กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ
ตอน: ตอนที่ 19 คู่รักคู่ร้าย
บทที่ 19
คู่รักคู่ร้าย
“อ๊ะ ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ คุณเป็นคนบังคับให้ผมทำแบบนี้เองนะคนสวย”
ราเมศก้มมองดูเธอด้วยนัยน์ตากรุ้มกริ่ม เรียวปากเหยียดยิ้มเป็นเชิงท้าทาย แน่นอนว่าเขาไม่ได้ต้องการทำให้เธอบาดเจ็บ ทั้งยังใช้แขนขวาโอบรอบเอวบางไว้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้ปิ่นแก้วจมน้ำ สัมผัสนุ่มนิ่มจากอกอิ่มที่เบียดชิดแผ่นอกหนา เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ทำให้อุณหภูมิในร่างกายของชายหนุ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ปล่อยฉัน บอกให้ปล่อย”
“ขืนปล่อยคุณก็ถูกคลื่นซัดหายไปเท่านั้นน่ะสิ” เขากล่าวอย่างเป็นต่อ พยายามเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ภายใต้แววตาขี้เล่น ทั้ง ๆ ที่รู้สึกร้อนไปทั้งตัว
“ฉันไม่กลัวหรอก ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ปิ่นแก้วตั้งท่าอาละวาดทั้งที่อยู่ในน้ำ ทำให้เกิดแรงเสียดสีระหว่างลำตัวขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
“อยู่เฉย ๆ สิคุณปิ่น” ราเมศกล่าวเตือน ไม่เคยรู้สึกหนักอกหนักใจมากขนาดนี้มาก่อน
“คนเลว คนผีทะเล คอยดูนะกลับไปเมื่อไหร่ฉันจะส่งคนมาฆ่านาย”
“ยังทำปากดีไม่เลิก เดี๋ยวผมก็จับกดน้ำแล้วจูบเหมือนในละครเสียหรอก” ไม่พูดเปล่าแต่ชายหนุ่มยังโน้มใบหน้าลงไปหาหญิงสาวจริง ๆ อีกด้วย ปิ่นแก้วเบี่ยงหน้าหลบด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากร้อนรุ่มจงใจปัดถูกแก้มเนียนแผ่วเบา
“อย่านะ” เธอร้องขอเสียงสั่น
“กลัวเป็นเหมือนกันหรือ” ราเมศหัวเราะในลำคอ สองแขนโอบกอดร่างบางเอาไว้หลวม ๆ ดวงตาสีดำขลับสำรวจหญิงสาวตลอดทั้งเรือนร่าง กว่าที่ปิ่นแก้วจะรู้สึกตัวก็ปล่อยให้เขาเห็นไปถึงไหนต่อไหน
“มองอะไร อย่ามาทะลึ่งนะ” เธอแหวหน้าตาแดงก่ำ พยายามยกมือข้างที่เป็นอิสระขึ้นป้องกันทรวงอก
“ผมเป็นผู้ชาย ก็ต้องชอบมองผู้หญิงสวยสิครับ”
“อีตาบ้า”
ปิ่นแก้วพยายามยกฝ่ามือขึ้นดันเขาออก แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่อำนวยเอาเสียเลย ซ้ำร้ายคลื่นลมแรงจัดยังพาให้น้ำทะเลหนุนสูงขึ้นจนปลายเท้าหยั่งไม่ถึง ท้ายที่สุดเธอก็ต้องยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอราเมศอย่างหมดทางเลือก ฝากชีวิตไว้กับอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดรอบลำตัว
“ขอร้องล่ะ พาฉันกลับเข้าฝั่งที” เธอร้องขอ
“ขอโทษที คลื่นลมแรงผมไม่ได้ยิน” ราเมศหยัดยิ้มบนมุมปาก โอบกระชับรอบเอวบางมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เธอตกลงไป
ปิ่นแก้วซบหน้าลงกับไหล่กว้างด้วยความกลัว หมดหนทางพยศอย่างสิ้นเชิง
“ได้โปรด...พาฉันกลับทีเถอะ”
ทันทีที่ได้เสียงฝีเท้าบนทางเดินหน้าห้อง แววดาวก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตูทันที และก็ต้องยิ้มหวานหยดเมื่อเห็นราเมศกำลังไขลูกปิดกุญแจห้องพักฝั่งตรงกันข้าม กำลังจะเปิดประตูเข้าไปอยู่พอดี
“มาแล้วเหรอคะคุณเมศ แหม แววดาวกำลังรอคุณอยู่พอดีเชียวค่ะ”
สาวสวยร่างสูงโปร่งยื่นมือออกไปคล้องแขน แต่แล้วก็ต้องหดกลับเมื่อรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นของเสื้อผ้า
“คุณเมศ คุณเล่นน้ำทะเลมาด้วยเหรอคะ” นางแบบสาวถามอย่างสงสัย
ราเมศยิ้มเป็นเชิงยอมรับ ใบหน้าหล่อเหลาขาวจัดตัดกับเส้นผมได้รูปที่เปียกชื้นน้อย ๆ ยกมือขึ้นลูบเสื้อเชิ้ตเปียกลู่แนบสนิทลำตัวอย่างไม่ใส่ใจ
“พอดีอากาศมันร้อนจัด ก็เลยนึกอยากลงเล่นน้ำทะเลนิดหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ เหนียวตัวอยากอาบน้ำจะแย่อยู่แล้ว” ราเมศผละตัวออกห่าง เปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
“ดะ เดี๋ยวก่อนสิคะ”
แววดาวทำท่าจะตามเข้าไปแต่ก็ไม่ทัน เมื่อชายหนุ่มผลักบานประตูปิดตามหลังดังปัง นางแบบสาวได้แต่ยืนอึ้งปลายจมูกได้กลิ่นน้ำทะเลเค็ม ๆ ลอยมาปะทะ จนต้องนิ่วหน้า ส่งผลให้เธอต้องรีบเดินกลับเข้าไปในห้องพักด้วยความสาบฉุน
ราเมศยกมือขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตออกจากลำตัว ก่อนจะตามด้วยเสื้อยืดเปียก ๆ โยนทิ้งไว้บนเก้าอี้ เผยให้เห็นแผ่นอกกว้างและช่วงไหล่ขาวจัด ตลอดจนกล้ามเนื้อได้รูปตามประสาคนชอบเล่นกีฬา ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มออกมาช้า ๆ ภายหลังจากที่หวนนึกไปถึงหญิงสาวเจ้าของเรือนร่างบอบบาง ที่เพิ่งปล่อยไปเมื่อครู่
หลังจากที่เขาปราศพยศปิ่นแก้วจนอยู่หมัด หญิงสาวก็เอาแต่ก้มหน้าซุกกับอกกว้างตัวสั่นเทาราวกับลูกนก จนกระทั่งเขาพาเธอกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย ทว่าทันทีที่ปลายเท้าแตะพื้น ปิ่นแก้วก็กลายร่างเป็นนางเสือสาวผลักอกเขาออกพร้อมทั้งฟาดฝ่ามือเข้าใส่แก้มซ้ายของชายหนุ่มเต็มแรง
ราเมศจำไม่ได้แล้วว่าเธอพูดอะไรบ้างในตอนนั้น แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกทีหญิงสาวก็วิ่งหนีห่างออกไปจนตามไม่ทันเสียแล้ว
“แสนพยศจริง ๆ เลยให้ตายสิ” ใบหน้าคมคายยกมือขึ้นลูบแก้มซ้ายตัวเองเบา ๆ ร่องรอยความเจ็บแปลบที่ปิ่นแก้วทิ้งเอาไว้ยังไม่ยอมจางหาย...หากแต่ความนุ่มนวลของเรือนร่างและกลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอ…
ก็ยังติดตรึงใจไม่ยอมจางหายไปง่าย ๆ เช่นเดียวกัน
“ผมไม่ยอมปล่อยคุณไปง่าย ๆ หรอก คุณปิ่น” ราเมศเอ่ยยิ้ม ดวงตาทอประกายล้ำลึก
ท่ามกลางความสัมพันธ์อันคลุมเครือ ภายในห้องพักถัดออกไปจากห้องของราเมศเพียงสองห้อง ยังมีหัวใจอีกดวงหนึ่งกำลังเต้นแรงด้วยความสับสนเช่นเดียวกัน ปิ่นแก้วนั่งพักเหนื่อยอยู่บนเก้าอี้หวายตามลำพัง ใบหน้าหวานแดงจัดเนื่องจากสภาวะอากาศและความโกรธที่เนืองแน่นภายในใจ
“..บ้าที่สุดเลย”
ปิ่นแก้วยกมือขึ้นปัดเส้นผมออกจากใบหน้า ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกชื้นไปด้วยน้ำทะเลจนเหนียวไปหมด
“อีตาราเมศนั่น กล้าดียังไงถึงทำกับเราแบบนี้”
ใครเล่าจะเชื่อว่าเธอกับนายราเมศ จะโคจรมาเจอกันใต้แผ่นฟ้ากว้างได้ขนาดนี้ หาดทรายกับทะเลสีฟ้าก็มีอยู่ตั้งมากมาย แต่โชคชะตากลับส่งเขามาพบกับเธอทั้งที่ไม่ได้อยากเจอหน้ากันเลยสักนิด
จริงเหรอ
สมองของปิ่นแก้วร้องถามซ้ำไปซ้ำมา หญิงสาวนิ่งอึ้งยกมือขึ้นลูบรอยสัมผัสจาง บนแก้มเนียนเบา ๆ
“เป็นไปไม่ได้หรอก...” เจ้าตัวกระซิบแผ่ว หัวใจเต้นแรงขึ้นตามแรงปฏิเสธของหัวใจ
งานเลี้ยงอาหารค่ำบนระเบียงริมชายหาด มีนักท่องเที่ยวและคณะผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวนกว่าสามสิบคนเลือกจับจองนั่งโต๊ะกันตามอัธยาศัย แสงสีส้มจากโคมไฟที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่งแต้มสีสันบนหาดทรายแลดูสวยงามแปลกตา บรรยากาศสบาย ๆ กับสายลมทะเลที่พัดแรง ผสมผสานกับเสียงดนตรีไพเราะดูราวกับเป็นการเสริมสร้างความโรแมนติกให้แก่คู่หนุ่มสาว
ค่ำคืนนี้แววดาวสวยสง่าภายใต้ชุดราตรีผ้าชีฟองเนื้อนิ่ม เข้ากับบรรยากาศริมทะเล สาวสวยร่างสูงโปร่งทำเส้นผมเป็นลอนสวยราวกับออกมาจากนิตยสาร เข้าคู่กับชายหนุ่มร่างสูงสง่างามที่นั่งอยู่เคียงข้าง
“ทะเลตอนกลางคืนนี่สวยกว่าตอนกลางวันอีกนะคะคุณเมศ ดูสิผิวน้ำสะท้อนแสงไฟเป็นประกายระยิบระยับเชียว” แววตาเอ่ยปากชวนคุย ยกแก้วไวน์สีสวยขึ้นจรดริมฝีปาก
“ครับ”
ราเมศตอบตามธรรมเนียม คืนนี้ชายหนุ่มเลือกสวมเสื้อเชิ้ตลายทางสีดำไม่ติดกระดุมคอกับกางเกงยีนเนื้อหนาตามสบาย ดวงตาสีดำขลับเหลียวมองไปรอบกาย ราวกับกำลังมองหาใครบางคน
น่าเสียดาย ที่เขาไม่ทันถามปิ่นแก้วว่าเธอพักอยู่รีสอร์ทไหน เพราะหากรู้ชัดไม่แน่ว่าป่านนี้อาจถือวิสาสะเดินขึ้นไปเคาะประตูถึงหน้าห้องแล้วก็ได้ ปกติราเมศจะเป็นคนระมัดระวังเรื่องการแสดงออกเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเสมอ แต่สำหรับปิ่นแก้วถือเป็นข้อยกเว้น เพราะหากเขาไม่แสดงออกไปตรง ๆ ก็คงยากที่จะเข้าใจตรงกัน
“มัวเหม่ออะไรอยู่คะราเมศ แววดาวเห็นคุณเอาแต่มองไปทางนั้นตลอดเวลาเลย”
“เปล่าหรอกครับ แค่กำลังคิดว่าคลื่นทะเลตอนกลางคืนนี่แรงดีจริง ๆ” ราเมศหันความสนใจไปทางอื่น
หลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารเสร็จแล้ว แววดาวก็พยายามเอ่ยปากชวนคุยตลอดเวลาทั้งเรื่องเสื้อผ้า กระเป๋าหนัง รวมไปถึงเรื่องอาชีพการเดินแบบ โดยที่ชายหนุ่มเพียงแต่นิ่งฟังเงียบ ๆ ไม่ค่อยได้ตอบรับหรือพูดคุยเหมือนแต่ก่อน
“จะว่าไป ได้ยินว่านอกจากคณะของพวกเราแล้ว ยังมีพวกคณะอื่นใช้รีสอร์ทแห่งนี้ประชุมสัมมนากันด้วยนะคะ”
