รักสุดท้าย...ที่ปลายดาว
เพราะความเข้าใจผิดในสัมพันธภาพระหว่างสาวสวย ปากจัด กัดเจ็บ อย่าง “ปลายดาว” กับ เพื่อนหนุ่มคาสโนว่า ทำให้เธอต้องตกเป็นจำเลยในสายตาของ “เตชิต” วิศวกรหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า) ปากจัด ซ้ำยังกัดเจ็บยิ่งกว่า ผลที่ตามมาก็คือการปะทะคารมกันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกทีที่ประจันหน้า....เรื่องจะยอมเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองอีกฝ่ายน่ะรึ...ไม่มีทางซะหร้อกกกก

แต่เรื่องวุ่นๆชุลมุนหัวใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อสนามรบทำท่าจะเปลี่ยนเป็นสนามรัก(ตามสูตรนิยายคลาสสิค^^) ท่ามกลางความอึดอัดขัดใจของเพื่อนหนุ่มคาสโนว่าที่ยุยงส่งเสริมมาแต่ทีแรก แต่ดันเกิดอาการ “หวงของ” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้ก็เลยมี “ก้าง” ชิ้นใหญ่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

วิศวกรหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหนทาง “สุดท้ายที่ปลายดาว” ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเรื่องรัก(ลึกลับ)ในอดีตโผล่ขึ้นมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก...

งานนี้เห็นทีต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ!

Tags: กุ๊กกิ๊ก โรแมนติค ปลายดาว เตชิต

ตอน: ตอนที่ 11 << การมาของ "ก้าง" ชิ้นใหญ่ >>

11.

เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดอยู่แนวรั้วในอีกไม่ถึงอึดใจต่อมา ทำให้ปลายดาวตื่นจากภวังค์ และยิ่งตระหนกตกตื่นมากขึ้นเมื่อเห็นวรนนท์ก้าวลงมาจากแท็กซี่อย่างรีบร้อน ด้านหลังเขามีกระเป๋าเป้สะพายใบเขื่องคล้องอยู่อย่างคนที่พร้อมจะเดินทางไกลได้ทุกเมื่อ

“ไปไหนมา! ฉันให้แท็กซี่วนรถมาตั้งหลายรอบ ไม่เห็นใครสักคน”

เขาถามมะนาวไม่มีน้ำ ผิดไปจากทุกครั้งที่เคยเจอ แต่กระนั้นปลายดาวก็ไม่ถือสา คนสภาพหัวใจไม่ปกติก็ยังงี้

“ไปไหว้พระที่ฉะเชิงเทรา แต่ก็กลับมาได้ซักพักแล้วนะ เธอแหละ...วนไปถึงไหนมายะ”

“ฉะเชิงเทราเชียวรึ ไหน...ไปกับใคร”

“ก็มีคุณยาย แม่ฉัน พี่เดือน แล้วก็ฉัน...อ้อ! คุณเต้ด้วยอีกคน เขาอาสาขับรถให้”

“คุณเต้ด้วยงั้นเหรอ!” นายหนอนทำสุ้มเสียงและสีหน้าประหลาดใจ “เขาไปทำไม ไม่เห็นสนิทกับใครสักคน”

“แล้วเธอมีปัญหาอะไร ฉันถามหน่อย” หญิงสาวเท้าสะเอวอย่างขวางๆ “ว่าแต่เธอเถอะ เหาะมาหาฉันกลางดึกแบบนี้มีอะไรอีก เคลียร์กับแม่เรียบร้อยแล้วเหรอ”

“ก็ไม่เชิง” เขายักไหล่ แต่ใบหน้ายังบอกบุญไม่รับ

“ไม่รู้ล่ะ เรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยวนะ ฉันไม่อยากเดือดร้อนด้วย เธอตกลงกับแม่เธอดีๆล่ะ ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงแม่กับยายฉันล่ะก็ คราวนี้ฉันตายแน่ แล้วนี่...แม่เธอรู้หรือเปล่าว่ามานี่น่ะ เดี๋ยวฉันก็โดนฉีกอกเข้าให้อีกหรอก”

ปลายดาวส่งค้อนให้จอมวางแผนอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะผละจากเขามาแค่ตรงนั้น วรนนท์สาวเท้าเดินตามแล้วรั้งข้อศอกเธอไว้

“ฉันทะเลาะกับแม่” คราวนี้เขายอมรับหน้าตาเศร้าสร้อย “โดนยึดหมดทั้งรถ ทั้งคอนโด แถมบัตรเครดิต ขอมาอยู่ด้วยสักวันสองวันนะดาว”

“เฮ้ย!”

คราวนี้หญิงสาวอุทานออกมาอย่างตกใจ หายง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง เธอบอกไม่ถูกว่าตกใจเรื่องไหนมากกว่ากัน ระหว่างการที่เขาทะเลาะกับแม่แล้วโดนยึดทรัพย์สิน กับการที่เขาจะมาขออ้างแรมที่นี่อย่างดูเป็นเรื่องเป็นราว

“มาอยู่ที่นี่เนี่ยนะ!”

“เธอมีปัญหาเรอะ” เขาเอียงคอมอง เหมือนเธอเป็นคนเจ้าปัญหาเองซะงั้น

“มันก็ไม่เชิง...คือมัน...”

