รักสุดท้าย...ที่ปลายดาว
เพราะความเข้าใจผิดในสัมพันธภาพระหว่างสาวสวย ปากจัด กัดเจ็บ อย่าง “ปลายดาว” กับ เพื่อนหนุ่มคาสโนว่า ทำให้เธอต้องตกเป็นจำเลยในสายตาของ “เตชิต” วิศวกรหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า) ปากจัด ซ้ำยังกัดเจ็บยิ่งกว่า ผลที่ตามมาก็คือการปะทะคารมกันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกทีที่ประจันหน้า....เรื่องจะยอมเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองอีกฝ่ายน่ะรึ...ไม่มีทางซะหร้อกกกก

แต่เรื่องวุ่นๆชุลมุนหัวใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อสนามรบทำท่าจะเปลี่ยนเป็นสนามรัก(ตามสูตรนิยายคลาสสิค^^) ท่ามกลางความอึดอัดขัดใจของเพื่อนหนุ่มคาสโนว่าที่ยุยงส่งเสริมมาแต่ทีแรก แต่ดันเกิดอาการ “หวงของ” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้ก็เลยมี “ก้าง” ชิ้นใหญ่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

วิศวกรหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหนทาง “สุดท้ายที่ปลายดาว” ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเรื่องรัก(ลึกลับ)ในอดีตโผล่ขึ้นมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก...

งานนี้เห็นทีต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ!

Tags: กุ๊กกิ๊ก โรแมนติค ปลายดาว เตชิต

ตอน: ตอนที่ 14 << มาบอกอะไรป่านนี้??? >>

14.

แม้กะจิตกะใจที่จะไปร่วมงานเลี้ยงตอนมื้อค่ำแทบไม่มีเหลือ แต่ในเมื่อเดอะโชว์ ยังต้องโกออนต่อไป ปลายดาวก็ไม่มีทางเลือก จึงแต่งองค์ทรงเครื่องเสียใหม่โดยมีสี่สาวเพื่อนซี้ที่พร้อมใจกันเป็นเมคอัพ อาร์ทิสต์ เนรมิตให้เธองามดั่งหงส์สมใจ ไม่นานนักปลายดาวก็เดินสวยพริ้งออกมาจากห้องพักในชุดแส็คสั้นไหล่เฉียงสีน้ำตาลขลิบทองที่ช่วยส่งให้เรือนร่างของเธอยิ่งดูระเหิดระหง ผิวผ่องอร่าม โดยเฉพาะหัวไหล่ด้านหนึ่งที่เปิดเปลือยไปตามแบบของชุด เส้นผมที่เริ่มยาวลงมาประบ่าถูกเสยปัดไปด้านหลังส่งให้เห็นดวงหน้าผ่องใสที่แต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆดูเป็นธรรมชาติชวนมอง

หญิงสาวพบวรรนท์เมื่อเดินออกมาได้ครึ่งทางพอดี ชายหนุ่มแต่งตัวหล่อแบบจัดเต็มมาในชุดสูทสีเข้ม พร้อมหูกระต่ายผูกตรึงตรงรอบคอ เส้นผมที่เคยยาวลงมาปรกใบหูถูกเสยให้อยู่ทรงด้วยเจลจนแข็ง ดูหล่อเนี้ยบราวผู้ดีอังกฤษจนปลายดาวยังแอบทึ่งในความเท่สมาร์ทของเขาเสียไม่ได้

“โห!...หล่อมาก” หญิงสาวอุทานออกมาอย่างลืมตัว พร้อมเดินเข้ามาจับหูกระต่ายเขาอย่างตื่นเต้น

“คืนนี้จัดหนัก” เขาตอบยิ้มๆ

“ไปงานไหนเนี่ย อย่าบอกนะว่างานเดียวกับฉัน”

“แหงล่ะ...ฉันประเมินสถานการณ์แล้ว เดาว่าคืนนี้เธอคงต้องใช้บริการฉัน ก็เลยเสนอตัวซะเลย เธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”

“พูดจาน่าเกลียด” เธอตีเผียะไปที่แขนเพื่อนหนุ่ม

“ฉันพูดจริง” เขาส่งสายตาหวานซึ้งมาให้พร้อมจับไหล่เธอทั้งสองข้างอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเปลี่ยนมาพูดด้วยน้ำเสียงเกือบเป็นกระซิบในวินาทีถัดมา “แน่ะ! พูดยังไม่ทันขาดคำ อย่าหันไปนะ...ตอนนี้คุณเต้เขาเดินมาทางข้างหลังเธอ ฉันไม่ได้ใส่ร้ายนะ แต่ทางนั้นไม่ใช่ห้องเขา ไม่ใช่ห้องเธอ ฉันไม่รู้ว่าเขาไปห้องใครมา ตอนนี้เธอมีสองทางเลือกคือจะรอให้เขามาทักแล้วเธอก็ทำใจไม่ถูกว่าจะไปกับใคร หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ หอมแก้มฉันสักหนึ่งทีแรงๆแล้วเราก็เดินเข้างานด้วยกัน”

ปลายดาวเผลอหัวเราะออกมาจนได้ แต่เธอไม่ทำทั้งสองอย่าง คือนอกจากไม่หันไปมองเขา หรือรอให้เขามาทัก เธอยังเดินผ่านหน้าวรนนท์ไปเฉยๆโดยไม่มีจุมพิตอย่างที่เขาพยายามเจ้าชักแม่น้ำทั้งห้าเสียด้วย...

