รักสุดท้าย...ที่ปลายดาว
เพราะความเข้าใจผิดในสัมพันธภาพระหว่างสาวสวย ปากจัด กัดเจ็บ อย่าง “ปลายดาว” กับ เพื่อนหนุ่มคาสโนว่า ทำให้เธอต้องตกเป็นจำเลยในสายตาของ “เตชิต” วิศวกรหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า) ปากจัด ซ้ำยังกัดเจ็บยิ่งกว่า ผลที่ตามมาก็คือการปะทะคารมกันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกทีที่ประจันหน้า....เรื่องจะยอมเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองอีกฝ่ายน่ะรึ...ไม่มีทางซะหร้อกกกก

แต่เรื่องวุ่นๆชุลมุนหัวใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อสนามรบทำท่าจะเปลี่ยนเป็นสนามรัก(ตามสูตรนิยายคลาสสิค^^) ท่ามกลางความอึดอัดขัดใจของเพื่อนหนุ่มคาสโนว่าที่ยุยงส่งเสริมมาแต่ทีแรก แต่ดันเกิดอาการ “หวงของ” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้ก็เลยมี “ก้าง” ชิ้นใหญ่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

วิศวกรหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหนทาง “สุดท้ายที่ปลายดาว” ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเรื่องรัก(ลึกลับ)ในอดีตโผล่ขึ้นมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก...

งานนี้เห็นทีต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ!

Tags: กุ๊กกิ๊ก โรแมนติค ปลายดาว เตชิต

ตอน: ตอนที่ 16 << หญิงก็ร้าย..ชายก็แรง(กว่า) >>

สวัสดีค่ะ นักอ่านที่น่ารักทุกท่าน

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกท่านนะคะ ที่คอยติดตามมาโดยตลอด หลังๆมานี่ไม่ค่อยได้ไปตอบคอมเม้นท์สักเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งที่เปิดมาดูก็ชื่นใจเสมอค่ะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคอมเม้นท์น่ารักๆนะคะ เพิ่งเข้ามาแปะที่เว็บนี่ได้ไม่นาน ขอฝากเนื้อฝากตัวกันอีกทีนะคะ

ปกติที่ผ่านมาจะมาอัพนิยาย ทุก 1-2 วัน เพื่อความต่อเนื่อง แต่ครั้งนี้หายไปนานราวสัปดาห์ เพราะมีปัญหาชีวิตเรื่องน้ำท่วมครั้งนี้อยู่นิดหน่อย ตอนนี้ค่อนข้างโอเคแล้ว เลยมาอัพต่อ ขอเอาใจช่วยผู้ประสบภัยทุกท่านนะคะ

กลับมาที่นิยาย...เรื่องนี้ใกล้จบแล้วนะ กำลังคิดว่าจะลงจนจบ หรือรอให้ไปลุ้นตอนจบตอนที่พิมพ์เรียบร้อยแล้วดี ที่แน่ๆ มาอ่านตอนใกล้จบกันก่อนดีกว่า หุหุ :)

--------------------------------------------------------------

16.

หลังจากกลับมาจากหัวหิน ความสัมพันธ์ระหว่างคุณเตชิตกับปลายดาวก็ดูเหมือนจะยิ่งดิ่งลงเหว แผนการ “พรีฮันนีมูน ล้มเหลวพังพาบไม่เป็นท่ายังไม่พอ ปลายดาวพบว่าเขายังตั้งใจหายไปจากชีวิตเธออย่างเป็นเรื่องเป็นราวอีกด้วย การที่ใครสักคนไม่ยอมติดต่อมาหาทั้งที่สามารถหาวิธีได้สารพัด จะมีเหตุผลอะไรมากมายไปกว่าการหมดรัก...และพอใจที่จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนั้น เขาอาจจะเคยรักเธอ...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรักไปตลอดเสียหน่อย ถ้าโลกนี้ไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนไป คนเรามีโอกาสเปลี่ยนใจได้ทุกวินาทีนั่นแหละ...เขาอาจจะเลือกแล้ว เพียงแต่ทางเลือกของเขามันไม่ใช่เธอก็เท่านั้นเอง

เกือบสองทุ่มแล้ว แต่ปลายดาวยังคงวุ่นอยู่กับงานบนโต๊ะ โชคไม่ดีที่วันนี้งานเข้าตอนใกล้เลิกงานเนื่องจากมีปัญหาเรื่องการส่งสินค้าจากมายุโรป ด้วยความแตกต่างของเวลาในอีกซีกโลกทำให้เธอต้องอยู่จัดการต่อให้เสร็จไม่อย่างนั้นแล้วก็อาจต้องเสียเวลาไปอีกวัน อาจจะไม่ทันการได้

เสียงฝีเท้าเดินย่ำมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้อง เสียงนั้นเกือบเลยไปแล้วแต่ก็เปลี่ยนใจถอยหลังกลับมาในที่สุด คุณลักษณาในชุดกระโปรงแส็กเปรี้ยวจี๊ดตามแบบผู้บริหารสมัยใหม่ชะโงกหน้าเข้ามา ครั้นพอเห็นว่าเป็นปลายดาวหล่อนก็ยิ้มออกมาได้

“อ้าว! ยังอยู่อีกหรือ พี่นึกว่าใครลืมปิดไฟเสียอีก”

“ค่ะ...มีเรื่องยุ่งๆทางฝั่งสเปนนิดหน่อย ดาวเลยอยู่เคลียร์ แต่โอเคแล้วค่ะ พี่ลักษณ์จะกลับแล้วเหรอคะ”

“ใช่ กลับด้วยกันมั้ย หรือว่ามีใครมารับ นนท์เหรอ”

ปลายดาวส่ายหน้า...อดรู้สึกเหงาขึ้นมาวูบหนึ่งเสียไม่ได้ ระยะหลังๆมานี่เธอยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก เพื่อนฝูงก็ไม่ค่อยมาเจอกันเหมือนเก่า ทุกคนล้วนมีกิจกรรมแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นต้นอ้อที่ก็วุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานแต่ง ส่วนส้มจี๊ดก็เพิ่งโทรมาบอกว่าตั้งท้องได้ไม่กี่สัปดาห์ ทั้งสองครอบครัวก็เลยตื่นเต้นกันยกใหญ่ ส่วนคู่เลสเบี้ยนในสายตาใครๆก็พากันไปตะลอนทัวร์ถึงหลวงพระบางโน่น เรียกว่าเที่ยวกันไม่กลัวเงินหมดเลยทีเดียว

วรนนท์หายหน้าไปจากเธอนับตั้งแต่กลับมาจากหัวหิน แม้จะยังคงโทรมาหาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่บ่อยเหมือนเก่า ที่น่าแปลกใจคือเขาไม่เคยกลับไปที่บ้านเธออีกเลย แม้การห่างหายไปของเขาไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในใจปลายดาวมากนัก แต่เธอก็อดคิดถึงเขาไม่ได้อยู่ดีตามประสาคนเคยอยู่ร่วมชายคามาก่อน

“หรือว่าเต้...เต้มารับหรือ”

“พี่ลักษณ์น่ะ พูดอะไร เขาจะมารับดาวทำไมล่ะ แฟนเขาอยู่ทั้งคน”

“แฟน? ใคร? แฟนเต้...ก็ดาวไม่ใช่เหรอ”

หล่อนถามอย่างพาซื่อ สายตาคู่นั้นบอกว่าเรื่องของคุณเตชิตกับปลายดาวไม่ใช่ความลับสำหรับหล่อน แต่การที่หล่อนไม่เคยพูดหรือแซวอะไรออกมาก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้หมายความหล่อนจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“พี่ลักษณ์อย่าพูดอย่างนี้อีกนะ ใครมาได้ยินเข้า...”

