สุดทางใจ (จบแล้วค่ะ)
"ผมอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดแต่อย่างน้อยผมก็ดูแลคุณให้ดีที่สุดได้ แค่นี้พอไหม"
"แค่นั้นไม่พอ" คนป่วยปฏิเสธเสียงดังก่อนจะยื่นข้อเสนอที่ทำให้ภีคภัคถึงกับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
"คุณต้องทำให้ฉันมีความสุขที่สุดด้วย ทำได้ไหม"
คนที่กลั้นยิ้มไว้นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "ได้สิ...ไม่มีปัญหา"
"แค่นั้นไม่พอ" คนป่วยปฏิเสธเสียงดังก่อนจะยื่นข้อเสนอที่ทำให้ภีคภัคถึงกับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
"คุณต้องทำให้ฉันมีความสุขที่สุดด้วย ทำได้ไหม"
คนที่กลั้นยิ้มไว้นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "ได้สิ...ไม่มีปัญหา"
Tags: เกศหทัย ภีคภัค สุดทางใจ
ตอน: ตอนพิเศษ : ต้นทางใจ...สุดสายรัก (ครึ่งหลัง : สุดสายรัก)
มาถึงบทสรุปของความรักระหว่างคุณวัศกับหนูพริมกันแล้วค่ะ :)
ขอบคุณสำหรับคนอ่าน คนไลค์ และคนเมนท์เหมือนเดิมค่า
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้กันมาตลอดนะจ๊ะ ><
ติชมได้จ้า ;)
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ครึ่งหลัง : สุดสายรัก
แสงแดดอ่อนๆยามเช้ากับสายลมที่พัดมาจนผ้าม่านสีขาวปลิวไสวไม่ได้สร้างความสดชื่นสำหรับเช้าวันใหม่แก่พริมาเลยแม้แต่น้อย จะพูดให้ถูกก็คือ...ที่เธอไม่สดชื่นก็เพราะเมื่อคืนข่มตาให้หลับแทบจะไม่ได้เลยต่างหาก
...เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆพริมา!...
เหตุการณ์ที่ริมทะเลเมื่อคืนยังคงชัดเจนในความทรงจำ เจ้าของเสื้อคลุมตัวโตที่ถูกพาดไว้กับพนักเก้าอี้คือคนที่เมื่อคืนนั่งเล่นกีตาร์อยู่ข้างๆเธอ ส่วนเธอ...ก็ร้องเพลงที่บอกสิ่งที่อยู่ในใจออกไปเสียชัดเจน สาวร่างเล็กกัดริมฝีปากล่างอย่างครุ่นคิดว่าตนเองต้องทำหน้าอย่างไรเมื่อเจอกับวศะ ต้องทำตัวอย่างไรไม่ให้ทั้งเธอและเขาอยู่ในสภาวะที่อึดอัดและกดดัน
พริมาค่อยๆเปิดและปิดประตูอย่างเบามือที่สุด ละล้าละลังอยู่ตรงบันไดว่าจะลงดีไม่ลงดี แล้วถ้าลงไปจะต้องทำหน้าอย่างไร ทั้งหมดเป็นความคิดที่สมองเธอกำลังประมวลผล พอสมองตัดสินใจจะก้าวเท้าหัวใจก็ค้านบอกว่าให้ชักเท้ากลับ เป็นอย่างนี้อยู่นานสองนาน แขนข้างหนึ่งมีเสื้อคลุมตัวหนาพาดไว้ ความจริงตั้งใจจะคืนตั้งแต่เมื่อคืนแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับวศะจริงๆ
“จะยืนอยู่อีกนานไหมคุณพริม ลงมาเถอะครับ” เสียงเรียกจากชั้นล่างทำเอาคนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตค่อยๆเดินลงมาจากชั้นบน
“คุณวัศรู้ได้ยังไง” ถามเมื่อลงมาชั้นล่างเรียบร้อย สายตาก็กวาดหาคนที่ส่งเสียงเรียกเมื่อครู่เพราะตอนนี้เธอไม่ยักเห็นแม้แต่เงาของเขา
“ได้ยินตั้งแต่เสียงปิดประตูแล้วครับ” วศะโผล่ออกมาจากห้องครัวพร้อมกับอาหารเช้าสองที่ที่ควันลอยส่งกลิ่นหอมเตะจมูกพริมา
...ข้าวต้มกุ้ง...
“พริมปิดเบาแล้วนะ” เธอบอกยื่นเสื้อคลุมที่เมื่อคืนมันได้ให้ความอบอุ่นเธอคืนกลับให้เจ้าของ พริมารอให้เขารับก่อนที่จะทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้หน้าอาหารเช้าฝีมือวศะอย่างเคย
“หรือครับ” เขายิ้มล้อ พริมาเลยตวัดค้อนใส่เสียหนึ่งที เพิ่งสังเกตว่าวันนี้วศะอยู่ในชุดที่แตกต่างจากเมื่อวาน เสื้อกล้ามตัวในสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นที่ช่วงล่างสีฟ้าเข้มไล่ระดับความอ่อนขึ้นมาจนถึงด้านบนสีขาวกับกางเกงขาสามส่วนสีเบจ ถึงจะดูเป็นชุดสบายๆแต่ก็พอดูออกว่าวันนี้เขาคงจะออกไปทำธุระ แต่ที่สะดุดตาพริมาก็คงจะเป็นผ้ากันเปื้อนลายคุณหมีที่วศะสวมใส่อยู่นั่นล่ะที่ทำให้หัวใจอีกดวงเต้นโครมครามอยู่อย่างนี้
...อีกแล้วนะคุณวัศ รู้ว่าพริมแพ้ผู้ชายใส่ผ้ากันเปื้อนใช่ไหมถึงได้ใส่ยั่วกันแบบนี้!!...
วศะถอดผ้ากันเปื้อนเก็บไว้ที่เดิมก่อนจะเดินมาร่วมโต๊ะสำหรับมื้อเช้ากับพริมาและยังไม่ทันได้พูดหรือตักข้าวต้มกุ้งคำแรกเข้าปาก คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“เรื่องเมื่อคืน...” พริมาตั้งใจพูดกับวศะแต่กลับก้มหน้าก้มตามองแต่ชามข้าวต้มกุ้งตรงหน้า และคงไม่ได้เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ...กำลังยิ้ม!!
“พริมนึกเพลงอะไรไม่ออกเลยร้องเพลงนั้นออกไป ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะ...ไม่มี”
“งั้นหรือครับ”
“ค่ะ” ตอบรับพร้อมกับพยักหน้าสมทบเพื่อให้ดูหนักแน่น
“แต่ผมชอบนะ”
“คะ?” คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ชอบ’ จากปากของคนตรงหน้า
“เสียงคุณพริม...ผมชอบครับ” หากเมื่อวศะขยายความ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังห่อเหี่ยวลงทันตา ข้าวต้มกุ้งที่แสนอร่อยไร้รสชาติลงในบัดดล
...คุณวัศบ้า!!!...
“พริมอิ่มแล้ว ไปทำงานก่อนนะคะ” น้ำเสียงที่บอกกล่าวนั้นห้วนแสนห้วน ข้าวต้มกุ้งที่เธอกินอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อครู่ก็ยังเหลือมากกว่าครึ่งชาม
วศะมองร่างที่เดินลิ่วออกจากบ้านด้วยรอยยิ้มขัน จะไม่ให้เขาอดแกล้งเธอได้อย่างไร ก็หน้าเธอเมื่อกี้ที่เขาบอกว่าชอบมันน่าแกล้งเสียขนาดนั้น ตาคู่เรียวเล็กเบิกกว้างกว่าปกติแถมทอประกายวิบวับราวกับเด็กน้อยอ้อนกินไอศกรีมเสียอีก แล้วไหนจะแก้มที่ซับสีชาดนั่นอีกเล่า เห็นแล้วก็อดที่จะแกล้งให้เธอผิดหวังเล่นไม่ได้จริงๆ ถึงจะรู้ว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็เถอะ
...ขอโทษนะครับ...
พริมาแทบหมดแรงเมื่อคิวงานที่ต้องจัดการวันนี้เสร็จสิ้น ถ้าร่างกายเธอเป็นโทรศัพท์มือถือ ป่านนี้มันคงเตือนไปนานแล้วว่าแบตเตอรี่อ่อน เพราะตั้งแต่เช้าที่เธอต้องรับรองผู้ร่วมทุนและพาไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวของเกาะภูเก็ต พอกลับมาที่โรงแรมก็ต้องเข้าประชุมต่อเพื่อฟังรายงานจากณเคนทร์ถึงความคืบหน้าของการปรับปรุงโรงแรมเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงเต็มๆ
...เธออยากจะเป็นลมจริงๆ...
ร่างบางเดินสะโหลสะเหลอยู่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมกะว่าจะไปหากาแฟเย็นๆกับเค้กอร่อยๆนั่งดื่มชิวๆหลังจากโหมงานหนักแทนเจ้านายจนเสร็จไปอีกหนึ่งวัน แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใครบางคนที่เธอให้ค้อนวงโตกลางโต๊ะอาหารเมื่อเช้ากำลังเดินตรงมาหาเธอ
...สงสัยเหนื่อยจนตาฝาดแหงๆ...
พริมาบอกตัวเองอย่างนั้น ยกมือขึ้นมาขยี้ตามิหนำซ้ำยังกระพริบตาถี่ๆราวกับจะทำให้ตนเองมั่นใจว่าตาฝาดไปจริงๆ แต่เมื่อลืมตามองอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็ยังเป็นเหมือนเดิมแถมคนที่เมื่อครู่อยู่ไกลกว่าเดิมกลับทิ้งระยะห่างเหลือแค่ไม่ไกล
...ตัวจริงแฮะ...
“ตัวจริงครับ” คำยืนยันพร้อมรอยยิ้มของวศะทำให้คนตัวเล็กส่งสายค้อนๆไปให้อีกที
...รู้แล้วย่ะ!...
“มาทำอะไรที่นี่คะ” พริมาถามไปตามมารยาทไม่ได้มีความอยากรู้ส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย ไม่มี๊ไม่มี
“พอดีกองถ่ายพี่เพ้นท์ถ่ายทำอยู่แถวนี้น่ะครับ ผมเลยแวะมาดู แต่ตอนนี้ว่าจะไปหากาแฟดื่ม คุณพริมล่ะครับ งานเสร็จแล้วหรือ”
“วันนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ ว่าจะไปหากาแฟดื่มเหมือนกัน”
“งั้นผมก็มีเพื่อนดื่มแล้วสิ”
พริมามองคนที่ยิ้มอย่างหมั่นไส้ เรื่องเมื่อเช้าเธอยังไม่ลืมหรอกนะ ถึงเธอจะรู้อยู่คนเดียวคิดอยู่คนเดียวอยากให้เขาพูดว่าชอบเธออยู่คนเดียวก็เถอะ แต่พอมันไม่ได้ดังหวังก็อดที่จะน้อยใจเสียใจไม่ได้ ก็นิสัยเธอมันเป็นอย่างนี้นี่...ใครจะทำไม
“คุณวัศเลี้ยง ขอบคุณค่ะ” พริมาพูดเองเออเองไม่ได้ถามความสมัครใจของคนที่ต้องควักกระเป๋าเลี้ยงเลยแม้แต่น้อย
“ผมยังไม่ได้ตกลงเลยนะคุณพริม” วศะสาวเท้าเดินตามคนที่เดินจ้ำๆราวกับว่าถ้าไปช้ากว่านี้ร้านกาแฟจะติดปีกบินไปไหน
พริมาหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า “ไม่รู้ล่ะ พริมพกเงินมาน้อย คุณวัศเป็นผู้ชายคุณวัศต้องเลี้ยงสิ” เธอบอกด้วยเหตุผลสไตล์พริมาในสถานะ ‘ความรู้สึกมาก่อนเหตุผล’ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาเพื่อจะก้าวเดินไปยังจุดหมาย แต่คงไม่ระวังพอเพราะ พริมาไม่ได้ดูทางว่าข้างหน้าเธอมีใครบางคนขวางอยู่และเธอก็ชนเข้าเต็มๆ
“ขอโทษค่ะ” พริมารีบขอโทษเมื่อตั้งหลักได้ พอเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เธอเดินชนชัดๆ พริมาแทบอยากจะหายตัวไปจาก ณ จุดนั้น ทั้งๆที่เธอตัดขาดจากผู้ชายคนนี้ตั้งแต่วันนั้น แล้วหวังว่าตลอดทั้งชีวิตเธอที่เหลืออยู่เธอจะไม่มีวันเจอเขาอีก แต่ทำไมความหวังนั้นจึงไม่เป็นจริง
“พริม”
“อ้าว...พี่พริม”
พริมาหันสายตามามองอีกเสียงหนึ่งที่เดินตามมาสมทบ คนสองคนในโลกที่เธอไม่คิดอยากจะเจออีกกลับปรากฏตรงหน้าเธอแบบแพ็คคู่!!
