กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ

ตอน: ตอนที่ 14 ผู้หญิงของฉัน

บทที่ 14
ผู้หญิงของฉัน

ราเมศเหยียดยิ้มพอใจ พาร่างบางระหงออกสู่ฟลอเต้นรำช้า ๆ เสียงดนตรีและท่วงทำนองอันอ่อนหวาน ทำให้งานเต้นรำในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยคู่รักหวานซึ้ง ภายใต้แสงไฟบรรยากาศโรแมนติก

มือใหญ่กระชับปลายนิ้วเรียว โอบแขนข้างที่เหลือรอบเอวคอดกิ่วภายใต้ชุดราตรีสีหวาน ด้วยท่าทางการเต้นรำที่แนบชิด ส่งผลให้ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากเสียจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นของกันและกัน ดวงตาคมกริบจับจ้องอยู่บนใบหน้าหวานที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ยิ่งพิศใกล้ ๆ เขาก็ยิ่งเห็นความงามที่ถูกซ่อนอยู่ชัดเจน แพขนตาดกหนาแลดูเหมาะเจาะกับดวงตากลมโตราวกับรูปวาด ขณะที่กลิ่นหอมจาง ๆ จากเรือนผมของหญิงสาวส่งผลให้หัวใจของราเมศหวั่นไหวกว่าปกติ

“มองอะไร” ปิ่นแก้วประท้วง เมื่อเริ่มก้าวขาไม่ค่อยออก

“เปล่า” เขายิ้มตอบ “แค่กำลังคิดว่าผู้หญิงน่ารัก ชอบปากร้ายเหมือนกันหมดทุกคนหรือเปล่า”

คำพูดชวนให้คิดไปไกล ทำเอาแก้มเนียนเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงเพลงอันไพเราะหรือเปล่า...ที่ทำให้ปิ่นแก้วรู้สึกคล้ายกับกำลังถูกดึงดูดเข้าหาราเมศราวกับต้องมนตร์ ทั้ง ๆ ที่เคยเกลียดเขาจน แทบไม่อยากอยากมองหน้าด้วยซ้ำ

แต่เหตุใด...จึงรู้สึกหวั่นไหวไปกับคำพูดของเขาได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้

“แล้วผู้ชายเจ้าชู้ล่ะ ชอบปากหวานเหมือนกับนายทุกคนหรือเปล่า” เธอย้อนถาม

ราเมศหัวเราะในลำคอเบา ๆ

“อย่าเหมารวมสิ ผมปากหวานเฉพาะกับคนที่ถูกใจเท่านั้นนะ”

“งั้นเหรอ”

เห็นได้ชัดว่าปิ่นแก้วไม่ได้เชื่อคำพูดของชายหนุ่มเลยสักนิด อีกฝ่ายจึงแกล้งบีบมือนิ่มแรงขึ้นพร้อมกับโน้มหน้าลงไปหา ดวงตาคม ๆ จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างต้องการรู้คำตอบ

“คุณไม่เชื่อหรือ”

“ถามทำไม นายจะปากหวานกับใครยังไง ก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว” ปิ่นแก้วตอบอย่างที่ใจคิด พลางขยับตัวออกห่าง “นี่ ถอยห่างออกไปหน่อยสิ ใกล้กันเกินไปแล้วนะ”

หญิงสาวร้องประท้วง แต่ราเมศเลือกที่จะรวบเอวบางเข้ามาชิดลำตัวมากกว่า สัมผัสแนบชิดท่ามกลางผู้คนบนฟลอ ทำให้ปิ่นแก้วหน้าแดงขึ้นมาทันควัน หญิงสาวรีบยกมือขึ้นดันแผ่นอกหนาออก ขณะที่มือข้างที่เหลือถูกจับกระชับไว้แน่น

“ทำอะไรน่ะ ปล่อย” เธอร้องสั่ง พยายามระมัดระวังไม่ให้ใครได้ยิน

“อย่าขยับสิ เดี๋ยวคุณพ่อคุณก็สงสัยเอาหรอก”

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอย่างเป็นต่อ นัยน์ตาเป็นประกายกรุ้มกริ่ม ทำเอาหญิงสาวนึกฉุนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“คนฉวยโอกาส คิดผิดจริง ๆ เลยที่ขอร้องคนอย่างนาย”