“เฮ้ย! ถามจริง นี่ฉันถามแกในฐานะพี่นะ...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ฉันตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า”

สีหน้าท่าทางหล่อนบอกว่าตกใจและแปลกใจ กระเป๋าใบสวยถูกวางไว้บนโต๊ะดังแกร๊ก แปลว่า...ยังไงวันนี้หล่อนจะต้องได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ปลายดาวจะลุกหนีแต่ถูกหล่อนตะปบมือไว้ได้ทัน

“เขาไม่ใช่แฟนดาว”

“แต่เขาบอกพี่ว่าเขาชอบดาวนะ ไม่งั้นพี่จะยอมให้ดาวไปหัวหินแทนพี่ทำไม แล้วยังจะเรื่องที่เซี่ยงไฮ้นั่นอีก อุตส่าห์เปิดโอกาส นี่ทำเสียแผนมาใช่มั้ยเนี่ย”

“แหม...จอมวางแผนอยู่นี่เอง” ปลายดาวแอบค้อน “งั้นก็ขอบอกให้รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด ทุกอย่างมันจบแล้ว ดาวไม่เจอเขาเลยตั้งแต่กลับจากหัวหิน”

“เฮ้ย! จริงเด่ะ แต่พี่ยังเห็นเขามาที่โชว์รูมทุกวันอยู่เลยนะ ยังนึกว่านัดกับดาวไว้เสียอีกนะ”

คำพูดแบบไม่ตั้งใจของคุณลักษณ์ ทำให้หัวใจของอีกฝ่ายหดลงเหลือเล็กนิดเดียว...เธอไม่ได้เล่าให้คุณลักษณาฟังทั้งหมดว่า ความจริงเธอเพิ่งเจอเขามาเมื่อสองสามวันก่อน และตัดสินใจที่จะหันหน้าไปรอมชอมเพื่อหวังจะให้ทุกอย่างมันกลับมาเหมือนเดิม ทว่าเขาไม่เพียงจะไม่เปิดใจรับฟัง แต่ยังเป็นฝ่ายปฏิเสธมันไปอย่างเลือดเย็นเสียอีกด้วย...

เมื่อหลายวันก่อน ยังเป็นช่วงโปรโมชั่นออนเซลส์ของบริษัทที่มีลูกค้าหนาแน่น ทำให้ปลายดาวไม่อาจเลี่ยงได้เมื่อพนักงานต้อนรับสาวสวยอย่างน้องเจี๊ยบไหว้วานให้เธอช่วยไปรับแขกแทน โดยที่ไม่ทราบมาก่อนว่าลูกค้าที่เธอต้องมารับรองนั้นคือคุณเตชิต...เมื่อแรกที่พบหน้าเธอก็อดดีใจขึ้นมาวูบหนึ่งไม่ได้ แม้จะไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเธอยังมองเห็นความรู้สึกดีๆหลงเหลืออยู่ในแววตาคู่นั้นหรือเปล่า…

หญิงสาวได้แต่ถามตัวเอง และภาวนาให้เขาเป็นฝ่ายยิ้มทักทายเธอออกมาก่อนไม่ว่าจะผ่านเพียงริมฝีปากหรือแววตา แต่เพียงแค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ทิฏฐิของเธอลดลง ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่มีแม้วี่แววของความโกรธ น้อยใจ หรือตัดพ้อต่อว่าออกมาอย่างที่ควรจะเป็นเสียด้วยซ้ำ แววตาเขาสงบนิ่งเหมือนท้องทะเลในวันที่คลื่นลมสงบ...

หญิงสาวฝืนยิ้มอย่างคนที่พร้อมจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง ถ้าเพียงแต่เขาจะเดินหน้ามาอีกสักหนึ่งก้าว แตะมือเธอเบาๆสักครั้ง หรือแค่ยิ้มให้เธอสักนิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยบาดหมางก็จะเป็นอันจบสิ้นและเธอก็พร้อมจะเดินหน้าต่อไปถ้าหากว่าเขาต้องการ

การรอคอยของปลายดาวไม่เป็นผลและรอยยิ้มปรองดองของเธอก็ไม่มีความหมาย เมื่อคุณเตชิตไม่ได้ทำสักอย่างที่เธอคิด...เขาเพียงแต่หันไปบอกพนักงานต้อนรับสาวสวยอีกคนที่ยืนห่างออกไปทางเคาน์เตอร์ด้วยน้ำเสียงสุภาพเป็นการเป็นงาน แต่เชือดเฉือนหัวใจเธอไม่มีชิ้นดี

“คงไม่ต้องรบกวนคุณปลายดาว ผมนัดคุณจิราไว้...ช่วยเรียนคุณจิราว่าผมมาถึงแล้วก็พอครับ”

ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้ จะมีเหตุผลอะไรมากไปกว่าเขาไม่ได้รู้สึกกับเธอแบบเดิมอีกต่อไป แล้วเธอก็ควรทำใจยอมรับไม่ถูกหรือ...


“อะไรเนี่ย! อุตส่าห์นึกว่าจะมีอะไรดีๆซะอีก นี่ไม่ได้อำพี่ใช่มั้ย”

คุณลักษณาทำลายความเงียบ ทำให้ปลายดาวต้องเหล่ตามองเจ้านายสาวอย่างอดขำไม่ได้ เธอจะอำหล่อนเพื่ออะไรไม่ทราบ

“ไม่มีอะไรหรอกพี่...ดาวโอเคค่ะ”

“แน่ใจนะ...แล้วเมื่อกี้ ที่ปลายดาวพูดถึงแฟนเต้ ดาวหมายถึงใคร ใช่ฝนหรือเปล่า”

“เขามีคนอื่นมากกว่านี้อีกเหรอคะ”

“เขาเป็นเพื่อนกันนี่” คราวนี้หล่อนหรี่ตามองลูกน้องสาวอย่างจับสังเกต “แอบหึงเต้อยู่หรือเปล่าเนี่ย พี่จะบอกให้ว่าไม่มีอะไรหรอก เขาเป็นเพื่อนกันเฉยๆ พี่ว่าดาวลืมเรื่องนี้ซะ เป็นไปไม่ได้”

ท่าทางคุณลักษณาจะเชื่อมั่นในตัวคุณเต้เกินร้อย จนปลายดาวต้องลอบถอนหายใจออกมาไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งสังเกตเห็น เธอมองไม่เห็นประโยชน์ที่อธิบายในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์กับใคร หรืออย่างน้อยที่สุด...ถ้าจะมีใครสักคนรู้เรื่องรักเร้นลับของคุณเต้กับคุณฝน...เจ้าของคำบอกเล่านั้นก็ไม่ควรเป็นเธอ

“ถ้าจะสงสัย...พี่ว่านนท์กับดาวยังน่าสงสัยกว่าเลย ตัวติดกันยังกะตังเมขนาดนั้น”

เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าห่วงอย่างที่คิด หล่อนก็ลุกขึ้นขอตัวกลับหน้าตาเฉย เหมือนว่าเมื่อบรรลุประสงค์การมาแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่หล่อนจะอยู่ต่อ


