กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ
ตอน: ตอนที่ 17 ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
บทที่ 17
ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
บ้านไม้สองชั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ไม่ถึงร้อยตารางกิโลเมตร แต่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้หลายชนิดทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ที่เจ้าของบ้านคนก่อนหามาปลูกเอาไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ม่านนทีเก็บเงินซื้อบ้านหลังนี้มาเมื่อสองปีก่อน นับเป็นความภาคภูมิใจของเธอที่ซื้อมาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
ภายในตัวบ้านแลดูโปร่งสบาย มีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีห้องรับแขกและห้องครัวแยกกันต่างหาก บนชั้นสองมีระเบียงเล็ก ๆ ติดกับห้องนอน บานหน้าต่างคลุมผ้าม่านสีฟ้าน้ำทะเล ส่งผลให้บรรยากาศภายในสดชื่นมากกว่าที่เห็น
“บ้านคุณน่าอยู่ดีนะครับ” เตชิตกล่าวชม ก่อนหน้านี้เขาเพียงแต่ขับรถมาส่งม่านนทีที่หน้าประตูรั้วแต่ไม่เคยถือวิสาสะเข้ามาสักครั้งเดียว
“เจ้าของคนเก่าดูแลดีน่ะค่ะ ฉันชอบบรรยากาศของที่นี่มากก็เลยขอซื้อต่อ...กาแฟค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ร่างสูงเอื้อมมือไปรับถ้วยกาแฟหอมกรุ่นมาวางไว้บนโต๊ะ ส่วนม่านนทีกลับเดินอ้อมไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่อยู่ถัดออกไป ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนลอบมองเธอเป็นระยะ รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ รอบตัวหญิงสาว แต่ก็ไม่ปริปากถามอะไร
“คุณน้ำ”
“อะไรคะ”
ใบหน้าคมคายยิ้มให้เธอ พลางประสานมือเข้าด้วยกัน
“คุณเข้าไปเยี่ยมเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าร่มเกล้ามาแล้วใช่ไหมครับ” คำถามตรงประเด็นของชายหนุ่ม ทำให้เธอนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนพยักหน้ารับเบา ๆ
“ค่ะ”
สีหน้าแววตาของเตชิตบ่งบอกว่าเขารู้อยู่แล้ว เพียงแต่มีบางอย่างที่ยังติดใจสงสัย
“เมื่อเช้าผมโทรฯหาคุณหลายครั้ง ตั้งใจชวนคุณเข้าไปเยี่ยมครูวิภาด้วยกันแต่ก็โทรฯไม่ติด พอจะบอกเหตุผลกับผมได้หรือเปล่าครับ ว่าเพราะอะไร” เตชิตสบตาเธอตรง ๆ
“เอ่อ...คือฉันเกรงใจไม่อยากรบกวนคุณน่ะค่ะ อีกอย่างตอนนี้ฉันเองก็งานยุ่งด้วยเลยไม่อยากรับโทรศัพท์เท่าไหร่”
ม่านนทีจงใจโกหกแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยแนบเนียนนัก เพราะดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมองมา ยังคงเต็มไปด้วยคำถามอยู่เช่นเดิม ความเงียบงันระหว่างเขาและเธอ ส่งผลให้ร่างบางรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“คุณน้ำ”
“เดี๋ยวฉันไปปอกผลไม้มาให้นะคะ พอดีมีแตงโมแช่อยู่ในตู้เย็นลูกหนึ่ง” ทันทีที่เขาเอ่ยปาก ม่านนทีก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ หาข้ออ้างเดินหลบเข้าไปในครัวทันที
เตชิตมองตามร่างบางเดินห่างออกไปด้วยแววตาไม่บ่งบอกความรู้สึก ทำเอาม่านนทีถึงกับลอบถอนหายใจยาว ไม่ง่ายเลยสำหรับการพูดโกหกเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายอย่างเตชิต ทุกครั้งที่ถูกดวงตาคู่นั้นจ้องมองมา หญิงสาวเป็นต้องทำตัวไม่ถูกทุกที
“..เข้มแข็งเอาไว้ม่านนที”
เธอกระซิบเตือนตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ด้วยตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะคืนเตชิตให้กับปิ่นแก้วเพื่อนสาวคนสนิท ทั้งคู่ล้วนมาจากฐานะชาติตระกูลทัดเทียมกัน แถมยังนิสัยดีด้วยกันทั้งคู่อีกด้วย
ม่านนทีหยิบผลไม้ออกมาจากตู้เย็น บรรจงปอกเปลือกนาน ๆ เพื่อจะได้ไม่มีเวลาพูดคุยกับเขา
“มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”
จู่ ๆ เสียงทุ้มนุ่มก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง พร้อมกับมือใหญ่ที่เอื้อมเข้ามาช่วยเธอประคองด้ามมีด ส่งผลให้ม่านนทีสะดุ้งโหยงแก้มร้อนผ่าว เท่านั้นยังไม่พอมือมือข้างที่เหลือของเตชิตยังอ้อมเข้ามาโอบรอบเอวบางไว้แนบแน่นอีกด้วย
“อุ้ย คุณเตชิต จะทำอะไรคะ” หญิงสาวร้องประท้วง แต่เมื่อหันกลับไปมองก็ต้องหน้าแดงอีกครั้ง เมื่อปลายจมูกโด่งจรดเข้ากับแก้มเนียนอย่างเหมาะเจาะ
“เปล่านี่ครับ” เตชิตเหยียดยิ้ม ดวงตาเป็นประกายซุกซน
หลังจากที่รู้ตัวว่าพลาดท่าให้กับคนตัวสูง ม่านนทีก็รีบฝืนตัวออกห่าง แต่เตชิตไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ
“ปล่อยสิ คนบ้า” เธอดิ้นขลุกขลัก “เดี๋ยวถูกมีดบาดเอาหรอก”
“ดีเหมือนกัน ผมจะได้มีข้ออ้างขอให้คุณช่วยทำแผลให้”
“คุณเตชิต” ม่านนทีรีบปล่อยมือจากด้ามมีด หันมาจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง “ทำอะไรของคุณคะ อยู่ดี ๆ ลุกขึ้นมาแกล้งฉันทำไม”
เตชิตถอนหายใจยาว มองดูเธอด้วยแววตาอ่อนโยน
“คุณน้ำต่างหากที่เป็นฝ่ายแกล้งผม”
“อะไรนะคะ”
