รักสุดท้าย...ที่ปลายดาว
เพราะความเข้าใจผิดในสัมพันธภาพระหว่างสาวสวย ปากจัด กัดเจ็บ อย่าง “ปลายดาว” กับ เพื่อนหนุ่มคาสโนว่า ทำให้เธอต้องตกเป็นจำเลยในสายตาของ “เตชิต” วิศวกรหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า) ปากจัด ซ้ำยังกัดเจ็บยิ่งกว่า ผลที่ตามมาก็คือการปะทะคารมกันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกทีที่ประจันหน้า....เรื่องจะยอมเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองอีกฝ่ายน่ะรึ...ไม่มีทางซะหร้อกกกก

แต่เรื่องวุ่นๆชุลมุนหัวใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อสนามรบทำท่าจะเปลี่ยนเป็นสนามรัก(ตามสูตรนิยายคลาสสิค^^) ท่ามกลางความอึดอัดขัดใจของเพื่อนหนุ่มคาสโนว่าที่ยุยงส่งเสริมมาแต่ทีแรก แต่ดันเกิดอาการ “หวงของ” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้ก็เลยมี “ก้าง” ชิ้นใหญ่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

วิศวกรหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหนทาง “สุดท้ายที่ปลายดาว” ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเรื่องรัก(ลึกลับ)ในอดีตโผล่ขึ้นมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก...

งานนี้เห็นทีต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ!

Tags: กุ๊กกิ๊ก โรแมนติค ปลายดาว เตชิต

ตอน: ตอนที่ 15 << เจ้าชาย...ก็มีแต่ในนิทาน >>

15.

เมื่อร่างสูงคุ้นตาของวรนนท์ลับหายไป ความเหงาก็แล่นจู่โจมขึ้นมาจนปลายดาวแทบตั้งตัวไม่ติด เรื่องของวรนนท์ไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายได้มากเท่าที่คิด มันถูกทิ้งไว้ที่หน้าประตูห้องแทบจะทันทีนับตั้งแต่เขาเดินจากไป เรื่องที่รบกวนจิตใจเธอที่สุดในยามนี้กลับเป็นเรื่องของคุณเต้กับคุณฝนอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้...

แม้จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ไม่รู้ที่มาที่ไปของความสัมพันธ์ที่แท้จริง แต่การได้ชื่อว่ามีเอี่ยว...เป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญในความรักของใครต่อใคร ก็ไม่อาจทำให้เธอรอดพ้นจากความรู้สึกผิดไปได้

ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก ปลายดาวก็พบว่าไฟในห้องสว่างโร่อยู่แล้ว เธอนึกว่าตัวเองลืมปิดไฟ ปิดแอร์ แต่เมื่อเห็นคุณเตวิชกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนอาร์มแชร์ตัวใหญ่ก็คลายความสงสัยไปได้ เขาเข้ามาในนี้ได้อย่างไรไม่ใช่เรื่องแปลก...แต่เขาเข้ามาทำไมนี่สิ ยังน่าสงสัย

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนกอดอก แววตาแบบเมื่อตอนหัวค่ำกลับมาอีกรอบ...ท่าทางเขาเหมือนอยากให้เธอเอ่ยอะไรออกมาก่อน แต่เมื่อไม่มีคำพูดใดออกมาจากริมฝีปากของเธอ เขาก็สาวเท้าเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น แต่ยิ่งใกล้...ปลายดาวก็ยิ่งถอยหนีจนในที่สุดแผ่นหลังของเธอก็แนบเข้ากับประตูห้องอย่างหมดทางหนีได้อีก

“ผมยังไม่เคลียร์เรื่องเมื่อกี้นี้”

เขาเอ่ยออกมาก่อนอย่างอดรนทนไม่ได้ มือข้างหนึ่งพาดข้ามศีรษะเธอไปยันไว้กับบานประตู ใบหน้ายื่นเข้ามาใกล้จนปลายดาวสัมผัสได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์บางเบาจากลมหายใจนั้น

“เรื่อง...ที่วรนนท์สารภาพรักฉันเมื่อกี้น่ะเหรอ คุณได้ยินไม่ผิดนี่”

คิ้วเค้มหนากระตุกเข้าหากันแทบจะทันที แวววตานั้นบอกว่านอกจากเรื่องนี้จะไม่ใช่หัวข้อที่อยู่ในการสนทนาแล้ว มันยังเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาในความคิดเขาอีกด้วย

“หมายความว่าไง”

เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มดังขึ้น แต่ปลายดาวไม่ตอบ ซ้ำยังเบือนหน้าหนีไปอีกทางเสียด้วย

“ผมถามว่ามันหมายความว่าไง!” คราวนี้น้ำเสียงเขาเริ่มเป็นตวาด

“แล้วฉันจะเล่าให้ฟังวันหลัง คุณกลับไปก่อนเถอะ วันนี้ฉันเหนื่อยมาก อยากพักแล้ว”

“วรนนท์เขาทำอะไรคุณ! ผมถามว่าเขาทำอะไรคุณ!”