ราเมศเลิกคิ้วเล็กน้อย “จริงหรือ”
“จริงค่ะ” แววดาวหันไปยิ้มให้กับชายท่าทางภูมิฐานด้านข้าง
“คุณรู้ได้ยังไง”
“บังเอิญว่าช่วงเช้าตอนที่คุณยังไม่ขึ้นมา แววดาวได้มีโอกาสเจอกับแขกคนหนึ่งถามไปถามมาจึงรู้ว่าเป็นคณะผู้บริหารที่มาประชุมกันตั้งแต่เมื่อวาน พอดีเพิ่งนึกได้ก็เลยเก็บเอามาเล่าให้คุณฟัง”
ราเมศเอ่ยปากถามเธอ อย่างใช้ความคิด
“แปลว่าคณะอื่นที่คุณว่า ก็พักอยู่ที่นี่เหมือนกันงั้นหรือ”
“แน่นอนสิคะ” แววดาวยิ้มหวาน “แววดาวรู้มาว่า ที่นี่เขาจัดห้องพักรับรองเป็นพิเศษ แถมหาดบริเวณนี้ยังเป็นชายหาดส่วนตัวของรีสอร์ทอีกด้วยนะคะ”
ใบหน้าคมคายฉายแววพึงพอใจชัดเจน “...มิน่าล่ะ”
“อากาศตอนนี้กำลังดีเลย พวกเราลงไปเดินเล่นริมชายหาดกันเถอะค่ะ อ้าว..นั่นคุณจะไปไหนคะราเมศ”
นางแบบสาวสวยร้องทัก เมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินออกจากระเบียงห้องอาหารริมชายหาด ทั้งที่ยังไม่ได้เดินชมทะเลกับเธอ
“ขอโทษนะครับคุณแววดาว บังเอิญผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระต้องกลับไปห้องพักก่อน เอาไว้คราวหน้าค่อยหาโอกาสใหม่ก็แล้วกัน” ราเมศหันมายิ้มให้เธอ
หญิงสาวทำหน้าตาผิดหวัง เมื่อแผนจูงมือชมชายหาดล้มเหลวไม่เป็นท่า
“เดี๋ยวสิคุณเมศ แล้วแววดาวละคะ”
“คุณก็นั่งจิบไวน์เย็น ๆ ชมทิวทัศน์ไปคนเดียวก่อนสิครับ หรือไม่ก็หาเพื่อนสักคนมานั่งคุยเป็นเพื่อนก็ได้”
“บ้าจัง คุณเมศ”
แววดาวตะโกนเรียกเขา แต่ราเมศไม่สนใจหันกลับมามอง ใบหน้าสวย ๆ งอหงิกเป็นม้าหมากรุก
“งานด่วนอะไรนักหนา น่าเบื่อจริง ๆ เลย” นางแบบสาวบ่นด้วยความโมโห
แววดาวไม่ปล่อยให้ตัวเองเงียบเหงาอยู่นานนัก หันไปส่งยิ้มหวานให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ที่นั่งจิบเบียร์ห่างออกไปไม่ไกลจากเธอมากนัก…
ร่างบางอวดผิวขาวภายใต้ชุดว่ายน้ำสีน้ำเงิน ค่อย ๆ จรดปลายเท้าสู่ผิวน้ำ ก่อนโผลงไปแหวกว่ายด้วยความเพลิดเพลิน สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของรีสอร์ทกลายเป็นสถานที่พักผ่อนยามค่ำคืนของแขกหลายคน ที่ชื่นชอบการว่ายน้ำภายใต้แสงไฟสลัว ห่างไกลจากคลื่นลมแรงและแสงแดดแผดเผาในตอนกลางวัน โชคดีที่ตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาของการดินเนอร์ จึงทำให้สระว่ายน้ำแห่งนี้ปลอดโปร่งจากผู้คนจนอาจเรียกได้ว่าเป็นสระน้ำส่วนตัวเลยก็ว่าได้
ปิ่นแก้วแหวกว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ อันที่จริงเธอนับได้ว่าเก่งพอตัว ยกเว้นก็แต่เฉพาะในทะเลที่มีคลื่นลมแรงและในสถานการณ์ตกประหม่าอย่างเช่นเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา
ชุดว่ายน้ำวันพีชที่ซื้อมาเมื่อปีกลาย ได้โอกาสเอามาใช้ในรีสอร์ทแห่งนี้เป็นที่แรก ชุดสีน้ำเงินช่วยขับผิวสวยแลดูขาวเนียนใต้ผืนน้ำ เข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะกับเรือนร่างบอบบางน่ามอง…หญิงสาวปล่อยตัวปล่อยใจให้ลื่นไหลไปกับสายน้ำอุ่น โผตัวไปชิดขอบสระหาที่พักพิง
“โอ้โฮ ไม่ยักรู้นะครับ ว่าสระแถวนี้มีนางเงือกลงเล่นน้ำอยู่ด้วย”
น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นแถว ๆ ขอบสระ ทำเอาปิ่นแก้วแทบไถลลื่นจมลงไปใต้น้ำ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ
“นาย”
“บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะครับ คุณปิ่น”
ใบหน้าหล่อเหลาเหยียดยิ้มบนมุมปาก ร่างสูงสมส่วนสวมเสื้อเชิ้ตสีดำลายทางพับแขนเสื้อจรดข้อศอกไม่ติดกระดุมเม็ดบน เผยผิวขาวจัดและส่วนสัดกล้ามเนื้อได้รูป เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนมอง ยืนล้วงกระเป๋าอยู่บนขอบริมสระน้ำ มองดูหญิงสาวที่กำลังหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกอย่างขัน ๆ
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ออกไปนะ” ปิ่นแก้วออกปากตะโกนไล่ พยายามซ่อนผิวขาว ๆ ให้พ้นจากสายตาซุกซน
“คงไปไม่ได้หรอกครับ เพราะผมก็พักอยู่ที่รีสอร์ทนี้เหมือนกัน” เขาตอบหน้าตาเฉย
ใบหน้าหวานซีดเผือดลงทันตาเห็น
“ไม่จริง”
“คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารที่เข้าร่วมสัมมนาในวันพรุ่งนี้ และถ้าเดาไม่ผิดคุณเองก็คงถูกมอบหมายให้มางานนี้เหมือนกันสินะ” ราเมศเอ่ยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ
“บ้าที่สุดเลย ไปให้พ้นนะ”
ปิ่นแก้วตีน้ำเข้าใส่ชายหนุ่ม หวังไล่ให้เขาเดินหนีไปให้พ้น ๆ แต่ราเมศเพียงแต่ถอยหลังไปเล็กน้อยและเดินอ้อมไปยังจุดที่สามารถมองเห็นเธอได้ทั้งตัว ดวงตาสีดำขลับชำเลืองมองไปยังชุดผ้าคลุมสีขาวที่วางอยู่บนเก้าอี้ไม้ พลางใช้ปลายนิ้วคีบขึ้นมาดูพร้อมรอยยิ้ม
“เตรียมผ้าคลุมมาผืนเดียวแบบนี้ ไม่ระวังตัวเอาเสียเลย”
“จะทำอะไรน่ะ เอาคืนมานะ” ปิ่นแก้วร้องเสียงหลง เมื่อชายหนุ่มทำท่าหยิบติดมือไปด้วย
ราเมศยิ้มอย่างมีเลศนัย เปลี่ยนใจเดินถือเสื้อคลุมเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ริมสระน้ำ ทอดสายตามองตามเธออย่างสบายอารมณ์ รอยตบที่ปิ่นแก้วฝากไว้บนใบหน้า ยังเจ็บแสบไม่หาย จึงนับเป็นโอกาสเหมาะที่จะเอาคืนจากเธอในคืนนี้
“ผมจะนั่งเฝ้าเสื้อคลุมให้คุณอยู่ตรงนี้ ถ้าอยากกลับเมื่อไหร่ก็เดินขึ้นมาเองเองก็แล้วกัน”
“อะไรนะ”
ปิ่นแก้วหน้าร้อนผ่าว ยามนี้หญิงสาวสวมเพียงชุดว่ายน้ำแนบสนิท และพยายามกดลำตัวให้จมอยู่ใต้น้ำมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากว่าต้องเดินขึ้นไปหาราเมศในสภาพแบบนี้ ก็เท่ากับว่าเป็นการเผยเรือนร่างต่อหน้าเขานั่นเอง
“เชิญว่ายน้ำเล่นตามสบายนะครับ” ราเมศเอนหลังกับพนักพิง
“คนผีทะเล นี่นายจงใจแกล้งฉันใช่ไหม” ปิ่นแก้วสาดน้ำเข้าใส่ชายหนุ่มด้วยความโกรธ นึกอยากให้ตัวเองกลายเป็นฟองอากาศเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ราเมศหัวเราะในลำคอ นัยน์ตากรุ้มกริ่มซ่อนรอยยิ้ม ต่อให้ปิ่นแก้วไม่ยอมขึ้นมาจากน้ำ ทว่าการได้เฝ้ามองผิวขาว ๆ ที่กำลังแหวกว่ายไปมา ก็นับว่าคุ้มค่าดีไม่หยอก
“ว่าไปแล้ว คุณนี่ก็ซ่อนรูปเหมือนกันนะ” เขาแกล้งยั่วโมโห
“บ้า ลามก”
แก้มเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด รีบยกมือขึ้นกอดอกซ่อนความงามทันที ร่างบางตัวว่ายไปชิดริมสระน้ำฝั่งไกลออกไปบริเวณน้ำลึก อยู่ห่างจากชายหนุ่มมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เฮ้ ๆ ทางนั้นมันอันตรายนะคุณ”
“อยู่ใกล้นายต่างหาก ที่จะเป็นอันตราย” ปิ่นแก้วตะโกนตอบ ระดับความลึกของน้ำกับอุณหภูมิที่เย็นลง ทำให้หญิงสาวรู้สึกหนาววูบขึ้นมาตามปลายเท้า
ร่างบางเกาะติดริมขอบสระอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ทั้งยังไม่ยอมเอ่ยปากร้องขอเสื้อคลุมจากราเมศแม้แต่น้อย ทั้งคู่เผชิญหน้ากันเป็นเวลานานกว่ายี่สิบนาที จนกระทั่งราเมศต้องยกมือยอมแพ้ให้กับความใจแข็งของเธอ
“โอเค ผมยอมแพ้แล้วก็ได้” ราเมศถอนหายใจยาว “ว่ายน้ำกลับมาเอาผ้าคลุมสิ ผมจะยื่นส่งให้”
แต่ปิ่นแก้วยังคงนิ่งเฉย ไม่ยอมทำตาม
“เป็นอะไรไป ไม่อยากได้แล้วหรือ”
“นายก็วางเสื้อลง แล้วหันหลังเดินกลับขึ้นห้องไปซะทีสิ” เธอตะโกนสั่ง
“ตกลงครับ ไม่ให้ดูก็ไม่ดู” ชายหนุ่มยิ้มขัน บรรจงวางเสื้อคลุมลงข้างขอบสระช้า ๆ ด้วยความจริงก็ไม่ได้นึกอยากแกล้งอะไรเธอมากมายอยู่แล้ว “ผมจะกลับห้องแล้วนะ มีอะไรให้ช่วยอีกหรือเปล่า”
“มี”
ปิ่นแก้วตะโกนเสียงดัง
“ช่วยไปให้พ้น ๆ แล้วไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีก”
ราเมศเหยียดยิ้มให้กับคำพูดประชดประชันนั้น แต่ก็ไม่ถือหาสาความอะไร ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับเรียบริมสระน้ำ กำลังจะกลับเข้าไปยังบันไดทางขึ้นรีสอร์ท ทว่ายังไม่ทันก้าวพ้นขอบบันได ก็ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยดังมาจากทางสระน้ำเสียก่อน
“คุณปิ่น” ราเมศใจหายวาบ วิ่งกลับไปยังสระว่ายน้ำทันที
***************
หยิ่งจนได้เรื่องค่ะตอนนี้ (- -‘’)
แต่ก็นะ นายราเมศก็เนียนซะจริง ๆ
เอาใจช่วยคู่นี้ด้วยนะคะ ^ ^
เบลินญา
คู่รักคู่ร้าย
“อ๊ะ ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ คุณเป็นคนบังคับให้ผมทำแบบนี้เองนะคนสวย”
ราเมศก้มมองดูเธอด้วยนัยน์ตากรุ้มกริ่ม เรียวปากเหยียดยิ้มเป็นเชิงท้าทาย แน่นอนว่าเขาไม่ได้ต้องการทำให้เธอบาดเจ็บ ทั้งยังใช้แขนขวาโอบรอบเอวบางไว้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้ปิ่นแก้วจมน้ำ สัมผัสนุ่มนิ่มจากอกอิ่มที่เบียดชิดแผ่นอกหนา เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ทำให้อุณหภูมิในร่างกายของชายหนุ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ปล่อยฉัน บอกให้ปล่อย”