“พูดความจริงออกมาดีกว่า ว่าคุณกำลังพยายามหลบหน้าผมอยู่” เขาเอ่ยพลางดึงร่างบางเข้าแนบชิดลำตัวมากกว่าเดิม สายตาคาดคั้นที่จ้องมองมา ส่งผลให้ม่านนทีก้มหน้าปฏิเสธ
“เปล่าซะหน่อย”
“โกหก”
“ไม่ได้โกหก” หญิงสาวออกแรงดันร่างหนาออก จนมือปัดไปถูกแก้วน้ำที่วางองอยู่ใกล้ ๆ ตกลงไปแตกกระจายอยู่บนพื้น เตชิตจึงคลายมือออกจากร่างบางทันที
“ขอโทษ เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาเอ่ยปากขอโทษ
“แย่จัง เพราะคุณแท้ ๆ เลย”
ม่านนทีที่กำลังอยู่ในอารมณ์โมโห รีบก้มลงเก็บเศษแก้วใส่ถังขยะไม่ยอมมองหน้า เตชิตจึงย่อกายลงอาสาช่วยเก็บ แต่หญิงสาวปัดมือเขาออกและปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ ฉันจัดการเองได้”
“ให้ผมช่วยดีกว่า มันอันตราย”
“บอกแล้วไง ว่าไม่ต้อง”
“อุ้บ”
“คุณเตชิต”
ม่านนทีอุทานเสียงดัง หลังผลของการเกี่ยงงอนกันไปมา ทำให้เศษแก้วใบใหญ่บาดถูกนิ้วมือของเตชิตจนได้ หยดเลือดที่ไหลรินออกมาจากปากแผลหยดลงพื้นเป็นวงใหญ่ ร้อนถึงหญิงสาวต้องรีบหาผ้าสะอาดมากดห้ามเลือดเอาไว้
“ขอโทษนะคะ เจ็บมากหรือเปล่า” ม่านนทีหน้าซีด ช่วยประคองเขาลุกขึ้นยืน
“ไม่เป็นไรครับ โชคดีที่แผลไม่ลึกมากเท่าไหร่ แต่ก็ปวดเอาการอยู่” เตชิตหันมายิ้มบาง ๆ ให้เธอ “ดีแล้วที่คุณไม่โดนบาดไปด้วย”
“ยังจะมาพูดดีอีก เข้าไปนั่งบนเก้าอี้โซฟาก่อน เดี๋ยวฉันจะรีบไปเอายามาใส่ให้”
ม่านนทีทำเสียงดุใส่เขา ก่อนเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองเพื่อค้นหากล่องปฐมพยาบาลมาช่วยทำแผลให้ เตชิตเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้โซฟา รู้สึกปวดบาดแผลขึ้นมานิดหน่อยจึงใช้ผ้ากดทับเอาไว้ ไม่กี่นาทีต่อมาหญิงสาวก็เดินลงบันไดมาพร้อมกับกล่องยาในมือ ม่านนทีเดินตรงเข้าไปนั่งบนเก้าอี้โซฟาตัวเดียวกับเขา ตรวจดูรอยแผลด้วยความเป็นห่วง
“ต้องรีบล้างแผลให้สะอาดก่อน เดี๋ยวจะพลอยติดเชื้อโรคเอา”
ม่านนทีค่อย ๆ ใช้สำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือ สีหน้าแววตาเป็นห่วงเป็นใยที่เผยออกมาให้เห็น ส่งผลให้ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ช่วงเวลาที่หญิงสาวประคับประคองทำแผลอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มก็ถือโอกาสลอบมอบม่านนทีในระยะใกล้ไปด้วย ดวงหน้างามเป็นธรรมชาติปราศจากการปรุงแต่ง ล้อมกรอบเส้นผมยาวสลวยจรดกลางหลัง แลดูบอบบางน่าทะนุถนอมมากกว่าที่คิดเอาไว้ ม่านนทีใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที พันผ้ากอซสีขาวลงบนบาดแผลเพื่อป้องกันเชื้อโรค
“เรียบร้อย คราวนี้ก็ต้องระวังอย่าให้น้ำเข้านะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“คุณนี่ไม่ระวังเอาเสียเลย ใครใช้ให้ผู้ชายทำเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้กันล่ะ” ม่านนทีถือโอกาสต่อว่า
“แต่มันก็ยังดีกว่าเสี่ยงให้คุณโดนบาดไม่ใช่หรือ” เขาเอ่ยยิ้ม
คำตอบของเตชิต สร้างความหวั่นไหวให้กับเธอทุกครั้งที่ได้ยิน เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าเขานั่งอยู่ใกล้เธอมาก...มากเสียจนรับรู้ได้ถึงแรงเต้นของหัวใจด้วยซ้ำไป
“ขอโทษนะคะ ฉันขอตัวเอาของพวกนี้ไปเก็บก่อน”
ม่านนทีทำท่าจะลุกหนี แต่เตชิตก็ไวพอที่จะคว้าต้นแขนเรียวบางและดึงเอาไว้เช่นกัน
“เดี๋ยวสิครับ”
“ปล่อย”
กิริยาต่อต้านของหญิงสาว ส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย อันที่จริงเตชิตเพียงแต่ต้องการรั้งตัวเธอเอาไว้เพื่อกล่าวคำขอบคุณ แต่เมื่อเป็นแบบนี้ เขาจึงเปลี่ยนความตั้งใจขึ้นมากะทันหัน
“เป็นอะไรไปคุณน้ำ ทำไมต้องตั้งท่ารังเกียจผมขนาดนั้นด้วย” ใบหน้าคมคายเครียดขรึมลง พร้อมกับออกแรงบังคับร่างบางไม่ให้ลุกหนี “ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า”
แม้รู้ว่าตนโกหกไม่เก่งแต่ก็ยังฝืน
“เปล่าค่ะ”
“คุณน้ำ” เขาเรียกชื่อเธอหนัก ๆ
“ปล่อยฉันเถอะค่ะคุณเตชิต” ร่างบางออกแรงฝืน พยายามลุกหนีให้ได้ เตชิตจึงเปลี่ยนจากวิธีคาดคั้นด้วยวาจาเป็นการกระทำ ด้วยการกดไหล่บางลงนอนบนเก้าอี้โซฟาพร้อมกับโน้มลำตัวลงไปกดทับเอาไว้แทน
“คุณเตชิต” ม่านนทีใจเต้นระรัว ยกมือขึ้นดันออกห่างก่อนถูกมือใหญ่กดเอาไว้จนกระดิกไม่ได้ “จะทำอะไรคะ”
“รู้ตัวบ้างไหมคุณน้ำ ว่าคุณน่ะทั้งดื้อแล้วก็หัวแข็งมากขนาดไหน ขนาดคราวก่อนผมเคยร้องขอแล้วแท้ ๆ ว่าห้ามเก็บเรื่องอะไรไว้ภายในใจ แต่คุณก็ไม่ยอมฟังแถมคราวนี้ยังแกล้งทำหมางเมินกับผมอีก”
แม้น้ำเสียงจะฟังดูนุ่มนวลอ่อนโยน หากแต่ดวงตาสีน้ำตาล กลับฉายแววกรุ่นโกรธในแบบที่ม่านนทีไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงหน้าแดงแดงปลั่ง เมื่อสัมผัสชิดใกล้ทำให้หวนนึกไปถึงรอยจุมพิตร้อนระอุครั้งก่อนไม่ได้ จึงพยายามเบี่ยงหน้าหลบไม่กล้าสบตาเตชิตตรง ๆ
“รู้แบบนี้แล้ว ว่าเลิกยุ่งกับฉันซะทีสิ” ม่านนทีหลุดปากโพล่งออกไป หารู้ไม่ว่าเป็นการเพิ่มความเดือดร้อนมากขึ้นไปอีก
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปถนัดตา หลังจากได้ยินคำพูดไม่คาดคิดจากปากของหญิงสาว