“แล้วคุณมีปัญหาอะไรคะ”

เธอย้อนถามเขาอย่างท้าทาย ทันมองเห็นว่าแววตาเขาดูเจ็บปวดวูบไหวอยู่ไม่น้อย เธออาศัยช่วงเผลอผลักเขาให้ออกไปไกลจากตัว แต่ดูเหมือนร่างสูงใหญ่นั้นจะไม่สะดุ้งสะเทือน มีแต่จะขยับเข้ามาใกล้จนแม้แค่กระดิกตัวเธอก็ยังไม่สามารถ

“คุณประชดผมอยู่หรือเปล่า” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้มันเป็นปกติ แต่ปลายดาวเบ้ปาก

“คุณหลงตัวเองมากไปหรือเปล่าคะคุณเตชิต ที่คิดว่าใครต่อใครต้องทำอะไรประชดคุณไปหมด”

“คุณรักวรนนท์จริงๆรึ”

“ถ้าคุณมาเพื่อจะถามแค่นี้ ก็กลับไปซะ เดี๋ยวฉันจะบีบีไปบอก”

“ดาว!” คราวนี้เขาตวาดลั่น บ่งบอกว่าความอดทนไม่เหลืออีก

“อย่ามาตวาดใส่ฉันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ คุณกลับไปซะ ฉันบอกแล้วว่าวันนี้ฉันไม่พร้อม”

“คุณอย่ามากวนประสาทผมนะ”

“ฉันจะนอน ออกไปนะ”

เธอผลักเขาออก แต่มีผลกลับทำให้เขายิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้น จนเมื่อหมดหนทางที่จะป้องกันตัวเองไว้ได้อีก หญิงสาวจึงตัดสินใจบดส้นรองเท้าสูงปรี๊ดลงบนหลังเท้าของอีกฝ่าย เธอรู้ว่าเขาเจ็บแม้จะไม่มีอาการออกมาให้เห็น แต่มันก็ทำให้เธอเป็นอิสระจากเขาได้ในที่สุด

ทว่าเขาก็หันมาคว้าแขนเธอไว้ได้อยู่ดี...

“ตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่ผมที่พยายามแสดงออก แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณรักผมหรือเปล่า...คุณเคยรักผมบ้างหรือเปล่าดาว”

คราวนี้น้ำเสียงเขาผิดไปจากเดิม ดูออกว่าเขาเองก็คงจะเหนื่อยและเริ่มจะถอดใจกับเธอแล้วกระมัง หาไม่แล้วเขาคงไม่ถามอะไรออกมาแบบผิดที่ผิดทางแบบนี้หรอก

“ฉันจะรู้สึกอะไร ก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ”

“คุณรักผมหรือเปล่า”

เขาบีบแขนเธอไว้ข้างหนึ่งอย่างลืมตัว เมื่อเธอไม่มีคำตอบแรงบีบนั้นก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นจนสะบัดไม่หลุด

“ปล่อยนะ! ทำไมคุณชอบใช้กำลังทุกทีที่ไม่ได้ดั่งใจ ฉันเบื่อแล้วนะ เลิกมายุ่งกับฉันเสียที”

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลย”

“ฉันบอกให้ปล่อย” คราวนี้เธอเริ่มใจคอไม่ดี แววตาจริงจังของเขาทำให้เธออึดอัด “ฉันบอกให้ออกไปไงล่ะ อย่ามาใช้กำลังกับฉัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของคุณนะ!”

“ดาว”

เขาเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว จนปลายดาวเดาอารมณ์เขาไม่ถูก นาทีนี้เธอคิดอะไรไม่ออกเอาเสียจริงๆ นอกจากจะอยากให้เขาไปให้พ้นๆหน้า อย่างยอมรับ...เธอตอบไม่ได้จริงๆว่าเพราะกลัวอารมณ์รุนแรงของเขา หรือกลัวใจตัวเองกันแน่

เมื่อเขารั้งร่างเธอเข้าไปใกล้ สัญชาติญาณก็สั่งให้เธอต่อสู้ ทั้งหยิก ทั้งข่วนจนเลือดสดๆไหลซึมติดปลายเล็บออกมาจนเธอใจหายเสียเอง ทว่าดูเหมือนจะไม่มีผลกับอีกฝ่าย เพราะทันทีที่เธอรามือ เขาก็รวบตัวเธอเข้าไปไว้ในอ้อมกอดจนได้...อ้อมกอดของเขารัดแน่นจนเธอแทบหายใจไม่ออก น่าแปลก ที่เธอเหมือนจะได้ยินเสียงสะอื้นออกมาเบาๆเสียด้วย

นี่เขาร้องไห้หรือ...