คุณลักษณาจากไปแล้ว แต่ความกังวลของปลายดาวยังไม่จางหาย กลายเป็นว่าแค่เพียงเรื่องเล็กกระจิ๊ดริด แต่เธอก็ไม่สามารถจัดการปัญหาตัวเองได้ จนทำให้ใครต่อใครต้องพากันเป็นห่วง แม้แต่น้ำหอมที่ไม่ได้เจอหน้ามาเกือบอาทิตย์ยังอดทักเธอไม่ได้

“อ้าว!” หล่อนทำหน้าประหลาดใจ เหลียวซ้ายแลขวาประหลับประเหลือกเมื่อเห็นปลายดาวก้าวลงจากแท็กซี่เพียงลำพัง “ทำไมมาแท็กซี่ล่ะ พี่เต้หายไปไหน แล้วทำไมหน้าตาบูดเบี้ยวยังงี้ล่ะ...ทะเลาะกันมาเหรอ”

ปลายดาวขมวดคิ้ว น้ำเสียงที่น้ำหอมพูดถึงคุณเต้ดูสนิทสนมจนน่าแปลกใจ

“ทำไมถามถึงคุณเต้”

“แล้วถามไม่ได้เหรอจ๊ะ” น้ำหอมต่อปากต่อคำ “คนสนิทสนมกันก็ต้องถามถึงกันบ้าง ไรบ้างสิ”

“สนิทกันจังนะ เขามาที่นี่บ่อยหรือ”

“ก็เกือบทุกวัน อ้าว! แล้วเขาไม่ได้แวะไปหาพี่เหรอ เอ...หมายความว่าไงนะ มาหาหอม แต่ไม่ไปหาพี่ หอมว่าแล้ว พี่เต้ต้องเปลี่ยนใจ แบบนี้หอมไม่ผิดนะ เขามาหาหอมเอง”

ปลายดาวไม่ถือสาคำพูดหล่อน แต่ก็เป็นอีกครั้งที่อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้...ทุกสิ่งอย่างในชีวิตเขายังเหมือนเดิม มีเพียงเธอเท่านั้นที่หล่นหายไปจากชีวิต มันน่าเสียใจอยู่น้อยเสียเมื่อไหร่ ทั้งๆที่เธอยังมีลมหายใจ แต่เขาทำราวกับว่าเธอได้ตายจากเขาไปแล้วจริงๆ

แม้ว่าจะพยายามเก็บงำทุกสิ่งไว้ แต่มันก็ถูกแฉออกมาหมดจากสีหน้าและแววตาคู่นั้น จนน้ำหอมสังเกตได้ หล่อนวางขวดน้ำดื่มที่เตรียมมาเสริฟไว้บนโต๊ะ แล้วถือโอกาสนั่งคุยด้วยเสียเลย

“พี่ทำหน้าเหมือนคนอกหักเลยอ่ะ เลิกกันแล้วจริงๆใช่มั้ย ”

“ท่าทางน้ำหอมดีใจนะ” เธอแอบประชด

“ก็นี้ดสสสสส์นึง” หล่อนลากเสียงตัว S ยาวมาก “ก็หอมเล็งอยู่นี่ พี่นนท์เขาเปลี่ยนเป้าหมายมาที่พี่แล้วนี่นา หอมก็มีสิทธิ์ชอบพี่เต้โดยชอบธรรมแล้ว ไม่ถูกเหรอ”

“อืม หอมอยากทำอะไรก็ตามสบาย พี่อนุญาต” ปลายดาวพยักหน้าอย่างขอไปที

“เฮ้ย! พี่... หอมพูดเล่น นี่พี่ทะเลาะกันจริงๆเหรอ”

“มีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อย เขาคงไม่อยากคุยกับพี่แล้วล่ะ พี่ด่าเขาไปด้วย...เขาคงเกลียดพี่แล้วแหละ ขนาดเจอหน้ากันเขายังไม่พูดกับพี่สักคำ”

“สาธุ” หล่อนหัวเราะร่วน พร้อมทำยกมือท่วมหัว “ขอให้เขาเกลียดพี่จริงๆด้วยเหอะ หอมจะได้มีหวังซะที”

“หอมไม่สงสารพี่เลยเหรอ”

“สงสารทำไมล่ะ?” หล่อนทำหน้าเหรอ เหมือนเป็นคำถามแปลกประหลาด “คนรักกัน แต่ไม่เชื่อใจกัน เลิกกันไปก็ถูกแล้วนี่ พี่จะทนทรมานคบอยู่ทำไม ปิดโอกาสคนอื่นเขาอีกตะหาก ถือซะว่าให้เขาไปเจอคนดีๆละกัน”

หล่อนยักไหล่ แววตาซุกซนนั้นบอกว่าหล่อนคงระแคะระคายเรื่องเธอกับคุณเต้มาบ้าง นี่โลกนี้มันจะไม่มีความลับบ้างเลยหรือไงนะ

“ให้กำลังใจพี่บ้าง ไรบ้างนะหอม”

“ตลก! พี่ทำตัวเองแต่จะให้หอมเห็นใจเนี่ยนะ พี่ไล่เขาออกไปจากชีวิตเอง พี่จะมาเสียใจทำไม คนดีๆมีไม่คบ อยากปล่อยเสือเข้าป่าเอง ถ้าเขาไปแล้วไปลับ หอมจะโมทนาสาธุจริงๆด้วย พี่ดาวนะพี่ดาว”

ปลายดาวยกน้ำขึ้นดื่ม น้ำหอมอาจเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องทั้งหมด ที่สำคัญ...หมอที่เก่งที่สุดในปฐพีก็คงรักษาไม่ถูก ถ้าไม่รู้สาเหตุอาการป่วยของคนไข้ที่แท้จริง น้ำหอมก็อยู่ในข่ายเดียวกัน

ทว่าครั้งนี้...เธออาจจะประเมิน “คุณหมอ” อย่างน้ำหอมผิดไปนิด

“เฮ้ออออออ!” น้ำหอมถอนใจยาวมากจนน่าหมั่นไส้ “อย่าหาว่าหอมจุ้นเลยนะพี่ เรื่องของพี่กับพี่เต้...หอมไม่รู้อะไรมากหรอก แต่หอมขอบอกว่า เรื่องบางเรื่องในชีวิตถ้าพี่คิดว่ามันเล็ก มันก็เล็ก แต่ถ้าพี่คิดว่าใหญ่ มันก็ใหญ่ ถ้าคิดว่าใหญ่มาก มันก็จะใหญ่มาก พี่อยากคิดว่ามันใหญ่เองก็ต้องมานั่งทุกข์ใจแบบนี้แหละ”

“หอมอาจตีราคาเขาสูงเกินไป เขาอาจไม่ใช่อย่างที่น้ำหอมคิดก็ได้นะ” เธอหยั่งเชิง แต่น้ำหอมยักไหล่

“หอมไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นไง ดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้ แต่ถามจริง...ถ้าเขาไม่ดี ถ้าเขาเลว พี่จะเสียใจทำไม ก็ปล่อยเขาไปสิ ไม่เห็นต้องคิดมาก แต่เพราะเขาเป็นคนดีใช่มั้ยล่ะ พี่ถึงต้องมาเสียใจแบบนี้ พี่ไม่อยากเสียเขาไป แต่แทนที่จะมานั่งทำหน้าหม่นไหม้แบบนี้ ทำไมไม่กลับไปง้อเขาล่ะ ง่ายกว่าอีก หอมไม่เข้าใจพี่จริงๆ ถ้าเป็นหอมนะ หอมกลับไปง้อเขานานแล้ว ทะเลาะกันอยู่ทำไม เอาเวลาไปสวีทกันยังจะมันส์กว่าอีก ไม่รู้นะ หอมคิดของหอมง่ายๆแบบนี้แหละ”