วรนนท์วิ่งตามมาทันเธอจนได้ อาศัยทีเผลอเขาก็คว้าแขนเธอไปคล้องแขนเขาไว้

“ต้องเจอเขาในงาน...เธอทำใจได้แล้วเรอะ”
วรนนท์เปรยออกมาลอยๆ ไม่รู้ว่าเขาต้องการคำตอบหรือไม่ แต่ปลายดาวก็ตอบออกไปอย่างใจนึก

“ฉันไม่แน่ใจ ยังไงเธอก็อย่าทิ้งฉันละกัน ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนนะ”

“อยู่เป็น...อยู่เป็นคนรักได้ไหม ไม่อยากเป็นเพื่อนเธอแล้ว”

“ถ้ายังไม่หายเพี้ยนก็กลับไปนอนซะเหอะ” เธอทำเป็นดุ แต่ไม่ได้ถือสาหาความ วรนนท์หัวเราะคิกเมื่อตบหลังมือที่คล้องแขนเขาอยู่เบาๆ

“หน้าตาคุณเต้น่ากลัวมาก ขอบอก” เขาหันไปกระซิบข้างหูเธอ “ถ้าคืนนี้ฉันหายตัวไป...ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งเธอคงเดาได้นะ”

“เธอกลัวเขาเหรอ”

“No!” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง “แต่ก็ต้องนับว่าเขาเป็นคู่แข่งที่สูสีมาก แต่ก็นั่นล่ะ...ในเกมรักไม่เคยมีสูตรสำเร็จ เพราะต่อให้ต่างฝ่ายต่างพยายามมากแค่ไหนแต่คำตอบสุดท้ายก็อยู่ที่คนกลางเสมอ ถ้าเธอไม่เลือกฉัน ก็จบ ต่อให้เขาชนะฉันก็ไม่เสียใจ”

“แมนเกิ๊นนน”

“มันเป็นกฎกติกาของทุกเกม ที่มีคนชนะ ก็ต้องมีคนแพ้...” คราวนี้เขาก้มลงสบนัยน์ตาคู่สวยของเธอ “แต่สำหรับฉันปลายดาว...เธอไม่ใช่เกม...แต่เป็นของจริง”

“อ้วก!”

นั่นคือคำตอบสุดท้ายของคนกลางที่มีให้เขาในยามนี้...


ความสัมพันธ์ระหว่างคุณเตชิตและปลายดาวดูเหมือนจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เพราะเมื่อทุกทีที่เขาย่างเหยียบไปถึงก็เป็นอันรู้กันว่าปลายดาวจะพยายามเร้นกายหายไปจากตรงนั้น เธอแปลความหมายจากสายตาคู่นั้นออกว่าเขาดูจะโกรธมาก แต่ทุกอย่างก็ถูกเก็บไว้ภายใต้ท่าทีเฉยสนิทจนดูเหมือนไม่สนใจ แต่ต่อให้ปลายดาวย่างเยื้องอยู่ตรงไหน เชื่อแน่ว่าทุกอิริยาบถของเธอก็ยังคงตกอยู่ในสายตาเขาอยู่ดี

โอกาสเป็นของเขาจนได้ เมื่อวรนนท์บังเอิญพบผู้ใหญ่ที่รู้จักกับคุณหญิงแม่ จึงจำเป็นต้องขอตัวไปทักทายด้วยเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท เป็นผลให้คุณเตชิตตามมาทันเธอจนได้ที่บริเวณซุ้มเครื่องดื่มจำพวกค็อกเทล ขณะที่ปลายดาวกำลังก้มๆเงยๆอยู่กับเครื่องดื่มหลากสี เขาก็เบียดผู้คนเข้ามายืนใกล้เธอในระยะประชิด หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีจึงมองหาเพื่อนหนุ่ม ทว่าไม่เห็นแม้เงา จึงขยับจะเดินหนีแต่ก็ไม่อาจเร็วกว่าฝีเท้าของชายหนุ่มไปได้

เขาดึงเธอออกมาจากฝูงชนได้สำเร็จ รอยห้อเลือดค่อยปรากฏชัดเมื่อเขาคลายมือออกจากต้นแขนเธอเสียได้ แววตาคุณเตชิตดูสงบนิ่ง ริมฝีปากบางเฉียบเป็นเส้นตรง แต่ภายใต้ท่าทีสุขุมรอบคอบนั้น ปลายดาวรู้ว่าเขากำลังโกรธจัด!

เขาจ้องเธอตาไม่กระพริบ คล้ายรอให้เธอเป็นฝ่ายเอื้อนเอ่ยอะไรก็ได้ออกมาก่อน แต่ปลายดาวคิดว่าจากวันนี้ไป เธอไม่มีอะไรต้องพูดกับเขาอีก

“คุณหนีผมทำไม”
เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้มันทอดลงอย่างอดทน แต่ปลายดาวยังคงนิ่งเงียบ...

