พื้นที่ชุ่มรัก
เมื่อได้รับคำขาดจากเหล่าคุณปู่คุณตาว่าต้องการเห็นหน้าหลานเขยหลานสะใภ้ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ซึ่งเหลือเวลาอีกครึ่งปี บรรดาหลานๆจึงปวดหัวหนักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหลานเขยหลานสะใภ้ที่จุดไหนของประเทศ และที่สำคัญกว่านั้น...ถ้าหลานคนใดคนหนึ่งทำตามความต้องการของท่านไม่ได้ ทุกคนจะต้องชดใช้ที่ทำให้คุณปู่คุณตาผิดหวังด้วยเงินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่พอจะทำให้หลานๆสุดที่รักของพวกท่านล้มละลายกันได้ทีเดียว!!

แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
Tags: แผนการ คุณปู่ คุณตา หลาน ความรัก พื้นที่ชุ่มรัก ผลิดอกออกรัก

ตอน: เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 1

งงกับบทนำกันไหมคะ ถ้าใครงงก็ต้องขอโทษด้วยจ้า T T

แต่พอเข้าเรื่องของแต่ละคู่ปอแก้วคิดว่าคงไม่งงแล้วนะคะ แหะๆ

ชอบไม่ชอบยังไงบอกได้นะคะ ติ-ชม ได้เลย ปอแก้วไม่ว่า ยินดีรับฟังค่ะ

ขอบคุณคนอ่าน คนเมนท์ คนไลค์นะคะ ขอบคุณกำลังกำลังใจค่ะ

พรุ่งนี้ปอแก้วต้องไปธุระเลยเอามาลงให้ก่อนวันนึงค่ะ ตอนต่อไปเจอกันศุกร์หน้านะคะ :)

------------------------------------------------------------------------------------------------------


ตอนที่ 1: ถูกตาต้องใจ


ต้นมะพร้าวต้นสูงยืนต้นเรียงรายริมรั้ว กิ่งก้านขยับพลิ้วไหวด้วยแรงลมโชยอ่อนๆ เด็กชายอายุราวเก้าขวบกำลังถือกิ่งไม้วิ่งเล่นอยู่ใต้เรือนทรงไทยใต้ถุนสูงซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งไม้ยืนต้น ไม่ล้มลุกจนกระทั่งพืชผักสวนครัว อากาศแสนบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้แล้วในเมื่อเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯกลับหาได้อย่างง่ายดายที่บ้านสวนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยุธยาแห่งนี้ เด็กชายคนเดิมที่เล่นซนจนเนื้อตัวมอมแมมหากก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักน่าชังลดลงเลยแม้แต่น้อย แก้มใสสีอมชมพูที่ยุ้ยแสนยุ้ยยังคงน่าเอื้อมมือไปหยิก ริมฝีปากที่มักจะเจื้อยแจ้วและแย้มยิ้มหัวเราะอยู่เสมอยังคงหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนาน ดวงตาใสๆสีดำขลับคู่นั้นช่างดูไร้เดียงสาบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งใด และริมฝีปากสีแดงสดที่แย้มยิ้มอยู่นั้นกว้างขึ้นเมื่อพบว่ามีหนูน้อยตากลมโตอีกคนกำลังวิ่งมาหาด้วยขาอันป้อมสั้นเพื่อจะขอเล่นด้วย

‘พี่อาร์ม อุ้มหน่อย อุ้มๆ’ เด็กผู้หญิงตัวป้อมกางแขนขึ้นสองข้าง ยิ้มจนเห็นฟันคู่หน้าที่เพิ่งจะหลุดไป

‘ไม่เอา พี่อาร์มไม่อุ้ม หนักจะตาย’ เด็กชายที่โตกว่าหนูน้อยวัยสามขวบปฏิเสธเพราะอยากแกล้งแม่หนูน้อยตรงหน้า

‘ใจร้าย พี่อาร์มใจร้าย ไม่รักพี่อาร์มแล้ว’ แม่หนูน้อยร้องไห้โฮ ขาสั้นๆหันหลังกลับเพื่อจะวิ่งไปฟ้องมารดาที่อยู่บนเรือนแต่หนูน้อยคงจะรีบไปหน่อยร่างป้อมๆกลมๆจึงสะดุดกับรากของต้นนนทรีต้นใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาเหนือดิน

‘ฮือ...เจ็บ แม่จ๋า...เจ็บ แม่จ๋า...’ หนูน้อยร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมจนอีกคนที่โตกว่าต้องรีบเข้ามาปลอบ

‘โอ๋ๆ หายเจ็บแล้วนะ เพี้ยง!’ หนุ่มน้อยเป่าแผลที่ถลอกบริเวณหัวเข่าของน้องน้อย และไม่นานร่างป้อมก็หยุดร้องด้วยมนต์ของพี่อาร์ม

‘อุ้ม’ คนที่เพิ่งหยุดร้องไห้กางแขนขึ้นสองข้างอ้อนคนที่ตัวโตกว่าให้อุ้มและคราวนี้เด็กชายกลับยอมที่จะอุ้มเธอ

‘...รักพี่อาร์มจัง’





กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

เสียงนาฬิกาปลุกเรือนสวยดังโหวกเหวกจนคนที่กำลังฝันอยู่บนเตียงกว้างสะดุ้งตื่น เอื้อมมือไปกดปิดเสียงที่ดังรบกวนการนอนก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอน ดวงคู่คมยังคงกึ่งหลับกึ่งตื่น ชิษวัศขยี้ตาเพื่อไล่ความง่วงออกไป คิ้วเข้มๆที่ตัดกับผิวหน้าขาวๆขมวดขึ้นอย่างครุ่นคิดรับอรุณยามเช้าถึงฝันที่เพิ่งผ่านพ้นไป เพราะเจ้าตัวรู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นเคยเกิดขึ้นจริงๆ และเด็กผู้หญิงตัวป้อมตาโตคนนั้นก็มีตัวตนจริงๆ แต่เขากลับจำหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ และลืมไปเสียสนิทว่าเคยมีเด็กผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิต

...แล้วทำไมจู่ๆถึงได้ฝันถึงขึ้นมาวะ...

แม้เจ้าตัวจะสงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะในฝัน...ภาพใบหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นช่างเลือนลางเสียจนเห็นไม่ชัดว่าเธอหน้าตาเป็นเช่นไร สิ่งที่จำได้มีแต่ดวงตาคู่โตคู่นั้นคู่เดียวที่เด่นชัดขึ้นในความฝัน ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมีเพียงแค่ดวงตาเท่านั้นที่เห็นชัดเจนราวกับภาพในฝันเป็นเรื่องจริงที่แตะต้องได้ หากชิษวัศก็ปล่อยวางความสงสัยนั่นไว้อย่างเดิมโดยที่ไม่คิดจะหยิบมันขึ้นมาอีก ร่างสูงก้าวลงจากเตียงกว้างก่อนจะหยิบผ้าขนหนูและเดินเข้าห้องอาบน้ำเพื่อเตรียมไปทำงาน

ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงสแลคมือข้างหนึ่งพาดสูทสีเดียวกับกางเกงที่กำลังเดินลงบันไดมาได้ครึ่งทางมองปรากฏการณ์คนเดินให้ขวักไขว่อย่างที่จะสงสัยไม่ได้ เพราะปกติพวกบรรดาแม่บ้านก็จะแยกย้ายไปทำงานของแต่ละคน ไม่ใช่เดินกันให้วุ่นอย่างเช่นเช้านี้ แล้วคนที่จะเฉลยทุกอย่างได้คงมีแต่แม่ทัพหญิงประจำบ้านที่กำลังยืนสั่งการ...มารดาของเขาเอง

“ทำอะไรกันแต่เช้าครับแม่ ดูวุ่นวายเชียว”

“วันนี้แม่มีแขก” คุณอัญชิสาตอบลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ส่วนมือก็ยังชี้สั่งการบรรดาแม่บ้าน

“ถ้าถึงกับขนาดระดมแม่บ้านมาทำความสะอาดและจัดบ้านขนาดนี้ ท่าทางจะไม่ใช่แขกธรรมดานะครับ”

“อาร์มของแม่ฉลาดจริงๆ” คุณอัญชิสาเอื้อมมือมาหยิกแก้มลูกชายอย่างมันเขี้ยว ซึ่งเป็นอาการที่คนเป็นลูกชายที่อายุกำลังจะเฉียดสามสิบนั้นเคยชินมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย

“เพื่อนแม่...สมัยมัธยม เพิ่งกลับมาจากอังกฤษ ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปีแล้วล่ะมั้งตั้งแต่ที่ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่นู่นน่ะ” คุณอัญชิสาอธิบาย

“ท่าทางจะสนิทมากนะครับ”

“สนิทสิจ๊ะ ก็คนที่แม่ skype ด้วยบ่อยๆไง”

