กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ

ตอน: ตอนที่ 18 ทะเลกระซิบรัก

บทที่ 18
ทะเลกระซิบรัก

“เป็นอะไรไปลูกปิ่น สีหน้าท่าทางไม่ค่อยสดชื่นเลย ไม่สบายหรือเปล่า”

นายเดชาเอ่ยปากถามบุตรสาว ขณะร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน เจ้าบ้านตระกูลวัฒนะเอกดำรงชำเลืองมองไปยังจานข้าวของปิ่นแก้วที่พร่องลงไปเพียงเล็กน้อย ราวกับเจ้าตัวไม่มีกะจิตกะใจจะทาน

“เปล่าค่ะ เพียงแต่ไม่อยากทานเท่านั้นเอง” ปิ่นแก้วทำหน้าเจื่อน

“เป็นอะไรไป อาทิตย์ก่อนยังเห็นอารมณ์ดีอยู่เลยแท้ ๆ วันนี้ทำหน้าเบื่อโลกเหมือนคนป่วยหนักซะอย่างนั้น” ชายสูงวัยวางช้อนส้อมลงข้างจาน หันมาถามน้ำเสียงจริงจัง

“ก็มันน่าเบื่อจริง ๆ นี่คะ” เธอยอมรับ

นับจากวันกลับมาจากการทานข้าวกับราเมศ ปิ่นแก้วก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานอะไรทั้งนั้น ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อนขึ้นมาทีไร หัวใจของหญิงสาวก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก น่าแปลกจริง ๆ อาการดังกล่าวพาลทำให้เธอกินอะไรไม่ลงไปโดยปริยาย

นายเดชามองลูกสาวอย่างพินิจ

“อาการแบบนี้ สงสัยจะไม่ได้ป่วยทางกายอย่างเดียวแล้วกระมัง สงสัยว่าเจ้าหนุ่มที่ควงกันไปงานเต้นรำ จะทำให้ขุ่นเคืองใจเข้าละสิท่า”

ปิ่นแก้วหน้าหมองลงทันที เมื่อได้ยินบิดาเอ่ยพาดพิงถึงผู้ชายที่เธอไม่อยากเจอที่สุด

“คนพรรค์นั้นปิ่นไม่สนใจหรอกค่ะ แม้แต่หน้าก็ยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ” เธอบ่นอุบอิบในลำคอ

นึกแล้วก็ยังแค้นไม่หาย ผู้ชายบ้าอะไรเที่ยวทำตัวเจ้าชู้เรี่ยราดไปทั่ว ทั้งที่ตัวเองมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ยังกล้ามาเกาะแกะกับเธออีก

“ดูท่าจะอาการหนักนะเรา เอาเถอะนะหนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็มักเป็นแบบนี้แหละ คงต้องรอให้เวลาผ่านไปสักระยะถึงจะเข้ากันได้ เข้าใจหรือเปล่า” ชายสูงวัยกล่าวตามประสาคนแก่อาบน้ำร้อนมาก่อน

“ไม่มีทางหรอกค่ะคุณพ่อ คนอย่างหมอนั่นต่อให้เหลือคนเดียวในโลก ปิ่นก็ไม่จะไม่ยอมรักเขาเด็ดขาด” เธอประกาศน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ

“อย่าเพิ่งพูดไปดีกว่า ไม่เคยได้ยินโบราณพูดว่า ‘เกลียดอย่างไร มักได้อย่างนั้น’ หรือไง ไม่แน่นะเจ้าหนุ่มนั่นอาจเหมาะกับลูกมากกว่าที่คิดก็ได้” นายเดชาหัวเราะร่วน แต่ปิ่นแก้วทำหน้าเย้ายิ่งกว่าเดิม

“คุณพ่อ”

“เอาเถอะ ๆ รู้อยู่หรอกว่ากำลังเครียดอยู่ เอาอย่างนี้ไหมล่ะพอดีวันพรุ่งนี้บริษัทมีการจัดสัมมนาพบปะเพื่อนผู้บริหารที่ชะอำสักสองสามวัน ถ้าลูกอยากพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ จะไปด้วยก็ได้นะ”

