กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ
ตอน: ตอนที่ 20 หนี้หัวใจ
บทที่ 20
หนี้หัวใจ
“ช่วยด้วย”
บนผิวน้ำปิ่นแก้วกำลังจะจมน้ำ เพราะเป็นตะคริวขึ้นมากะทันหัน หญิงสาวพยายามพยุงตัวว่ายน้ำแต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากแขนขาไร้เรี่ยวแรง เธอพยายามร้องตะโกนให้คนช่วย ก่อนที่ร่างบางจะจมดิ่งลงสู่ใต้ผื่นน้ำอย่างสิ้นหวัง
“คุณปิ่น”
เสียงกระโดดน้ำดังตามมาติด ๆ ราเมศแหวกว่ายดำลงไปคว้าตัวเธอเอาไว้ และประคองกอดเอวบางพยุงตัวขึ้นสู่ผิวน้ำในสภาพอ่อนปวกเปียก ปิ่นแก้วถูกพาขึ้นไปนอนบนขอบสระแต่ยังไม่รู้สึกตัว
“ทำใจดี ๆ ไว้คุณปิ่น คุณปิ่น” ราเมศตะโกนเรียกชื่อเธอสลับกับการเขย่าตัวแรง ๆ หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล
ชายหนุ่มจึงตัดสินใจก้มลงประกบปากผายปอดนานหลายอึดใจ จนกระทั่งปิ่นแก้วได้สติสำลักน้ำออกมา
“แค่ก..”
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ราเมศสวมเสื้อคลุมให้เธอเพื่อสร้างความอบอุ่น
ใบหน้าหวานซีดเผือด เรียวปากสั่นระริก ราเมศถอนหายใจยาว ไม่เคยโกรธตัวเองเท่าครั้งนี้มาก่อน
“แต่ไม่ต้องกลัว...ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว”
“อุ้ย” ปิ่นแก้วนิ่วหน้า มือจับขาขวาไว้แน่น “ขา..ฉันเจ็บขาจังเลย”
“ไหนขอผมดูหน่อยซิ”
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงตรวจดูอาการอย่างละเอียด
“คงเป็นตะคริวที่ขาน่ะ มาเถอะผมจะพาคุณกลับขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเอง” พูดจบราเมศก็ช้อนแขนอุ้มปิ่นแก้วไว้ในอ้อมแขน พาเดินตรงเข้าไปยังบันไดทางเข้ารีสอร์ท ขึ้นไปยังห้องพักตามทางที่หญิงสาวเป็นคนบอก เมื่อรู้ว่าห้องพักของเธออยู่ถัดจากห้องเขาของเขาเพียงแค่สองห้อง ราเมศก็ถึงกับแปลกใจกับความบังเอิญ ที่ดูเหมือนกับว่าโชคชะตา กำลังเล่นตลกกับเขาและเธอเสียเหลือเกิน
“ไม่ยักรู้นะครับ ว่าห้องของคุณอยู่ใกล้ห้องผมนิดเดียวเอง ถ้ารู้ตั้งแต่แรกผมคงมาเคาะประตูเรียกตั้งนานแล้ว” เขาพูดติดตลก
ปิ่นแก้วหน้างอเง้า เวลานี้เธอเจ็บขาจนไม่มีแก่ใจจะต่อปากต่อคำด้วย ราเมศเปิดประตูเข้าไปภายในห้องของหญิงสาว อุ้มเธอวางบนเตียงอย่างระมัดระวัง ปิ่นแก้วดึงผ้าคลุมเข้าหากันด้วยความหนาว เส้นผมเปียกลู่จรดต้นคอและแผ่นหลัง ราเมศพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นจรดข้อศอก ลงมือนวดเฟ้นช่วงขาเรียวเบา ๆ
“ทำอะไรน่ะ” ปิ่นแก้วทำท่าจะถอยหนี
“ไม่ต้องกลัว ผมแค่นวดให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงเท่านั้น”
ราเมศอธิบายน้ำเสียงอ่อนโยน ก้มหน้าก้มตานวดคลายอาการปวดให้แก่หญิงสาวในท่าคุกเข่า ปิ่นแก้วเม้มปากเข้าหากันเบา ๆ กระทั่งความเจ็บปวดเริ่มทุเลาลงตามลำดับ
ใบหน้าหล่อเหลาปราศจากรอยยิ้มขันเช่นเคย เหตุการณ์ครั้งนี้จะโทษว่าเป็นความผิดของเขาคนเดียวก็ไม่ผิดนัก หากการกระทำของเขาเป็นเหตุทำให้ปิ่นแก้วมีอันตรายร้ายแรงขึ้นมา
ราเมศคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปชั่วชีวิต
“ดีขึ้นแล้วหรือยัง”
“อะ..อืม” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ขอบคุณ”
ปิ่นแก้วทำท่าจะถอยห่างออกมา แต่ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นจับไหล่มนเอาไว้ พลางเอ่ยปากขอโทษ
“ขอโทษจริง ๆ ที่ผมทำให้คุณต้องตกอยู่ในอันตราย”
ดวงตาสีดำขลับฉายแววสำนึกผิด หากแต่ลึกลงไปในใจ ปิ่นแก้วก็ไม่ได้นึกโกรธอะไรเขามากมายนัก
“แต่นายก็ช่วยชีวิตฉันไว้เหมือนกันนี่นา”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่ หากว่าคุณเป็นอะไรไป” ราเมศยกปลายนิ้วขึ้นสัมผัสริมฝีปากเย็นเฉียบ
ปิ่นแก้วใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ราเมศ”
“คุณพูดถูก...ผมเป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหนจริง ๆ”
“ไม่ใช่ความผิดของนายคนเดียวหรอก” ปิ่นแก้วออกตัวเบา ๆ “เพราะฉันเองก็มัวแต่ประมาท จนทำให้เกือบจมน้ำเหมือนกัน”
“คุณปิ่น”
“คราวนี้ถือซะว่าเราผิดด้วยกันทั้งคู่ก็แล้วกัน”
ทั้งคู่จ้องตาซึ่งกันและกันเนิ่นนาน ก่อนเผยรอยยิ้มออกมาในที่สุด นับว่าเป็นครั้งแรกที่ปิ่นแก้วยอมลดทิฐิลง นับตั้งแต่มีเหตุการณ์มึนตึงที่ร้านอาหาร แต่ถึงกระนั้นความปักใจเชื่อเรื่องที่ว่าราเมศมีแฟนสาวอยู่แล้ว ก็ยังคงไม่จางหายไปอยู่ดี
ความอบอุ่นจากปลายนิ้วยามสัมผัสกับริมฝีปาก สร้างความหวั่นไหวประหลาดให้แก่หญิงสาวอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ ในบางคราราเมศก็ทำให้เธอรู้สึกราวกับตกอยู่ในห้วงฝัน หากแต่ในบางขณะก็รุ่มร้อนแผดเผาจนยากที่จะควบคุม...อย่างเช่นที่กำลังเป็นอยู่ในเวลานี้