ชิษวัศลากคำว่า ‘อ๋อ’ เสียงยาว เห็นมารดาอายุปาไปห้าสิบกว่าแต่ท่านก็เป็นคนที่ล้ำทางด้านเทคโนยีไม่เบา อุปกรณ์ไฮเทคไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ Tablet หรือโน้ตบุคท่านมีหมด แถมยังเป็นรุ่นที่ออกใหม่เสียด้วย เทคโนโลยีอะไรมาใหม่ Application ไหนใช้การยังไง คุณอัญชิสารู้หมดจนบางทีคนหนุ่มคนสาวอย่างตนเองยังต้องอาย

“บอกใครใครเขาจะเชื่อมั้ยครับว่าคุณแม่ของผมเนี่ยไฮเทคโนโลยีสุดๆ”

“แม่ยังไม่แก่ขนาดนั้นเสียหน่อยนะ” คุณอัญชิสาแกล้งทำน้ำเสียงงอนใส่ลูกชาย แล้วก็ได้ผลอย่างทุกครั้งเมื่อร่างสูงก้มลงมาสวมกอดแล้วหอมแก้มซ้ายแก้มขวาเพื่อปลอบใจ

“ใครว่าล่ะครับ คุณแม่ผมยังสาวยังสวยอยู่เลย” ชิษวัศหอมแก้มมารดาอีกที “ผมไปทำงานนะครับ”

“เดี๋ยวจ้ะพ่อลูกชาย” มารดารั้งลูกชายที่กำลังจะเดินออกจากบ้านไว้ และก็ได้ผลเมื่อร่างสูงของลูกชายหันกลับมา

“ว่าไงครับคุณแม่”

“วันนี้กลับบ้านให้ไวหน่อยนะจ๊ะ แม่อยากให้อาร์มรู้จักกับเพื่อนของแม่”

“เสียใจครับคุณแม่ที่รัก วันนี้ผมมีนัดกับนายอาร์ทแล้วครับ” ลูกชายส่งรอยยิ้มทะเล้นให้คนเป็นแม่ก่อนจะเดินออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน ทิ้งให้คุณแม่สุดที่รักเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่สบอารมณ์เสียเท่าไหร่ที่พ่อลูกชายตัวดีไม่ยอมทำตามความต้องการของท่าน...อีกครั้ง

...ที่จะให้รู้จักน่ะไม่ใช่แค่เพื่อนแม่หรอก แต่จะให้รู้จัก ‘ลูกสาวของเพื่อนแม่’ ต่างหาก อาร์มนะอาร์ม...ชอบขัดใจแม่จริงๆเชียว...












ห้องผู้บริหารโครงการคอนโดหรูใจกลางกรุงเทพฯที่กำลังจะเปิดตัวในไม่ช้านี้ถูกทำความสะอาดเป็นอย่างดีโดยฝีมือของแม่บ้านประจำบริษัท ชิษวัศเป็นคนที่ละเอียดอ่อนกับเรื่องของความสะอาดมาก แม้มีฝุ่นเพียงแค่นิดเดียวผู้ชายผู้นี้ก็สามารถสัมผัสได้และต้องเรียกแม่บ้านมาทำความสะอาดใหม่ทั้งหมด แต่ในเรื่องการงานชิษวัศเป็นคนที่เอาใจใส่กับลูกน้องทุกคน เห็นนิ่งๆเนี้ยบๆอย่างนี้แต่กลับสนิทกับลูกน้องแทบจะทุกแผนก เพราะมีความเป็นกันเองรวมถึงเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีจึงเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ชิษวัศมักจะมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอยู่เสมอและนั่นก็ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่แทบทั้งบริษัทมองชายหนุ่มผู้นี้เสมือนเป็นเจ้าชายในฝันกันทั้งสิ้น

หากคนถูกหมายปองกลับไม่ได้คิดที่จะมีคนรักเป็นตัวเป็นต้นเลยสักครั้ง ชิษวัศยังคงรักที่จะอยู่ตัวคนเดียวไปเช่นนี้ ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธผู้หญิง ตรงกันข้ามกลับชอบที่จะทำความรู้จักเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้จริงจังกับใคร ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ชิษวัศจะจำกัดขอบเขตไว้แค่คำว่าเพื่อนแม้ว่าการกระทำจะเลยเถิดเกินกว่าคำว่าเพื่อนก็ตาม แต่มันก็หยุดอยู่แค่จูบเพียงเท่านั้น แม้จะถูกสายตาภายนอกมองว่าเป็นชายหนุ่มเจ้าสำราญ มีผู้หญิงเปลี่ยนให้ควงอยู่บ่อยๆ แต่ชิษวัศก็ยังยั้งใจไม่ให้ทุกอย่างเลยเถิดมากไปกว่านั้น เพราะยังไม่อยากที่จะผูกมัดตัวเองไว้กับใครถ้ายังไม่เจอคนที่ทำให้รู้สึกว่าอยากจะหยุดทั้งชีวิตและหัวใจไว้ที่เธอ ผู้หญิงที่ชิษวัศตามหาตลอด และตอนนี้ยิ่งต้องพยายามตามหาอย่างหนักเพื่อที่จะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากคุณปู่รันและคุณปู่รินให้สำเร็จลุล่วง

...ยังไงก็ต้องหาให้เจอ ผู้หญิงที่หัวใจบอกว่าใช่ เพราะถ้าหาคนที่ไม่ใช่...มีหวังได้ชดใช้คุณปู่คู่แฝดจนแทบกระอัก...

คำพูดของคุณปู่รันยังคงตามหลอกตามหลอนชิษวัศอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทุกค่ำคืนชายหนุ่มแทบจะได้นอนไม่เต็มที่เพราะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อในความฝันตนเองทำตามคำสั่งของคุณปู่ไม่สำเร็จ และต้องชดใช้ทรัพย์สินตามจำนวนที่ได้ตกลง เสียเงินจำนวนมากมายขนาดนั้น เสียหุ้นในทุกบริษัทในเครือ เสียอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จนถึงขั้นล้มละลาย ชิษวัศฝันซ้ำๆซากๆอยู่อย่างนี้แทบทุกคืนจนแทบจะจิตตก จะมีก็แต่เมื่อคืนเท่านั้นที่จู่ๆก็เกิดฝันถึงแม่เด็กผู้หญิงในอดีตขึ้นมา แม้จะไม่ได้เป็นฝันดีแต่ก็ยังดีที่ทำให้เขาได้หลับเต็มตาโดยที่ไม่มีคุณปู่แฝดมาคอยตามหลอกหลอนเช่นทุกคืน

พนักพิงเก้าอี้ตำแหน่งผู้บริหารโครงการเอนไปด้านหลังนิดหนึ่งเมื่อร่างสูงเอนหลังใส่ด้วยความเมื่อยล้า หลายเดือนแล้วที่ชิษวัศต้องทำงานโดยไร้ซึ่งผู้ช่วยที่ลาออกไปเพราะต้องกลับไปสานต่อกิจการของครอบครัวที่ต่างจังหวัด แม้ชายหนุ่มจะส่งคุณสมบัติของผู้ช่วยที่ต้องการผ่านผู้จัดการฝ่ายบุคคลไปตั้งแต่วันที่ผู้ช่วยคนก่อนทำเรื่องลาออก หากตั้งแต่วันนั้นชิษวัศก็ยังไม่ได้ผู้ช่วยที่ตรงสเปกตามที่ต้องการไว้สักคน แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วชายหนุ่มกลับได้รับข่าวดีจากผู้จัดการฝ่ายบุคคลว่าพบคนที่เขาต้องการแล้ว บุคคลที่ผ่านการสัมภาษณ์จากผู้จัดการฝ่ายบุคคลโดยตรง ชิษวัศค่อนข้างมั่นใจว่าคงเป็นคนที่เก่งพอตัวถึงได้ผ่านด่านทรหดของฝ่ายบุคคลซึ่งเป็นแผนกที่ขึ้นชื่อเรื่องการรับคนเข้าทำงานในตำแหน่งต่างๆของบริษัทที่ยากแสนยาก และชายหนุ่มเองก็ปฏิเสธที่จะดูแฟ้มประวัติของผู้ช่วยคนใหม่ด้วยว่าเป็นเช่นไร เพราะต้องการที่จะรู้จักด้วยตาของตนเองมากกว่าที่จะอ่านจากแผ่นกระดาษ

โทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังกำลังส่งเสียงร้องและแรงสั่นเพื่อเรียกให้เจ้าของของมันที่กำลังนั่งอ่านเอกสารหันมาสนใจ ชิษวัศละสายตาจากงานตรงหน้าขึ้นมามองตัวการที่ส่งเสียงร้อง หน้าจอแสดงชื่อบุคคลที่โทรเข้าพร้อมกับหน้าตาเสร็จสรรพจนชิษวัศต้องเอื้อมมือไปหยิบและกดรับสายที่หน้าจอโทรศัพท์ซึ่งเป็นระบบสัมผัสอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากที่จะเห็นหน้าเพื่อนสนิทซึ่งมันไม่ค่อยน่าพิสมัยเสียเท่าไหร่

...ถ้าเป็นหน้าสาวๆก็กะจะปล่อยให้โชว์รูปนานๆหน่อย แต่นี่มันดันเป็นรูปไอ้อาร์ท ให้ตายยังไงก็ไม่ค่อยอยากจะยล...