“คุณพูดว่ายังไงนะ” เขากระซิบถามเสียงแผ่ว
ม่านนทีใจเต้นตึกตัก คิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องโกรธแน่ ๆ แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็มีแต่ต้องพูดให้จบเท่านั้น
“ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ฐานะก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร การที่คุณมายุ่งเกี่ยววุ่นวายด้วยแบบนี้ มันทำให้ฉันอึดอัดใจมากเข้าใจหรือเปล่าคะ” เธอตอบเสียงดังฟังชัด “สำหรับคุณคงไม่เดือดร้อนอะไรหรอก แต่สำหรับฉันที่ต้องมานั่งแก้ตัวว่าไม่เคยคิดอะไรกับคุณ มันน่าเบื่อมากรู้ไหม”
“จริงหรือเปล่า”
“อะไรนะ...” ม่านนทีกระพริบตาถี่ ไม่เข้าใจคำถาม
เตชิตโน้มใบหน้าลงไปหา ดวงตาประสานกันราวกับต้องการคำตอบที่ออกมาจากหัวใจ
“เมื่อกี้คุณบอกว่าไม่เคยคิดอะไรกับผม ที่พูดมานั่นแน่ใจแล้วหรือว่าไม่ได้โกหก” ชายหนุ่มถามย้ำเสียงกระด้าง ม่านนทีใจเต้นแรงรู้ดีว่าคำตอบที่แท้จริงเป็นอย่างไร
แต่คำตอบที่พูดออกไป กลับตรงกันข้ามกับหัวใจอย่างสิ้นเชิง
“แน่ใจค่ะ” หญิงสาวฝืนใจโกหก “และฉันก็แน่ใจด้วยว่า คุณเองก็คงมีหญิงสาวผู้เพียบพร้อมเข้าคิวรอแต่งงานด้วยอยู่แล้ว”
“ให้ตายเถอะ..ผมยอมแพ้ให้กับความช่างคิดของคุณจริง ๆ”
เตชิตหลับตาถอนหายใจยาว จรดหน้าผากของตัวเองลงกับเส้นผมนุ่มสลวยเบา ๆ หลังจากที่เริ่มเข้าใจสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้น...นี่สินะที่เขาพูดกันว่าหัวใจของผู้หญิงลึกล้ำยิ่งกว่ามหาสมุทร เพิ่งเคยเห็นตัวอย่างชัด ๆ ก็วันนี้เอง
“อย่าบอกนะว่าคุณ’เริ่มหึง’ ผม ไม่สิดูจากท่าทางของคุณแล้ว เรียกว่า ‘กำลังหึง’ผมอยู่มากกว่า”
“เปล่าซะหน่อย” ม่านนทีรีบแย้งแก้มแดงปลั่ง
“เลิกพูดจาทำนองนี้สักทีเถอะคุณน้ำ...ผมรู้นะว่าคุณกำลังกลัวว่าผมจะเหมือนกับผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไป ที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นพอเบื่อแล้วก็ทิ้งไปแต่งงานกับเจ้าสาวที่มีชาติตระกูลสินะ”
“.....”
“ผมเดาถูกใช่หรือเปล่า” เตชิตลืมตาขึ้นสบสายตากับเธอ ปลายจมูกและริมฝีปากอยู่ใกล้กันเพียงแค่ปลายนิ้ว ความร้อนและไออุ่นจากลำตัวที่ทาบทับอยู่ด้านบน ส่งผลให้หญิงสาวตัวแข็งไม่กล้าขยับ มีเพียงดวงตาระริกไหวเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเธอกำลังกลัว
“คุณเตชิต”
“ถ้าใช่ ผมก็ขอตอบคุณด้วยรอยจูบนี้ก็แล้วกัน”
ขาดคำเตชิตก็ปิดปากนุ่มด้วยจุมพิตหนักหน่วงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ม่านนทีหลับตาแน่นเมื่อริมฝีปากถูกบดเบียดรุนแรงและแน่นหนักสลับผ่อนเบาครั้งแล้วครั้งเล่า ฝ่ามือใหญ่สอดใต้เส้นผมนุ่มสลวยประคองหลังศีรษะ บังคับให้แหงนขึ้นรับโทษอย่างไม่อาจหลีกหนี หญิงสาวร้องแผ่วในลำคอ เมื่อชายหนุ่มแทรกปลายลิ้นเข้าไปลิ้มรสชาติความหวานภายใน จุมพิตที่เตชิตเรียกร้องจากเธอทั้งรุ่มร้อนและหวานละมุนจนร่างบางสั่นสะท้าน
“อืม”
ม่านนทีอ้าปากจะร้องขอให้หยุด แต่เตชิตประทับริมฝีปากจุมพิตลงมาแนบแน่น ทวีความลึกล้ำขึ้นทีละน้อย รุกรานด้วยปลายลิ้นอุ่นจัดจนหญิงสาวแทบไม่มีช่องว่างเว้นเหลือให้หายใจ อ้อมกอดของเตชิตเต็มไปด้วยความปรารถนาที่เจ้าตัวพยายามเก็บซ่อนมานาน ซึ่งคนผิดที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระตุ้นครั้งนี้ ก็คือหญิงสาวในอ้อมแขนนั่นเอง
รอยจูบบนเรียวปากเต็มไปด้วยความปรารถนาราวกับไม่มีวันจบ เตชิตวนเวียนลิ้มรสความนุ่มละมุนจากเรียวปากสีชมพูจนพอใจ ก่อนถอนริมฝีปากเคลื่อนไปตามแก้มเนียนและซอกคอหอมกรุ่น สัมผัสร้อนระอุจากเรียวปากและฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ไปทั่วร่าง ส่งผลให้ม่านนทีเผลอตัวขยุ้มแขนเสื้อของชายหนุ่มเข้าหากัน เมื่อถูกคลื่นความเสน่หาที่ร้อนแรงถาโถมเข้าใส่จนตั้งตัวไม่ติด
“คุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า รู้ตัวหรือเปล่าคุณน้ำ”
ใบหน้าคมคายกระซิบเสียงแหบพร่า เคลื่อนริมฝีปากลงไปตามเนินอกขาวลออตา มีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวบางที่เหลือกระดุมอยู่ไม่กี่เม็ด ม่านนทีครางเสียงหวานอย่างลืมตัวเมื่อริมฝีปากร้อนระอุฝากรอยช้ำเล็ก ๆ บนผิวกาย มือเล็กขยุ้มเส้นผมดกหนาราวกับกำลังร้องขอให้เขาหยุด แต่คำตอบที่ได้กลับกลายเป็นจุมพิตร้อนระอุภายใต้อ้อมกอดที่รัดแน่น
“อย่า...คุณเตชิต”
ม่านนทีคิดว่าตัวเองตะโกนร้องขอออกไป ทั้งที่ความจริงเป็นเพียงแค่เสียงกระซิบแผ่ว หญิงสาวแน่ใจว่าต้องขาดใจลงภายในเวลาไม่กี่นาทีข้างหน้าหากว่าเขาไม่ยอมหยุด แต่เตชิตก็ยังคงเป็นเตชิตที่มักควบคุมอารมณ์ได้ดีภายใต้สถานการณ์บีบคั้น ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกค่อย ๆ ถอนตัวออกจากห้วงความปรารถนาลึกล้ำ คืนสู่ความเป็นตัวของตัวเอง
ตรงกันข้ามกับม่านนทีที่ไม่สามารถควบคุมร่างกายอันร้อนผ่าวของตัวเองได้ ใบหน้าหวานแดงจัด ดวงตาคลอหยดน้ำใส หากไม่ติดว่าข้อมือถูกรวบจับอยู่ ป่านนี้คงเหวี่ยงฝ่ามือฟาดใส่ใบหน้าคมคายไปแล้ว