“ผมทำอะไรให้คุณโกรธหรือเปล่า”

เธอก็ยังคงไม่มีคำตอบ

“ดาว...คุณเป็นอะไร”

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” เธอตอบเสียงแข็ง “ฉันว่าจะเข้าไปในงานสักครู่แล้วจะกลับ พอดีเพื่อนๆฉันรออยู่ ฉันขอตัวนะคะ”

“ผมไม่ให้ไป” เขาก้าวมาขวางเธอไว้ “คุยกันให้รู้เรื่องก่อน นะ...ขอร้องล่ะ”

“คุณอย่ามาสนใจฉันเลยค่ะ เอาเวลาไปให้คนที่คุณควรสนใจดีกว่า”

“พูดงี้หมายความว่าไง มีใครที่ผมต้องสนใจมากกว่าคุณอีกงั้นหรือ” คราวนี้เขากอดอก จ้องตาเธออย่างพยายามจะหาร่องรอยอะไรในนั้น “คุณไปได้ยินอะไรมา”

บริเวณนั้นเป็นหน้ามุกที่ยื่นเป็นสัดส่วนออกมาจากส่วนหน้าของห้องจัดเลี้ยง นอกจากพนักงานประจำโรงแรมที่เดินผ่านเป็นครั้งคราวก็แทบไม่มีใครสัญจรอีก บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ จนดูเหมือนว่าอารมณ์ที่เริ่มเย็นลงของเขาจะทวีความร้อนรุ่มขึ้นมาอีก

“คุณมีอะไรจะถามผมหรือเปล่า”

เขาถามเสียงเครียด แววตาแข็งกร้าวแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน อารมณ์น้อยใจแบบเด็กๆแล่นขึ้นมาจุกตรงคอหอย แปลว่าเขาก็รู้...ว่าเธอรู้สึกอะไร และแทนที่เขาจะอธิบาย เขากลับจะให้เธอมาถามในสิ่งที่มันเชือดเฉือนความรู้สึกตัวเองซะอย่างนั้น....เลือดเย็นเกินไปแล้ว...

ปลายดาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามตั้งสติ ไม่ให้พ่ายแพ้แก่อารมณ์ตัวเองที่ตอนนี้ตกเป็นรองเขาอยู่มาก

“คุณเคยจูบฉัน...” เธอพูดเสียงสั่น นัยน์ตาเริ่มวาววับอย่างควบคุมไม่อยู่ “บอกฉันได้มั้ยคะ ว่าเพราะอะไร”

นอกจากคำถามนั้นจะไม่มีคำตอบ แต่ปลายดาวยังรู้สึกอีกด้วยว่ามันยิ่งทำให้เขาโมโหมากขึ้น...แววตาที่ทอดมองมาที่เธอนอกจากเต็มไปด้วยความโกรธ ยังอัดแน่นไปด้วยวี่แววของความผิดหวัง เสียใจ จนเธอรู้สึกได้

“แล้วคุณคิดว่าเพราะอะไร”

“ก็ฉันไม่รู้ไงคะ เลยถาม”

“ดาว! นี่เราทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรอยู่ คุณเป็นอะไรของคุณ!”

“ฉันก็แค่อยากรู้...”น้ำเสียงเธอสั่นพร่าหนักขึ้น “แค่อยากรู้...ว่าคุณรู้สึกแบบเดียวกัน กับผู้หญิงทุกคนที่คุณจูบหรือเปล่า”

“คุณถามเรื่องไร้สาระนี่ออกมาเพื่ออะไร”

“มันอาจจะไร้สาระสำหรับคุณ แต่ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับฉัน”

แทนคำตอบ หรือคำอธิบายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างที่ปลายดาวคาดว่าจะได้ยิน คุณเตชิตกลับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ประโยคถัดมาของเขา...บีบหัวใจเธอจนเหลือเล็กนิดเดียว

“ผมเสียใจนะที่ได้ยินอะไรแบบนี้จากคุณ...คุณกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”

ก่อนที่น้ำตาจะหยดเพราะคำพูดทำร้ายจิตใจประโยคนั้น ระฆังช่วยชีวิตก็ดังขึ้นทันเวลาเมื่อวรนนท์ตามมาพบได้ในที่สุด เขาสบตากับชายหนุ่มผู้สูงวัยกว่าอย่างไม่ระย่อกับแต้มต่อของอีกฝ่าย หากไม่ได้หมายรวมถึงรอยยิ้มที่คล้ายว่าจะส่งผ่านไปยังหญิงสาวแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

“มาอยู่นี่เอง ฉันตามหาเสียทั่วงานแน่ะ”

แม้ดวงตาแดงก่ำของเธอจะทำให้เขาเข้าใจอะไรๆได้ทะลุปรุโปร่ง แต่ก็ยังแสร้งเดินมาฉุดมือเธออย่างไม่รู้ไม่ชี้

“หายไปไหนมา” เธอต่อว่าเสียงสั่น พร้อมกระพริบตาถี่ๆเพื่อขับไล่หยดน้ำ “บอกแล้วไงว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกัน”

“ขอโทษ” เขาประคองพวงแก้มเธอไว้ สบตาเธออย่างรู้สึกผิด “เธอต้องเข้าไปที่งานอีกมั้ย ถ้าไม่ต้องก็ไปกันเถอะ พวกยัยส้มจี๊ดมันโทรมาตามแล้ว”