...นี่มันวันอะไรของเธอนะ!!!...
“พริม..สบายดีใช่ไหม” คำถามของ ‘อดีตคนรัก’ ไม่ได้ทำให้พริมารู้สึกเจ็บอย่างที่เคยเจ็บทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องราวของเขาผ่านคนอื่นอีกแล้ว ทว่าเธอกลับรู้สึกสงบนิ่งและสามารถที่จะมองคนทั้งคู่ได้เต็มสองตา
“สบายดี พัชล่ะ สบายดีไหม แล้วมาทำอะไร” ‘อนพัช’ กำลังจะขยับปากตอบหากถูกอีกคนที่เกาะแขนแจอยู่ข้างๆชิงตอบแทนเสียก่อน
“พี่พัชกับรัมภ์สบายดีค่ะ กำลังจะฉลองแต่งงานพรุ่งนี้ การ์ดเชิญรัมภ์กับพี่พัชฝากพี่พีคไว้ให้ พี่พริมไม่ได้หรือคะ”
พริมาปรายตามอง ‘รัมภ์วรา’ อดีตรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่เธอสนิทมากคนหนึ่ง ขอเน้นย้ำคำว่าอดีต เพราะหลังจากที่รุ่นน้องสาวคนนี้แย่งคนรักเธอไปต่อหน้าต่อตา เธอก็ตัดสายสัมพันธ์นั้นทันที
...จะบอกว่าถูกรัมภ์วราแย่งไปก็ไม่ถูกนัก เพราะอนพัชเองก็มีท่าทีให้ฝ่ายนั้นเหมือนกัน...
“ไม่ได้” พริมาตอบสั้นๆ ห้วนๆ และอาการเหล่านั้นก็ทำให้อนพัชหน้าถอดสีทันที พริมามองอาการนั้นก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างสมเพช ดูจากท่าทางอนพัชคงไม่ได้บอกคนรักว่าตอนที่เลิกกับเธอเขาถูกภีคภัคสั่งไว้ว่าอย่างไร
‘นับจากนี้อย่าได้คิดที่จะโผล่หน้ามาให้พริมเห็น ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกไม่ได้รู้รสของความสุขในชีวิตอีกเลย’
และที่อนพัชกล้าที่จะแจกการ์ดแต่งงานให้ภีคภัคก็คงไม่พ้นถูกคนรักคะยั้นคะยอเป็นแน่แท้ รัมภ์วราเป็นผู้หญิงที่ขี้อ้อน ช่างเอาแต่ใจ พูดจาไพเราะหวานหู แม้จะเอาแต่ใจบ้างในบางเวลาแต่ก็ไม่ค่อยขัดใจใคร ซึ่งตรงข้ามกับเธอทุกอย่าง และเธอเสียอนพัชไปเพราะเหตุผลนั้น
‘พัชว่าเราต่างกันเกินไป บางทีพัชก็อยากให้พริมเอาใจบ้าง ให้พริมอ้อนพัชบ้าง พูดจาหวานๆบ้าง แต่พริมไม่เคยเลย’
คำบอกเลิกที่หาเหตุผลมามากมายของอนพัชทำให้พริมาเห็นตัวตนของผู้ชายที่เธอคบมาสองปีมาจนหมดสิ้น เขาบอกเลิกโดยโยนความผิดทั้งหมดมาที่เธอ ทั้งๆที่เขาต่างหากที่มีคนใหม่ ที่นอกใจเธอก่อน แต่สุดท้ายเขากลับโยนทุกอย่างมาไว้ที่เธอ
“งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ เอาเป็นว่ารัมภ์เชิญนะคะ งานจัดที่รีสอร์ทที่อยู่ถัดจากโรงแรมนี้น่ะค่ะ”
“รัมภ์” อนพัชเรียกชื่อคนรักเชิงปราม หากรัมภ์วราไม่สนใจแถมยังทำหน้าเสียงงอนๆเสียอีกต่างหาก
“ทำไมคะ ทำไมรัมภ์จะเชิญพี่พริมไม่ได้หรือพี่พัชลำบากใจ”
“รัมภ์” อนพัชกดเสียงต่ำ ร้อนถึงพริมาที่เริ่มจะเบื่อสถานการณ์อย่างนี้เต็มทน ถึงหัวใจจะไม่เจ็บแล้วที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วย แต่ถ้าเลือกได้เธอก็ขอที่จะไม่เจอจะดีกว่า ก็ไม่ใช่เพราะอะไร มันก็แค่...รำคาญ
“ฉันจะไปก็แล้วกัน” สรรพนามที่เคยเรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เวลาพูดคุยกับรัมภ์วราในอดีตถูกเปลี่ยนมาเป็น ‘ฉัน’ ในปัจจุบัน
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ไปนะ” ตัดบทและกล่าวลาสั้นๆแค่นั้นก่อนจะสาวเท้าเดินจากไป ที่ตัดสินใจจะไปร่วมงานเพราะอยากจะแสดงให้แม่รัมภ์วราเห็นเสียหน่อยว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับว่าที่สามีของหล่อนแล้ว จะได้เลิกมองเธอด้วยสายตาสงสารเสียที จริงอยู่ที่แต่ก่อนเธออาจจะเสียใจและเสียดายอนพัช ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกเสียดายอนพัชเลยแม้แต่น้อย...ไม่เลย!!
มอคค่าเย็นที่ถูกดื่มไปครึ่งแก้วกับบานาน่ามัฟฟินที่เหลืออยู่ครึ่งชิ้นถูกตั้งอยู่บนโต๊ะเฉยๆโดยเจ้าของไม่ได้แตะต้องมานานพอควรเพราะมัวแต่มองผ่านกระจกออกไปด้านนอกของร้าน จนคนที่นั่งอยู่ด้วยต้องกระแอมขึ้นมาเบาๆ
“คิดเรื่องที่จะไปงานฉลองแต่งงานแฟนเก่าหรือครับ”
“ทำไม...”
“ถึงรู้” วศะช่วยต่อคำถามของพริมาจนครบ
“เห็นหน้าคุณพริมกับหน้าผู้ชายคนนั้นก็รู้แล้วครับ”
“พริมแค่ไม่อยากเจอหน้าสองคนนั่น แต่ที่รับปากไปเพราะรำคาญยัยรัมภ์วรา ชอบมองพริมแบบตัวเองเป็นผู้ชนะแล้วพริมเป็นผู้แพ้ เกลียดชะมัดสายตาอย่างนั้น พริมเลยอยากไปให้รู้ว่าพริมเลิกเสียดายผู้ชายคนนั้นไปนานแล้ว!” พริมาระบายออกมาอย่างเหลืออด
“แล้วคุณพริมกำลังคิดมากเรื่องอะไร”
“ก็...” พริมาเริ่มตอบคำถามของวศะด้วยคำพูดที่ตะกุกตะกัก “ถึงจะลืมได้แล้ว แต่พริมไม่ค่อยมั่นใจว่าจะควบคุมสติไม่ให้หลุดได้หรือเปล่า เรื่องพัชน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่เรื่อง...รัมภ์วรา พริมไม่แน่ใจ” หญิงสาวสารภาพเสียงอ่อย
“งั้นให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม” คำอาสาของวศะส่งผลให้หัวใจที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้วเวลาอยู่ต่อหน้าเขาไหวหวั่น พริมามองชายตรงหน้าเต็มสายตา
...อาสากันแบบนี้ ถ้าพริมจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าคุณวัศคงจะชอบพริมบ้าง จะมาว่าพริมไม่ได้นะ...
“ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยมีผมไปด้วย คุณพริมจะได้มั่นใจว่าตัวเองจะสติไม่หลุดไง”
“แต่ถ้าคุณวัศไปกับพริม อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้” คราวนี้พริมาเริ่มจะลองปฏิบัติการหยั่งเชิงดูบ้าง ไม่รู้ว่าเพราะเจอรัมภ์วราหรืออย่างไรจึงทำให้พริมาฮึดเอาความกล้าออกมาเลียบๆเคียงๆถามความรู้สึกของวศะว่ารู้สึกกับเธอเช่นไร
...ถึงจะกลัวเจ็บเหมือนในอดีต แต่ถ้าไม่ลองทำอะไรเลย เธอก็คงเสียใจเหมือนกัน...
“เข้าใจผิดว่าอะไรล่ะครับ”
“ก็...ประมาณว่า...คุณวัศกับพริม...เป็น เป็น คนรักกัน อะไรประมาณนี้” แม้จะรู้สึกเขินอยู่มาก แต่พริมาก็กลั้นใจพูดออกไปแล้ว ตอนนี้คงได้แต่รอคำตอบจากเขาเท่านั้น
“ก็ลองให้คนอื่นเข้าใจผิดดูก่อนแล้วกันครับ ค่อยว่ากัน” วศะตอบง่ายๆ หากคำตอบที่ง่ายแสนง่ายนั้นมันกลับเป็นคำตอบที่ตีความไปได้ในหลายความหมาย ทั้งชอบ ไม่ชอบ หรืออาจจะเป็น...ไม่สนใจ
...ตอบอย่างนี้แล้วจะให้พริมคิดยังไงล่ะคุณวัศ ร้ายจริงเชียว!...
พริมามองตัวเองภายใต้กระจกบานใหญ่เต็มตัวเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ดีที่เตรียมชุดที่พอจะเข้ากับงานเลี้ยงฉลองชายทะเลมาบ้าง ชุดเดรสเกาะอกผ้าฝ้ายสีขาวเนื้อเบาทิ้งตัวยาวกรอมเท้า รัดด้วยเข้มขัดถักเส้นขนาดไม่ใหญ่มากบริเวณเอว ผมสีดำสนิทที่ถูกปล่อยทิ้งน้ำหนักลงกลางหลัง หากก็มีเปียที่ถูกถักพาดไว้แทนที่คาดผม ดวงหน้าถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางเบาๆเพราะเจ้าตัวอยากเน้นให้ออกมาเป็นธรรมชาติมากกว่า และเมื่อสำรวจความพร้อมของตัวเองเสร็จเรียบร้อย ร่างบางจึงเปิดประตูห้องพร้อมที่จะไปงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของ ‘แฟนเก่า’
ทันทีที่พริมาก้าวออกจากห้อง ประตูของห้องที่อยู่ตรงข้ามก็เปิดเช่นกัน และการปรากฏกายของวศะก็ทำให้เธออึ้งไปชั่วขณะ ก็ใครใช้ให้เขาแต่งตัวเสียดูนี้ขนาดนี้กันเล่า เสื้อยืดตัวในลายขวางสีเทาสลับกับสีดำคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงเข้ารูปสีดำ แถมยังเข้าได้ดีกับหมวกสีน้ำตาลอ่อนคาดแถบดำอีกและนาฬิกาสายหนังเรือนหรูอีกต่างหาก ถ้าชุดเหล่านี้อยู่บนตัวคนอื่นพริมาคงคิดว่าธรรมดา แต่พอมาอยู่บนตัวของผู้ชายตรงหน้าเธอ มันช่างราวกับว่าเธอกำลังควงนายแบบที่หลุดออกมาจากแม็กกาซีน!
