สเน่หานางรำ
เธอทำให้เขาร้อน...อยากได้อยากครอบครอง แค่เห็นเธอร่ายรำ นิโคไล กาซิยาส ก็ปราถนาจินตนาการไปว่าถ้าได้นางรำแสนสวยคนนั้นมามาร่ายรำบิดเร้าอยู่ใต้ร่างเขามันจะวิเศษแค่ไหน
(เรื่องนี้มีแค่ความเร้าร้อน....ร้อน...และร้อน เพราะฉะนั้น 20++ ฮับ) >___< (รอตีพิมพ์กับ สนพ.สื่อวรรณกรรม ค่ะ)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 6.1..(100%)



บทที่ 6




สองพ่อลูกยืนมองร้านขันโตกคนึงนิจที่ถูกปรับปรุงขึ้นใหม่เสียใหญ่โตสวยงาม ต่างจากก่อนหน้าที่จะถูกไฟไหม้ลิบลับ คนึงนิจหันไปมองใบหน้าเปี่ยมสุขของบิดาพร้อมรอยยิ้มแห่งความดีใจ ก่อนจะหันไปมองร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างขอบคุณ ถ้าไม่มีเขาเธอก็คงไม่ได้เห็นรอยยิ้มและสีหน้ามีความสุขของบิดาอีกเป็นแน่ หลังจากที่สูญเสียร้านอาหารอันเป็นที่รักและบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำสวยงามของท่าน




“พ่อไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ น้ำค้างเอ้ย ไม่คิดเลยว่าพ่อหนุ่มนั่นจะใจดีช่วยเหลือเราขนาดนี้ ปรับปรุงสร้างร้านใหม่เสียใหญ่โตโอ่อ่า ไหนจะจ่ายเงินไถบ้านกับที่ดินจากธนาคารให้อีก สัญญากู้ยืมก็ไม่ยอมทำ” หนานคำเปรยขึ้น สายตายังไม่ละไปจากร้านเรือนไม้สักหลังใหญ่สองชั้น ที่ชั้นล่างเปิดโล่งประดับตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านนา มีบรรไดสูงเชื่อมขึ้นไปชั้นสอง ที่ทำเป็นที่นั่งสำหรับรัปทานอาหารและชมการแสดง




“เขาบอกว่าทำทุกอย่างเพื่อน้ำค้าง มันหมายความว่ายังไงกันลูก หรือตอนนี้ลูกกับเขาตกลงปลงใจคบหากับแล้วหรือ” จู่ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนที่นิโคไลตามลูกสาวเขามาที่บ้านอย่างเช่นปกติ ชายหนุ่มก็ได้บอกกับเขาเมื่อเขาถามถึงรายละเอียดการกู้ยืมเงินว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้มา ทั้งหมดก็เพื่อลูกสาวของเขา บอกเพียงเท่านั้นโดยไม่อธิบายเหตุผลอะไรอีก แต่จากท่าทางความสนิทสนมของทั้งสองที่มีให้กันมากกว่าช่วงแรก ๆ ก็ทำให้พอที่จะเดาได้ถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป




”ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงพ่อก็ดีใจ ไม่ใช่ดีใจเพราะจะได้ลูกเขยร่ำรวย แต่เพราะว่าพ่อดูแล้วเขาเป็นคนดี และสิ่งที่เขาทำให้เราสองคนมาก็หมายถึงความจริงใจจริงจังที่มีต่อลูกสาวพ่อ”หนานคำหันกลับมาสบสายตาลูกสาวที่อยู่ในชุดนางรำสีแดงสดปักดิ้นทองสวยงามเพื่อเตรียมรำแสดงในอีกไม่ถึงชั่วโมงนี้ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเปิดร้านใหม่วันแรก




“น้ำค้างก็ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะพ่อ เขา...ยังไม่เคยพูดอะไรเป็นจริงเป็นจัง บางทีที่เขาช่วยเราก็อาจจะแค่เพราะความเห็นใจก็ได้”