หล่อนทำเป็นเอียงคอมอง พร้อมตบหลังมือปลายดาวเบาๆ เหมือนแม่สอนลูก

“เรื่องบางเรื่องมันก็พูดยาก หอมอย่ารู้เลย”

“หอมก็ไม่อยากรู้หรอก มีเรื่องอื่นให้อยากรู้มากกว่านี้เยอะแยะ แต่ถึงพี่ไม่พูด...หอมว่าหอมก็เดาได้ คนรักกันอยู่ดีๆถ้าจะทะเลาะกันก็มีแค่สองเรื่องแค่นั้นแหละ คือแฟนเก่า กับแฟนใหม่ ถ้าพี่หรือเขาไม่ได้มีใหม่ ก็แปลว่าต้องเป็นเรื่องคนเก่า หอมทายถูกหรือเปล่า”

สมการของน้ำหอมใช้ได้ผลจนปลายดาวอดหัวเราะไม่ได้

“เป็นคนมาทีหลังก็เครียดแบบนี้แหละพี่ ต้องทำใจ... ถ้าเขาเจอพี่ก่อนเรื่องมันคงเป็นอีกแบบ...แต่มันไม่ใช่ความผิดเขานะ พี่เกิดช้าเอง”

“หอมว่าพี่ควรไป...ง้อเขาเหรอ”

“พี่จะมาถามหอมทำไม คำตอบไม่ได้อยู่ที่หอมซะหน่อย มันอยู่ในใจพี่ต่างหาก”

“พี่กลัวหน้าแตก” ปลายดาวยอมรับอย่างไม่เหลือฟอร์ม “ถ้าเขาเกลียดพี่ไปแล้ว แล้วไม่อยากคุยกับพี่อีกล่ะ พี่จะทำไงดี”

“พี่ก็ทำใจเท่านั้นแหละ แต่หอมว่ามันไม่แย่ขนาดนั้นหรอกน่า ท่าทางพี่เต้เขาชอบพี่จะตาย เอาน่า...ลองเสี่ยงดู เผื่อมันจะดี ร้านหอมจะได้เลิกกลายเป็นศาลาคนเศร้าซะที เบื่อจะแย่แล้วเนี่ย”

ปลายดาวถอนใจยาวเหยียด แม้ว่าคำแนะของทั้งส้มจี๊ด คุณลักษณาและน้ำหอมจะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก ทุกคนสรุปพ้องต้องกันว่าเธอไม่ควรปล่อยเขาไป พอๆกับที่ต้องทำใจว่าทุกคนต้องมีอดีต แต่ใครจะรู้ ว่าบางทีทุกอย่างมันอาจสายเกินไปแล้วก็ได้

เขาอาจหมดความอดทนกับเธอแล้ว...ผู้หญิงที่จะว่าไปแล้วก็แสนจะธรรมดาไม่ว่าจะในสายตาเขาหรือใครๆ ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องมาอดทนกับอารมณ์ขึ้นๆลงไม่เอาไหนของเธออีก พรหมลิขิตอาจเล่นตลกให้เขามาเจอเธอจะด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เมื่อทุกสิ่งเปลี่ยนผัน เขาก็ย่อมจากไปโดยไม่มีอะไรให้ต้องพะวงถึงเลยก็เป็นได้


ในภาวะจิตตก ปลายดาวพบความจริงอีกอย่างหนึ่งว่าโชคชะตามักพาเรื่องไม่ดีเข้ามาในชีวิตได้ง่ายกว่าปกติเสมอ หลังจากกลับออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยว อยู่ๆเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่สาว พี่เดือนโทรมาบอกว่าคุณยายเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการความดันโลหิตสูง แม้จะเป็นโรคประจำตัวที่ทานยาแล้วก็หาย แต่หล่อนก็ไม่อาจวางใจ ปลายดาวจึงรีบบึ่งไปที่โรงพยาบาลทันทีที่วางสาย

“แม่ไปถือศีลที่วัด ฉันกลัว ก็เลยพาคุณยายมาโรงพยาบาลก่อน”

พี่สาวรีบบอกเมื่อเจอหน้า ปลายดาวพยักหน้ารับรู้แล้วเดินไปยังเตียงคนป่วยที่มีคุณยายในชุดคนไข้นอนหลับตาพริ้ม พร้อมสายน้ำเกลือห้อยเกะกะ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวดาวอยู่เป็นเพื่อน พี่เดือนไม่ต้องห่วง”

“แล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานหรือ”

“หยุดสักวันก็คงได้”

“แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยัง” หล่อนถามน้องสาวอย่างเป็นห่วง แต่ปลายดาวพยักหน้าแทนคำตอบว่าเธอเรียบร้อยมาแล้ว

“พี่เดือนจะเอาอะไรหรือเปล่าล่ะ ดาวจะลงไปซื้อให้”

“ไม่เอาล่ะ” หล่อนส่ายหน้า แล้วเปลี่ยนไปเรื่องอื่นหน้าตาเฉย “นนท์มาส่งหรือเปล่า พักนี้หายหน้าหายตาไปเลยนะ”

“เปล่า ดาวมาแท็กซี่ อีหนอนมันหายหัวไปเป็นอาทิตย์แล้ว”

“อ้าว!”

“จริง…ไม่รู้ว่ากำลังมีเป้าหมายใหม่หรือเปล่า อาจจะติดหญิงอยู่ก็ได้ แต่เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละ อยากเจอหรือเปล่าล่ะ จะได้โทรให้”

“ไม่ต้องหรอก ฉันแค่อยากรู้ว่าที่เธอทำหน้าเศร้าผิดธรรมเนียมอยู่นี่...เพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”

หล่อนถามน้องสาวยิ้มๆ แต่ปลายดาวถอนใจออกมาแทนคำตอบ ก่อนจะเดินเลยไปนั่งเอนหลังลงกับโซฟาตัวยาวอีกมุมหนึ่งของห้อง พี่สาวเธอคงลืมเรื่องของคุณเต้ไปแล้ว หล่อนถึงได้แอบลุ้นว่าเธอจะกลับมากินน้ำพริกถ้วยเก่า

“คุณยายป่วยอยู่นะ พี่เดือนพูดเรื่องอะไรเนี่ย”

“หน้าตาเธอเหมือนคนอกหัก”

พี่สาวยังคงหัวเราะร่วน หล่อนไม่ใช่คนแรกที่ออกปากทัก จนปลายดาวต้องเกาหัวแกรกที่หน้าตาเธอมันไม่สามารถปกปิดความทุกข์ได้เลยจริงๆ

“เธอเลิกกับคุณเต้แล้วหรือ วันก่อนฉันเห็นเขาเดินกับผู้หญิงคนอื่น”

“ก็ไม่เคยเป็นแฟนกัน” เธอตอบอู้อี้อยู่ในลำคอ “อย่างเขาจะมีใครสักกี่คนก็ได้”

“เขาทนความงี่เง่าของเธอไม่ไหวล่ะสิ”

“ให้กำลังใจน้องบ้าง”

เธอเตือนสติพี่สาว แต่อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก แววตาหล่อนบอกว่าเรื่องของน้องสาว ไม่อาจเป็นความลับสำหรับหล่อนได้แม้ว่าปลายดาวจะยังแทงกั๊ก ไม่ยอมเผยออกมาจนหมดเปลือกก็ตาม