“แบบนี้ดูดีพอที่จะควงคุณพริมหรือยังครับ” คำถามของวศะนั้นออกแนวทีเล่นทีจริงแต่ก็ทำให้พริมาเขินได้พอดู
“ค่ะ” พริมาบอกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ วศะที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้เกินไปกว่าคำว่าดีเสียอีก
“เชิญครับ” วศะยื่นแขนออกไปให้พริมาควง
“ขอบคุณค่ะ” คำขอบคุณแสนเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบถูกเอ่ยไปให้วศะ พริมาเอื้อมมือไปแตะท่อนแขนนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะแปรเปลี่ยนมาจับไว้อย่างมั่นคง
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสระหว่างอนพัชและรัมภ์วราถูกจัดขึ้นริมชายหาดโดยที่งานเป็นงานไม่ใหญ่มาก จะมีก็แต่บรรดาเพื่อนสนิทของทั้งบ่าวสาวเท่านั้น และแน่นนอนว่าแทบทุกคนรู้จักเธอ จึงไม่แปลกที่จะมีสายตาหลายคู่มองมายังเธอตั้งแต่ที่เดินเข้ามาเช่นนี้ และประเด็นสำคัญสำหรับเรื่องที่ทำให้แต่ละคนซุบซิบก็คงไม่พ้นชายหนุ่มที่เธอควงมาด้วยวันนี้
พริมาลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่ยอมเป็นคู่ควงให้เธอด้วยใจระทึก เพราะไม่อาจคาดเดาได้ว่าวศะจะรู้สึกอย่างไรที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาและเป้าสนทนาอย่างนี้ บางทีเอาอาจจะกำลังหงุดหงิดและอยากกลับแล้วก็เป็นได้ แต่เปล่าเลย...เพราะใบหน้าคมสันหล่อเหลาของผู้ชายข้างตัวเธอกำลังยิ้ม แถมยังกว้างเสียด้วย
...ยิ้มอะไรของเขานะ...
“มาแล้วหรือคะพี่พริม” เจ้าสาวในชุดแม็กซี่เดรสสีขาวตัวยาวบนดับด้วยมงกุฎดอกไม้บนหัวราวกับเจ้าหญิงเดินเข้ามาทักทายแขกผู้มาใหม่ และแน่นอนว่าหล่อนต้องหนีบเจ้าบ่าวกะมาเย้ยหยันกันเต็มที่
“ของขวัญแต่งงานจ้ะพัช” พริมาบอกเสียงหวาน เลือกที่จะยื่นกล่องของขวัญที่ผู้โบว์ไว้อย่างสวยงามให้กับคนที่เป็นเจ้าบ่าว และการกระทำนั้นก็ทำให้คนที่เป็นเจ้าสาวมองเธอด้วยแววตาที่ไม่พอใจ
...คงกลัวล่ะสินะ เพราะตัวเองก็แย่งของคนอื่นมา ก็เลยกลัวว่าจะถูกแย่งไปอีกที ความรักของเธอนี่มันช่างน่าสงสารจริงๆรัมภ์วรา...
“ขอบคุณนะพริม แล้ว...” อนพัชเลื่อนสายตามามองชายหนุ่มข้างตัวพริมา
“คุณวัศน่ะ วศะ อัครนานนท์” พริมาแนะนำทั้งชื่อจริงและนามสกุลจริงแทนเจ้าตัว ปรายตามองไปยังรัมภ์วรา นิดหนึ่งเพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีท่าทีเช่นไร แล้วก็เป็นอย่างที่พริมาคาด รัมภ์วราตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าใครคือคนที่เธอควงมางานด้วย
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” อนพัชยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร
“เช่นกันครับ” เช่นเดียวกับวศะที่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเหมือนกัน
“คุณวศะคะ รัมภ์ขอยืมตัวพี่พริมหน่อยนะคะ อยากถ่ายรูปคู่ตามประสาสาวๆน่ะค่ะ” จู่ๆรัมภ์วราก็เอ่ยปากขึ้นซึ่งก็สร้างความแปลกใจให้กับทั้งอนพัชและวศะไม่น้อย แต่กับพริมา...เธอไม่แปลกใจเลยที่รัมภ์วราทำอย่างนี้
“คุณพริมว่ายังไงครับ” วศะหันมาถามพริมาเสียงนุ่ม
“งั้นเดี๋ยวพริมมานะคะ”
“ครับ”
พริมาเดินแยกตัวไปกับเจ้าสาวจนถึงมุมหนึ่งของงานที่ผู้คนไม่ค่อยขวักไขว่นักก่อนที่ร่างเล็กบางจะหยุดฝีเท้าลงเมื่อคนที่ชวนเธอออกมาถ่ายรูปคู่ตามประสาสาวๆหยุดฝีเท้าลงเช่นกัน
“มีอะไรจะคุยกับฉันก็ว่ามา” พริมาถามถึงเหตุผลที่แม้จริง รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องถ่ายรูปมันก็เป็นเพียงข้ออ้างของรัมภ์วรา ซึ่งความจริง...เจ้าสาวหมาดๆคงมีเรื่องที่อยากจะพูดกับเธอมากกว่า
“พี่พัชเป็นสามีรัมภ์”
พริมาปรายตามองเจ้าสาวด้วยความรู้สึกที่ว่า...ไม่รู้จะสงสารหรือสมเพชดี และด้วยสายตาอย่างนั้นก็ยิ่งทำให้ความไม่พอใจที่มีอยู่ก่อนแล้วของรัมภ์วรายิ่งโหมกระหน่ำ
“พี่พริมอย่ามามองรัมภ์อย่างนี้นะ” น้ำเสียงนั้นแสดงออกว่าโกรธเกรี้ยวอย่างไม่ปิดบัง แต่พริมากลับไม่กลัวหรือเกรงน้ำเสียงเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เธอสามารถที่จะมองผู้หญิงที่เคยแทงข้างหลังเธอได้เต็มตาเสียที
“ความรักที่อยู่บนความหวาดระแวง มีความสุขมากไหนรัมภ์วรา” คำพูดที่เปรียบเสมือนเข็มทิ่มแทงใจดำทำให้รัมภ์วราเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง เชิดหน้าขึ้นด้วยความทะนงตนว่าหล่อนเคยชนะพริมาเมื่อครั้งอนพัช และครั้งนี้ก็เช่นกันคนอย่างพริมา ผู้หญิงที่ถูกเธอแย่งคนรักไปต่อหน้าต่อตา ผู้หญิงอย่างนั้นไม่มีวันที่จะมายืนอยู่เหนือเธอ
“รัมภ์กับพี่พัชมีความสุขกันดีค่ะ อาจจะดีกว่าตอนที่พี่พัชคบกับพี่พริมด้วยซ้ำ”
พริมาปรายตามองรัมภ์วราด้วยแววตาสมเพช เหนื่อยใจกับผู้หญิงคนนี้มากถึงมากที่สุด อยากจะบอกให้แม่นี่รู้เหลือเกินว่าต่อให้อนพัชซมซานมาคุกเข่าขอคืนดีอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้เธอก็ไม่เอา!
“เลิกพูดจาอย่างนั้นกับฉันได้แล้ว ถึงเธอจะพูดอีกกี่ครั้งฉันก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว ทั้งพัชทั้งเธอ ฉันแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเคยมีตัวตนอยู่ในชีวิตของฉัน” คำพูดแสนจะเผ็ดร้อนของพริมาทำเอาคู่สนทนากำมือแน่นด้วยความโกรธ หากเพียงไม่นานรัมภ์วรากลับเหยียดยิ้มอันเยือกเย็นกลับมาให้
“เพราะพี่พริมมีคุณวศะอยู่แล้วทั้งคนน่ะหรือคะ หาใหม่ทั้งทีหาได้ดีเชียวนะคะ รัมภ์ยังแอบอิจฉาเลย”
“เธอจะพูดอะไร” พริมาเสียงแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อรัมภ์วราเปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่องของวศะ
“คุณวศะ เท่าที่รัมภ์พอรู้ อายุเท่าพี่พัชใช่ไหมคะ พี่พริมนี่ยังชอบผู้ชายที่เด็กกว่าตัวเองเหมือนเดิมเลยนะ” รอยเหยียดยิ้มของรัมภ์วราเยือกเย็นและเฉือดเฉือนกว่าเดิม
“งั้นก็...ระวังจะถูกแย่งไปเหมือนเดิมด้วยนะคะ”
รัมภ์วราเดินจากไปโดยทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้กลางใจพริมา หญิงสาวยิ้มเยาะตัวเองต่อหาดทราย ทะเล และเกลียวคลื่น ทั้งที่มั่นใจหนักหนาว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับอดีตที่อยากลบทิ้ง แต่พอแผลนั้นโดนสะกิด เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บอยู่ดี
...เธอยังลบมันออกไปไม่ได้ทั้งหมดจริงๆพริมา...
คนที่เงียบมาตลอดทางหลังจากกลับจากงานฉลองวิวาห์ของอดีตแฟนเก่ายังคงหันหน้าออกสู่ถนนยามค่ำคืน วศะที่กำลังทำหน้าที่สารถีลอบหันมามองผู้ร่วมเดินทางที่คืนนี้มีสถานะเป็น ‘คู่ควง’ ของเขาเป็นพักๆ ดูจากอาการที่ไม่พูดไม่จาของ พริมาตั้งแต่กลับมาหลังจากแยกตัวไปกับเจ้าสาว วศะก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าพวกเธอคงมีปากเสียงกันและมันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย
“เดินเล่นกันก่อนมั้ยครับ” วศะเอ่ยปากชวนเมื่อถึงที่พักและจัดการจอดรถเรียบร้อย
“ก็ได้ค่ะ” พริมาตอบรับ หลังจากที่รัมภ์วรารื้อฟื้นเรื่องเก่ามาพูด เธอจึงตัดสินใจในบางเรื่องได้ และตอนนี้เธอก็พร้อมที่จะบอกความรู้สึกที่มีอยู่ในใจออกไปให้วศะได้รับรู้ด้วยปากของเธอไม่ใช่ผ่านบทเพลงเมื่ออย่างเมื่อคืนวาน
...จะได้รู้กันไปเลย ไม่ต้องมาคอยสงสัยและซ่อนความรู้สึกอยู่อย่างนี้...