วาจาเชือดเฉือนกับสายตาดุ ๆ ที่จ้องมองมา ทำให้ราเมศนึกอยากดึงตัวเข้ามาจูบปิดปากเสียให้เข็ด และเขาก็เป็นผู้ชายประเภทชอบทำมากกว่าคิดเสียด้วย จึงโน้มใบหน้าลงไปหาในระยะใกล้เสียจนปิ่นแก้วต้องรีบหันหน้าหนีด้วยความตกใจ

“อย่านะ” หญิงสาวร้องอู้อี้ในลำคอ ก้มหน้าซุกลงกับบ่ากว้างอย่างไม่มีทางเลือก

ราเมศหัวเราะในลำคอเบา ๆ

“ช่วยไม่ได้ คุณอยากปากร้ายกับผมก่อนทำไม อย่าลืมสิว่าคืนนี้เราสองคนเป็นคู่รักกัน ถ้าขืนคุณทำตัวดื้อมาก ๆ ล่ะก็ ผมอาจจูบลูกสาวต่อหน้าคุณพ่อก็ได้นะ” ร่างสูงข่มขู่นัยน์ตาวาว

“บ้า อย่าทำบ้า ๆ นะ” ปิ่นแก้วหน้าแดงจัด

หลังจากถูกปราบพยศเสียอยู่หมัด ปิ่นแก้วก็ยอมเก็บคำพูดคำจาแต่โดยดี ราเมศเหยียดยิ้มพอใจ ประคองกอดร่างบางเข้าสู่ท่วงทำนองเพลงอันอ่อนหวานอีกครั้งซึ่งเป็นเวลานานร่วมยี่สิบนาที กระทั่งบทเพลงสุดท้ายสิ้นสุดลง ร่างสูงจึงคลายมือจากปลายนิ้วเรียวช้า ๆ ด้วยความรู้สึกเสียดาย

“ฝากไว้ก่อนเถอะ” ปิ่นแก้วรีบผละออกไปจากฟลอเต้นรำ โดยมีราเมศก้าวตามไปติด ๆ ทั้งสองเลือกยืนบริเวณริมฝั่งกำแพงที่คลุมด้วยผ้าม่านผืนใหญ่ ก่อนที่ราเมศจะออกปากเดินไปเอาเครื่องดื่มมาให้เธอ

“เอาเครื่องดื่มอะไรไหม เดี๋ยวผมเดินไปหยิบมาให้”

“ขอน้ำผลไม้ก็แล้วกัน”

ปิ่นแก้วเหนื่อยเกินกว่าจะหาเรื่องเกี่ยงงอนกับเขา ราเมศจึงเดินผละไปยังโต๊ะวางเครื่องดื่ม ทิ้งให้ปิ่นแก้วยืนคอยอยู่ตามลำพัง หญิงสาวถือโอกาสนี้มองราเมศเต็มตา คืนนี้ชายหนุ่มดูดีมากเป็นพิเศษ ร่างสูงสง่างามภายใต้ชุดสูทสีเข้มราคาแพง ส่งผลให้ใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่แล้ว ยิ่งโดดเด่นชวนมองมากขึ้นไปอีก

ปิ่นแก้วแอบสังเกตเห็นสาวสวยหลายคน หยิบยื่นไมตรีด้วยการส่งยิ้มหวานหยดให้กับเขา ก่อนที่หญิงสาวอีกคนจะใจกล้าเดินเข้าไปทักทายราเมศเป็นการส่วนตัว และเมื่อเห็นชายหนุ่มยิ้มตอบออกไป ปิ่นแก้วก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ชิ ผู้ชายเจ้าชู้”

เธอลอบบ่นเบา ๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องหงุดหงิดเวลาที่เห็นราเมศยืนคุยกับผู้หญิงคนอื่นด้วย
“ช่างสิ เขาจะสนิทกับใครไม่เห็นจะเกี่ยวกับเราเลย” ปิ่นแก้วยกมือขึ้นกอดอก ตัดสินใจเดินเลี่ยงไปให้พ้นจากที่ตรงนั้น เนื่องจากไม่ต้องการถลำลึกเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชายหนุ่มมากไปกว่านี้

ปิ่นแก้วเดินออกไปยืนรับลมด้านนอกโรงแรม ที่ซึ่งประดับประดับประดาไปด้วยดวงไฟเล็ก ๆ จำนวนหลายร้อยดวงทั้งบนต้นไม้และรอบบริเวณน้ำพุขนาดใหญ่ หญิงสาวออกไปเดินเล่นชมความงามรอบนอก ปล่อยใจให้คิดอะไรเรื่อยเปื่อยรอคอยเวลากลับ