“ฉันก็อุตส่าห์คิดว่าเธอจะขายออก ที่ไหนได้ แต่ก็นะ...ไม่เห็นต้องแคร์ ยังไงเธอก็ยังมีนนท์อยู่ทั้งคน”

หล่อนพูดง่าย...คล้ายกับว่าการเปลี่ยนใจจากใครคนหนึ่งมารักใครอีกคนเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว แต่เรื่องนั้นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า พี่สาวหล่อนนึกอะไรขึ้นมาถึงได้คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับวรนนท์จะพัฒนาไปมากกว่านี้ จำได้ว่ามันไม่เคยอยู่ในความคิดหล่อนมาก่อนเลยแต่ไหนแต่ไรมา

“อีหนอนเหรอ...แค่คิดก็ผิดแล้ว ขืนเป็นแฟนกับมันจริงๆ ได้ฟ้าผ่าตาย ดาวยังนึกภาพไม่ออกตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าผู้ชายที่นอนผึ่งพุงอยู่ข้างๆเป็นอีหนอน หวาดเสียวอ่ะ”

“คุณเต้เขาดูดีนะ แต่ฉันเพิ่งเจอเขาแค่ครั้งเดียว ยังดูเขาไม่ออก ไม่เหมือนนนท์...ฉันว่านนท์ชอบเธอนะ ไม่คิดจะลองให้โอกาสเขาจริงๆเหรอ”

“มันจ้างพี่เดือนมาเท่าไหร่”

“บ้า!” หล่อนฟาดเพียะมาที่ต้นแขนน้องสาว “จ้างเจิ้งอะไร ฉันแค่พูดตามที่รู้สึก”

“แต่เราเป็นเพื่อนกัน...จะยี่สิบปีแล้วนะ อย่าว่าแต่เห็นไส้เห็นพุงเลย เส้นเลือดดำเลือดแดงกี่ขดกี่เส้นก็เห็นมาหมดแล้ว ไม่ไหวจะรับประทานเสียหรอกกระมังคะ”

“แต่ยิ่งรู้จักกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ” หล่อนหยิบหมอนอิงมาวางบนตัก พร้อมสบตาน้องสาวอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก “ความรักมันเปลี่ยนได้ แต่ความผูกพันมันไม่เปลี่ยนนะเธอ”

“แล้วใครนะ เคยบอกดาวว่าโลกนี้ขับเคลื่อนด้วยความรัก”

“ไม่ต้องมาประชดฉัน...”

“พูดความจริงก็หาว่าประชด คนเราน่ะนะ”

ปลายดาวส่งค้อนให้พี่สาวแล้วหยิบผ้านวมผืนบางมาปูลงกับพื้น เป็นสัญญาณว่าคืนนี้เธอจะยอมเสียสละนอนที่พื้นนี้เอง พี่สาวไม่ขัดข้อง ทั้งยังโยนหมอนลงมาให้อย่างหวังดีอีกด้วย

“ยอมรับว่าถึงตอนนี้ขอเชียร์นนท์ ถ้าไม่แย่จนเกินไปนักก็อยากให้เธอให้โอกาสเขาบ้าง จำมาจากหนังเรื่องหนึ่งเค้าบอกว่าโอกาสก็เหมือนอากาศนั่นแหละ มีอยู่รอบๆตัว หายใจเอาอากาศเข้าไปเมื่อไหร่ก็อย่าลืมเอาโอกาสเข้าไปด้วยล่ะ”

“คมกริบ”

เธอประชดพี่สาวยิ้มๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ก่อนเอนกายลงกับที่นอน พี่สาวส่งนมกล่องยูเอชทีมาให้น้องสาวอย่างที่หล่อนชอบทำเสมอๆเวลาที่อยู่บ้าน ความจริงคือหล่อนติดนิสัยนี้มาจากบิดาผู้ล่วงลับนั่นเอง

“นมนี่ดีนะ มีแคลเซี่ยมสูง...ดื่มซะ หัวใจจะได้แข็งแรง ไม่หักไม่เปราะง่าย”

“ไม่เห็นจะเกี่ยว”

ปลายดาวหัวเราะ ความห่วงใยที่ผ่านออกมาจากแววตาพี่สาวทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด แต่พอรับนมมาดื่ม คุณยายก็ขยับตัวจนเธอสองคนพากันวิ่งพรวดมาที่เตียง พอจับคุณยายให้นอนในท่าที่ถนัดได้ หญิงชราก็มองมาที่หลานสาวสองคนอย่างกึ่งเอ็นดูกึ่งขัดใจ แววตาคู่นั้นใสแจ๋วดูไม่เหมือนคนป่วย มีเพียงสายน้ำเกลือเท่านั้นที่บ่งบอกสถานะ

“ฉันฟังอยู่นานแล้ว...เธอสองคนนี่เป็นอะไร เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ พูดกันแต่เรื่องผู้ชาย ขายหน้าจริงๆ”

“แล้วคุณยายจะให้คุยเรื่องผู้หญิงที่ไหนล่ะคะ” คนเถียงเป็นใครคงไม่ต้องบอก

“พูดแล้วยังมาเถียง” หญิงชราตีแขนหลานสาวคนเล็กเบาๆ “ฉันออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ พามาหาฉันทั้งสองคนนั่นแหละ เดี๋ยวฉันจัดเสี่ยงพวงมาลัยเอง เธอเหวี่ยงไปโดนคนไหนก็เลือกคนนั้นละกัน จะได้ไม่ต้องมาคิดให้ปวดหัวอีก แล้วฉันจะบอกไว้เลย ว่าหลานฉันให้แล้วไม่รับคืน ดูสิ...จะมีใครยอมเสี่ยงด้วยมั้ย”

หลานสาวพลอยหัวเราะ คุณยายเจ้าระเบียบก็จริงแต่ก็เข้าใจหลานสาวในวัยดรุณีได้มากกว่าคนในวัยเดียวกัน เป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่สนิทกับคุณยายมาก และแทบจะไม่มีความลับ แม้ว่าเรื่องบางเรื่องมันควรจะเป็นก็ตาม คำพูดของคุณยายน่าคิด...พอๆกับที่น่าขันอยู่ไม่น้อย จริงอยู่ว่าการเสี่ยงพวงมาลัยเลือกคู่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณยายคงลืมนึกถึงความจริงบางอย่างเกี่ยวกับหลานสาวคนนี้ไป...

ถึงแม้ว่าในอดีตจะเคยเป็นนักกีฬามาก่อน แต่การเหวี่ยงพวงมาลัยก็ไม่เคยอยู่ในลิสต์ แล้วฝีมือสมัครเล่นอย่างเธอก็อาจจะเหวี่ยงพวงมาลัยพลาดเป้าไปได้ทุกเมื่อ...หมายความว่าสุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่เหลือใครให้เธอเลือกเลยจนแล้วจนรอดก็เป็นได้

เมื่ออาการของคุณยายไม่มีอะไรน่าห่วง คุณหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น ปลายดาวจะตามกลับไปที่บ้านสวนด้วยโดยจะลางานต่ออีกสักวัน แต่คุณยายปฏิเสธเพราะไม่อยากให้หลานสาวต้องพลอยเสียงานไปด้วย หญิงสาวก็เลยไม่อยากขัดใจ แต่ก็กำชับพี่สาวว่าหากมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็โทรหาเธอได้ตลอด

หลังจากแยกย้ายกันในตอนบ่าย หญิงสาวก็ถือโอกาสแวะเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า เมื่อเดินผ่านโรงหนังที่เต็มไปด้วยรายการหนังใหม่เข้าฉายช่วงปลายสัปดาห์ ก็ให้นึกถึงนายหนอนเพื่อนรักขึ้นมา ไม่ได้เจอเขาหลายวัน น่าจะชวนเขามาเลี้ยงหนังเธอให้หายคิดถึงเสียหน่อย