ร่างสองร่างเดินเคียงคู่กันริมชายทะเลยามค่ำคืนเฉกเช่นเดียวกับคืนที่ทั้งเธอและเขานั่งร้องเพลงเล่นดนตรีด้วยกัน ดวงดาวพราวระยับบนท้องฟ้ายังคงงดงามเช่นเดิม ทรายเม็ดละเอียดที่สัมผัสกับฝ่าเท้าเปลือยเปล่าทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปไม่น้อย พริมามองเสี้ยวหน้าของคนข้างตัวนิดหนึ่งก่อนจะหยุดเดิน และเมื่อเธอหยุดคนข้างตัวก็หยุดอยู่ข้างๆเธอ...เช่นกัน
“คุณวัศชอบหรือเกลียดพริม” คำถามของพริมาทำให้วศะหันมามองสบตาเธอนิ่ง
“ชอบสิครับ” และคำตอบของเขาก็ทำให้พริมาแทบหยุดหายใจ
“แบบเพื่อนใช่ไหม” เธอถามต่อ กล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบดวงตาคู่คมสีน้ำตาลเข้ม
“ตอนนี้ไม่ใช่ครับ...มากกว่านั้น”
พริมาเบิกตากว้างกับคำตอบที่ไม่คิดไม่ฝันนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ฝันไป และเมื่อพบว่ารู้สึกเจ็บจึงมั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้คือเรื่องจริง
“หยิกไปแบบนั้น เจ็บมั้ยล่ะครับนั่น” วศะถือวิสาสะแตะรอยแดงบนแก้มใสนั้นเบาๆ และแค่เพียงสัมผัสนั้น พริมารู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆแล่นไปทั่วร่าง
“พริมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
“จะให้ผมช่วยหยิกอีกข้างมั้ยครับ”
พริมาส่งค้อนวงโตให้วศะ หัวใจเต้นแรงราวกับว่ามันจะออกมาเต้นอยู่นอกอก เท้าที่กำลังเหยียบผืนทรายดูเหมือนจะลอยขึ้นมาเหนือผืนทรายเม็ดละเอียด พริมารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นปุยนุ่นที่เบาแสนเบาและกำลังจะล่องลอย
“ชอบพริมจริงๆใช่ไหม” เธอถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ชอบจริงๆครับ ยิ่งได้คุยด้วยก็ยิ่งถูกใจ”
“แต่พริมแก่กว่าคุณวัศนะ”
“อายุสำคัญมากหรือครับเวลาเราจะเปิดใจชอบใคร”
“เพราะพริมไม่อยากเป็นเหมือนเมื่อก่อน ไม่อยากถูกทิ้งอย่างนั้น พริมไม่ได้น่ารัก ไม่ได้ขี้อ้อน ช่างเอาใจ ทำกับข้าวก็ไม่เป็น พูดจาหวานๆเพราะๆก็ไม่เป็น แถมยังแข็งแรงกว่าผู้หญิงทั่วไปอีก ไม่ได้น่าทะนุถนอมหรอกนะ”
วศะระบายยิ้มกับข้อเสียต่างๆนานาที่พริมาพยายามงัดออกมาบอก พอจะเดาได้แล้วว่าในอดีตเธอผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง และเหตุการณ์ที่งานฉลองแต่งงาน พริมาคงถูกย้ำเตือนเรื่องราวในอดีตที่เธอไม่อยากจดจำ
“คนเรามีอดีตกันทั้งนั้นครับ ผมก็มี คุณพริมก็มี ไม่แปลกหรอกที่คุณพริมจะกลัวว่าปัจจุบันจะซ้ำรอยกับอดีต แต่ถ้าคุณพริมไม่ลองที่จะก้าวต่อไป คุณพริมก็จะไม่รู้...จริงไหมครับ”
“แล้วคุณวัศกล้าที่จะก้าวต่อไปไหม”
“ถ้าผมไม่กล้า ผมไม่บอกว่าชอบคุณพริมหรอกครับ ทั้งๆที่แต่ก่อนผมเคยคิดว่าหัวใจของผมจะไม่มีใครนอกจากเกด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว” วศะจ้องมองเข้าไปในดวงตาเรียวเล็กนิ่ง ต้องการให้เธอรู้จริงๆว่าทุกคำที่พูดออกไปล้วนมาจากหัวใจ
“ความจริงพริมกลัว...แต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้พริมติดอยู่แต่กับอดีตจนไม่กล้าพอที่จะก้าวไปข้างหน้า”
วศะยิ้มกับคำตอบของผู้หญิงตรงหน้า พริมาซื่อตรงกับความรู้สึกของตนเองเสมอและเธอก็เด็ดเดี่ยวพอที่จะทำตามเสียงเรียกของหัวใจ
“แล้วคุณพริมพร้อมจะก้าวไปพร้อมกับผมไหม”
“แล้วคุณวัศจะจับมือพริมไว้ตลอดหรือเปล่า”
“ก็ลองวางมือมาก่อนสิครับ” วศะมือยื่นไปข้างหน้าพริมา หญิงสาวมองคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มอันแสนละมุนให้กับเธอก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปวางไว้บนมือของเขา
“สัญญาครับว่าจะจับมือมือนี้ตลอดไป” กระแสน้ำเสียงอบอุ่นของวศะทำให้พริมาน้ำตาคลอ ร่างเล็กบางโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่ไว้แน่น
“คุณวัศ”
“ครับ”
“ในอนาคตคำว่า ‘ชอบ’ จะเปลี่ยนเป็นคำว่า ‘รัก’ ไหม”
“แล้วคุณพริมคิดว่ายังไงล่ะครับ”
“เปลี่ยน” พริมาบอกเบาๆ ใบหน้ายังคงซุกในอ้อมอกกว้าง
“ถ้าคุณพริมมั่นใจว่าเปลี่ยนมันก็จะเปลี่ยนครับ”
“พริมรักคุณวัศจัง”
คนโดนบอกรักหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อได้ยินคำบอกรักจากสาวร่างเล็กก่อนจะโอบกอดร่างบางไว้แน่น ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าพริมาเข้ามามีบทบาทต่อหัวใจอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หัวใจที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใครได้อีกนอกจากเกศหทัยค่อยๆแปรเปลี่ยนไปทีละนิด พริมาทำให้ชีวิตเขาแต่งเติมไปด้วยรอยยิ้มและความสุข เธอทำให้เขาแปลกใจได้ทุกครั้งที่เจอ เป็นผู้หญิงที่สร้างสีสันแก่ชีวิตไม่น้อย และวศะเองก็ชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ...ชอบมากขึ้นทุกวัน
“คุณพริมนี่น่ารักจัง” วศะกระซิบคำหวานข้างหูคนที่ตัวเล็กกว่า แต่นั่นทำให้พริมาดันตัวออกจากร่างสูงเมื่อรู้สึกถึงสัญญาณอันตรายแต่วศะก็ยอมเพียงแค่ให้ร่างเล็กบางออกห่างหากไม่ยอมคลายอ้อมกอด
“พริมไม่ได้น่ารักสักหน่อย”
“ใครว่า...ตอนนี้คุณพริมน่ารักจะตายไป” วศะบอกพร้อมกับกดจมูกบนแก้มนวลอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นพริมาไม่ได้ระวังตัว
“ยิ่งตอนเขินยิ่งน่ารัก” ชายหนุ่มแกล้งกระเซ้าแล้วก็ได้รับกำปั้นเล็กๆตีกลับตามที่คาดไว้
“คุณวัศบ้า” พริมาว่าเบาๆ ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้างที่แสนอบอุ่น
...สงสัยกลับไปกรุงเทพฯคราวนี้บรรดาคนวางแผนการรักครั้งนี้จะพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้เป็นแน่...
วศะกระชับอ้อมกอด ไม่เคยคิดว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ ทว่านี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเส้นทางความรักของเขาและ พริมาเท่านั้น อนาคตข้างหน้ายังมีอีกหลายปัญหาและอุปสรรคให้ทั้งเขาและเธอร่วมกันฝ่าฟัน หากวศะก็มั่นใจว่าทุกอย่างต้องลงเอยด้วยดี เพราะเขาสัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะจับมือคู่นี้ไว้ตลอดไป และพริมาก็อุตส่าห์วางหัวใจของเธอไว้ที่เขาแล้ว เขาก็คงที่จะต้องให้หัวใจและคำว่า ‘รัก’ เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกลับไปเช่นกัน
-------------------------จบตอนพิเศษ (ต้นทางใจ...สุดสายรัก)-----------------------------------------
น่ารักไหมคะ ปอแก้วแอบชอบคู่นี้นะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อิอิ :)
แอบชอบคำพูดตอนนึงของพริมที่บอกว่าตัวเองแข็งแรงกว่าผู้หญิงทั่วไปไม่ได้น่าทะนุถนอม ฮ่าๆ เขียนเองยังแอบขำเองเลยค่ะ ^^
ต่อไปเป็นตอนพิเศษระหว่างคุณพีคกับหนูเกดนะคะ ปิดท้ายๆ หลายคนอยากอ่านเลยจัดให้ค่ะ คิๆๆ
ชื่อตอนว่า "สุดทางใจ...ของสองเรา"
อย่าลืมติดตามนะจ๊ะ :)
ตอบเมนท์จ้า...
tutas : ขอบคุณนะคะ รับรองว่าไม่ทิ้งกันไปนานแน่ค่ะ :)
็ำHeronett : ปอแก้วก็อิจฉา ความจริงชอบคุณวัศมากกว่าคุณพีคอีกค่ะ อิอิ
anOO : พริมกล้าพอที่จะกระโดดใส่อ้อมแขนคุณวัศแล้วจ้า...
violette : กินเด็กจริงๆด้วย >< เห็นด้วยว่าคุณวัศนี่ดีสุดยอดไปเลยค่ะ เรื่องเชสกำลังคุยกับเพื่อนอยู่นะคะ ส่วนพี่กัณฐ์...รอกันยาวๆหน่อยเนอะ ^^"
nunoi : เป็นผู้ชายที่อบอุ่น น่ารัก นิสัยดี มากกกกกกกกก เลยล่ะค่ะ อิจฉาพริมเหมือนกัน ><
WallyValent : อยากได้เหมือนกัน แต่สงสัยจะหายากหน่อยนะ ฮ่าๆ
KipkeLucifer : อิจฉาเหมือนกันเลยค่าาาาาาาาา
ขอบคุณสำหรับคนอ่าน คนไลค์ และคนเมนท์เหมือนเดิมค่า
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้กันมาตลอดนะจ๊ะ ><
ติชมได้จ้า ;)
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ครึ่งหลัง : สุดสายรัก
แสงแดดอ่อนๆยามเช้ากับสายลมที่พัดมาจนผ้าม่านสีขาวปลิวไสวไม่ได้สร้างความสดชื่นสำหรับเช้าวันใหม่แก่พริมาเลยแม้แต่น้อย จะพูดให้ถูกก็คือ...ที่เธอไม่สดชื่นก็เพราะเมื่อคืนข่มตาให้หลับแทบจะไม่ได้เลยต่างหาก
...เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆพริมา!...
เหตุการณ์ที่ริมทะเลเมื่อคืนยังคงชัดเจนในความทรงจำ เจ้าของเสื้อคลุมตัวโตที่ถูกพาดไว้กับพนักเก้าอี้คือคนที่เมื่อคืนนั่งเล่นกีตาร์อยู่ข้างๆเธอ ส่วนเธอ...ก็ร้องเพลงที่บอกสิ่งที่อยู่ในใจออกไปเสียชัดเจน สาวร่างเล็กกัดริมฝีปากล่างอย่างครุ่นคิดว่าตนเองต้องทำหน้าอย่างไรเมื่อเจอกับวศะ ต้องทำตัวอย่างไรไม่ให้ทั้งเธอและเขาอยู่ในสภาวะที่อึดอัดและกดดัน
พริมาค่อยๆเปิดและปิดประตูอย่างเบามือที่สุด ละล้าละลังอยู่ตรงบันไดว่าจะลงดีไม่ลงดี แล้วถ้าลงไปจะต้องทำหน้าอย่างไร ทั้งหมดเป็นความคิดที่สมองเธอกำลังประมวลผล พอสมองตัดสินใจจะก้าวเท้าหัวใจก็ค้านบอกว่าให้ชักเท้ากลับ เป็นอย่างนี้อยู่นานสองนาน แขนข้างหนึ่งมีเสื้อคลุมตัวหนาพาดไว้ ความจริงตั้งใจจะคืนตั้งแต่เมื่อคืนแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับวศะจริงๆ
“จะยืนอยู่อีกนานไหมคุณพริม ลงมาเถอะครับ” เสียงเรียกจากชั้นล่างทำเอาคนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตค่อยๆเดินลงมาจากชั้นบน
“คุณวัศรู้ได้ยังไง” ถามเมื่อลงมาชั้นล่างเรียบร้อย สายตาก็กวาดหาคนที่ส่งเสียงเรียกเมื่อครู่เพราะตอนนี้เธอไม่ยักเห็นแม้แต่เงาของเขา
“ได้ยินตั้งแต่เสียงปิดประตูแล้วครับ” วศะโผล่ออกมาจากห้องครัวพร้อมกับอาหารเช้าสองที่ที่ควันลอยส่งกลิ่นหอมเตะจมูกพริมา
...ข้าวต้มกุ้ง...
