อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า
ตอน: ตอนที่ 23
ตอนที่ 23
“แหม ฟังดูห่างเหินจังนะคะ ไหนๆเราก็เคยเจอกันแล้ว อีกอย่างคุณก็เป็นคนรู้จักของยายดาว เรียกตะวันเฉยๆดีกว่าค่ะ”ร่างเพรียวในชุดแซกสั้นแขนกุด คอปาดสีช็อกกิ้งพิงค์ ที่ลำคอระหงมีสร้อยไข่มุกเส้นยาวพันทับกันสวมอยู่ เดินตรงมายังหน้าเคาน์เตอร์ที่ชายหนุ่มยืนอยู่ช้าๆ
“ครับ คุณตะวัน ว่าแต่คุณมาหาน้องดาวเหรอครับ”เขาแกล้งถามทั้งๆที่พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายมาทำไม หญิงสาวมองค้อนเล็กๆ
“แกล้งไม่รู้รึเปล่าคะเนี่ย ว่าเราสองคนไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ ยายดาวไม่ค่อยชอบหน้าตะวันน่ะค่ะ ไม่รู้ทำไม”
“ครับ ตกลงคุณตะวันมีธุระอะไรครับ”ตฤณที่ไม่ยอมเป็นเหยื่อของหญิงสาวง่ายๆ เลี่ยงไปถามถึงสาเหตุที่เธอมา
“ก็เผอิญว่าไปเดินห้างมาค่ะ เห็นผลไม้เมืองนอกน่าทานเลยซื้อมาฝากคุณกับคุณพ่อคุณแม่ อ่อ! ยายตาลด้วย”ว่าพลางชูตะกร้าผลไม้ที่ว่าให้ดู
“ขอบคุณมากครับ”ชายหนุ่มยื่นไปจะรับตะกร้าผลไม้แต่อีกฝ่ายดึงกลับเข้าตัว ก่อนจะถาม
“แล้วนี่คุณพ่อคุณแม่คุณไม่อยู่เหรอคะ”
“คุณพ่อไปทำงานครับ ส่วนคุณแม่อยู่ที่บ้าน”
“อุ๊ย! ดีจัง งั้นเดี๋ยวตะวันเอาไปให้ท่านเองดีกว่าค่ะ คุณพาไปหน่อยได้ไหมคะ”จากนั้นก็เดินนวยนาดออกไปรอที่หน้าร้านโดยไม่รอคำตอบของเขาแม้แต่น้อย ตฤณยืนอึ้งอยู่ครู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วหยิบกุญแจร้านติดมือไปด้วย ในใจก็นึกว่ารีบๆพาไปให้มันจบเรื่อง จะได้รีบกลับไปซะที ชายหนุ่มล็อกประตูร้านก่อนจะเดินนำหญิงสาวไปยังบ้านของตนที่อยู่ในซอยด้านหลังของร้าน
ตะวันฉายกวาดตามองบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลางที่พอดีสำหรับคนสี่คนและสัตว์เลี้ยงอีกสองตัว แต่สำหรับเธอแล้วมันช่างดูเล็กและน่าอึดอัดมาก ร่างเพรียวก้าวเข้าไปภายในบริเวณบ้านก่อนจะหยุดรอเจ้าของบ้านให้มาเดินนำเหมือนเดิม ระหว่างนั้นเองเสียงเห่าของสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจสำหรับเธอก็ดังขึ้น ก่อนที่ร่างใหญ่ที่มีขนรุงรังจะวิ่งเร็วจี๋ตรงมายังเธอ แต่ก็โดนตฤณคว้าปลอกคอเอาไว้ เจ้าสัตว์หน้าขนนั่นคำรามขู่เธออย่างน่ากลัว
“เทอร์โบ ไม่เอาน่า หยุดเดี๋ยวนี้!”ชายหนุ่มดุเจ้าตัวแสบที่ยอมเงียบแต่แววตายังมีแววไม่ไว้วางใจหญิงสาวอยู่ ก่อนจะหันมาขอโทษขอโพยร่างเพรียว
“ขอโทษด้วยนะครับ ปกติเจ้านี่ไม่ค่อยจะขู่ใส่ใครเป็นมิตรกับเขาไปทั่ว สงสัยวันนี้อากาศร้อนเลยหงุดหงิด”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ว่าแต่รีบเข้าไปข้างในดีกว่า เดี๋ยวผิวตะวันเสีย”
“ครับ เชิญทางนี้”ตะวันฉายส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะหันมาส่งสายตาอาฆาตใส่เทอร์โบที่นอนหมอบอยู่ที่เก่า
“คุณตะวันนั่งรอซักครู่นะครับ สงสัยคุณแม่จะอยู่ข้างบน เดี๋ยวผมไปตามก่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตะวันไม่รีบ”หญิงสาวที่ตอนแรกนั่งลงตามที่เจ้าบ้านบอก แต่พอคล้อยหลังอีกฝ่ายไปไม่นาน เธอก็ลุกขึ้นเดินสำรวจไปรอบๆห้องรับแขก เดินดูรูปต่างๆที่ส่วนมากถ่ายกันแต่สมาชิกในครอบครัว มือเรียวหยิบกรอบรูปอันหนึ่งขึ้นมาดูด้วยความริษยาเนื่องจากรูปภาพในนั้นคือภาพคู่ของดาวเหนือและตฤณที่ถ่ายที่กระบี่
“หมั่นไส้! ยังไม่ทันได้แต่งงานกันก็เอารูปมาตั้งโชว์แล้ว ทุเรศ”เธอวางมันลงอย่างแรงโดยไม่กลัวว่ามันจะแตก ก่อนจะหันหลังกลับไปที่โซฟาและพบว่ามีเจ้าสิ่งชีวิตหน้าขนอีกตัวกำลังเล่นกับกระเป๋าราคาแพงของเธออยู่!
