเต็มยศแบบนี้ผมเขินนะ”

น่าแปลกที่เสียงหัวเราะของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่เคยแอบโล่งใจเวลาไปที่ร้านเค้กของคุณฝนแล้วพบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น หากการได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของเขาในวันนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกดีอย่างประหลาด

“ชื่อไหนก็ช่างเถอะน่า ว่าแต่คุณโทรมามีอะไรคะ แต่บอกไว้ก่อนวันนี้ฉันเพลีย ไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วยหรอกนะ”

“ผมก็ไม่ได้โทรมาทะเลาะด้วยซักหน่อย คุณสบายดีมั้ยดาว”

“ค่ะ...”

หญิงสาวตอบรับอย่างงงๆ เขาจะได้เบอร์เธอมาจากไหนไม่สำคัญแล้ว แต่เธอไม่อยากเชื่อว่าเขาจะโทรมาเพื่อถามสารทุกข์สุกดิบของเธอเท่านั้น มันดูแปลกประหลาดเกินไปหน่อยไหมสำหรับคนที่ยังห่างไกลกับคำว่าสนิทสนม ซ้ำยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดศกอย่างเขา

“ดาว...คือผม...”

“คุณมีอะไรหรือเปล่า...แล้วโทรมาทำไมคะ ฉันทำงานอยู่”

“ผมไปเจอคุณได้มั้ย...คือ...คือ....คือผมมีเรื่องสำคัญ...”

“เรื่อง?”

“ผมมีโครงการจะใช้ผ้าอยู่จำนวนหนึ่งน่ะ...”

อารมณ์เสีย!

ที่แท้เขาก็อยากซื้อผ้านี่เอง...เข้าข้างตัวเองอีกจนได้สิน่า แต่ก็นะ...ไม่เจอกันนานๆแบบนี้ คิดถึงกันบ้าง อะไรบ้าง ก็ได้ย่ะ!

“ถ้าอยากซื้อผ้า...คุณก็มาติดต่อที่โชว์รูมเหอะ ฉันไม่เกี่ยว บอกเป็นรอบที่ร้อยแล้ว”

“ทำไมล่ะ คราวก่อนคุณยังช่วยผมได้เลย”

“นั่นมันเหตุสุดวิสัย”

“ดาว...”

“แค่นี้ล่ะ ฉันทำงานอยู่”

ว่าแล้วหญิงสาวก็กดปุ่มวางสายลงฉับอย่างไม่สบอารมณ์ ทำเอาเพื่อนสาวคนสนิทอย่างต้นอ้อหัวเราะคิก นานๆทีหรอกถึงจะเห็นคนหน้าเป็นอย่างปลายดาว ค้อนตากลับประหลับประเหลือกใส่โทรศัพท์ให้เห็นอย่างนี้

“หัวเราะอะไร ต้นอ้อ” เธอเหวี่ยงใส่เพื่อนสาวทันที

“นี่ๆ อย่ามาพาล ทะเลาะกับแฟนแล้วอย่ามาเหวี่ยงใส่คนอื่นแบบนี้ นิสัยไม่ดี”

“บ้าเหรอ! ฟงแฟนอะไร คนบ้าน่ะสิไม่ว่า”

ปลายดาวแอบหยิกเพื่อนสาวไปหนึ่งที โทษฐานมากล่าวหาเธอแบบเลื่อนลอยแบบนี้ ต้นอ้อหัวเราะไม่ถือสาแล้วลุกเดินจากไป แต่ก็ยังไม่วายหันมาเตือนปลายดาวอีกครั้ง

“คุณลักษณ์คอนเฟิร์มวันกลับมาแล้ว อย่าลืมที่นัดกันไว้ล่ะ อ้อ! ชวนนายหนอนไปด้วยนะ คุณลักษณ์ฝากมาย้ำ ไปกันหลายๆคนสนุกดี”