ร่างบางภายใต้ชุดราตรีสีขาวสะดุดตาใครต่อใคร โดยเฉพาะแขกเหรื่อหนุ่ม ๆ หลายคนที่พร้อมใจกันทอดสายตามองมายังเธอโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ปิ่นแก้วกำลังมองดูแสงไฟเพลินอยู่ ก็ได้ยินเสียงเอ่ยทักทายดังขึ้นจากทางด้านหลัง และทำให้เธอประหลาดใจ

“น้องปิ่น”

“พี่เก้า”

ปิ่นแก้วหันไปมองอย่างคาดไม่ถึง เมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคืออดีตแฟนหนุ่มที่เพิ่งเลิกรากันไปได้ไม่นาน และคิดไม่ถึงว่าจะพบหน้าเขาในงานเลี้ยงคืนนี้

“ใช่น้องปิ่นจริง ๆ ด้วย”

ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นหน้าเธอ ลูกชายนักธุรกิจก็เก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ รีบเอื้อมมือไปกุมมือเล็กไว้แน่น

“ดีใจจังเลยที่พบกันอีก พี่คิดถึงน้องปิ่นมากเลยรู้ไหม”

“พี่เก้า” ปิ่นแก้วรีบดึงมือออกด้วยความตกใจ “ระวังหน่อย นี่มันในงานเลี้ยงนะคะ”

กิริยาหมางเมิน ส่งผลให้สีหน้าชายหนุ่มหมองลงทันที

“ขอโทษครับน้องปิ่น แต่พี่อยากพบหน้าปิ่นใจจะขาดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาพี่พยายามโทรศัพท์ติดต่อหลายครั้ง แต่ปิ่นก็ไม่ยอมรับสายเลย” เขาตัดพ้อ

หากเป็นเมื่อก่อนปิ่นแก้วคงฟังด้วยความปลื้มใจ

แต่เดี๋ยวนี้...ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

“ระหว่างเรายังมีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีกเหรอคะพี่เก้า” เธอย้อนถามเสียงเย็นชา

ความเจ็บปวดแต่หนหลังที่เขาเคยทำเอาไว้ ปิ่นแก้วยังจำรสชาติของมันได้ไม่มีวันลืม

“ได้โปรดเถอะ ฟังพี่อธิบายก่อนได้ไหม เรื่องคราวก่อนพี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเลยนะ” เขาพยายามอธิบาย

“แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วนี่คะ”

“น้องปิ่น”

“ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะพี่เก้า ปิ่นเข้าใจเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว รูปถ่ายพวกนั้นปิ่นก็เผาทิ้งไปหมดแล้วด้วย”

นี่สินะที่เขาพูดกันว่าความรักทำให้คนตาบอด ที่ผ่านมาเธอมักได้ยินแต่ข่าวลือเรื่องผู้หญิงของเก้าอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยปักใจเชื่อ จนกระทั่งได้เห็นกับตาตัวเอง...แม้จะยังเจ็บปวดใจไม่หาย แต่ปิ่นแก้วก็นึกดีใจที่ตีตัวออกห่างจากผู้ชายพรรค์นี้เสียได้

“พี่ขอโทษ...พี่ผิดเองที่ทำให้ปิ่นเสียใจ ให้โอกาสพี่อีกสักครั้งได้ไหม คราวนี้พี่สัญญาว่าจะทำตัวให้ดีกว่าเดิม จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

“พี่เก้า”

“มาสองคนมาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ สำหรับพี่แล้วนอกจากปิ่น ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาสามารถแทนที่ได้จริง ๆ”

ชายหนุ่มอ้อนวอนทั้งสีหน้าและแววตา จนเกือบทำให้ปิ่นแก้วหัวใจไหวเอน...

“แล้วผู้หญิงในรูปถ่ายละคะ พี่จะเอาเธอไปไว้ที่ไหน” ปิ่นแก้วตัดสินใจถามออกไป ส่งผลให้อีกฝ่ายตอบไม่ถูก

“เอ่อ..”