“ปล่อยฉันเถอะคุณเต้...คุณกลับไปพักผ่อนซะ แล้วค่อยคุยกันวันหลัง”

เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด อยู่ๆเหตุการณ์ก็พลิกผัน กลายเป็นเธอที่ถือไพ่เหนือกว่าซะอย่างนั้น ดวงตาเขาแดงก่ำเมื่อคลายอ้อมกอดจากเธอ

“คุณอยากรู้เรื่องฝนใช่ไหม”

“ฉันไม่เคลียร์เรื่องจูบ” เธอตอบไปตามตรง ไม่อ้อมค้อม “ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะไร้ความรู้สึก และเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพราะคุณฝนฝ่ายเดียวไม่ได้ สิ่งที่ฉันได้ยิน ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยคะ”

ทั้งสีหน้าและท่าทางบ่งบอกชัดเจนว่าเขาลำบากใจ แต่ในเมื่อตกเป็นรองเธอขนาดนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือก

“ผมกับฝนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ผมรักฝนเหมือนเพื่อน เหมือนน้อง เป็นห่วงเขา ดูแลเขาเพราะเขาไม่มีใคร แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าฝนรู้สึกอะไรกับผมมากกว่านั้น มันเป็นเรื่องของความรู้สึก ผมจะไปห้ามความรู้สึกเขาได้ยังไง”

“แล้วคุณล่ะ รู้สึกอะไรกับเขาหรือเปล่า”

“ผมยอมรับว่าเมื่อก่อนอาจจะมี แต่นั่นมันก็ก่อนที่ผมจะมาเจอคุณ”

“งั้นคุณก็โกหกฉัน คุณเคยบอกว่าไม่มีอะไร แต่ความจริงก็มี”

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดคุณ...ไม่เกี่ยวกับคุณเลย ดาว อย่าทำแบบนี้”

“ฉันไม่อยากเป็นมือที่สามใคร คุณควรไปทำความเข้าใจกับคุณฝนใหม่ แล้วก็เลิกมาวุ่นวายกับฉันเสียที”

“ผมไม่เลิก”

“แต่ฉันรับไม่ได้ค่ะ ฉันยอมรับค่ะว่ารู้สึกดีๆกับคุณ พอๆกับที่ยอมรับได้ว่าทุกคนต้องมีอดีต แต่พูดตามตรงว่าฉันไม่มั่นใจว่าคุณฝนจะเป็นแค่อดีตของคุณจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ...ฉันไม่ได้เตรียมตัวเกิดมาเพื่อจะเป็นคนที่สอง ฉันรับไม่ได้จริงๆ”

“เรื่องของผมกับเขามันจบไปแล้วดาว แล้วมันก็ไม่มีทางเกิดขึ้นอีก”

“ถ้าสิ่งที่ฉันเห็น...มันจะช่วยยืนยันว่าทุกอย่างจบแล้วจริงๆ ฉันก็จะโอเค แต่ฉันคิดว่ามันไม่ใช่”

“ถ้าคุณหมายถึงเรื่องจูบ...คุณจะเชื่อแบบไหนก็ตามใจ แต่ผมขอบอกว่าผมไม่ใช่คนเริ่ม แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรอย่างที่คุณคิดด้วย”

“คุณรู้เหรอคะ ว่าฉันคิดอะไร”

“ดาว...” เสียงเรียกเธอแผ่วเบาลงทุกที แววตาเขาผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “คุณคิดว่าผมจะจูบใครก็ได้ง่ายๆงั้นหรือ ที่ผมพูดมาทั้งหมด...คุณไม่เชื่อผมเลยใช่มั้ย”

“มันไม่สำคัญว่าฉันจะเชื่อหรือไม่เชื่อ... ฉันแค่รับไม่ได้”

ประโยคเบสิคของเธอทำให้เขาผุดลุกขึ้นยืนตัวตรง แววตาเขาผิดหวังเมื่อสบตาเธอเป็นครั้งสุดท้าย

“ในเมื่อคุณรับไม่ได้ แล้วคำตอบของคุณก็มีอยู่แค่นี้ แล้วคุณจะถามผมทำไม”

“ฉันแค่เชื่อในสิ่งที่เห็น”

“ถ้างั้นผมก็คงทำได้ดีที่สุดแค่นี้...ถ้าคุณมัวแต่แคร์ในสิ่งที่ผมกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมก็เสียใจ”

ประโยคนั้นทำให้ปลายดาวยืนนิ่งเหมือนถูกสาปที่เขาทำเหมือนไม่แคร์เธอสักนิด มิหนำซ้ำยังหันหลังเดินจากไปโดยไม่หันมามองเธอเลยอีกด้วย

แล้วใคร(วะ) ทำมาร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อกี้นี้!

----------------------

“ก็เธอมันบ้า!”