ต้นอ้อหมายถึงงานเลี้ยงต้อนรับ “คุณลักษณ์” หรือคุณลักษณา หนึ่งในผู้บริหารคนสุดท้องที่จะกลับมาจากการเรียนคอร์สภาษาจีนที่ปักกิ่ง หล่อนเป็นเพื่อนสนิทกับวรนนท์เมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ที่ออสเตรเลียด้วยกัน ซึ่งปลายดาวเองก็เคยเจอเพียงไม่กี่ครั้งตอนที่ยังอยู่ที่นั่น แล้วเธอก็มีอันต้องระเห็จกลับเมืองไทยมาเสียก่อน แล้วก็เขานั่นแหละที่แนะนำให้เธอทำงานที่นี่ จะเรียกว่าใช้กำลังภายในฝากฝังกันก็ไม่ผิดเท่าไหร่นัก

“แหม...มันรู้ก่อนเราสองคนเสียอีก แต่ไม่รู้ว่าลืมหรือเปล่า เอาเหอะแล้วฉันจะบอกให้ถ้าเจอ ไม่รู้ป่านนี้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนแล้ว”

เธอบอกไล่หลังต้นอ้อไป แล้วต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัว ทิ้งความวุ่นวายเรื่องของชายนิรนามสำหรับต้นอ้อกับเพื่อนรักตัวดีไว้เบื้องหลัง วันนี้ปลายดาวมีนัดกับซัพพลายเออร์รายใหญ่จากตุรกี ซึ่งก็คงจะเอาสินค้าใหม่ๆมาเสนอตามเคย แล้วเมื่อ “น้องเจี๊ยบ” สาวสวยประจำโชว์รูมก็โทรขึ้นมาตามว่ามีแขกมาขอพบ หญิงสาวจึงไม่รอช้า

ปลายดาวเลื่อนบานประตูห้องรับแขกให้เปิดออก จนเห็นแผ่นหลังผึ่งผายของผู้มาเยือนที่ยืนพิจารณาภาพเขียนที่แขวนติดผนังอยู่อย่างสนใจ เขาอยู่ในชุดกางเกงยีนส์สีเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่พับแขนขึ้นมาถึงตรงข้อศอก ถึงจะไม่ได้คลุมทับด้วยสูทสีสุภาพเยี่ยงซัพพลายเออร์รายก่อนๆ แต่ก็ปลายดาวก็ไม่ถือสา...เมืองไทยอากาศร้อนจะตาย ต้องถือว่าเขาใจดีช่วยลดโลกร้อนด้วยซ้ำ

“Hello, good afternoon!”

หญิงสาวเอ่ยทัก จนกระทั่งชายผู้นั้นหันมาสบตากับเธอได้ในที่สุด แล้วเธอก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น รอยยิ้มที่เตรียมไว้ค้างอยู่ปลายริมฝีปาก เมื่อแขกขาวตาน้ำข้าวที่เธอคาดว่าจะเป็น ดันกลายเป็นคุณเตชิต ขึ้นมาเสียนี่!

“Hello, afternoon”

เขาทักตอบ แอบยักคิ้วข้างหนึ่งให้เธออย่างเจ้าเล่ห์

“คุณเองหรอกเหรอ...มาทำไมคะ ฉันบอกแล้วว่าถ้าคุณจะมาซื้อผ้า ก็ติดต่อตรงเคาน์เตอร์ได้ จะให้เด็กตามฉันมาทำไมคะ”

“แล้วเด็กเขาจะตอบทุกคำถามของผมได้หรือเปล่าล่ะ”

“ได้สิ” หญิงสาวตอบหนักแน่น “พนักงานเราทุกคนได้รับการเทรนมาเป็นอย่างดี ไม่งั้นแล้วเราคงไม่เป็นที่ยอมรับอย่างทุกวันนี้หรอก”

ชายหนุ่มถอนใจที่เธอไม่รับมุก แต่ก็แอบอมยิ้มกับท่าทีเป็นการเป็นงานนั้น ก่อนที่หญิงสาวจะเบือนหน้าหนีและผละไปอีกทาง เขาก็ยื่นสิ่งๆหนึ่งมาตรงหน้า มันเป็นตุ๊กตาจิงโจ้ขนสัตว์ตัวใหญ่ที่วางอยู่บนโซฟาเมื่อกี้นี้ ทว่าปลายดาวไม่ทันสังเกตเห็น

“ผมไปออสเตรเลียมา แล้วพี่จิงโจ้เขาขอตามกลับมาด้วย” เขาถือค้างไว้อย่างนั้น “พี่เขาอยากมาทานข้าวกับคุณ เย็นนี้คุณว่างหรือเปล่า...

