สุดทางใจ (จบแล้วค่ะ)
"ผมอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดแต่อย่างน้อยผมก็ดูแลคุณให้ดีที่สุดได้ แค่นี้พอไหม"

"แค่นั้นไม่พอ" คนป่วยปฏิเสธเสียงดังก่อนจะยื่นข้อเสนอที่ทำให้ภีคภัคถึงกับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่

"คุณต้องทำให้ฉันมีความสุขที่สุดด้วย ทำได้ไหม"

คนที่กลั้นยิ้มไว้นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "ได้สิ...ไม่มีปัญหา"
Tags: เกศหทัย ภีคภัค สุดทางใจ

ตอน: ตอนพิเศษ : ต้นทางใจ...สุดสายรัก (ครึ่งแรก : ต้นทางใจ)

ตอนพิเศษ...ของคุณวัศกับหนูพริมค่ะ เชิญติดตามจ้า

--------------------------------------------------------------------------------------------

ครึ่งแรก : ต้นทางใจ


กลิ่นอายความเค็มของน้ำทะเลผสมเสียงคลื่นซัดเข้ากระทบหาดทรายขาวละเอียดที่เปรียบเสมือนลานกว้างให้ปูลมได้วิ่งกันอย่างเป็นอิสระ สายลมอ่อนๆพัดยอดมะพร้าวต้นสูงจนพลิ้วไหวเช่นเดียวกับยอดสนที่ยืนต้นเรียงรายริมชายหาด บรรยากาศผ่อนคลายอย่างนี้แต่งแต้มรอยยิ้มน้อยๆให้เกิดขึ้นบนดวงหน้าน่ารักของผู้จัดการโรงแรมสาวคนเก่ง พริมาสูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด ถ้าการมาภูเก็ตครั้งนี้ของเธอเป็นการพักร้อนไม่ใช่การลงมาตรวจงานแทนเจ้านายที่แอบอู้งานพาเมียไปทัวร์ยุโรปมันคงจะดีกว่านี้มากและถ้า...

“คุณพริมครับ! คุณเคนเชิญพบที่ห้องประชุมด่วนเลยครับ” ถ้าไม่มีเสียงเรียกที่คอยขัดอารมณ์และขัดบรรยากาศอย่างนี้มันคงจะดีไม่ใช่น้อย

...บางทีเธอก็อยากที่จะพักบ้างอะไรบ้างนะ!!!...

สาวร่างเล็กตะโกนก้องในใจอย่างขัดเคือง หากหน้าที่กองโตที่ถูกมอบหมายจากท่านผู้บริหารโรงแรมอย่างภีคภัคและชาริภัทรที่ตอนนี้คงเที่ยวสบายลั้ลลาด้วยแพคเกจรักสองคู่ชูชื่นอยู่ที่ยุโรปขณะนี้ ไม่ได้เห็นใจคนที่ต้องอยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวอย่างเธอเลย ใช่...ตอนนี้เธอก็ยังอยู่คนเดียวเหมือนเดิม แม้ในหัวใจจะมีภาพของใครบางคนประทับอยู่ก็ตาม

...และมันคงจะติดตรึงอยู่ตลอดไป ไม่มีจาง...

การประชุมด้วยเรื่องของการปรับปรุงโรงแรมเสร็จสิ้นโดยใช้เวลาร่วมสามชั่วโมง พริมาเดินออกจากห้องประชุมด้วยพลังชีวิตที่ถูกสูบไปแทบหมด แค่งานในหน้าที่ของเธอมันก็เยอะจนล้นมือแล้ว แต่นี่ต้องมารับงานต่อจากทั้งภีคภัคและชาริภัทรอีก พี่น้องคู่นั้นกะจะให้เธอตายคากองเอกสารเลยหรือไงนะ สาวร่างเล็กถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนพอเหมาะพอดีกับที่ณเคนท์...ผู้จัดการโรงแรมของที่นี่ออกมจากห้องประชุมพอดี พริมาจึงรีบเดินเข้าไปหาเพื่อขอกุญแจห้องพักจากชายหนุ่ม ด้วยเหตุว่าตำแหน่งระดับผู้จัดการโรงแรมขึ้นไปจะได้รับห้องพักพิเศษในกรณีที่มาดูงานของโรงแรมแต่ละแห่ง

“พริมมาขอกุญแจห้องพักค่ะคุณเคน” พริมาบอกด้วยรอยยิ้ม หากณเคนท์กลับเลิกคิ้วสูงด้วยความงุนงง แล้วอากัปกิริยาเหล่านั้นก็ทำให้พริมางงไปอีกคน

“มีอะไรหรือคะ”

“คุณพีคไม่ได้บอกคุณพริมไปหรือครับว่าห้องพักของผู้บริหารคุณพีคให้แขกพิเศษพักทั้งหมดแล้วครับ”

“ทั้งหมดเลยหรือคะ” พริมาย้อนถาม เธอรู้ว่าจะมีแขกพิเศษระดับซุปเปอร์วีไอพีมาพัก เพราะเธอมาที่นี่ก็เพราะต้องมารับรองคนเหล่านั้นเช่นกันเนื่องจากเป็นผู้ร่วมลงทุนโปรเจคใหม่คนสำคัญของภีคภัค หากก็ไม่รู้ว่าภีคภัคจะจัดให้ขึ้นมาพักที่ห้องพักของผู้บริหาร

“ครับ...ผู้บริหารจากฝ่ายนั้นคุณพีคให้เปิดห้องพิเศษทั้งหมดครับ จะเว้นก็แต่ห้องของคุณพีคห้องเดียว”