ร่วมเดือนแล้วที่เธออยู่กับนิโคไล ที่ผ่านมาถ้าไม่นับจากครั้งแรกที่เจอกันแล้วถูกเขาย่ำยี นิโคไลก็แสนดี เอาอกเอาใจเธอมาตลอด เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนรักของเขาจริง ๆ ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะพูดหรือทำให้เธอคิดว่าตัวเองกำลังขายร่างกายเพื่อแลกเงิน ทุก ๆ ครั้งเขาจะเรียกเธอว่าที่รัก บ่อยครั้งที่เขามักจะออดอ้อนทำตัวเหมือนลูกแมวน้อย บางวันเขาก็ทำอาหารประเทศเขาให้เธอกิน บางครั้งก็เอาใจโดยการนวดเท้าเมื่อกลับมาจากเที่ยว จนหัวใจของเธอหวั่นไหวเผลอมีใจให้เขาทีละนิด หากแต่เธอก็ไม่กล้าจะคาดหวังอะไรเข้าข้างตัวเองให้มากนัก ทำได้เพียงแค่รอ...




หากว่าเขามีใจให้เธอเหมือนที่เธอมีใจให้เขา สักวันเขาคงจะบอกให้เธอได้รู้...ก็ได้แต่หวังว่าวันนั้นคงจะมาถึง...




คนึงนิจยืนคุยกับบิดาอีกเพียงครู่ก็เดินกลับเข้าไปเตรียมตัวเมื่อใกล้จะถึงเวลาแสดงร่ายรำให้ลูกค้าได้ชม แต่ขณะกำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายอยู่หน้ากระจกบานใหญ่อยู่นั้น ก็เห็นร่างสูงคุ้นตากำลังเดินหน้าตาไม่สบอารมณ์เข้ามาหาผ่านทางกระจกเงา หญิงสาวหันหน้าไปมอง กำลังจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ทำให้คนตัวโตหทำหน้าตาไม่รับแขก แต่เสียงุท้มที่ติดจะสะบัดนิด ๆ ก็พุดขึ้นเสียก่อน




“ทำไมแต่งตัวแบบนี้” นิโคไลไล่สายตามองทั่วร่างระหงอย่างไม่ชอบใจนัก ไม่ใช่ว่าไม่สวยหากแต่มันตรงกันข้าม เพราะมันสวยงามมากนั่นแหละเขาถึงได้หงุดหงิดอยู่อย่างนี้




วันนี้ชุดนางรำที่คนึงนิจสวมใส่แตกต่างจากทุกครั้งที่เขาเคยเห็นเล็กน้อย ซึ่งในความเล็กน้อยที่เปลี่ยนไปนี่แหละที่ทำให้นิโคไลไม่ชอบใจ ช่วงบนที่เป็นคล้ายเกาะอกสีแดงเข้มปักดิ้นทองระยิบระยับล่อแสงไฟ หากแต่วันนี้ไม่มีสไบทับเฉกเช่นทุกครั้ง ลาดไหล่ขาวผ่องที่เปิดเปลือยมีเพียงกำไลสีทองลัดตรงต้นแขนไว้เท่านั้น ตาคู่คมไล่มองต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบที่ช่วงเอวโผล่พ้นออกมาให้เห็ฯเล็กน้อยพองาม แต่มันดูงามมากเกินไป และเขาไม่ต้องการให้ใครคนอื่นได้เห็น




“อะไรคะ? ก็เดี๋ยวน้ำต้องออกไปรำ ถ้าไม่แต่งชุดนางรำแล้วจะให้น้ำใส่อะไรล่ะคะ” คนึงนิจถามกลับอย่างงุนงง




“ผมหมายถึงตรงนี้” มือหนายกขึ้นมาทาบเหนือเนินอก จนคนึงนิจสะดุ้ง ความร้อนจากฝ่ามือไหลสู่ร่างกาย “มันโป๊ คุณไม่เห็นหรือ ทำไมไม่ใส่เหมือนคราวก่อน ๆ ” คิ้วเข้มขมวดชนกันอย่างหงุดหงิด ก่อนจะบอกออกไปเสียงเข้ม “ผมไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองคุณ โดยเฉพาะไอ้พวกหื่นที่คอยจ้องจะดูหน้าอกหน้าใจพวกนั้น”