“ทำไมนักหนา...ปกติฉันก็มานอนที่นี่ออกบ่อย”

“แต่มันไม่เหมือนกัน”

“เออน่า...เดี๋ยวพอแม่ฉันหายโกรธฉันก็กลับไปเองแหละ เธออย่ามีปัญหามากได้มั้ย”

“ฉันไม่ได้มีปัญหา แต่ฉันไม่อยากให้เธอมีปัญหากับแม่ต่างหากล่ะฉันกลัวว่าเธอนั่นแหละจะเดือดร้อน”

หญิงสาวตวัดเสียงตอบ แม้ว่าความแตกต่างระหว่างเขากับเธอจะเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงสำหรับคุณหญิงดวงใจ แต่ไม่ว่ายังไงความผูกพันระหว่างเธอและเขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยน

ปลายดาวเดินหนีไปอีกทางอย่างพยายามจะตัดบท แต่วรนนท์คว้ามือเธอมาถือไว้ได้อีกตามเคย เขาสบตาเพื่อนสาวด้วยแววตาที่พยายามจะลึกซึ้ง

“เรา...เรา...ฉันว่าเราคบกันจริงๆดีมั้ยดาว ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อีกหน่อยพอเรามีลูก แม่ฉันก็คงเลิกวุ่นวายไปเอง”

“หกล้มหัวฟาดมาเรอะ!” ปลายดาวหันมาเอามืออังหน้าผากเพื่อนหนุ่มอย่างนึกขัน “หรือเมายาดอง...หรือโดนแม่เธอทุบกะโหลกมากันแน่ยะ”

“ฉันพูดเรื่องจริง นะ...ฉันสัญญาว่าจะดีกับเธอให้มากกว่าเดิม จะรักเธอคนเดียว...จะรักให้มากที่สุดเลย”

“หนอน...”

“ฉันทบทวนมาตั้งหลายวันแล้ว...ฉันคิดว่าฉันชอบเธอจริงๆนะดาว ชอบมาตั้งนานแล้วด้วย”

“อีบ้า! เราเป็นเพื่อนกันนะ โดนแม่ด่ามาทีเดียว ถึงกับฟั่นเฟือนเลยเหรอแก”

“ฉันพูดความจริง” เขาสบตาเธอแน่วแน่ อย่างพยายามจะยืนยันคำพูด “ถึงเธอจะสวยน้อยกว่าบรรดาผู้หญิงของฉัน แต่ฉันก็รู้สึกดีทุกครั้ง มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับเธอ แต่รู้ว่าถ้าพูดไปเธออาจจะโกรธ อาจจะเกลียดฉันไปเลยก็ได้ เธอไม่สังเกตเหรอว่าทุกครั้งที่ฉันมีแฟน ไม่ว่าจะกี่คนต่อกี่คนสุดท้ายแล้วฉันก็ไปไหนไม่ถูก ต้องกลับมาตายรังที่เธอทุกที”

ปลายดาวย่นคิ้วแถมเบ้ปาก...นี่เธอควรจะดีใจดีไหมเนี่ย...

หญิงสาวรู้ว่าเพื่อนรักคงว้าวุ่นใจอยู่ไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เธออยากดึงเขาเข้ามากอดแล้วปลุกปลอบให้เขาหายกังวลใจ แต่เสียงกุกกักที่ดังขึ้นจากข้างหลังก็แยกเธอกับวรนนท์ให้ออกจากกันได้สำเร็จ นั่นเองที่ทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอกอย่างตกใจ เธอลืมไปเสียสนิทใจเลยว่านอกจากวรนนท์แล้ว ในบ้านน้อยหลังนี้ก็ยังมีชายหนุ่มรูปงามที่เป็นแขกอยู่ด้านในอีกคน

นายหนอนเซไปก้าวหนึ่งอย่างตกใจ กระนั้นเขาก็ปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติได้ในเวลาอันรวดเร็ว สายตาเขามีแววจับจ้องเมื่อเห็นคุณเตชิตถือถาดเครื่องดื่มร้อนๆสองแก้วมาวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ถัดจากทั้งคู่ไม่ไกลนัก ปลายดาวเผลอกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกอย่างลืมตัว ในขณะที่คุณเตชิตยังคงเก็บอาการไว้ได้ภายใต้ท่าทีสุขุมนุ่มลึก ปลายดาวไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินทั้งหมดที่เธอพูดกับนายหนอนเมื่อครู่หรือไม่

“คุณเตชิต...คุณ...มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

นายหนอนถามอย่างตื่นตระหนก แววตาร้อนรนจนใครก็รู้สึกได้

“มาได้สักพักหนึ่งแล้วฮะ” คุณเตชิตตอบยิ้มๆ “เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นแวะไปที่ร้านเลย เห็นฝนบ่นถึงอยู่นะ”

“ผม...ผมไม่ค่อยว่าง”

นายหนอนพูดได้แค่นั้นก็ทรุดตัวลงบนม้านั่ง นัยน์ตาหลุบต่ำเหมือนเด็กที่ทำความผิดแล้วถูกจับได้ แต่แล้วเพียงไม่นาน สายตาที่สังเกตได้ถึงความสนิทสนมระหว่างคนทั้งคู่ก็ทำให้เขาขยับนั่งตัวตรง แววตาครุ่นคิดจริงจัง

“ผมจะมาอยู่ที่นี่สักพัก...อาจจะพักใหญ่ๆหน่อย ถ้าคุณต้องมาที่นี่บ่อยๆเจอผมก็อย่าตกใจละกัน”

วรนนท์บอกเรียบๆสบตากับคุณเตชิตตรงๆอย่างท้าทายโดยไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ปลายดาวเลิกคิ้วส่วนคุณเตชิตได้แต่อมยิ้ม สายตาที่มองมายังหนุ่มน้อยผู้อ่อนวัยกว่าไม่ต่างอะไรกับแววตาของผู้ใหญ่ที่มองมายังเด็กดื้อ