“พริมปิดเบาแล้วนะ” เธอบอกยื่นเสื้อคลุมที่เมื่อคืนมันได้ให้ความอบอุ่นเธอคืนกลับให้เจ้าของ พริมารอให้เขารับก่อนที่จะทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้หน้าอาหารเช้าฝีมือวศะอย่างเคย
“หรือครับ” เขายิ้มล้อ พริมาเลยตวัดค้อนใส่เสียหนึ่งที เพิ่งสังเกตว่าวันนี้วศะอยู่ในชุดที่แตกต่างจากเมื่อวาน เสื้อกล้ามตัวในสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นที่ช่วงล่างสีฟ้าเข้มไล่ระดับความอ่อนขึ้นมาจนถึงด้านบนสีขาวกับกางเกงขาสามส่วนสีเบจ ถึงจะดูเป็นชุดสบายๆแต่ก็พอดูออกว่าวันนี้เขาคงจะออกไปทำธุระ แต่ที่สะดุดตาพริมาก็คงจะเป็นผ้ากันเปื้อนลายคุณหมีที่วศะสวมใส่อยู่นั่นล่ะที่ทำให้หัวใจอีกดวงเต้นโครมครามอยู่อย่างนี้
...อีกแล้วนะคุณวัศ รู้ว่าพริมแพ้ผู้ชายใส่ผ้ากันเปื้อนใช่ไหมถึงได้ใส่ยั่วกันแบบนี้!!...
วศะถอดผ้ากันเปื้อนเก็บไว้ที่เดิมก่อนจะเดินมาร่วมโต๊ะสำหรับมื้อเช้ากับพริมาและยังไม่ทันได้พูดหรือตักข้าวต้มกุ้งคำแรกเข้าปาก คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“เรื่องเมื่อคืน...” พริมาตั้งใจพูดกับวศะแต่กลับก้มหน้าก้มตามองแต่ชามข้าวต้มกุ้งตรงหน้า และคงไม่ได้เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ...กำลังยิ้ม!!
“พริมนึกเพลงอะไรไม่ออกเลยร้องเพลงนั้นออกไป ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะ...ไม่มี”
“งั้นหรือครับ”
“ค่ะ” ตอบรับพร้อมกับพยักหน้าสมทบเพื่อให้ดูหนักแน่น
“แต่ผมชอบนะ”
“คะ?” คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ชอบ’ จากปากของคนตรงหน้า
“เสียงคุณพริม...ผมชอบครับ” หากเมื่อวศะขยายความ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังห่อเหี่ยวลงทันตา ข้าวต้มกุ้งที่แสนอร่อยไร้รสชาติลงในบัดดล
...คุณวัศบ้า!!!...
“พริมอิ่มแล้ว ไปทำงานก่อนนะคะ” น้ำเสียงที่บอกกล่าวนั้นห้วนแสนห้วน ข้าวต้มกุ้งที่เธอกินอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อครู่ก็ยังเหลือมากกว่าครึ่งชาม
วศะมองร่างที่เดินลิ่วออกจากบ้านด้วยรอยยิ้มขัน จะไม่ให้เขาอดแกล้งเธอได้อย่างไร ก็หน้าเธอเมื่อกี้ที่เขาบอกว่าชอบมันน่าแกล้งเสียขนาดนั้น ตาคู่เรียวเล็กเบิกกว้างกว่าปกติแถมทอประกายวิบวับราวกับเด็กน้อยอ้อนกินไอศกรีมเสียอีก แล้วไหนจะแก้มที่ซับสีชาดนั่นอีกเล่า เห็นแล้วก็อดที่จะแกล้งให้เธอผิดหวังเล่นไม่ได้จริงๆ ถึงจะรู้ว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็เถอะ
...ขอโทษนะครับ...
พริมาแทบหมดแรงเมื่อคิวงานที่ต้องจัดการวันนี้เสร็จสิ้น ถ้าร่างกายเธอเป็นโทรศัพท์มือถือ ป่านนี้มันคงเตือนไปนานแล้วว่าแบตเตอรี่อ่อน เพราะตั้งแต่เช้าที่เธอต้องรับรองผู้ร่วมทุนและพาไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวของเกาะภูเก็ต พอกลับมาที่โรงแรมก็ต้องเข้าประชุมต่อเพื่อฟังรายงานจากณเคนทร์ถึงความคืบหน้าของการปรับปรุงโรงแรมเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงเต็มๆ
...เธออยากจะเป็นลมจริงๆ...
ร่างบางเดินสะโหลสะเหลอยู่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมกะว่าจะไปหากาแฟเย็นๆกับเค้กอร่อยๆนั่งดื่มชิวๆหลังจากโหมงานหนักแทนเจ้านายจนเสร็จไปอีกหนึ่งวัน แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใครบางคนที่เธอให้ค้อนวงโตกลางโต๊ะอาหารเมื่อเช้ากำลังเดินตรงมาหาเธอ
...สงสัยเหนื่อยจนตาฝาดแหงๆ...
พริมาบอกตัวเองอย่างนั้น ยกมือขึ้นมาขยี้ตามิหนำซ้ำยังกระพริบตาถี่ๆราวกับจะทำให้ตนเองมั่นใจว่าตาฝาดไปจริงๆ แต่เมื่อลืมตามองอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็ยังเป็นเหมือนเดิมแถมคนที่เมื่อครู่อยู่ไกลกว่าเดิมกลับทิ้งระยะห่างเหลือแค่ไม่ไกล
...ตัวจริงแฮะ...
“ตัวจริงครับ” คำยืนยันพร้อมรอยยิ้มของวศะทำให้คนตัวเล็กส่งสายค้อนๆไปให้อีกที
...รู้แล้วย่ะ!...
“มาทำอะไรที่นี่คะ” พริมาถามไปตามมารยาทไม่ได้มีความอยากรู้ส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย ไม่มี๊ไม่มี
“พอดีกองถ่ายพี่เพ้นท์ถ่ายทำอยู่แถวนี้น่ะครับ ผมเลยแวะมาดู แต่ตอนนี้ว่าจะไปหากาแฟดื่ม คุณพริมล่ะครับ งานเสร็จแล้วหรือ”
“วันนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ ว่าจะไปหากาแฟดื่มเหมือนกัน”
“งั้นผมก็มีเพื่อนดื่มแล้วสิ”
พริมามองคนที่ยิ้มอย่างหมั่นไส้ เรื่องเมื่อเช้าเธอยังไม่ลืมหรอกนะ ถึงเธอจะรู้อยู่คนเดียวคิดอยู่คนเดียวอยากให้เขาพูดว่าชอบเธออยู่คนเดียวก็เถอะ แต่พอมันไม่ได้ดังหวังก็อดที่จะน้อยใจเสียใจไม่ได้ ก็นิสัยเธอมันเป็นอย่างนี้นี่...ใครจะทำไม
“คุณวัศเลี้ยง ขอบคุณค่ะ” พริมาพูดเองเออเองไม่ได้ถามความสมัครใจของคนที่ต้องควักกระเป๋าเลี้ยงเลยแม้แต่น้อย
“ผมยังไม่ได้ตกลงเลยนะคุณพริม” วศะสาวเท้าเดินตามคนที่เดินจ้ำๆราวกับว่าถ้าไปช้ากว่านี้ร้านกาแฟจะติดปีกบินไปไหน
พริมาหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า “ไม่รู้ล่ะ พริมพกเงินมาน้อย คุณวัศเป็นผู้ชายคุณวัศต้องเลี้ยงสิ” เธอบอกด้วยเหตุผลสไตล์พริมาในสถานะ ‘ความรู้สึกมาก่อนเหตุผล’ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาเพื่อจะก้าวเดินไปยังจุดหมาย แต่คงไม่ระวังพอเพราะ พริมาไม่ได้ดูทางว่าข้างหน้าเธอมีใครบางคนขวางอยู่และเธอก็ชนเข้าเต็มๆ
“ขอโทษค่ะ” พริมารีบขอโทษเมื่อตั้งหลักได้ พอเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เธอเดินชนชัดๆ พริมาแทบอยากจะหายตัวไปจาก ณ จุดนั้น ทั้งๆที่เธอตัดขาดจากผู้ชายคนนี้ตั้งแต่วันนั้น แล้วหวังว่าตลอดทั้งชีวิตเธอที่เหลืออยู่เธอจะไม่มีวันเจอเขาอีก แต่ทำไมความหวังนั้นจึงไม่เป็นจริง
“พริม”
“อ้าว...พี่พริม”
พริมาหันสายตามามองอีกเสียงหนึ่งที่เดินตามมาสมทบ คนสองคนในโลกที่เธอไม่คิดอยากจะเจออีกกลับปรากฏตรงหน้าเธอแบบแพ็คคู่!!
...นี่มันวันอะไรของเธอนะ!!!...
“พริม..สบายดีใช่ไหม” คำถามของ ‘อดีตคนรัก’ ไม่ได้ทำให้พริมารู้สึกเจ็บอย่างที่เคยเจ็บทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องราวของเขาผ่านคนอื่นอีกแล้ว ทว่าเธอกลับรู้สึกสงบนิ่งและสามารถที่จะมองคนทั้งคู่ได้เต็มสองตา
“สบายดี พัชล่ะ สบายดีไหม แล้วมาทำอะไร” ‘อนพัช’ กำลังจะขยับปากตอบหากถูกอีกคนที่เกาะแขนแจอยู่ข้างๆชิงตอบแทนเสียก่อน
“พี่พัชกับรัมภ์สบายดีค่ะ กำลังจะฉลองแต่งงานพรุ่งนี้ การ์ดเชิญรัมภ์กับพี่พัชฝากพี่พีคไว้ให้ พี่พริมไม่ได้หรือคะ”
พริมาปรายตามอง ‘รัมภ์วรา’ อดีตรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่เธอสนิทมากคนหนึ่ง ขอเน้นย้ำคำว่าอดีต เพราะหลังจากที่รุ่นน้องสาวคนนี้แย่งคนรักเธอไปต่อหน้าต่อตา เธอก็ตัดสายสัมพันธ์นั้นทันที
...จะบอกว่าถูกรัมภ์วราแย่งไปก็ไม่ถูกนัก เพราะอนพัชเองก็มีท่าทีให้ฝ่ายนั้นเหมือนกัน...
“ไม่ได้” พริมาตอบสั้นๆ ห้วนๆ และอาการเหล่านั้นก็ทำให้อนพัชหน้าถอดสีทันที พริมามองอาการนั้นก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างสมเพช ดูจากท่าทางอนพัชคงไม่ได้บอกคนรักว่าตอนที่เลิกกับเธอเขาถูกภีคภัคสั่งไว้ว่าอย่างไร
‘นับจากนี้อย่าได้คิดที่จะโผล่หน้ามาให้พริมเห็น ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกไม่ได้รู้รสของความสุขในชีวิตอีกเลย’
และที่อนพัชกล้าที่จะแจกการ์ดแต่งงานให้ภีคภัคก็คงไม่พ้นถูกคนรักคะยั้นคะยอเป็นแน่แท้ รัมภ์วราเป็นผู้หญิงที่ขี้อ้อน ช่างเอาแต่ใจ พูดจาไพเราะหวานหู แม้จะเอาแต่ใจบ้างในบางเวลาแต่ก็ไม่ค่อยขัดใจใคร ซึ่งตรงข้ามกับเธอทุกอย่าง และเธอเสียอนพัชไปเพราะเหตุผลนั้น
‘พัชว่าเราต่างกันเกินไป บางทีพัชก็อยากให้พริมเอาใจบ้าง ให้พริมอ้อนพัชบ้าง พูดจาหวานๆบ้าง แต่พริมไม่เคยเลย’
คำบอกเลิกที่หาเหตุผลมามากมายของอนพัชทำให้พริมาเห็นตัวตนของผู้ชายที่เธอคบมาสองปีมาจนหมดสิ้น เขาบอกเลิกโดยโยนความผิดทั้งหมดมาที่เธอ ทั้งๆที่เขาต่างหากที่มีคนใหม่ ที่นอกใจเธอก่อน แต่สุดท้ายเขากลับโยนทุกอย่างมาไว้ที่เธอ
“งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ เอาเป็นว่ารัมภ์เชิญนะคะ งานจัดที่รีสอร์ทที่อยู่ถัดจากโรงแรมนี้น่ะค่ะ”
“รัมภ์” อนพัชเรียกชื่อคนรักเชิงปราม หากรัมภ์วราไม่สนใจแถมยังทำหน้าเสียงงอนๆเสียอีกต่างหาก
“ทำไมคะ ทำไมรัมภ์จะเชิญพี่พริมไม่ได้หรือพี่พัชลำบากใจ”
“รัมภ์” อนพัชกดเสียงต่ำ ร้อนถึงพริมาที่เริ่มจะเบื่อสถานการณ์อย่างนี้เต็มทน ถึงหัวใจจะไม่เจ็บแล้วที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วย แต่ถ้าเลือกได้เธอก็ขอที่จะไม่เจอจะดีกว่า ก็ไม่ใช่เพราะอะไร มันก็แค่...รำคาญ
“ฉันจะไปก็แล้วกัน” สรรพนามที่เคยเรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เวลาพูดคุยกับรัมภ์วราในอดีตถูกเปลี่ยนมาเป็น ‘ฉัน’ ในปัจจุบัน
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ไปนะ” ตัดบทและกล่าวลาสั้นๆแค่นั้นก่อนจะสาวเท้าเดินจากไป ที่ตัดสินใจจะไปร่วมงานเพราะอยากจะแสดงให้แม่รัมภ์วราเห็นเสียหน่อยว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับว่าที่สามีของหล่อนแล้ว จะได้เลิกมองเธอด้วยสายตาสงสารเสียที จริงอยู่ที่แต่ก่อนเธออาจจะเสียใจและเสียดายอนพัช ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกเสียดายอนพัชเลยแม้แต่น้อย...ไม่เลย!!