“งั้นเอากุญแจห้องพีคก็ได้ค่ะ” เมื่อไม่มีทางเลือกพริมาจึงตัดสินใจที่จะพักห้องของภีคภัค เพราะถ้าเธอไม่ทำอย่างนั้นแล้วเธอจะไปหาที่พักที่ไหน ที่ภูเก็ตในฤดูแห่งการท่องเที่ยวอย่างนี้ มันคงมีที่พักเหลือให้เธอหรอก แล้วที่สำคัญ...เธอพกแต่เพียงเงินสดมา ไม่มีแม้กระทั่งบัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็ม แต่จะพูดว่าไม่พกก็ไม่ได้หรอก เพราะความจริงคือเธอลืมบัตรเครดิตกับเอทีเอ็มไว้ที่บ้าน...แค่นั้นเอง

...มันแค่นั้นที่ไหนเล่า!! โอ๊ย...อยากจะบ้าตาย ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีเงินสดไม่ถึงห้าพัน อุตส่าห์หวังพึ่งรูมเซอร์วิสแล้วเก็บจากบัญชีภีคภัคเต็มที่ก็งานนี้ แล้วนี่มันอะไรกัน!!!...

“อยู่ที่คุณพีคครับ”

...อะไรนะ!!!!...

พริมาตะโกนในใจ นี่มันวันซวยอะไรของเธอ กุญแจห้องพักภีคภัคที่ปกติณเคนท์จะเป็นคนเก็บไว้ หากวันนี้ ตอนนี้เวลานี้มันกลับไปอยู่ในมือภีคภัค ไปอยู่กับคนที่กำลังเที่ยวอย่างมีความสุขกับภรรยาแสนรักในอีกทวีปหนึ่ง หากในวิกฤตย่อมมีโอกาสเมื่อสมองนึกทางออกบางอย่างออกมาได้อย่างรวดเร็ว

“แล้วกุญแจสำรองล่ะคะ ปกติคุณเคนเก็บไว้ไม่ใช่หรือคะ”

“คุณพีคเก็บไว้เองทั้งหมดเลยครับ”

...อยากจะบ้า! ใครกันบอกว่าวิกฤตมีโอกาส เธอจะไปตะโกนใส่หน้าว่ามันไม่มี!!...

“คุณพริมมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” ณเคนท์ถามอย่างเอื้ออาทรเมื่อเห็นว่าสาวตรงหน้าลุกลี้ลุกลนอย่างไรบอกไม่ถูก

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเคนไปทำงานเถอะ พริมโอเค” แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไร...พริมโอเค หากแท้ที่จริงแล้วพริมาไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เธอกำลังไม่โอเค ไม่โอเคอย่างที่สุดด้วย!!

มือเล็กบางเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบโตเพื่อควานหาโทรศัพท์ที่เหวี่ยงเก็บไว้ก่อนเข้าห้องประชุม และเมื่อเจอก็รัวนิ้วกดหมายเลขโทรศัพท์ที่จำได้ขึ้นใจอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจแล้วว่าค่าโทรศัพท์ข้ามทวีปมันจะนาทีละเท่าไหร่ เพราะตอนนี้เธออยากจะ ‘เหวี่ยง’ เจ้านายที่ใช้งานเธอเกินควรใจจะขาด และทันทีที่คนอีกทวีปรับสายพริมาก็ใส่ทันที

“พีค! ทำไมจะเปิดห้องพิเศษให้แขกไม่บอกพริมสักคำพริมจะได้จองที่พักไว้ แล้วพีคจะเก็บกุญแจห้อง พีคไปทำไม รู้ไหมว่าพริมไม่มีที่จะนอน!! ที่อื่นก็เต็มหมดแล้วพีคจะให้พริมทำยังไง พริมต้องอยู่อีกอาทิตย์นึงนะ แล้วทั้งเนื้อทั้งตัวพริมมีเงินอยู่ไม่ถึงห้าพัน เอทีเอ็มก็ไม่มี บัตรเครดิตก็ไม่มี แล้วพีคจะให้พริมอยู่ยังไง...ไหนบอกมาซิ!!!!” พริมาร่ายชุดใหญ่ ไม่สนแล้วว่าใครจะมอง ตอนนี้เธอกำลังโมโห...โมโหมากด้วย!

“ลืมอีกล่ะสิ” ภีคภัคเอ่ยอย่างรู้ทัน เพราะรู้กิตติศัพท์ความขี้ลืมของพริมาดี

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย พีคต้องหาที่พักให้พริม...เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพีคก็กลับมาดูงานเองตอนนี้เลย!” พริมายื่นคำขาด

“ใจเย็นๆพริม เดี๋ยวพีคโทรบอกณเคนท์ให้ พริมไปพักกับณเคนท์ก็ได้”

“จะบ้าเหรอ!!” พริมาตวาดกลับไปสัญญาณที่เชื่อมกันข้ามทวีป “ คุณเคนเขาอยู่บ้านคนเดียวที่สำคัญเขาก็มีแฟนแล้วด้วย พริมเป็นผู้หญิงนะ พริมเสียหาย!”

“งั้นก็ไปพักบ้านพีค” ภีคภัคยื่นข้อเสนอใหม่ และดูเหมือนว่าเป็นข้อเสนอที่พริมาเองก็เริ่มจะพอใจด้วย

“บอกแบบนี้แต่แรกก็หมดเรื่อง แล้วกุญแจล่ะ”

“เดี๋ยวโทรไปบอกลุงชมให้”

“ก็แค่นี้” เมื่อได้สิ่งที่ต้องการพริมาก็กดตัดสายทันที รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้า แม้บ้านพักตากอากาศของภีคภัคจะไกลจากโรงแรมไปสักหน่อยแต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเธอขอใช้รถของโรงแรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เผลอๆงานนี้เธออาจจะได้ชิมอาหารทะเลฝีมือลุงชมเป็นลาภปากอีกต่างหาก

...ตอนนี้ขอเปลี่ยนคำพูดละกัน บางที...ในวิกฤตก็มีโอกาสเหมือนกันนะ...