“ขืนปล่อยคุณก็ถูกคลื่นซัดหายไปเท่านั้นน่ะสิ” เขากล่าวอย่างเป็นต่อ พยายามเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ภายใต้แววตาขี้เล่น ทั้ง ๆ ที่รู้สึกร้อนไปทั้งตัว
“ฉันไม่กลัวหรอก ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ปิ่นแก้วตั้งท่าอาละวาดทั้งที่อยู่ในน้ำ ทำให้เกิดแรงเสียดสีระหว่างลำตัวขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
“อยู่เฉย ๆ สิคุณปิ่น” ราเมศกล่าวเตือน ไม่เคยรู้สึกหนักอกหนักใจมากขนาดนี้มาก่อน
“คนเลว คนผีทะเล คอยดูนะกลับไปเมื่อไหร่ฉันจะส่งคนมาฆ่านาย”
“ยังทำปากดีไม่เลิก เดี๋ยวผมก็จับกดน้ำแล้วจูบเหมือนในละครเสียหรอก” ไม่พูดเปล่าแต่ชายหนุ่มยังโน้มใบหน้าลงไปหาหญิงสาวจริง ๆ อีกด้วย ปิ่นแก้วเบี่ยงหน้าหลบด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากร้อนรุ่มจงใจปัดถูกแก้มเนียนแผ่วเบา
“อย่านะ” เธอร้องขอเสียงสั่น
“กลัวเป็นเหมือนกันหรือ” ราเมศหัวเราะในลำคอ สองแขนโอบกอดร่างบางเอาไว้หลวม ๆ ดวงตาสีดำขลับสำรวจหญิงสาวตลอดทั้งเรือนร่าง กว่าที่ปิ่นแก้วจะรู้สึกตัวก็ปล่อยให้เขาเห็นไปถึงไหนต่อไหน
“มองอะไร อย่ามาทะลึ่งนะ” เธอแหวหน้าตาแดงก่ำ พยายามยกมือข้างที่เป็นอิสระขึ้นป้องกันทรวงอก
“ผมเป็นผู้ชาย ก็ต้องชอบมองผู้หญิงสวยสิครับ”
“อีตาบ้า”
ปิ่นแก้วพยายามยกฝ่ามือขึ้นดันเขาออก แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่อำนวยเอาเสียเลย ซ้ำร้ายคลื่นลมแรงจัดยังพาให้น้ำทะเลหนุนสูงขึ้นจนปลายเท้าหยั่งไม่ถึง ท้ายที่สุดเธอก็ต้องยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอราเมศอย่างหมดทางเลือก ฝากชีวิตไว้กับอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดรอบลำตัว
“ขอร้องล่ะ พาฉันกลับเข้าฝั่งที” เธอร้องขอ
“ขอโทษที คลื่นลมแรงผมไม่ได้ยิน” ราเมศหยัดยิ้มบนมุมปาก โอบกระชับรอบเอวบางมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เธอตกลงไป
ปิ่นแก้วซบหน้าลงกับไหล่กว้างด้วยความกลัว หมดหนทางพยศอย่างสิ้นเชิง
“ได้โปรด...พาฉันกลับทีเถอะ”
ทันทีที่ได้เสียงฝีเท้าบนทางเดินหน้าห้อง แววดาวก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตูทันที และก็ต้องยิ้มหวานหยดเมื่อเห็นราเมศกำลังไขลูกปิดกุญแจห้องพักฝั่งตรงกันข้าม กำลังจะเปิดประตูเข้าไปอยู่พอดี
“มาแล้วเหรอคะคุณเมศ แหม แววดาวกำลังรอคุณอยู่พอดีเชียวค่ะ”
สาวสวยร่างสูงโปร่งยื่นมือออกไปคล้องแขน แต่แล้วก็ต้องหดกลับเมื่อรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นของเสื้อผ้า
“คุณเมศ คุณเล่นน้ำทะเลมาด้วยเหรอคะ” นางแบบสาวถามอย่างสงสัย
ราเมศยิ้มเป็นเชิงยอมรับ ใบหน้าหล่อเหลาขาวจัดตัดกับเส้นผมได้รูปที่เปียกชื้นน้อย ๆ ยกมือขึ้นลูบเสื้อเชิ้ตเปียกลู่แนบสนิทลำตัวอย่างไม่ใส่ใจ
“พอดีอากาศมันร้อนจัด ก็เลยนึกอยากลงเล่นน้ำทะเลนิดหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ เหนียวตัวอยากอาบน้ำจะแย่อยู่แล้ว” ราเมศผละตัวออกห่าง เปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
“ดะ เดี๋ยวก่อนสิคะ”
แววดาวทำท่าจะตามเข้าไปแต่ก็ไม่ทัน เมื่อชายหนุ่มผลักบานประตูปิดตามหลังดังปัง นางแบบสาวได้แต่ยืนอึ้งปลายจมูกได้กลิ่นน้ำทะเลเค็ม ๆ ลอยมาปะทะ จนต้องนิ่วหน้า ส่งผลให้เธอต้องรีบเดินกลับเข้าไปในห้องพักด้วยความสาบฉุน
ราเมศยกมือขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตออกจากลำตัว ก่อนจะตามด้วยเสื้อยืดเปียก ๆ โยนทิ้งไว้บนเก้าอี้ เผยให้เห็นแผ่นอกกว้างและช่วงไหล่ขาวจัด ตลอดจนกล้ามเนื้อได้รูปตามประสาคนชอบเล่นกีฬา ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มออกมาช้า ๆ ภายหลังจากที่หวนนึกไปถึงหญิงสาวเจ้าของเรือนร่างบอบบาง ที่เพิ่งปล่อยไปเมื่อครู่
หลังจากที่เขาปราศพยศปิ่นแก้วจนอยู่หมัด หญิงสาวก็เอาแต่ก้มหน้าซุกกับอกกว้างตัวสั่นเทาราวกับลูกนก จนกระทั่งเขาพาเธอกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย ทว่าทันทีที่ปลายเท้าแตะพื้น ปิ่นแก้วก็กลายร่างเป็นนางเสือสาวผลักอกเขาออกพร้อมทั้งฟาดฝ่ามือเข้าใส่แก้มซ้ายของชายหนุ่มเต็มแรง
ราเมศจำไม่ได้แล้วว่าเธอพูดอะไรบ้างในตอนนั้น แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกทีหญิงสาวก็วิ่งหนีห่างออกไปจนตามไม่ทันเสียแล้ว