“ผมขอคุยกับดาวสักครู่นะคุณนนท์ เสร็จแล้วผมจะพาดาวไปส่งที่ห้องเอง”

คุณเต้ขัดขึ้น ทั้งแววตาและท่าทีเขาบอกว่าเอาจริง...ต่อให้วรนนท์ไม่เห็นด้วย แต่เขาจะไม่ยอมให้เธอจากไป

“อะ อ้าว! เอ่อ...แต่ว่า...อ้าว! นั่นคุณอาร์ท เพื่อนคุณนี่” นายหนอนชี้มือชี้ไม้ พร้อมหันไปถามคุณอาร์ทอย่างพาซื่อ “มาตามคุณเต้เหรอฮะคุณอาร์ท”

สายตาทุกคู่หันไปมองชายหนุ่มอีกคนที่เดินตรงเข้ามาหา ชุดสูทสีเข้มแบบเดียวกับคุณเต้ทำให้คุณอาร์ทดูหล่อภูมิฐานไม่แพ้กัน รอยยิ้มเขากระจ่างเต็มดวงหน้าอย่างคนที่มีบุคลิกดีเยี่ยม จะมีก็เพียงคิ้วหนาเข้มที่ร่นชิดติดกันเท่านั้นที่บอกว่าเขายังละล้าละลัง คล้ายกังวลกับเรื่องอะไรอยู่

“เอ่อ...เต้ยุ่งอยู่หรือเปล่า” เขาถามอย่างเกรงใจ

“อาร์ทมีอะไรเหรอ แล้วฝนไปไหนเสียล่ะ”

“ฝน...เอ่อ...ฝนเมามาก...เราจะพาไปส่งห้องก็ไม่ยอม อยากให้เต้ช่วยไปดูหน่อย”

“ฝนดื่มเหรอ...” คุณเต้ถามอย่างแปลกใจ “เขาไม่เคยดื่มนี่”

“ไม่รู้สิ เราห้ามแล้ว แต่ฝนไม่ฟัง”

คุณเต้ถอนใจเมื่อหันมามองปลายดาวและวรนนท์อีกครั้ง ทั้งสีหน้าและแววตาบ่งบอกว่าเขายุ่งยากลำบากใจ...แล้วเขาก็หันหลังจากไปพร้อมเพื่อนหนุ่มในท้ายที่สุด

วรนนท์พูดถูก...เขาอาจจะรักเธอ แต่เขาก็เลือกคุณฝน!

แผ่นหลังสมาร์ทผึ่งผายของคุณเตชิตที่เดินกลับไปอย่างรีบร้อน พร้อมท่าทีห่วงหาอาทรคุณฝนที่แสดงออกมาชัดเจนทางสีหน้า ทำให้ปลายดาวอดรู้สึกเจ็บหนึบๆตรงหัวใจไม่ได้ เธอรู้ว่าเขาสนิทกัน และความห่วงใยในฐานะคนสนิทชิดเชื้อก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ปลายดาวเชื่อว่ามันไม่ใช่แค่นั้น เพราะจากสายตาของเธอที่มองเห็น มันบอกว่ามีอะไรมากกว่า
ปลายดาวอยากร้องไห้ แต่ก็พบว่าไม่มีน้ำตาสักหยด วรนนท์ต่างหากที่กระตุ้นความรู้สึกนั้นของเธอออกมา

“เศร้ามากมั้ย”

เขาบีบมือเพื่อนรักไว้หลวมๆ อยากดึงเธอเข้ามากอดแต่ก็เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย มีเพียงแววตาคู่นั้นที่บอกว่าเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ดี ปลายดาวเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนหนุ่มพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ แม้รอยยิ้มจะฝืดเฝือเหลือทน แต่เธอก็ส่งมันไปให้เขาได้ในที่สุด

“ถามทำไม”

“ก็ตอบมาสิ ว่าเศร้ามากหรือเปล่า”

“ขอตอบว่าผิดหวัง แต่เศร้ามากหรือเปล่า...ก็เปล่า”

“งั้นดี...”

“อะไรดี”

“ไปเล่นบิงโกกัน พวกนั้นรออยู่”

เพียงเท่านี้รอยยิ้มใสกระจ่างของเธอก็กลับมา วรนนท์ถือโอกาสฉวยข้อมือเธอแล้วพาเดินออกมาจากที่งานแห่งนั้น ชั่วโมงเดียวก็เกินพอแล้วสำหรับงานสังคมหรูหราที่เธอไม่ใช่ปลายดาวเด่นที่จำเป็นต้องอยู่รอจนงานเลิก แล้วก็คงไม่มีใครสังเกตถ้าเธอจะปลีกตัวออกมาอย่างเงียบๆไม่รบกวนใคร

ห่างจากชายหาดฝั่งที่อยู่ติดกับหน้าโรงแรมออกมาราวๆห้าร้อยเมตร บนเสื่อกกผืนใหญ่ริมหาดทราย กลุ่มเพื่อนสาวพากันร้องรำทำเพลงอยู่อย่างสนุกสนานโดยมีต้นอ้อทำหน้าที่เล่นกีตาร์แข่งกับเสียงร้องอันไพเราะบาดแก้วหูของเพื่อนๆคนอื่นที่เหลือ ครั้นพอเห็นสาวสวยควงคู่มากับหนุ่มหล่อ วงดนตรีก็หยุดกึกลงราวดับสวิทซ์พร้อมเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่เข้ามาแทนที่