ส่วนคนที่โดนเหวี่ยงข้ามทวีปกลับอมยิ้มเล็กน้อยหากแฝงไปด้วยเลศนัย เกศหทัยมองหน้าสามีก่อนจะส่ายหน้าเชิงไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการนี้เสียเท่าไหร่

“ถึงเราไม่ช่วย ถ้าเกิดมาคู่กันยังไงก็ไม่แคล้วกันนะคะ”

“ผมรู้จักพริมดี” ภีคภัคทรุดลงนั่งข้างภรรยา “ถ้าไม่มีตัวกระตุ้นพริมก็ไม่ทำอะไรหรอกครับ”

“ทำไมคะ”

“คงกลัวน่ะครับ เห็นอย่างนั้นพริมก็มีปมเรื่องความรักไม่ต่างจากผมนักหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องฝากความหวังไว้ที่วัศใช่ไหมคะ”

“ครับ” ภีคภัคยิ้มให้ภรรยาอย่างอ่อนโยน รั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น ตอนนี้เขาเองมีความสุขแล้ว พริมาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ช่วยให้เขาได้ความสุขนี้มาครองและเขาเองก็อยากให้เธอได้ค้นพบความสุขของเธอเองเช่นกัน











ตกเย็น...พระอาทิตย์จมหายไป ณ เส้นขอบฟ้า ความมืดของยามราตรีเริ่มแผ่ขยายเต็มท้องฟ้า พริมาพร้อมกับกระเป๋าใบโตหยุดอยู่หน้าประตูบ้านไม้สีขาวริมทะเล แสงไฟภายในบ้านทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าวันนี้เธอมีเตียงนุ่มๆให้นอนแล้ว กระเป๋าใบโตถูกกึ่งลากกึ่งไถเข้าบ้าน และทันทีที่ก้าวพ้นธรณีประตู กลิ่นหอมๆก็ลอยมาเตะปลายจมูกเชิดรั้น

...ข้าวผัดทะเล...

ระบบประมวลผลทางสมองเกี่ยวกับกลิ่นของอาหารของพริมานั้นไม่เคยพลาด กระเป๋าใบโตถูกวางไว้กลางบ้าน ร่างเล็กบางเดินราวกับต้องมนต์ไปตามกลิ่น จนพบกับร่างของใครบางคนที่กำลังทำกับข้าวอย่างทะมัดทะแมงและพอร่างนั้นหันมาในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงเลสีน้ำเงินขายาวพร้อมกับผ้ากันเปื้อนลายคุณหมีในอิริยาบทต่างๆก็ทำให้กับพริมาถึงกับยืนนิ่งไม่ไหวติง

...คุณวัศ!! มาอยู่นี่ได้ยังไง แล้วไอ้ชุดแบบนั้น...มาฆ่าเธอเลยดีกว่า!!...

พริมาร้องอยู่ในใจ ปกติก็ชอบผู้ชายทำอาหารเก่งอยู่แล้ว ยิ่งพอมาเห็นวศะในลุคพ่อบ้านพ่อเรือนแบบนี้หัวใจเจ้ากรรมมันก็ยิ่งเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่ได้ มือซ้ายจับด้ามกระทะ มือขวาถือตะหลิว กับผ้ากันเปื้อนลายคุณหมี...เห็นแบบนี้ก็แทบละลายราวกับขี้ผึ้งต้องเปลวไฟก็ไม่ปาน

...แล้วแบบนี้จะให้พริมชอบคุณวัศน้อยลงได้ยังไงกัน...

“คุณพริม” เสียงเรียกของวศะทำให้พริมาเรียกสติของตนเองกลับคืน มือไม้เริ่มทำท่าระเกะระกะไม่รู้จะเอาไปวางตรงไหน ปากก็ไม่รู้จะขยับพูดอะไรได้แต่ยืนมองวศะตาปริบๆอยู่อย่างนั้น

“มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ”

...ใช่! เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เธอมาอยู่ที่นี่เพราะพีคให้มาอยู่ พีค...นายภีคภัคสุดแสบ!!...

เมื่อพอจะจับต้นชนปลายได้สาวหมวยร่างเล็กก็หันหลังกลับเดินออกจากห้องครัวทันที ทิ้งให้วศะยืนงงอยู่อย่างนั้น และเป็นอีกหนึ่งวันที่พริมาจะไม่มีวันลืมเลยว่าเธอได้ทำการกดโทรศํพท์ข้ามทวีปสองครั้งภายในวันเดียวเพื่อถามเจ้าของบ้านหลังนี้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไร หากไม่ว่าจะกระหน่ำโทรไปกี่สายคนอีกฟากหนึ่งของโลกก็ไม่ยอมรับสาย พริมาจึงทำได้แต่เพียงโยนโทรศัพท์กลับเข้าไปให้มันนอนอยู่ก้นกระเป๋าใบเดิมอย่างหงุดหงิด

...พีค...อย่าคิดว่าพริมไม่รู้ว่าพีควางกับดักไว้นะ!!...

“คุณพริม” เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้พริมาหันกลับมาโดยอัตโนมัติแล้วจึงพบว่าร่างสูงของวศะยืนอยู่ห่างจากเธอไม่ไกลและผ้ากันเปื้อนยังไม่ถูกถอดออก

“ขอโทษนะคะ พริมไม่คิดว่าจะมีใครมาอยู่ พีคก็ไม่ได้บอกไว้ด้วย เดี๋ยวพริมไปหาที่อื่นอยู่...” พริมารีบเดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่กลางห้อง หากวศะไวพอที่จะรั้งข้อมือนั้นไว้ทัน

“เกดโทรมาบอกผมเมื่อกี้แล้วครับว่าคุณพริมจะมาพักด้วย ถึงจะแปลกใจนิดหน่อยก็เถอะครับ” วศะสารภาพตามตรง เพราะทันทีที่พริมาหันหลังเดินออกจากห้องครัวไป โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นทันที แถมพอกดรับสายก็ยังโดนคำบอกเล่าผสมขอร้องแบบแปลกๆอีกต่างหาก

‘เดี๋ยวคุณพริมจะไปพักด้วยนะวัศ พอดีเธอเกิดเรื่องนิดหน่อย วัศดูแลเธอด้วยนะ’ เพื่อนสาวโทรข้ามปวีปมาเพื่อพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะวางสายไป และเมื่อโดนอย่างนี้จะให้เขาทำอย่างไรได้นอกเสียจาก...จำยอม

...แต่ก็ยังดีที่เป็นพริมา เพราะอย่างน้อยเขาก็รู้จักเธอ...