“นี่คุณอย่ามาทะลึ่งนะ”

“ผมเปล่าซะหน่อย...น่านะ ผมไม่อยู่ตั้งหลายวัน มีเรื่องอยากคุยกับคุณตั้งหลายเรื่องแน่ะ”

หญิงสาวยังไม่ทันจะตอบว่าอะไร ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้งพร้อมร่างสูงสันทัดของ “คุณจิรา” ผู้จัดการฝ่ายขายสายงานโครงการซึ่งรับผิดชอบเฉพาะโครงการใหญ่ๆและลูกค้ารายพิเศษ ที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับหนุ่มหล่อหน้าตาสะอาดสะอ้านหมดจดคนหนึ่ง หนุ่มใหญ่ยิ้มให้ปลายดาวอย่างคนคุ้นเคย

“อ้าว! ดาวใช้ห้องอยู่เหรอ”

“ค่ะ...พอดีดาวจะมีซัพพลายเออร์จากตุรกี คุณจิราจะใช้ห้องนี้หรือเปล่าคะดาวย้ายห้องได้นะ”

“อ๋อ...พอดีผมนัดลูกค้าไว้ นี่คุณอาร์ท...สถาปนิกของคอนโดสร้างใหม่ตรงทองหล่อ” เขาผายมือไปยังหนุ่มน้อยผู้อ่อนวัยกว่าที่ยืนอยู่ข้างๆ “ อ้าว! คุณเต้! ตายจริง! มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะเนี่ย! เห็นคุณอาร์ทบอกว่าจะตามมา ผมยังนึกว่าคงอีกสักพัก รถติดมากเลยวันนี้”

ปลายดาวงงเป็นไก่ตาแตกที่อยู่ๆเขาก็ดันกลายมาเป็นลูกค้ารายใหญ่ของคุณจิราไปเสียได้ จริงอยู่ว่ามันอาจไม่ใช่เรื่องแปลก สำหรับวงการตกแต่งบ้านที่ย่อมต้องมองหาวัสดุคุณภาพเยี่ยมจากผู้ผลิตรายใหญ่เป็นอันดับต้นๆ แล้วโชว์รูมของเธอก็เป็นตัวเลือกเบอร์หนึ่งเท่านั้นเอง หญิงสาวอยากจะถอยเท้าออกมาจากที่ตรงนั้น แต่คุณจิราก็ห้ามไว้

“อ้าว! ดาวอย่าเพิ่งไปสิ นี่คุณเตชิต รู้จักกันแล้วใช่มั้ย”

คุณจิราแนะนำคุณเต้อย่างเป็นทางการอีกครั้งในฐานะวิศวกรของบริษัท Turn Key ยักษ์ใหญ่ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการออกแบบและปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งภายใน ปรับภูมิทัศน์ ไปจนถึงเรื่องการจัดการระบบสาธารณูปโภคแบบเบ็ดเสร็จ...

ปลายดาวแอบเบ้ปาก แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจโดยเฉพาะคุณเตชิต เขาหันไปพูดกับหนุ่มใหญ่เพื่อวกเข้าสู่เรื่องงานแทน

“ต้องขอโทษด้วยนะฮะที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า พอดีวันก่อนผมประชุมกับทางสถาปนิกแล้วก็มัณฑนากร เห็นอาร์ทเขาพรีเซ้นต์เรื่องผ้าม่านกันไฟ ก็เลยอยากมาดูของจริงหลายๆแบบ”

“ก็ได้คุณจิรานี่แหละแนะนำ ผมเลยมีไอเดียดีๆไปเสนอไง” ชายหนุ่มชื่ออาร์ทโยนความชอบไปให้คุณจิรา “ความจริงวันนี้นอกจากเรื่องผ้าม่านกันไฟแล้ว ผมอยากจะขอดูผ้ากำมะหยี่ด้วยฮะ ทราบว่าล็อตใหม่เพิ่งจะส่งมาจากตุรกี ตัวอย่างชิ้นโชว์ส่งมาถึงโชว์รูมหรือยังฮะ”

“อ๋อ เพิ่งมาถึงฮะ เห็นน้องๆเขากำลังติด Tag อยู่ งั้นเชิญข้างนอกดีกว่า มีตัวอย่างให้เลือกเยอะเลย” คุณจิราผายมือออกไปด้านนอก ก็สบโอกาสคุณเต้พอดี