“ว้าวๆๆๆๆๆ เจ้าชายพานางซินมาส่งแล้ว”

ต้นอ้อร้องทักออกมาก่อนพร้อมวางกีตาร์พาดไว้บนตัก ทำเอาทุกคนรีบผสมโรงกันเป็นการใหญ่

“แหมๆๆๆๆๆๆๆ นึกว่าคืนนี้จะไม่ได้เจอกันซะแล้ว”

“พอเลยส้มจี๊ด” วรนนท์เบรกคู่ปรับตลอดกาล “เธอนี่นะ มันเป็นไงหา ถึงได้ชอบกัดฉันนัก”

“แหม...คนเขารักหรอก ถึงได้หยอกเล่น” อัญชัญตอบแทน

“ใช่ๆ ใช่ซี้...พวกเราพูดอะไรก็ผิดหมด ใครจะไปเหมือน...”

“เธอก็เหมือนกันยัยแอ๊ว” ชายหนุ่มรีบปรามเมื่อรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังเฉียดไปถึงใคร “ไหนๆ ไหนใครบอกฉันว่าคืนนี้จะมีบิงโกชุดใหญ่ นี่ฉันอุตส่าห์รีบออกมาจากงานเชียวนะ”

ปลายดาวนั่งลงบนเสื่ออย่างไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเพื่อนมากนัก น่าแปลกที่เมื่อสักครู่เธอยังรู้สึกแย่อยู่มาก แต่พอได้มาอยู่ท่ามกลางเพื่อนรักในบรรยากาศรื่นรมย์แบบนี้ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาทันตาเห็น แต่ต้นอ้อก็เปลี่ยนประเด็นใหม่ขึ้นมาอีก

“คืนนี้ไม่มีบิงโกนะ”

“อ้าว!”

ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกันราวกับนัด โดยที่เจ้าตัวได้แต่อมยิ้มแก้มป่องแล้วเรียกเพื่อนๆมานั่งล้อมวงกันแทน

“อะไรเนี่ย...ต้นอ้อ เปลี่ยนแผนกะทันหันงี้ได้ไง” ส้มจี๊ดโอดครวญ “นี่ถ้าคืนนี้ไม่ได้กินเงินอีหนอน ฉันนอนไม่หลับแน่”

“แหมๆๆๆ ส้มจี๊ด เธอจะจองเวรฉันไปถึงไหนจ๊ะ จะเอาให้ฉันตายไปข้างหนึ่งเลยใช่มั้ย”

“ไม่มีบิงโก แล้วเธอมีอะไร”

“ฉันมีเกมใหม่” ต้นอ้อยืดอกภาคภูมิใจ “รับรอง...เด็ด!”

“จะเด็ดจะดวงอะไรก็บอกมาซะทีเถอะ อยากรู้จะแย่แล้วเนี่ย”

ปลายดาวพลอยงงไปด้วย แต่ก่อนที่เธอจะทันอ้าปากถามต้นอ้อก็เฉลยออกมาก่อน

“เกมใหม่ฉันชื่อเกมจีจ้า”

“จีจ้า!”

ถามออกมาพร้อมกันอีกครั้ง แล้วต่างก็ส่ายหน้าขำๆให้กับคนเจ้าความคิด

“ใช่ เกมจีจ้า...ถามจริง ตอบจริง”

เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆยังทำหน้างง หล่อนก็สาธยายต่อด้วยความภาคภูมิใจในความคิดของตัวเองเป็นยิ่งนัก

“ก็เกมจีจ้าไง...ก็ตามสโลแกน ถามจริง...คนตอบก็ต้องตอบความจริง คืองี้...เราจะเวียนกันไปทุกคน ถึงตาใคร คนๆนั้นก็มีสิทธิ์เลือกถามอะไรใครก็ได้ทีละหนึ่งข้อ คนที่ตอบก็จะมีโอกาสถามคนต่อไป แต่มีข้อแม้ว่าคนตอบต้องตอบความจริง ห้ามโกหกนะ”

“จะรู้ได้ไงว่าไม่โกหก” ส้มจี๊ดมีปัญหาตามเคย

“คนไม่รู้...ฟ้ารู้ไง” หล่อนยังยักไหล่อย่างไม่เลิกภาคภูมิใจ

“’งี้ก็ไม่มีรางวัลสิ” อัญชัญปรารภออกมาอย่างเสียดาย

“ใครบอกล่ะ ตอนสุดท้ายเราจะมาโหวตกันว่าคำถามของใครถูกใจสุด แล้วเราจะให้คนที่ตอบคำถามนั้นเป็นผู้ชนะ “
“แล้วคนชนะจะได้อะไร”

“จะได้ไม่แพ้ไง”

เสียงโห่ดังขึ้นพร้อมกัน ในขณะที่ส้มจี๊ดหัวเราะร่วนชอบใจ หล่อนอาสาเป็นผู้เริ่มเล่นเกมคนแรกทันที

“มา...เริ่มที่ฉันก่อนเลยดีกว่า ฉันขอถาม...แอ๊ว...เธอเป็นคู่เลสเบี้ยนกับยัยอัญชัญจริงหรือเปล่า”

“บ้า!”