ส้มจี๊ดกระแทกตัวลงกับเตียงนอนแรงๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน หล่อนบังเอิญเข้ามาตามทั้งปลายดาวและวรนนท์เพราะคิดว่าอยู่ด้วยกัน แต่กลับพบเพียงเพื่อนสาวนั่งตาแดงก่ำ ไฉนเลยหล่อนจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปโดยง่ายๆ

“ใครๆก็มีอดีตกันทั้งนั้น...เรื่องแค่นี้ เธอไม่เข้าใจได้ยังไง เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาดาว”

“เธอไม่เข้าใจหรอก ถ้าเขายังต้องเจอกันอยู่ทุกวัน เธอคิดว่าเขาจะเลิกกันจริงๆได้หรือเปล่า”

“ถ้าเขาเลือกเธอซะอย่างคนอื่นก็ไม่มีความหมาย คนที่คิดแบบเธอ...ก็มีแต่คนที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น เธอกลายเป็นยายแก่คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ฉันว่าท่าทางคุณเต้เขาจริงใจกับเธอออกนะ ดูเรื่องที่เขาอุตส่าห์บินไปเซอร์ไพรส์เธอที่จีนก็รู้ เธอไม่น่าด่วนตัดสินใจ”

“ฉันไม่รู้ส้มจี๊ด...แต่ฉันรับไม่ได้”

“พวก Perfectionist ก็ยังงี้ ฉันล่ะเบื่อ” หล่อนถอนหายใจ กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง “อะไรๆก็ต้องสมบูรณ์แบบ ดูดี คลีน แอนด์ เคลียร์ ไปซะหมดทุกอย่าง เจ้าชายมันก็มีแค่ในนิทานแค่นั้นแหละ หัดยอมรับความจริง แล้วก็ลดสเป็คลงบ้างเหอะเธอ”

“เธอก็พูดเกินไป มันไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย ฉันแค่...แค่รู้สึกผิดหวังมากกว่า”

“ฉันขอบอกเธอในฐานะที่ฉันแต่งงานแล้ว และมีประสบการณ์มากกว่า โลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดหรอก แล้วผู้ชายอย่างคุณเต้ อายุขนาดเขา หน้าที่การงานแบบเขา แถมหล่อเหลาขนาดนั้น ถ้าเขาไม่เคยผ่านอะไรมาเลยสิถึงจะน่าแปลก เธอน่าจะดีใจมากกว่านะที่เขารอดปากเหยี่ยวปากกาไม่เบี่ยงเบนเป็นพวกเก้งกวางไปเสียก่อน”

คราวนี้ปลายดาวเผลอหัวเราะออกมาจนได้

“เขาไปอยู่เมืองนอกมาตั้งนาน แต่ฉันยังไม่เคยรู้สึกว่าเขาเป็นฝรั่งเลย แถมดูเป็น Gentleman ยิ่งกว่าผู้ชายไทยบางคนเสียอีก ถ้าขนาดคุณเต้ยังไม่เทพพอ จะไปหาใครที่ไหนอีก นายหนอนมั้ย...หรือจะเอาแบบสามีฉันดี...สามีที่พอเห็นฉันเผลอหน่อยเป็นไม่ได้ เป็นต้องหนีเที่ยว แถมให้ฉันต้องคอยรบรากับบรรดากิ๊กๆกั๊กๆของเขาไม่เว้นแต่ละวัน ปวดประสาทจะแย่”

ส้มจี๊ดทำหน้าเมื่อย แต่ความทุกข์ในแววตาก็ไม่มีปรากฎให้เห็น บางทีหล่อนอาจชาชินเสียแล้วกับการเป็นภรรยาของนักดนตรีรูปหล่อที่มีแฟนคลับรุมล้อมเต็มไปหมด

“เธอถามต่อสิ ว่าทำไมฉันยังทนได้...เพราะว่าฉันรักสามีฉันไง ถ้าเรารักใครสักคนเราก็ยอมให้อภัยเขาได้ สามีฉันอาจไม่ใช่ผู้ชายที่ดีนัก แต่ฉันรู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะเลือกฉัน”

“แน่ล่ะ ก็เขาเลือกแต่งงานกับเธอแล้วนี่”

“การแต่งงานก็ไม่ได้แปลว่าเราจะอยู่ด้วยกันไปจนตลอดชีวิต อาจมีใครสักคนหนึ่งเปลี่ยนใจขึ้นมาวันไหนก็ได้ ไม่มีใครรับประกันหัวใจใครได้หรอก แต่เธอจะให้ฉันทุกข์ล่วงหน้าไปทำไม ในเมื่อมันยังมาไม่ถึงซะหน่อย ไว้ให้เขาทิ้งฉันจริงๆก่อนค่อยว่ากัน แต่เรื่องของฉัน...มันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้วแหละ กลับมาเรื่องของเธอดีกว่า เธอคิดว่าเธอจะยอมรับเขาได้หรือเปล่า ถ้าเธอยังตอบตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปตอบเขาหรอก เสียเวลาเปล่า แต่ขอบอก...คนนี้ฉันเชียร์”

“ไม่เชียร์อีหนอนแล้วเหรอ”

“ฉันไม่เคยเชียร์มันนะ แต่ที่ถามเพราะหมั่นไส้มันน่ะ เห็นทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงอยู่ได้” หล่อนไหวไหล่ ให้รู้ว่าเรื่องนั้นยังอยู่ห่างจากความคิด “แล้วต่อให้ฉันเชียร์มันจริงๆ ฉันว่าเธอก็ไม่โอเคอยู่ดี ไม่งั้นเธอคงชอบมันไปนานแล้วมั้ง”