“ไป๊!ไปให้พ้นนะไอ้แมวหน้าโง่ ชิ่ว!”ไม่ไล่เปล่าร่างเพรียวยังคว้าเอานิตยสารแถวนั้นขึ้นมาหมายฟาดเจ้าตัวเล็กที่วิ่งหนีไปมา ตะวันฉายไล่ตามจนสุดท้ายก็เหยียบชามใส่ข้าวเจ้าตัวเล็กล้มลงไปกองกับพื้น เศษอาหารแมวกระจายเต็มตัว ตฤณและคุณตรีเนตรที่ได้ยินเสียงโครมครามก็รีบวิ่งลงมาดูและพบกับสภาพที่เรียกได้ว่าดูไม่จืดของแขก ชายหนุ่มรีบเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กก่อนจะนำไปเก็บไว้บนห้องของตน
“ตายแล้ว! เป็นอะไรมากไหมจ๊ะหนู”คุณตรีเนตรรีบเข้ามาช่วยปัดเศษอาหารให้คนที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้ ตะวันฉายรู้สึกเสียหน้าและโกรธเป็นอย่างมากแต่ด้วยความที่กะจะใช้คุณตรีเนตรเป็นบันไดในการเข้าหาชายหนุ่ม ร่างเพรียวเลยได้แต่ข่มอารมณ์แล้วฝืนยิ้มตอบกลับไป
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ตะวันเอาผลไม้มาฝาก อยากจะอยู่คุยด้วยต่อนะคะ แต่คงไม่สะดวกแล้ว ไว้วันหลังตะวันจะมาใหม่นะคะ ลาล่ะค่ะ”หญิงสาวคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ ยกมือไหว้คุณตรีเนตรก่อนจะเดินออกไปจากอย่างรวดเร็วปานสายลม
ตฤณรีบวิ่งมาข้างล่างเพื่อที่จะขอโทษหญิงสาว แต่กลับพบแต่มารดาของตนที่กำลังคุมเด็กให้เก็บกวาดเศษอาหารอยู่
“อ้าว คุณตะวันฉายล่ะครับแม่”
“แจวอ้าวไปแล้ว ดีจริง ไม่ต้องถึงมือแม่ เจอแค่เจ้าตัวเล็กก็เผ่นแนบเลยทีเดียว”คุณตรีเนตรหัวเราะคิกคัก ต่างจากเมื่อครู่ ตอนที่ลูกชายเดินหน้ายุ่งเข้ามาเธอที่ห้องสมุดพร้อมกับบอกว่าพี่สาวตัวดีที่คอยกลั่นแกล้งว่าที่ลูกสะใภ้สุดที่รักอยากจะเอาผลไม้มาให้เธอ เธอก็กะจะแกล้งให้เผ่นกลับไปไม่ทันไม่นึกเลยว่าจะมีคนลงมือแทนเธอก่อน อ่อ!ไม่ใช่คน ต้องเป็นตัวสินะ
“ไม่รู้ทำไมทั้งเทอร์โบ ทั้งเจ้าตัวเล็กเลยนะครับ ไม่ชอบเขาเอาเสียเลย”
“เจ้าสองตัวนั้นมันรู้ไงว่าใครมีเมตตากับมัน ใครจ้องจะทำร้ายมัน ดีแล้วล่ะ แม่ว่าคราวหน้าเขาคงไม่กล้ามาอีก”
“ก็ไม่แน่หรอกครับ ถ้าเขาคือคุณตะวันฉายที่น้องดาวรู้จักมาทั้งชีวิต เฮ้อ! ผมกลับร้านก่อนนะครับ ทิ้งมานานแล้ว”ตฤณหอมแก้มมารดาเรียกกำลังใจก่อนจะเดินไปหลังบ้านเพื่อใช้ประตูลับที่มีแต่เฉพาะคนในบ้านเท่านั้นที่รู้กลับไปยังร้านของตน คุณตรีเนตรมองตามหลังลูกชายไปอย่างเหนื่อยใจแทน
“ซวยจริงลูกชายฉัน ใครใช้ให้เกิดมาหล่อกันล่ะเนี่ย”
ทางด้านตะวันฉายภายหลังขึ้นรถแล้ว หญิงสาวก็คว้าทิชชู่ที่มีอยู่ติดรถขึ้นมาปัดเศษอาหารที่ยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อยตามเสื้อผ้าหน้าผมออก ก่อนจะปาทิ้งอย่างโมโห
“กรี๊ด!! ไอ้หมาบ้า ไอ้แมวผี คอยดูนะฉันแต่งงานกับนายแกเมื่อไหร่จะเอาไปปล่อยวัดให้หมด อี๋!!!”