“คนเลว ชอบฉวยโอกาส” เธอต่อว่าทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสสระ
“กับคนหัวดื้ออย่างคุณ ผมก็ต้องใช้วิธีแบบนี้แหละ”
“คนบ้า”
ยังไม่ทันที่ม่านนทีจะสรรหาคำพูดมาด่าเขา ร่างบางก็ถูกดึงให้ลุกนั่งและรวบกอดเอาไว้แนบแน่น หญิงสาวยกมือขึ้นทุบไหล่กว้างเป็นพัลวันด้วยแรงโกรธ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ ทั้งยังพรมจูบไปทั่วดวงหน้างามและเรียวปาก จนม่านนทีต้องยกมือขึ้นทุบเข้าที่นิ้วมือของคนฉวยโอกาสเต็มแรง
“ปล่อยนะ”
วิธีนี้ได้ผลชะงัดนัก ทำเอาเตชิตรีบคลายวงแขนออกจากร่างบางทันที แรงกระแทกเมื่อครู่ทำให้ปากแผลเปิดออกและมีเลือดไหลซึมผ้ากอซออกมาให้เห็นเป็นริ้ว ๆ ใบหน้าคมคายนิ่วหน้าเป็นเชิงบ่น
“เจ็บนะครับ แผลยังไม่ทันปิดสนิทดีด้วยซ้ำ” ผู้เสียหายร้องครวญ
“สมน้ำหน้าชอบฉวยโอกาสดีนัก ขอให้ปากแผลติดเชื้อโรคตายไปเลยยิ่งดี” ม่านนทีตะโกนใส่ ความโกรธที่มีต่อเขาไม่ยอมจางหายไปง่าย ๆ
ใบหน้าคมคายฉายแววสำนึกผิด เมื่อเห็นรอยแดงจาง ๆ บนผิวขาวเนียน อันเกิดจากผลงานของตน
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณโกรธ”
ม่านนทีได้แต่เม้มปากเข้ากันแน่น ไม่ยกโทษหรือยอมพูดจา เตชิตจึงรู้ตัวว่าการกระทำของคนในครั้งนี้ก้าวล้ำขอบเขตไปจริง ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ดึงมือบางเข้ามากุมไว้ราวกับต้องการถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้
“ฟังผมนะคุณน้ำ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร...หรือเป็นเพียงผู้หญิงต้อยต่ำไร้ชาติตระกูลขนาดไหนก็ตาม ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าคุณเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักมากที่สุด เพราะฉะนั้นเลิกคิดสร้างกำแพงขึ้นมาขวางกั้นเสียที” ชายหนุ่มเน้นหนักทุกถ้อยคำ
หัวใจดวงน้อย ๆ ของหญิงสาวไหวหวั่นราวกับระลอกคลื่นอยู่ภายใน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอเองก็เผลอใจรักเขาไม่แพ้กัน
“คุณเตชิต”
“เชื่อมั่นในตัวผมหน่อยสิคุณน้ำ ผมรักคุณและรักทุกอย่างที่เป็นคุณ แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ถ้าขืนคุณยังไม่ยอมหยุดพูดจาบั่นทอนกำลังใจผมอีกละก็...” เตชิตเว้นจังหวะดวงตาเป็นประกายลึกล้ำ “คราวนี้ผมจะไม่ยอมอดทนอีกแล้วนะ”
ม่านนทีหน้าร้อนผ่าวทำท่าจะดึงมือออกทันควัน แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากปากของเตชิต หญิงสาวรู้ได้ทันทีถูกอีกฝ่ายแกล้งให้เสียแล้ว ม่านนทียกมือขึ้นทุบไหล่กว้างอย่างนึกโมโห
“คนบ้า ชอบแกล้งกันดีนัก”
ม่านนทีโวยวายหน้าแดงก่ำ ท่ามกลางเสียงหัวเราะคนตัวสูงที่ยกแขนขึ้นป้อง บรรยากาศกรุ่นไอรักอบอวลรอบกายของทั้งสองคน ถึงแม้ว่าช่องว่างเขาและเธอจะยังคงไม่หายไป...หากแต่เตชิตก็ช่วยให้หญิงสาวเชื่อมั่นในคุณค่าตัวเองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
***********************
มดขึ้นอีกแล้วค่ะงานนี้
เขียนไปยังแอบบ่นไป ว่าเมื่อไหร่คู่นี้จะลงเอยกันสักที ^//^
เบลินญา
ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
บ้านไม้สองชั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ไม่ถึงร้อยตารางกิโลเมตร แต่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้หลายชนิดทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ที่เจ้าของบ้านคนก่อนหามาปลูกเอาไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ม่านนทีเก็บเงินซื้อบ้านหลังนี้มาเมื่อสองปีก่อน นับเป็นความภาคภูมิใจของเธอที่ซื้อมาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
ภายในตัวบ้านแลดูโปร่งสบาย มีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีห้องรับแขกและห้องครัวแยกกันต่างหาก บนชั้นสองมีระเบียงเล็ก ๆ ติดกับห้องนอน บานหน้าต่างคลุมผ้าม่านสีฟ้าน้ำทะเล ส่งผลให้บรรยากาศภายในสดชื่นมากกว่าที่เห็น
“บ้านคุณน่าอยู่ดีนะครับ” เตชิตกล่าวชม ก่อนหน้านี้เขาเพียงแต่ขับรถมาส่งม่านนทีที่หน้าประตูรั้วแต่ไม่เคยถือวิสาสะเข้ามาสักครั้งเดียว
“เจ้าของคนเก่าดูแลดีน่ะค่ะ ฉันชอบบรรยากาศของที่นี่มากก็เลยขอซื้อต่อ...กาแฟค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ร่างสูงเอื้อมมือไปรับถ้วยกาแฟหอมกรุ่นมาวางไว้บนโต๊ะ ส่วนม่านนทีกลับเดินอ้อมไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่อยู่ถัดออกไป ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนลอบมองเธอเป็นระยะ รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ รอบตัวหญิงสาว แต่ก็ไม่ปริปากถามอะไร
“คุณน้ำ”
“อะไรคะ”
ใบหน้าคมคายยิ้มให้เธอ พลางประสานมือเข้าด้วยกัน
“คุณเข้าไปเยี่ยมเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าร่มเกล้ามาแล้วใช่ไหมครับ” คำถามตรงประเด็นของชายหนุ่ม ทำให้เธอนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนพยักหน้ารับเบา ๆ
“ค่ะ”