วรนนท์ไม่รับสาย เป็นไปได้ว่าเขาอาจอยู่กับผู้หญิงคนอื่น หรือไม่ก็นอนหลับ แต่ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร ปลายดาวก็ไม่ถือสา เธอค้นพบความจริงในตอนนี้เองว่า ถ้าตราบใดที่เธอไม่คาดหวังในตัวของอีกฝ่าย เธอก็จะยอมรับทุกอย่างที่เขาเป็นได้เสมอ

“เพราะไม่รัก...จึงไม่คาดหวัง” กระนั้นกระมัง

เรื่องราวของเธอกับวรนนท์ก็เลยเป็นได้แค่แบบที่มันเคยเป็นคงเส้นคงวามาตลอดหลายปี ต่อให้พี่เดือนอยากได้เขาเป็นน้องเขยขนาดไหน...ก็คงไม่มีหวัง ในเมื่อหัวใจเธอมันไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย

การดูหนังคนเดียวสำหรับเธอไม่ใช่เรื่องแปลกมาแต่ไหนแต่ไร หญิงสาวตัดสินใจจ่ายเงินค่าตั๋วแล้วเข้าไปดูหนัง ถือเป็นการฆ่าเวลาในเวลาที่ไม่รู้จะทำอะไรแบบนี้ก็ถือว่าดีไปอีกแบบ เนื้อหาในหนังโรแมนติก คอมมิดี้ เรื่องนั้นจะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ซ้ำคนดูก็ยังสามารถเดาทางได้จนจบ แต่ที่ยอมเสียเงินเข้าไปดูก็เพราะชื่นชอบกับพระนางจากฮอลลีวู้ดคู่นั้น รวมทั้งโปรดักชั่นและวิวทิวทัศน์ในเรื่องที่ทำเอาคนดูรู้สึกเต็มอิ่ม จนอิ่มอกอิ่มใจตามไปด้วย

กว่าจะออกมาจากโรงหนังก็ปาเข้าไปเกือบทุ่ม ปลายดาวจึงแวะหาอะไรรองท้องก่อนเข้าบ้านเพื่อความสะดวก แต่ก็ไม่ลืมหิ้วขนมขบเคี้ยวอีกถุงใหญ่ๆติดมือกลับบ้านไปด้วยตามประสาคนชอบนอนดึกและ(ปาก)ว่างเป็นไม่ได้
เมื่อรถแท็กซี่จอดลงที่หน้าบ้าน หัวใจที่ห่อเหี่ยวของหญิงสาวก็เต้นแรงขึ้นเมื่อมองเห็นบีเอ็มดับลิว ซีรี่ส์เจ็ดติดฟิล์มทึบทั่วทั้งคันนั้นจอดสงบนิ่งอยู่ริมรั้ว แรกทีเดียวเธอนึกว่าเป็นนายหนอน แต่พอเห็นว่าเป็นคุณเตชิตก้าวลงมาก็ให้นึกแปลกใจกว่าเก่า

แม้ว่าสีหน้าเขาจะดูโล่งอกที่เห็นเธอเดินเข้าบ้านมาอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ท่าทางเขาก็ยังดูเคร่งเครียด หญิงสาวจ่ายเงินค่าแท็กซี่แล้วเดินมาถึงประตูทางเข้าบ้านในระยะที่ประชันหน้ากับเขาพอดี เธอสบตาเขาอย่างตั้งใจพยายามจะมองหาอะไรบางอย่างจากสายตาคู่นั้นแต่ก็ไม่พบสิ่งใดจนแล้วจนรอด นอกจากคำพูดห้วนสั้นเบาๆ

“ผมเข้าไปข้างในนะ”

เขาไม่รอคำตอบแต่เดินสวบๆเข้าไปในบ้านราวกับกลัวว่าเธอจะปฏิเสธ ครั้นพอนั่งลงที่โซฟาได้ เขาก็สำรวจเธออย่างไม่วางตา

“คุณไม่ได้ไปทำงาน เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ คุณยายฉันไม่สบาย เลยไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาลมาคืนนึง”

“ทำไมไม่โทรบอกผม”

นี่เราดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่...แล้วทำไมฉันถึงจะต้องบอกคุณด้วย ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย

ปลายดาวอยากจะตอบเขาไปแบบนี้จริงๆ แต่อยู่ๆอารมณ์น้อยใจก็วิ่งมาจุกอยู่ตรงลำคอ จนไม่อาจตอบคำถามเขาได้อีก แต่ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ตอบเขาไปว่า

“ไม่ได้เป็นอะไรมาก นี่ก็กลับบ้านไปแล้ว มีพี่เดือนดูแลอยู่ คงไม่ต้องรบกวนคุณ”

“พูดจาได้ห่างเหินดี นี่ผมควรจะรู้สึกยังไงดีนะ” เขาประชดแต่นัยน์ตามีแววตัดพ้อ

“ฉันพูดเรื่องจริง ไม่ได้ประชด เราอยู่กันได้ ไม่ต้องรบกวนใครหรอกค่ะ”

“นี่คุณจะโกรธผมอีกนานมั้ยดาว ผมจะได้ทำตัวถูก”

น้ำเสียงเขาดูเหน็ดเหนื่อยอ่อนอกอ่อนใจ แต่ปลายดาวกลับเลิกคิ้ว...นี่ตกลงว่าใครโกรธใครอยู่กันแน่นะ เธอนึกว่าเขาโกรธเธออยู่เสียอีก หรือว่าเขาจะความจำเสื่อม

“หมายความว่าไงคะ ฉันเหรอคะที่โกรธคุณ”

“ก็คุณโกรธผมอยู่ ตั้งแต่เดินเข้ามา ผมยังไม่เห็นคุณยิ้มให้ผมเลยสักนิด”

“แล้วคุณจะมาสนใจอะไรกับคนอย่างฉันคะ” ปลายดาวรู้สึกเหมือนเสียงตัวเองเริ่มสั่น “คุณจะสนใจอะไรกับผู้หญิงที่คุณบอกว่าใจแคบ เห็นแก่ตัว ไม่เคยนึกถึงคนอื่นอย่างฉัน”

“แหม...จำได้ทุกคำเชียวนะ เห็นมั้ยล่ะ...คุณยังโกรธผมอยู่จริงๆด้วย”

“คุณเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่คะคุณเต้ คุณนึกอยากจะมา คุณก็มา นึกอยากจะด่าฉันคุณก็ด่า ไม่แคร์สักนิดว่าฉันจะรู้สึกยังไง”

“ผมไม่ได้ด่าคุณเสียหน่อย พูดยังงี้ผมเสียหายนะ”

เขาอมยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วลุกเดินเข้ามาหา แต่ปลายดาวกลับถอยห่างโดยอัตโนมัติ แม้จะมองออกกลายๆว่าเขาดูจะเย็นลงมาก แต่ความน้อยใจของเธอดูเหมือนจะพุ่งแรงไปในทิศทางตรงกันข้าม และทั้งที่ตั้งใจจะไปงอนง้อก่อนหน้านี้ แต่ความน้อยใจก็เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปเสียหมด

“คุณทำชีวิตฉันผิดปกติ”

“อะไรนะ” เขาทำหน้าไม่เข้าใจ

“ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แค่ว่าเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้จักคุณชีวิตฉันมีความสุขมาก ฉันไม่เคยรู้สึกแย่แบบนี้มาก่อน ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้”