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ คุณเป็นเพื่อนกัน ผมเข้าใจ”

“แต่ผม...” นายหนอนอึกอัก “อาจจะอยู่นาน...หรือตลอดไปเลยก็ได้”

“ถามฉันหรือยัง”

ปลายดาวขัดขึ้นหมายจะปรามเพื่อนหนุ่มไปด้วยในที นายหนอนหลุบตามองพื้นวูบหนึ่ง นัยน์ตามีแวววูบไหวเจ็บปวด คุณเตชิตเป็นคนแก้ไขสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยการยกชาขึ้นจิบ แล้วขอตัวกลับเสียตั้งแต่ตอนนั้น

“ดึกแล้ว ผมกลับก่อนดีกว่า คุณสองคนจะได้พักผ่อน” เขาพูดยิ้มๆด้วยมาดของผู้ใหญ่ใจดี “ดาว เร็วๆนี้อาจจะมีคนที่บริษัทผมติดต่อไปที่คุณนะ เขาอาจจะต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องใบรับรองคุณภาพผ้าม่าน”

“ได้ค่ะ แต่ถ้าฉันไม่อยู่ จะฝากเรื่องไว้กับต้นอ้อแทนละกัน ปลายๆสัปดาห์ฉันต้องไปเซี่ยงไฮ้กับคุณลักษณ์...ฉันยังไม่ได้บอกคุณเหรอคะ”

เขาส่ายหน้า แต่ไม่มีทีท่าว่าแปลกใจ จนปลายดาวแอบผิดหวังอยู่นิดๆที่เขาไม่ยักกะแสดงอาการว่าใจหายออกมาอย่างที่เธอคาดว่าจะเป็น...อาลัยอาวรณ์กันบ้าง ไรบ้างก็ได้ย่ะ!

“แล้วงานเปิดตัวโรงแรมที่หัวหินล่ะ คุณจะกลับมาทันหรือเปล่า”

“ทันค่ะ แต่ฉันไม่แน่ใจว่ายังจะต้องไปอยู่หรือเปล่า ถ้าคุณลักษณ์ว่างพอจะไปได้ ฉันก็อาจไม่ต้อง”

เขาพยักหน้ารับทราบ บ่งบอกว่าไม่ติดใจอะไรอีก ก่อนจะขอตัวกลับแล้วเดินไหล่ตั้งตัวตรงออกไปจากห้องนั้นอย่างเงียบๆ ครั้นพอลับหลังชายหนุ่มเธอก็เตรียมสำเร็จโทษเพื่อนหนุ่มทันที ทว่ายังไม่ทันเปิดฉาก วรนนท์ก็โพล่งออกมาก่อนด้วยความปากไวตามนิสัย

“ใครจะไปหัวหิน!”

เขาไม่สนใจเรื่องไปเซี่ยงไฮ้ แต่ข้ามช็อตไปถามเรื่องหัวหินหน้าตาเฉย

“ฉันเองแหละ ถ้าเจ๊ลักษณ์ให้ไปแทน เธอมีอะไรหรือเปล่า”

“แล้วคุณเตชิตมาเกี่ยวอะไรด้วยอีก”

“ฉันก็ไปงานของฉัน ส่วนเขาก็ไปงานของเขา โรงแรมที่ว่านั่นเป็นผลงานของบริษัทเขาก็แค่นั้นเอง”

“บังเอิญเกิ๊นนน...งั้นฉันไปด้วย”

“จะบ้าเหรอ! ฉันไปทำงานนะไม่ได้ไปเที่ยว” เธอพูดเกือบเป็นตวาดแล้วสบตาเพื่อนหนุ่มจริงจัง “ฉันว่าเธอเป็นเอามากนะ”

“หัวหินโรแมนติกจะตาย รายไหนรายนั้น ฉันไม่เคยเห็นรอด”

“นั่นมันเธอ!”

“ใครก็เหมือนกันนั่นแหละ ฉันก็แค่เป็นห่วง พูดตรงๆไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไหร่”

ปลายดาวถอนใจ...อยากจะบอกว่าเธอไม่ใช่เด็กๆ แล้วคนที่ไม่น่าไว้ใจน่ะก็ควรจะเป็นเธอมากกว่า ไม่ใช่เขา ทว่าในเวลานี้เธอก็นึกคร้านจะพูดออกมาเสียอย่างนั้น...

“อย่ามาสนใจเรื่องฉันเลย คุยเรื่องเธอดีกว่า ท่าทางแบบนี้ ฉันเดาว่าเธอเลิกกับคุณฝนอีกแล้วสิ ใช่มั้ย...เธอนี่มันจริงๆ”

ปลายดาวเปลี่ยนเรื่องมาถามคำถามคาใจ วรนนท์ถอนหายใจพรืดแล้วทำท่าจะเดินหนีไปเสียดื้อๆ หากหญิงสาวก็รั้งข้อศอกเขาไว้ได้ทัน

“บอกความจริงฉันมา...”

“เปล่า ไม่มีอะไร”

“อย่ามาสะตอ คนอย่างเธออ้าปากฉันก็เห็นลิ้นไก่ ทิ้งเขาอีกแล้วสิ”

“ก็บอกว่าเปล่า”

“ฉันไม่เชื่อ นิสัยแบบเธอ ไปหลอกให้เขารักแล้วก็จากมาอีกแล้วใช่มั้ย”

“ไม่รู้อะไรก็เงียบไปเหอะน่ะ”

“ก็บอกมาเสียทีสิ ฉันจะได้ไม่ต้องเซ้าซี้เธออีก เสียเวลาทำมาหากินฉันน่ะ”

ชายหนุ่มมองหน้าเธออย่างใช้ความคิด ดูออกว่าแม้ไม่อยากพูดถึง แต่เขาก็ไม่อาจปิดเธอได้ตลอดรอดฝั่ง

“มันจบแล้วดาว...ฉันไม่อยากพูดถึงอีก”

“หมายความว่าไง ฉันไม่เข้าใจ”

“โง่จริง! จบก็แปลว่าจบน่ะสิ...มันจบ It’s over! เข้าใจ๋?”