คราวนี้สองสามสบถออกมาพร้อมกัน ตามด้วยเสียงหัวเราะของคนอื่นๆ แต่สองคนนี่ซี้กัน...ไม่แปลกที่จะมีใครเข้าใจแบบนี้

“ไม่จริง!” แอ๊วตอบเสียงดังฟังชัด “คราวนี้ตาฉันแล้วนะ ฉันขอถาม...ปลายดาว...เธอเป็นแฟนกับคุณเต้ จริงหรือเปล่า”

“ฉันขอเปลี่ยนคำถามได้ไหม” ปลายดาวตอบเสียงอ่อย แต่กลับโดนเพื่อนๆประท้วงเสียงดังลั่น

“อย่ามั่วสิดาว! ยังไม่ถึงตาเธอถามเลย ตอบคำถามมาก่อน” ต้นอ้อดักคอ

“ฉัน...เอ่อ...ไม่ใช่...อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ใช่”

“อ้าว! งั้นก็ถามต่อสิ เธออยากถามใคร ลุยเลย!”

“ถาม...ต้นอ้อดีกว่า” คราวนี้ปลายดาวผุดลุกขึ้นนั่งชันเข่าบ้างอย่างนึกสนุก “ที่มีข่าววงในเล็ดลอดออกมาว่าเธอจะแต่งงานปลายปีนี้ ชัวร์หรือมั่วนิ่ม”

ต้นอ้อปิดปากเงียบ...วงสนทนาที่ต่างรอฟังคำตอบก็พลอยเงียบงันไปด้วย แต่เพียงครู่เดียวความเงียบนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงกรี๊ดดังลั่น เมื่อต้นอ้อตอบออกมาชัดถ้อยชัดคำว่า

“ชัวร์!”

เกมจีจ้าหยุดเล่นอย่างกะทันหันไปครู่หนึ่งเพราะยังเซ็งแซ่ไม่หยุดในข่าวน่าตื่นเต้นยินดีของต้นอ้อ ก่อนที่จะหมุนเวียนต่อเนื่องไปทั่วทุกคนอย่างสนุกสนาน แต่ไม่ว่าเรื่องไหน...ก็ล้วนไม่น่าสนใจเท่ากับเรื่องของหัวใจหรือความรักที่พร้อมเรียกเสียงฮือฮาทุกครั้งที่มีการยิงคำถามออกไป

ตอนหนึ่งของเกม...ส้มจี๊ดเป็นคนยิงคำถามไปยังวรนนท์เพื่อนรักสุดหล่อหน่อเดียวในที่นั้น

“ขอถาม...แกแอบรักเพื่อนตัวเอง เพื่อนที่แกคบมาแต่อ้อนแต่ออกสมัยที่ยังมุดรั้วลวดหนามหนีอาจารย์ฝ่ายปกครองมาด้วยกัน รักแบบว่ารักจริงๆ ไม่ใช่แบบหมาหยอกไก่ ไม่ใช่รักจริงหวังฉะ รักแบบอยากจะแต่งงานร่วมหัวจมท้าย อยู่เคียงข้างกันทั้งในยามทุกข์และยามสุขไปจนแก่เฒ่า มีลูกมีหลานไว้สืบสกุล ใช่หรือไม่”

คำถามยาวเหยียดนั้นทำให้ปลายดาวแอบเบ้ปาก ส้มจี๊ดพรรณามาขนาดนี้ เพื่อนๆคงๆไม่รู้หรอกว่าหล่อนหมายถึงใคร ในขณะที่คนอื่นๆอมยิ้ม แต่นายหนอนกลับทำหน้าเมื่อย เหมือนหงุดหงิดที่ต้องมาตอบในเรื่องที่คิดว่าทุกคนน่าจะรู้แล้ว

“ต้องให้ฉันตอบอีกหรือ”

“อย่ามาเนียน...ให้ตอบ ไม่ใช่ให้มาย้อนถามฉัน” ส้มจี๊ดไม่วายดักคอ “แค่ตอบว่าใช่ หรือไม่ใช่”

“ใช่! คนนี้ฉันรักจริงหวังแต่งนะ ถ้าเขาเซย์เยสเมื่อไหร่ พวกเธอก็เตรียมตัดชุดได้เลย”

“โว้วววววววว!!!!!”

เพื่อนๆกรี๊ดลั่น ในขณะที่ปลายดาวเริ่มทำหน้าไม่ถูก รู้มาตลอดว่าเขาคิดอะไร แต่จีบเธอออกสื่อแบบนี้ พูดตามตรงว่าเขินเอาเรื่องอยู่นะ

“คราวนี้ ฉันขอถามบ้างล่ะนะ ปลายดาว...ฉันขอถามเธอ”

เขาทำหน้าเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม สบตาเธออย่างพยายามจะลึกซึ้ง แต่มันก็ดูตลกในสายตาเธออยู่ดี...ถ้าเดาไม่พลาด เขาต้องเอ่ยปากขอเธอแต่งงานโดยอาศัยช่วงชุลมุนที่มีสักขีพยานพร้อมสรรพ แม้ว่าเขาอาจจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ในเมื่อโอกาสเป็นใจแถมเพื่อนๆก็รอลุ้นกันตัวโก่ง เขาย่อมไม่พลาด...