ปิ่นแก้วสนใจข้อเสนอบิดาขึ้นมาเล็กน้อย “จะดีเหรอคะ”

“ดีสิ จะได้ถือโอกาสพักร้อนไปด้วยไง”

“มีคนไปเยอะมากไหมคะ คือ...ถ้าเป็นไปได้ปิ่นพักผ่อนเงียบ ๆ คนเดียวมากกว่า”

“มีอยู่แค่ไม่กี่คนหรอก ส่วนใหญ่ก็จะถือโอกาสพาครอบครัวมาพักผ่อนด้วยกัน ไม่ได้เป็นพิธีการวุ่นวายอะไร น่าเสียดายที่พ่อติดประชุมเลยไปด้วยไม่ได้ เห็นลูกชอบทะเลก็เลยลองชวนดู เผื่อว่าจะสนใจ”

“อ้าว คุณพ่อไม่ได้ไปด้วยเหรอคะ” ปิ่นแก้วทำหน้าเสียดาย

“อยากไปเหมือนกัน แต่คงต้องประชุมให้เสร็จก่อน ไม่แน่อาจตามไปทีหลัง”

ปิ่นแก้วใช้เวลาไตร่ตรองอยู่ไม่นานก็ตกปากรับคำ ดีเหมือนกันจะได้ถือโอกาสพักผ่อนริมทะเล ไม่ต้องมานั่งเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องให้หนักอก

“ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นปิ่นขอติดรถไปด้วยคน”

ผู้เป็นพ่อยกมือขึ้นลูบศีรษะเบา ๆ อย่างรักใคร่

“ต้องอย่างนี้สิ อย่าลืมเที่ยวเผื่อพ่อด้วยล่ะ”

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ แล้วปิ่นจะซื้อของมาฝากนะคะ” หญิงสาวยิ้มหวาน ดวงหน้างามสดชื่นขึ้นมากกว่าเดิม วาดฝันถึงชายหาดทะเลสีขาวบริสุทธิ์และอากาศสดชื่น ที่จะทำให้เธอลืมหน้าใครบางคนออกไปจากชีวิตเสียที


....ทิวทัศน์ด้านนอกบานหน้าต่างของรีสอร์ทหรู แลเห็นทะเลสีครามจรดเส้นขอบฟ้าท่ามกลางความสงบเงียบ ใต้อ้อมกอดของทะเลสีครามตามสไตล์ของผู้ที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว

ปิ่นแก้วเปิดหน้าต่างสูดอากาศบริสุทธิ์ ปล่อยให้สายลมทะเลพัดพาเข้ามาในห้องเพื่อไล่ความอับชื้น รีสอร์ทแห่งนี้หันหน้าเข้าหาทะเล สามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นชายหาดส่วนตัวของรีสอร์ท ภายในห้องพักตกแต่งมีสไตล์เฉพาะตัวสะอาดสวยงาม บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ รวมไปถึงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

“หาดทรายสวยจังเลย” ปิ่นแก้วยิ้มละไม มองทิวทัศน์จากบนหน้าต่างท่ามกลางบรรยากาศสดชื่น

หลังจากการเดินทางอันน่าเบื่อสิ้นสุดลง หญิงสาวกับคณะก็เดินทางมาถึงที่พักติดทะเล ภายในห้องพักมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ หญิงสาวไม่รอช้ารีบเปลี่ยนชุดจากเสื้อคลุมมิดชิดเป็นเดรสลายดอกไม้สีขาวแขนกุด รองเท้าแตะสาน เดินลงไปชมความงามบนชายหาด