“จริงเด่ะ? คิดไปเองหรือเปล่า”

“ใครจะคิดไปเอง เรื่องแบบนี้”

“ทำไมล่ะ เขามีคนอื่นเหรอ”

“เขาจะมีใครหรือไม่มี ฉันไม่รู้ แต่สรุปว่าเขาปฏิเสธฉัน...ฉันแห้ว...เธอพอใจหรือยัง”

“โธ่....”

ปลายดาวอุทานออกมาอย่างผิดคาด แม้หน้าตาของเพื่อนรักจะไม่ได้มีทีท่าละห้อยหาอาลัยอาวรณ์มากนัก แต่เธอก็อดสงสารเขาไม่ได้ตามประสาเพื่อนที่เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออก การถูกปฏิเสธและอกหักเป็นครั้งแรกในชีวิตคงเป็นความรู้สึกใหม่ที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน (เพราะมัวแต่ทำคนอื่น) เพื่อนรักอาจปฏิบัติตัวไม่ถูก เป็นหน้าที่เธอที่ต้องปฐมพยาบาล

แม้จะแอบหมั่นไส้อยู่บ้าง แต่หญิงสาวก็รั้งศีรษะเขามาซบบ่าเหมือนตอนที่พ่อชอบทำเวลาปลอบให้เธอหยุดร้องไห้ เลยไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายก็แอบโอบรอบเอวเธอไว้อย่างสมความตั้งใจเหมือนกัน


สองสามวันของวรนนท์ก็กลายมาเป็นเกือบสัปดาห์ในที่สุด แม้ว่าเขาจะพยายามทำตัวกินง่ายอยู่ง่ายอย่างไม่สร้างความลำบากใจให้กับเจ้าของบ้านมากนัก แต่สายตาที่พยายามจะใกล้ชิดเธอให้มากที่สุดตลอดยี่สิบสี่นั้นก็สร้างความหมั่นไส้ให้กับปลายดาวไม่ใช่น้อย ครั้นยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ...ปลายดาวก็เลยจำต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียบ้าง

ปลายดาวเกือบลืมเรื่องของคุณหญิงดวงใจไปแล้ว และก็ดูเหมือนว่าวรนนท์เองก็พร้อมใจที่จะไม่นึกถึง นั่นก็เพราะว่าเขาคงรู้จักฤทธิ์เดชมารดาของตัวเองเป็นอย่างดี การที่นายหนอนออกตัวแรงออกมาปฏิเสธการคลุมถุงชนในครั้งนี้คงทำให้หล่อนโกรธจนควันออกหูอันเนื่องมาจากการต่อยอดทางธุรกิจที่ไม่อาจประสบผลสำเร็จไปได้ตามที่ทั้งสองครอบครัวคาดหวัง แต่จะลุกลามไปถึงขั้นไหนนั้นก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องภายในครอบครัวที่นายหนอนจะต้องจัดการเอง งานนี้เธอไม่ขอเอี่ยว

แต่บ้านน้อยคอยรักของปลายดาวก็มีอันได้ต้อนรับคุณหญิงดวงใจจนได้ในค่ำวันหนึ่ง หลังจากที่เธอและนายหนอนลงจากแท็กซี่และเตรียมตัวจะเข้าบ้าน รถยุโรปคันงามของคุณหญิงก็แล่นเข้ามาจอดเทียบหน้ารั้วก่อนที่คุณหญิงดวงใจจะก้าวลงมาจากประตูทางด้านหลังคนขับ หล่อนยังคงตัวแต่งงดงามสมวัย และยังคงไว้ซึ่งยศศักดิ์เหมือนเดิม

“แม่นึกแล้วว่าลูกต้องมาอยู่ที่นี่”

หล่อนบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แม้ในแววตาจะไม่เกรี้ยวกราดเหมือนครั้งก่อน แต่ก็ยังห่างจากคำว่าปลาบปลื้มดีใจอยู่ดี หล่อนยกมือขึ้นรับไหว้ปลายดาวแค่เพียงตรงหน้าอก หากแววตานั้นมองข้ามศีรษะเธอไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

“ผมก็นึกแล้วว่าคุณแม่ต้องมา”

วรนนท์ยอกย้อนด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่ต่างกัน ซ้ำยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะประหลาดใจต่อการมาเยือน เขาเชิญมารดาเข้าบ้านราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง แม้ว่าปลายดาวจะขอตัวออกมารอด้านนอกเพื่อปล่อยให้แม่ลูกเขาได้ชำระความกันตามสะดวก หากวรนนท์ฉุดชายเสื้อเธอไว้ได้

“เธออยู่นี่ ไม่ต้องไป...คุณแม่อยากพูดอะไรก็พูดมาได้เลยครับ ผมไม่มีความลับกับดาว”

เขาบอกเสียงเรียบดูทรงอำนาจจนน่าหมั่นไส้ พร้อมนั่งหลังตรงท่าทีปั้นปึ่งไม่เหมือนแม่ลูกคุยกันเลยสักนิด คุณหญิงส่ายหน้าออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

“แม่มาตามลูกกลับบ้าน”