ปลายดาวเดาว่า...คำถามของเขาคือ “เธอจะแต่งงานกับฉันไหม” จึงรู้สึกผิดคาดไม่ใช่น้อยที่ความหมายของมัน ดูคล้ายจะออกทะเลไปอีกทาง

“ฉันขอถามว่า...ถ้าไม่มีคุณเต้ เธอจะรักฉันไหม”

คำถามปริศนาที่ซ่อนอยู่ในนั้นคือ...เธอรักคุณเต้มากไหม เพราะถ้าวันหนึ่งเธอเกิดเปลี่ยนใจมารักเขาได้ ก็แปลว่าความรักที่เธอมีให้คุณเต้มันไม่ได้มากมายอย่างที่ชายหนุ่มรู้สึก และนั่นย่อมหมายความว่าเขาก็ยังคงมีหวัง...

วงสนทนาเงียบกริบ!

ก่อนที่มันจะกลายเป็นตลกร้ายไปกว่านี้ ปลายดาวก็ลุกขึ้นปัดแข้งขา พร้อมขยับชุดสวยให้เข้าที่ ถอนหายใจออกมาอย่างไม่อยากเสียเวลากับเกมเด็กๆอย่างนี้อีกต่อไป

“เลิกเหอะ...เล่นอะไรกันเป็นเด็ก ไม่เห็นหนุกเลย ขึ้นไปเล่นบิงโกกันต่อดีกว่า”

แม้จะไม่มีผลโหวตในตอนสุดท้ายอย่างที่คาดหวัง แต่เพื่อนๆก็ยอมเลิกเล่นเกมจีจ้าแต่โดยดี และตกลงว่าจะกลับไปเล่นบิงโกกันต่อที่ห้อง ปลายดาวกับวรนนท์ก็เลยขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยจะกลับมารวมตัวด้วยอีกครั้งในอิริยาบถสบายๆเพื่อจะได้มีแรงต่อสู้กับเพื่อนๆได้เต็มที่หน่อย

ทว่าพ้นออกจากกลุ่มมาได้ไม่กี่มากน้อย อยู่ๆวรนนท์ก็ปล่อยมือเธอออกทั้งที่ชายหาดแห่งนั้นเต็มไปด้วยโขดหินมากมายชวนให้เธอลื่นล้มเป็นไหนๆ หญิงสาวอดโวยออกมาไม่ได้ตามนิสัย

“อ้าว! ปล่อยทำไมล่ะ ทั้งหินทั้งหอยเยอะแยะเต็มไปหมด ฉันลื่นล้มขึ้นมาจะทำยังไง หัวหินเป็นถิ่นมีหอยนะ ไม่รู้หรือไง”

แทนการต่อล้อต่อเถียงอย่างที่เคย วรนนท์ทำได้แค่หัวเราะร่วน แล้วยื่นมือเขามาตรงหน้าแทน

“กลัวล้มก็จับมือฉันไว้สิ”

“ตลอด...หมั่นไส้จริงๆ ฉันยิ่งแรงน้อยอยู่ด้วย ถ้าฉันหลุดมือไปเหอะ”

“ถ้าฉันจับมือเธอ ฉันรู้ว่าฉันจะไม่มีวันปล่อย...เธอจับมือฉันแหละดีแล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่เธออยากปล่อย เธอจะได้ปล่อยได้...

“ดราม่าตลอด!”

เธอหัวเราะพร้อมอดส่ายหน้าให้กับความน้ำเน่าของเพื่อนรักเสียไม่ได้ นอกเหนือจากความหมั่นไส้เป็นทุน แต่สิ่งหนึ่งที่ปลายดาวสัมผัสได้ตลอดเวลาจากเพื่อนหนุ่มก็คือความรักและหวังดีอย่างจริงใจ ที่แม้ว่าหลายครั้งมันอาจจะดูเลยเถิด แต่เธอก็เชื่อว่าวรนนท์จะเป็นสุภาพบุรุษ และผู้ชายอย่างเขาไม่มีวันจะหักหาญน้ำใจผู้หญิงคนไหนในโลก...เธอรู้จักเขามาเกือบเท่าชีวิต ความรู้สึกที่มีต่อเขาไม่เคยเปลี่ยน และมันจะไม่มีวันจะถูกลบล้างด้วยความรู้สึกอื่น...เธอเชื่อว่าหัวใจตัวเองรู้สึกแบบนั้น และวรนนท์ก็คงรู้สึกได้...เขาไม่ใช่คนที่จะปฏิเสธความจริง เธอรู้จักเขาดี

วรนนท์ยังเดินตามมาส่งถึงหน้าห้อง ทั้งที่บรรยากาศควรจะอึดอัด แต่เขาก็ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้นเลยสักครั้ง

“หนอน...เรื่องเกมจีจ้าเมื่อกี้....” ปลายดาวหยุดกึก มีผลให้เขาเดินมาชนหลังเธอดังแอ้ก!