ลมทะเลพัดเส้นผมยาวสลวยเป็นคลื่นจรดกลางหลัง ผิวหน้ารู้สึกได้ถึงสายลมแรงที่พัดหอบเอากลิ่นของน้ำทะเลขึ้นมาสู่หาดทราย ร่างบางเดินเข้าไปหาคลื่นที่พัดพาเข้าฝั่งด้วยความรู้สึกเพลิดเพลินยิ่ง

“น้ำใสดีเหลือเกิน”

ปิ่นแก้วหัวเราะคิก ยกมือขึ้นปัดเส้นผมออกจากใบหน้า ความสดชื่นของแสงแดดและสายลมทำให้เธอนึกอยากลงไปว่ายน้ำกับปลาทะเล

อีกฟากหนึ่งของชายหาด รถตู้ระดับวีไอพีอีกคันหนึ่งเพิ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบช้า ๆ ไม่ช้าคนขับรถตู้ก็เดินลงมาเปิดประตูให้แก่บรรดาผู้บริหารอีกชุดหนึ่ง เดินลงมาพร้อมกับกระเป๋าและสัมภาระจำนวนหนึ่ง นางแบบสาวสวยก้าวลงมาจากรถพร้อมกับแว่นตากันแดดสีดำชุดกระโปรงสีสดลายดอกพวงแสด เคียงคู่คล้องแขนติดกับบุรุษร่างสูงสง่างามไม่ยอมห่าง

“ที่นี่ร้อนกว่าที่คิดอีกนะคะราเมศ” แววดาวรีบยกมือขึ้นป้องใบหน้าเพราะสู้ความร้อนไม่ค่อยไหว

“อากาศริมทะเลก็เป็นแบบนี้แหละครับ แดดแรงกว่าปกติอยู่แล้ว”

ราเมศหรี่ตามองหาที่ตั้งรีสอร์ทที่บริษัทจัดเตรียมเอาไว้ให้ หลังจากถูกบังคับกึ่งรับเชิญให้มาร่วมพบปะสังสรรค์ในแวดวงผู้บริหาร ภายใต้คำสั่งประกาศิตของคุณหญิงวิมลชื่นผู้เป็นป้า ที่ถึงขั้นออกปากขู่ไว้ว่าจะโทรศัพท์มาตามทุกชั่วโมง หากว่าเขาไม่ยอมร่วมทำหน้าที่ผู้บริหารที่ดี แถมข่าวคราวครั้งนี้ยังเป็นสาเหตุให้แววดาว ถือโอกาสติดสอยห้อยตามมาอย่างไม่คิดเกรงใจอีกด้วย

“รีบ ๆ เข้าห้องพักกันเถอะค่ะราเมศ แววดาวร้อนจะแย่อยู่แล้ว” นางแบบสาวออกปากบ่น

ราเมศไม่ตอบว่าอย่างไร จนกระทั่งรองผู้จัดการรีสอร์ทเดินตรงเข้ามาต้อนรับและกล่าวทักทาย

“สวัสดีครับ พวกคุณคือคณะผู้บริหาร ที่จะเข้าร่วมประชุมในวันพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”

“ใช่ครับ”

“ผมวิทวัสเป็นรองผู้จัดการรีสอร์ทฝ่ายการตลาดครับ ขอเชิญพวกคุณตามผมมาทางนี้เลย ทางรีสอร์ทของเราจัดเตรียมห้องพักไว้ให้แก่ท่านผู้มีเกียรติหมดแล้ว ส่วนกระเป๋าเดี๋ยวผมจะรีบให้เด็ก ๆ ขนตามขึ้นไปบนห้องภายหลัง”

“ขอบคุณครับ”

ทั้งหมดจึงเดินตามผู้นำทาง เข้าไปยังบริเวณทางขึ้นบันไดด้านหน้ารีสอร์ท โชคดีที่เขาได้สั่งให้บริษัทจัดเตรียมห้องพัก ไว้เผื่อนางแบบสาวล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว จึงตัดปัญหาเรื่องความยุ่งยากรำคาญใจไปได้ระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสร้างความไม่พอใจให้แก่แววดาวอยู่ดี