“นี่นายจอมหื่น จะขับให้มันเร็วกว่านี้ไม่ได้รึไงห๊ะ! ขับช้ามากอย่างนี้จะไปแข่งกับเต่ารึไง”เสียงแปดหลอดของตรีทิพย์ดังขึ้นภายในรถที่กำลังมุ่งหน้าจากกรุงเทพสู่จังหวัดกระบี่ ซึ่งวีกิจรับอาสาขับรถให้สองสาวที่ต้องลงไปตรวจตราความเรียบร้อยของงานหลังจากช่างที่ตกแต่งห้องโทรศัพท์มาบอกว่างานของพวกเขาเสร็จแล้ว เหลือแต่ส่วนของพวกเธอที่จะต้องไปเก็บรายละเอียดที่เหลือก่อนจะส่งงานให้กับลูกค้า แน่นอนว่าตรีทิพย์ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายมาแต่ขัดพี่ชายที่มายืนส่งไม่ได้เลยต้องขึ้นรถมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจ และขณะนี้พวกเธอก็เดินทางมาจนถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้ว
“โธ่คุณจะรีบไปไหนล่ะ กระบี่ไม่หนีคุณไปไหนหรอก”
“รู้ย่ะ แต่ฉันไม่อยากอยู่กับนายนานๆ”
“ทำไมอ่ะ อยู่กับผมน่ะดีออก บ้านฟรี รถฟรี แค่เอาหัวใจมาแลกเอง”
“เฮอะ! ฝันไปเถอะ ไม่ต้องมานอกเรื่อง เร็วๆ”
“คร้าบ คุณผู้หญิง ไม่รู้คุณจะรีบทำไม จะถึงช้าหรือเร็วยังไงก็ค่าเท่ากัน สุดท้ายคุณก็ต้องอยู่ที่โน่นจนกว่างานจะเสร็จอยู่ดี”วีกิจบ่นร่างบางข้างๆที่หันขวับมามองเขาตาเขียวเมื่อได้ยินที่เขาพูด
“เงียบไปเลยนะนายวีกิจ นี่ไอ้ดาวแกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอฮะ”สุดท้ายก็ทนไม่ไหวตรีทิพย์หันกลับไปถามเพื่อนรักทั่งคงนั่งชมนกชมไม้ต่อไปอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจในเรื่องที่พี่ชายของเธอโทรมาเล่าให้ฟังซักนิด ดาวเหนือมองสบตาเพื่อนรักก่อนถามกลับ
“เรื่องอะไรล่ะ”
“เอ๊ะ! ไอ้บ้านี่ ก็ที่พี่ตฤณโทรมาเมื่อกี้นี้ไง”
“อ๋อ พี่ตฤณโทรมาบอกอย่าลืมของฝากน่ะ”
“ไอ้ดาว! อย่ามามั่ว แม่โทรมาบอกฉันตอนแวะปั๊มเมื่อกี้บอกว่ายายตะวันดับลาลับโลกนั่นบุกมาหาพี่ตฤณถึงร้าน นี่แกจะยังนั่งนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอย่างนี้ได้ไง เดี๋ยวก็โดนฉกแฟนไปอีกหรอก คราวพี่พัดก็ครั้งหนึ่งแล้วนะ!”ตรีทิพย์ทนไม่ไหวกับการเฉไฉของเพื่อนตวาดออกมาลั่นรถ วีกิจเหลือบมองคู่กรณีอีกคนทางกระจกมองหลังอย่างอยากรู้ว่าเธอจะทำยังไงกับอาการควันออกหูของคนข้างๆเขา
“แกลืมไปแล้วเหรอว่าตอนเกิดเรื่องฉันกับพี่พัดเลิกกันแล้ว”
“เออ เรื่องนั้นช่างมัน แต่คราวนี้แม่นั่นรุกขนาดนี้คงเอาจริงแน่ แกไม่กลัวเหรอไง”
“ไม่กลัว”
“ห๊ะ! หมายความว่าไงวะ หรือแกไม่รักพี่ฉันเลย”ตรีทิพย์โมโหหนักกว่าเดิมกับคำตอบที่ได้มาจากเพื่อนรักที่เธออุตส่าห์ลุ้นให้มาเป็นพี่สะใภ้
“ก็ไม่ยังไง แค่ฉันเชื่อใจพี่ตฤณ เชื่อว่าไม่ว่าคุณตะวันจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถแย่งพี่ตฤณไปได้ แค่นี้แหละไม่มีอะไรมาก แค่ความเชื่อใจในตัวคนที่เรารักเท่านั้นเอง”
ตรีทิพย์นิ่งเงียบไปก่อนจะหันกลับไปมองทางข้างหน้าเหมือนเดิมไม่พูดอะไรออกมาอีก ส่วนดาวเหนือก็นั่งมองทิวทัศน์ข้างทางต่อไปเงียบๆเหมือนกัน วีกิจเหลือบมองสาวน้อยข้างกายและคนข้างหลังอย่างอึดอัดใจแทน ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงเบาๆของตรีทิพย์ดังขึ้น
“ขอโทษนะ”
“อืม ไม่เป็นไร” บรรยากาศที่เคยอึดอัดคลายลงอย่างเรียบง่ายเพียงคำขอโทษที่จริงใจของคนที่เรานับว่าเป็นเพื่อนแท้ตลอดกาล ก่อนจะเริ่มร้อนระอุเมื่อชายหนุ่มหนึ่งเดียวของกลุ่มเริ่มบริหารปาก
“โอ๊ย! โล่งอก พวกคุณเล่นเอาผมเครียดลงกระเพาะเลย นึกว่าจะมีการปะฉะดะกับซะแล้ว”
“เว่อร์ไปย่ะ พวกฉันมันปัญญาชน ไม่ใช้กำลังตัดสินปัญหาหรอก ใช่นี่ต่างหาก”ว่าแล้วหญิงสาวก็ใช้นิ้วชี้ที่ขมับเป็นเชิงบอกใบ้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นคนเข้าใจอะไรยาก
“อะไรของคุณ ใช้เส้นผมตัดสินปัญหาเนี่ยนะ บ้าเปล่า โอ๊ย!”ยังไม่ทันจบคำดี ชายหนุ่มก็มีอันร้องลั่นเมื่อฝ่ามือพิฆาตของหญิงสาวกระหน่ำฟาดเข้าที่ต้นแขนอย่างแรง
“ปัญญาอ่อน! สมองย่ะสมอง หน้าตาห่วยแตกแล้วยังงี่เง่าอีก นายเกิดมาเป็นคนได้ไงเนี่ย”
“ถ้าผมไม่เกิดเป็นคนคุณก็คงได้ขึ้นคานตลอดชาติแหละ”
“อ๊าย! ไอ้บ้า ไปตายซะ!” ดาวเหนือนั่งมองความวุ่นวายเบื้องหน้าอย่างขบขัน ก่อนจะหลับตาปล่อยให้ทั้งคู่ทะเลาะกันต่อไป
คุณหญิงผกามาศมองลอดแว่นสายตาไปยังร่างเพรียวของหลานสาวคนโตที่เดินเข้าบ้านอย่างอึ้งๆ เพราะเธอจำได้ว่าเมื่อตอนเช้าสภาพอีกฝ่ายในตอนนั้นกับตอนนี้ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว!