มอคค่าเย็นที่ถูกดื่มไปครึ่งแก้วกับบานาน่ามัฟฟินที่เหลืออยู่ครึ่งชิ้นถูกตั้งอยู่บนโต๊ะเฉยๆโดยเจ้าของไม่ได้แตะต้องมานานพอควรเพราะมัวแต่มองผ่านกระจกออกไปด้านนอกของร้าน จนคนที่นั่งอยู่ด้วยต้องกระแอมขึ้นมาเบาๆ
“คิดเรื่องที่จะไปงานฉลองแต่งงานแฟนเก่าหรือครับ”
“ทำไม...”
“ถึงรู้” วศะช่วยต่อคำถามของพริมาจนครบ
“เห็นหน้าคุณพริมกับหน้าผู้ชายคนนั้นก็รู้แล้วครับ”
“พริมแค่ไม่อยากเจอหน้าสองคนนั่น แต่ที่รับปากไปเพราะรำคาญยัยรัมภ์วรา ชอบมองพริมแบบตัวเองเป็นผู้ชนะแล้วพริมเป็นผู้แพ้ เกลียดชะมัดสายตาอย่างนั้น พริมเลยอยากไปให้รู้ว่าพริมเลิกเสียดายผู้ชายคนนั้นไปนานแล้ว!” พริมาระบายออกมาอย่างเหลืออด
“แล้วคุณพริมกำลังคิดมากเรื่องอะไร”
“ก็...” พริมาเริ่มตอบคำถามของวศะด้วยคำพูดที่ตะกุกตะกัก “ถึงจะลืมได้แล้ว แต่พริมไม่ค่อยมั่นใจว่าจะควบคุมสติไม่ให้หลุดได้หรือเปล่า เรื่องพัชน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่เรื่อง...รัมภ์วรา พริมไม่แน่ใจ” หญิงสาวสารภาพเสียงอ่อย
“งั้นให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม” คำอาสาของวศะส่งผลให้หัวใจที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้วเวลาอยู่ต่อหน้าเขาไหวหวั่น พริมามองชายตรงหน้าเต็มสายตา
...อาสากันแบบนี้ ถ้าพริมจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าคุณวัศคงจะชอบพริมบ้าง จะมาว่าพริมไม่ได้นะ...
“ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยมีผมไปด้วย คุณพริมจะได้มั่นใจว่าตัวเองจะสติไม่หลุดไง”
“แต่ถ้าคุณวัศไปกับพริม อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้” คราวนี้พริมาเริ่มจะลองปฏิบัติการหยั่งเชิงดูบ้าง ไม่รู้ว่าเพราะเจอรัมภ์วราหรืออย่างไรจึงทำให้พริมาฮึดเอาความกล้าออกมาเลียบๆเคียงๆถามความรู้สึกของวศะว่ารู้สึกกับเธอเช่นไร
...ถึงจะกลัวเจ็บเหมือนในอดีต แต่ถ้าไม่ลองทำอะไรเลย เธอก็คงเสียใจเหมือนกัน...
“เข้าใจผิดว่าอะไรล่ะครับ”
“ก็...ประมาณว่า...คุณวัศกับพริม...เป็น เป็น คนรักกัน อะไรประมาณนี้” แม้จะรู้สึกเขินอยู่มาก แต่พริมาก็กลั้นใจพูดออกไปแล้ว ตอนนี้คงได้แต่รอคำตอบจากเขาเท่านั้น
“ก็ลองให้คนอื่นเข้าใจผิดดูก่อนแล้วกันครับ ค่อยว่ากัน” วศะตอบง่ายๆ หากคำตอบที่ง่ายแสนง่ายนั้นมันกลับเป็นคำตอบที่ตีความไปได้ในหลายความหมาย ทั้งชอบ ไม่ชอบ หรืออาจจะเป็น...ไม่สนใจ
...ตอบอย่างนี้แล้วจะให้พริมคิดยังไงล่ะคุณวัศ ร้ายจริงเชียว!...
พริมามองตัวเองภายใต้กระจกบานใหญ่เต็มตัวเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ดีที่เตรียมชุดที่พอจะเข้ากับงานเลี้ยงฉลองชายทะเลมาบ้าง ชุดเดรสเกาะอกผ้าฝ้ายสีขาวเนื้อเบาทิ้งตัวยาวกรอมเท้า รัดด้วยเข้มขัดถักเส้นขนาดไม่ใหญ่มากบริเวณเอว ผมสีดำสนิทที่ถูกปล่อยทิ้งน้ำหนักลงกลางหลัง หากก็มีเปียที่ถูกถักพาดไว้แทนที่คาดผม ดวงหน้าถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางเบาๆเพราะเจ้าตัวอยากเน้นให้ออกมาเป็นธรรมชาติมากกว่า และเมื่อสำรวจความพร้อมของตัวเองเสร็จเรียบร้อย ร่างบางจึงเปิดประตูห้องพร้อมที่จะไปงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของ ‘แฟนเก่า’
ทันทีที่พริมาก้าวออกจากห้อง ประตูของห้องที่อยู่ตรงข้ามก็เปิดเช่นกัน และการปรากฏกายของวศะก็ทำให้เธออึ้งไปชั่วขณะ ก็ใครใช้ให้เขาแต่งตัวเสียดูนี้ขนาดนี้กันเล่า เสื้อยืดตัวในลายขวางสีเทาสลับกับสีดำคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงเข้ารูปสีดำ แถมยังเข้าได้ดีกับหมวกสีน้ำตาลอ่อนคาดแถบดำอีกและนาฬิกาสายหนังเรือนหรูอีกต่างหาก ถ้าชุดเหล่านี้อยู่บนตัวคนอื่นพริมาคงคิดว่าธรรมดา แต่พอมาอยู่บนตัวของผู้ชายตรงหน้าเธอ มันช่างราวกับว่าเธอกำลังควงนายแบบที่หลุดออกมาจากแม็กกาซีน!
“แบบนี้ดูดีพอที่จะควงคุณพริมหรือยังครับ” คำถามของวศะนั้นออกแนวทีเล่นทีจริงแต่ก็ทำให้พริมาเขินได้พอดู
“ค่ะ” พริมาบอกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ วศะที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้เกินไปกว่าคำว่าดีเสียอีก
“เชิญครับ” วศะยื่นแขนออกไปให้พริมาควง
“ขอบคุณค่ะ” คำขอบคุณแสนเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบถูกเอ่ยไปให้วศะ พริมาเอื้อมมือไปแตะท่อนแขนนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะแปรเปลี่ยนมาจับไว้อย่างมั่นคง
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสระหว่างอนพัชและรัมภ์วราถูกจัดขึ้นริมชายหาดโดยที่งานเป็นงานไม่ใหญ่มาก จะมีก็แต่บรรดาเพื่อนสนิทของทั้งบ่าวสาวเท่านั้น และแน่นนอนว่าแทบทุกคนรู้จักเธอ จึงไม่แปลกที่จะมีสายตาหลายคู่มองมายังเธอตั้งแต่ที่เดินเข้ามาเช่นนี้ และประเด็นสำคัญสำหรับเรื่องที่ทำให้แต่ละคนซุบซิบก็คงไม่พ้นชายหนุ่มที่เธอควงมาด้วยวันนี้
พริมาลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่ยอมเป็นคู่ควงให้เธอด้วยใจระทึก เพราะไม่อาจคาดเดาได้ว่าวศะจะรู้สึกอย่างไรที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาและเป้าสนทนาอย่างนี้ บางทีเอาอาจจะกำลังหงุดหงิดและอยากกลับแล้วก็เป็นได้ แต่เปล่าเลย...เพราะใบหน้าคมสันหล่อเหลาของผู้ชายข้างตัวเธอกำลังยิ้ม แถมยังกว้างเสียด้วย
...ยิ้มอะไรของเขานะ...
“มาแล้วหรือคะพี่พริม” เจ้าสาวในชุดแม็กซี่เดรสสีขาวตัวยาวบนดับด้วยมงกุฎดอกไม้บนหัวราวกับเจ้าหญิงเดินเข้ามาทักทายแขกผู้มาใหม่ และแน่นอนว่าหล่อนต้องหนีบเจ้าบ่าวกะมาเย้ยหยันกันเต็มที่
“ของขวัญแต่งงานจ้ะพัช” พริมาบอกเสียงหวาน เลือกที่จะยื่นกล่องของขวัญที่ผู้โบว์ไว้อย่างสวยงามให้กับคนที่เป็นเจ้าบ่าว และการกระทำนั้นก็ทำให้คนที่เป็นเจ้าสาวมองเธอด้วยแววตาที่ไม่พอใจ
...คงกลัวล่ะสินะ เพราะตัวเองก็แย่งของคนอื่นมา ก็เลยกลัวว่าจะถูกแย่งไปอีกที ความรักของเธอนี่มันช่างน่าสงสารจริงๆรัมภ์วรา...