สีหน้าแววตาของเตชิตบ่งบอกว่าเขารู้อยู่แล้ว เพียงแต่มีบางอย่างที่ยังติดใจสงสัย
“เมื่อเช้าผมโทรฯหาคุณหลายครั้ง ตั้งใจชวนคุณเข้าไปเยี่ยมครูวิภาด้วยกันแต่ก็โทรฯไม่ติด พอจะบอกเหตุผลกับผมได้หรือเปล่าครับ ว่าเพราะอะไร” เตชิตสบตาเธอตรง ๆ
“เอ่อ...คือฉันเกรงใจไม่อยากรบกวนคุณน่ะค่ะ อีกอย่างตอนนี้ฉันเองก็งานยุ่งด้วยเลยไม่อยากรับโทรศัพท์เท่าไหร่”
ม่านนทีจงใจโกหกแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยแนบเนียนนัก เพราะดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมองมา ยังคงเต็มไปด้วยคำถามอยู่เช่นเดิม ความเงียบงันระหว่างเขาและเธอ ส่งผลให้ร่างบางรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“คุณน้ำ”
“เดี๋ยวฉันไปปอกผลไม้มาให้นะคะ พอดีมีแตงโมแช่อยู่ในตู้เย็นลูกหนึ่ง” ทันทีที่เขาเอ่ยปาก ม่านนทีก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ หาข้ออ้างเดินหลบเข้าไปในครัวทันที
เตชิตมองตามร่างบางเดินห่างออกไปด้วยแววตาไม่บ่งบอกความรู้สึก ทำเอาม่านนทีถึงกับลอบถอนหายใจยาว ไม่ง่ายเลยสำหรับการพูดโกหกเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายอย่างเตชิต ทุกครั้งที่ถูกดวงตาคู่นั้นจ้องมองมา หญิงสาวเป็นต้องทำตัวไม่ถูกทุกที
“..เข้มแข็งเอาไว้ม่านนที”
เธอกระซิบเตือนตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ด้วยตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะคืนเตชิตให้กับปิ่นแก้วเพื่อนสาวคนสนิท ทั้งคู่ล้วนมาจากฐานะชาติตระกูลทัดเทียมกัน แถมยังนิสัยดีด้วยกันทั้งคู่อีกด้วย
ม่านนทีหยิบผลไม้ออกมาจากตู้เย็น บรรจงปอกเปลือกนาน ๆ เพื่อจะได้ไม่มีเวลาพูดคุยกับเขา
“มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”
จู่ ๆ เสียงทุ้มนุ่มก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง พร้อมกับมือใหญ่ที่เอื้อมเข้ามาช่วยเธอประคองด้ามมีด ส่งผลให้ม่านนทีสะดุ้งโหยงแก้มร้อนผ่าว เท่านั้นยังไม่พอมือมือข้างที่เหลือของเตชิตยังอ้อมเข้ามาโอบรอบเอวบางไว้แนบแน่นอีกด้วย
“อุ้ย คุณเตชิต จะทำอะไรคะ” หญิงสาวร้องประท้วง แต่เมื่อหันกลับไปมองก็ต้องหน้าแดงอีกครั้ง เมื่อปลายจมูกโด่งจรดเข้ากับแก้มเนียนอย่างเหมาะเจาะ
“เปล่านี่ครับ” เตชิตเหยียดยิ้ม ดวงตาเป็นประกายซุกซน
หลังจากที่รู้ตัวว่าพลาดท่าให้กับคนตัวสูง ม่านนทีก็รีบฝืนตัวออกห่าง แต่เตชิตไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ
“ปล่อยสิ คนบ้า” เธอดิ้นขลุกขลัก “เดี๋ยวถูกมีดบาดเอาหรอก”
“ดีเหมือนกัน ผมจะได้มีข้ออ้างขอให้คุณช่วยทำแผลให้”
“คุณเตชิต” ม่านนทีรีบปล่อยมือจากด้ามมีด หันมาจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง “ทำอะไรของคุณคะ อยู่ดี ๆ ลุกขึ้นมาแกล้งฉันทำไม”
เตชิตถอนหายใจยาว มองดูเธอด้วยแววตาอ่อนโยน
“คุณน้ำต่างหากที่เป็นฝ่ายแกล้งผม”
“อะไรนะคะ”
“พูดความจริงออกมาดีกว่า ว่าคุณกำลังพยายามหลบหน้าผมอยู่” เขาเอ่ยพลางดึงร่างบางเข้าแนบชิดลำตัวมากกว่าเดิม สายตาคาดคั้นที่จ้องมองมา ส่งผลให้ม่านนทีก้มหน้าปฏิเสธ
“เปล่าซะหน่อย”
“โกหก”
“ไม่ได้โกหก” หญิงสาวออกแรงดันร่างหนาออก จนมือปัดไปถูกแก้วน้ำที่วางองอยู่ใกล้ ๆ ตกลงไปแตกกระจายอยู่บนพื้น เตชิตจึงคลายมือออกจากร่างบางทันที
“ขอโทษ เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาเอ่ยปากขอโทษ
“แย่จัง เพราะคุณแท้ ๆ เลย”
ม่านนทีที่กำลังอยู่ในอารมณ์โมโห รีบก้มลงเก็บเศษแก้วใส่ถังขยะไม่ยอมมองหน้า เตชิตจึงย่อกายลงอาสาช่วยเก็บ แต่หญิงสาวปัดมือเขาออกและปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ ฉันจัดการเองได้”
“ให้ผมช่วยดีกว่า มันอันตราย”
“บอกแล้วไง ว่าไม่ต้อง”
“อุ้บ”
“คุณเตชิต”
ม่านนทีอุทานเสียงดัง หลังผลของการเกี่ยงงอนกันไปมา ทำให้เศษแก้วใบใหญ่บาดถูกนิ้วมือของเตชิตจนได้ หยดเลือดที่ไหลรินออกมาจากปากแผลหยดลงพื้นเป็นวงใหญ่ ร้อนถึงหญิงสาวต้องรีบหาผ้าสะอาดมากดห้ามเลือดเอาไว้
“ขอโทษนะคะ เจ็บมากหรือเปล่า” ม่านนทีหน้าซีด ช่วยประคองเขาลุกขึ้นยืน
“ไม่เป็นไรครับ โชคดีที่แผลไม่ลึกมากเท่าไหร่ แต่ก็ปวดเอาการอยู่” เตชิตหันมายิ้มบาง ๆ ให้เธอ “ดีแล้วที่คุณไม่โดนบาดไปด้วย”
“ยังจะมาพูดดีอีก เข้าไปนั่งบนเก้าอี้โซฟาก่อน เดี๋ยวฉันจะรีบไปเอายามาใส่ให้”
ม่านนทีทำเสียงดุใส่เขา ก่อนเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองเพื่อค้นหากล่องปฐมพยาบาลมาช่วยทำแผลให้ เตชิตเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้โซฟา รู้สึกปวดบาดแผลขึ้นมานิดหน่อยจึงใช้ผ้ากดทับเอาไว้ ไม่กี่นาทีต่อมาหญิงสาวก็เดินลงบันไดมาพร้อมกับกล่องยาในมือ ม่านนทีเดินตรงเข้าไปนั่งบนเก้าอี้โซฟาตัวเดียวกับเขา ตรวจดูรอยแผลด้วยความเป็นห่วง
“ต้องรีบล้างแผลให้สะอาดก่อน เดี๋ยวจะพลอยติดเชื้อโรคเอา”