“พอดีพริมมีปัญหานิดหน่อย” พริมาบอกร่างสูงที่ยังจับข้อมือเธอไว้เบาๆ

“เกดก็บอกอย่างนั้นครับ”

“แล้วตอนนี้ก็...” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ท้องเจ้ากรรมก็ส่งเสียงประท้วงขึ้นมาเสียดังลั่นจนเจ้าตัวแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีด้วยความอับอาย

“หิวล่ะสิ” วศะดักคออย่างรู้ทัน อมยิ้มน้อยๆกับท่าทางของสาวตรงหน้าที่กำลังก้มหน้าก้มตาพยักหน้าหงึกๆ

“นั่งรอที่โต๊ะเลยครับ เดี๋ยวผมตักมาให้”

“แล้วคุณวัศล่ะ” พริมาถามกลับ เพราะเท่าที่เธอมองวศะไม่ได้ทำอาหารสำหรับเผื่อใครอีกคน

“ของสดยังมี เดี๋ยวผมผัดใหม่ก็ได้ครับ” เสียงนั้นตะโกนออกมาจากห้องครัวก่อนร่างสูงจะออกมาพร้อมกับจานข้าวผัดทะเลหอมฉุยก่อนจะวางจานลงตรงหน้าพริมา

“งั้นเดี๋ยวพริมรอ”

“คุณพริมกินก่อนเถอะครับ หิวไม่ใช่หรือ” วศะบอกเพราะเสียงท้องร้องเมื่อครู่ยังดังก้องในโสตประสาทได้ดี

“จะรอ” พริมาบอกสั้นๆ แม้ข้าวผัดทะเลตรงหน้าจะยั่วน้ำลายแค่ไหนก็ตาม

...แค่ท้องร้องต่อหน้าเขามันก็ดูแย่พอแล้วนี่นา...

“งั้นก็รอเดี๋ยวเดียวนะครับ” บอกก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในครัวได้ครู่นึงก่อนจะออกมาพร้อมกับข้าวผัดทะเลที่หอมไม่แตกต่างจากจานแรกอีกหนึ่งจาน แถมยังบริการน้ำดื่มเย็นๆเสิร์ฟถึงโต๊ะอีกต่างหาก

“อร่อยจัง”

คำชมหลุดออกมาเมื่อข้าวผัดคำแรกถูกเคี้ยวและกลืนเรียบร้อย พริมาเงยหน้ามองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามทึ่งๆ เห็นลุคแนวคุณชายแบบนั้นไม่คิดเลยว่าจะทำอาหารเก่งขนาดนี้ วศะที่เธอพบบ่อยๆที่กรุงเทพฯเป็นชายหนุ่มที่รูปร่างสูง ผิวขาว ดวงตาชั้นเดียวเหมือนเธอหากก็เรียวสวย คิ้วก็เข้ม จมูกก็โด่ง ปากก็สวยแถมยังแดงจนผู้หญิงอย่างเธอต้องอายอีกต่างหาก ผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวถึงต้นคอแต่ก็เซ็ทให้เป็นทรงอยู่เสมอทว่าบัดนี้ถูกปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติโดยที่ผมด้านหน้าทิ้งตัวปิดบริเวณหน้าผากแต่ก็เผยให้เห็นบริเวณคิ้ว ส่วนการแต่งกายไม่ต้องพูดถึง พริมาไม่คิดไม่ฝันด้วยซ้ำว่าจะมาเห็นวศะให้รูปลักษณ์สบายๆอย่างนี้ไม่ใช่ชายหนุ่มที่ใส่แต่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลคที่เธอเห็นจนชินตา

“หน้าผมมีอะไรติดครับ” คำถามของวศะทำเอาคนที่ได้แต่นั่งจ้องหน้าคนอื่นมานานสองนานรู้สึกตัว พริมาจึงส่งยิ้มเฝื่อนๆไปให้เมื่อโดนจับได้

“กำลังคิดว่าใช่คุณวัศที่พริมรู้จักจริงๆหรือเปล่า”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็ไม่เหมือนกับทุกทีที่พริมเคยเจอ”

“เพราะคุณพริมเห็นแค่มุมเดียวต่างหากครับ” วศะแก้ เพราะคนอื่นก็มักจะเข้าใจอย่างที่พริมาเข้าใจ สาเหตุคงมาจากหน้าที่การงานที่ต้องเข้ามารับช่วงต่อทางธุรกิจของมารดาและที่สำคัญการเป็นลูกชายคนเดียวของพลเอกวสุกับคุณหญิงวนิสราก็ยิ่งทำให้คนอื่นคิดว่าวศะนั้นก็คือ ‘ไข่ในหิน’ ของบิดามารดาดีๆนี่เอง ซึ่งบางครั้งการเป็นลูกชายของคนใหญ่คนโตก็ทำให้วศะลำบากใจไม่น้อย แต่บางครั้งหน้าที่การงานของบิดามารดาก็สามารถช่วยเหลือในเรื่องราวที่ผ่านมาได้ อย่างน้อย...ก็เรื่องระหว่างกณิกนันท์กับภีคภัคที่ชายหนุ่มขอร้องให้บิดาช่วยเข้าไปไกล่เกลี่ยให้เรื่องนี้จบอย่างเงียบเชียบที่สุด