“งั้นผมขอรอในนี้นะ ว่าจะศึกษาเรื่องผ้ากันไฟนี่เสียหน่อย”

“ตามสบายฮะ ถ้าคุณเต้สงสัย ถามดาวเขาก็ได้ เขาเป็นกูรูทางด้านนี้ พี่ฝากด้วยนะดาว”

ว่าแล้วคุณจิราก็เดินออกไปพร้อมกับคุณอาร์ทหน้าตาเฉย ทิ้งปลายดาวให้เผชิญหน้ากับแขกผู้มีเกียรติของเขาตามลำพัง แม้จะรู้สึกขัดใจเพราะไม่ใช่งานในรับผิดชอบโดยตรง ทว่าหญิงสาวก็ไม่มีทางเลือก อย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกค้า

“คุณอยากทราบเรื่องอะไรก็ถามมาละกัน เร็วเข้านะ ฉันมีนัดต่อ”

“ก็เรื่องผ้าม่านกันไฟที่ผมบอก วันก่อนคุณบอกผมว่ากันน้ำ วันนี้มากันไฟ แล้วมันยังจะมีกันอย่างอื่นอีกไหมเนี่ย”

“กันผีมั้ง”

เธอสะบัดหางเสียงตอบ ส่วนคุณเตชิตอมยิ้ม ดูออกว่าเขาเองก็กลั้นหัวเราะเอาไว้เหมือนกัน แต่เมื่อเขาเริ่มถามอย่างเป็นการเป็นงานอีกครั้ง(แปลว่าเขาคงตั้งใจมาคุยเรื่องนี้จริงๆ) หญิงสาวก็ถอนใจแล้วปรับท่านั่งเป็นตัวตรง เธอรู้ว่าเรื่องนี้มันอาจต้องอธิบายกันยืดยาวสักหน่อย

“ผมไม่เคยคิดว่าในโลกนี้มันจะมีผ้าที่เผาไฟไม่ติดด้วย คุณช่วยอธิบายหน่อยสิ”

“เราไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ติดไฟค่ะ...มันติด แต่เราหาวิธีที่ทำให้มันจะไม่ลุกลามต่อด้วยการเพิ่มสารป้องกันการลามไฟคือไม่ให้ไฟลามไปติดส่วนอื่นได้อีก ซึ่งเราเรียกว่า flame retardant คือการเพิ่มสารเคมีที่มีอานุภาพช่วยให้ไฟที่ติดผ้าดับได้เองภายในเวลาสองหรือสามวินาทีหลังจากติดไฟ”

“แล้วมันเวิร์คจริงใช่มั้ย...เอ่อ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อนะ แต่...ผมคิดว่ามันน่าจะมีสถาบันอะไรสักอย่างรับรอง เหมือนพวกอาหารและยา ก็จะต้องมีอย. หรือ FDA น่ะ”

“คุณน่าจะเตรียมสมุดมาเล็คเชอร์ด้วยนะ” หญิงสาวแอบประชด “คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว ในการทดสอบเรื่องประสิทธิ์ภาพของการกันไฟ เราก็จะมีหลายมาตรฐานที่รับรองค่ะ ทั้งจากจีน ไต้หวัน เยอรมัน ญี่ปุ่น แต่ที่เรานิยมกันมากสุดก็คือ มาตรฐานจากยุโรป เราเรียกว่าบีเอส หรือบริติช สแตนดาร์ด กับเอ็นเอฟพีเอ ของอเมริกา ส่วนเรื่องราคาก็ขึ้นอยู่กับมาตรฐานที่เลือกใช้ ถ้าเป็นของบีเอส หรือเอ็มวันของฝรั่งเศสก็อาจจะแพงหน่อย ก็ขึ้นอยู่กับความหนาหรือน้ำหนักของผ้าด้วย”

หญิงสาวยืนตัวตรงเมื่อพูดจบ รอเวลาให้คุณจิรากลับเข้ามาอีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ

“คุณมีอะไรจะถามอีกมั้ย”