“ขอบคุณนะพริม แล้ว...” อนพัชเลื่อนสายตามามองชายหนุ่มข้างตัวพริมา
“คุณวัศน่ะ วศะ อัครนานนท์” พริมาแนะนำทั้งชื่อจริงและนามสกุลจริงแทนเจ้าตัว ปรายตามองไปยังรัมภ์วรา นิดหนึ่งเพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีท่าทีเช่นไร แล้วก็เป็นอย่างที่พริมาคาด รัมภ์วราตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าใครคือคนที่เธอควงมางานด้วย
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” อนพัชยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร
“เช่นกันครับ” เช่นเดียวกับวศะที่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเหมือนกัน
“คุณวศะคะ รัมภ์ขอยืมตัวพี่พริมหน่อยนะคะ อยากถ่ายรูปคู่ตามประสาสาวๆน่ะค่ะ” จู่ๆรัมภ์วราก็เอ่ยปากขึ้นซึ่งก็สร้างความแปลกใจให้กับทั้งอนพัชและวศะไม่น้อย แต่กับพริมา...เธอไม่แปลกใจเลยที่รัมภ์วราทำอย่างนี้
“คุณพริมว่ายังไงครับ” วศะหันมาถามพริมาเสียงนุ่ม
“งั้นเดี๋ยวพริมมานะคะ”
“ครับ”
พริมาเดินแยกตัวไปกับเจ้าสาวจนถึงมุมหนึ่งของงานที่ผู้คนไม่ค่อยขวักไขว่นักก่อนที่ร่างเล็กบางจะหยุดฝีเท้าลงเมื่อคนที่ชวนเธอออกมาถ่ายรูปคู่ตามประสาสาวๆหยุดฝีเท้าลงเช่นกัน
“มีอะไรจะคุยกับฉันก็ว่ามา” พริมาถามถึงเหตุผลที่แม้จริง รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องถ่ายรูปมันก็เป็นเพียงข้ออ้างของรัมภ์วรา ซึ่งความจริง...เจ้าสาวหมาดๆคงมีเรื่องที่อยากจะพูดกับเธอมากกว่า
“พี่พัชเป็นสามีรัมภ์”
พริมาปรายตามองเจ้าสาวด้วยความรู้สึกที่ว่า...ไม่รู้จะสงสารหรือสมเพชดี และด้วยสายตาอย่างนั้นก็ยิ่งทำให้ความไม่พอใจที่มีอยู่ก่อนแล้วของรัมภ์วรายิ่งโหมกระหน่ำ
“พี่พริมอย่ามามองรัมภ์อย่างนี้นะ” น้ำเสียงนั้นแสดงออกว่าโกรธเกรี้ยวอย่างไม่ปิดบัง แต่พริมากลับไม่กลัวหรือเกรงน้ำเสียงเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เธอสามารถที่จะมองผู้หญิงที่เคยแทงข้างหลังเธอได้เต็มตาเสียที
“ความรักที่อยู่บนความหวาดระแวง มีความสุขมากไหนรัมภ์วรา” คำพูดที่เปรียบเสมือนเข็มทิ่มแทงใจดำทำให้รัมภ์วราเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง เชิดหน้าขึ้นด้วยความทะนงตนว่าหล่อนเคยชนะพริมาเมื่อครั้งอนพัช และครั้งนี้ก็เช่นกันคนอย่างพริมา ผู้หญิงที่ถูกเธอแย่งคนรักไปต่อหน้าต่อตา ผู้หญิงอย่างนั้นไม่มีวันที่จะมายืนอยู่เหนือเธอ
“รัมภ์กับพี่พัชมีความสุขกันดีค่ะ อาจจะดีกว่าตอนที่พี่พัชคบกับพี่พริมด้วยซ้ำ”
พริมาปรายตามองรัมภ์วราด้วยแววตาสมเพช เหนื่อยใจกับผู้หญิงคนนี้มากถึงมากที่สุด อยากจะบอกให้แม่นี่รู้เหลือเกินว่าต่อให้อนพัชซมซานมาคุกเข่าขอคืนดีอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้เธอก็ไม่เอา!
“เลิกพูดจาอย่างนั้นกับฉันได้แล้ว ถึงเธอจะพูดอีกกี่ครั้งฉันก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว ทั้งพัชทั้งเธอ ฉันแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเคยมีตัวตนอยู่ในชีวิตของฉัน” คำพูดแสนจะเผ็ดร้อนของพริมาทำเอาคู่สนทนากำมือแน่นด้วยความโกรธ หากเพียงไม่นานรัมภ์วรากลับเหยียดยิ้มอันเยือกเย็นกลับมาให้
“เพราะพี่พริมมีคุณวศะอยู่แล้วทั้งคนน่ะหรือคะ หาใหม่ทั้งทีหาได้ดีเชียวนะคะ รัมภ์ยังแอบอิจฉาเลย”
“เธอจะพูดอะไร” พริมาเสียงแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อรัมภ์วราเปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่องของวศะ
“คุณวศะ เท่าที่รัมภ์พอรู้ อายุเท่าพี่พัชใช่ไหมคะ พี่พริมนี่ยังชอบผู้ชายที่เด็กกว่าตัวเองเหมือนเดิมเลยนะ” รอยเหยียดยิ้มของรัมภ์วราเยือกเย็นและเฉือดเฉือนกว่าเดิม
“งั้นก็...ระวังจะถูกแย่งไปเหมือนเดิมด้วยนะคะ”
รัมภ์วราเดินจากไปโดยทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้กลางใจพริมา หญิงสาวยิ้มเยาะตัวเองต่อหาดทราย ทะเล และเกลียวคลื่น ทั้งที่มั่นใจหนักหนาว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับอดีตที่อยากลบทิ้ง แต่พอแผลนั้นโดนสะกิด เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บอยู่ดี
...เธอยังลบมันออกไปไม่ได้ทั้งหมดจริงๆพริมา...
คนที่เงียบมาตลอดทางหลังจากกลับจากงานฉลองวิวาห์ของอดีตแฟนเก่ายังคงหันหน้าออกสู่ถนนยามค่ำคืน วศะที่กำลังทำหน้าที่สารถีลอบหันมามองผู้ร่วมเดินทางที่คืนนี้มีสถานะเป็น ‘คู่ควง’ ของเขาเป็นพักๆ ดูจากอาการที่ไม่พูดไม่จาของ พริมาตั้งแต่กลับมาหลังจากแยกตัวไปกับเจ้าสาว วศะก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าพวกเธอคงมีปากเสียงกันและมันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย
“เดินเล่นกันก่อนมั้ยครับ” วศะเอ่ยปากชวนเมื่อถึงที่พักและจัดการจอดรถเรียบร้อย
“ก็ได้ค่ะ” พริมาตอบรับ หลังจากที่รัมภ์วรารื้อฟื้นเรื่องเก่ามาพูด เธอจึงตัดสินใจในบางเรื่องได้ และตอนนี้เธอก็พร้อมที่จะบอกความรู้สึกที่มีอยู่ในใจออกไปให้วศะได้รับรู้ด้วยปากของเธอไม่ใช่ผ่านบทเพลงเมื่ออย่างเมื่อคืนวาน
...จะได้รู้กันไปเลย ไม่ต้องมาคอยสงสัยและซ่อนความรู้สึกอยู่อย่างนี้...
ร่างสองร่างเดินเคียงคู่กันริมชายทะเลยามค่ำคืนเฉกเช่นเดียวกับคืนที่ทั้งเธอและเขานั่งร้องเพลงเล่นดนตรีด้วยกัน ดวงดาวพราวระยับบนท้องฟ้ายังคงงดงามเช่นเดิม ทรายเม็ดละเอียดที่สัมผัสกับฝ่าเท้าเปลือยเปล่าทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปไม่น้อย พริมามองเสี้ยวหน้าของคนข้างตัวนิดหนึ่งก่อนจะหยุดเดิน และเมื่อเธอหยุดคนข้างตัวก็หยุดอยู่ข้างๆเธอ...เช่นกัน
“คุณวัศชอบหรือเกลียดพริม” คำถามของพริมาทำให้วศะหันมามองสบตาเธอนิ่ง
“ชอบสิครับ” และคำตอบของเขาก็ทำให้พริมาแทบหยุดหายใจ
“แบบเพื่อนใช่ไหม” เธอถามต่อ กล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบดวงตาคู่คมสีน้ำตาลเข้ม
“ตอนนี้ไม่ใช่ครับ...มากกว่านั้น”
พริมาเบิกตากว้างกับคำตอบที่ไม่คิดไม่ฝันนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ฝันไป และเมื่อพบว่ารู้สึกเจ็บจึงมั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้คือเรื่องจริง
“หยิกไปแบบนั้น เจ็บมั้ยล่ะครับนั่น” วศะถือวิสาสะแตะรอยแดงบนแก้มใสนั้นเบาๆ และแค่เพียงสัมผัสนั้น พริมารู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆแล่นไปทั่วร่าง
“พริมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
“จะให้ผมช่วยหยิกอีกข้างมั้ยครับ”
พริมาส่งค้อนวงโตให้วศะ หัวใจเต้นแรงราวกับว่ามันจะออกมาเต้นอยู่นอกอก เท้าที่กำลังเหยียบผืนทรายดูเหมือนจะลอยขึ้นมาเหนือผืนทรายเม็ดละเอียด พริมารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นปุยนุ่นที่เบาแสนเบาและกำลังจะล่องลอย
“ชอบพริมจริงๆใช่ไหม” เธอถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ชอบจริงๆครับ ยิ่งได้คุยด้วยก็ยิ่งถูกใจ”
“แต่พริมแก่กว่าคุณวัศนะ”
“อายุสำคัญมากหรือครับเวลาเราจะเปิดใจชอบใคร”
“เพราะพริมไม่อยากเป็นเหมือนเมื่อก่อน ไม่อยากถูกทิ้งอย่างนั้น พริมไม่ได้น่ารัก ไม่ได้ขี้อ้อน ช่างเอาใจ ทำกับข้าวก็ไม่เป็น พูดจาหวานๆเพราะๆก็ไม่เป็น แถมยังแข็งแรงกว่าผู้หญิงทั่วไปอีก ไม่ได้น่าทะนุถนอมหรอกนะ”
วศะระบายยิ้มกับข้อเสียต่างๆนานาที่พริมาพยายามงัดออกมาบอก พอจะเดาได้แล้วว่าในอดีตเธอผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง และเหตุการณ์ที่งานฉลองแต่งงาน พริมาคงถูกย้ำเตือนเรื่องราวในอดีตที่เธอไม่อยากจดจำ
“คนเรามีอดีตกันทั้งนั้นครับ ผมก็มี คุณพริมก็มี ไม่แปลกหรอกที่คุณพริมจะกลัวว่าปัจจุบันจะซ้ำรอยกับอดีต แต่ถ้าคุณพริมไม่ลองที่จะก้าวต่อไป คุณพริมก็จะไม่รู้...จริงไหมครับ”
“แล้วคุณวัศกล้าที่จะก้าวต่อไปไหม”
“ถ้าผมไม่กล้า ผมไม่บอกว่าชอบคุณพริมหรอกครับ ทั้งๆที่แต่ก่อนผมเคยคิดว่าหัวใจของผมจะไม่มีใครนอกจากเกด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว” วศะจ้องมองเข้าไปในดวงตาเรียวเล็กนิ่ง ต้องการให้เธอรู้จริงๆว่าทุกคำที่พูดออกไปล้วนมาจากหัวใจ
“ความจริงพริมกลัว...แต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้พริมติดอยู่แต่กับอดีตจนไม่กล้าพอที่จะก้าวไปข้างหน้า”
วศะยิ้มกับคำตอบของผู้หญิงตรงหน้า พริมาซื่อตรงกับความรู้สึกของตนเองเสมอและเธอก็เด็ดเดี่ยวพอที่จะทำตามเสียงเรียกของหัวใจ
“แล้วคุณพริมพร้อมจะก้าวไปพร้อมกับผมไหม”
“แล้วคุณวัศจะจับมือพริมไว้ตลอดหรือเปล่า”
“ก็ลองวางมือมาก่อนสิครับ” วศะมือยื่นไปข้างหน้าพริมา หญิงสาวมองคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มอันแสนละมุนให้กับเธอก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปวางไว้บนมือของเขา
“สัญญาครับว่าจะจับมือมือนี้ตลอดไป” กระแสน้ำเสียงอบอุ่นของวศะทำให้พริมาน้ำตาคลอ ร่างเล็กบางโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่ไว้แน่น
“คุณวัศ”
“ครับ”
“ในอนาคตคำว่า ‘ชอบ’ จะเปลี่ยนเป็นคำว่า ‘รัก’ ไหม”
“แล้วคุณพริมคิดว่ายังไงล่ะครับ”
“เปลี่ยน” พริมาบอกเบาๆ ใบหน้ายังคงซุกในอ้อมอกกว้าง
“ถ้าคุณพริมมั่นใจว่าเปลี่ยนมันก็จะเปลี่ยนครับ”
“พริมรักคุณวัศจัง”
คนโดนบอกรักหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อได้ยินคำบอกรักจากสาวร่างเล็กก่อนจะโอบกอดร่างบางไว้แน่น ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าพริมาเข้ามามีบทบาทต่อหัวใจอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หัวใจที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใครได้อีกนอกจากเกศหทัยค่อยๆแปรเปลี่ยนไปทีละนิด พริมาทำให้ชีวิตเขาแต่งเติมไปด้วยรอยยิ้มและความสุข เธอทำให้เขาแปลกใจได้ทุกครั้งที่เจอ เป็นผู้หญิงที่สร้างสีสันแก่ชีวิตไม่น้อย และวศะเองก็ชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ...ชอบมากขึ้นทุกวัน
“คุณพริมนี่น่ารักจัง” วศะกระซิบคำหวานข้างหูคนที่ตัวเล็กกว่า แต่นั่นทำให้พริมาดันตัวออกจากร่างสูงเมื่อรู้สึกถึงสัญญาณอันตรายแต่วศะก็ยอมเพียงแค่ให้ร่างเล็กบางออกห่างหากไม่ยอมคลายอ้อมกอด
“พริมไม่ได้น่ารักสักหน่อย”
“ใครว่า...ตอนนี้คุณพริมน่ารักจะตายไป” วศะบอกพร้อมกับกดจมูกบนแก้มนวลอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นพริมาไม่ได้ระวังตัว
“ยิ่งตอนเขินยิ่งน่ารัก” ชายหนุ่มแกล้งกระเซ้าแล้วก็ได้รับกำปั้นเล็กๆตีกลับตามที่คาดไว้
“คุณวัศบ้า” พริมาว่าเบาๆ ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้างที่แสนอบอุ่น
...สงสัยกลับไปกรุงเทพฯคราวนี้บรรดาคนวางแผนการรักครั้งนี้จะพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้เป็นแน่...