“แต่เธอก็รู้เหมือนที่ฉันรู้ว่าถึงยังไงมันก็เป็นคนดี ส่วนคุณเต้...ก็เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เขาอาจจะไม่ใช่คนดีอย่างที่เธอคิดก็ได้”

“ฉันก็ไม่ได้ว่าเขาดี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพอเอาเข้าจริงๆเขาจะแย่กว่าอีหนอนหรือเปล่า ฉันแค่คิดว่าตัวเองมองคนไม่ผิด และเธอไม่น่าจะผิดหวังที่เลือกเขา”

“แต่เขาจูบกันนะ ฉันรับไม่ได้”

“มันก็แค่จูบ...เขาไม่ได้มีอะไรกันให้เธอเห็นซะหน่อย ฉันไม่อยากให้เธอคิดมาก มีฝรั่งคนหนึ่งเคยบอกฉันว่า เมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์ แปลว่าเราก็มีหน้าที่ทำตัวเองให้มีความสุข ดังนั้นอะไรที่พอจะมองข้ามไปได้...ก็มองข้ามมันไปบ้างเหอะ ชีวิตจะได้มีความสุข เชื่อฉันสิ”

ส้มจี๊ดเขย่ามือเพื่อนรักแรงๆอย่างเป็นห่วง หล่อนไม่เคยเห็นปลายดาวเป็นอย่างนี้มาก่อน ไม่เคยเห็นเธอวิตก เป็นทุกข์ เป็นร้อนหรือเสียน้ำตาให้กับผู้ชายคนไหน แปลว่าครั้งนี้...เพื่อนรักคงมีใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย และหล่อนก็คงต้องมีหน้าที่ต้องเป็นกาวประสานใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

ปลายดาวยิ้มตอบ เมื่อมองเห็นความหวังดีฉายชัดเต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาของเพื่อนสาว อย่างยอมรับ...วาทะของส้มจี๊ดทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก จนอะไรบางอย่างที่รู้สึกหนักอึ้งเมื่อครู่นี้ค่อยๆบางเบาลงไปมาก

“เธอเข้าข้างเขาขนาดนี้แล้ว ฉันคงต้องคิดดูใหม่”

“ฉันไม่ได้อยู่ข้างใครทั้งนั้นแหละ ฉันอยู่ข้างเดียวกับพรหมลิขิต” หล่อนหัวเราะคิกคักให้กับวาจาแหลมคมของตัวเอง “แต่ฉันขอเตือน...คนที่ไม่มีอดีต ก็มีแต่เด็กที่เพิ่งเกิดเท่านั้น ถ้าเธอยังยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้...ก็เชิญเธอโหนคานกับยัยแอ๊วกับอัญชัญต่อไปเหอะ”

ส้มจี๊ดพูดถูกทุกอย่าง...ทุกคนล้วนมีอดีต...แต่ปัจจุบันและอนาคตเท่านั้นที่ยืนยันว่าเขาจะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิต นี่อยู่ๆเธอก็กลายเป็นคนไม่มีเหตุผล คิดเล็กคิดน้อยด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ไปได้อย่างไรกันนะ

ปลายดาวไม่รอช้า เธอถือโอกาสขอตัวเพื่อหาทางไปปรับความเข้าใจกับเขาก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป...หวังว่าเขาจะไม่โกรธเธอจนถึงไม่มองหน้า เพราะตามทฤษฎีของส้มจี๊ด คนรักกันก็ต้องให้อภัยกันในท้ายที่สุด...

แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องนี้อาจไม่มีสูตรสำเร็จ และส้มจี๊ดอาจจะพลาดอะไรไปบางอย่าง...เพราะคืนนั้น “คนดี” ของหล่อนไม่ได้กลับมานอนที่ห้องเลยทั้งคืน!

เช้าวันใหม่…

ปลายดาวนัดเจอเพื่อนๆที่ห้องอาหารของโรงแรม ตั้งใจว่าพอรับประทานมื้อเช้าเสร็จ เธอจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเพื่อจะได้มีเวลาแวะเที่ยวสถานที่ต่างๆรอบเมืองหัวหิน แม้กะจิตกะใจจะไม่ค่อยเต็มร้อยแต่ไหนๆก็มีโอกาสมาเที่ยวในวันหยุดพร้อมเพื่อนฝูงทั้งที เธอไม่ควรละทิ้งโอกาสนั้น

หญิงสาวพบส้มจี๊ดเป็นคนแรก หล่อนให้การว่าเพื่อนสาวอีกสามคนที่เหลือยังคงแต่งองค์ทรงเครื่องกันไม่เสร็จ ส่วนนายหนอนยังขอนอนต่ออีกหน่อย หล่อนขี้เกียจรอก็เลยลงมาดื่มกาแฟที่ห้องอาหารก่อน พอเห็นหน้าเพื่อนรักส้มจี๊ดก็ไม่รอช้า หล่อนเอ่ยถามในสิ่งที่กำลังอยู่ในความสนใจทันที