“มีสิ” เขาตอบ แอบมีรอยยิ้มในหน้า “ตกลงว่าเย็นนี้คุณว่างหรือเปล่า พี่จิงโจ้เขารอคำตอบอยู่นะ

“เราไม่สนิทกัน จะกินข้าวด้วยกันได้ไง ทีหลังอย่ามาพูดจาส่งเดชอะไรแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ...ฉันซีเรียสกับเรื่องนี้”

ปลายดาวอยากจะต่อว่า โดยเฉพาะเรื่อง “กินฟรี” แต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน

“กินข้าวกันนะ”

“ฉันไม่ว่าง”

“เลิกงานแล้วผมจะรออยู่ที่ลานจอดรถข้างล่างนะ ให้เวลาคุณเคลียร์งานครึ่งชั่วโมง ถ้าห้าโมงครึ่งคุณยังไม่ลงมา คุณคงเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

“ไม่ต้องมาขู่ ฉันไม่กลัว”

“แต่ผมไม่ได้ขู่ ผมเอาจริง”
เขาตอบยิ้มๆ แล้วหย่อนตัวลงนั่งกับโซฟาตัวยาวด้วยท่าทีไม่อนาทรร้อนใจ...เหมือนเมื่อครั้งแรกที่เจอกันไม่มีผิด


17.40 น.
ปลายดาวยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเมื่อเลยเวลาเลิกงานมามากแล้ว ครั้นพอจัดการเคลียร์งานบางอย่างที่คั่งค้างมาตั้งแต่บ่ายได้เรียบร้อยทันเวลา หญิงสาวก็เดินลงมาจากตึกพร้อมหัวใจที่กระหวัดไปถึงใครบางคนอย่างช่วยไม่ได้...

นี่เธอจะนึกถึงเขาขึ้นมาหาสวรรค์วิมานอะไรนะ!

หญิงสาวสะบัดศีรษะแรงๆหลายครั้งเพื่อปรับสมดุลความคิด หน้าอย่างเขาน่ะหรือจะอยากมารอเธอ...จะอยากมาดินเนอร์กับเธอ สู้เขาไปสวีทหวานแหววกับสาวสวยอย่างคุณฝน...มันยังจะมีอะไรดึงดูดใจมากกว่ากันเยอะ

หญิงสาวชนโครมเข้ากับร่างสูงของใครบางคนตรงทางออกที่บันไดขั้นสุดท้าย พอเงยหน้าว่าจะเอ่ยขอโทษ ริมฝีปากเธอก็ค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อร่างสูงใหญ่ที่หันมาคว้าร่างที่กำลังจะเสียหลักของเธอได้ทันเวลา กลายเป็นคุณเตชิตเจ้าของใบหน้าบอกบุญไม่รับไปอย่างไม่น่าเชื่อ

“เลิกงานกี่โมง” เขาถามเสียงดุ “ทำไมเพิ่งลงมา ผมมารอตั้งนานแล้วนะ”

“ใครใช้ให้คุณมารอ”

“ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิดอีก ไปขึ้นรถ!” เขาผายมือไปยังรถคันงามที่จอดอยู่ด้านข้างอาคาร

“ฉันไม่ไป!”

“ดาว! ผมบอกให้ไปขึ้นรถ!”

เขาสั่งเสียงเฉียบขาด แต่คนฟังทำหูทวนลมแถมยังเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างจงใจ ชายหนุ่มถอนหายใจหงุดหงิดก่อนปราดเข้ามาคว้าข้อมือเธอไว้จนเกือบเป็นกระชาก

“จะขึ้นหรือไม่ขึ้น?”

“ฉันไม่ขึ้น!”

“มาขึ้นรถเดี๋ยวนี้!”

“พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันบอกว่าไม่ไปไงล่ะ!”

“ผมจะถามคุณครั้งสุดท้ายนะ ว่าคุณจะยอมเข้าไปนั่งในรถดีๆ หรือว่า...”

“ฉันไม่ไป!”