วศะกระชับอ้อมกอด ไม่เคยคิดว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ ทว่านี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเส้นทางความรักของเขาและ พริมาเท่านั้น อนาคตข้างหน้ายังมีอีกหลายปัญหาและอุปสรรคให้ทั้งเขาและเธอร่วมกันฝ่าฟัน หากวศะก็มั่นใจว่าทุกอย่างต้องลงเอยด้วยดี เพราะเขาสัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะจับมือคู่นี้ไว้ตลอดไป และพริมาก็อุตส่าห์วางหัวใจของเธอไว้ที่เขาแล้ว เขาก็คงที่จะต้องให้หัวใจและคำว่า ‘รัก’ เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกลับไปเช่นกัน
-------------------------จบตอนพิเศษ (ต้นทางใจ...สุดสายรัก)-----------------------------------------
น่ารักไหมคะ ปอแก้วแอบชอบคู่นี้นะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อิอิ :)
แอบชอบคำพูดตอนนึงของพริมที่บอกว่าตัวเองแข็งแรงกว่าผู้หญิงทั่วไปไม่ได้น่าทะนุถนอม ฮ่าๆ เขียนเองยังแอบขำเองเลยค่ะ ^^
ต่อไปเป็นตอนพิเศษระหว่างคุณพีคกับหนูเกดนะคะ ปิดท้ายๆ หลายคนอยากอ่านเลยจัดให้ค่ะ คิๆๆ
ชื่อตอนว่า "สุดทางใจ...ของสองเรา"
อย่าลืมติดตามนะจ๊ะ :)
ตอบเมนท์จ้า...
tutas : ขอบคุณนะคะ รับรองว่าไม่ทิ้งกันไปนานแน่ค่ะ :)
็ำHeronett : ปอแก้วก็อิจฉา ความจริงชอบคุณวัศมากกว่าคุณพีคอีกค่ะ อิอิ
anOO : พริมกล้าพอที่จะกระโดดใส่อ้อมแขนคุณวัศแล้วจ้า...
violette : กินเด็กจริงๆด้วย >< เห็นด้วยว่าคุณวัศนี่ดีสุดยอดไปเลยค่ะ เรื่องเชสกำลังคุยกับเพื่อนอยู่นะคะ ส่วนพี่กัณฐ์...รอกันยาวๆหน่อยเนอะ ^^"
nunoi : เป็นผู้ชายที่อบอุ่น น่ารัก นิสัยดี มากกกกกกกกก เลยล่ะค่ะ อิจฉาพริมเหมือนกัน ><
WallyValent : อยากได้เหมือนกัน แต่สงสัยจะหายากหน่อยนะ ฮ่าๆ
KipkeLucifer : อิจฉาเหมือนกันเลยค่าาาาาาาาา

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ย. 2554, 11:49:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ย. 2554, 12:23:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 3690
<< ตอนพิเศษ : ต้นทางใจ...สุดสายรัก (ครึ่งแรก : ต้นทางใจ) | ตอนพิเศษ : สุดทางใจ...ของสองเรา >> |

ปอยอะนะ 23 พ.ย. 2554, 12:14:52 น.
รอตอนต่อไปคะ
รอตอนต่อไปคะ

Heronett 23 พ.ย. 2554, 12:44:41 น.
คุณวัศอบอุ่นจังเลยย ทำไมนิยายเรื่องนี้มีแต่ผู้ชายน่ากิน อุ๊บ น่ารัก อบอุ่น อ๊ายย รอตอนคุณพีคค่ะ อย่าให้น้อยหน้าคุณวัศนะ
คุณวัศอบอุ่นจังเลยย ทำไมนิยายเรื่องนี้มีแต่ผู้ชายน่ากิน อุ๊บ น่ารัก อบอุ่น อ๊ายย รอตอนคุณพีคค่ะ อย่าให้น้อยหน้าคุณวัศนะ

Siang 23 พ.ย. 2554, 13:06:51 น.
ชอบคู่นี้เหมือนกันค่ะ น่ารัก อย่างคุณวัศนี่ คงเหมาะกับคำว่าผู้ชายดีๆมีแต่ในนิยาย 555
ชอบคู่นี้เหมือนกันค่ะ น่ารัก อย่างคุณวัศนี่ คงเหมาะกับคำว่าผู้ชายดีๆมีแต่ในนิยาย 555


KipkeLucifer 23 พ.ย. 2554, 13:21:28 น.
น่ารักมากค่ะ ชอบคู่นี้ ด้วยเหมือนกัน ค่ะ แต่ว่าจริงๆๆ ก็ชอบทั้งเรื่องอะนะค่ะ
น่ารักมากค่ะ ชอบคู่นี้ ด้วยเหมือนกัน ค่ะ แต่ว่าจริงๆๆ ก็ชอบทั้งเรื่องอะนะค่ะ

silverraindrop 23 พ.ย. 2554, 14:10:22 น.
คู่นี้ก็น่ารัก น่าหยิก จะมีมาลงอีกสักตอน 2 ตอนไหมคะ
คู่นี้ก็น่ารัก น่าหยิก จะมีมาลงอีกสักตอน 2 ตอนไหมคะ

nunoi 23 พ.ย. 2554, 14:24:46 น.
ชอบคู่นี้เหมือนกันค่ะ แต่ที่จริง ก็ชอบทุกคู่น่ะ ผู้ชายในเรื่องนี้เป็นผู้ชายในฝันของสาวๆ ทุกคนเลย อิจฉาอีกแล้ว
ชอบคู่นี้เหมือนกันค่ะ แต่ที่จริง ก็ชอบทุกคู่น่ะ ผู้ชายในเรื่องนี้เป็นผู้ชายในฝันของสาวๆ ทุกคนเลย อิจฉาอีกแล้ว

ryoku 23 พ.ย. 2554, 14:32:19 น.
โอ้โห อยากจะกดไลค์คำว่าผู้ชายดีๆมีแต่ในนิยายของSiang
แต่ความจริงผู้ชายดีๆ+หน้าตาดีๆรวมกันมีอยู่นะในความจริงแต่มันไม่มีเหลือมาถึงคนโสดแบบเรา :P
จะรออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจอ ><"~
โอ้โห อยากจะกดไลค์คำว่าผู้ชายดีๆมีแต่ในนิยายของSiang
แต่ความจริงผู้ชายดีๆ+หน้าตาดีๆรวมกันมีอยู่นะในความจริงแต่มันไม่มีเหลือมาถึงคนโสดแบบเรา :P
จะรออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจอ ><"~


WallyValent 23 พ.ย. 2554, 16:23:34 น.
กด Like คอมเมนต์เกด แต่ผู้ชายเลวๆ หน้าตาเชี้ยๆ ที่มีอยู่ในชีวิตจริง เราก็อยากจะให้มันกลับไปอยู่ในนิยายสักเล่มเหมือนกันนะ 555+ (นอกเรื่อง xD)
กด Like คอมเมนต์เกด แต่ผู้ชายเลวๆ หน้าตาเชี้ยๆ ที่มีอยู่ในชีวิตจริง เราก็อยากจะให้มันกลับไปอยู่ในนิยายสักเล่มเหมือนกันนะ 555+ (นอกเรื่อง xD)

Amata 23 พ.ย. 2554, 16:46:26 น.
ตามอ่านจนทัน สนุกมากค่ะ เป็นกำลังใจให้เช่นกันนะคะ :)
ตามอ่านจนทัน สนุกมากค่ะ เป็นกำลังใจให้เช่นกันนะคะ :)

nitayab 23 พ.ย. 2554, 21:07:30 น.
เพิ่งมาอ่านค่ะ คู่นี้น่ารักมากเลย ไร้ท์เตอร์ขาขออีกตอนสำหรับคู่นี้ได้เปล่า ชอบมากค่ะ
เพิ่งมาอ่านค่ะ คู่นี้น่ารักมากเลย ไร้ท์เตอร์ขาขออีกตอนสำหรับคู่นี้ได้เปล่า ชอบมากค่ะ

ryoku 24 พ.ย. 2554, 15:19:39 น.
ฮ่าๆๆ คอมเมนต์ช่านี่อยากบอกว่าเอาผู้ชายแบบนั้นเข้านิยายไปมากๆแล้วมันจะน่าอ่านหรอท่าน - -a
ปอลิง.จะบอกว่าคุณพีคนี่ท่าทางจะรับสายเลือดของคุณพ่อและคุณพ่อภรรยามาเต็มที่เลยนะ ขนาดยังไม่มีลูกเป็นของตัวเองจับคู่ให้เพื่อนก่อนยังได้ ฮ่าๆๆ
ฮ่าๆๆ คอมเมนต์ช่านี่อยากบอกว่าเอาผู้ชายแบบนั้นเข้านิยายไปมากๆแล้วมันจะน่าอ่านหรอท่าน - -a
ปอลิง.จะบอกว่าคุณพีคนี่ท่าทางจะรับสายเลือดของคุณพ่อและคุณพ่อภรรยามาเต็มที่เลยนะ ขนาดยังไม่มีลูกเป็นของตัวเองจับคู่ให้เพื่อนก่อนยังได้ ฮ่าๆๆ

violette 25 พ.ย. 2554, 03:15:20 น.
อั๊ยยยยยยย คุณวัศน่ารักไปมั้ยคะเนี่ย โอ่ยยยย
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก
คุณปอแก้วน่ารักที่สุดเลยค่ะจัดตอนพิเศษต่อให้อีก
รออ่านทุกเรื่องค่าน่ารักยิ้มแก้มแตกจริงๆ
อั๊ยยยยยยย คุณวัศน่ารักไปมั้ยคะเนี่ย โอ่ยยยย
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก
คุณปอแก้วน่ารักที่สุดเลยค่ะจัดตอนพิเศษต่อให้อีก
รออ่านทุกเรื่องค่าน่ารักยิ้มแก้มแตกจริงๆ

ปาการัง 25 พ.ย. 2554, 17:50:25 น.
จะเป็นกำลังใจใหนะคะ...ปอแก้ว...
จะติดตามทุกตอนเลย ^^"
ปอแก้วสู้ๆ ปอแก้วสู้ๆ ปอแก้วสู้ๆ
จะเป็นกำลังใจใหนะคะ...ปอแก้ว...
จะติดตามทุกตอนเลย ^^"
ปอแก้วสู้ๆ ปอแก้วสู้ๆ ปอแก้วสู้ๆ