“ตะวันไปทำอะไรมาน่ะลูก ทำไมมอมแมมอย่างนี้ล่ะ”
“ก็ไอ้ เอ่อ สุนัขที่บ้านยายลูกตาลเน่านั่นไงคะ มันแกล้งตะวันจนเป็นแบบนี้”
“แล้วเราไปทำอะไรที่บ้านนั้นกัน เราไม่ถูกกับหนูตาลไม่ใช่เหรอ”เมื่อได้ยินคำถามนั้นของคุณย่า หญิงสาวที่กำลังอารมณ์เสียก็เริ่มดีขึ้นมาทันควัน เมื่อนึกถึงชายหนุ่มในฝันของเธอ
“ก็ไม่ถูกกับน้องแต่ถูกกับพี่เขานี่คะคุณย่า”
“เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ พี่หนูตาลนี่ พ่อตฤณใช่ไหม”คุณหญิงผกามาศทวนความจำตัวเองอย่างไม่แน่ใจว่าตัวเองตกหล่นอะไรไปตรงไหน หญิงสาวยิ้มหวานส่งให้คุณย่าของตนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรด ก่อนจะตอบ
“คนนั้นแหละค่ะ”
“แล้วเราไปหาเขาทำไมล่ะ “
“ก็ไปจีบเขาน่ะสิคะคุณย่า”
“ตายแล้ว! พูดอะไรออกมาน่ะยายตะวัน รู้รึเปล่าว่าคุณตฤณเขาคบอยู่กับยายดาว น้องเรานะ”คุณหญิงผกามาศยกมือทาบอกด้วยความตกใจกับคำตอบของหลานสาว ตะวันฉายยักไหล่ก่อนพูดต่อ
“เรื่องที่เขาคบกันอยู่ทำไมตะวันจะไม่รู้คะ ก็แล่นพามาให้คุณพ่อดูตัวด้วยแล้วนี่ แต่เรื่องคุณย่าบอกว่ามันเป็นน้องของตะวันนี่คงต้องขอปฏิเสธ ตะวันมีน้องสาวแค่คนเดียวก็คือยายจันทร์“
“เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ ก็รู้ว่าเขาคบกันอยู่แล้วเรายังจะจีบอีกเหรอ”
“แล้วทำไมล่ะคะคุณย่า เขาแค่แฟนกัน ยังไม่ได้แต่งงานซะหน่อย ก็เท่ากับว่าตะวันยังมีสิทธิ์ ไว้ให้เขาแต่งงานกันก่อนแล้วตะวันค่อยถอย แต่จะมีวันนั้นรึเปล่านี่ก็ต้องดูกันต่อไปบางทีอาจจะมีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเกิดขึ้นก็เป็นได้”
“ยายตะวัน! พูดอะไรออกมาน่ะ ระวังคำพูดหน่อย ใครเขามาได้ยินเข้าเขาจะครหาเอาได้ว่าพี่กับน้องตีกันแย่งผู้ชาย!”คุณหญิงผกามาศทนฟังไม่ไว้ตวาดใส่หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง ตะวันฉายยังคงไม่สนใจ ร่างเพรียวลุกขึ้นยืนก่อนพูดประโยคที่ทำให้ผู้เป็นย่าแทบล้มทั้งยืน
“ก็แล้วยังไงล่ะคะ ตะวันไม่แคร์”ก่อนจะเดินจากไป สวนกับคุณมินตราที่กำลังจะนำอาหารว่างมาให้คุณหญิงผกามาศทาน คุณมินตราหยุดทักทายลูกสาวเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาหาท่าน
“คุยอะไรกันคะคุณแม่ ดูยายตะวันอารมณ์ดีจัง”
“ใช่!ยายตะวันอารมณ์ดี แต่ฉันอยากจะตายเสียให้ได้”คุณมินตรารีบทรุดตัวลงนั่งข้างๆแม่สามีหน้าตื่น ก่อนจะรีบถาม
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่ ทำไมคุณแม่พูดแบบนี้ล่ะคะ”
“แกรู้ไหมแม่มินว่ามันพูดกับฉันว่าไง มันบอกมันไม่แคร์ถ้าใครจะนินทาเรื่องที่พี่น้องจะแย่งผู้ชายคนเดียวกัน!” พูดจบก็คว้าพัดประจำตัวโบกอย่างแรงดับอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมา คุณมินตรายังคงตามไม่ทัน
“ผู้ชายคนเดียวกัน? ตาพัดน่ะเหรอคะคุณแม่ แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้นี่คะ”
“ไม่ใช่ตาพัด! พ่อตฤณต่างหากล่ะ เขาชอบพ่อตฤณ คนรักของยายดาวไง”
“อะไรนะคะ!”