“คุณวัศต่างหากที่หันแต่ด้านเดียวให้พริมดู” พริมาเถียง ตักข้าวผัดทะเลอีกคำหนึ่งเข้าปาก

“วันนี้คุณพริมก็ได้เห็นอีกด้านแล้วนี่ไงครับ” คำพูดของวศะทำให้พริมาชะงักไปนิด หัวใจเริ่มสั่นอย่างห้ามไม่ได้อีกครั้งแต่ก็ยังใจดีสู้เสือถามคำถามที่อยากรู้ออกไป

“แล้วคุณวัศแสดงด้านนี้ให้คนอื่นเห็นบ่อยๆหรือเปล่าคะ”

“ไม่หรอกครับ” คำตอบกับรอยยิ้มน้อยๆของผู้ชายตรงหน้ายิ่งทำให้พริมาหัวใจเต้นแรง แม้จะบังคับไม่ให้คิดไปเองว่าเธอไม่ได้พิเศษไปกว่าคนอื่นหากก็ยังอดดีใจไม่ได้...เพราะอย่างน้อยเธอก็เป็นคนหนึ่งที่ได้เห็นในด้านที่ผู้ชายคนนี้ไม่ค่อยแสดงออกให้ใครได้เห็น

...ขอพริมดีใจหน่อยนะคุณวัศ ถึงมันอาจจะเป็นพริมที่คิดเข้าข้างตัวเองคนเดียว แต่อย่างน้อย...ก็ขอให้พริมได้ดีใจ...

“แล้วคุณวัศมาทำอะไร” เจ้าหนูจำไมนามว่าพริมาเริ่มต้นเกมคำถามร้อยแปด

“มาดูเรื่องมุกสำหรับออเดอร์ใหม่ครับ แล้วบังเอิญว่าบริษัทพี่เพ้นท์มาถ่ายละครที่นี่พอดีผมเลยอยู่ช่วยนิดหน่อย”

พริมาพยักหน้าหงึก ตักข้าวผัดเข้าปากอีกคำ เธอเข้าใจคำพูดที่วศะบอกได้ดีเพราะเขาเคยคุยเรื่องหน้าที่การงานให้เธอฟังอยู่เหมือนกัน วศะเข้ามารับกิจการร้านเพชรต่อจากคุณหญิงวนิสราหลังจากที่เรียนเพิ่มเติมเรื่องอัญมณีในระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ หากอีกด้านหนึ่งก็เอาเงินเก็บที่มีร่วมหุ้นกับรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเปิดบริษัททำละครตามความฝันที่เคยวาดไว้

“แล้วคุณพริมล่ะครับ โดนคุณพีคใช้งานอะไรอีก” เมื่อได้ยินชื่อภีคภัค พริมาถึงกับวางช้อนส้อมในมือทันที

“ดูงานปรับปรุงโรงแรมที่นี่แล้วก็คอยต้อนรับหุ้นส่วนต่างประเทศที่จะเข้ามาร่วมลงทุนพร้อมเป็นไกด์พาเที่ยวค่ะ แต่เจ้านายผู้แสนประเสริฐก็ไม่ได้บอกว่าห้องพักที่พริมจะต้องพักเต็มแล้ว ส่วนตัวเองก็เก็บทั้งกุญแจดอกจริงกับกุญแจดอกสำรองไว้หมด พริมเลยต้องมาอาศัยอยู่นี่แหละค่ะ” พริมาอธิบายจนวศะเห็นภาพเป็นฉากๆ และดูจากอาการ...สาวตรงหน้าคงโมโหอยู่ไม่น้อย

“โมโหหรือครับ” ทั้งๆที่รู้แต่วศะก็แกล้งที่จะถาม

“มากๆค่ะ” พริมาตอบ ยกน้ำเย็นๆขึ้นดื่มเมื่อข้าวผัดทะเลสุดแสนอร่อยฝีมือวศะหมดจาน “พีคทำพริมแสบมาก โดยเฉพาะ...พริมมีเงินสดไม่ถึงห้าพัน” ท้ายประโยคเสียงใสเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา

“แล้วบัตรเอทีเอ็มกับบัตรเครดิตล่ะครับ” เมื่อโดนถามด้วยคำถามอย่างนี้ พริมาแทบอยากจะจับหัวตัวเองโขกลงกับโต๊ะอาหาร ความจริงเธอไม่น่าพูดเรื่องความเปิ่นของตัวเองให้วศะได้รับรู้เลย

“ลืม...ค่ะ” เสียงยอมรับอ่อยๆทำเอาวศะปล่อยเสียงหัวเราะลั่นบ้าน แต่เมื่อเห็นสายตาขุ่นๆที่ส่งมาให้จึงต้องรีบกลั้นหัวเราะเสียแทบตาย

“ขอโทษครับ...ผมไม่คิดว่าคุณพริมจะขี้ลืมขนาดนั้น”

“พริมอิ่มแล้ว จะล้างจาน” สาวร่างเล็กบอกด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก ลุกขึ้นคว้าจานตรงหน้าตัวเองมาถือไว้แต่วศะก็แย่งมันออกมาจากมือเธอในเวลาอันรวดเร็ว

“เดี๋ยวผมล้างเอง คุณพริมนั่งเถอะ” บอกพร้อมกับวางจานของพริมาซ้อนกับจานของตัวเองแล้ววางแก้วสองใบจานอีกทีก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องครัว

“พริมช่วย” พริมาเอ่ยปากอาสา มองคนที่ยังใส่ผ้ากันเปื้อนลายคุณหมีล้างจานด้วยท่าทางทะมัดทะแมง

“งั้นช่วยคว่ำจานก็ได้ครับ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายอาสาวศะจึงไม่ขัดศรัทธา พริมารับจานที่ส่งมาจากวศะก่อนจะใช้ผ้าสะอาดที่วางอยู่ในครัวเช็ดและคว่ำไว้ในที่ของมัน สายตายังคงเหลือบมองไปยังคนที่กำลังล้างจานเป็นพักๆ หากยิ่งมองหัวใจก็ยิ่งคิดไปต่างๆนานาว่าถ้าในอนาคตของเธอจะมีช่วงเวลาอย่างนี้ทุกวันมันจะดีแค่ไหนกันนะ

...กล้าพอหรือพริม เธอกล้าพอที่จะบอกความจริงในใจกับผู้ชายคนนี้ไหม...