“ว่ายังไงคะ ตอนนี้เขาย้ายเข้าไปอยู่กินกับพี่เก้าที่คอนโดฯแล้วไม่ใช่เหรอ แถมยังได้ข่าวว่ากำลังท้องอ่อน ๆ อยู่ด้วย นี่ปิ่นไม่ได้พูดเล่นนะคะ ชีวิตของผู้หญิงทั้งคนเมื่อมันเป็นไปแล้ว ผู้ชายก็ควรรับผิดชอบไม่ได้เหรอคะพี่เก้า”

“พอเถอะปิ่น เลิกซ้ำเติมพี่สักทีได้ไหม”

“ปิ่นไม่ได้ซ้ำเติม แต่กำลังเตือนสติพี่เก้าต่างหาก” หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นเครือ “กลับไปดูแลครอบครัวให้ดีเถอะค่ะ อย่ามาคิดห่วงเรื่องปิ่นเลย”

“น้องปิ่น”

“ปิ่นไม่โทษพี่เก้าหรอกค่ะที่เลือกผู้หญิงคนนั้น เพราะปิ่นไม่สามารถให้สิ่งที่พี่เก้าต้องการได้ เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างเราจบแค่นี้เถอะค่ะ ปิ่นจะกลับเข้าไปข้างในแล้ว”

ปิ่นแก้วทำท่าจะหมุนตัวกลับเข้าไปข้างใน แต่เก้ารีบคว้าแขนบางเอาไว้แน่น

“เดี๋ยวก่อนสิปิ่น พี่ยังคุยไม่จบ”

“ปล่อยค่ะ พี่เก้า”


“ปิ่นจะทิ้งพี่ไปด้วยเหตุผลง่าย ๆ แค่นี้น่ะเหรอ” เขาถามเสียงห้วน “เราคบกันมาตั้งหลายปีนะปิ่น กับแค่ความผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ปิ่นจะไม่อภัยให้พี่เลยหรือไง พี่สัญญานะว่าจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อย และจะไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นมาระรานปิ่นเป็นอันขาด”

ใบหน้าหวานเม้มปากเข้าหากัน รู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินคำพูดแก้ตัวแย่ ๆ จากปากของผู้ชายที่เธอเคยคิดว่าชอบที่สุด จริงอยู่ที่เก้าอาจทำตัวเหลวไหลเพียงเพราะความสนุกตามประสาผู้ชาย แต่สำหรับปิ่นแก้วกลับเห็นว่าการกระทำดังกล่าว เป็นเรื่องที่น่าดูถูกที่สุด

“พอเถอะค่ะ ปิ่นไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว เราสองคนจบไปแล้วนะคะพี่เก้า” ร่างบางพยายามสลัดมือออก

“ไม่ พี่ไม่ยอมให้ปิ่นทิ้งพี่ไปแบบนี้หรอก”

“พี่เก้า”

ขาดคำ เก้าก็ออกแรงฉุดแขนปิ่นแก้วเข้าสู่มุมมืดหลังต้นไม้ใหญ่ นับเป็นความโชคร้ายของหญิงสาวที่ออกมาเดินเล่นเพียงลำพังด้วยความประมาท อดีตแฟนหนุ่มรวบร่างบางเข้าไปกอด พร้อมทั้งก้มหน้าลงมาหมายจะจุมพิตปิ่นแก้วให้สมแก่ความคิดถึง

“เป็นตายยังไงพี่ก็ไม่ยอมยกปิ่นให้คนอื่นหรอก พี่รักปิ่นนะรู้ไหม”

“ไม่นะ ปล่อยปิ่น” ปิ่นแก้วออกแรงผลักเก้าออก แต่ก็ไม่อาจสู้แรงชายหนุ่มได้ หญิงสาวหันหน้าหนีด้วยความรังเกียจ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนแบบนี้

เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมง่าย ๆ ชายหนุ่มจึงออกแรงบีบคางมนบังคับให้เงยหน้าขึ้น ปิ่นแก้วเจ็บจนน้ำตาแทบไหล หญิงสาวได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมกับคำพูดหยาบคายลอยมาให้ได้ยิน

“อุตส่าห์คบกันมาตั้งหลายปี ยังไม่มีโอกาสได้แตะต้องเลยสักครั้ง แล้วจู่ ๆ จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไง”

“อย่า”

ปิ่นแก้วฝืนตัวเต็มที่ รู้สึกขยะแขยงเต็มทน ทว่ายังไม่ทันที่ริมฝีปากบางจะถูกสัมผัส จู่ ๆ ร่างของเก้าก็ถูกมือใหญ่ของใครบางคนกระชากออกไปโดยแรง ก่อนเหวี่ยงโครมเข้ากับลำต้นไม้อย่างไม่ทันตั้งตัว

โครม

“อั่ก”