---------------------------------------------------------------------------------------
มาต่อแ้ล้วค่ะ หายไปหลายวันหน่อย เพราะอาการเดิมคือ ตัน! สำหรับตอนนี้ก็สั้นไปหน่อย แต่ตอนหน้าจะพยายามให้กลับมาอยู่ที่ความยาวเท่าเดิมนะคะ อย่างว่าชีวิตนักเขียนต้องสู้ต่อไป เพื่อเขียนนิยายให้ผู้อ่านอ่าน เช่นเดียกับผู้ประสบอุทกภัย ขอให้สู้ต่อไปนะคะ ชีวิตยังมีก็ต้องดิ้นรนต่อไป ข้าพเจ้าขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
เจอกันตอนหน้านะคะ ติ+ชมได้ค่ะ
“แหม ฟังดูห่างเหินจังนะคะ ไหนๆเราก็เคยเจอกันแล้ว อีกอย่างคุณก็เป็นคนรู้จักของยายดาว เรียกตะวันเฉยๆดีกว่าค่ะ”ร่างเพรียวในชุดแซกสั้นแขนกุด คอปาดสีช็อกกิ้งพิงค์ ที่ลำคอระหงมีสร้อยไข่มุกเส้นยาวพันทับกันสวมอยู่ เดินตรงมายังหน้าเคาน์เตอร์ที่ชายหนุ่มยืนอยู่ช้าๆ
“ครับ คุณตะวัน ว่าแต่คุณมาหาน้องดาวเหรอครับ”เขาแกล้งถามทั้งๆที่พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายมาทำไม หญิงสาวมองค้อนเล็กๆ
“แกล้งไม่รู้รึเปล่าคะเนี่ย ว่าเราสองคนไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ ยายดาวไม่ค่อยชอบหน้าตะวันน่ะค่ะ ไม่รู้ทำไม”
“ครับ ตกลงคุณตะวันมีธุระอะไรครับ”ตฤณที่ไม่ยอมเป็นเหยื่อของหญิงสาวง่ายๆ เลี่ยงไปถามถึงสาเหตุที่เธอมา
“ก็เผอิญว่าไปเดินห้างมาค่ะ เห็นผลไม้เมืองนอกน่าทานเลยซื้อมาฝากคุณกับคุณพ่อคุณแม่ อ่อ! ยายตาลด้วย”ว่าพลางชูตะกร้าผลไม้ที่ว่าให้ดู
“ขอบคุณมากครับ”ชายหนุ่มยื่นไปจะรับตะกร้าผลไม้แต่อีกฝ่ายดึงกลับเข้าตัว ก่อนจะถาม
“แล้วนี่คุณพ่อคุณแม่คุณไม่อยู่เหรอคะ”
“คุณพ่อไปทำงานครับ ส่วนคุณแม่อยู่ที่บ้าน”
“อุ๊ย! ดีจัง งั้นเดี๋ยวตะวันเอาไปให้ท่านเองดีกว่าค่ะ คุณพาไปหน่อยได้ไหมคะ”จากนั้นก็เดินนวยนาดออกไปรอที่หน้าร้านโดยไม่รอคำตอบของเขาแม้แต่น้อย ตฤณยืนอึ้งอยู่ครู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วหยิบกุญแจร้านติดมือไปด้วย ในใจก็นึกว่ารีบๆพาไปให้มันจบเรื่อง จะได้รีบกลับไปซะที ชายหนุ่มล็อกประตูร้านก่อนจะเดินนำหญิงสาวไปยังบ้านของตนที่อยู่ในซอยด้านหลังของร้าน
ตะวันฉายกวาดตามองบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลางที่พอดีสำหรับคนสี่คนและสัตว์เลี้ยงอีกสองตัว แต่สำหรับเธอแล้วมันช่างดูเล็กและน่าอึดอัดมาก ร่างเพรียวก้าวเข้าไปภายในบริเวณบ้านก่อนจะหยุดรอเจ้าของบ้านให้มาเดินนำเหมือนเดิม ระหว่างนั้นเองเสียงเห่าของสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจสำหรับเธอก็ดังขึ้น ก่อนที่ร่างใหญ่ที่มีขนรุงรังจะวิ่งเร็วจี๋ตรงมายังเธอ แต่ก็โดนตฤณคว้าปลอกคอเอาไว้ เจ้าสัตว์หน้าขนนั่นคำรามขู่เธออย่างน่ากลัว
“เทอร์โบ ไม่เอาน่า หยุดเดี๋ยวนี้!”ชายหนุ่มดุเจ้าตัวแสบที่ยอมเงียบแต่แววตายังมีแววไม่ไว้วางใจหญิงสาวอยู่ ก่อนจะหันมาขอโทษขอโพยร่างเพรียว
“ขอโทษด้วยนะครับ ปกติเจ้านี่ไม่ค่อยจะขู่ใส่ใครเป็นมิตรกับเขาไปทั่ว สงสัยวันนี้อากาศร้อนเลยหงุดหงิด”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ว่าแต่รีบเข้าไปข้างในดีกว่า เดี๋ยวผิวตะวันเสีย”
“ครับ เชิญทางนี้”ตะวันฉายส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะหันมาส่งสายตาอาฆาตใส่เทอร์โบที่นอนหมอบอยู่ที่เก่า
“คุณตะวันนั่งรอซักครู่นะครับ สงสัยคุณแม่จะอยู่ข้างบน เดี๋ยวผมไปตามก่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตะวันไม่รีบ”หญิงสาวที่ตอนแรกนั่งลงตามที่เจ้าบ้านบอก แต่พอคล้อยหลังอีกฝ่ายไปไม่นาน เธอก็ลุกขึ้นเดินสำรวจไปรอบๆห้องรับแขก เดินดูรูปต่างๆที่ส่วนมากถ่ายกันแต่สมาชิกในครอบครัว มือเรียวหยิบกรอบรูปอันหนึ่งขึ้นมาดูด้วยความริษยาเนื่องจากรูปภาพในนั้นคือภาพคู่ของดาวเหนือและตฤณที่ถ่ายที่กระบี่
“หมั่นไส้! ยังไม่ทันได้แต่งงานกันก็เอารูปมาตั้งโชว์แล้ว ทุเรศ”เธอวางมันลงอย่างแรงโดยไม่กลัวว่ามันจะแตก ก่อนจะหันหลังกลับไปที่โซฟาและพบว่ามีเจ้าสิ่งชีวิตหน้าขนอีกตัวกำลังเล่นกับกระเป๋าราคาแพงของเธออยู่!