“จะโทรมาทำไมวะ คนจะทำงาน” ชิษวัศบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดนิดๆ

“เย็นนี้อย่าลืมนะเว้ยไอ้อาร์ม” ปลายสายคือชายหนุ่มนามว่า ‘อารัทธ์’ เพื่อนที่สนิทที่สุดของชิษวัศ เพื่อนคนที่ชิษวัศให้ความสำคัญและสามารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็นเพื่อนแท้และเพื่อนตาย แต่บางครั้งชายหนุ่ม...ก็แอบรำคาญไอ้เพื่อนคนนี้อยู่นิดหน่อยเหมือนกัน

“เออ จำได้ สองทุ่ม ร้านเดิม แกบอกให้ฉันขอเบอร์น้องโม แค่นี้ใช่มั้ย ฉันจะวาง” ชิษวัศท่องภารกิจทั้งหมดที่ได้รับมอบหมายจากอารัทธ์ที่เขาต้องทำให้สำเร็จภายในคืนนี้

“อะไรวะ ฉันโทรมาเตือนแค่นี้ทำเป็นหงุดหงิด”

“ถ้าแกจะเตือนก็ช่วยเตือนให้มันถูกเวลาหน่อย ตอนนี้งานฉันมันจะสุมตัวตายอยู่แล้ว และถ้าไม่เลิกโทรมาก่อกวน สองทุ่มแกไม่ได้เห็นฉันที่ร้านแน่” จบขำขู่ของชิษวัศปลายสายก็ถูกตัดไปทันที

คนที่เพิ่งถูกเพื่อนก่อกวนถอนหายใจออกมายาวเหยียด วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม นึกถึงเรื่องที่อารัทธ์ขอให้ช่วยแล้วก็เหนื่อยใจเสียทุกที ความจริงการขอเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงสำหรับชิษวัศแล้วไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจอะไรเลย ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาและหุ่นดีราวกับนายแบบทำให้สาวๆล้วนอยากเข้ามาทำความรู้จักกับชิษวัศทั้งสิ้น ยิ่งถ้าได้คุยด้วยแล้ว จากประสบการณ์ที่มีมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ชิษวัศขอเบอร์แล้วไม่เคยไม่ได้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ขอเบอร์สาวคนไหนพร่ำเพรื่อ ชิษวัศจะทำการแลกเปลี่ยนเบอร์เฉพาะกับคนที่ตนเองสนใจเท่านั้น

เพิ่งจะมีช่วงหลังๆนี้เองที่เขาต้องขอเบอร์สาวๆบ่อยขึ้นเพราะไอ้เพื่อนตัวแสบไม่ยอมไปขอเองแต่กลับใช้งานเขาด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้สาวเห็นว่าตัวเองเป็นพระเอกที่เท่ๆหล่อๆ แลดูสุภาพอบอุ่นไม่ใช่พระเอกที่เจ้าชู้ชอบหลีหญิงอย่างที่มันยกบทนี้ให้เขาเป็นโดยที่ไม่คิดจะถามสักคำ และที่ชิษวัศยอมช่วยก็เพราะทนกับการโทรมาขอร้องของอารัทธ์ไม่ไหว โดยเฉพาะเคสไหนถ้าชายหนุ่มไม่รับปาก อารัทธ์จะโทรมาก่อกวนทุกครึ่งชั่วโมงจนเขาเองแทบจะไม่ได้ทำงาน

...แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไงนอกจากยอมเป็นหนังหน้าไฟให้มัน!!...















เวลาประมาณสองทุ่มสิบนาที ชิษวัศจัดการถอย Lexus LS460L สีดำปราบเข้าช่องจอดรถของทางร้านที่นัดไว้กับอารัทธ์ซึ่งเป็น pub & restaurant ย่านเกษตร-นวมินทร์ โดยที่ไม่มีอาการรีบร้อนลงจากรถเลยแม้ว่าจะมาช้ากว่าเวลาที่นัดไว้ก็ตาม หากเสียงเคาะกระจกที่ดังขึ้นจากด้านข้างคนขับก็ทำให้คนที่มัวแต่เอ้อระเหยต้องรีบหันมาดูว่าใครกันที่บังอาจมาเคาะรถสุดที่รักของตนเองแบบนี้ และพอรู้ว่าใครเป็นต้นเหตุของเสียงชิษวัศก็แทบอยากที่จะลงไปประทับรอยเท้าไว้บนตัวมันเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะเห็นว่าเขามาช้า อารัทธ์จึงได้มายืนดักรอด้วยอาการร้อนรน และเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ลงจากรถทั้งๆที่จอดเสร็จเรียบร้อยมันก็เลยหงุดหงิดจึงหาที่ระบายด้วยการเคาะกระจกเสียรัวอย่างนี้

ชิษวัศเปิดประตูลงจากรถก่อนจะล็อคประตูและหันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นอารมณ์เสียสุดๆ หากชายหนุ่มกลับหาได้สนใจ เนื่องจากคบกันมานานนับสิบปีทำไมจะไม่รู้ว่าคนอย่างอารัทธ์ต่อให้มันโมโหหรือโกรธขนาดไหน ก็อย่าได้ไปบ้าจี้มีอารมณ์ร่วมกับมัน ปล่อยไปสักพักเดี๋ยวก็กลับมาดีเอง

“ถ้าแกลงมาช้ากว่านี้อีกวินาทีเดียวฉันจะทุบรถแก” อารัทธ์พูดขึ้นมาอย่างหัวเสีย ชายหนุ่มหงุดหงิดจริงๆที่ชิษวัศมาสายแม้จะสายเพียงแค่สิบนาทีก็ตาม เพราะเพียงแค่สิบนาทีที่ชิษวัศสายตนเองอาจจะพลาดเบอร์โทรศัพท์ของสาวผู้หมายปองก็เป็นได้

ชิษวัศหันมามองเพื่อนตาวาว ดวงตาคู่คมสีนิลมีแววจริงจังขึ้นมาทันที แววตาที่มักจะมีแต่ความอบอุ่นและใจดีแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่แข็งกร้าวและดุดัน แววตาที่น้อยครั้งนักที่ชิษวัศจะแสดงมันออกมา

“แกน่าจะรู้ดีนะไอ้อาร์ท ว่าของของชิษวัศมีอยู่สามอย่างในโลกที่ไม่ควรคิดจะยุ่งถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่...รถ ครอบครัว และ...ผู้หญิงของฉัน” น้ำเสียงที่แสนเยือกเย็นบวกกับสายตาจริงจังทำให้อารัทธ์ที่โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะดันลืม ‘สามสิ่งต้องห้ามของชิษวัศ’ ไปเสียสนิท

...รถ ครอบครัว และ ผู้หญิง...

“ขอโทษว่ะไอ้อาร์ม โมโหไปหน่อย” อารัทธ์เอ่ยปากขอโทษเพื่อนเสียงอ่อย

“เออ แต่ถ้าฉันกลับบ้านไปแล้วเห็นว่ากระจกรถฉันมีรอยแม้แต่นิดเดียว บิลค่าซ่อมลอยไปถึงป๊าแกแน่” พูดจบร่างสูงก็เดินลิ่วไปโดยไม่สนใจเสียงประท้วงที่ดังไล่หลังมาเลยแม้แต่น้อย

“เฮ้ย! ไอ้อาร์ม รอด้วยสิวะ แล้วอย่าได้คิดจะส่งบิลไปให้ป๊าฉันเชียว เฮ้ย! ฟังกันบ้างสิ!!” อารัทธ์ตะโกนไล่ตามหลังเพื่อน แต่ดูเหมือนว่าจะไร้ผลเมื่อชิษวัศไม่แม้แต่จะหยุดฟัง ชายหนุ่มผู้นั้นยังคงเดินหน้าด้วยขายาวๆทั้งสองข้างเพื่อจัดการกับภาระที่อารัทธ์เพื่อนอันแสนประเสริฐได้มอบหมายไว้ให้จะได้จบๆกันไปเสียที

เมื่อเข้ามาในร้านชิษวัศกวาดตาสังเกต ‘เป้าหมาย’ ว่าอยู่ตำแหน่งใดโดยใช้เวลาไม่นานเมื่อเรดาร์จับสัญญาณได้ สาวนามว่า ‘น้องแตงโม’ ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำยามเมื่อเธอและผองเพื่อนมาที่ร้านนี้ซึ่งชิษวัศและอารัทธ์เคยเจออยู่ประมาณสามสี่ครั้ง โดยเฉพาะอารัทธ์ที่ดูจะกระวนกระวายเป็นพิเศษกับสาวคนนี้ เพราะแค่เจอครั้งแรกมันก็เซ้าซี้ให้เขาไปขอเบอร์สาวเจ้าให้ได้ แต่ครั้งนั้นเขากลับเลือกที่จะปฏิเสธคำขอร้องนั่น หากมาครั้งนี้พอโดนเพื่อนตัวดีขอร้องจนกลายเป็นก่อกวนเข้า ชิษวัศจึงตัดใจยอมที่จะช่วย