คำถามเดิมๆวกวนก่อกวนขึ้นในหัวใจตั้งแต่วันที่พริมารู้ใจตนเองว่าเธอเริ่มรู้สึก ‘พิเศษ’ กับวศะ หากก็ไม่กล้าพอที่จะทำอะไรให้มันคืบหน้าไปมากกว่านี้ เธอกลัวว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม เหมือนอย่างที่เธอเคยเจ็บปวด ความรักครั้งใหม่ที่เหมือนเดิมกับความรักครั้งเก่าแทบไม่มีผิดเพี้ยน...เธอหลงรักผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเธอสองปี

...มันเหมือนกันเกินไป แม้จะไม่อยากให้เป็น...แต่เธอห้ามใจไม่ได้เลยจริงๆ...













พริมาในชุดนอนเสื้อสีชมพูลายกระต่ายกับกางเกงขาสามส่วนเข้าชุดกันเดินลงจากห้องพักที่วศะไขกุญแจเปิดอีกห้องหนึ่งให้เธอเรียบร้อย ด้วยความที่ยังไม่รู้สึกง่วงเลยกะจะลงมาเดินเล่นริมทะเลยามค่ำคืนเสียหน่อย หากก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามีอีกคนที่นอนไม่หลับเหมือนเช่นเธอกำลังเดินเล่นอยู่ริมทะเล

“นอนไม่หลับหรือคะ” คำถามจากคนที่เพิ่งเดินมาถึงริมหาดทำเอาคนที่ยืนหันหน้ามองผืนน้ำทะเลอยู่ก่อนหน้านี้หมุนตัวกลับมา

“คุณพริมลงมาทำไม” หากวศะกลับไม่ยอมตอบคำถามแถมยังถามกลับอีกต่างหาก

“แล้วคุณวัศล่ะมาทำอะไร” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะตอบคำถามของจนกลับวศะจึงยอมตอบก่อนหากก็ตอบอย่าง...ทีเล่นทีจริง

“ฟังเสียงคลื่นครับ”

“งั้นพริมก็มาฟังเสียงคลื่นเหมือนกัน”

ความเงียบเข้าครอบคลุมหลังจากจบคำพูดของพริมา คนสองคนหันหน้ามองทะเลยามค่ำคืน ท้องฟ้าที่มืดสนิทราวกับฉาบไปด้วยหมึกสีดำหากก็ยังมีแสงระยิบระยับของดวงดาวคอยเติมแต่ง เสียงคลื่นที่สาดซัดกระทบกับหาดทรายเบาๆราวกับท่วงทำนองของความสุขซึมซาบสู่หัวใจทั้งสองดวงที่ยืนเคียงข้างกัน

“คุณพริมยังไม่ง่วงใช่ไหม” จู่ๆคนที่เงียบไปนานก็ถามขึ้น

“ค่ะ”

“งั้นรอเดี๋ยวนะครับ” พูดจบก็วิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้พริมายืนมองแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยอาการไม่เข้าใจ หากเพียงไม่นานร่างเล็กบางที่ยืนอยู่ริมทะเลก็คลายข้อสงสัยเมื่อวศะกลับมาพร้อมกับกีตาร์โปร่ง เสื่อและเสื้อคลุมแขนยาวอีกหนึ่งตัว จัดการปูเสื่อลงบนหาดทรายริมทะเลก่อนจะดึงพริมาให้มานั่งด้วยกัน

“คลุมไว้หน่อยครับ ลมมันแรง”

พริมารับเสื้อคลุมนั้นมาก่อนจะทำตามอย่างที่วศะบอก ร่างเล็กบางถูกห่อหุ้มไปด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่ หัวใจที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมนั้นเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง สมองคิดทบทวนว่าที่เธอลงมาเดินเล่นตอนนี้เธอนั้นคิดถูกหรือคิดผิด บรรยากาศแบบนี้มันไม่ดีเลย ไม่ดี...เพราะพริมากลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะเผลอพูดอะไรออกไป

“ไหนๆคุณพริมก็ยังไม่ง่วง มาร้องเพลงกันดีกว่าครับ” คำชวนของวศะทำให้คนที่นั่งชันเข่าหันมามองหน้าคนที่กำลังง่วนอยู่กับการตั้งเสียงกีตาร์

“พริมน่ะหรือคะ”

“ครับ” วศะตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง “พอดีผมเห็นว่าบนห้องมีกีตาร์ น่าจะของคุณพีคเลยแอบยืมมาเล่นเสียหน่อย”

“แต่พริมร้องเพลงไม่เก่ง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากฟัง” คำว่า ‘ผมอยากฟัง’ ที่ออกมาจากปากวศะทำเอาพริมาหัวใจพองโต ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มองมาคู่นั้นเป็นประกายวาวับราวกับว่าใครหยิบดาวบนท้องฟ้ามาใส่ไว้ในตาของผู้ชายคนนี้...และมันกำลังสะกดหัวใจของเธอ

“แล้วถ้าพริมร้องเพลงที่คุณวัศเล่นกีตาร์ไม่ได้ล่ะ”

“ก็ลองร้องมาก่อนสิครับ”