“โธ่ นิคคะ ไม่มีใครเค้าคิดแบบนั้นกันสักหน่อย เอาดูการแสดงไม่ได้ทะลึ่งเหมือนคุณนะ” ว่าคนอื่นหื่น ตัวเองนั่นแหละที่หื่นยิ่งกว่าใคร คนึงนิจต่อว่าในใจ พลางเบี่ยงตัวออกห่าง หากอีกฝ่ายกลับใช่มืออีกข้างตวัดรอบเอวคอดไว้ “ปะ ปล่อยสิคะ น้ำอายคนอื่นเค้า” บอกเสียงเบา หน้าเริ่มร้อนผ่าวเมื่อมองไปรอบ ๆ แล้วเห็นพนักงานคนอื่น ๆ พากันมองมายิ้ม ๆ




“อายทำไมกัน แล้วบอกไว้เลยนะว่าถ้าคุณไม่หาอะไรมาปิดของ ๆ ผมล่ะก็ ได้อายมากกว่านี้แน่” มองสบตาคู่หวานเพียงครู่ก่อนจะหลุบสายตามองนิ่งที่ ‘ ของ ๆ ผม ’ ให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาหวงของของตัวเองขนาดไหน




“คะ คนบ้า ปล่อยน้ำเลยนะ”เมื่อมองตามสายตาเขาแล้วก็ให้รู้สึกอายมากกว่าเดิม จึงบอกเสียงเขียวพร้อมกับยกมือดันหน้าอกหนาออก “นิค...ถ้าไม่ปล่อยแล้วน้ำจะไปเปลี่ยนชุดได้ยังไงล่ะคะ” ในที่สุดก็ต้องยอมทำตามความต้องการของเขา เมื่อเห็นว่าเถียงไปอธิบายไปก็รังแต่จะทำให้เขาอารมณ์เสียมากกว่าเดิม แล้วตัวเธอเองนั่นแหละที่จะได้อายคนรอบข้างเพราะรู้ดีว่านิโคไลคงจะทำอย่างที่บอกไว้แน่




“ผมจะยืนรออยู่ตรงนี้ ถ้าชุดใหม่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจล่ะก้อ เตรียมตัวไว้เลยนะที่รัก คุณได้ออกไปรำพร้อมคิสมาร์กของผมแน่”ย้ำเสียงเข้ม ก่อนจะยอมปล่อยร่างบางเป็นอิสระ




“คนทะลึ่ง หื่นกามที่สุด!!” ต่อว่าแล้วก็รีบเดินหนีเข้าห้องแต่งตัวทันที เพราะกลัวอีกฝ่ายจะบ้าทำอะไรให้ได้อายอีก




นิโคไลยื่นกอดอกมองประตูห้องแต่งตัวที่ร่างบางหายลับเข้าไป อารมณ์ที่หงุดหงิดเริ่มเข้าสู่ปกติเมื่อเห็นว่าคนึงนิจยอมทำตามความต้องการของตัวเอง มันทำให้เขารู้สึกดีที่เธอทำเหมือนแคร์ความรู้สึกของเขา...แม้จะเกิดจากการบังคับนิด ๆ ก็เถอะ...กลับบ้านคืนนี้คงต้องให้รางวัลนางรำแสนสวยเยอะ ๆ เสียแล้ว




++++++++++




“ เอ้า มองเข้าไป ๆ อยู่ด้วยกันเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงยังจะมามองอย่างหึงหวงแบบนี้อีกนะไอ้นิค ”




เสียงแซวที่ดังขึ้นข้าง ๆ ไม่ได้ทำให้นิโคไลสนใจแต่อย่างใด คาคู่คมมองตรงไปที่กลางเวทีที่ตอนนี้ทีร่างบางระหงของนางสวรรค์แสนสวยกำลังร่ายรำตามท้วงทำนองเพลงอย่างอ่อนช้อยงดงาม สะกดทุก ๆ สายตาของผู้ชมภายในเรื่องไทยหลังใหญ่แห่งนี้ แสงแฟรตวูบวาบที่สาดกระทบผิวนวลทำให้เขาพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้ลุกขึ้นตะโกนแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของนางรำแสนสวยหนึ่งเดียวตรงหน้า จนเมื่อร่างบางเดินกลับเข้าไปหลังม่านหลังจากจบการแสดงนั่นแหละนิโคไลถึงได้หันหน้าไปส่งสายตาดุให้เพื่อนรักที่พูดมากกวนใจ