เมื่ออาการดีขึ้น ปิ่นแก้วก็เพิ่งตระหนักได้ว่าราเมศอยู่ใกล้ชิดเธอมาก มากเกินไปด้วยซ้ำไป ยามนี้ร่างบางสวมเพียงเสื้อคลุมตัวบาง นั่งอยู่บนเตียงภายในห้องนอนกับชายหนุ่มสองต่อสอง ส่งผลให้ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” ราเมศกระซิบแผ่ว
ปิ่นแก้วส่ายหน้าช้า ๆ พยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“มะ ไม่เจ็บแล้วล่ะ ขอบคุณ” ร่างบางทำท่าจะลุกขึ้นยืน “ฉันว่าฉันรีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
“จริงสิ รอเดี๋ยวนะผมจะไปเปิดน้ำอุ่นในอ่างให้ก่อน คุณจะได้รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ ปล่อยให้ตัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย” ราเมศรับอาสา พร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้าไปเปิดน้ำอุ่นให้แก่เจ้าของห้อง ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ร้องขอสักนิด
ปิ่นแก้วมองตามคนตัวสูงที่จัดแจงเป็นธุระให้เธออย่างอดแปลกใจไม่ได้ ที่จู่ ๆ ราเมศก็ทำตัวดีมีน้ำใจเป็นสุภาพบุรุษขึ้นมากะทันหัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกมาหาเธอพร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหญ่
“ให้ผมช่วยประคองเข้าไปด้วยเอาไหม”
“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้” ปิ่นแก้วรีบปฏิเสธทันควัน พยุงตัวลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องอาบน้ำอย่างระมัดระวังเนื่องจากยังไม่หายเจ็บขา และเมื่อก้าวพ้นเข้าไปได้หญิงสาวก็หันไปเอ่ยปากเบา ๆ
“ขอบใจนะ...เอ่อ คุณเองก็รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเถอะ ทางนี้ฉันดูแลตัวเองได้”
“จะดีหรือ”
“บอกให้ไปก็ไปสิ”
“...ก็ได้ งั้นผมขอตัวก่อนนะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้อยู่เฝ้าหน้าห้องอาบน้ำ ราเมศจึงยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี ทันทีที่ลับหลังชายหนุ่ม ปิ่นแก้วก็ถึงกับลอบระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
ร่างบางใช้เวลาอาบน้ำทำธุระส่วนตัวพักใหญ่ ก่อนเช็ดตัวเปลี่ยนเป็นชุดนอนกางเกงสั้นเหนือเข่า ปิ่นแก้วใช้ผ้าเช็ดเส้นผมยาวสลวย ยกมือดันประตูห้องน้ำเดินออกมาอย่างระมัดระวังเนื่องจากยังไม่หายเจ็บดี แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั่งรออยู่ในห้อง หญิงสาวก็แทบทำผ้าร่วงหลุดออกจากมือทันที
“ราเมศ นายยังไม่กลับออกไปอีกเหรอ” เธอร้องเสียงดัง
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปิ่นแก้วจึงสังเกตเห็นได้ว่าเขา ไม่ได้สวมชุดเดิมแต่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาขาวจัด ภายใต้เส้นผมดกดำที่เจ้าตัวใช้ปลายนิ้วเสยขึ้นไม่เป็นระเบียบยิ้มบาง ๆ ให้เธอ
“ผมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่พอเดินกลับมาเคาะประตูห้องคุณตั้งนานแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ ผมเป็นห่วงก็เลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามานั่งรอข้างใน”
ปิ่นแก้วกระพริบตาถี่ ๆ นึกไม่ออกว่าควรกล่าวหาเขายังไงดี
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย ทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้” หญิงสาวทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไป
“อย่าเพิ่งรีบเดินนักสิ” ราเมศยื่นมือเข้ามาหวังจะช่วยประคอง
“ไม่ต้อง ฉันยืนเองได้”
ปิ่นแก้วปฏิเสธพร้อมกับสะบัดแขนออกห่าง แต่เนื่องจากอาการตะคริวที่ขายังไม่หายดี บวกกับความตกประหม่าจึงทำให้หญิงสาวเซล้มลงไปใส่ราเมศ ส่งผลให้เขาอ้าแขนรับเอาไว้ไม่ทัน
“ว้าย”
“ระวัง”
ทั้งคู่ล้มกลิ้งลงไปบนพื้นพรมโดยมีร่างบางทาบทับอยู่ด้านบน จะด้วยความบังเอิญหรือความโชคร้ายก็ตามแต่ ช่วงจังหวะที่ล้มลงไปริมฝีปากของทั้งคู่ก็สัมผัสแนบชิดกันเข้าอย่างไม่ตั้งใจ ปิ่นแก้วลืมตาโตหน้าแดงจัด ในขณะที่ราเมศเองตกใจไม่แพ้กัน
“ทำอะไรของนาย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอตั้งท่ากล่าวหา แต่คนฟังขมวดคิ้วมุ่น
“ใครกันแน่ที่เป็นคนทำ ตอนนี้คุณกำลังนอนทับตัวผมอยู่นะ หรือจะบอกว่าไม่ใช่”
“ว่ายังไงนะ นี่หาว่าเป็นความผิดฉันงั้นเหรอ”