“ถ้าคุณแม่เลิกความคิดที่จะจับผมแต่งงานเมื่อไหร่ เมื่อนั้นผมจะกลับ”

“หนูภารดีเขาเป็นเด็กดี ถ้านนท์ได้รู้จักน้องมากกว่านี้ แม่เชื่อว่านนท์จะชอบ” หล่อนหยุดถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่งด้วยท่าทีหนักอกหนักใจ “แต่ที่แม่มาวันนี้ไม่ใช่เรื่องนี้”

“วันนี้ผมเหนื่อยมาก ยังไม่พร้อมจะฟัง คุณแม่กลับไปก่อนเถอะครับ”

“คุณปิยะเขามาบอกแม่ว่าเขาจะรีไทร์ เขาอยากพักผ่อน อยากกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่กับลูกๆหลานๆที่ปักษ์ใต้ นอกจากคุณปิยะที่แม่ไว้ใจมากที่สุดแล้ว แม่ก็ไม่มีใครอีก แม่ขอให้นนท์เข้าไปที่บริษัท รับช่วงต่อจากคุณปิยะเขา”

หล่อนหมายถึงกรรมการท่านหนึ่งในบริษัทที่เคยก่อร่างสร้างตัวมาด้วยกัน ตั้งแต่สมัยที่คุณพ่อของนายหนอนยังหนุ่ม พอสิ้นบุญคุณพ่อเขาก็กลายเป็นมือขวาของคุณหญิงดวงใจไปโดยปริยาย

“นี่คุณแม่ขอร้องผม หรือสั่งผม”

“นนท์!” หล่อนเริ่มขึ้นเสียง “นี่แม่ไม่ได้มาทะเลาะกับลูกนะ และไม่ว่ามันจะคือคำสั่งหรือคำขอร้อง ลูกก็ต้องกลับไป”

ดูเหมือนคำพูดของคุณหญิงจะทะลุเข้าหูซ้ายเพื่อที่จะออกไปทางหูขวาของลูกชายอย่างสิ้นเชิง นายหนอนลุกขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมหักนิ้วดังก๊อบแก๊บน่ารำคาญ เป็นกิริยาที่ปลายดาวไม่ค่อยได้เห็นแต่ก็รู้สึกขัดลูกตาเป็นยิ่งนัก

“ดูแลตัวเองผมยังทำไม่ได้เลย แล้วคุณแม่จะให้ผมไปดูกิจการตั้งเป็นร้อยๆ พันๆล้าน ผมว่าคุณแม่คิดใหม่ดีกว่า”

“แล้วแม่สร้างมันขึ้นมาจากศูนย์ได้ยังไงล่ะ”

“ก็ผมไม่เก่งเหมือนคุณแม่นี่”

“ลูกไม่ต้องมาประชดแม่” หล่อนถอนหายใจออกมาแรงๆ จนดูเหมือนว่าความอดทนกำลังจะสิ้นสุด “ถ้าลูกอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่กับคุณพ่อสร้างมาพังลงไปต่อหน้าต่อตา อยากจะทำอะไรก็เชิญ”

“ขอบคุณครับ” เขายกมือไหว้มารดาอย่างอ่อนช้อย “นี่คุณแม่อนุญาตแล้วนะครับ”

“นนท์!”

หล่อนตวาดลูกชายออกมาอย่างเหลืออด ไม่ใช่แค่คุณหญิงดวงใจเท่านั้นหรอก นาทีนี้เขาก็ทำให้ปลายดาวนึกถึงคำว่า “ลูกอกตัญญู” ขึ้นมาอย่างติดหมัด มีลูกแบบเขา คุณหญิงคงปวดประสาทน่าดู

“คุณแม่อย่าเสียเวลาเลย... “ เขาหันไปทำหน้าซื่อไร้เดียงสาใส่มารดา “แต่ไม่แน่ ถ้าคุณแม่ยอมคืนรถ คืนคอนโด คืนบัตรเครดิตให้ผมเมื่อไหร่ ผมอาจจะเปลี่ยนใจลองคิดดูอีกที”

“งั้นแม่ก็อาจจะลองคิดดูอีกที ถ้าลูกเปลี่ยนใจมาแต่งงานกับหนูพาย!”

หล่อนศอกกลับลูกชายอย่างทันท่วงทีตามประสาขิงก็ราข่าก็แรง พร้อมกับลุกขึ้นยืนเป็นสัญญาณว่าความอดทนของหล่อนหมดลงแต่เพียงเท่านี้ เมื่อสนธิสัญญาปรองดองไม่ประสบผลสำเร็จหล่อนก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด มองหน้าลูกชายอย่างผิดหวังเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสะบัดหน้าพรืดออกมาโดยมีปลายดาวเดินตามออกมาส่งตามประสาเจ้าของบ้านที่ดี โดยที่เจ้าตัวก่อเรื่องยังคงเอกเขนกอยู่บนโซฟาอย่างไม่ทุกข์ร้อน
เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้าน คุณหญิงดวงใจสบตากับอยู่ปลายดาวครู่หนึ่ง เหมือนไม่แน่ใจว่าหล่อนควรจะเสวนากับเธอด้วยดีหรือไม่

“นนท์มาอยู่ด้วยอย่างนี้ แฟนหนูไม่ว่าเอารึ”

“เอ่อ...คือ...”