“ไป๊!ไปให้พ้นนะไอ้แมวหน้าโง่ ชิ่ว!”ไม่ไล่เปล่าร่างเพรียวยังคว้าเอานิตยสารแถวนั้นขึ้นมาหมายฟาดเจ้าตัวเล็กที่วิ่งหนีไปมา ตะวันฉายไล่ตามจนสุดท้ายก็เหยียบชามใส่ข้าวเจ้าตัวเล็กล้มลงไปกองกับพื้น เศษอาหารแมวกระจายเต็มตัว ตฤณและคุณตรีเนตรที่ได้ยินเสียงโครมครามก็รีบวิ่งลงมาดูและพบกับสภาพที่เรียกได้ว่าดูไม่จืดของแขก ชายหนุ่มรีบเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กก่อนจะนำไปเก็บไว้บนห้องของตน
“ตายแล้ว! เป็นอะไรมากไหมจ๊ะหนู”คุณตรีเนตรรีบเข้ามาช่วยปัดเศษอาหารให้คนที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้ ตะวันฉายรู้สึกเสียหน้าและโกรธเป็นอย่างมากแต่ด้วยความที่กะจะใช้คุณตรีเนตรเป็นบันไดในการเข้าหาชายหนุ่ม ร่างเพรียวเลยได้แต่ข่มอารมณ์แล้วฝืนยิ้มตอบกลับไป
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ตะวันเอาผลไม้มาฝาก อยากจะอยู่คุยด้วยต่อนะคะ แต่คงไม่สะดวกแล้ว ไว้วันหลังตะวันจะมาใหม่นะคะ ลาล่ะค่ะ”หญิงสาวคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ ยกมือไหว้คุณตรีเนตรก่อนจะเดินออกไปจากอย่างรวดเร็วปานสายลม
ตฤณรีบวิ่งมาข้างล่างเพื่อที่จะขอโทษหญิงสาว แต่กลับพบแต่มารดาของตนที่กำลังคุมเด็กให้เก็บกวาดเศษอาหารอยู่
“อ้าว คุณตะวันฉายล่ะครับแม่”
“แจวอ้าวไปแล้ว ดีจริง ไม่ต้องถึงมือแม่ เจอแค่เจ้าตัวเล็กก็เผ่นแนบเลยทีเดียว”คุณตรีเนตรหัวเราะคิกคัก ต่างจากเมื่อครู่ ตอนที่ลูกชายเดินหน้ายุ่งเข้ามาเธอที่ห้องสมุดพร้อมกับบอกว่าพี่สาวตัวดีที่คอยกลั่นแกล้งว่าที่ลูกสะใภ้สุดที่รักอยากจะเอาผลไม้มาให้เธอ เธอก็กะจะแกล้งให้เผ่นกลับไปไม่ทันไม่นึกเลยว่าจะมีคนลงมือแทนเธอก่อน อ่อ!ไม่ใช่คน ต้องเป็นตัวสินะ
“ไม่รู้ทำไมทั้งเทอร์โบ ทั้งเจ้าตัวเล็กเลยนะครับ ไม่ชอบเขาเอาเสียเลย”
“เจ้าสองตัวนั้นมันรู้ไงว่าใครมีเมตตากับมัน ใครจ้องจะทำร้ายมัน ดีแล้วล่ะ แม่ว่าคราวหน้าเขาคงไม่กล้ามาอีก”
“ก็ไม่แน่หรอกครับ ถ้าเขาคือคุณตะวันฉายที่น้องดาวรู้จักมาทั้งชีวิต เฮ้อ! ผมกลับร้านก่อนนะครับ ทิ้งมานานแล้ว”ตฤณหอมแก้มมารดาเรียกกำลังใจก่อนจะเดินไปหลังบ้านเพื่อใช้ประตูลับที่มีแต่เฉพาะคนในบ้านเท่านั้นที่รู้กลับไปยังร้านของตน คุณตรีเนตรมองตามหลังลูกชายไปอย่างเหนื่อยใจแทน
“ซวยจริงลูกชายฉัน ใครใช้ให้เกิดมาหล่อกันล่ะเนี่ย”
ทางด้านตะวันฉายภายหลังขึ้นรถแล้ว หญิงสาวก็คว้าทิชชู่ที่มีอยู่ติดรถขึ้นมาปัดเศษอาหารที่ยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อยตามเสื้อผ้าหน้าผมออก ก่อนจะปาทิ้งอย่างโมโห
“กรี๊ด!! ไอ้หมาบ้า ไอ้แมวผี คอยดูนะฉันแต่งงานกับนายแกเมื่อไหร่จะเอาไปปล่อยวัดให้หมด อี๋!!!”
“นี่นายจอมหื่น จะขับให้มันเร็วกว่านี้ไม่ได้รึไงห๊ะ! ขับช้ามากอย่างนี้จะไปแข่งกับเต่ารึไง”เสียงแปดหลอดของตรีทิพย์ดังขึ้นภายในรถที่กำลังมุ่งหน้าจากกรุงเทพสู่จังหวัดกระบี่ ซึ่งวีกิจรับอาสาขับรถให้สองสาวที่ต้องลงไปตรวจตราความเรียบร้อยของงานหลังจากช่างที่ตกแต่งห้องโทรศัพท์มาบอกว่างานของพวกเขาเสร็จแล้ว เหลือแต่ส่วนของพวกเธอที่จะต้องไปเก็บรายละเอียดที่เหลือก่อนจะส่งงานให้กับลูกค้า แน่นอนว่าตรีทิพย์ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายมาแต่ขัดพี่ชายที่มายืนส่งไม่ได้เลยต้องขึ้นรถมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจ และขณะนี้พวกเธอก็เดินทางมาจนถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้ว
“โธ่คุณจะรีบไปไหนล่ะ กระบี่ไม่หนีคุณไปไหนหรอก”