ดวงตาสีนิลหรี่มองเพื่อนที่ทำสายตาเว้าวอนอย่างเหนื่อยอ่อน ถอนใจออกมายาวเหยียดก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปยังกลุ่มของสาวๆโดยมีสาวในชุดเดรสเกาะอกสั้นสีแดงเพลิงเป็นเป้าหมายสำคัญ และด้วยการมีหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับพระเอกตามจอทีวีบวกกับอัธยาศัยที่ดีจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลยที่ปลาตัวโตจะฮุบเหยื่อที่ชิษวัศได้ตกไว้ ชายหนุ่มสนิทสนมกับเหยื่อสาวอย่างรวดเร็วและดูจากท่าทีก็เหมือนว่าเธอเองก็สนใจเขาไม่น้อยเสียด้วย ชิษวัศคุยกับแม่สาวชุดแดงได้พักใหญ่จึงส่งสัญญาณบอกให้อารัทธ์เข้ามาเพื่อที่ตนเองจะได้แนะนำให้รู้จักกันแล้วจะได้หาทางชิ่งจากแม่สาวชุดแดงนี่เสียที

ชิษวัศจัดการแนะนำอารัทธ์ให้เธอรู้จักเสร็จสรรพ ชายหนุ่มยังคงอยู่คุยกับเธอพักหนึ่งเพื่อให้แผนการราบเรียบโดยที่สาวไม่สงสัยก่อนจะส่งไม้ผลัดให้อารัทธ์ แม้จะดูออกว่าแม่สาวชุดแดงสนใจเขามากกว่าอารัทธ์หากชิษวัศก็ไม่สนใจ เพราะรู้ดีว่าคนอย่างอารัทธ์สามารถหาทางหว่านล้อมให้เธอสนใจในตัวเองได้ไม่ยาก ร่างสูงขยิบตาส่งสัญญาณบอกเพื่อน เป็นโค้ดลับที่รู้กันดีว่า ‘ภารกิจเสร็จเรียบร้อย’ อารัทธ์ยิ้มมุมปากก่อนจะแสดงออกมาทางสายตาว่าให้ชิษวัศไปไกลๆได้แล้วเพราะแมวกำลังจะกินปลาย่างคนเป็นก้างไม่จำเป็น

...ดูมันทำ…ใช้แล้วถีบหัวส่ง...

แม้จะค่อนแคะในใจหากชิษวัศก็รีบเผ่นจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากยุ่งกับน้องแตงโมของอารัทธ์เสียเท่าไหร่ ผู้หญิงอย่างนี้ไม่รู้ว่าทำไมอารัทธ์ถึงได้ชอบนัก ผู้หญิงที่มองจากภายนอกแล้วสวยดูดี หากพอลองพูดคุยกลับพบว่าคนเราเปลือกนอกจะทำให้ดีให้สวยอย่างไรก็ได้ ทว่าภายในกลับว่างเปล่าไม่ได้สวยงามอย่างสิ่งที่ตาเห็นเลยแม้แต่น้อย ชิษวัศถอยทัพกลับมานั่งมองอารัทธ์ที่กำลังหว่านเสน่ห์เต็มที่ สเปกผู้หญิงของชิษวัศและอารัทธ์นั้นค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน อารัทธ์นั้นชอบผู้หญิงที่สวย ถ้าเห็นว่าคนไหนสวยและถูกใจมันจะส่งเขาไปทาบทามก่อนพอหลังจากนั้นอารัทธ์จะค่อยๆแทรกซึมเข้ามาและจัดการเขี่ยเขาออกไปให้พ้นทาง ซึ่งชิษวัศเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรเพราะผู้หญิงที่อารัทธ์ชอบแต่ละคนมันไม่ได้เฉียดเข้าใกล้กับผู้หญิงในแบบที่ตนเองชอบเลยแม้แต่น้อย

ชิษวัศเองก็ยอมรับว่าใครๆก็ต้องชอบผู้หญิงสวย หากแต่ชายหนุ่มคงแปลกกว่าคนอื่นเพราะเขาชอบผู้หญิงที่น่ารักมากกว่าผู้หญิงที่สวย น่ารักทั้งหน้าตาและจิตใจ ไม่ใช่มีดีแค่เปลือกนอกที่แสดงออกสู่สายตาสาธารณชนแต่กลับไม่มีความคิด ผู้ชายบางประเภทชอบผู้หญิงที่ฉลาดน้อยเพราะจะได้ตามตนเองไม่ทันว่าไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ และกับใคร หากชิษวัศกลับไม่เป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มชอบผู้หญิงที่เก่ง ฉลาด และตามตนเองทันในทุกเรื่อง เขาอยากได้คนมาเป็นเพื่อนคู่คิด เป็นคนที่สามารถรับฟังและเป็นที่ปรึกษาให้กันได้ในทุกๆเรื่อง แต่ก็ต้องมีบางมุมที่อ่อนหวาน น่ารัก และช่างเอาใจบ้าง โดยสรุปทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ชิษวัศดำรงความเป็นโสดมาจนถึงบัดนี้เพราะยังตามหานางในฝันผู้นั้นไม่เจอ

...แกต้องเจอสิวะไอ้อาร์ม อย่างน้อยก็ต้องเจอภายในหกเดือนนี้ ไม่งั้นชีวิตแกได้พังเพราะคุณปู่แฝดแน่!...

ภารกิจพิชิตหลานๆของคุณปู่คู่แฝดผุดขึ้นมาในความคิดของชิษวัศอีกครั้ง วันๆหนึ่งชายหนุ่มต้องมานั่งเครียดกับเรื่องนี้ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ พอเครียดแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ หายเครียดแล้วก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะไม่ว่าจะทำยังไงชิษวัศก็ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าจะหาหลานสะใภ้ไปให้คุณปู่ชมได้เลย ดวงตาสีนิลปิดสนิทลงอย่างเหนื่อยอ่อน สมองลองนึกเล่นๆแก้เครียดว่าถ้าตอนนี้เขาสามารถขอพรได้สักข้อเขาจะขอว่าให้ลืมตาขึ้นมาแล้วเจอ ‘นางในฝัน’ นางนั้นสักที

ผู้หญิงตากลมโตสวย ขนตางอนยาวเป็นแพโดยไม่ต้องเสริมด้วยมาสคาร่า คิ้วโค้งสวยรับกับหน้าผากมน ปากนิดจมูกหน่อยเข้ากันได้อย่างน่ารักน่าชัง แก้มใสขาวอมชมพูดอย่างมีเลือดฝาด ผมยาวสีดำสนิทราวกับท้องฟ้ายามราตรีทิ้งตัวลงถึงกลางหลังอย่างมีน้ำหนักโดยปลายผมถูกม้วนเป็นลอนเล็กน้อยสะบัดไปมาตามจังหวะการก้าวเดินของเธอ ร่างบางระหงอยู่ในชุดเดรสแขนกุดสีเหลืองสดใส กระโปรงที่ยาวขึ้นมาเหนือเข่าเผยให้เห็นขาเรียวสวย นั่นคือผู้หญิงที่ชิษวัศลืมตาขึ้นมาเห็น ยิ่งพอเธอแย้มยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนที่นัดไว้ รอยยิ้มนั้นแทบจะกระชากใจของผู้ชายอีกคนที่แอบมองเธออยู่ไม่ไกลให้มันออกมากองอยู่นอกอก ชิษวัศเลื่อนมือขึ้นมาทาบหน้าอกด้านซ้ายของตนเองเบาๆ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ นั้นเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย ชายหนุ่มยอมรับด้วยความสัตย์จริงว่าแม่สาวชุดเหลืองคนนั้นถูกใจมาก โดยเฉพาะดวงตากลมโตคู่นั้น ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นนักก็ไม่รู้ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ดวงตาที่สวย หวาน ระยิบระยับราวกับมีดวงดาวมากมายอยู่ในตาคู่นั้น

“ไอ้อาร์ม!!” เสียงเรียกของอารัทธ์และฝ่ามือที่ฟาดมากลางหลังทำเอาชิษวัศสะดุ้งสุดตัว ใบหน้าคมสันหันไปมองเพื่อนด้วยแววตาไม่พอใจที่เล่นอะไรบ้าๆอย่างนี้ หากพอพบสายตาที่รู้ทันกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่มองกลับมาจากดวงตาชั้นเดียวที่สบตากลับมาชายหนุ่มกลับหันเหสายตาของตนเองออกจากสายตาของเพื่อนสนิทเพราะต้องการกลบเกลื่อนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เนื่องด้วยรู้ดีว่าอารัทธ์ต้องเห็นแน่ว่าเขามองสาวชุดเหลืองนั่นด้วยสายตาเช่นไร