“ก็หรือว่าไม่จริงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเอาแต่รั้น ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้หรอก” ราเมศเอ่ยน้ำเสียงหงุดหงิด
“คนบ้า” ปิ่นแก้วทำท่าจะยันกายลุกขึ้นด้วยความโมโห แต่ลำแขนแข็งแรงกลับตวัดโอบรอบเอวบางรั้งเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “จะทำอะไร ปล่อยนะ”
ปิ่นแก้วหน้าแดงปลั่ง เมื่ออกอิ่มเบียดชิดกับแผ่นอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ ร่างบางพยายามฝืนตัวเอาไว้เต็มที่ หากแต่ยังไม่ทันได้อ้าปากต่อว่าต่อขานก็พลันรู้สึกได้ถึงแรงกดหลังศีรษะ ส่งผลให้เธอต้องแนบเรียวปากเข้ากับริมฝีปากร้อนระอุอีกครั้ง ปิ่นแก้วครางในลำคอเบา ๆ เมื่อร่างสูงชำแรกปลายลิ้นอุ่นร้อนผ่านริมฝีปากบางเข้าไปลิ้มรสชาติหอมหวานหนักหน่วง
“รู้ตัวหรือเปล่าคุณปิ่น...ว่าผมกำลังถูกคุณยั่ว จนใกล้หมดความอดทนอยู่แล้ว” ราเมศกระซิบแผ่วภายหลังถอนจุมพิตช้า ๆ
ดวงตากลมโตเจือไปด้วยความอาย ระคนกรุ่นโกรธ
“พูดอะไรของนาย”
ปิ่นแก้วพยายามถอยหนีออกห่างท่ามกลางเสียหัวใจเต้นระรัว ทว่าริมฝีปากอุ่นร้อนไม่ยอมปล่อยให้อิสระโดยง่าย มือหนารั้งเธอลงไปหาอีกครั้งพร้อมมอบจุมพิตดูดดื่มสลับเรียกร้องจนปิ่นแก้วต้านทานไม่อยู่ ฝ่ามือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มใต้เสื้อคลุมผืนบาง ก่อนเลื่อนต่ำไปยังบริเวณสะโพกออกแรงกดให้แนบชิดกับลำตัวของตนมากยิ่งขึ้น ปิ่นแก้วสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายจงใจยกต้นขาขึ้นแทรกระหว่างเรียวขาคู่งามจนกระทั่งเธอรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอันร้อนแรง
“อื้ม”
สองแขนโอบตวัดร่างบางลงกับพื้น ประทับรอยจูบหนักหน่วงตามลงไปโดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้ปิ่นแก้วได้อ้าปากร้องประท้วง ฝ่ามือร้อนระอุประคองใบหน้าหวานให้เงยขึ้นรับจุมพิตลึกซึ้งเนิ่นนานตามแรงปรารถนาที่เจ้าตัวพยายามเก็บซ่อนมานาน ร่างบางสั่นสะท้านพยายามยกมือทั้งสองข้างดันตัวเขาออก แต่น้ำหนักที่ทาบทับลงมาบวกกับจุมพิตวาบหวามก็ ทำให้สติของปิ่นแก้วกระเจิดกระเจิงจนทำอะไรไม่ถูก
ริมฝีปากของทั้งสองแนบสนิทไร้ช่องว่าง ปิ่นแก้วรู้สึกคล้ายกับคนกำลังจมน้ำเนื่องจากหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อรอยจูบเร่าร้อนดำเนินไปอย่างลึกซึ้งยาวนาน ดวงหน้างามพยายามเบี่ยงหลบ ราเมศจึงเปลี่ยนเป้าหมายด้วยการเลื่อนริมฝีปากขึ้นไปยังใบหู ส่งปลายลิ้นเปียกชื้นเข้าไปยังซอกเล็ก ๆ ภายใน พร้อมกับเป่ารดลมหายใจร้อนระอุจนปิ่นแก้วอุทานออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“อย่า...อื้อ..ไม่”
ปิ่นแก้วรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจ เมื่อราเมศวกเรียวปากขึ้นประทับจูบอีกครั้งพร้อมกับสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวกายเนียนนุ่มทั่วทุกตารางนิ้ว แรงสั่นน้อย ๆ จากอาการตอบสนองที่ไม่คุ้นเคยจากร่างบาง กลายเป็นตัวกระตุ้นให้ราเมศยิ่งสัมผัสเธอมากขึ้นไปอีก เนินอกนุ่มนิ่มภายใต้ชุดนอนเนื้อบางบดเบียดแนบชิดลำตัวหนา จนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงความร้อนของอุณหภูมิร่างกายที่กำลังลุกโชนและแผดเผาจนยากที่จะดับ
ความหวานที่เขาได้รับจากเธอ แทบทำให้ราเมศควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยต้องใช้ความอดทนมากขนาดนี้มาก่อน ขอเพียงให้ได้ร่างกายมาอย่างอื่นก็ไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น
แต่สำหรับปิ่นแก้วนั้นต่างออกไป
เขาไม่ปฏิเสธเลยว่ากำลังต้องการเธอ และหากเขาต้องการที่จะทำต่อให้ถึงที่สุด ไม่ว่าเธอจะปฏิเสธหรือถอยหนีก็ไร้ประโยชน์...แต่ราเมศไม่ต้องการเพียงแค่นั้น นอกจากเรือนร่างงดงามแล้ว เขายังต้องการครอบครองหัวใจของคนตัวเล็กอีกด้วย เสียงครางผะแผ่วจากร่างน้อยในอ้อมแขน ทำให้ชายหนุ่มต้องสูดหายใจลึก ก่อนถอนเรียวปากช้า ๆ มองดูใบหน้าหวานที่กำลังแดงจัดจนพูดอะไรไม่ออก ดวงตากลมโตฉายแววตื่นตกใจ ทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มขันอย่างเอ็นดูไม่ได้
“ทำหน้าเชิญชวนแบบนี้ อยากให้ผมทำต่อหรือไงครับ” เขาแกล้งยั่ว
คนตัวเล็กจึงได้สติ ยกมือขึ้นตบหน้าเขาฉาดใหญ่
เผียะ
“อีตาบ้า”
“โอย มันเจ็บนะคุณ” ใบหน้าหล่อเหลายกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง แม้แต่โดนแค่เฉี่ยว ๆ แต่ฝ่ามือเล็กก็สร้างความปวดแสบให้น่าดู
จู่ ๆ ปิ่นแก้วก็แปลงร่างเป็นนางเสือสาว ยกมือขึ้นกางเล็บเข้าใส่ราเมศทั้งหยิกทั้งข่วนเป็นพัลวันจนชายหนุ่มต้องรีบคว้าจับข้อมือบางเอาไว้แน่น หญิงสาวตะโกนด่าทอเขาอีกชุดใหญ่