“รู้ย่ะ แต่ฉันไม่อยากอยู่กับนายนานๆ”
“ทำไมอ่ะ อยู่กับผมน่ะดีออก บ้านฟรี รถฟรี แค่เอาหัวใจมาแลกเอง”
“เฮอะ! ฝันไปเถอะ ไม่ต้องมานอกเรื่อง เร็วๆ”
“คร้าบ คุณผู้หญิง ไม่รู้คุณจะรีบทำไม จะถึงช้าหรือเร็วยังไงก็ค่าเท่ากัน สุดท้ายคุณก็ต้องอยู่ที่โน่นจนกว่างานจะเสร็จอยู่ดี”วีกิจบ่นร่างบางข้างๆที่หันขวับมามองเขาตาเขียวเมื่อได้ยินที่เขาพูด
“เงียบไปเลยนะนายวีกิจ นี่ไอ้ดาวแกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอฮะ”สุดท้ายก็ทนไม่ไหวตรีทิพย์หันกลับไปถามเพื่อนรักทั่งคงนั่งชมนกชมไม้ต่อไปอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจในเรื่องที่พี่ชายของเธอโทรมาเล่าให้ฟังซักนิด ดาวเหนือมองสบตาเพื่อนรักก่อนถามกลับ
“เรื่องอะไรล่ะ”
“เอ๊ะ! ไอ้บ้านี่ ก็ที่พี่ตฤณโทรมาเมื่อกี้นี้ไง”
“อ๋อ พี่ตฤณโทรมาบอกอย่าลืมของฝากน่ะ”
“ไอ้ดาว! อย่ามามั่ว แม่โทรมาบอกฉันตอนแวะปั๊มเมื่อกี้บอกว่ายายตะวันดับลาลับโลกนั่นบุกมาหาพี่ตฤณถึงร้าน นี่แกจะยังนั่งนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอย่างนี้ได้ไง เดี๋ยวก็โดนฉกแฟนไปอีกหรอก คราวพี่พัดก็ครั้งหนึ่งแล้วนะ!”ตรีทิพย์ทนไม่ไหวกับการเฉไฉของเพื่อนตวาดออกมาลั่นรถ วีกิจเหลือบมองคู่กรณีอีกคนทางกระจกมองหลังอย่างอยากรู้ว่าเธอจะทำยังไงกับอาการควันออกหูของคนข้างๆเขา
“แกลืมไปแล้วเหรอว่าตอนเกิดเรื่องฉันกับพี่พัดเลิกกันแล้ว”
“เออ เรื่องนั้นช่างมัน แต่คราวนี้แม่นั่นรุกขนาดนี้คงเอาจริงแน่ แกไม่กลัวเหรอไง”
“ไม่กลัว”
“ห๊ะ! หมายความว่าไงวะ หรือแกไม่รักพี่ฉันเลย”ตรีทิพย์โมโหหนักกว่าเดิมกับคำตอบที่ได้มาจากเพื่อนรักที่เธออุตส่าห์ลุ้นให้มาเป็นพี่สะใภ้
“ก็ไม่ยังไง แค่ฉันเชื่อใจพี่ตฤณ เชื่อว่าไม่ว่าคุณตะวันจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถแย่งพี่ตฤณไปได้ แค่นี้แหละไม่มีอะไรมาก แค่ความเชื่อใจในตัวคนที่เรารักเท่านั้นเอง”
ตรีทิพย์นิ่งเงียบไปก่อนจะหันกลับไปมองทางข้างหน้าเหมือนเดิมไม่พูดอะไรออกมาอีก ส่วนดาวเหนือก็นั่งมองทิวทัศน์ข้างทางต่อไปเงียบๆเหมือนกัน วีกิจเหลือบมองสาวน้อยข้างกายและคนข้างหลังอย่างอึดอัดใจแทน ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงเบาๆของตรีทิพย์ดังขึ้น
“ขอโทษนะ”
“อืม ไม่เป็นไร” บรรยากาศที่เคยอึดอัดคลายลงอย่างเรียบง่ายเพียงคำขอโทษที่จริงใจของคนที่เรานับว่าเป็นเพื่อนแท้ตลอดกาล ก่อนจะเริ่มร้อนระอุเมื่อชายหนุ่มหนึ่งเดียวของกลุ่มเริ่มบริหารปาก
“โอ๊ย! โล่งอก พวกคุณเล่นเอาผมเครียดลงกระเพาะเลย นึกว่าจะมีการปะฉะดะกับซะแล้ว”
“เว่อร์ไปย่ะ พวกฉันมันปัญญาชน ไม่ใช้กำลังตัดสินปัญหาหรอก ใช่นี่ต่างหาก”ว่าแล้วหญิงสาวก็ใช้นิ้วชี้ที่ขมับเป็นเชิงบอกใบ้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นคนเข้าใจอะไรยาก
“อะไรของคุณ ใช้เส้นผมตัดสินปัญหาเนี่ยนะ บ้าเปล่า โอ๊ย!”ยังไม่ทันจบคำดี ชายหนุ่มก็มีอันร้องลั่นเมื่อฝ่ามือพิฆาตของหญิงสาวกระหน่ำฟาดเข้าที่ต้นแขนอย่างแรง
“ปัญญาอ่อน! สมองย่ะสมอง หน้าตาห่วยแตกแล้วยังงี่เง่าอีก นายเกิดมาเป็นคนได้ไงเนี่ย”
“ถ้าผมไม่เกิดเป็นคนคุณก็คงได้ขึ้นคานตลอดชาติแหละ”
“อ๊าย! ไอ้บ้า ไปตายซะ!” ดาวเหนือนั่งมองความวุ่นวายเบื้องหน้าอย่างขบขัน ก่อนจะหลับตาปล่อยให้ทั้งคู่ทะเลาะกันต่อไป
คุณหญิงผกามาศมองลอดแว่นสายตาไปยังร่างเพรียวของหลานสาวคนโตที่เดินเข้าบ้านอย่างอึ้งๆ เพราะเธอจำได้ว่าเมื่อตอนเช้าสภาพอีกฝ่ายในตอนนั้นกับตอนนี้ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว!