“ดาว...ไม่เอาน่า มานั่งนี่ ผมไม่ได้มาหาเรื่องทะเลาะกับคุณนะ”

“คุณเอานาฬิกาของคุณคืนไป” เธอถอดนาฬิกาจากข้อมือส่งให้เขา “ฉันไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณอีก”

“ทำไมทำตัวเป็นเด็กอย่างนี้ล่ะดาว พอโกรธผมคุณก็คืนของๆผม นี่คุณติดนิยายมากไปหรือเปล่า ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าดูละครช่องนั้นบ่อย ส่วนนาฬิกา ผมให้คุณแล้วไม่รับคืนหรอกนะ” เขาทำหน้าไม่ชอบใจ แล้วปัดมือเธอไปอีกทาง

“ฉันคิดมาหลายตลบแล้ว ถึงไม่มีเรื่องของคุณฝน ฉันก็รู้ว่าเราไม่เหมาะกัน สักวันก็ไปกันไม่ได้อยู่ดี”

“แล้วใครล่ะที่เหมาะกับคุณ”

คราวนี้น้ำเสียงเขาแข็งขึ้น แววตาก็วาววามขึ้นด้วย อารมณ์ฉุนเฉียวแบบที่เธอเคยเห็นกำลังจะกลับมาอีกแล้ว

“ฉันก็ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นใคร แค่บอกว่าเราไม่เหมาะกัน ฉันไม่อยากให้คุณเสียเวลา”

“คุณพูดจาเลอะเทอะมาก” เขาต่อว่าเธอตรงๆอย่างไม่เกรงใจ “คุณต้องการให้ผมไปจากชีวิตคุณจริงๆรึดาว”

“อาจมีคนที่เหมาะกับคุณมากกว่า”

“ใครล่ะ ฝนงั้นรึ...ใจคอคุณจะยัดเยียดผมให้เขาจริงๆรึ...”

เขาพูดได้แค่นั้น ประตูบ้านก็เปิดออกดังแอ๊ดพร้อมกับร่างสูงโปร่งของวรนนท์ที่ก้าวเข้ามาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่กลับถูกที่ถูกเวลาชะมัด ชายหนุ่มมองมาที่คนทั้งสองอย่างเข้าใจอะไรๆได้ทะลุปรุโปร่ง ตั้งใจว่าจะหันหลังกลับแต่ซิปโค้ดที่ซ่อนอยู่ในแววตาเพื่อนสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ

“หรือจริงๆแล้ว มันเป็นแค่ข้ออ้าง”

คุณเตชิตปลายตามองไปที่ชายหนุ่มผู้มาใหม่อย่างหาเรื่อง เขากลายเป็นคนพาลไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ และปลายดาวก็ไม่มีทางเลือกอื่นเสียด้วย

“ไม่ใช่ข้ออ้าง...แต่มันเป็นเรื่องจริง ฉันเพิ่งค้นพบความจริงว่า วรนนท์เขาดีกับฉันมากขนาดไหน และไม่เคยทำให้ฉันเสียใจเลยสักครั้งเดียว ฉันเชื่อแน่ว่าเขาจะดูแลฉันได้เป็นอย่างดี ก็เลยจะให้โอกาสเขา”

“คุณพูดจริงรึ”

“คุณจะถามเขาก็ได้นี่ เขาอยู่นี่แล้ว”

ปลายดาวพยักเพยิดหน้าไปทางเพื่อนหนุ่ม สายตาคู่สวยของวรนนท์บอกว่าเขาไม่เห็นด้วย แต่ก็ทำได้แค่พยักหน้าหงึกหงักตามน้ำกับเธอไปก่อน

คุณเตชิตไม่ได้ถาม และวรนนท์ก็ไม่ได้ตอบ เขาเพียงแต่มองมาที่เธออย่างผิดหวัง ก่อนจะเอ่ยกับเธอเป็นประโยคสุดท้าย ทว่าสั่นคลอนความมั่นคงเสียยิ่งกว่ากระไร

“ผมจะเหมาะกับใคร หรือใครจะเหมาะกับคุณก็ช่าง ผมไม่สนใจ ที่ผมสนก็คือคุณรักผมหรือเปล่า ถ้าคุณรักผม...ขอให้เดินมาหาผม แต่ถ้าไม่...ผมจะถือว่าวันนี้เป็นสุดท้าย...ระหว่างเรา จะไม่มายุ่งกับคุณอีก”

น้ำเสียงเขาเฉียบขาดอย่างที่ปลายดาวไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเกือบทำให้เธอน้ำตาหยด เมื่อพบความจริงว่าเธอกำลังยืนอยู่ระหว่างผู้ชายที่เธอรักทั้งสองคน และเธอจะต้องเลือกใครคนหนึ่งในนั้น!

ซ้ายมือคือเขา...คนที่เป็นความรักและเติมเต็มปัจจุบันของเธอให้มีความหมาย และอนาคตที่สดสวยก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่อยู่เหนือความคิดจนเกินไปนัก

หากทางขวามือ...คือชายหนุ่มอีกคนที่เป็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่ไม่ว่าจะโชติช่วงสว่างไสวหรือมืดมนเลวร้ายปานใด เขาก็จะไม่มีวันปล่อยมือจากเธอเป็นแน่แท้

หัวใจสั่งให้เธอเดินไปทางซ้าย...น่าแปลกที่สมองกลับบอกให้เธอเดินไปอีกทาง!



“ฉันเห็นมิสคอลของเธอ ก็เลยโทรกลับแต่ไม่ติด นึกว่าเป็นไรเสียอีก เป็นห่วงเลยมาดู ไม่นึกว่าจะแจ็คพ็อตแตก”

วรนนท์พูดกลั้วหัวเราะ แต่แววตาไม่ได้แย้มยิ้มตามไปด้วย ปลายดาวพยักหน้าพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เธอปิดเครื่องตั้งแต่อยู่ในโรงหนัง แล้วก็ลืมเปิดมาจนถึงเดี๋ยวนี้

“สมน้ำหน้า ฉันโทรไปเธออยากไม่รับเอง”

“ฉันคุยงานกับลูกค้าอยู่”

ประโยคนั้นทำเอาปลายดาวเลิกคิ้ว คำว่า “ลูกค้า” เป็นศัพท์ใหม่ที่เธอไม่เคยได้ยินจากนายหนอนมาก่อน

“เธอกลับไปทำงานแล้วเรอะ”

“เรื่องนั้นช่างเหอะ...กลับมาเรื่องคุณเต้ดีกว่า ตกลงว่าเธอเลือกฉันจริงๆใช่มั้ย ไม่ได้พูดเล่นนะ ฉันเอาจริงนะ”

“อย่าพูดมากน่ะ ฉันแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ”

“คุณเต้คงเกลียดฉันตายเลย”

“เขาไม่เกลียดเธอหรอก...เขาแค่ไม่ได้รักฉัน”

ปลายดาวกัดริมฝีปากเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ แต่หัวใจนั้นเจ็บหนึบๆไปไม่รู้ถึงไหนต่อไหน

“ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้น” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ

“เขาแค่อยากชนะ และคิดว่าฉันจะต้องยอมเขาไปหมดทุกอย่าง แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นเธอก็รู้ ที่สำคัญ...ถ้าเขารักฉัน...เขาจะไม่บังคับให้ฉันต้องเลือก เขาน่าจะรู้ ว่าฉันไม่จำเป็นต้องเลือกเพราะไม่ว่าฉันจะเลือกเขาหรือไม่ ยังไงฉันก็จะไม่มีทางทิ้งเธอ ฉันไม่ชอบวิธีการของเขา”