“ปล่อยนะ คนบ้ากาม นายตั้งใจจะทำอะไรฉัน”
“ไม่ปล่อย คุณอยากรั้นไม่ยอมอยู่เฉย ๆ เองทำไมล่ะ” ราเมศย้อนเสียงดัง พยายามรวบจับมือบางกดลงกับพื้นพรมไม่ให้เธอได้ออกฤทธิ์ หญิงสาวจึงชันเข่าขึ้นกระแทกกลางลำตัวของราเมศเต็มแรง
“บอกให้ปล่อย”
“อุ้บ” ชายหนุ่มจุกจนพูดไม่ออก หันมาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอากับเธอ “คุณนี่ร้ายเป็นบ้า”
“จะทำอะไร อย่านะ”
ปิ่นแก้วร้องกรี้ด เมื่อถูกราเมศอุ้มจนตัวลอย ก่อนโยนโครมลงบนเตียงหนานุ่มอย่างไม่ปราณีปราศรัย หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องล้มหงายลงไปอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มชันเข่าลงบนเตียงพร้อมกับทาบทับลำตัวตามลงมา สอดประสานปลายนิ้วเข้ากับมือบางออกแรงกดลงบนที่นอน ทำให้เธอกระดิกหนีไม่ได้
ทั้งคู่จ้องตากันและกันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะปิ่นแก้วที่เวลานี้โกรธเขาเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ในขณะเดียวกันริมฝีปากและอุณหภูมิในร่างกายก็ร้อนเสียจนน่าโมโหตัวเองอีกด้วย
“ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นจะร้องตะโกนให้คนช่วยจริง ๆ ด้วย” เธอร้องขู่เสียงดัง แต่คนฟังไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
“ก็เอาสิ” เขาท้า “อยากให้คนอื่นเข้ามาเจอเราในสภาพแบบนี้ก็ตามใจ”
“นาย”
“ทำไม โกรธที่ผมปล้ำจูบคุณงั้นหรือ ทีคุณยังเคยตบหน้าผมไม่รู้ตั้งกี่ครั้งผมยังไม่เคยบ่นอะไรเลย”
เมื่อถูกอีกฝ่ายออกฤทธิ์มากเข้า ราเมศจึงเริ่มออกอาการหงุดหงิดอยากจะปราบพยศขึ้นมาบ้างเหมือนกัน รอยจูบแสนหวานที่ได้รับจากเธอ หากต้องถูกตบอีกสักกี่ครั้งก็ ยังนับว่าคุ้มแสนคุ้ม
“นั่นเพราะนายทำตัวเองต่างหาก” ปิ่นแก้วย้อนเถียง พยายามขยับตัวออกห่างโดยไม่รู้สักนิดว่าสัมผัสนุ่มนิ่มที่เบียดแผ่นอกแกร่งอย่างไม่ตั้งใจนั้น ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจแค่ไหน
“ขอร้องล่ะคุณปิ่น” ราเมศพยายามข่มความรู้สึกและความปรารถนาที่กำลังแผดเผาร่างกายเอาไว้เต็มที่ “ช่วยอยู่เฉย ๆ สักห้านาทีจะได้ไหม ขืนคุณยังทำตัวยั่วผมแบบนี้ ผมจะไม่รับประกันความปลอดภัยของคุณแล้วนะ”
“...!?”
คำขู่ของราเมศได้ผลชะงัดนัก ปิ่นแก้วถึงกับตัวแข็งไม่กล้าขยับ ดวงตากลมโตฉายแววกรุ่นโกรธระคนอับอาย ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงปลายนิ้วสัมผัส และแนบสนิทชิดใกล้กันมากเสียจนได้ยินเสียงเต้นรัวของหัวใจ...ราเมศต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่ล่วงเกินเธอมากไปกว่าที่คิดเอาไว้
สำหรับเขาปิ่นแก้วเป็นมากกว่าผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและก็ผ่านไป เขาต้องการรั้งเธอให้อยู่ใกล้ ๆ ไม่อยากให้เธอหนีจากไปไหนอย่างเช่นครั้งที่แล้วมา ซึ่งหากเขาทำให้เธอกลัวหรือไม่ไว้ใจอีก คงยากนักที่จะสานต่อความสัมพันธ์อย่างที่คาดหวังเอาไว้
“ขอโทษ ที่ผมล่วงเกินคุณ” ราเมศก้มลงกระซิบแผ่ว ดวงตาสีดำขลับมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “ผมสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
ปิ่นแก้วจ้องหน้าเขาเหมือนไม่เชื่อถือคำพูด ราเมศระบายลมหายใจยาว
“อย่ามองผมแบบนั้นสิ”
“แล้วจะให้ฉันเทิดทูนนายหรือยังไง” หญิงสาวยอกย้อน
“คุณปิ่น”
“ถอยไปเลยนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย ไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายเจ้าชู้อย่างนายอีกแล้ว”
***********
หายหน้าไปหนึ่งอาทิตย์ เอาตอนหวาน ๆ มาลงให้อ่านกันค่ะ ^ ^
เบลินญา
หนี้หัวใจ
“ช่วยด้วย”
บนผิวน้ำปิ่นแก้วกำลังจะจมน้ำ เพราะเป็นตะคริวขึ้นมากะทันหัน หญิงสาวพยายามพยุงตัวว่ายน้ำแต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากแขนขาไร้เรี่ยวแรง เธอพยายามร้องตะโกนให้คนช่วย ก่อนที่ร่างบางจะจมดิ่งลงสู่ใต้ผื่นน้ำอย่างสิ้นหวัง
“คุณปิ่น”
เสียงกระโดดน้ำดังตามมาติด ๆ ราเมศแหวกว่ายดำลงไปคว้าตัวเธอเอาไว้ และประคองกอดเอวบางพยุงตัวขึ้นสู่ผิวน้ำในสภาพอ่อนปวกเปียก ปิ่นแก้วถูกพาขึ้นไปนอนบนขอบสระแต่ยังไม่รู้สึกตัว
“ทำใจดี ๆ ไว้คุณปิ่น คุณปิ่น” ราเมศตะโกนเรียกชื่อเธอสลับกับการเขย่าตัวแรง ๆ หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล
ชายหนุ่มจึงตัดสินใจก้มลงประกบปากผายปอดนานหลายอึดใจ จนกระทั่งปิ่นแก้วได้สติสำลักน้ำออกมา
“แค่ก..”