“มองซะค้างขนาดนั้น สงสัยคนนี้จะน่ารักจริง เมื่อกี้ฉันเห็นหน้าไม่ค่อยถนัด ขอเดินไปดูใกล้ๆหน่อยละกัน” อารัทธ์ทำท่าจะเดินเข้าไปทางโต๊ะของหญิงสาวคนนั้นที่นั่งอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง หากยังไม่ทันจะก้าวเดินก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามีมือมารรั้งเสื้อเชิ้ตด้านหลังไว้ไม่ให้เดินออกไป

“ไม่ต้องไป แล้วก็นั่งลงซะ ถ้าแกไปฉันจะลบเบอร์น้องแตงโม...ทันที” ชิษวัศล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง จัดการเลื่อนหาเบอร์ที่เพิ่งได้มาเมื่อครู่แล้วกดต่ออีกสองสามทีจนหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นคำว่า Delete สีแดง

“เฮ้ย! ใจเย็นสิวะ เออ ไม่ไปก็ไม่ไป” อารัทธ์รีบห้ามเพราะกลัวเสียของที่เพิ่งจะได้มาก่อนจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับเพื่อนสนิท หนุ่มตาชั้นเดียว หน้าตาตี๋อินเทรนด์พยักเพยิดไปยังโทรศัพท์มือถือของเพื่อนพร้อมกับแบมือขอ

ชิษวัศหรี่ตามองแต่ก็ยอมยื่นโทรศัพท์ให้แต่โดยดี อารัทธ์จึงรีบจัดการเมมเบอร์สาวที่ได้มาจากชิษวัศลงเครื่องตัวเองก่อนจะจัดการลบเบอร์เดียวกันออกจากเครื่องของเพื่อนสนิท ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการตัดคู่แข่งเรื่องสาวๆ แม้อารัทธ์จะมั่นใจในหน้าตาของตัวเองว่าอยู่ในขั้นที่หน้าตาดีใช้ได้ ชาติตระกูลก็ดี ฐานะก็ดี หน้าที่การงานก็ดี แถมนิสัยก็ยังดี ถึงจะเจ้าชู้ไปหน่อยก็เถอะ แต่พอเอามาเทียบกับชิษวัศ อารัทธ์แทบไม่อยากจะลงสนามคู่กับไอ้เพื่อนคนนี้เลย เพราะชิษวัศมีทุกอย่างเหมือนกับที่เขามี แถมยังดีกว่าอีกขั้นหนึ่งเสียด้วย อ้อ...ยกเว้นอยู่เรื่องนึง เรื่องความเจ้าชู้ อารัทธ์มั่นใจว่าตัวเองเหนือกว่าอยู่ก้าวหนึ่ง

“ลบแล้วใช่ไหม” ชิษวัศถามเมื่อรับโทรศัพท์กลับคืนมาก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ ชายหนุ่มต้องถามอย่างนี้ทุกครั้งยามเมื่อรับภารกิจขอเบอร์สาวจากอารัทธ์ แม้การทำอย่างนี้อาจจะดูเหมือนการไม่รักษาน้ำใจของอีกฝ่ายที่ให้เบอร์โทรศัพท์มา แต่สำหรับชิษวัศ ผู้หญิงที่เพื่อนชอบหรือถูกใจ เขาไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ในทางกลับกัน ถ้าหากเขาเจอผู้หญิงที่ถูกใจ ต่อให้เพื่อนสนิทแค่ไหนไม่เว้นแม้แต่อารัทธ์ก็อย่าได้คิดที่จะเข้ามายุ่งเช่นกัน

“เออ” อารัทธ์ตอบ ยิ้มกริ่มอยู่คนเดียวกับเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มา ก่อนเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วกลับมามองหน้าเพื่อน หากภาพที่เห็นกลับเป็นดวงตาสีนิลคู่คมกริบกำลังจับจ้องอยู่ที่แม่สาวชุดเหลือง โดยเจ้าตัวไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกจ้องมาจากสายตาอีกคู่หนึ่งเช่นกัน อารัทธ์มองเพื่อนสนิทอย่างครุ่นคิด ไม่ได้เห็นบ่อยนักกับอาการอย่างนี้ของชิษวัศ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือตั้งแต่รู้จักกันมาชายหนุ่มไม่เคยเลยที่จะเห็นชิษวัศมองผู้หญิงคนไหนด้วยสายตาเช่นนี้ แล้วยิ่งมองด้วยอาการติดอยู่ในโลกส่วนตัวแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ สงสัยคราวนี้จะถูกตาต้องใจจริงๆ

“เหมือนจะยังเด็กอยู่เลยนะ” อารัทธ์เปรยขึ้นมา ที่พูดไปเมื่อครู่ว่าเห็นไม่ค่อยชัดนั้นโกหก ความจริงชายหนุ่มเห็นผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่ที่เธอเดินเข้าร้านมาแล้ว และต้องยอมรับว่าเธอน่ารักมากจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ถูกตาถูกใจอะไรตนเองมากนัก ผิดกลับชิษวัศที่ดูท่าว่าจะถูกใจมากพอควร อย่างนี้คงต้องลองหยั่งเชิง

“อะไร” ชิษวัศถามเพื่อนที่ดูเหมือนต่อมรู้ดีจะทำงานเกินกว่าปกติเสียงแข็ง เฉียบ และเยือกเย็น

“น้องคนนั้น...ชุดสีเหลือง” อารัทธ์ชี้ไปยังโต๊ะของสองสาวที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของพวกเขาเท่าไหร่โดยมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักในเดรสสีเหลืองเป็นเป้าหมาย “หน้าตายังเด็กอยู่เลยนะ”

“เอาตรงๆ ไม่ต้องมาอ้อมค้อม” ชิษวัศดักทางเพื่อน ขืนปล่อยให้อารัทธ์ไล่ต้อนอยู่อย่างนี้ตัวเองคงได้หมดความอดทนก่อนแน่ ไม่สู้ให้มันพูดมาตรงๆเลยเสียดีกว่า

อารัทธ์หัวเราะในลำคอ ยกแก้วบรั่นดีตรงหน้าขึ้นดื่ม ชายหนุ่มที่มีส่วนสูงไม่ต่างจากชิษวัศเท่าไรนัก เอนหลังกับพนักพิงเก้าอี้ในท่วงท่าสบายๆ ช่วงขายาวยกขึ้นมานั่งในท่าไขว่ห้าง สายตายังคงจับจ้องไปที่หน้าของเพื่อนสนิทราวกับว่ากำลังอ่านใจของอีกฝ่ายหนึ่งว่าคิดเช่นไร

“แกเคยบอกว่าไม่ชอบกินเด็ก” คำพูดของอารัทธ์ทำให้ชิษวัศขมวดคิ้ว ความไม่พอใจที่เริ่มจะส่อเค้าให้เห็นจางๆ

“ฉันยังไม่ได้บอกสักคำว่าชอบ” เสียงที่ตอบออกไปนั้นหางเสียงมีแววหงุดหงิดแสดงออกให้เห็นเมื่อโดนย้อนคำพูดที่ตนเคยประกาศกร้าวไว้ว่าเป็นตายอย่างไรก็จะไม่คบผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าตัวเอง ถ้าน้อยกว่าแม้เพียงปีเดียวชิษวัศจัดว่าเธอเหล่านั้นล้วนแต่เป็น ‘เด็ก’ ทั้งสิ้น

“เหรอ” อารัทธ์ทำลากเสียงยาวผสมกับทำหน้าตาล้อเลียนเพราะไม่เชื่อในน้ำคำของชิษวัศ “แล้วไอ้สายตาที่แกมองเค้านี่มันไม่ได้คิดอะไรเล้ย ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบนะไอ้อาร์มถึงได้มองไม่รู้ดูไม่เป็นน่ะ” พูดจบก็กระดกบรั่นดีจนหมดแก้ว

“ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไอ้อาร์ท...ถ้าแกยังอยากมีปากกับหน้าตาดีๆอย่างนี้ไว้จีบผู้หญิงก็อย่ามาพูดจาเลอะเทอะ” ชิษวัศยืนขึ้นเต็มความสูง ทำท่าว่าจะเดินออกจากโต๊ะไปแต่อารัทธ์ยังไวพอที่จะร้องเรียกรั้งไว้ทัน

“จะไปไหนไอ้อาร์ม”

“ห้องน้ำ” ตอบสั้นๆห้วนๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินลิ่วไป ทิ้งให้เพื่อนอีกคนมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวผู้แสนน่ารักในชุดเดรสสีเหลืองสดใสก็เดินไปทางห้องน้ำเช่นเดียวกัน

“ชักสนุกแล้วล่ะสิ” อารัทธ์เอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ นึกอยากจะเข้าห้องน้ำบ้าง เพราะคงมีอะไรสนุกๆให้ดูมากกว่าตรงนี้เยอะ