พริมาสบตาที่มองตรงมายังเธอนิ่ง หัวใจยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด เสียงคลื่นซัดกระทบเข้ากับผืนทรายยังคงดังต่อเนื่องตามระลอกคลื่น สายลมบริสุทธิ์ที่พัดเอากลิ่นอายของทะเลเข้ามาโอบล้อมคนทั้งคู่ คนข้างตัวที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อมดีดกีตาร์ส่งรอยยิ้มราวกับจะส่งให้เพื่อเป็นกำลังใจแต่เจ้าของรอยยิ้มนั้นคงไม่รู้ว่าอีกคนหนึ่งที่ได้รับมันกำลังคิดเข้าข้างตัวเองไปไกล พริมากระชับเสื้อคลุมตัวหนา ละสายตาจากคนข้างตัวไปยังทะเลยามค่ำคืนเบื้องหน้าอย่างเดิม ก่อนจะร้องเพลงที่แทนความรู้สึก...ในหัวใจ

“ปฏิเสธหัวใจอย่างไร ฉันทำไม่เป็น...*” ท่วงทำนองที่ร้องออกมาจากร่างเล็กบางที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่ทำให้คนที่กำลังรอจะดีดกีตาร์ตามเพลงที่เธอร้องชะงักไปนิด หากก็เริ่มเล่นกีตาร์ให้เข้ากับท่วงทำนองคำร้องของเธอ


เพียงแค่เห็นเธอ เข้ามาทักทาย
เหมือนได้เห็นความฝันที่กลับกลายเป็นความจริง
หัวใจที่ไม่เคยมีรัก กลับอยู่ไม่เป็นจังหวะ
เพียงแค่เธอส่งยิ้มมา ไม่กล้าเปิดเผยใจ
กลัวเธอจะรู้ว่า คนที่ยืนอยู่ตรงนี้

แอบหลงรักเธออยู่ แต่เธอคงดูไม่ออก
ซ่อนความรักไม่กล้าบอก กลัวเธอจะเปลี่ยนไป
ห้ามใจยังไงให้ไหว เมื่อเธอน่ารักเกินกว่าใคร
ปฏิเสธอย่างไร เมื่อรักเธอจนไม่อาจจะถอนตัว

แล้วเป็นเพราะอะไร เธอนั้นยิ่งมาใกล้
หรือเธอรู้ ว่าฉันคิดยังไง
ล้อเล่นอย่างนี้ รู้ไหมฉันหวั่นไหว
พอแค่นี้ก่อนได้ไหม

หัวใจที่ไม่เคยมีรัก กลับอยู่ไม่เป็นจังหวะ
เพียงแค่เธอส่งยิ้มมา ไม่กล้าเปิดเผยใจ
กลัวเธอจะรู้ว่า คนที่ยืนอยู่ตรงนี้

แอบหลงรักเธออยู่ แต่เธอคงดูไม่ออก
ซ่อนความรักไม่กล้าบอก กลัวเธอจะเปลี่ยนไป
ห้ามใจยังไงให้ไหว เมื่อเธอน่ารักเกินกว่าใคร
ปฏิเสธอย่างไร เมื่อรักเธอจนไม่อาจจะถอนตัว
ปฏิเสธไม่ไหว วันนี้ฉันจะบอกเธอให้รู้ตัว

(* เพลง ปฏิเสธอย่างไร : Lipta)


บทเพลงจบเมื่อเสียงกีตาร์โปร่งสิ้นสุดลง นักร้องจำเป็นยังคงจ้องมองทะเลในความมืดเบื้องหน้า ทั้งสมองทั้งหัวใจสับสนไปหมด ไม่เข้าตัวเองเช่นกันว่าทำไมต้องร้องเพลงนี้ออกไป และไม่กล้าพอ...ที่จะหันไปสบแววตาอีกคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ข้างกัน

...จะตกใจหรือเปล่านะคุณวัศ ที่พริมร้องเพลงนี้ออกไป หรือจะ...ไม่รู้สึกอะไรเลย...

“พริมไปนอนนะ” บอกสั้นๆแล้วก็ลุกไปทันที โดยไม่รอฟังคำว่าราตรีสวัสดิ์จากอีกคนที่กำลังจะเอ่ยปากพูดเลย

วศะมองตามร่างเล็กบางที่เดินก้มหน้างุดเข้าบ้านไปจนลับตา เสียงคลื่นยังคงดังแว่วมาไม่ขาดสาย ท่วงทำนองและเสียงร้องกังวานใสยังคงติดตรึงอยู่ในความรู้สึก และด้วยมีเพียงแค่แสงไฟสลัวจากระเบียงหน้าบ้านจึงทำให้เขาเห็นหน้าพริมาตอนร้องเพลงได้ไม่ชัดนัก แต่ดูจากท่าทางเมื่อครู่เธอคงเขินอยู่ไม่น้อย

…‘ห้ามใจยังไงให้ไหว เมื่อเธอน่ารักเกินกว่าใคร’…งั้นหรือ คุณพริมหนอคุณพริม มาวางระเบิดไว้ในหัวใจคนอื่นแล้วก็หนีขึ้นไปนอนหน้าตาเฉย ใจร้ายจริงๆ...

รอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา ตลอดหลายเดือนที่ได้รู้จักได้พูดคุยวศะยอมรับว่าถูกใจสาวหมวยตัวเล็กคนนี้มาก เธอมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกับคนอื่น จริงใจ คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น ที่สำคัญ...เธอเป็นผู้หญิงที่เก่ง สามารถจัดการกับปัญหาต่างๆได้อย่างฉลาดและเยือกเย็นแต่ก็ยังมีมุมที่น่ารัก...พริมาขี้ลืม ขี้น้อยใจ และขี้งอน เป็นผู้หญิงที่ต่างออกไปจากเกศหทัย แต่เขากลับยิ่งถูกใจเมื่อได้อยู่ใกล้ๆและพูดคุย

...ดันเข้ามาก่อกวนหัวใจตอนนี้ ช่วยรับผิดชอบกันด้วยนะครับ...