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ราเมศสวมเสื้อคลุมให้เธอเพื่อสร้างความอบอุ่น
ใบหน้าหวานซีดเผือด เรียวปากสั่นระริก ราเมศถอนหายใจยาว ไม่เคยโกรธตัวเองเท่าครั้งนี้มาก่อน
“แต่ไม่ต้องกลัว...ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว”
“อุ้ย” ปิ่นแก้วนิ่วหน้า มือจับขาขวาไว้แน่น “ขา..ฉันเจ็บขาจังเลย”
“ไหนขอผมดูหน่อยซิ”
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงตรวจดูอาการอย่างละเอียด
“คงเป็นตะคริวที่ขาน่ะ มาเถอะผมจะพาคุณกลับขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเอง” พูดจบราเมศก็ช้อนแขนอุ้มปิ่นแก้วไว้ในอ้อมแขน พาเดินตรงเข้าไปยังบันไดทางเข้ารีสอร์ท ขึ้นไปยังห้องพักตามทางที่หญิงสาวเป็นคนบอก เมื่อรู้ว่าห้องพักของเธออยู่ถัดจากห้องเขาของเขาเพียงแค่สองห้อง ราเมศก็ถึงกับแปลกใจกับความบังเอิญ ที่ดูเหมือนกับว่าโชคชะตา กำลังเล่นตลกกับเขาและเธอเสียเหลือเกิน
“ไม่ยักรู้นะครับ ว่าห้องของคุณอยู่ใกล้ห้องผมนิดเดียวเอง ถ้ารู้ตั้งแต่แรกผมคงมาเคาะประตูเรียกตั้งนานแล้ว” เขาพูดติดตลก
ปิ่นแก้วหน้างอเง้า เวลานี้เธอเจ็บขาจนไม่มีแก่ใจจะต่อปากต่อคำด้วย ราเมศเปิดประตูเข้าไปภายในห้องของหญิงสาว อุ้มเธอวางบนเตียงอย่างระมัดระวัง ปิ่นแก้วดึงผ้าคลุมเข้าหากันด้วยความหนาว เส้นผมเปียกลู่จรดต้นคอและแผ่นหลัง ราเมศพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นจรดข้อศอก ลงมือนวดเฟ้นช่วงขาเรียวเบา ๆ
“ทำอะไรน่ะ” ปิ่นแก้วทำท่าจะถอยหนี
“ไม่ต้องกลัว ผมแค่นวดให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงเท่านั้น”
ราเมศอธิบายน้ำเสียงอ่อนโยน ก้มหน้าก้มตานวดคลายอาการปวดให้แก่หญิงสาวในท่าคุกเข่า ปิ่นแก้วเม้มปากเข้าหากันเบา ๆ กระทั่งความเจ็บปวดเริ่มทุเลาลงตามลำดับ
ใบหน้าหล่อเหลาปราศจากรอยยิ้มขันเช่นเคย เหตุการณ์ครั้งนี้จะโทษว่าเป็นความผิดของเขาคนเดียวก็ไม่ผิดนัก หากการกระทำของเขาเป็นเหตุทำให้ปิ่นแก้วมีอันตรายร้ายแรงขึ้นมา
ราเมศคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปชั่วชีวิต
“ดีขึ้นแล้วหรือยัง”
“อะ..อืม” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ขอบคุณ”
ปิ่นแก้วทำท่าจะถอยห่างออกมา แต่ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นจับไหล่มนเอาไว้ พลางเอ่ยปากขอโทษ
“ขอโทษจริง ๆ ที่ผมทำให้คุณต้องตกอยู่ในอันตราย”
ดวงตาสีดำขลับฉายแววสำนึกผิด หากแต่ลึกลงไปในใจ ปิ่นแก้วก็ไม่ได้นึกโกรธอะไรเขามากมายนัก
“แต่นายก็ช่วยชีวิตฉันไว้เหมือนกันนี่นา”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่ หากว่าคุณเป็นอะไรไป” ราเมศยกปลายนิ้วขึ้นสัมผัสริมฝีปากเย็นเฉียบ
ปิ่นแก้วใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ราเมศ”
“คุณพูดถูก...ผมเป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหนจริง ๆ”
“ไม่ใช่ความผิดของนายคนเดียวหรอก” ปิ่นแก้วออกตัวเบา ๆ “เพราะฉันเองก็มัวแต่ประมาท จนทำให้เกือบจมน้ำเหมือนกัน”
“คุณปิ่น”
“คราวนี้ถือซะว่าเราผิดด้วยกันทั้งคู่ก็แล้วกัน”
ทั้งคู่จ้องตาซึ่งกันและกันเนิ่นนาน ก่อนเผยรอยยิ้มออกมาในที่สุด นับว่าเป็นครั้งแรกที่ปิ่นแก้วยอมลดทิฐิลง นับตั้งแต่มีเหตุการณ์มึนตึงที่ร้านอาหาร แต่ถึงกระนั้นความปักใจเชื่อเรื่องที่ว่าราเมศมีแฟนสาวอยู่แล้ว ก็ยังคงไม่จางหายไปอยู่ดี
ความอบอุ่นจากปลายนิ้วยามสัมผัสกับริมฝีปาก สร้างความหวั่นไหวประหลาดให้แก่หญิงสาวอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ ในบางคราราเมศก็ทำให้เธอรู้สึกราวกับตกอยู่ในห้วงฝัน หากแต่ในบางขณะก็รุ่มร้อนแผดเผาจนยากที่จะควบคุม...อย่างเช่นที่กำลังเป็นอยู่ในเวลานี้
เมื่ออาการดีขึ้น ปิ่นแก้วก็เพิ่งตระหนักได้ว่าราเมศอยู่ใกล้ชิดเธอมาก มากเกินไปด้วยซ้ำไป ยามนี้ร่างบางสวมเพียงเสื้อคลุมตัวบาง นั่งอยู่บนเตียงภายในห้องนอนกับชายหนุ่มสองต่อสอง ส่งผลให้ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” ราเมศกระซิบแผ่ว
ปิ่นแก้วส่ายหน้าช้า ๆ พยายามรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“มะ ไม่เจ็บแล้วล่ะ ขอบคุณ” ร่างบางทำท่าจะลุกขึ้นยืน “ฉันว่าฉันรีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