ชิษวัศที่กำลังก้าวขาเดินอย่างรวดเร็วโดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ห้องน้ำชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะ และมันคงไม่ปลอดภัยแน่ๆถ้าปล่อยให้เจ้าอุปกรณ์สื่อสารเครื่องนั้นอยู่กับอารัทธ์ตามลำพัง คิดได้ดังนั้นร่างสูงจึงหันกลับอย่างรวดเร็ว ด้วยความรีบร้อน ไม่ทันได้ระวังตัว รวมถึงไม่ได้มองว่าข้างหลังมีคนเดินตามมาจึงทำให้ร่างสูงชนกับใครอีกคนหนึ่งซึ่งเดินตามหลังมาอย่างจัง แต่ดีที่ชายหนุ่มยังประสาทสัมผัสไวพอจึงโอบเอวอีกร่างหนึ่งไว้ได้ทัน และสิ่งแรกที่ชิษวัศสัมผัสได้ก็คือกลิ่นหอมอ่อนๆที่เขามักจะได้กลิ่นในช่วงของวันสงกรานต์เวลาไปสรงน้ำพระหรือไปรดน้ำดำหัวคุณปู่รันและคุณปู่ริน...กลิ่นของน้ำอบไทย

หากสิ่งมาต่อที่ชิษวัศเห็นกลับทำให้ชายหนุ่มเกือบลืมหายใจเมื่อพบคนที่เขาเพิ่งช่วยไม่ให้ล้มหน้าคะมำเมื่อครู่คือแม่สาวชุดเหลืองที่เขาถูกตาต้องใจเสียเหลือเกิน และตอนนี้เธอก็อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม ใกล้กันจนได้กลิ่นหอมของน้ำอบอ่อนๆจากตัวเธอ และยิ่งใกล้ขนาดนี้จึงทำให้ชิษวัศรู้ว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักมากกว่าจากที่เห็นไกลๆเพียงใด

“คุณคะ ถ้าไม่คิดจะขอโทษก็ช่วยปล่อยดิฉันด้วยค่ะ จะเก็บของ” มุกตาภาพูดเสียงเย็นเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้ามัวแต่จ้องหน้าเธอไม่วางตา ดูจากหน้าตาท่าทางของผู้ชายคนนี้เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นพวกผู้ชายที่ชอบฉวยโอกาสกับผู้หญิง แต่เมื่อเห็นว่าแขนที่โอบเธอไว้ไม่มีทีท่าว่าจะยอมคลายเสียที เธอจึงขอถอนความคิดนั้นคืน และผู้ชายคนนี้สอนให้เธอได้รู้ว่า...เราไม่สามารถตัดสินว่าใครดีหรือเลวได้เพียงแค่ดูจากภายนอก

ชิษวัศรีบคลายอ้อมแขนทันทีเมื่อสาวตรงหน้าเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น รู้ตัวว่าพลาดไปเสียแล้วที่มัวแต่มองหน้าเธอเสียเพลินจนลืมที่จะขอโทษและปล่อยเธอให้เป็นอิสระ พอดูจากอาการท่าทางที่สาวเจ้าแสดงออก เธอคงตัดสินไปเรียบร้อยแล้วว่าเขาเป็นพวกผู้ชายชอบฉวยโอกาส ไม่ให้เกียรติผู้หญิง และไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ชิษวัศถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด นึกอยากจะเอ่ยปากแก้ตัวเป็นครั้งแรกว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด เขาไม่ใช่ผู้ชายฉวยโอกาส ไม่ใช่พวกไม่ให้เกียรติผู้หญิง และที่สำคัญ...ชายหนุ่มมั่นใจว่าตนเองเป็นสุภาพบุรุษที่ดีพอ

“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ชิษวัศเอ่ยคำขอโทษ สายตายังคงจับจ้องไปยังร่างบางที่กำลังย่อตัวลงเก็บโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Blackberry สีดำ ที่ตกกระจายจนฝาด้านหลังและตัวเครื่องหลุดออกจากกัน แถมหน้าจอยังแตกเป็นรอยยาว คาดว่าถ้าจะส่งศูนย์ซ่อม ซื้อเครื่องใหม่น่าจะดีกว่า

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอกเมื่อก้มเก็บเจ้า Blackberry ที่แยกชิ้นส่วนเสร็จเรียบร้อย ร่างบางทำท่าว่าจะเบี่ยงตัวเดินจากไป แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้คู่กรณีหนุ่มที่เพิ่งโดนเธอพิพากษาว่าเป็นพวกชอบฉวยโอกาสตัดสินใจที่จะรั้งแขนกลมกลึงนั้นไว้ไม่ให้ไป

“เดี๋ยวครับ” ชิษวัศเอ่ยพร้อมกับรั้งท่อนแขนนั้นเบาๆ และปล่อยเมื่อเธอยอมหันมา

มุกตาภาหันมามองผู้ชายหน้าตาดีแต่ชอบฉวยโอกาสด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิด ดีนะที่เธออยู่เมืองนอกว่ามานานจึงไม่ได้รู้สึกแปลกเท่าไหร่ที่โดนพฤติกรรมอย่างนี้ แต่จะบอกว่าเธอไม่ได้คิดอะไรเลยก็ไม่ได้นัก แม้จะพำนักอยู่ต่างบ้านต่างเมืองตั้งแต่เด็ก แต่ทั้งพ่อและแม่เธอก็สั่งสอนเสมอว่ากุลสตรีที่ดีควรทำตัวเช่นไร และสุภาพบุรุษที่ดีพึงกระทำต่อสุภาพสตรีเช่นไร

“มีอะไรคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้มันราบเรียบที่สุด แม้ในใจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม

“เรา...เคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”

คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นสูง อยากจะขำออกมาเสียจริงที่โดนผู้ชายหน้าตาท่าทางดีมากๆมาหยอดมุขจีบหญิงที่แสนธรรมดาสามัญ แม้จะไม่ค่อยชอบเขาเท่าไรนักที่แสดงท่าทีรุ่มร่ามใส่เธอ แต่ก็อดที่จะผิดหวังไม่ได้กับประโยคจีบผู้หญิงของเขา เพราะให้เธอประเมินจากสายตาเธอคิดว่าผู้ชายตรงหน้าคงจะฉลาดไม่เบา เลยผิดคาดนิดหน่อยที่เขางัดประโยคที่ออกแนวสิ้นคิดอย่างนี้มาใช้กับเธอ

“ที่ไหนล่ะคะ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกล้าที่จะขุดมุขดึกดำบรรพ์มาใช้ มุกตาภาเองก็กล้าพอที่จะเออออเล่นกับเขาเช่นกัน

ชิษวัศอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อจู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายถามกลับ คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงตรงหน้าจะยอมยืนคุยกันต่อเมื่อถูกถามด้วยคำถามอย่างนั้นจากเขา ส่วนมุกตาภาก็มองอีกฝ่ายที่ยืนเก้ๆกังๆไม่ยอมตอบคำถามของเธอเสียทีด้วยอารมณ์ที่ติดไปทางขำขันเสียมากกว่า คงคาดไม่ถึงสิเล่าว่าเธอจะกล้ากระโดดลงมาติดกับมุขเสี่ยวๆที่เขาหย่อนไว้

“ผมคิดว่า...ในฝัน” คำตอบของชิษวัศทำเอามุกตาภาอยากจะขำเสียให้ตัวงอ ให้ตายเถะ...เธอว่าคำถามของเขามันเสี่ยวมากแล้ว แต่พอเจอคำตอบที่ตอบมา ไอ้คำถามที่ว่าเสี่ยวในตอนแรกนั้นแทบจะชิดซ้ายไปเลย

ชิษวัศมองคนที่กำลังเข้าใจผิดกับพฤติกรรมและคำตอบของตนเองอย่างอ่อนใจ ไม่รู้จะอธิบายให้เธอเข้าใจอย่างไรว่าไอ้คำถามที่เขาถามและตอบไปมันไม่ได้มีอะไรแอบแฝงเลยแม้แต่น้อย ที่ถามเพราะอยากรู้ และที่ตอบไปอย่างนั้นก็เพราะคิดอย่างนั้นจริงๆ ชายหนุ่มรู้สึกคุ้นกับดวงตาคู่สวยนี่เหลือเกิน มันเหมือนกับดวงตาที่เขาเห็นในฝันเมื่อคืนวาน เหมือนกับดวงตาของเด็กผู้หญิงในฝันราวกับคนเดียวกัน

“นี่คุณ หน้าตาท่าทางคุณดูฉลาดมากนะคะ แต่มุขจีบหญิงนี่ไม่ไหวนะ ต้องปรับปรุงด่วน เก่าและเสี่ยวมาก” มุกตาภาบอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มร้ายๆทิ้งท้ายไว้ให้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่รอฟังอีกคนที่กำลังจะอ้าปากเถียงว่ามันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดแม้แต่น้อย

“ไม่ได้จะจีบเสียหน่อย ยัยเด็กบ้า” ชิษวัศบ่นกับตัวเองเบาๆ แม้จะยอมรับว่าถูกใจเธอมาก แต่ก็อย่างที่อารัทธ์บอก เขาไม่นิยม ‘สมาคมกินเด็ก’ ถึงจะถูกใจอย่างไร แต่ถ้าเธออายุน้อยกว่าเขา งานนี้คงต้องขอลา

มุมหนึ่งของต้นปาล์มที่ถูกปลูกไว้ในกระถามเพื่อตกแต่ง เงาตะคุ่มๆค่อยๆเดินออกมาจากแหล่งกบดานเมื่อเห็นว่าการสนทนาของเพื่อนสนิทกับสาวชุดเหลืองเสร็จสิ้นลง ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะตัวเดิมเมื่อเห็นร่างของชิษวัศกำลังจะเดินกลับไปเช่นกัน ริมฝีปากแย้มยิ้มนิดหนึ่งเมื่อคิดได้ว่าจะแกล้งเพื่อนสนิทที่เคยประกาศกร้าวว่าจะไม่ ‘กินเด็ก’ คนนั้นได้อย่างไร และอารัทธ์ก็มั่นใจ...ว่าชิษวัศจะต้องเต้นผางแน่นอน

...นานๆแกจะเสียศูนย์เรื่องสาวสักที งั้นก็ขอฉันกวนประสาทแหย่บาทาแกหน่อยจะเป็นไรไอ้อาร์ม...














ชิษวัศทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม เหตุการณ์เมื่อครู่ยังคงติดตรึงในความทรงจำ กลิ่นของผู้หญิงคนนั้นเหมือนยังวนเวียนอยู่บริเวณปลายจมูก มือที่ขาวและเรียวจนผู้หญิงบางคนยังต้องอายคว้าแก้วเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์สีฟ้าสดใสยกดื่มรวดเดียวหมด เผื่อว่ามันอาจจะทำให้เขาสลัดภาพเธอคนนั้นออกไปได้บ้าง เพราะชายหนุ่มรู้สึกว่ามันอันตรายเกินไปแล้วที่ปล่อยให้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกมามีอิทธิพลมากขนาดนี้ ซึ่งที่แล้วๆมาเขาไม่เคยที่จะปล่อยให้ผู้หญิงคนใดมามีอิทธิพลต่อตนเอง...ไม่เคยเลย

หากคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามชิษวัศกลับมองอาการของเพื่อนด้วยรอยยิ้ม แสดงออกขนาดนี้สงสัยว่าชิษวัศจะชอบสาวชุดเหลืองเข้าจริงๆ แต่เธอดันมีสิ่งที่เพื่อนของเขาปฏิเสธมาโดยตลอดซึ่งก็คือเธอเด็กเกินไป ถึงแม้จะไม่ทราบอายุที่แน่นอน แต่อารัทธ์มั่นใจว่าการคาดเดาของตนเองและชิษวัศนั้นไม่เคยพลาด ผู้หญิงคนนั้นอายุไม่เกินยี่สิบห้าแน่ๆเขาขอฟันธง!

“แค่แก้วนั้นทำแกลืมน้องเค้าไม่ได้หรอกไอ้อาร์ม เดี๋ยวแกก็ไปเจอเธอในฝันอีก...ไม่ใช่หรือ”

คำพูดของอารัทธ์ทำเอาชิษวัศหันมามองเพื่อนตาขวาง เข้าใจทันทีว่าไอ้เพื่อนเจ้าเล่ห์ต้องการจะสื่ออะไร การสนทนาระหว่างเขากับผู้หญิงคนเมื่อครู่ อารัทธ์คงแอบไปซุ่มฟังอยู่ตรงไหนสักที่มาเรียบร้อย

“จ่ายค่าเหล้าด้วย โทษฐานที่ปากมากเกินพอดี” ชิษวัศหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ควักเงินออกมาจ่ายค่าอาหารและค่าเครื่องดื่มเลยสักบาทเดียว แถมยังผลักภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้อารัทธ์อีกด้วย

“แล้วแกจะรีบกลับไปไหนวะ หรือจะรีบไปเจอน้องเค้าในฝัน” อารัทธ์เอ่ยปากแซวร่างสูงของเพื่อนที่กำลังเดินห่างออกไป แล้วดูเหมือนคำแซวนั้นจะได้ผลดีเสียด้วยเมื่อชิษวัศหยุดฝีเท้าลงพร้อมกับหันมาชี้หน้าด้วยแววตาคาดโทษอารัทธ์ที่ดันพูดในสิ่งที่ไม่สมควรจะพูดก่อนจะหันหลังและเดินออกจากร้านไป โดยหารู้ไม่ว่าคนที่ถูกหมายหัวไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเลยแม้แต่น้อย กลับกัน...อารัทธ์กลับรู้สึกสนุกและพอใจอย่างมากที่นานๆจะได้แกล้งคนอย่างชิษวัศเสียที

...สงสันฉันจะมีประเด็นโจมตีแกอีกนานเลยว่ะ...ไอ้อาร์ม...















อีกด้านหนึ่ง...มุกตาภากลับมาที่เดิมกับเพื่อนอีกคนที่เป็นคนนัดเธอออกมาเจอคืนนี้จนเธอต้องบอกปัดนัดของมารดาออกไปโดยที่เกือบจะโดนมารดาสุดที่รักงอนเข้าให้เสียแล้ว ดีที่ว่าเพื่อนที่นัดเธอออกมาคือ ‘นิชิตา’ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยที่เรียนอยู่อังกฤษด้วยกันซึ่งมารดาเธอก็รู้จักดีจึงยอมที่จะปล่อยตัวเธอออกมา ก่อนจะกองเจ้า Blackberry ที่ใช้การไม่ได้แล้วไว้บนโต๊ะ

“ทำไมพังแบบนี้ล่ะมุก” เพื่อนสาวถามเสียงหลงเมื่อเห็นโทรศัพท์ของมุกตาภาที่อยู่ในสภาพยับเยินเกินทน

“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะหมูหวาน”

“แล้วคนทำเค้าไม่คิดจะรับผิดชอบเลยเหรอ” นิชิตาถามกลับด้วยน้ำเสียงโมโห หากมุกตาภากลับส่ายหน้า ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเล็กน้อย

“ช่างเค้าเถอะ มุกก็ไม่อยากให้เขามารับผิดชอบนักหรอก ไม่อยากมีบุญคุณต่อกัน ผู้ชายอะไรฉวยโอกาสชะมัด” พอจบคำพูด มุกตาภาถึงกับตกใจจนผงะเมื่อจู่ๆนิชิตาก็ตบโต๊ะดังปึง ก่อนจะร่ายยาวว่าคู่กรณีของเธอเสียไม่มีชิ้นดีจนเธอต้องรีบปรามเพราะกลัวเพื่อนสาวขาลุยที่เกลียดผู้ชายจอมเจ้าชู้และฉวยโอกาสเข้าไส้จะลุกไปหาเรื่องชายหนุ่มคู่กรณีของเธอคนนั้น

“หมูหวานจ๋า...ใจเย็นๆก่อนนะจ๊ะ” มุกตาภาบอกเพื่อนสาวเสียงหวาน “ถือว่าวันนี้เป็นวันซวยของมุกก็ได้ ใช่ว่ามุกจะเจอคนแบบผู้ชายคนนั้นทุกวันเสียเมื่อไหร่” มุกตาภาบอกด้วยรอยยิ้ม แม้จะไม่ชอบผู้ชายคนที่เจอเมื่อครู่สักเท่าไหร่ แต่ทำไมเธอยังคงจำใบหน้าที่ขาวสะอาดตากับดวงตาคู่คมสีนิลคู่นั้นได้ชัดเจนราวกับคุ้นเคยกับมันมานาน

“ถ้ามุกไม่ติดใจหมูหวานก็ไม่ติดใจ” นิชิตาบอก ส่วนมุกตาภาก็พยักหน้าเห็นด้วย “ว่าแต่มุกย้ายมาอยู่เมืองไทยถาวรเลยรึเปล่า” ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องมาคุยเกี่ยวกับเพื่อนสาวคนสนิท

“อื้ม ถาวรเลย พอคุณพ่อเกษียรท่านก็อยากกลับมาดูแลไร่ที่สระบุรีเอง ให้ลุงยิ่งดูแลแทนมาเป็นสิบๆปีแล้ว คุณพ่อเองก็เกรงใจ ส่วนคุณแม่ก็คงต้องอยู่ช่วยคุณพ่อน่ะ”

มุกตาภาอธิบาย หญิงสาวต้องย้ายครอบครัวตามบิดาไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองตอนอายุประมาณหกขวบ เนื่องจากบิดาต้องย้ายไปประจำตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทที่สำนักงานใหญ่ ณ ประเทศอังกฤษ ความจริงบิดาเธอคิดว่าน่าจะทำงานอยู่ที่นั่นสักสี่ห้าปีก็คงได้ย้ายกลับมาประเทศไทยเหมือนเดิม หากเหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อบิดาเธอต้องดำรงอยู่ในตำแหน่งจนถึงวันที่ต้องเกษียณอายุตนเอง แม้ทางบริษัทจะขอให้ท่านทำงานต่อก็ตาม แต่ท่านกลับปฏิเสธเพราะต้องการกลับมาใช้ชีวิตในบั้นปลายกับไร่ที่ท่านรัก แต่กลับไม่เคยได้กลับมาดูแลจริงๆจัง ดีที่ว่าท่านมีเพื่อนที่ดีและไว้ใจได้พอที่จะให้ดูแลไร่แทนในระหว่างที่ท่านไม่อยู่