“ไม่ต้องมามองแบบนั้น ฉันไม่กลัวแกหรอกเว้ย” พีรพัทรยักคิ้วส่งให้กวน ๆ หากแต่ก็ขยับกายออกห่างนิดหน่อย...กันไว้ก่อนเผื่อมันเอาจริง




“กลับไปเลยไปไอ้แพท ปากหมากวนบาทาจริง”




“เอ้า พอหมดประโยชน์ก็ไล่เลยนะ อยากจะลุกไปหาแม่นางรำคนสวยเต็มแก่ล่ะสิ เอาน่า ปล่อยคุณน้ำค้างได้หายใจหายคอบ้างเถอะวะ แกตามติดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างนี้เค้าก็อึดอัดแย่สิ”




“ทำไมต้องอึดอัด ในเมื่อน้ำเป็นของฉัน“ ท่าทางตอนคนึงนิจอยู่กับเขาก็ดูมีความสุขดี ไม่มีวี่แววว่าจะอึดอัดไม่ชอบใจเลยสักนิด




“อันนั้นเข้าใจ แต่ฉันหมายถึงให้คุณน้ำค้างเธอได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง ผู้หญิงบางทีก็มีอยากทำนั่นทำนี่โดยที่ไม่มีผู้ชายอย่างเรา ๆ ไปคอยกวนใจนะ คบผู้หญิงมาก็เยอะทำเป็นไม่เข้าใจไปได้แกนี่” ถึงจะว่าเพื่อนไปอย่างนั่น แต่ก็เข้าใจดีว่านิโคไลไม่คิดถึงเรื่องแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะที่ผ่านมาเพื่อนเขามันเคยคิดจะแคร์จะใส่ใจความรู้สึกของผู้หญิงที่ไหนกัน มีแต่ควงแป๊บ ๆ พาขึ้นเตียงแล้วก็จบ




“แต่แกเชื่อฉันเถอะนิค เวลาถูกใครทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมาก ๆ น่ะมันไม่ใช่แค่อึกอัดอย่งเดียว แต่มันน่าเบื่อแล้วก็พาลให้ความสัมพันธ์แย่ลงด้วยเชื่อสิ” น้ำเสียงและสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอย่างไม่รู้ตัวของพีรพัทรทำให้นิโคไลมองเพื่อนด้วยสายตาสงสัยจริงจัง




“แกพูดเหมือนตอนนี้แกกำลังรู้สึกอย่างที่พูดงั้นแหละ มีอะไรหรือเปล่าวะแพท แกดู...เครียด ๆ นะ” จะว่าไปหลัง ๆ มานี่เขาก็รุ้สึกเหมือนเพื่อนรักมีอาการแปลก ๆ คงไม่ใช่ว่า...




“แกคงไม่ได้เครียดเรื่องที่ฉัน...ตัดหน้าเรื่องน้ำหรอกนะ” ถามออกไปอย่างที่คิด เพราะเขาเกือบลืมไปแล้วว่าเพื่อนรักตามเฝ้าตามจีบนางรำแสนสวยของเขามาเป็นแรมปี...แล้วถ้ามันตอบว่าใช่ เขาจะทำยังไงวะเนี่ย




“เปล่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องคุณน้ำหรอก ฉันก็แค่...ช่างเถอะ ว่าแต่แกเถอะ ที่พูดที่แนะนำไปเนี่ยจะทำตามไหม” เหลือบตาดูหน้าเพื่อนรักแวปหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วเสเปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อ ๆ




เขายังไม่พร้อมที่จะบอกนิโคไลตอนนี้...เอาตามตรงก็คือเขายังไม่อยากถูกมันกระทืบตอนนี้มากกว่า หากมันรู้ว่า...