“ขอบอกว่าฉันซาบซึ้งมาก” เพื่อนหนุ่มประชด “แต่แทนที่เธอจะรอให้เขาเป็นฝ่ายเข้าใจ เธอบอกในสิ่งที่เธอรู้สึกเสียก็หมดเรื่อง เธอทำเรื่องง่ายให้มันยากเอง”

“ฉันก็แค่ทำสิ่งที่คิดว่ามันถูกต้อง จำได้มั้ย...เธอเคยบอกฉันว่าคนเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับหัวใจตัวเอง”

“แล้วแน่ใจเหรอว่ามันดีกับหัวใจเธอจริงๆ”

“ไม่แน่ใจหรอก แต่ฉันรู้ว่ามันดีที่สุดสำหรับตอนนี้” เธอตอบได้แค่นั้นเมื่อไม่สามารถจะกลืนก้อนแข็งๆลงคอไปได้อีก “สำหรับฉัน...เขาก็เปรียบเหมือนอาหารจานหลัก จานใหญ่ ที่อาจทำให้ฉันอิ่มหรือพอใจกับรสชาติอาหารนั้นๆ มันอาจสวยงามดูดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกปาก หรือกินเข้าไปแล้วเสาะท้อง ฉันก็คงต้องเลิกกิน...ส่วนเธอ ไม่ว่าเธอจะหาเรื่องมากมายมาให้ฉันปวดหัวขนาดไหน แต่ฉันก็รู้ว่าเธอจะไม่มีวันทิ้งฉัน...”

“แต่นั่นมันไม่ใช่ความรักนะดาว...”

“ฉันเคยบอกเธอ รักแท้มันก็เหมือนผีน่ะแหละ รู้ว่ามีแต่ไม่เคยโดนหลอก” เธอแค่นหัวเราะออกมาจนได้ “ถ้าเขาเป็นอาหารจานหลัก เธอก็เป็นเหมือนน้ำ ไม่ว่าจะน้ำร้อนหรือน้ำเย็น ยังไงน้ำก็ยังสำคัญต่อชีวิต ต่อให้ฉันกินข้าวอีกสักกี่จาน หรือไม่มีข้าวกินเลย ฉันก็ยังต้องกินน้ำอยู่ดี”

“แต่ตอนนี้...กินน้ำอย่างเดียว เธอจะไหวเรอะ”

“ฉันไดเอ็ท เธอไม่รู้หรือไง”

เธอตอบเสียงแผ่ว น้ำตากลบเต็มสองตา ก่อนจะหน้าฟุบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างๆของเพื่อนหนุ่มอย่างไม่อาจหักห้ามมันได้อีก

---------------------------------------------

ปล : มีคนแอบกระซิบว่านางเอกตอนนี้ดราม่าเกิ๊นนนนน




สิริเสาวภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2554, 13:44:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2554, 13:44:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 2189





<< ตอนที่ 15 << เจ้าชาย...ก็มีแต่ในนิทาน >>   ตอนที่ 17 << ก่อนจบ >> >>
วาดจันทร์ 31 ต.ค. 2554, 14:41:07 น.
ฮาาา....

ดีแล้วละที่ปลายดาวเลือกนนท์ คุณเต้จะได้เป็นอิสระเสียที เจ็บหน่อยนะคะ แต่เดี๋ยวก็หาย อย่ามัวแต่มาคอยเอาใจเราไปใส่ใจผู้หญิงงี่เง่า เอาตัวเองเป็นใหญ่อย่างปลายดาวเลย หุหุ

ขณะที่ตัวเองได้เป็นฝ่ายเลือก แต่คุณเต้เธอยอมเสียสละตัวเองเป็นตัวเลือกของเธอนะจ๊ะ ลองถามตัวเองดีๆ ว่าชอบไหมที่จะกลายเป็นตัวเลือกของใคร?


MYsister 31 ต.ค. 2554, 14:47:48 น.
ตามอ่านมานาน รอดูอยู่ว่าปลายดาวจะเอายังไงกันแน่ พอถึงตอนนี้ก็ยังดูโลเลอยู่ดี


tarny 31 ต.ค. 2554, 15:13:09 น.
แต่ยังแอบเชียร์นายเต้นะ อิอิ


anOO 31 ต.ค. 2554, 16:15:15 น.
เฮ้อ....ชักเบื่อยัยดาวแล้วลมเพลมพัดจริงๆ ยัยคนนี้
ตอนต้นยังลังเลเม่อจะง้อ หรือรอให้เค้ามาง้ออยู่เลย
พอเค้ามาจริงๆ ทำเสียเรื่องซะหมด งานนี้ถ้าคุณเต้ไม่กลับมาจะสมน้ำหน้าจริงๆ ด้วย


เมล 31 ต.ค. 2554, 16:27:59 น.
คุณเต้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เข้าใจยาก เลิกไปก็ดีเหมือนกัน


สิริเสาวภา 31 ต.ค. 2554, 16:50:30 น.
วันนี้มีเวลา มาตอบค่า...
คุณวาดจันทร์ @ comments ได้ใจมากค่ะ ยัยดาวต้องหนาวๆร้อนๆแน่ๆ อิอิ
คุณ MYsister @ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ นางเอกเรากลายเป็นคนโลเลไปได้ไงไม่รู้เนอะ
คุณ tarny @ นายเต้ต้องแอบดีใจอยู่แน่ๆ :)
คุณ anOO @ นั่นนะสิ ...
คุณเมล @ นี่ไง...คุณเต้เริ่มมีโจทก์แล้ว

ขอบคุณ และขอน้อมรับสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ



pseudolife 31 ต.ค. 2554, 17:01:46 น.
ยายด๊าววววว...อะไรกันเนี่ยเธอ
แต่คุณเต้ก็นะ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
ดาวเลยหมดอารมณ์ง้อเลย
พอกันทั้งคู่จริงๆ รออ่านตอนใกล้จบยิ่งกว่าค่ะ ^^


wane 31 ต.ค. 2554, 23:25:48 น.
อารมณ์เป็นวัยทองกันทั้งคู่เลยเนี่ย ...เด๋วงอน เด๋วง้อ เด๋วเลิก เฮ้อ เหตุผลมีก้อไม่ใช้ อารมณ์เนี่ยใช้กันจัง


violette 1 พ.ย. 2554, 01:19:30 น.
ก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่องมาหาเรื่องให้เลิกกันแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ทั้งคู่นิน้า...
คุณเต้ก็น้ำขึ้นน้ำลงพอกันน่ะแหละ โฮะๆ
(สรุปคนอ่านสะใจค่ะ 555


สิริเสาวภา 1 พ.ย. 2554, 08:11:52 น.
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีงาน น้ำท่วม ลูกค้าหายหมด เลยแวะมาตอบความคิดเห็นเสียหน่อย ^^"

คุณ peeudolife @ ตอนใกล้จบ ใกล้เข้ามาแล้วค่า รออีกนิด^^
คุณ wane @ ฮาอ่ะ อารมณ์วัยทอง O_O
คุณ violette @ ชอบความคิดเห็นคุณทุกอันเลย สัมผัสได้ว่าคุณเป็นคนมองโลกในแง่ดีนะ ชอบค่ะ




gozilar 3 พ.ย. 2554, 12:01:50 น.
ทำไมเรารู้สึกเข้าใจปลายดาวนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account