“ช่างเถอะ...” หล่อนโบกไม้โบกมือไม่ถือสา “ที่ฉันถามเพราะไม่อยากให้หนูเดือดร้อนไปด้วย”

“หนูไม่ได้เดือดร้อนอะไรค่ะ” เธอตอบอย่างนอบน้อม “คุณป้าไม่ต้องกังวลค่ะ แล้วหนูจะช่วยกล่อมให้เขากลับบ้าน”

หล่อนพยักหน้ารับ แต่ดูออกว่าไม่อยากคาดหวังอะไรทั้งนั้นกับลูกชายที่ปลายดาวอยากจะเรียกว่า “เหลือขอ” อย่างตาบ้านั่น

“เพิ่งรู้ว่าหนูเป็นลูกสาวคุณสิทธา คุณพ่อเสียไปหลายปีแล้วสินะ”

ปลายดาวเลิกคิ้ว นึกแปลกใจที่หล่อนรู้เรื่องสำมะโนประชากรของเธอเสียด้วย แต่นึกอีกทีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่มีหูตาเหมือนสับปะรดอย่างคุณหญิง โดยเฉพาะเรื่องใดๆที่ล้วนมีส่วนเกี่ยวพันกับลูกชาย...

“ค่ะ” เธอไม่รู้จะตอบว่ายังไง

“คุณพ่อหนูเป็นคนดี น่าเสียดายที่มาด่วนจากไปเสียก่อน...” หล่อนพูดแค่นั้นก็ถอนใจอีก “ฉันขอโทษที่เคยเข้าใจหนูผิด เสียดายที่วันนั้นไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณแม่หนู ไม่งั้นคงจะดีกว่านี้”

หล่อนยิ้มให้ปลายดาว แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ปราศจากความเคลือบแคลงอย่างครั้งก่อน แต่ปลายดาวก็เชื่อว่าหล่อนไม่อาจเหมาได้ว่าเธอจะเป็นชนในชั้นเดียวกัน แม้ว่าหล่อนจะอาจรู้จักบิดามารดาของเธอในฐานะที่เคยอยู่ในวงเดียวกันมาก่อนก็ตาม แต่นั่นมันก็เป็นอดีตไปหมดแล้ว เพราะหลังจากผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจเมื่อสิบกว่าปีก่อน บริษัทก็ปิดตัวลงพร้อมหนี้สินเป็นจำนวนมาก แล้วพอบิดามาเสียชีวิต คุณสิรีมารดาของเธอก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านสวนที่ฝั่งธนและใช้ชีวิตพอเพียงอย่างมีความสุขตามอัตภาพที่นั่น ทิ้งอดีตที่เคยรุ่งเรืองไว้เบื้องหลัง

คุณหญิงดวงใจกลับไปแล้วพร้อมสัญญาสงบศึกที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ในขณะที่ตัวก่อเรื่องยังคงนอนเอกเขนกไม่รู้ร้อนรู้หนาว

พลั่ก!

ปลายดาวปาหมอนใส่หน้าเพื่อนหนุ่มเต็มแรง ได้ผล! ชายหนุ่มดีดตัวขึ้นนั่ง แต่สายตายังไม่ละไปจากจอโทรทัศน์ที่มีนางแบบในชุดวาบหวิวเสียทีเดียว

“ลูกทรพี!”

เธอพูดลอยๆ แต่จะหมายเป็นคนอื่นไปเสียไม่ได้

“ว่าฉันรึ” เขาทำหน้ากวนประสาท

“ฉันคงว่าจิ้งจกตุ๊กแกแถวนี้หรอกมั้ง...คนอย่างเธอตายไปต้องตกนรกแน่ ฉันพนันได้เลย”

“อย่าพูดมากน่ะ รำคาญ...อารมณ์ดีเมื่อไหร่ฉันก็กลับไปเองแหละ”

“ชาติไหนล่ะพ่อคุณ”

“แหม...ก็ชาตินี้แหละ ก็แม่เล่นยึดสมบัติฉันหมดขนาดนี้ ฉันก็ต้องเล่นตัวบ้าง อะไรบ้างสิ จะให้กลับไปง่ายๆก็เสียฟอร์มแย่”

“แล้วเธอไม่ห่วงเรื่องที่บริษัทเหรอไง เป็นลูกชายภาษาอะไร”

“เธอไม่รู้อะไรดาว...คุณปิยะเขาไม่มีทางไปจากบริษัทฉันง่ายๆหรอก เขารักบริษัทจะตาย แล้วนอกจากคุณปิยะ แม่ก็ยังมีคนอื่นๆที่ไว้ใจได้เต็มไปหมด”

“แต่ทุกคนที่เธอพูดมานั่นน่ะ รวมกันแล้วยังไม่เท่าเธอคนเดียวเลย”

“เธอรู้ได้ไง” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ ไม่สนใจกับคำพูดรอมชอมของอีกฝ่าย “แม่ฉันมีทั้งมือซ้ายมือขวา มีหูมีตาเต็มไปหมด แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องมีฉัน”

“แล้วเธอคิดว่าใครสำคัญกับแม่เธอที่สุดล่ะ ระหว่างเธอ กับแขนขา หูตาพวกนั้น”

นายหนอนแลอึ้งไปครู่หนึ่งกับความจริงที่เขาอาจไม่เคยนึกถึง แต่ก็เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น แล้วความเป็นลูกชายคนเดียวที่เอาแต่ใจตัวเองมาแต่เกิดก็กลับมาเหมือนเดิม

“ต่อให้ฉันเข้าไปจริงๆ ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ในฐานะที่ฉันเป็นลูกชายเจ้าของบริษัท ทุกคนก็จะคอยช่วยฉัน ประคับประคองจนฉันไม่ต้องทำอะไรอยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าจะมีฉันหรือไม่มี ก็ไม่ต่างกัน”