--------------------------------------------------------------------------------------------

เพราะคุณวัศเป็นผู้ชายที่อบอุ่น ปอแก้วเลยพยายามเขียนให้ดูอบอุ่นปนหวานเลยค่ะ :)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาเมนท์ มาไลค์เหมือนเดิมนะคะ ทักทายกันได้นะเออ...:")

ติ-ชมได้เสมอนะจ๊ะ เจอกันครึ่งหลัง...วันพุธค่ะ ^^

สำหรับตอนจบของ "สุดทางใจ" ปอแก้วต้องขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะที่ติดตามและให้กำลังใจกันมา ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นนะคะ ขอบคุณจากใจจริง :))


ตอบเมนท์ตอนที่แล้วค่า...


WallyValent : จบจนได้...สรุปคือกัณฐ์กับแพงก็โดนหลอกเหมือนกัน ฮ่าๆ ส่วนเรื่องเชส...เรามาเป็นพันธมิตรกันเถอะ ฮ่าๆ

็ำHeronett : คุณ ็ำHeronett ขอตอนพิเศษคุณพีค ปอแก้วก็จัดให้แล้วนะจ๊ะ แต่หลังจากคู่นี้น้า ^^

anOO : ปอแก้วเพิ่มเรื่องคุณพีคกับเกดให้แล้วนะคะ เรื่องพี่แพงกับนายเชสตอนนี้กำลังวางแผนอยู่จ้า (แผนระยะยาวเลย อิอิ) ส่วนเรื่องพี่กัณฐ์ปอแก้วไม่ได้เตรียมไว้นี่สิคะ ขอโทษด้วยน้า...

silverraindrop : ขอบคุณคุณ silverraindrop เหมือนกันค่ะที่ติดตามกันมาตลอดเลย

violette : อ่า...พี่กัณฐ์มาแรงแหะ แต่ปอแก้วไม่มีเขียนเรื่องพี่กัณฐ์เพิ่มนี่สิคะ ขอโทษน้า...เอาคุณพีคกับคุณวัศไปชดเชยนะคะ นะๆๆ

ryoku : ตึ่งโป๊ะ! คู่อื่นก็พอได้แต่คู่พี่กัณฐ์ไม่ได้เตรียมไว้จริงๆ ถ้าจะเขียนต้องลากยาวตั้งแต่สมัยเรียน งุงิ...เอาไว้ว่างจริงๆจะขุดพี่กัณฐ์มาเขียนนะ ฮ่าๆ

อริชญานิศญ์ : ถ้าเป็นในอนาคตอันใกล้ปอแก้วคงยังไม่เขียนเรื่องพี่กัณฐ์นะคะ แต่ถ้าอนาคตอันไกล...ไม่แน่น้า เรื่องพี่กัณฐ์น่าจะเป็นเรื่องยาวได้เลยค่ะ ขอโทษนะจ๊ะ ^^"

nunoi : จัดให้ค่ะ แต่เรื่องพี่กัณฐ์ขอติดไว้ก่อนนะคะ เพราะตอนนี้กำลังเขียนเรื่องใหม่อยู่เลย เรื่องพี่กัณฐ์...ปอแก้วจะนำกลับมาเขียนเป็นเรื่องยาวนะคะ (คิดไว้อย่างนั้นนะคะ :))

tutas : ไม่ต้องเศร้าไปค่ะ เพราะตอนนี้ปอแก้วกำลังเขียนเรื่องใหม่อยู่ อีกพักหนึ่งคงได้อ่านกัน ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้กันมานะคะ ขอบคุณค่ะ

KipkeLucifer : ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้มาเหมือนกันค่ะ




ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ย. 2554, 10:34:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ย. 2554, 14:00:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 3379





<< บทนำ : จุดเริ่มต้น   ตอนพิเศษ : ต้นทางใจ...สุดสายรัก (ครึ่งหลัง : สุดสายรัก) >>
tutas 21 พ.ย. 2554, 13:33:20 น.
จะรอเรื่องต่อไปนะคะ ^___^


Heronett 21 พ.ย. 2554, 13:42:58 น.
คุณวัศน่ารักจัง อบอุ่น เพอร์เฟกมากกกกกก อิจฉาคุณพริมจังเลย อิอิ รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อเลยค่ะ


anOO 21 พ.ย. 2554, 19:03:18 น.
พริมนี่ก็มีปมกับเค้าเหมือนกันเหรอ กล้าๆ หน่อยสิ
นายวัศเค้าอ้าแขนรอรับอยู่นะ


violette 22 พ.ย. 2554, 03:27:50 น.
อ๊ายยย พริมกินเด็ก ฮี่ๆ
แต่นายวัศนี่สุดยอดแห่งความเพอเฟคค่ะ โชคดีจริงๆพริมเอ้ยยย
เรื่องพี่กณฐ์น่าอ่านจริงๆนะคะ
อยากอ่านเรื่องพี่แพงกับเชสด้วย อิอิ เรียกร้องมากมายเกินไปมั้ยคะเนี่ย


nunoi 22 พ.ย. 2554, 09:41:02 น.
ทำไมคุณวัศ เป็นผู้ชายอบอุ่นได้ขนาดนี้เนี๊ยะ อ๊ายย อิจฉายัยพริม ซะแล้วเรา อิอิ


WallyValent 22 พ.ย. 2554, 11:33:57 น.
อยากได้ผู้ชายแบบนี้บ้างอ่ะปอแก้ว แต่ในชีวิตจริงมันเลวร้ายยิ่งนัก เฮ้อออ 555


KipkeLucifer 22 พ.ย. 2554, 14:12:27 น.
อิฉาฉาาาาาาาาาาาาาาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account