แม้คำตอบของพีรพัทรจะทำให้นิโคไลถอนหายใจอย่างโล่งอก หากท่าทางของเพื่อนก็ยังทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี แต่จะให้เซ้าซี้ตอนนี้ก็เห็นทีจะไม่เหมาะ คงต้องรอให้เจ้าตัวเป็นคนเอ่ยปากเองนั่นแหละ ดังนั้นเมื่อพีรพัทรเปลี่ยนเรื่องพูดปุ๊บปั๊บ นิโคไลก็ยอมไหลไปตามน้ำ




“แกคิดว่างั้นเหรอ...ฉันควรจะทำตามที่แกบอกใช่ไหม” นิโคไลพึมพัมถามพลางคิดไปตามคำพูดของเพื่อน หรือเขาควรจะให้ช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวแก่นางรำแสนสวยของตนเองบ้าง แต่ถ้าทำอย่างนั้นคนที่จะหงุดหงิดงุ่นง่านก็คงหนีไม่พ้นตัวเขาเอง ที่ตอนนี้เสพติดเธอเหมือนเธอเป็นอากาศที่เขาต้องใช้เวลาหายใจอยู่ทุกวินาที




“แกก็ลองคิดสิว่าถ้าเป็นตัวแกเองถูกผู้หญิงสักคนตามติดเหมือนเอาเชือกมาผูกขาติดกันอยู่ตลอดเวลา แกจะอึดอัดเบื่อหน่ายบ้างไหม”




“แต่...”ทุกวันนี้ห่างคนึงนิจช่วงที่เธอต้องไปซ้อมรำกับพนักงานคนอื่น ๆ เพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงเขาก็กระวนกระวายใจจะตายอยู่แล้ว นิโคไลรำพันต่อในใจ ไม่กล้าเอ่ยบอกให้เพื่อนรักได้รู้เพราะกลัวพีรพัทรหัวเราะเยาะใส่




“แต่แกอาจจะคลั่งหรือลงแดงตายหากห่างกายงามของแม่นางรำเพียงนิด ใช่ไหม ฮ่า ๆ “ หากเพื่อนรักอย่างพีรพัทรมีหรือจะไม่รู้ว่านิโคไลคิดอะไร ดังนั้นเสียงหัวเราะอย่างชอบใจจึงดังตามหลังจบคำถาม หลงลืมความเครียดของตัวเองไปชั่วครู่




“อย่ามาแสนรู้ได้แพท อย่าให้ถึงทีแกนะ แล้วแม่ดอกเอื้องของแกนั่นล่ะ ไม่ตามเฝ้าแล้วเหรอ หรือที่ทำท่าเครียดอยู่นี่ก็เพราะดอกเอื้องดอกนั้น” แสร้งทำเสียงเข้มกลบเกลื่อนอาการหน้าร้อนนิด ๆ ของตัวเอง




บ้าจริง เพียงแค่ถูกไอ้แพทแซวแค่นี้เขาถึงกับหน้าร้อน นี่มันชักจะอาการหนักไปทุกวัน ๆ แล้ว




“ดอกเอื้องดอกนั้นน่ะเหรอ เด็ดดมแล้ว ไม่มีแรงจูงใจอะไรให้ต้องติดตามอีก” เพล์บอยหนุ่มให้คำตอบง่าย ๆ แบบไม่ต้องคิดนาน แล้วก็นึกไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า เขาน่าจะรู้สึกแบบเดียวกันนี่กับผู้หญิงอีกคนด้วยสิ แต่ทำไมกับเธอคนนั้นเขาถึงได้ว้าวุ้นจะเป็นจะตายอย่างนี้




“ว่าแต่แกเถอะตกลงเอาแน่ใช่ไหมคราวนี้ ถ้าแน่ก็น่าจะบอกคุณน้ำค้างเธอเสีย ไม่ใช่ให้เธอคิดไปว่าอยู่กับแกเพียงเพื่อขัดหนี้”




เมื่อได้ฟังคำพูดของเพื่อนนิโคไลก็นิ่งคิด ทุกวันนี้เขาแสดงออกอย่างเปิดเผยว่ารู้สึกอย่างไรกับคนึงนิจ เพียงแต่ไม่เคยเอ่ยออกมาเป็นคำพูดให้เธอได้รู้เท่านั้น คิดเอาเองว่าเธอคงจะเข้าใจ แต่พอมาฟังมุมมองของเพื่อนรักทำให้รู้ว่าบางทีการกระทำอย่างเดียวมันคงไม่พอ เห็นทีเขาคงต้องหาวิธีสารภาพรักกับแม่นางรำแสนสวยของตัวเองเสียแล้ว