“แสนพยศจริง ๆ เลยให้ตายสิ” ใบหน้าคมคายยกมือขึ้นลูบแก้มซ้ายตัวเองเบา ๆ ร่องรอยความเจ็บแปลบที่ปิ่นแก้วทิ้งเอาไว้ยังไม่ยอมจางหาย...หากแต่ความนุ่มนวลของเรือนร่างและกลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอ…
ก็ยังติดตรึงใจไม่ยอมจางหายไปง่าย ๆ เช่นเดียวกัน
“ผมไม่ยอมปล่อยคุณไปง่าย ๆ หรอก คุณปิ่น” ราเมศเอ่ยยิ้ม ดวงตาทอประกายล้ำลึก
ท่ามกลางความสัมพันธ์อันคลุมเครือ ภายในห้องพักถัดออกไปจากห้องของราเมศเพียงสองห้อง ยังมีหัวใจอีกดวงหนึ่งกำลังเต้นแรงด้วยความสับสนเช่นเดียวกัน ปิ่นแก้วนั่งพักเหนื่อยอยู่บนเก้าอี้หวายตามลำพัง ใบหน้าหวานแดงจัดเนื่องจากสภาวะอากาศและความโกรธที่เนืองแน่นภายในใจ
“..บ้าที่สุดเลย”
ปิ่นแก้วยกมือขึ้นปัดเส้นผมออกจากใบหน้า ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกชื้นไปด้วยน้ำทะเลจนเหนียวไปหมด
“อีตาราเมศนั่น กล้าดียังไงถึงทำกับเราแบบนี้”
ใครเล่าจะเชื่อว่าเธอกับนายราเมศ จะโคจรมาเจอกันใต้แผ่นฟ้ากว้างได้ขนาดนี้ หาดทรายกับทะเลสีฟ้าก็มีอยู่ตั้งมากมาย แต่โชคชะตากลับส่งเขามาพบกับเธอทั้งที่ไม่ได้อยากเจอหน้ากันเลยสักนิด
จริงเหรอ
สมองของปิ่นแก้วร้องถามซ้ำไปซ้ำมา หญิงสาวนิ่งอึ้งยกมือขึ้นลูบรอยสัมผัสจาง บนแก้มเนียนเบา ๆ
“เป็นไปไม่ได้หรอก...” เจ้าตัวกระซิบแผ่ว หัวใจเต้นแรงขึ้นตามแรงปฏิเสธของหัวใจ
งานเลี้ยงอาหารค่ำบนระเบียงริมชายหาด มีนักท่องเที่ยวและคณะผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวนกว่าสามสิบคนเลือกจับจองนั่งโต๊ะกันตามอัธยาศัย แสงสีส้มจากโคมไฟที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่งแต้มสีสันบนหาดทรายแลดูสวยงามแปลกตา บรรยากาศสบาย ๆ กับสายลมทะเลที่พัดแรง ผสมผสานกับเสียงดนตรีไพเราะดูราวกับเป็นการเสริมสร้างความโรแมนติกให้แก่คู่หนุ่มสาว
ค่ำคืนนี้แววดาวสวยสง่าภายใต้ชุดราตรีผ้าชีฟองเนื้อนิ่ม เข้ากับบรรยากาศริมทะเล สาวสวยร่างสูงโปร่งทำเส้นผมเป็นลอนสวยราวกับออกมาจากนิตยสาร เข้าคู่กับชายหนุ่มร่างสูงสง่างามที่นั่งอยู่เคียงข้าง
“ทะเลตอนกลางคืนนี่สวยกว่าตอนกลางวันอีกนะคะคุณเมศ ดูสิผิวน้ำสะท้อนแสงไฟเป็นประกายระยิบระยับเชียว” แววตาเอ่ยปากชวนคุย ยกแก้วไวน์สีสวยขึ้นจรดริมฝีปาก
“ครับ”
ราเมศตอบตามธรรมเนียม คืนนี้ชายหนุ่มเลือกสวมเสื้อเชิ้ตลายทางสีดำไม่ติดกระดุมคอกับกางเกงยีนเนื้อหนาตามสบาย ดวงตาสีดำขลับเหลียวมองไปรอบกาย ราวกับกำลังมองหาใครบางคน
น่าเสียดาย ที่เขาไม่ทันถามปิ่นแก้วว่าเธอพักอยู่รีสอร์ทไหน เพราะหากรู้ชัดไม่แน่ว่าป่านนี้อาจถือวิสาสะเดินขึ้นไปเคาะประตูถึงหน้าห้องแล้วก็ได้ ปกติราเมศจะเป็นคนระมัดระวังเรื่องการแสดงออกเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเสมอ แต่สำหรับปิ่นแก้วถือเป็นข้อยกเว้น เพราะหากเขาไม่แสดงออกไปตรง ๆ ก็คงยากที่จะเข้าใจตรงกัน
“มัวเหม่ออะไรอยู่คะราเมศ แววดาวเห็นคุณเอาแต่มองไปทางนั้นตลอดเวลาเลย”
“เปล่าหรอกครับ แค่กำลังคิดว่าคลื่นทะเลตอนกลางคืนนี่แรงดีจริง ๆ” ราเมศหันความสนใจไปทางอื่น
หลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารเสร็จแล้ว แววดาวก็พยายามเอ่ยปากชวนคุยตลอดเวลาทั้งเรื่องเสื้อผ้า กระเป๋าหนัง รวมไปถึงเรื่องอาชีพการเดินแบบ โดยที่ชายหนุ่มเพียงแต่นิ่งฟังเงียบ ๆ ไม่ค่อยได้ตอบรับหรือพูดคุยเหมือนแต่ก่อน
“จะว่าไป ได้ยินว่านอกจากคณะของพวกเราแล้ว ยังมีพวกคณะอื่นใช้รีสอร์ทแห่งนี้ประชุมสัมมนากันด้วยนะคะ”
ราเมศเลิกคิ้วเล็กน้อย “จริงหรือ”
“จริงค่ะ” แววดาวหันไปยิ้มให้กับชายท่าทางภูมิฐานด้านข้าง
“คุณรู้ได้ยังไง”
“บังเอิญว่าช่วงเช้าตอนที่คุณยังไม่ขึ้นมา แววดาวได้มีโอกาสเจอกับแขกคนหนึ่งถามไปถามมาจึงรู้ว่าเป็นคณะผู้บริหารที่มาประชุมกันตั้งแต่เมื่อวาน พอดีเพิ่งนึกได้ก็เลยเก็บเอามาเล่าให้คุณฟัง”
ราเมศเอ่ยปากถามเธอ อย่างใช้ความคิด
“แปลว่าคณะอื่นที่คุณว่า ก็พักอยู่ที่นี่เหมือนกันงั้นหรือ”
“แน่นอนสิคะ” แววดาวยิ้มหวาน “แววดาวรู้มาว่า ที่นี่เขาจัดห้องพักรับรองเป็นพิเศษ แถมหาดบริเวณนี้ยังเป็นชายหาดส่วนตัวของรีสอร์ทอีกด้วยนะคะ”
ใบหน้าคมคายฉายแววพึงพอใจชัดเจน “...มิน่าล่ะ”
“อากาศตอนนี้กำลังดีเลย พวกเราลงไปเดินเล่นริมชายหาดกันเถอะค่ะ อ้าว..นั่นคุณจะไปไหนคะราเมศ”