“เป็นไง...สำเร็จมั้ย”

หล่อนแอบหลิ่วตาให้อย่างเจ้าเล่ห์ แต่พอเห็นหน้าตาไม่สบอารมณ์ของเพื่อนรักก็ให้นึกแปลกใจ แต่ก่อนที่คำถามจะพรั่งพรู ปลายดาวก็ตัดบทออกมาก่อน

“มันจบแล้วส้มจี๊ด”

“บ้า! จบง่ายๆได้ไง ฉันไม่ยอมนะ”

“เขาไม่ได้กลับมาที่ห้อง ฉันอุตส่าห์ยอมหน้าด้านไปเคาะประตูที่ห้องตั้งหลายที แต่เขาไม่อยู่ ฉันว่าเขาต้องอยู่กับคุณฝนแน่เลย”

“คิดไปเอง...เขาอาจจะกินเหล้าอยู่กับเพื่อนๆที่ชายหาดก็ได้ แล้วก็อาจจะเมา เดินขึ้นห้องไม่ไหว เธออย่าเพิ่งคิดอะไรไปในทางร้ายๆสิ”

หล่อนบีบมือเพื่อน จนปลายดาวอดทึ่งในความใจกว้างและมองโลกในแง่ดีอย่างที่หล่อนเป็นเสียไม่ได้ เธอเสียอีก...ที่ควรจะเปิดใจ เผื่อใจ แล้วก็ทำใจ...แต่ว่าก็ไม่เคยทำได้จนแล้วจนรอด

ปลายดาวยิ้มให้เพื่อนรักอย่างขอบคุณ แล้วพากันเดินไปยังโต๊ะอาหารขนาดหลายคนนั่งได้ที่อยู่ค่อนไปทางด้านหลังของห้องอาหาร ทั้งคู่พบกับคุณอาร์ทที่นั่งอยู่เพียงลำพังบริเวณนั้น เขาส่งเสียงทักให้สองสาวเพราะเริ่มจะคุ้นเคยกันมากขึ้น

“อ้าว! มาทานคนเดียวเหรอคะ คนอื่นๆหายไปไหนหมด”

ส้มจี๊ดตรงเข้าประเด็นไม่รอช้า แต่ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นดื่ม ท่าทีเขาไม่อนาทรร้อนใจเลยสักนิด คำตอบของเขาตอบข้อสงสัยของสองสาวได้ชัดเจนกว่าที่คิด แต่ทำเอาคนฟังแทบสะอึก

“อ๋อ...ของฝนกับเต้ ผมสั่งให้ทางโรงแรมเอาอาหารขึ้นไปเสริฟที่ห้องแล้วล่ะฮะ”

สองสาวหันมามองหน้ากันราวกับนัด คุณอาร์ทคงมองเห็นเครื่องหมายคำถามหล่นกระจายเกลื่อนอยู่แถวนั้นก็เลยรีบอธิบายออกมาอย่างอารมณ์ดี

“แหม...ไม่มีอะไรหรอกฮะ พอดีฝนเขาไม่สบายนิดหน่อย เขาแพ้แอลกอฮอล์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วก็ไข้ขึ้น ผมก็เลยฝากให้เต้เขาช่วยดูแล เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกันน่ะฮะ ฝนเขาอาจจะสนิทใจมากกว่า”

“อ้าว! แต่คนเป็นแฟนกันไม่สนิทใจกันมากกว่าเหรอคะ” ส้มจี๊ดยังไม่หายงง

“ก็ถ้าเขายอมเป็นแฟนด้วย ก็คงสนิทใจล่ะฮะ แต่เขาก็ยังไม่ใจอ่อนเสียที”

“อ้าว! ก็เห็นมาหัวหินด้วยกัน”

“ก็เขารู้นี่ว่าเต้มาด้วย ไม่งั้นเขาก็ไม่มาหรอก”

ชายหนุ่มหัวเราะร่วน ชนิดที่ว่าปลายดาวไม่มีโอกาสได้สัมผัสถึงความผิดปกติหรือหึงหวงที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนั้นเลยสักนิด ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ในห้องเดียวกันทั้งคืน...นี่เขาไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆหรือ...

อยู่ๆปลายดาวก็รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก ท่าทีคุณอาร์ททำให้เธอยิ่งรู้สึกละอาย โดยเฉพาะกับตัวเองที่ไม่สามารถทำใจให้ยอมรับเรื่องของเขากับคุณฝนได้จนแล้วจนรอด เธอรู้ว่าต่อให้คุณอาร์ทเล่าอะไรต่ออีกหลังจากนั้น เขาก็คงไม่รู้สึกอะไรอีกอยู่ดี ในขณะที่ความน้อยใจของเธอดูเหมือนจะยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ที่จริงแล้วเธอก็ไม่อยากคิดมาก ไม่อยากเดาเรื่องราวต่างๆนานาไปเองแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอกลายเป็นคนวิตกจริต ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เคยมีไม่รู้ว่ามันหนีหายไปไหนหมด