“อะไรกันคะเมศ ทำไมต้องแยกห้องพักด้วยคะ แววดาวอยากอยู่กับคุณ”

“ไม่ได้หรอกครับคุณแววดาว นี่เป็นงานสัมมนาระดับผู้บริหาร ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมให้มากไว้ จะได้ไม่โดนครหานินทาเอาภายหลัง”

ราเมศยกเหตุผลขึ้นอ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับเท่าไหร่ นางแบบสาวเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับช้อนสายตาหวานหยดขึ้นมอง

“ก็ได้ค่ะ...เพราะถึงยังไง ห้องของแววดาว ก็อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับคุณอยู่แล้ว ใช้เวลาเดินข้ามมานิดหน่อยก็ถึง”

ชายหนุ่มเพียงแต่เหยียดยิ้มบนเรียวปาก ไม่แสดงท่าทีสนองตอบความต้องการแต่อย่างใด ชั่วขณะที่ราเมศหันมองไปยังชายหาด ดวงตาคม ๆ ก็พลันเหลือบไปเห็นบางอย่างที่ไม่น่าจะมีอยู่เข้าโดยบังเอิญ เขาหยุดชะงักและเขม้นสายตามองเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง ก่อนที่แววดาวจะหันมาถาม

“มองหาอะไรอยู่เหรอคะเมศ”

“เปล่า” ราเมศปฏิเสธหันกลับมามองเธอ “ขอโทษที แต่ผมอยากจะออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ริมฝั่งชายหาดตอนแดดแรง ๆ เสียหน่อย คุณจะไปด้วยกันไหม”

คำตอบจากแววดาว เป็นไปตามที่คิดเอาไว้

“ไม่ดีกว่าค่ะแววดาวกลัวผิวเสีย ตอนเย็น ๆ แดดร่มลมตกแล้วค่อยเดินลงมาอีกทีดีกว่า” หญิงสาวนิ่วหน้าราวกับผีดิบกลัวแดด

“ถ้างั้นเชิญคุณขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ ตอนเย็นค่อยเจอกัน”

“ค่ะ”

หลังจากที่ยืนส่งนางแบบสาวขึ้นห้องพักไปแล้ว ราเมศก็ก้าวยาว ๆ เดินลงบันไดไปยังชายหาดขาวสะอาด สายตาจับจ้องอยู่บนร่างบางภายใต้กระโปรงสีหวาน ที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเก็บเปลือกหอยชิ้นเล็กใส่อุ้งมือ ปิ่นแก้วยกปลายนิ้วขึ้นปัดเส้นผมออกจากใบหน้า เป็นเวลาเดียวกับตอนที่เหลือบไปเห็นเงาดำทาบทับอยู่บนผืนทราย

“เจอกันอีกแล้วนะครับ คุณปิ่น”

“...!!?”

ปิ่นแก้วสะดุ้ง หันไปตามเสียงอย่างไม่อยากเชื่อหู หญิงสาวถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงสง่าภายใต้เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเปิดกระดุมแถวหน้า ด้านในสวมเสื้อยืดสีขาวปักโลโกยี่ห้อดัง ใบหน้าหล่อเหลาสวมแว่นตากันแดดสีดำสนิทตัดกับผิวขาว ราวกับนายแบบสุดเท่ที่เดินออกมาจากนิตยสาร ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะเปิดรอยยิ้มกระชากใจให้แก่เธอ

“ราเมศ” เธอแทบช็อก

“ใช่แล้ว ผมเอง” ราเมศยิ้มกว้างนัยน์ตาเป็นประกาย นึกขอบคุณป้าวิมลชื่นที่เป็นกำลังเจ้ากี้เจ้าการให้เขาเดินทางมาร่วมสัมมนาที่นี่ “ไม่นึกไม่ฝันเลยนะครับ ว่าจะได้พบกับคุณอีก”