“แล้วพี่เพชรล่ะ กลับมาด้วยมั้ย” นิชิตาถามเสียงเบา ไม่กล้าสู้สายตาของเพื่อนสาวที่มองตรงมาอย่างรู้ทัน
มุกตาภาหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีเขินอายของเพื่อนยามเมื่อกล่าวถึงพี่ชายเธอ ‘พัชรวิษย์’ คือพี่ชายที่น้องสาวอย่างเธอหวงนักหวงหนา พัชรวิษย์เป็นลูกชายคนเดียวของพี่ชายแท้ๆของบิดาของเธอ หากพี่ชายคนนี้กลับโชคร้ายที่ต้องมาเสียผู้เป็นบิดาไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก บิดาเธอจึงได้รับหลานชายคนเดียวมาเป็นลูกบุญธรรม และนับตั้งแต่เธอจำความได้ เธอก็มีพี่ชายคนนี้คอยอยู่เคียงข้างเสมอมา

“มุกกลับ พี่เพชรก็ต้องกลับสิ อย่าบอกนะว่าหมูหวานยังชอบพี่เพชรอยู่ พี่ชายมุกเขามีแฟนตั้งนานแล้วนะจ๊ะ หมูหวานก็รู้นี่นา ทำไมยังตัดใจไม่ได้อีก”

“ก็พี่เพชรเป็นไอดอลของหมูหวานนี่ จะให้ตัดใจได้ง่ายๆได้ยังไง อิจฉาพี่บุษย์จัง” นิชิตาทำแก้มป่องเมื่อกระหวัดนึกถึงแฟนสาวของพัชรวิษย์ ผู้หญิงที่มีจิตใจที่ดีงามพอๆกับหน้าตาที่งดงามของเธอ

“พอๆ ไม่พูดเรื่องพี่เพชรแล้ว หมูหวานช้ำใจ” น้ำเสียงนั้นแสดงอาการล้อเล่นมากกว่าที่จะจริงจัง “กลับมาเรื่องมุกต่อดีกว่า เห็นว่าได้งานแล้ว...ใช่บริษัทของผู้ชายที่มุกพกรูปไว้ในกระเป๋าสตางค์ตลอดเลยใช่ไหม แล้วได้บอกป้าดาหรือเปล่าว่ามุกจะเข้าไปทำงานบริษัทเดียวกับเขา”

มุกตาภาส่ายหน้าปฏิเสธ ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมามารดาของเธอติดต่อกับมารดาของชิษวัศตลอด แต่เธอกลับไม่ได้พูดคุยกับพี่อาร์มของเธอเลยสักครั้ง ผู้ชายที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจเธอเมื่อครั้งอดีตอย่างไร ปัจจุบันมันก็ยังคงเป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง แต่คงเป็นเธอที่คิดถึงแต่เขาฝ่ายเดียว บางที...พี่อาร์มอาจจะไม่ได้คิดถึงเธอเลย และบางที...เขาอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยมีเธออยู่ในความทรงจำ

“แล้วทำไมถึงไม่บอกป้าดา” นิชิตาถามต่อ ไม่เข้าใจในความคิดของเพื่อนจริงๆว่าทำไมต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากเสียขนาดนี้ ทั้งๆที่มารดาของทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน การที่จะเจอกับผู้ชายที่คิดถึงมานานนับสิบปีก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย

“เพราะมุกอยากให้พี่อาร์มจำมุกได้ด้วยตัวของมุกเอง ไม่ใช่เพราะแม่มุกหรือแม่ของพี่อาร์ม”

“แล้วถ้าเขาจำมุกไม่ได้ล่ะ”

คำถามของนิชิตาทำเอามุกตาภานิ่งไปเล็กน้อย หญิงสาวไม่เคยคิดมาก่อนว่าชิษวัศอาจจะจำเธอไม่ได้ เพราะเธอมั่นใจมาตลอด แม้เขาจะไม่เคยติดต่อเธอเลยสักครั้ง แต่เธอก็ยังมั่นใจว่าถ้าได้เจอกันอีกครั้ง พี่อาร์มต้องจำเธอได้แน่นอน หากพอมาตอนนี้คำถามของนิชิตากลับทำให้เธอไม่มั่นใจ นิชิตาพูดถูก...บางทีพี่อาร์มอาจจะจำเธอไม่ได้ เขาอาจจะไม่มีภาพเด็กน้อยตัวป้อมที่ร้องโยเยให้เขาอุ้มเมื่อวันวานเหลืออยู่ในความทรงจำอีกแล้วก็เป็นได้

“มุกก็จะทำให้เขาจำให้ได้” มุกตาภาเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แม้ชิษวัศจะจำไม่ได้ว่าเธอคือ ‘หนูมุก’ เด็กน้อยตัวป้อมเมื่อครั้งอดีต แม้ชิษวัศจะไม่มีภาพของเธอเหลืออยู่แล้วในความทรงจำ แต่เธอก็จะไม่มีวันยอมแพ้ เธอเก็บเขาไว้ในหัวใจมาตลอดเกือบยี่สิบปี ขืนเธอยอมแพ้เสียง่ายๆนั่นก็หมายความว่าเธอทรยศต่อหัวใจและความรู้สึกของตนเอง

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้แล้วล่ะหมูหวาน ว่าพี่อาร์มจะจำมุกได้ไหม” น้ำเสียงหวานใสบอกเพื่อนพร้อมด้วยรอยยิ้ม หัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อนึกวันพรุ่งนี้ วันที่เธอรอคอยมานาน...วันที่เธอจะได้พบ...พี่อาร์มของเธอ


------------------------------------------------------------------------------------------------------

ปล. เรื่องนี้ขอขอบคุณหนูมุกและพี่อาร์มเป็นอย่างสูงนะคะ :)


ตอบเมนท์กันค่ะ...

WallyValent : ขอบใจน้าาาาา :)

Amata : ขอบคุณนะคะที่เข้ามาช่วยเจิม :)

anOO : ตอนต่อไปมาแล้วค่ะ ชอบไม่ชอบยังไงบอกได้นะคะ ;)

ปลาวาฬสีน้ำเงิน : คนเขียนเองก็ยอมรับค่ะว่าถ้ารวมญาติกันก็มีงงๆบ้างเพราะเยอะเหลือเกิน ฮ่า ส่วนจะยุ่งไหมต้องติดตามจ้า :)

nunoi : ตอนต่อไปมาแล้วนะคะ



ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ธ.ค. 2554, 19:00:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ธ.ค. 2554, 19:19:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 2210





<< บทนำ : เขตพื้นที่เริ่มต้น...ของหัวใจ   เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 2 >>
anOO 1 ธ.ค. 2554, 19:29:10 น.
ตอนนี้ยังไม่ว่าง แต่มาเม้นส์เพิ่มกำลังใจให้กันก่อน
ตัวละครมันเยอะต้องตั้งใจอ่าน มารอตอนต่อไปค่ะ สู้ๆๆๆ


Amata 1 ธ.ค. 2554, 20:14:30 น.
รอติดตามตอนต่อไป เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ


morisa 1 ธ.ค. 2554, 21:04:47 น.
มาเป็นกำลังใจให้หนูปอแก้วค่ะ ^_______^


roseolar 2 ธ.ค. 2554, 00:10:11 น.
ตอนนี้ยาวดีจังค่ะ ประทับใจจัง ชอบความรักในวัยเด็กสุดแล้ว ลุ้นๆใหพี่อาร์มจำุมุกให้ได้ค่า ชอบจริงๆนะคะรักในวัยเด็กเี่นี่ย อ่านแล้วใจเต้นแรงทุกทีเลย ฮาาาา


violette 2 ธ.ค. 2554, 00:30:05 น.
มาเป็นกำลังใจให้คุรปอแก้วด้วยคนค่า อ่านแล้วมึนญาติเล็กน้อยแฮ่
ต้องอ่านหลายๆตอนกว่านี้เนอะๆๆ


tutas 3 ธ.ค. 2554, 11:21:48 น.
ไม่กินเด็กแล้วจะกินอะไรถึงจะอร่อยล่ะคะ อิอิ เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น อยากรูื้แล้วค่ะว่าการต้องกินเด็กนี่พี่อาร์มเราจะป่วน+ปวดหัวแค่ไหนน้อ... 55


anOO 4 ธ.ค. 2554, 18:41:36 น.
อ่านจบแล้ว....ไม่อยากจะคิดเลยว่าพรุ่งนี้พี่อาร์มจะได้เจอหนูมุก
แล้วจะเกิปฏิกิริยายังไงต่อกัน


คัณธรัฐ 5 ธ.ค. 2554, 00:25:28 น.
แอบอ่านตั้งแต่เรื่องที่แล้ว เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^


pattisa 8 ธ.ค. 2554, 00:52:49 น.
ชอบคะ นิยายที่มีหลายคู่เเบบนี้ :D


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account