“เกมมันเลิกแล้วไอ้น้อง”

“คือฉัน...ไม่รู้จะพูดยังไง”

“ก็ไม่ต้องพูดสิ” เขายักไหล่เหมือนไม่แคร์ ตรงข้ามกับแววตาหนักแน่นนั้นอย่างสิ้นเชิง “เกมมันเลิกแล้ว ถามอะไรมาตอนนี้ ใครเขาจะตอบความจริงเธอ”

“งอนเหรอ”

“ใครงอน” เขาทำเสียงกระเง้ากระงอด แต่ดวงตายังยิ้มพราย “อย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลยน่า”

“ความจริงถึงไม่เกี่ยวกับเกม เธอก็ไม่ควรถามฉันแบบนั้น...คุณเต้เขามาทีหลัง เขาไม่เกี่ยวหรอก เพราะถึงไม่มีเขา ยังไงฉันก็รักเธอ”

“รักแบบไหน”

“ก็รักแบบเพื่อนนี่ล่ะ รักสุดๆ รักมากมาย รักชิบ...หาไม่เจอเลยอ่ะ”

“ถ้ารักแบบนั้น ก็เชิญเธอรักฉันไปคนเดียวเหอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก” ใบหน้าคมเข้มคล้ายจะมีรอยยิ้มซ่อนอยู่ “ฉันไม่ได้รักเธอแบบนั้นซะหน่อย ฉันรักเธอแบบ...แบบ...แบบผัวเมียน่ะ เข้าใจ๋? เธอจะต้องให้ฉันบอกมั้ยว่าผัวเมียเขาทำอะไรกันได้บ้าง”

“บ้า!”

“บ้าอะไร” เข้าคว้ากำปั้นเธอที่เตรียมเหวี่ยงมาพอดีไว้ได้ “เธออย่าหัวเราะนะ ฉันอยากสารภาพ...ฉันรู้จักเธอมาตั้งนาน มากกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ฉันไม่เคยรู้...ไม่เคยเตรียมตัวว่าต้องมารักเธอในแบบที่ผิดไปจากที่เคย ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรู้ตัวแล้วก็อยากเปลี่ยนใจ แต่ว่ายังทำไม่ได้...เธอโกรธฉันหรือเปล่า”

“ฉันก็อยากโกรธ...เธอมาบอกอะไรเอาป่านนี้”

หญิงสาวหัวเราะเมื่อเลียนแบบประโยคยอดฮิตในหนังไทยสุดคลาสสิคเรื่องหนึ่ง คำตอบนั้นทำให้มือที่บีบมือเธอไว้เปลี่ยนมาเป็นโอบเอวไว้หลวมๆ แต่แววตาเขาหนักแน่นจริงใจอย่างที่เธอแทบจะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต

“แต่ก็อย่างที่ฉันเคยบอก...หัวใจเธอ เธอมีสิทธิ์เลือกรักใครก็ได้ งานนี้คุณเต้เขาชนะ ฉันยอมรับ แต่ขอบอกว่าฉันยอมเขา ชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้นนะ”

“ยอมเยิมอะไร เรื่องคุณฝนก็ยังคาราคาซังอยู่ ลืมไปแล้วเรอะ”

“เดี๋ยวมันก็ถึงเวลาที่เขาต้องเลือกเองแหละ ถึงตอนนั้นถ้าเขาไม่เลือกเธอ ก็กลับมาหาฉันละกัน แต่อย่านานนักนะ...แก่เหนียงยานขึ้นมา ฉันก็คงต้องบ๊ายบายเหมือนกัน”

แล้วเสียงหัวเราะเบิกบานก็ดังขึ้นหลังจากนั้นเป็นสัญญาณว่าไม่มีความเครียดใดจะเอาชนะเขาได้ นอกจากเสียงหัวเราะสุขใจนั้นจะทำให้อะไรๆที่ดูหนักอึ้งเมื่อครู่ค่อยบรรเทาเบาบางลงไปมาก ยังทำให้ปลายดาวตระหนักชัดเจนอีกว่า ความสุขที่แท้จริงของเขา...ไม่ใช่การได้ครอบครองทุกสิ่งที่หวัง แต่คือการได้เห็นเธอมีความสุขต่างหาก



สิริเสาวภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ต.ค. 2554, 10:31:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ต.ค. 2554, 10:31:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 2165





<< ตอนที่ 13 << พรีฮันนีมูน หรือจุดเริ่มต้นของรอยร้าว??? >>   ตอนที่ 15 << เจ้าชาย...ก็มีแต่ในนิทาน >> >>
Canopus 22 ต.ค. 2554, 12:04:27 น.
หลงรักนายหนอนซะแล้วสิ


anOO 22 ต.ค. 2554, 13:35:45 น.
และแล้วคุณเต้ก็ยังไม่ชัดเจน เฮ้อ หวานกันอยู่ดีๆ


กานต์นวีร์ 22 ต.ค. 2554, 16:04:54 น.
เห็นใจหนอนจัง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความรักที่จริงใจขนาดนี้ อยากให้หนอนสมหวังแล้วสิ


violette 23 ต.ค. 2554, 02:39:12 น.
นั่นสิคะ อยากเชียร์นายหนอนแทนมากกว่าแล้วสิ คุณเต้มันมีห่วงมากไปง่ะ


pseudolife 24 ต.ค. 2554, 13:32:32 น.
ยัยฝนนี่ยังไง


wane 24 ต.ค. 2554, 22:25:12 น.
นายหนอน ....พระเอกตัวจริงอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account