เหตุการณ์ดูเหมือนจะยิ่งแย่ เมื่ออีกไม่ถึงอึดใจต่อมาคุณเต้ก็เดินเข้ามาในห้องอาหารแห่งนั้นพอดี ท่าทางเขาเหมือนมองหาใครสักคน พอเห็นคุณอาร์ทเขาก็ยิ้มออกมาอย่างสมใจ น่าน้อยใจมั้ยล่ะ...ที่เขาไม่เพียงแต่ไม่ทักทายเธอเท่านั้น แต่ยังทำเป็นมองไม่เห็น ราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนเสียอย่างนั้นอีกด้วย

เขาพูดคุยกับคุณอาร์ทอยู่ครู่หนึ่ง แล้วคุณอาร์ทก็ขอตัวออกไป ส่วนส้มจี๊ดเมื่อเหลือบมองหน้าเพื่อนสาวแล้ว หล่อนก็จงใจเปิดโอกาสด้วยการทำทีเป็นออกไปข้างนอกอย่างไม่ทราบสาเหตุ ปลายดาวจะห้ามก็ห้ามไม่ทันเสียแล้ว หญิงสาวแอบถอนใจ แต่เมื่อไม่มีทางเลือกเธอก็เดินเลี่ยงมาอีกทางอย่างจงใจจะหลบหน้า...ก็ในเมื่อเขายังไม่คิดจะทักทายเธอสักนิด จะอยู่ให้เขาเห็นเธอเป็นหัวหลักหัวตอต่อไปทำไม

หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ที่ซุ้มสลัดซึ่งเต็มไปด้วยผักและผลไม้สีสวยวางเรียงรายกันอยู่ในชามแก้วใบใหญ่ แต่มือเรียวนุ่มที่ยื่นไปตักสลัดก็ถูกมือหยาบใหญ่ของเขาคว้าไว้ได้

“ดาว...” เขาเรียกชื่อเธอแผ่วเบา ในแววตานั้นยังไม่คลายความหงุดหงิด “คุณอยากจะกลับสักกี่โมง”

“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ คุณอยากจะกลับสักกี่โมงก็กลับได้ ฉันว่าจะเที่ยวกับเพื่อนๆต่ออีกหน่อย”

“แต่เรามาด้วยกันนะ”

“ก็ไม่แปลกนี่คะ...มาด้วยกันก็ไม่จำเป็นต้องกลับด้วยกันก็ได้ คุณฝนไม่สบาย คุณควรจะอยู่ดูแล”

“ดาว” น้ำเสียงเขาเริ่มหงุดหงิดเมื่อมีชื่อบุคคลที่สามมาเกี่ยวข้อง แต่ก็ยังดูออกว่าเขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมมันให้ได้ “คุณยังโกรธผมเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่า ผมขอโทษนะ ที่เมื่อคืนผมพูดไม่ดีกับคุณ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่อยากให้คุณเข้าใจ”

“เข้าใจว่าอะไรคะ”

คราวนี้เธอวางช้อนสลัดลงกับชามแก้วดังแกร๊กอย่างเริ่มจะหมดความอดทน อยากจะพูดต่อมากกว่านี้แต่ความน้อยใจที่แล่นขึ้นมาจนจุกอยู่ตรงหน้าอกก็ทำให้เธอไม่สามารถ

“ไม่เอาน่ะดาว...ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณเลย กลับด้วยกันนะ เรามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ”

เขาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่ดูเหมือนจะรั้งดีกรีความแรงของอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่อยู่เสียแล้ว

“คุณจะกลับกับใครก็กลับเถอะ ฉันจะกลับกับวรนนท์”

“คุณอย่าประชดผมแบบนี้ได้มั้ยดาว ผมขอร้องล่ะ”

“ฉันไม่ได้ประชด ฉันพูดจริง”

“งั้นก็ขอเหตุผลให้ผมสักสองสามข้อ...ว่าเพราะอะไรคุณถึงไม่อยากกลับกับผม”

ปลายดาวอยากตอบแต่ก็รู้สึกว่าลำคอกลับตีบตันไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ จึงได้แต่เงยหน้ามองเขาอย่างน้อยใจ ครั้นพอตั้งใจว่าจะพูด น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลออกมากลบเต็มสองตาอีกจนได้

“ดาว...” เขาเรียกชื่อเธออย่างตกใจ

“เมื่อคืนฉันตั้งใจกลับไปขอโทษคุณ...”

“รู้ตัวว่าผิดก็ต้องขอโทษ คุณก็คิดดีแล้วนี่ แล้วทำไมไม่ไปล่ะ” รอยยิ้มเขาผุดขึ้นน้อยๆ แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเริ่มลำดับความคิดได้ “นี่คุณจะพูดเรื่องอะไรฮึ ดาว”

“แต่คุณไม่อยู่”

“แล้วคุณสงสัยว่าผมไปอยู่ไหนล่ะ” เขาถอนใจ แววตาเขาบ่งบอกว่าเริ่มไม่ชอบใจมากขึ้น “คุณอยากถามอะไรผมก็ถามมาซี่ ผมจะได้ตอบ แล้วผมจะได้ถามเรื่องคุณกับวรนนท์มั่ง”

“เรื่องนี้นายหนอนเขาไม่เกี่ยว”

“แล้วตอนไหนล่ะที่เขาจะเกี่ยว” เขาเริ่มขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว “คุณปกป้องแต่ความรู้สึกตัวเอง นึกถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยนึกถึงคนอื่น ไม่เคยเชื่อใจคนอื่น คุณไม่เคยเชื่อผมเลยสักครั้งด้วยซ้ำ”

“...........................”