พูดได้เท่านั้น รอยยิ้มกระหยิ่มก็ปรากฏขึ้นตรงมุมปากพร้อมร่างบางเล็กของปลายดาวก็ถูกอุ้มลอยละลิ่วอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะโยนเธอเข้าไปในรถอย่างง่ายดาย มิวายที่เธอจะพยายามต่อสู้ขัดขืนแต่เรี่ยวแรงอิสตรีไหนเลยจะสู้ชายชาตรีอย่างเขาได้ เขาดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เธอก่อนจะออกรถไปอย่างกระชากด้วยท่าทีที่ดูเหมือนโมโห แต่รอยยิ้มกว้างๆที่ค่อยๆ กระจ่างขึ้นเต็มดวงหน้านั้นก็ทำให้ปลายดาวชักงง...เธอเดาอารมณ์เขาไม่ถูกจริงๆ

“คุณเป็นอะไร ชอบทำให้ผมโมโหอยู่เรื่อย” เขาบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด

“ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย!” หญิงสาวโวยขึ้นอย่างเหลืออด “เห็นฉันเป็นตัวอะไร ฉันไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือคุณนะ”

“ผมก็ไม่ได้ว่าคุณเป็นลูกไก่สักหน่อย”

“งั้นก็จอด...ฉันจะลง”

“ไม่จอด”

“บอกให้จอดไงเล่า”

“ถ้าผมบอกว่าไม่จอด ผมก็ไม่จอด”

“ไอ้บ้า!”

ด้วยความโมโหทำให้หญิงสาวหันไปทุบแขนเขาดังพลั่ก เท่านั้นไม่พอเธอยังถือโอกาสที่เขากำลังใช้สมาธิกับการบังคับพวงมาลัย หันไปงับท่อนแขนเขาเข้าอย่างจังจนชายหนุ่มร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บและตกใจในคราวเดียวกัน

“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!”

เขาพูดเสียงดังเกือบเป็นตะคอก แทนคำตอบ...ปลายดาวยิ่งรัวกำปั้นใส่ท่อนแขนเขาไม่ยั้งด้วยความโกรธและโมโห ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงเบี่ยงรถเข้าจอดข้างทางพร้อมดับเครื่องยนต์ดื้อๆ เขานิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะชักกุญแจรถมาถือไว้ แล้วหันมาจ้องตาเธออย่างจงใจจะกวนประสาท

“คุณจะทำอะไร?” หญิงสาวหยุดรัวกำปั้นอย่างเริ่มวิตก

“แล้วคุณคิดว่าผมจะทำอะไร เมื่อกี้อยู่ข้างนอกผมยังอุ้มคุณเข้ามาได้ แล้วตอนนี้อยู่ในรถ...คุณว่าผมจะทำอะไร”

“อย่าทำอะไรบ้าๆนะ ฉันร้องให้คนช่วยจริงๆด้วย”

“แล้วนึกเหรอว่าจะมีใครเข้ามาช่วย”
เขาพูดพร้อมโน้มใบหน้าลงมาใกล้ จนอีกฝ่ายต้องหลับตาปี๋อย่างตื่นตระหนกพร้อมยกมือขึ้นกำบังร่างสูงใหญ่ที่เอนเข้ามาใกล้โดยอัตโนมัติ

“อย่านะ!”

“แค่นี้ก็กลัวแล้วเหรอ ไหนว่าเก่ง...”

“ออกไปนะ....ฉันจะแจ้ง...”

พูดได้เท่านั้น ริมฝีปากของเธอก็ถูกทาบทับด้วยริมฝีปากหนาอุ่นของเขาในอีกไม่ถึงวินาทีต่อมา จูบของเขารุนแรงคล้ายต้องการสั่งสอนที่เธอบังอาจมาขัดใจ เป็นการบอกให้รู้ว่าเธอไม่ควรมาแหย่หนวดเสือและไม่ว่าเธอจะตั้งใจหรือไม่ คนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ

ปลายดาวขัดขืนจนสุดกำลังเธอเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ จนในที่สุดเมื่อไม่อาจต้าน เธอก็ต้องปล่อยให้เขารุกรานตามอำเภอใจ ทว่าไม่นานนักจูบของคุณเตชิตก็แปรเปลี่ยนจากดุดันรุนแรงมาเป็นอ่อนหวานนุ่มนวล ทำเอาปลายดาวรู้สึกเหมือนกับจะเป็นลมและไหววูบราวกับมีใครสักคนฉุดดึงเธอลงมาจากที่สูงแล้วก็ดึงเธอจากก้นเหวขึ้นไปสู่เบื้องบนอีกครั้งสลับไปมา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงหัวใจเต้นโครมครามที่ได้ยินนั้นดังมาจากไหนกันแน่

ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปอย่างยอมจำนน ความจริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการทำแบบนี้ ไม่ได้ต้องการจะทำให้เธอเสียขวัญ แค่อยากสั่งสอนเด็กดื้อเอาแต่ใจก็เท่านั้น ทว่าในเมื่อทุกอย่างมันตกกระไดพลอยโจนแล้วเมื่อได้แนบชิดกับเรือนร่างหอมกรุ่นของเธอเข้า มันก็ยากที่เขาจะตัดใจหนีได้จริงๆ

“คุณมันทุเรศ! ไม่ใช่สุภาพบุรุษ!”

เธอตวาดเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก สัญชาติญาณนางเอกทำให้เธอเงื้อฝ่ามือและฟาดเปรี้ยงลงไปบนผิวแก้มสากๆนั้นเต็มแรง รอยฝ่ามือห้านิ้วปรากฏขึ้นชัดเจนทันทีที่เธอชักมือกลับ

“คนเลว!” เธอตะโกนใส่หน้าเขา “มีสิทธิ์มาทำอะไรกับฉันแบบนี้”

“ก็แล้วคุณมายั่วโมโหผมทำไม คุณมากัดผมทำไม”

“แล้วคุณมาทำชั่วกับฉันก่อนทำไม”

“ชั่วตรงไหน...ก็แค่อยากมาทานข้าวกับคุณ”

“ฉันหมายถึงเรื่อง...จูบ...คุณมาจูบฉันทำไม!”

ชายหนุ่มนิ่งไปอย่างจนด้วยคำตอบ จะว่าไปแล้วเขาก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงได้อยากหาเรื่องมาใกล้ชิด มากวนประสาทเธอแบบนี้ หรือว่าเขาจะเกิดหลงเสน่ห์เธอขึ้นมาจริงๆเสียแล้วก็ไม่รู้

“เราหายกันนะ คุณตบผมแล้วนี่” เขาตัดบทพร้อมยกมือคลำข้างแก้ม “คุณจะตบผมอีกมั้ย”

คำถาม(ที่ดูเหมือน) ใสซื่อนั้นทำให้ปลายดาวต้องเม้มปากแน่น น่าแปลกที่เธอไม่กล้าตอบคำถามนั้น...
เพราะถ้าเธออยากตบ แล้วเขาอยากจูบเธอขึ้นมาอีก...เรื่องมันจะโอละพ่อไปกันใหญ่





สิริเสาวภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ต.ค. 2554, 18:46:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ต.ค. 2554, 18:46:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 2260





<< ตอนที่ 6 << แล้วผมจะเปลี่ยนใจคุณเอง >>   ตอนที่ 8 << มันเกิดอะไรกับหัวใจ...ควบคุมไม่ได้สักอย่าง >> >>
anOO 10 ต.ค. 2554, 19:18:24 น.
ซะงั้น นายเต้จูบดาวไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงจูบ
เอายังไงกันดีล่ะคู่นี้


Canopus 10 ต.ค. 2554, 22:41:19 น.
ตบจูบ555 น่ารักดี


violette 11 ต.ค. 2554, 01:16:08 น.
เอ้อ นายเต้ทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มริรักเลยนะเนี่ย
อายุอานามก็ไม่น้อยแล้วนา อิอิ


pseudolife 11 ต.ค. 2554, 11:38:36 น.
แอร๊ยยยคุณเต้


สิริเสาวภา 11 ต.ค. 2554, 16:48:11 น.
555 นายเต้เราร้ายไม่เบาเลย...
ขอบคุณนะคะ คุณ anOO, คุณ Canopus, คุณ violette และคุณ pseudolife สำหรับการติดตามค่ะ ไว้มีโอกาสจะเอาหนังสือที่ตีพิมพ์แล้วมาแจกบ้าง สมนาคุณสำหรับคอมเม้นท์ดีๆ ทำให้ผู้เขียนมีกำลังใจมา update ขึ้นเยอะเรยยยย ^^


wane 18 ต.ค. 2554, 07:55:10 น.
นายเต้ช่วยรู้ใจตัวเองบ้าง อะไรบ้าง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account