“เขาช่วยประคับประคองเธอน่ะก็ถูกแล้ว คนไม่มีประสบการณ์แบบเธอให้อยู่ดีๆเข้าไปบริหาร บริษัทแม่เธอก็พังโครมพอดีเท่านั้นแหละ ถ้าไม่เริ่มจากจุดเล็กๆก่อน เธอจะไปยืนอยู่จุดที่สูงสุดได้ยังไง”

“บ่นยังกับแม่ฉันแน่ะ” เขาถอนหายใจ แต่ก็แอบมองมาที่เธออย่างชื่นชม “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ทุกครั้งที่ฉันหนีออกจากบ้าน แม่ก็มาตามฉันกลับแล้วก็อ้างเรื่องที่บริษัททุกที ฉันชินแล้วแหละ ดังนั้นขอเธออย่าได้เป็นกังวล”

“หมายความว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทะเลาะกับแม่”

“Exactly!”

“แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเธอหนีออกจากบ้าน?”

“Absolutely!” เขายักไหล่ อย่างไม่เห็นว่าแปลก

“แล้วครั้งก่อนๆนั้น เธอไปกบดานที่ไหน”

คราวนี้เขาอมยิ้ม แววตาซุกซนเหมือนคนหลบหนีความผิด

“It’s the mystery…มันเป็นความลับของจักรวาล!”

เขายังไม่วายยักคิ้วให้เธอข้างหนึ่งอย่างเจ้าเล่ห์ จนปลายดาวอดฉุนไม่ได้ เธออุตส่าห์เป็นห่วงเขาเพราะคิดว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ที่แท้เขามันก็แค่เด็กไม่รู้จักโตคนหนึ่งนี่เอง...

หลังจากคุณหญิงดวงใจกลับไปได้สักพัก และทั้งคู่ก็ถกเถียงกันไปอีกพักใหญ่ๆ วรนนท์ก็เอาใจเธอด้วยการพาไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวรอบดึก ทันทีที่รถจอดปลายดาวก็ก้าวเดินฉับๆลงมาโดยมีวรนนท์คอยอาสาถือกระเป๋าเดินตามหลังมาด้วยท่าทีพินอบพิเทาอย่างคนที่รู้สึกว่าตัวผิด จนเมื่อก้าวเข้ามาในร้านแล้วได้ที่นั่งที่โต๊ะประจำเขาก็ยังอุตส่าห์รับเมนูมาสั่งอาหารให้เธออย่างเอาใจ ยังความหมั่นไส้ให้กับน้ำหอมเป็นอย่างยิ่ง

“ไรเนี่ย...เอาใจกันเกินไปหรือเปล่า หอมหึงนะ” หล่อนทำเป็นเอื้อมมือมาบิดเนื้อชายหนุ่ม “แล้วทำไมวันนี้มาแท็กซี่กันล่ะ รถเสียเหรอพี่นนท์”

วรนนท์ยักไหล่ เขาบอกน้ำหอมแต่เพียงว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ แล้วพลิกเมนูไปทีละหน้าอย่างใจเย็น

“นึกว่าลืมหอมไปซะแล้ว หายไปซะหลายวันเชียวนะ” หล่อนยังคงพูดไม่หยุด ขณะมือจดออเดอร์อยู่ยุกยิก “วันนี้คุณพี่ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นไม่ได้มาด้วยเหรอพี่ดาว หอมยังไม่ได้ขอบคุณที่พาหอมไปหาหมอเลย”

“ใคร?” วรนนท์ถามอย่างอยากรู้

“ไม่รู้สักเรื่องก็ได้หรอก”

“ใครรึน้ำหอม” คราวนี้เขาหันไปหาตัวช่วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเต็มที่

“ก็แฟนพี่ดาวไง พี่นนท์ยังไม่เคยเจอเหรอ”

“เยอะไปแล้วหอม” เธอเอ็ดเบาๆ “เลอะเทอะกันใหญ่แล้ว ไม่มีอะไรหรอกน่า ก็แค่วันนั้นคุณเต้เขามาทานด้วย แล้วน้ำหอมดันเป็นลมชัก เขาก็เลยช่วยพาไปหาหมอ ก็แค่นั้นแหละ”

นายหนอนมองหน้าเธออย่างจับผิด แล้วเมื่อน้ำหอมเดินจากไป เขาก็หันมาดักคอเธอจนได้

“อ๋อ...ฉันนึกออกแล้ว วันนั้นที่...ที่เขาจูบุ จูบุเธอ”

“บ้า!”

“บ้าแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย...เป็นเอามากนะ” นายหนอนทำหน้าหงุดหงิด แต่เล็งสายตามาที่ริมฝีปากเธออย่างมีเลศนัย “ขอประท้วง...เขาจูบเธอก่อนฉันได้ไง มาทีหลังฉันตั้งนาน”

“อีบ้า! เลิกพูดเรื่องนี้เสียที จะกินมั้ยก๋วยเตี๋ยวน่ะ ไม่กินฉันจะกลับล่ะนะ เพ้อเจ้อไม่เข้าเรื่อง แล้วน้ำน่ะ จะกินน้ำอะไรก็สั่งเข้าซี่ พูดจาเลอะเทอะอยู่ได้”

วรนนท์หัวเราะหึๆเมื่อเห็นอาการประหม่าขวยเขินของเพื่อนรัก แต่ก็ยอมหันไปเรียกน้ำหอมแต่โดยดี ทว่ายังไม่ทันสั่งรายการที่ต้องการ น้ำหอมก็ขโมยซีนออกมาอีก หล่อนจีบปากจีบคอถามชายหนุ่ม

“พี่นนท์...วันก่อนหอมเห็นพี่นนท์เดินกับผู้หญิงคนหนึ่งที่สยาม...”