ม่านนทีค่อย ๆ ใช้สำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือ สีหน้าแววตาเป็นห่วงเป็นใยที่เผยออกมาให้เห็น ส่งผลให้ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ช่วงเวลาที่หญิงสาวประคับประคองทำแผลอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มก็ถือโอกาสลอบมอบม่านนทีในระยะใกล้ไปด้วย ดวงหน้างามเป็นธรรมชาติปราศจากการปรุงแต่ง ล้อมกรอบเส้นผมยาวสลวยจรดกลางหลัง แลดูบอบบางน่าทะนุถนอมมากกว่าที่คิดเอาไว้ ม่านนทีใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที พันผ้ากอซสีขาวลงบนบาดแผลเพื่อป้องกันเชื้อโรค
“เรียบร้อย คราวนี้ก็ต้องระวังอย่าให้น้ำเข้านะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“คุณนี่ไม่ระวังเอาเสียเลย ใครใช้ให้ผู้ชายทำเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้กันล่ะ” ม่านนทีถือโอกาสต่อว่า
“แต่มันก็ยังดีกว่าเสี่ยงให้คุณโดนบาดไม่ใช่หรือ” เขาเอ่ยยิ้ม
คำตอบของเตชิต สร้างความหวั่นไหวให้กับเธอทุกครั้งที่ได้ยิน เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าเขานั่งอยู่ใกล้เธอมาก...มากเสียจนรับรู้ได้ถึงแรงเต้นของหัวใจด้วยซ้ำไป
“ขอโทษนะคะ ฉันขอตัวเอาของพวกนี้ไปเก็บก่อน”
ม่านนทีทำท่าจะลุกหนี แต่เตชิตก็ไวพอที่จะคว้าต้นแขนเรียวบางและดึงเอาไว้เช่นกัน
“เดี๋ยวสิครับ”
“ปล่อย”
กิริยาต่อต้านของหญิงสาว ส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย อันที่จริงเตชิตเพียงแต่ต้องการรั้งตัวเธอเอาไว้เพื่อกล่าวคำขอบคุณ แต่เมื่อเป็นแบบนี้ เขาจึงเปลี่ยนความตั้งใจขึ้นมากะทันหัน
“เป็นอะไรไปคุณน้ำ ทำไมต้องตั้งท่ารังเกียจผมขนาดนั้นด้วย” ใบหน้าคมคายเครียดขรึมลง พร้อมกับออกแรงบังคับร่างบางไม่ให้ลุกหนี “ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า”
แม้รู้ว่าตนโกหกไม่เก่งแต่ก็ยังฝืน
“เปล่าค่ะ”
“คุณน้ำ” เขาเรียกชื่อเธอหนัก ๆ
“ปล่อยฉันเถอะค่ะคุณเตชิต” ร่างบางออกแรงฝืน พยายามลุกหนีให้ได้ เตชิตจึงเปลี่ยนจากวิธีคาดคั้นด้วยวาจาเป็นการกระทำ ด้วยการกดไหล่บางลงนอนบนเก้าอี้โซฟาพร้อมกับโน้มลำตัวลงไปกดทับเอาไว้แทน
“คุณเตชิต” ม่านนทีใจเต้นระรัว ยกมือขึ้นดันออกห่างก่อนถูกมือใหญ่กดเอาไว้จนกระดิกไม่ได้ “จะทำอะไรคะ”
“รู้ตัวบ้างไหมคุณน้ำ ว่าคุณน่ะทั้งดื้อแล้วก็หัวแข็งมากขนาดไหน ขนาดคราวก่อนผมเคยร้องขอแล้วแท้ ๆ ว่าห้ามเก็บเรื่องอะไรไว้ภายในใจ แต่คุณก็ไม่ยอมฟังแถมคราวนี้ยังแกล้งทำหมางเมินกับผมอีก”
แม้น้ำเสียงจะฟังดูนุ่มนวลอ่อนโยน หากแต่ดวงตาสีน้ำตาล กลับฉายแววกรุ่นโกรธในแบบที่ม่านนทีไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงหน้าแดงแดงปลั่ง เมื่อสัมผัสชิดใกล้ทำให้หวนนึกไปถึงรอยจุมพิตร้อนระอุครั้งก่อนไม่ได้ จึงพยายามเบี่ยงหน้าหลบไม่กล้าสบตาเตชิตตรง ๆ
“รู้แบบนี้แล้ว ว่าเลิกยุ่งกับฉันซะทีสิ” ม่านนทีหลุดปากโพล่งออกไป หารู้ไม่ว่าเป็นการเพิ่มความเดือดร้อนมากขึ้นไปอีก
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปถนัดตา หลังจากได้ยินคำพูดไม่คาดคิดจากปากของหญิงสาว
“คุณพูดว่ายังไงนะ” เขากระซิบถามเสียงแผ่ว
ม่านนทีใจเต้นตึกตัก คิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องโกรธแน่ ๆ แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็มีแต่ต้องพูดให้จบเท่านั้น
“ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ฐานะก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร การที่คุณมายุ่งเกี่ยววุ่นวายด้วยแบบนี้ มันทำให้ฉันอึดอัดใจมากเข้าใจหรือเปล่าคะ” เธอตอบเสียงดังฟังชัด “สำหรับคุณคงไม่เดือดร้อนอะไรหรอก แต่สำหรับฉันที่ต้องมานั่งแก้ตัวว่าไม่เคยคิดอะไรกับคุณ มันน่าเบื่อมากรู้ไหม”
“จริงหรือเปล่า”
“อะไรนะ...” ม่านนทีกระพริบตาถี่ ไม่เข้าใจคำถาม
เตชิตโน้มใบหน้าลงไปหา ดวงตาประสานกันราวกับต้องการคำตอบที่ออกมาจากหัวใจ
“เมื่อกี้คุณบอกว่าไม่เคยคิดอะไรกับผม ที่พูดมานั่นแน่ใจแล้วหรือว่าไม่ได้โกหก” ชายหนุ่มถามย้ำเสียงกระด้าง ม่านนทีใจเต้นแรงรู้ดีว่าคำตอบที่แท้จริงเป็นอย่างไร
แต่คำตอบที่พูดออกไป กลับตรงกันข้ามกับหัวใจอย่างสิ้นเชิง
“แน่ใจค่ะ” หญิงสาวฝืนใจโกหก “และฉันก็แน่ใจด้วยว่า คุณเองก็คงมีหญิงสาวผู้เพียบพร้อมเข้าคิวรอแต่งงานด้วยอยู่แล้ว”
“ให้ตายเถอะ..ผมยอมแพ้ให้กับความช่างคิดของคุณจริง ๆ”
เตชิตหลับตาถอนหายใจยาว จรดหน้าผากของตัวเองลงกับเส้นผมนุ่มสลวยเบา ๆ หลังจากที่เริ่มเข้าใจสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้น...นี่สินะที่เขาพูดกันว่าหัวใจของผู้หญิงลึกล้ำยิ่งกว่ามหาสมุทร เพิ่งเคยเห็นตัวอย่างชัด ๆ ก็วันนี้เอง
“อย่าบอกนะว่าคุณ’เริ่มหึง’ ผม ไม่สิดูจากท่าทางของคุณแล้ว เรียกว่า ‘กำลังหึง’ผมอยู่มากกว่า”
“เปล่าซะหน่อย” ม่านนทีรีบแย้งแก้มแดงปลั่ง
“เลิกพูดจาทำนองนี้สักทีเถอะคุณน้ำ...ผมรู้นะว่าคุณกำลังกลัวว่าผมจะเหมือนกับผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไป ที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นพอเบื่อแล้วก็ทิ้งไปแต่งงานกับเจ้าสาวที่มีชาติตระกูลสินะ”
“.....”