“จริงสิ รอเดี๋ยวนะผมจะไปเปิดน้ำอุ่นในอ่างให้ก่อน คุณจะได้รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ ปล่อยให้ตัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย” ราเมศรับอาสา พร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้าไปเปิดน้ำอุ่นให้แก่เจ้าของห้อง ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ร้องขอสักนิด
ปิ่นแก้วมองตามคนตัวสูงที่จัดแจงเป็นธุระให้เธออย่างอดแปลกใจไม่ได้ ที่จู่ ๆ ราเมศก็ทำตัวดีมีน้ำใจเป็นสุภาพบุรุษขึ้นมากะทันหัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกมาหาเธอพร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหญ่
“ให้ผมช่วยประคองเข้าไปด้วยเอาไหม”
“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้” ปิ่นแก้วรีบปฏิเสธทันควัน พยุงตัวลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องอาบน้ำอย่างระมัดระวังเนื่องจากยังไม่หายเจ็บขา และเมื่อก้าวพ้นเข้าไปได้หญิงสาวก็หันไปเอ่ยปากเบา ๆ
“ขอบใจนะ...เอ่อ คุณเองก็รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเถอะ ทางนี้ฉันดูแลตัวเองได้”
“จะดีหรือ”
“บอกให้ไปก็ไปสิ”
“...ก็ได้ งั้นผมขอตัวก่อนนะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้อยู่เฝ้าหน้าห้องอาบน้ำ ราเมศจึงยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี ทันทีที่ลับหลังชายหนุ่ม ปิ่นแก้วก็ถึงกับลอบระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
ร่างบางใช้เวลาอาบน้ำทำธุระส่วนตัวพักใหญ่ ก่อนเช็ดตัวเปลี่ยนเป็นชุดนอนกางเกงสั้นเหนือเข่า ปิ่นแก้วใช้ผ้าเช็ดเส้นผมยาวสลวย ยกมือดันประตูห้องน้ำเดินออกมาอย่างระมัดระวังเนื่องจากยังไม่หายเจ็บดี แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั่งรออยู่ในห้อง หญิงสาวก็แทบทำผ้าร่วงหลุดออกจากมือทันที
“ราเมศ นายยังไม่กลับออกไปอีกเหรอ” เธอร้องเสียงดัง
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปิ่นแก้วจึงสังเกตเห็นได้ว่าเขา ไม่ได้สวมชุดเดิมแต่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาขาวจัด ภายใต้เส้นผมดกดำที่เจ้าตัวใช้ปลายนิ้วเสยขึ้นไม่เป็นระเบียบยิ้มบาง ๆ ให้เธอ
“ผมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่พอเดินกลับมาเคาะประตูห้องคุณตั้งนานแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ ผมเป็นห่วงก็เลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามานั่งรอข้างใน”
ปิ่นแก้วกระพริบตาถี่ ๆ นึกไม่ออกว่าควรกล่าวหาเขายังไงดี
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย ทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้” หญิงสาวทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไป
“อย่าเพิ่งรีบเดินนักสิ” ราเมศยื่นมือเข้ามาหวังจะช่วยประคอง
“ไม่ต้อง ฉันยืนเองได้”
ปิ่นแก้วปฏิเสธพร้อมกับสะบัดแขนออกห่าง แต่เนื่องจากอาการตะคริวที่ขายังไม่หายดี บวกกับความตกประหม่าจึงทำให้หญิงสาวเซล้มลงไปใส่ราเมศ ส่งผลให้เขาอ้าแขนรับเอาไว้ไม่ทัน
“ว้าย”
“ระวัง”
ทั้งคู่ล้มกลิ้งลงไปบนพื้นพรมโดยมีร่างบางทาบทับอยู่ด้านบน จะด้วยความบังเอิญหรือความโชคร้ายก็ตามแต่ ช่วงจังหวะที่ล้มลงไปริมฝีปากของทั้งคู่ก็สัมผัสแนบชิดกันเข้าอย่างไม่ตั้งใจ ปิ่นแก้วลืมตาโตหน้าแดงจัด ในขณะที่ราเมศเองตกใจไม่แพ้กัน
“ทำอะไรของนาย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอตั้งท่ากล่าวหา แต่คนฟังขมวดคิ้วมุ่น
“ใครกันแน่ที่เป็นคนทำ ตอนนี้คุณกำลังนอนทับตัวผมอยู่นะ หรือจะบอกว่าไม่ใช่”
“ว่ายังไงนะ นี่หาว่าเป็นความผิดฉันงั้นเหรอ”
“ก็หรือว่าไม่จริงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเอาแต่รั้น ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้หรอก” ราเมศเอ่ยน้ำเสียงหงุดหงิด
“คนบ้า” ปิ่นแก้วทำท่าจะยันกายลุกขึ้นด้วยความโมโห แต่ลำแขนแข็งแรงกลับตวัดโอบรอบเอวบางรั้งเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “จะทำอะไร ปล่อยนะ”