“เฮ้ย! จำผิดแล้ว” เขารีบปฏิเสธเป็นพัลวัน “อย่ามามั่วนิ่มน่าน้ำหอม”

“หอมจะลืมหน้าสามีตัวเองได้ไง อย่ามาแถ บอกมานะว่าผู้หญิงขาวโอโม่คนนั้นเป็นใคร”

“เป็นอดีต” คราวนี้นายหนอนตอบแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด “ตอนนี้พี่โสด กำลังตั้งหน้าตั้งตาจีบพี่ดาวอยู่เนี่ย”

“วุ้ย! ออกตัวแรงเชียวนะ...แต่หอมว่าเสียเวลาเปล่าน่ะ”

“หมายความว่าไง พูดให้ดีนะน้ำหอม”

“พี่เคยได้ยินมั้ย ที่เขาว่า...วัวหายล้อมคอกน่ะ”

“เกี่ยวกันตรงไหนวะ” วรนนท์เริ่มหงุดหงิด

“อืม...งั้นเอาใหม่” น้ำหอมหยุดคิด ใช้นิ้วชี้จิ้มแก้มตัวเองหลายๆทีดูน่าเอ็นดูไม่หยอก “เรียกว่าใกล้เกลือกินด่างดีกว่านะ อยู่กันมาตั้งนานปีดีดักไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา มัวแต่ฉายไปฉายมาเป็นคาสโนว่าอยู่นั่นแหละ ใครที่ไหนเขาจะมารอพี่ให้เมื่อยตุ้มหา ทีนี้ล่ะ...พอเขาโดนคนอื่นหมายปองเข้าบ้างก็เกิดจะหวงของขึ้นมาซะงั้น แบบนี้เขาเรียกว่าหวงก้าง”

“พอๆๆ พอแล้วหอม เลิกชมพี่เสียที” วรนนท์ทำเสียงจิ๊จ๊ะ แต่น้ำหอมหัวเราะร่วน

“แหม พูดจริงก็รับไม่ได้ จะบอกให้นะว่าแฟนพี่ดาวน่ะ หล่อระเบิดระเบ้อ แถมใจดีสุดๆ ถ้าหอมเป็นพี่ดาว หอมก็เลือกเขา พูดจริง”

จริตจะก้านทำให้น้ำหอมพูดไปโดยไม่คิด แต่ผลของมันไม่ต่างอะไรลูกศรที่ปักลงมาตรงชายโครงของวรนนท์จนจุก พูดไม่ออก บอกไม่ถูก

“เพ้อน่าหอม...ฟงแฟนอะไร” หญิงสาวฟาดฝ่ามือไปที่ต้นแขนของน้ำหอมแก้เก้อ

“ใช่ เพิ่งเจอกันไม่นาน รู้ได้ไงว่าเขาเป็นคนดี คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจนะเธอ”

“หอมรู้ก็แล้วกัน”

“เออน่า ถึงจะรู้ตัวช้าไปหน่อย แต่พี่ก็ชอบพี่ดาวจริงๆนะหอม” วรนนท์เขย่าแขนน้ำหอมเหมือนขอตัวช่วย “เห็นทีต้องสกัดดาวรุ่ง ไม่ให้คุณเต้นั่นมาใกล้ชิดกับพี่ดาวได้บ่อยๆ ถ้าหอมรักพี่ หอมต้องช่วยพี่นะ”

“กั้นฟ้ามิอาจกั้นใจ...พี่ห้ามความรู้สึกคนได้หรือเปล่าล่ะ ถ้าพี่ห้ามได้ หอมก็จะช่วย”

โดนจัดเข้าไปอีกดอกแบบนี้...หัวใจของชายหนุ่มที่ห่อเหี่ยวอยู่แล้ว ก็ยิ่งแฟบลงๆไปอีกอย่างไม่เป็นท่า คงมีก็แต่ปลายดาวเท่านั้นที่ยังคงหัวเราะร่วน ไม่รู้สึกรู้สากับความพยายามของชายหนุ่มที่จะเป็นน้ำเซาะทรายให้จงได้



สิริเสาวภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ต.ค. 2554, 20:30:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2554, 08:33:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 2000





<< ตอนที่ 10 << พระเอ๊กกกก....พระเอก >>   ตอนที่ 12 << ขอเป็นคนสุดท้าย >> >>
กานต์นวีร์ 17 ต.ค. 2554, 21:46:08 น.
รู้ตัวช้าก็งี้แหละนายหนอน พบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น เอ๊ะ แต่พบนานก่อนขวานบิ่นนี่หว่า เพียงแต่ไม่สนใจเอง


pseudolife 17 ต.ค. 2554, 22:35:51 น.
หนอนบ้าเอ๊ย นี่จริงจังใช่มั้ยเนี่ย???


violette 18 ต.ค. 2554, 00:27:37 น.
อ่าวจริงจังเรอะเนี่ย ช่วยไม่ได้นะยะ โฮะๆ


wane 18 ต.ค. 2554, 08:41:54 น.
มาก่อน แต่คิดช้า ก้อช่วยไม่ได้นะ นายหนอน


อริสา 18 ต.ค. 2554, 10:49:18 น.
สงสารนายหนอนแต่ก้อสมน้ำหน้านิดๆ อิอิ


Canopus 18 ต.ค. 2554, 12:57:51 น.
ครั้งแรกที่สงสารหนอน


anOO 18 ต.ค. 2554, 14:05:13 น.
สมน้ำหน้านายหนอนที่ซู๊ดด..ดดดดดด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account