ปลายดาวปาดน้ำตา ความตกใจเปลี่ยนเป็นความน้อยใจอย่างแสนสาหัส ที่อยู่ๆเขาก็ต่อว่าเธอเสียงดัง นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รู้จักกันมา...ที่สำคัญ เขาต่อว่าเธอเพราะมีสาเหตุมาจากผู้หญิงอีกคนหนึ่งเสียด้วย

“เรื่องของผมกับฝน...ถ้าผมบอกว่าจบมันก็จบ แต่ผมก็ยังเป็นเพื่อนกับเขา เมื่อคืนนี้เขาไม่สบาย ผมก็อยู่เป็นเพื่อนอาร์ทก็อยู่เป็นเพื่อน ผมไม่ได้อยู่กับเขาสองคนเสียหน่อย บอกมาสิ...ว่าคุณไม่ได้คิดแบบนี้อยู่”

คำพูดของเขาแทงใจดำจนน้ำตาเธอไหลพราก แต่มันไม่อาจหยุดอารมณ์กราดเกรี้ยวของเขาได้แล้ว

“คุณมันไม่มีเหตุผลปลายดาว คุณใจแคบ เห็นแก่ตัว ผมไม่น่ามองคุณผิดเลย”

“ฉันก็มองคุณผิดไปเหมือนกันแหละ” เธอสบตาเขาอย่างผิดหวัง ไม่ต่างอะไรกับเขาที่ตำหนิเธอออกมาอย่างรุนแรงจากสายตาคู่นั้น “เสียแรงใครๆก็เชียร์ ใครๆก็บอกว่าคุณเป็นคนดี ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็ไม่อยากรู้จักคุณเหมือนกันนั่นแหละ”

“งั้นก็แล้วแต่คุณจะตัดสินใจ”

เขาพูดเท่านั้นแล้วก็เดินผ่านหน้าเธอไปอย่างไม่แยแส ไม่แคร์สื่อ เหมือนทุกครั้งที่เขาทำเวลาไม่ได้ดั่งใจ ทิ้งปลายดาวไว้กับสลัดบาร์กองโต กับความรู้สึกปวดแปลบอยู่ตามลำพัง

นี่น่ะหรือ...คนที่ส้มจี๊ดบอกว่าเธอจะไม่มีวันผิดหวังที่เลือกเขา นี่ขนาดยังไม่ได้เลือก...เขายังหักหาญน้ำใจเธอถึงเพียงนี้แล้ว



สิริเสาวภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ต.ค. 2554, 17:07:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ต.ค. 2554, 17:07:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 2056





<< ตอนที่ 14 << มาบอกอะไรป่านนี้??? >>   ตอนที่ 16 << หญิงก็ร้าย..ชายก็แรง(กว่า) >> >>
วาดจันทร์ 25 ต.ค. 2554, 17:25:51 น.
เฮ้อ.... ปลายดาว....

เธองี่เง่าจริงๆ แหละ
คิดมาก คิดเองเออเอง
แล้วที่สำคัญมองแต่เรื่องลบๆ


anOO 25 ต.ค. 2554, 17:30:27 น.
ไหง....เรื่องมันยิ่งไปกันใหญ่ล่ะนี่
ใครจะพอช่วยแก้ไขได้ไหม นอกจากสองคนนี้


gypzz 25 ต.ค. 2554, 20:33:14 น.
ดราม่าจังค่ะช่วงนี้


pseudolife 25 ต.ค. 2554, 22:23:28 น.
โอ๊ยๆๆๆๆๆ อะไรกันคะเนี่ย


wane 25 ต.ค. 2554, 23:27:41 น.
เฮ้อ ไม่รู้จะอยู่ข้างใคร ...แรงทั้งคู่
แต่ชอบความคิดของส้มจี๊ดสุดๆ


violette 26 ต.ค. 2554, 00:26:21 น.
เอาจริงๆทิฐิทั้งคู่ ไม่แปลกที่ดาวจะไม่เชื่อใจและนายเต้จะผิดหวังในเมื่อนายเต้ทำท่าไม่แคร์เลยซันิด
ดาวคงจะกล้าเชื่อใจได้หรอก
ส่วนดาวเองก็ยังคงไม่เชื่อใจนายเต้อยุ่ดี
อยากจะเชียร์นายหนอนให้รู้แล้วรุ้รอดไป


ปอยอะนะ 27 ต.ค. 2554, 12:00:00 น.
มวยถูกคู่จริงๆ แรงๆแบบนี้ ได้ใจค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account