ใบหน้าหวานซีดเผือด จ้องมองไปยังผู้มาใหม่ที่เป็นชายหนุ่มร่างสูงสง่า ชุดสูทสีดำโดดเด่นภายใต้แสงนุ่มนวลของโคมไฟ หากแต่หากกระทำรวมไปถึงดวงตาคมดุเฉียบขาด ที่จ้องมองนายเก้าที่ลงไปนั่งจุกอยู่บนพื้น ไม่ได้นุ่มนวลไปด้วยแต่ประการใด

“คุณราเมศ”

ราเมศเดินเข้าหาเธอพร้อมทั้งยกปลายนิ้วขึ้นสัมผัสเรียวปากสีชมพูเรื่อ โชคดีหลังจากที่เขามองไม่เห็นปิ่นแก้วยืนอยู่ในงาน ก็ตัดสินใจเดินออกจากงานมาตามหาเธอ จนกระทั่งเห็นเหตุการณ์ในที่สุด

“หมอนั่นทำอะไรคุณหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามเสียงต่ำลึก สีหน้าปราศจากรอยยิ้มขันเหมือนเช่นเคย

ปิ่นแก้วส่ายหน้าเบา ๆ ลำคอตีบตันขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

“เปล่า” เธอกระซิบแผ่ว รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาให้ได้ ราเมศถอนหายใจยาว เป็นเวลาเดียวกับที่คู่อริประคองตัวลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งกำหมัดเข้าใส่

“ไอ้บ้า แกเป็นใครวะ”

“ขอเวลาผมสักเดี๋ยวนะ”

“ระวัง”

ปิ่นแก้วร้องตะโกน ทันทีที่อีกฝ่ายยื่นมือมาคว้าไหล่ทำท่าจะดึงกลับไป ราเมศก็เอี้ยวตัวไปด้านข้างเหวี่ยงหมัดสวนเข้าที่ใบหน้าของเก้าเต็มแรง ก่อนจะเดินตามเข้าไปกระชากคอเสื้อเข้ามาประเคนเข่าเข้าใส่กลางลำตัวอีกหลายครั้งจนทรุดฮวบลงกับพื้น หน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บปวด

ยังหนำใจราเมศยังตามเข้าไปสั่งสอนผู้ชายเห็นแก่ตัวอีกหลายหมัด จนปิ่นแก้วทนดูไม่ไหวรีบวิ่งเข้ามาฉุดแขนพร้อมทั้งร้องห้ามเสียงดัง

“อย่า พอแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะ”

ราเมศสูดลมหายใจลึกเพื่อระบายความโกรธ มองดูอีกฝ่ายลงไปนอนคู้ตัวอยู่บนพื้นหญ้าอย่างชิงชัง

“จำเอาไว้ว่าปิ่นแก้วเป็นผู้หญิงของฉัน ถ้าแกขืนแตะต้องเธออีก ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่” ชายหนุ่มก้าวออกมาข้างหน้า พร้อมกับประกาศเสียงดัง

เก้าจุกจนพูดไม่ออก หน้าตาบวมช้ำจนดูไม่ได้ ปิ่นแก้วสุดที่จะทนดูต่อไปไหว ออกแรงดึงแขนราเมศเดินออกไปจากบริเวณนั้น เนื่องจากเกรงว่าชายหนุ่มจะตรงเข้าไปทำร้ายเขาอีก

“เรารีบไปจากที่ตรงนี้กันเถอะ” ปิ่นแก้วร้องขอ

ราเมศยืนคาดโทษอีกนานหลายวินาที ก่อนฉุดแขนปิ่นแก้วให้เดินออกห่างไกลจากบริเวณนั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งพาเธอกลับเข้าไปในงานที่เต็มไปด้วยผู้คนและแสงสว่างอีกครั้งหนึ่ง

“ขอบคุณนะ ที่ช่วยฉัน”

ปิ่นแก้วเอ่ยปากขอบคุณ ทั้งที่ยังก้มหน้านิ่ง หากไม่ได้เขาช่วยเอาไว้ป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

ราเมศระบายลมหายใจยาว นึกโกรธตัวเองไม่หายที่ปล่อยให้หญิงสาวคลาดสายตา

“ไม่เป็นไร แล้วคุณล่ะเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เขาถามน้ำเสียงอ่อนโยน แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ ราเมศจ้องเธออย่างจับสังเกตกระทั่งออกปากถามในสิ่งค้างคาใจ “หมอนั่นเป็นคนรักของคุณงั้นหรือ”

“...เปล่า”

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึง” เขาเดินหน้าจะถามต่อ แต่ปิ่นแก้วชิงตอบขึ้นเสียก่อน