นางแบบสาวสวยร้องทัก เมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินออกจากระเบียงห้องอาหารริมชายหาด ทั้งที่ยังไม่ได้เดินชมทะเลกับเธอ
“ขอโทษนะครับคุณแววดาว บังเอิญผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระต้องกลับไปห้องพักก่อน เอาไว้คราวหน้าค่อยหาโอกาสใหม่ก็แล้วกัน” ราเมศหันมายิ้มให้เธอ
หญิงสาวทำหน้าตาผิดหวัง เมื่อแผนจูงมือชมชายหาดล้มเหลวไม่เป็นท่า
“เดี๋ยวสิคุณเมศ แล้วแววดาวละคะ”
“คุณก็นั่งจิบไวน์เย็น ๆ ชมทิวทัศน์ไปคนเดียวก่อนสิครับ หรือไม่ก็หาเพื่อนสักคนมานั่งคุยเป็นเพื่อนก็ได้”
“บ้าจัง คุณเมศ”
แววดาวตะโกนเรียกเขา แต่ราเมศไม่สนใจหันกลับมามอง ใบหน้าสวย ๆ งอหงิกเป็นม้าหมากรุก
“งานด่วนอะไรนักหนา น่าเบื่อจริง ๆ เลย” นางแบบสาวบ่นด้วยความโมโห
แววดาวไม่ปล่อยให้ตัวเองเงียบเหงาอยู่นานนัก หันไปส่งยิ้มหวานให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ที่นั่งจิบเบียร์ห่างออกไปไม่ไกลจากเธอมากนัก…
ร่างบางอวดผิวขาวภายใต้ชุดว่ายน้ำสีน้ำเงิน ค่อย ๆ จรดปลายเท้าสู่ผิวน้ำ ก่อนโผลงไปแหวกว่ายด้วยความเพลิดเพลิน สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของรีสอร์ทกลายเป็นสถานที่พักผ่อนยามค่ำคืนของแขกหลายคน ที่ชื่นชอบการว่ายน้ำภายใต้แสงไฟสลัว ห่างไกลจากคลื่นลมแรงและแสงแดดแผดเผาในตอนกลางวัน โชคดีที่ตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาของการดินเนอร์ จึงทำให้สระว่ายน้ำแห่งนี้ปลอดโปร่งจากผู้คนจนอาจเรียกได้ว่าเป็นสระน้ำส่วนตัวเลยก็ว่าได้
ปิ่นแก้วแหวกว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ อันที่จริงเธอนับได้ว่าเก่งพอตัว ยกเว้นก็แต่เฉพาะในทะเลที่มีคลื่นลมแรงและในสถานการณ์ตกประหม่าอย่างเช่นเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา
ชุดว่ายน้ำวันพีชที่ซื้อมาเมื่อปีกลาย ได้โอกาสเอามาใช้ในรีสอร์ทแห่งนี้เป็นที่แรก ชุดสีน้ำเงินช่วยขับผิวสวยแลดูขาวเนียนใต้ผืนน้ำ เข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะกับเรือนร่างบอบบางน่ามอง…หญิงสาวปล่อยตัวปล่อยใจให้ลื่นไหลไปกับสายน้ำอุ่น โผตัวไปชิดขอบสระหาที่พักพิง
“โอ้โฮ ไม่ยักรู้นะครับ ว่าสระแถวนี้มีนางเงือกลงเล่นน้ำอยู่ด้วย”
น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นแถว ๆ ขอบสระ ทำเอาปิ่นแก้วแทบไถลลื่นจมลงไปใต้น้ำ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ
“นาย”
“บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะครับ คุณปิ่น”
ใบหน้าหล่อเหลาเหยียดยิ้มบนมุมปาก ร่างสูงสมส่วนสวมเสื้อเชิ้ตสีดำลายทางพับแขนเสื้อจรดข้อศอกไม่ติดกระดุมเม็ดบน เผยผิวขาวจัดและส่วนสัดกล้ามเนื้อได้รูป เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนมอง ยืนล้วงกระเป๋าอยู่บนขอบริมสระน้ำ มองดูหญิงสาวที่กำลังหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกอย่างขัน ๆ
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ออกไปนะ” ปิ่นแก้วออกปากตะโกนไล่ พยายามซ่อนผิวขาว ๆ ให้พ้นจากสายตาซุกซน
“คงไปไม่ได้หรอกครับ เพราะผมก็พักอยู่ที่รีสอร์ทนี้เหมือนกัน” เขาตอบหน้าตาเฉย
ใบหน้าหวานซีดเผือดลงทันตาเห็น
“ไม่จริง”
“คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารที่เข้าร่วมสัมมนาในวันพรุ่งนี้ และถ้าเดาไม่ผิดคุณเองก็คงถูกมอบหมายให้มางานนี้เหมือนกันสินะ” ราเมศเอ่ยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ
“บ้าที่สุดเลย ไปให้พ้นนะ”
ปิ่นแก้วตีน้ำเข้าใส่ชายหนุ่ม หวังไล่ให้เขาเดินหนีไปให้พ้น ๆ แต่ราเมศเพียงแต่ถอยหลังไปเล็กน้อยและเดินอ้อมไปยังจุดที่สามารถมองเห็นเธอได้ทั้งตัว ดวงตาสีดำขลับชำเลืองมองไปยังชุดผ้าคลุมสีขาวที่วางอยู่บนเก้าอี้ไม้ พลางใช้ปลายนิ้วคีบขึ้นมาดูพร้อมรอยยิ้ม
“เตรียมผ้าคลุมมาผืนเดียวแบบนี้ ไม่ระวังตัวเอาเสียเลย”
“จะทำอะไรน่ะ เอาคืนมานะ” ปิ่นแก้วร้องเสียงหลง เมื่อชายหนุ่มทำท่าหยิบติดมือไปด้วย
ราเมศยิ้มอย่างมีเลศนัย เปลี่ยนใจเดินถือเสื้อคลุมเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ริมสระน้ำ ทอดสายตามองตามเธออย่างสบายอารมณ์ รอยตบที่ปิ่นแก้วฝากไว้บนใบหน้า ยังเจ็บแสบไม่หาย จึงนับเป็นโอกาสเหมาะที่จะเอาคืนจากเธอในคืนนี้