ปิ่นแก้วหน้าแดงปลั่ง เมื่ออกอิ่มเบียดชิดกับแผ่นอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ ร่างบางพยายามฝืนตัวเอาไว้เต็มที่ หากแต่ยังไม่ทันได้อ้าปากต่อว่าต่อขานก็พลันรู้สึกได้ถึงแรงกดหลังศีรษะ ส่งผลให้เธอต้องแนบเรียวปากเข้ากับริมฝีปากร้อนระอุอีกครั้ง ปิ่นแก้วครางในลำคอเบา ๆ เมื่อร่างสูงชำแรกปลายลิ้นอุ่นร้อนผ่านริมฝีปากบางเข้าไปลิ้มรสชาติหอมหวานหนักหน่วง
“รู้ตัวหรือเปล่าคุณปิ่น...ว่าผมกำลังถูกคุณยั่ว จนใกล้หมดความอดทนอยู่แล้ว” ราเมศกระซิบแผ่วภายหลังถอนจุมพิตช้า ๆ
ดวงตากลมโตเจือไปด้วยความอาย ระคนกรุ่นโกรธ
“พูดอะไรของนาย”
ปิ่นแก้วพยายามถอยหนีออกห่างท่ามกลางเสียหัวใจเต้นระรัว ทว่าริมฝีปากอุ่นร้อนไม่ยอมปล่อยให้อิสระโดยง่าย มือหนารั้งเธอลงไปหาอีกครั้งพร้อมมอบจุมพิตดูดดื่มสลับเรียกร้องจนปิ่นแก้วต้านทานไม่อยู่ ฝ่ามือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มใต้เสื้อคลุมผืนบาง ก่อนเลื่อนต่ำไปยังบริเวณสะโพกออกแรงกดให้แนบชิดกับลำตัวของตนมากยิ่งขึ้น ปิ่นแก้วสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายจงใจยกต้นขาขึ้นแทรกระหว่างเรียวขาคู่งามจนกระทั่งเธอรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอันร้อนแรง
“อื้ม”
สองแขนโอบตวัดร่างบางลงกับพื้น ประทับรอยจูบหนักหน่วงตามลงไปโดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้ปิ่นแก้วได้อ้าปากร้องประท้วง ฝ่ามือร้อนระอุประคองใบหน้าหวานให้เงยขึ้นรับจุมพิตลึกซึ้งเนิ่นนานตามแรงปรารถนาที่เจ้าตัวพยายามเก็บซ่อนมานาน ร่างบางสั่นสะท้านพยายามยกมือทั้งสองข้างดันตัวเขาออก แต่น้ำหนักที่ทาบทับลงมาบวกกับจุมพิตวาบหวามก็ ทำให้สติของปิ่นแก้วกระเจิดกระเจิงจนทำอะไรไม่ถูก
ริมฝีปากของทั้งสองแนบสนิทไร้ช่องว่าง ปิ่นแก้วรู้สึกคล้ายกับคนกำลังจมน้ำเนื่องจากหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อรอยจูบเร่าร้อนดำเนินไปอย่างลึกซึ้งยาวนาน ดวงหน้างามพยายามเบี่ยงหลบ ราเมศจึงเปลี่ยนเป้าหมายด้วยการเลื่อนริมฝีปากขึ้นไปยังใบหู ส่งปลายลิ้นเปียกชื้นเข้าไปยังซอกเล็ก ๆ ภายใน พร้อมกับเป่ารดลมหายใจร้อนระอุจนปิ่นแก้วอุทานออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“อย่า...อื้อ..ไม่”
ปิ่นแก้วรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจ เมื่อราเมศวกเรียวปากขึ้นประทับจูบอีกครั้งพร้อมกับสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวกายเนียนนุ่มทั่วทุกตารางนิ้ว แรงสั่นน้อย ๆ จากอาการตอบสนองที่ไม่คุ้นเคยจากร่างบาง กลายเป็นตัวกระตุ้นให้ราเมศยิ่งสัมผัสเธอมากขึ้นไปอีก เนินอกนุ่มนิ่มภายใต้ชุดนอนเนื้อบางบดเบียดแนบชิดลำตัวหนา จนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงความร้อนของอุณหภูมิร่างกายที่กำลังลุกโชนและแผดเผาจนยากที่จะดับ
ความหวานที่เขาได้รับจากเธอ แทบทำให้ราเมศควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยต้องใช้ความอดทนมากขนาดนี้มาก่อน ขอเพียงให้ได้ร่างกายมาอย่างอื่นก็ไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น
แต่สำหรับปิ่นแก้วนั้นต่างออกไป
เขาไม่ปฏิเสธเลยว่ากำลังต้องการเธอ และหากเขาต้องการที่จะทำต่อให้ถึงที่สุด ไม่ว่าเธอจะปฏิเสธหรือถอยหนีก็ไร้ประโยชน์...แต่ราเมศไม่ต้องการเพียงแค่นั้น นอกจากเรือนร่างงดงามแล้ว เขายังต้องการครอบครองหัวใจของคนตัวเล็กอีกด้วย เสียงครางผะแผ่วจากร่างน้อยในอ้อมแขน ทำให้ชายหนุ่มต้องสูดหายใจลึก ก่อนถอนเรียวปากช้า ๆ มองดูใบหน้าหวานที่กำลังแดงจัดจนพูดอะไรไม่ออก ดวงตากลมโตฉายแววตื่นตกใจ ทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มขันอย่างเอ็นดูไม่ได้
“ทำหน้าเชิญชวนแบบนี้ อยากให้ผมทำต่อหรือไงครับ” เขาแกล้งยั่ว
คนตัวเล็กจึงได้สติ ยกมือขึ้นตบหน้าเขาฉาดใหญ่
เผียะ
“อีตาบ้า”
“โอย มันเจ็บนะคุณ” ใบหน้าหล่อเหลายกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง แม้แต่โดนแค่เฉี่ยว ๆ แต่ฝ่ามือเล็กก็สร้างความปวดแสบให้น่าดู
จู่ ๆ ปิ่นแก้วก็แปลงร่างเป็นนางเสือสาว ยกมือขึ้นกางเล็บเข้าใส่ราเมศทั้งหยิกทั้งข่วนเป็นพัลวันจนชายหนุ่มต้องรีบคว้าจับข้อมือบางเอาไว้แน่น หญิงสาวตะโกนด่าทอเขาอีกชุดใหญ่
“ปล่อยนะ คนบ้ากาม นายตั้งใจจะทำอะไรฉัน”