“ฉันกับเขาเคยคบหากันมาก่อน แต่ภายหลังเลิกกันเพราะฉันจับได้ว่าเขามีผู้หญิงคนอื่น” เธอตอบโดยไม่ยอมมองหน้าเขา

“อ้อ” ราเมศพยักหน้ารับรู้ พลางหวนนึกไปถึงคืนที่ปิ่นแก้วเมามายในผับขึ้นมาทันที “มิน่าล่ะ...คุณถึงได้เมามายขนาดนั้น ที่แท้ก็เป็นเพราะหมอนี่เอง”

ปิ่นแก้วรู้สึกผิดที่เกือบหวั่นไหวไปกับคารมของนายเก้า ซึ่งราเมศเองก็รู้สึกได้ถึงสายใยบาง ๆ ที่หญิงสาวมีให้กับอดีตคนรัก แต่เจ้าตัวเลือกที่จะไม่พูดมันออกไป

“ตลกมากใช่ไหม ที่ฉันดันไปหลงรักผู้ชายพรรค์นั้นซะได้” ปิ่นแก้วเงยหน้าขึ้นสบตา ฝืนยิ้มออกมาทั้งที่หัวใจยังร้องไห้

“คุณปิ่น”

ราเมศมองดูเธอด้วยแววตาเห็นใจ ที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีนัก แต่ก็ไม่เคยคบหาผู้หญิงทีละหลายคนอย่างที่หมอนั่นเคยทำ สำหรับเขาแล้วปิ่นแก้วเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมน่ารัก

ซึ่งหากมีโอกาสได้ครอบครองหัวใจ

....จะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปเด็ดขาด

“ไม่ใช่หรอก แต่เป็นเพราะคุณบริสุทธิ์เกินกว่าจะมองเห็นความเลวของผู้ชายคนนั้นต่างหาก”

น้ำเสียงอ่อนโยนช่วยให้ปิ่นแก้วรู้สึกดีขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก

“ขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้ ถ้าไม่ได้นายป่านนี้คงแย่แน่ ๆ” เธอเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ ดวงตากลมโตเป็นประกาย กับรอยยิ้มเล็ก ๆ บนเรียวปาก ทำให้ราเมศอดที่จะหยอกเย้าอย่างเอ็นดูไมได้

“แค่นี้เองหรือ” เขาเอ่ยยิ้ม

ปิ่นแก้วทำหน้าสงสัย ชายหนุ่มจึงแกล้งพูดต่อ

“ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากได้จุมพิตจากเจ้าหญิง เป็นการตอบแทนมากกว่านะ”

ใบหน้าหวานแดงระเรื่อตามคาด ราเมศหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเพราะรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องปฏิเสธ ทว่า...สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นกลับเหนือความคาดหมาย เมื่อปิ่นแก้วตัดสินใจขยับตัวเข้ามาใกล้ เขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตที่ข้างแก้มของชายหนุ่ม โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว

แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ หากแต่รอยสัมผัสนุ่มนวลที่ได้รับจากริมฝีปากบาง ก็ส่งผลให้หัวใจแข็งกระด้างของชายหนุ่ม สะท้านไหวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ราเมศแทบไม่อยากเชื่อตัวเองจนกระทั่งได้ยินถ้อยคำกระซิบแผ่ว

“ขอบคุณค่ะ...”

**********************


นายราเมศของเรา เป็นสุภาพบุรุษค่ะงานนี้
แถมยังได้โบนัส เป็นรอยจูบอีกด้วย
แบบนี้ จะอดใจไม่รักหนูปิ่นแก้ว ได้ยังไง จริงไหมคะ ^//^





เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2554, 09:38:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2554, 09:38:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 2290





<< ตอนที่ 13 กามเทพแผลงศร   ตอนที่ 15 ถ่านไฟเก่า >>
Zephyr 12 ต.ค. 2554, 10:57:06 น.
...ยัง(ไม่)หนำใจ ราเมศยังตามเข้าไปสั่งสอน...น่าจะตกคำว่า " ไม่ " นะคะ งานนี้นายเมศอึ้งไปเลยล่ะสิ ได้โบนัสแล้วทำตัวดีๆล่ะ


violette 12 ต.ค. 2554, 13:57:22 น.
หนูปิ่นน่ารักกกได้อีกค่ะ
ราเมศอย่าทำปิ่นเสียใจนะ


ดาวลูกไก่ 13 ต.ค. 2554, 14:08:16 น.
ความน่ารักเริ่มมากชึ้นๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account