“ผมจะนั่งเฝ้าเสื้อคลุมให้คุณอยู่ตรงนี้ ถ้าอยากกลับเมื่อไหร่ก็เดินขึ้นมาเองเองก็แล้วกัน”
“อะไรนะ”
ปิ่นแก้วหน้าร้อนผ่าว ยามนี้หญิงสาวสวมเพียงชุดว่ายน้ำแนบสนิท และพยายามกดลำตัวให้จมอยู่ใต้น้ำมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากว่าต้องเดินขึ้นไปหาราเมศในสภาพแบบนี้ ก็เท่ากับว่าเป็นการเผยเรือนร่างต่อหน้าเขานั่นเอง
“เชิญว่ายน้ำเล่นตามสบายนะครับ” ราเมศเอนหลังกับพนักพิง
“คนผีทะเล นี่นายจงใจแกล้งฉันใช่ไหม” ปิ่นแก้วสาดน้ำเข้าใส่ชายหนุ่มด้วยความโกรธ นึกอยากให้ตัวเองกลายเป็นฟองอากาศเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ราเมศหัวเราะในลำคอ นัยน์ตากรุ้มกริ่มซ่อนรอยยิ้ม ต่อให้ปิ่นแก้วไม่ยอมขึ้นมาจากน้ำ ทว่าการได้เฝ้ามองผิวขาว ๆ ที่กำลังแหวกว่ายไปมา ก็นับว่าคุ้มค่าดีไม่หยอก
“ว่าไปแล้ว คุณนี่ก็ซ่อนรูปเหมือนกันนะ” เขาแกล้งยั่วโมโห
“บ้า ลามก”
แก้มเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด รีบยกมือขึ้นกอดอกซ่อนความงามทันที ร่างบางตัวว่ายไปชิดริมสระน้ำฝั่งไกลออกไปบริเวณน้ำลึก อยู่ห่างจากชายหนุ่มมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เฮ้ ๆ ทางนั้นมันอันตรายนะคุณ”
“อยู่ใกล้นายต่างหาก ที่จะเป็นอันตราย” ปิ่นแก้วตะโกนตอบ ระดับความลึกของน้ำกับอุณหภูมิที่เย็นลง ทำให้หญิงสาวรู้สึกหนาววูบขึ้นมาตามปลายเท้า
ร่างบางเกาะติดริมขอบสระอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ทั้งยังไม่ยอมเอ่ยปากร้องขอเสื้อคลุมจากราเมศแม้แต่น้อย ทั้งคู่เผชิญหน้ากันเป็นเวลานานกว่ายี่สิบนาที จนกระทั่งราเมศต้องยกมือยอมแพ้ให้กับความใจแข็งของเธอ
“โอเค ผมยอมแพ้แล้วก็ได้” ราเมศถอนหายใจยาว “ว่ายน้ำกลับมาเอาผ้าคลุมสิ ผมจะยื่นส่งให้”
แต่ปิ่นแก้วยังคงนิ่งเฉย ไม่ยอมทำตาม
“เป็นอะไรไป ไม่อยากได้แล้วหรือ”
“นายก็วางเสื้อลง แล้วหันหลังเดินกลับขึ้นห้องไปซะทีสิ” เธอตะโกนสั่ง
“ตกลงครับ ไม่ให้ดูก็ไม่ดู” ชายหนุ่มยิ้มขัน บรรจงวางเสื้อคลุมลงข้างขอบสระช้า ๆ ด้วยความจริงก็ไม่ได้นึกอยากแกล้งอะไรเธอมากมายอยู่แล้ว “ผมจะกลับห้องแล้วนะ มีอะไรให้ช่วยอีกหรือเปล่า”
“มี”
ปิ่นแก้วตะโกนเสียงดัง
“ช่วยไปให้พ้น ๆ แล้วไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีก”
ราเมศเหยียดยิ้มให้กับคำพูดประชดประชันนั้น แต่ก็ไม่ถือหาสาความอะไร ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับเรียบริมสระน้ำ กำลังจะกลับเข้าไปยังบันไดทางขึ้นรีสอร์ท ทว่ายังไม่ทันก้าวพ้นขอบบันได ก็ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยดังมาจากทางสระน้ำเสียก่อน
“คุณปิ่น” ราเมศใจหายวาบ วิ่งกลับไปยังสระว่ายน้ำทันที
***************
หยิ่งจนได้เรื่องค่ะตอนนี้ (- -‘’)
แต่ก็นะ นายราเมศก็เนียนซะจริง ๆ
เอาใจช่วยคู่นี้ด้วยนะคะ ^ ^
เบลินญา

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ต.ค. 2554, 11:09:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ต.ค. 2554, 11:09:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 2479
<< ตอนที่ 18 ทะเลกระซิบรัก | ตอนที่ 20 หนี้หัวใจ >> |

nunoi 26 ต.ค. 2554, 13:14:08 น.
ดีใจจังได้อ่านสองตอนรวดเลย อย่างนี้นายราเมศ ก็ยิ่งกว่าเห็นรูปร่างซิเนี๊ยะ
ดีใจจังได้อ่านสองตอนรวดเลย อย่างนี้นายราเมศ ก็ยิ่งกว่าเห็นรูปร่างซิเนี๊ยะ

violette 26 ต.ค. 2554, 14:54:36 น.
เฮ่อ คู่นี้น่าปวดหัวมาก นายราเมศมันรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าปื่นโมโหอะไรกันแน่
เฮ่อ คู่นี้น่าปวดหัวมาก นายราเมศมันรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าปื่นโมโหอะไรกันแน่

Zephyr 26 ต.ค. 2554, 15:05:46 น.
เป็นตะคริวใช่มั้ย รู้สึกนายเมศนี่เป็นพระเอกมาช่วยปิ่นตลอดเลย หุหุ
เป็นตะคริวใช่มั้ย รู้สึกนายเมศนี่เป็นพระเอกมาช่วยปิ่นตลอดเลย หุหุ

anOO 26 ต.ค. 2554, 18:39:59 น.
ตะคริวกินแล้วสิ นายเมศได้โอกาสงามๆ อีกแล้ว
ตะคริวกินแล้วสิ นายเมศได้โอกาสงามๆ อีกแล้ว

bloomberg 3 พ.ย. 2554, 17:24:33 น.
เห็นหน้าเป็นแกล้ง เป็นแหย่ แล้วผู้หญิงที่ไหนเขาจะชอบ
เห็นหน้าเป็นแกล้ง เป็นแหย่ แล้วผู้หญิงที่ไหนเขาจะชอบ