ไม่พูดพร่ำทำเพลงปิ่นแก้วก็ลุกพรวดขึ้น ตั้งหน้าตั้งตาเดินไปจากที่ตรงนั้นทันที

“เดี๋ยวสิคุณจะรีบไปไหน หยุดคุยกันก่อนสิ” ราเมศก้าวเท้าตามไปติด ๆ แต่หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน หรือหากพูดให้ถูกกว่า

ก็คือไม่ต้องการเห็นหน้าเขานั่นเอง

“คุณปิ่นแก้ว”

ราเมศเดินตรงเข้าไปฉวยข้อมือบางเอาไว้ แต่หญิงสาวรีบสะบัดออกด้วยความรังเกียจ

“อย่ามาแตะต้องฉันนะ” เธอแหวใส่ ดวงตาเป็นประกาย

กิริยาท่าทางที่บ่งบอกว่ายังไม่หายโกรธเขา ส่งผลให้ราเมศต้องระบายลมหายใจออกมายาว ๆ ยกมือขึ้นถอดแว่นตากันแดดเก็บใส่กระเป๋า จ้องประสานสายตากับเธอตรง ๆ สายลมพัดแรงจนเสื้อเชิ้ตแนบติดลำตัวเผยให้เห็นส่วนสัดชวนมอง หากแต่ความร้อนของแสงแดดและสายลมแรง ก็ยังเทียบไม่ได้กับความโกรธของสาวน้อยตรงหน้า

“ผมผิดเอง ที่เป็นสาเหตุทำให้คุณต้องขายหน้าคราวก่อน” ราเมศออกปากยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชาย “ยกโทษให้ผมเถอะนะ”

ปิ่นแก้วหันหน้าหนีไปทางอื่น ไม่มีกะจิตกะใจจะยกโทษให้กับใครทั้งนั้น

“พูดเรื่องอะไร ฉันไม่เห็นเข้าใจ”

“คุณปิ่น”

“ความจริงนายไม่จำเป็นต้องขอโทษฉันเลย ในเมื่อคนผิดคือฉันต่างหากที่ไม่รู้จักดูให้ดีก่อนออกไปนั่งทานข้าวกับผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว” หญิงสาวเอ่ยประชด “ฝากบอกคุณแววดาวด้วยก็แล้วกัน ว่าไม่ต้องเป็นห่วง ต่อจากนี้ไป ฉันจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายพรรค์นี้อีกแล้ว”

วาจาเสียดแทง ส่งผลให้คิ้วเข้มเลิกสูงโดยอัตโนมัติ

“ผู้ชายพรรค์นี้งั้นหรือ” เขาทวนคำ

จริงอยู่ ที่เขาเป็นผู้ชายที่มีชื่อเสียงด้านลบเกี่ยวกับผู้หญิง และแม้แต่กับแววดาว ก็ยังเคยคบหากันในฐานะแฟนอยู่พักใหญ่ แต่ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน สาบานได้เลยว่ายังไม่เคยมีใครพูดดูถูกเขาในทำนองนี้มาก่อน

ใบหน้าคมคายเจือริ้วรอยไม่พอใจ ขณะก้าวเท้าเข้าประชิดตัวเธอ

“ไหนลองพูดใหม่ซิ คุณเห็นผมเป็นผู้ชายยังไงกัน”

“ทำไม อยากฟังซ้ำงั้นเหรอ” ปิ่นแก้วเชิดหน้าอย่างท้าทาย “ได้สิ ฉันจะบอกให้ก็ได้ สำหรับฉันนายเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจ ปลิ้นปล้อน แล้วก็น่าขยะแขยงที่สุดในโลกเลย รู้ไว้ซะด้วย”

ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่า หากได้พบหน้าปิ่นแก้วอีกครั้ง จะลงทุนคุกเข่าพูดขอโทษต่อหน้าเธอดี ๆ แต่หลังจากที่ได้ยินคำด่าทอชนิดสาดเสียเทเสีย ราเมศก็นึกเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน

“โอ้โฮ ว่าผมซะเสียหายเชียวนะ”

“ฉันพูดเรื่องจริงต่างหากล่ะ”

“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะคุณปิ่น ไม่อย่างนั้นอย่าหาผมใจร้าย”

ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววกรุ่นโกรธ ดวงตาคมดุจนนึกอยากดึงร่างบางเข้ามาจูบสั่งสอนเสียให้เข็ด แต่ปิ่นแก้วเองก็ใช่ย่อย สวนกลับดุเดือดไม่แพ้กัน

“ทำไม จะตบฉันเหรอก็เอาซี่ เชิญเลย”

“ปากดีนักใช่มั้ย มานี่เลย”

“ว้าย จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ”

ปิ่นแก้วร้องกรี้ดเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกราเมศช้อนวงแขนอุ้มขึ้นจนตัวลอย ร่างบางทั้งร้องทั้งดิ้นเป็นพัลวัน แต่ชายหนุ่มไม่ยี่หระเดินหน้าก้าวลงไปในทะเล ที่มีคลื่นซัดสาดเข้าหาฝั่งจนกระทั่งถึงระดับความลึกเหนือเอว ปิ่นแก้วเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มปนอำมหิต บนใบหน้าหล่อเหลาด้วยความตกใจ

“น่ารังเกียจ น่าขยะแขยงนักใช่มั้ย” ราเมศส่งเสียงขู่ในลำคอ

“หยุดเดี๋ยวนี้ อย่า”

ปิ่นแก้วร้องเสียงหลง ก่อนที่ร่างบางจะถูกปล่อยตัวลงไปในทะเลที่มีความลึกระดับเหนือเอว อารมตกใจบวกกับความแรงของคลื่น ทำให้หญิงสาวอ้าปากกลืนน้ำเข้าไปหลายอึก เมื่อตั้งสติได้ก็รีบหยัดเท้าลงพื้นโผล่พ้นน้ำขึ้นมาหายใจ หน้าตาเปียกปอนดูไม่ได้ ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันของราเมศ

“เป็นยังไงบ้าง รสชาติของน้ำทะเลช่วยล้างปากได้ดีหรือเปล่า” แกล้งเธอแล้วยังมีอารมณ์เล่นลิ้นต่อ

“อีตาบ้า”

ปิ่นแก้วร้องตะโกนด้วยความโกรธ ยกมือขึ้นหมายจะฟาดใส่ใบหน้าหล่อเหลาสักฉาด แต่ราเมศที่คอยท่าอยู่แล้วรีบยกมือขึ้นกัน พร้อมทั้งรวบเอวบางแนบชิดกับลำตัวมากยิ่งขึ้น เวลานี้ทั้งคู่อยู่ในสภาพเปียกปอนไม่แพ้กัน ต่างก็เพียงแต่ชุดกระโปรงที่ปิ่นแก้วสวมใส่อยู่เนื้อบางกว่า เมื่อเปียกน้ำแล้วพาลทำให้มองทะลุไปถึงไหนต่อไหน
********************

ตอนใหม่มาแล้วค่ะ
คู่นี้เขียนทีไร รู้สึกอยากแกล้งยังไงก็ไม่รู้
(สงสัยคนเขียนโรคจิตค่ะ)
แต่เขียนแล้วสนุกดีค่ะ เปลี่ยนอารมณ์จากเปรี้ยวเป็นหวานบ้าง จะได้ไม่เบื่อค่ะ

เบลินญา





เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ต.ค. 2554, 11:04:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ต.ค. 2554, 11:04:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2377





<< ตอนที่ 17 ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ   ตอนที่ 19 คู่รักคู่ร้าย >>
Zephyr 26 ต.ค. 2554, 14:56:17 น.
คู่นี้เอาอีกแล้ว หวานบ้างไม่ได้เลย แง่งๆกันตลอดเลยอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account