“ตะวันไปทำอะไรมาน่ะลูก ทำไมมอมแมมอย่างนี้ล่ะ”
“ก็ไอ้ เอ่อ สุนัขที่บ้านยายลูกตาลเน่านั่นไงคะ มันแกล้งตะวันจนเป็นแบบนี้”
“แล้วเราไปทำอะไรที่บ้านนั้นกัน เราไม่ถูกกับหนูตาลไม่ใช่เหรอ”เมื่อได้ยินคำถามนั้นของคุณย่า หญิงสาวที่กำลังอารมณ์เสียก็เริ่มดีขึ้นมาทันควัน เมื่อนึกถึงชายหนุ่มในฝันของเธอ
“ก็ไม่ถูกกับน้องแต่ถูกกับพี่เขานี่คะคุณย่า”
“เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ พี่หนูตาลนี่ พ่อตฤณใช่ไหม”คุณหญิงผกามาศทวนความจำตัวเองอย่างไม่แน่ใจว่าตัวเองตกหล่นอะไรไปตรงไหน หญิงสาวยิ้มหวานส่งให้คุณย่าของตนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรด ก่อนจะตอบ
“คนนั้นแหละค่ะ”
“แล้วเราไปหาเขาทำไมล่ะ “
“ก็ไปจีบเขาน่ะสิคะคุณย่า”
“ตายแล้ว! พูดอะไรออกมาน่ะยายตะวัน รู้รึเปล่าว่าคุณตฤณเขาคบอยู่กับยายดาว น้องเรานะ”คุณหญิงผกามาศยกมือทาบอกด้วยความตกใจกับคำตอบของหลานสาว ตะวันฉายยักไหล่ก่อนพูดต่อ
“เรื่องที่เขาคบกันอยู่ทำไมตะวันจะไม่รู้คะ ก็แล่นพามาให้คุณพ่อดูตัวด้วยแล้วนี่ แต่เรื่องคุณย่าบอกว่ามันเป็นน้องของตะวันนี่คงต้องขอปฏิเสธ ตะวันมีน้องสาวแค่คนเดียวก็คือยายจันทร์“
“เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ ก็รู้ว่าเขาคบกันอยู่แล้วเรายังจะจีบอีกเหรอ”
“แล้วทำไมล่ะคะคุณย่า เขาแค่แฟนกัน ยังไม่ได้แต่งงานซะหน่อย ก็เท่ากับว่าตะวันยังมีสิทธิ์ ไว้ให้เขาแต่งงานกันก่อนแล้วตะวันค่อยถอย แต่จะมีวันนั้นรึเปล่านี่ก็ต้องดูกันต่อไปบางทีอาจจะมีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเกิดขึ้นก็เป็นได้”
“ยายตะวัน! พูดอะไรออกมาน่ะ ระวังคำพูดหน่อย ใครเขามาได้ยินเข้าเขาจะครหาเอาได้ว่าพี่กับน้องตีกันแย่งผู้ชาย!”คุณหญิงผกามาศทนฟังไม่ไว้ตวาดใส่หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง ตะวันฉายยังคงไม่สนใจ ร่างเพรียวลุกขึ้นยืนก่อนพูดประโยคที่ทำให้ผู้เป็นย่าแทบล้มทั้งยืน
“ก็แล้วยังไงล่ะคะ ตะวันไม่แคร์”ก่อนจะเดินจากไป สวนกับคุณมินตราที่กำลังจะนำอาหารว่างมาให้คุณหญิงผกามาศทาน คุณมินตราหยุดทักทายลูกสาวเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาหาท่าน
“คุยอะไรกันคะคุณแม่ ดูยายตะวันอารมณ์ดีจัง”
“ใช่!ยายตะวันอารมณ์ดี แต่ฉันอยากจะตายเสียให้ได้”คุณมินตรารีบทรุดตัวลงนั่งข้างๆแม่สามีหน้าตื่น ก่อนจะรีบถาม
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่ ทำไมคุณแม่พูดแบบนี้ล่ะคะ”
“แกรู้ไหมแม่มินว่ามันพูดกับฉันว่าไง มันบอกมันไม่แคร์ถ้าใครจะนินทาเรื่องที่พี่น้องจะแย่งผู้ชายคนเดียวกัน!” พูดจบก็คว้าพัดประจำตัวโบกอย่างแรงดับอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมา คุณมินตรายังคงตามไม่ทัน
“ผู้ชายคนเดียวกัน? ตาพัดน่ะเหรอคะคุณแม่ แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้นี่คะ”
“ไม่ใช่ตาพัด! พ่อตฤณต่างหากล่ะ เขาชอบพ่อตฤณ คนรักของยายดาวไง”
“อะไรนะคะ!”
---------------------------------------------------------------------------------------
มาต่อแ้ล้วค่ะ หายไปหลายวันหน่อย เพราะอาการเดิมคือ ตัน! สำหรับตอนนี้ก็สั้นไปหน่อย แต่ตอนหน้าจะพยายามให้กลับมาอยู่ที่ความยาวเท่าเดิมนะคะ อย่างว่าชีวิตนักเขียนต้องสู้ต่อไป เพื่อเขียนนิยายให้ผู้อ่านอ่าน เช่นเดียกับผู้ประสบอุทกภัย ขอให้สู้ต่อไปนะคะ ชีวิตยังมีก็ต้องดิ้นรนต่อไป ข้าพเจ้าขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
เจอกันตอนหน้านะคะ ติ+ชมได้ค่ะ
ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ต.ค. 2554, 22:58:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ต.ค. 2554, 22:59:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 2007
<< ตอนที่ 22 | ตอนที่ 24 >> |
anOO 24 ต.ค. 2554, 13:24:51 น.
ยัยตะวันกล้าประกาศให้ผู้ใหญ่รับรู้เลยเหรอเนี้ย
พี่ตฤนจะใจแข็งไว้นะ อย่าได้หวั่นไหวไปกับยัยตะวัน
ยัยตะวันกล้าประกาศให้ผู้ใหญ่รับรู้เลยเหรอเนี้ย
พี่ตฤนจะใจแข็งไว้นะ อย่าได้หวั่นไหวไปกับยัยตะวัน
Setia 24 ต.ค. 2554, 20:14:27 น.
โอย ตายละ ยัยนี่มีศักดิ์ศรีกับเขาบ้างไหมเนี่ย
แย่งแฟนน้องสาวคนละแม่เนี่ย
โอย ตายละ ยัยนี่มีศักดิ์ศรีกับเขาบ้างไหมเนี่ย
แย่งแฟนน้องสาวคนละแม่เนี่ย