“ผมเดาถูกใช่หรือเปล่า” เตชิตลืมตาขึ้นสบสายตากับเธอ ปลายจมูกและริมฝีปากอยู่ใกล้กันเพียงแค่ปลายนิ้ว ความร้อนและไออุ่นจากลำตัวที่ทาบทับอยู่ด้านบน ส่งผลให้หญิงสาวตัวแข็งไม่กล้าขยับ มีเพียงดวงตาระริกไหวเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเธอกำลังกลัว
“คุณเตชิต”
“ถ้าใช่ ผมก็ขอตอบคุณด้วยรอยจูบนี้ก็แล้วกัน”
ขาดคำเตชิตก็ปิดปากนุ่มด้วยจุมพิตหนักหน่วงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ม่านนทีหลับตาแน่นเมื่อริมฝีปากถูกบดเบียดรุนแรงและแน่นหนักสลับผ่อนเบาครั้งแล้วครั้งเล่า ฝ่ามือใหญ่สอดใต้เส้นผมนุ่มสลวยประคองหลังศีรษะ บังคับให้แหงนขึ้นรับโทษอย่างไม่อาจหลีกหนี หญิงสาวร้องแผ่วในลำคอ เมื่อชายหนุ่มแทรกปลายลิ้นเข้าไปลิ้มรสชาติความหวานภายใน จุมพิตที่เตชิตเรียกร้องจากเธอทั้งรุ่มร้อนและหวานละมุนจนร่างบางสั่นสะท้าน
“อืม”
ม่านนทีอ้าปากจะร้องขอให้หยุด แต่เตชิตประทับริมฝีปากจุมพิตลงมาแนบแน่น ทวีความลึกล้ำขึ้นทีละน้อย รุกรานด้วยปลายลิ้นอุ่นจัดจนหญิงสาวแทบไม่มีช่องว่างเว้นเหลือให้หายใจ อ้อมกอดของเตชิตเต็มไปด้วยความปรารถนาที่เจ้าตัวพยายามเก็บซ่อนมานาน ซึ่งคนผิดที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระตุ้นครั้งนี้ ก็คือหญิงสาวในอ้อมแขนนั่นเอง
รอยจูบบนเรียวปากเต็มไปด้วยความปรารถนาราวกับไม่มีวันจบ เตชิตวนเวียนลิ้มรสความนุ่มละมุนจากเรียวปากสีชมพูจนพอใจ ก่อนถอนริมฝีปากเคลื่อนไปตามแก้มเนียนและซอกคอหอมกรุ่น สัมผัสร้อนระอุจากเรียวปากและฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ไปทั่วร่าง ส่งผลให้ม่านนทีเผลอตัวขยุ้มแขนเสื้อของชายหนุ่มเข้าหากัน เมื่อถูกคลื่นความเสน่หาที่ร้อนแรงถาโถมเข้าใส่จนตั้งตัวไม่ติด
“คุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า รู้ตัวหรือเปล่าคุณน้ำ”
ใบหน้าคมคายกระซิบเสียงแหบพร่า เคลื่อนริมฝีปากลงไปตามเนินอกขาวลออตา มีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวบางที่เหลือกระดุมอยู่ไม่กี่เม็ด ม่านนทีครางเสียงหวานอย่างลืมตัวเมื่อริมฝีปากร้อนระอุฝากรอยช้ำเล็ก ๆ บนผิวกาย มือเล็กขยุ้มเส้นผมดกหนาราวกับกำลังร้องขอให้เขาหยุด แต่คำตอบที่ได้กลับกลายเป็นจุมพิตร้อนระอุภายใต้อ้อมกอดที่รัดแน่น
“อย่า...คุณเตชิต”
ม่านนทีคิดว่าตัวเองตะโกนร้องขอออกไป ทั้งที่ความจริงเป็นเพียงแค่เสียงกระซิบแผ่ว หญิงสาวแน่ใจว่าต้องขาดใจลงภายในเวลาไม่กี่นาทีข้างหน้าหากว่าเขาไม่ยอมหยุด แต่เตชิตก็ยังคงเป็นเตชิตที่มักควบคุมอารมณ์ได้ดีภายใต้สถานการณ์บีบคั้น ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกค่อย ๆ ถอนตัวออกจากห้วงความปรารถนาลึกล้ำ คืนสู่ความเป็นตัวของตัวเอง
ตรงกันข้ามกับม่านนทีที่ไม่สามารถควบคุมร่างกายอันร้อนผ่าวของตัวเองได้ ใบหน้าหวานแดงจัด ดวงตาคลอหยดน้ำใส หากไม่ติดว่าข้อมือถูกรวบจับอยู่ ป่านนี้คงเหวี่ยงฝ่ามือฟาดใส่ใบหน้าคมคายไปแล้ว
“คนเลว ชอบฉวยโอกาส” เธอต่อว่าทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสสระ
“กับคนหัวดื้ออย่างคุณ ผมก็ต้องใช้วิธีแบบนี้แหละ”
“คนบ้า”
ยังไม่ทันที่ม่านนทีจะสรรหาคำพูดมาด่าเขา ร่างบางก็ถูกดึงให้ลุกนั่งและรวบกอดเอาไว้แนบแน่น หญิงสาวยกมือขึ้นทุบไหล่กว้างเป็นพัลวันด้วยแรงโกรธ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ ทั้งยังพรมจูบไปทั่วดวงหน้างามและเรียวปาก จนม่านนทีต้องยกมือขึ้นทุบเข้าที่นิ้วมือของคนฉวยโอกาสเต็มแรง
“ปล่อยนะ”
วิธีนี้ได้ผลชะงัดนัก ทำเอาเตชิตรีบคลายวงแขนออกจากร่างบางทันที แรงกระแทกเมื่อครู่ทำให้ปากแผลเปิดออกและมีเลือดไหลซึมผ้ากอซออกมาให้เห็นเป็นริ้ว ๆ ใบหน้าคมคายนิ่วหน้าเป็นเชิงบ่น
“เจ็บนะครับ แผลยังไม่ทันปิดสนิทดีด้วยซ้ำ” ผู้เสียหายร้องครวญ
“สมน้ำหน้าชอบฉวยโอกาสดีนัก ขอให้ปากแผลติดเชื้อโรคตายไปเลยยิ่งดี” ม่านนทีตะโกนใส่ ความโกรธที่มีต่อเขาไม่ยอมจางหายไปง่าย ๆ
ใบหน้าคมคายฉายแววสำนึกผิด เมื่อเห็นรอยแดงจาง ๆ บนผิวขาวเนียน อันเกิดจากผลงานของตน