“ไม่ปล่อย คุณอยากรั้นไม่ยอมอยู่เฉย ๆ เองทำไมล่ะ” ราเมศย้อนเสียงดัง พยายามรวบจับมือบางกดลงกับพื้นพรมไม่ให้เธอได้ออกฤทธิ์ หญิงสาวจึงชันเข่าขึ้นกระแทกกลางลำตัวของราเมศเต็มแรง
“บอกให้ปล่อย”
“อุ้บ” ชายหนุ่มจุกจนพูดไม่ออก หันมาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอากับเธอ “คุณนี่ร้ายเป็นบ้า”
“จะทำอะไร อย่านะ”
ปิ่นแก้วร้องกรี้ด เมื่อถูกราเมศอุ้มจนตัวลอย ก่อนโยนโครมลงบนเตียงหนานุ่มอย่างไม่ปราณีปราศรัย หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องล้มหงายลงไปอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มชันเข่าลงบนเตียงพร้อมกับทาบทับลำตัวตามลงมา สอดประสานปลายนิ้วเข้ากับมือบางออกแรงกดลงบนที่นอน ทำให้เธอกระดิกหนีไม่ได้
ทั้งคู่จ้องตากันและกันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะปิ่นแก้วที่เวลานี้โกรธเขาเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ในขณะเดียวกันริมฝีปากและอุณหภูมิในร่างกายก็ร้อนเสียจนน่าโมโหตัวเองอีกด้วย
“ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นจะร้องตะโกนให้คนช่วยจริง ๆ ด้วย” เธอร้องขู่เสียงดัง แต่คนฟังไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
“ก็เอาสิ” เขาท้า “อยากให้คนอื่นเข้ามาเจอเราในสภาพแบบนี้ก็ตามใจ”
“นาย”
“ทำไม โกรธที่ผมปล้ำจูบคุณงั้นหรือ ทีคุณยังเคยตบหน้าผมไม่รู้ตั้งกี่ครั้งผมยังไม่เคยบ่นอะไรเลย”
เมื่อถูกอีกฝ่ายออกฤทธิ์มากเข้า ราเมศจึงเริ่มออกอาการหงุดหงิดอยากจะปราบพยศขึ้นมาบ้างเหมือนกัน รอยจูบแสนหวานที่ได้รับจากเธอ หากต้องถูกตบอีกสักกี่ครั้งก็ ยังนับว่าคุ้มแสนคุ้ม
“นั่นเพราะนายทำตัวเองต่างหาก” ปิ่นแก้วย้อนเถียง พยายามขยับตัวออกห่างโดยไม่รู้สักนิดว่าสัมผัสนุ่มนิ่มที่เบียดแผ่นอกแกร่งอย่างไม่ตั้งใจนั้น ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจแค่ไหน
“ขอร้องล่ะคุณปิ่น” ราเมศพยายามข่มความรู้สึกและความปรารถนาที่กำลังแผดเผาร่างกายเอาไว้เต็มที่ “ช่วยอยู่เฉย ๆ สักห้านาทีจะได้ไหม ขืนคุณยังทำตัวยั่วผมแบบนี้ ผมจะไม่รับประกันความปลอดภัยของคุณแล้วนะ”
“...!?”
คำขู่ของราเมศได้ผลชะงัดนัก ปิ่นแก้วถึงกับตัวแข็งไม่กล้าขยับ ดวงตากลมโตฉายแววกรุ่นโกรธระคนอับอาย ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงปลายนิ้วสัมผัส และแนบสนิทชิดใกล้กันมากเสียจนได้ยินเสียงเต้นรัวของหัวใจ...ราเมศต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่ล่วงเกินเธอมากไปกว่าที่คิดเอาไว้
สำหรับเขาปิ่นแก้วเป็นมากกว่าผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและก็ผ่านไป เขาต้องการรั้งเธอให้อยู่ใกล้ ๆ ไม่อยากให้เธอหนีจากไปไหนอย่างเช่นครั้งที่แล้วมา ซึ่งหากเขาทำให้เธอกลัวหรือไม่ไว้ใจอีก คงยากนักที่จะสานต่อความสัมพันธ์อย่างที่คาดหวังเอาไว้
“ขอโทษ ที่ผมล่วงเกินคุณ” ราเมศก้มลงกระซิบแผ่ว ดวงตาสีดำขลับมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “ผมสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
ปิ่นแก้วจ้องหน้าเขาเหมือนไม่เชื่อถือคำพูด ราเมศระบายลมหายใจยาว
“อย่ามองผมแบบนั้นสิ”
“แล้วจะให้ฉันเทิดทูนนายหรือยังไง” หญิงสาวยอกย้อน
“คุณปิ่น”
“ถอยไปเลยนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย ไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายเจ้าชู้อย่างนายอีกแล้ว”
***********
หายหน้าไปหนึ่งอาทิตย์ เอาตอนหวาน ๆ มาลงให้อ่านกันค่ะ ^ ^
เบลินญา

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ย. 2554, 11:18:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ย. 2554, 11:18:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 2600
<< ตอนที่ 19 คู่รักคู่ร้าย | ตอนที่ 21 ปากไม่ตรงกับใจ >> |

Zephyr 3 พ.ย. 2554, 12:53:20 น.
งานงอกแล้วเห็นมั้ยนายเมศ ไม่รู้จักยังยั้งชั่งใจ อดเลย
งานงอกแล้วเห็นมั้ยนายเมศ ไม่รู้จักยังยั้งชั่งใจ อดเลย

violette 4 พ.ย. 2554, 10:54:00 น.
เอ้อ คู่นี้จริงๆน่ารักนะคะ ถ้ายอมเปิดเผยความจริงและหัวใจตัวเองอ่ะนะ (นายราเมศต้องเคลียร์ตัวเองด้วยล่ะ
เอ้อ คู่นี้จริงๆน่ารักนะคะ ถ้ายอมเปิดเผยความจริงและหัวใจตัวเองอ่ะนะ (นายราเมศต้องเคลียร์ตัวเองด้วยล่ะ