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณโกรธ”
ม่านนทีได้แต่เม้มปากเข้ากันแน่น ไม่ยกโทษหรือยอมพูดจา เตชิตจึงรู้ตัวว่าการกระทำของคนในครั้งนี้ก้าวล้ำขอบเขตไปจริง ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ดึงมือบางเข้ามากุมไว้ราวกับต้องการถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้
“ฟังผมนะคุณน้ำ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร...หรือเป็นเพียงผู้หญิงต้อยต่ำไร้ชาติตระกูลขนาดไหนก็ตาม ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าคุณเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักมากที่สุด เพราะฉะนั้นเลิกคิดสร้างกำแพงขึ้นมาขวางกั้นเสียที” ชายหนุ่มเน้นหนักทุกถ้อยคำ
หัวใจดวงน้อย ๆ ของหญิงสาวไหวหวั่นราวกับระลอกคลื่นอยู่ภายใน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอเองก็เผลอใจรักเขาไม่แพ้กัน
“คุณเตชิต”
“เชื่อมั่นในตัวผมหน่อยสิคุณน้ำ ผมรักคุณและรักทุกอย่างที่เป็นคุณ แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ถ้าขืนคุณยังไม่ยอมหยุดพูดจาบั่นทอนกำลังใจผมอีกละก็...” เตชิตเว้นจังหวะดวงตาเป็นประกายลึกล้ำ “คราวนี้ผมจะไม่ยอมอดทนอีกแล้วนะ”
ม่านนทีหน้าร้อนผ่าวทำท่าจะดึงมือออกทันควัน แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากปากของเตชิต หญิงสาวรู้ได้ทันทีถูกอีกฝ่ายแกล้งให้เสียแล้ว ม่านนทียกมือขึ้นทุบไหล่กว้างอย่างนึกโมโห
“คนบ้า ชอบแกล้งกันดีนัก”
ม่านนทีโวยวายหน้าแดงก่ำ ท่ามกลางเสียงหัวเราะคนตัวสูงที่ยกแขนขึ้นป้อง บรรยากาศกรุ่นไอรักอบอวลรอบกายของทั้งสองคน ถึงแม้ว่าช่องว่างเขาและเธอจะยังคงไม่หายไป...หากแต่เตชิตก็ช่วยให้หญิงสาวเชื่อมั่นในคุณค่าตัวเองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
***********************
มดขึ้นอีกแล้วค่ะงานนี้
เขียนไปยังแอบบ่นไป ว่าเมื่อไหร่คู่นี้จะลงเอยกันสักที ^//^
เบลินญา

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2554, 10:45:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2554, 10:45:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 2345
<< ตอนที่ 16 ค่าของคนอยู่ที่หัวใจ | ตอนที่ 18 ทะเลกระซิบรัก >> |

nunoi 18 ต.ค. 2554, 13:15:18 น.
หวานจัง
หวานจัง


กานต์นวีร์ 18 ต.ค. 2554, 14:10:34 น.
เอาใจช่วยให้คุณเตชิตถมช่องว่างของทั้งสองให้เต็มสักที
หนูน้ำจะได้เลิกคิดดูถูกตัวเอง
เอาใจช่วยให้คุณเตชิตถมช่องว่างของทั้งสองให้เต็มสักที
หนูน้ำจะได้เลิกคิดดูถูกตัวเอง

bloomberg 18 ต.ค. 2554, 15:02:17 น.
คนมีปมด้อยในชาติกำเนิดอย่างม่านนทีก็ต้องคิดมากเป็นธรรมดา
แต่ดูที่การกระทำของเตชิตดีกว่ามั๊ยหนูน้ำ เขาใส่ใจซะขนาดนี้ วันข้างหน้าอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเป็นเถอะ
คนมีปมด้อยในชาติกำเนิดอย่างม่านนทีก็ต้องคิดมากเป็นธรรมดา
แต่ดูที่การกระทำของเตชิตดีกว่ามั๊ยหนูน้ำ เขาใส่ใจซะขนาดนี้ วันข้างหน้าอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเป็นเถอะ

violette 18 ต.ค. 2554, 15:17:15 น.
อยากให้คู่นี้หวานๆค่ะ เพราะคู่หนูปิ่นก็แย่แล้วเน่อ อิอิ
อยากให้คู่นี้หวานๆค่ะ เพราะคู่หนูปิ่นก็แย่แล้วเน่อ อิอิ

เบลินญา 18 ต.ค. 2554, 15:19:14 น.
ช่วงนี้ไรเตอร์กะลังมึนค่ะ เขียนผิดเขียนถูก T_T
ช่วงนี้ไรเตอร์กะลังมึนค่ะ เขียนผิดเขียนถูก T_T

anOO 18 ต.ค. 2554, 16:57:45 น.
เตชิตเค้าพูดออกมาหมดแล้ว เพราะงั้นเลิกกังวลได้แล้วยัยน้ำ
เตชิตเค้าพูดออกมาหมดแล้ว เพราะงั้นเลิกกังวลได้แล้วยัยน้ำ

Zephyr 19 ต.ค. 2554, 15:10:58 น.
น้ำเอ้ย จะคืนให้ยายปิ่นทำไม จำไม่ได้เหรอ คู่ดูตัวยายปิ่นชื่อราเมศไม่ใช่เตชิตซะหน่อย คุณเตก็เข้าใจหนูน้ำหน่อยนะ คนมันมีปมด้อยนี่นา
น้ำเอ้ย จะคืนให้ยายปิ่นทำไม จำไม่ได้เหรอ คู่ดูตัวยายปิ่นชื่อราเมศไม่ใช่เตชิตซะหน่อย คุณเตก็เข้าใจหนูน้ำหน่อยนะ คนมันมีปมด้อยนี่นา