แต่ก่อนอื่นเขาคงต้องเอาใจเธอโดยการให้อิสระ ให้เธอได้คิดได้ทำอะไรอย่างที่ต้องการบ้าง แม้จะต้องตัดใจทรมานตัวเองวันละนิดก็ตาม แต่เพื่อที่เธอจะไม่รู้สึกเหมือนถูกกักขังให้อยู่ติดกับเขาตลอดก็คงต้องทน เขาอยากจะให้คนึงนิจมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน อยากจะให้เธอรู้สึกเสพติดขาดเขาไม่ได้เหมือนที่เขากำลังเป็น อยากจะให้เธอรู้สึกและต้องการที่จะอยู่กับเขาตลอดไป




++++++++++




“ เอ๊ะ วันนี้อนุญาติให้น้ำไปค้างกับพ่อได้เหรอคะ ? ”




คนึงนิจวางตะหลิวในมือลง จัดการปิดแก๊ส ก่อนจะหันหน้าไปถามร่างสูงที่นั่งเท้าคาง วางศอกกับโต๊ะอาหารกลางห้องครัวขนาดย่อม หลังจากที่ได้ยินคำพูดแปลกประหลาดออกมาจากปากเขา




ที่บอกว่าแปลก ก็เพราะตั้งแต่ที่อยู่ด้วยกันมา ไม่เคยเลยที่นิโคไลจะยอมให้เธอไปไหนมาไหนห่างกายเขา ยกเว้นตอนที่ไปช่วยบิดาที่ร้านขันโตกเท่านั้น แต่เขาก็ตามไปเฝ้า ไปตรวจเช็คความเรียบร้อยของชุดนางรำของเธอทุกครั้งไป แล้วทำไมตอนนี้กระทิงดุอย่างเขาเกิดใจดีอนุญาติก่อนที่เธอจะทันได้ขอเสียอีก




แต่ในความแปลกใจระคนสงสัย คนึงนิจก็มีความรู้สึกหวาดหวั่นแทรกเข้ามาในหัวใจด้วย เพราะคำพูดของเขาฟังเหมือนสัญญาณเตือนว่าเธออาจจะเริ่มไม่เป็นที่ถูกใจและต้องการของเขาอีกแล้ว




“ทำไมเหรอคะ” และน้ำเสียงของหญิงสาวคงจะบ่งบอกความรู้สึกของเจ้าตัว ทำให้อีกฝ่ายผุดลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะเข้ามายืนแนบชิด




“ทำไมทำเสียงอย่างนั้น”นิโคไลยกมือขึ้นเกลี่ยผมหน้ามาให้ปัดไปด้านข้างเผ่วเบา “ผมแค่ไม่อยากให้น้ำรู้สึกอึดอัดที่ต้องทำตัวติดกับผมตลอด กลัวว่าน้ำจะเบื่อผมเสียก่อน แม้ว่าผมจะไม่อยากห่างจากน้ำแม้สักวินาทีก็เถอะ รู้ไหมกว่าจะตัดใจพูดออกมาเนี่ยต้องใช้กำลังขนาดไหน” เขาบอกเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ทำให้คนฟังหลุดหัวเราะออกมา




“ดูพูดเข้า น้ำก็...แปลกใจนิดหน่อยน่ะค่ะ นึกว่าคุณจะเบื่อเลยอยากให้น้ำกลับไปอยู่กับพ่อเสียอีก” เธอใช่คำว่าแปลกใจแทนที่ความรู้สึกจริง ๆ ภายในใจนึกโล่งอย่างประหลาดเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากเขา




“พูดเหมือนตกหลุมรักผมแล้วอย่างนั้นแหละคนสวย” แม้จะทำเป็นถามเย้าเล่น ๆ หากในใจของนิโคไลกลับเต้นตึกตักรอฟังคำตอบ “หืมส์ ว่าไงครับ ตกหลุมรักผมแล้วหรือเปล่าถึงพูดเหมือนไม่อยากอยู่ห่างจกผมน่ะ”




“บ้า คนหลงตัวเอง”ใบหน้าหวานก้มลงซ่อนสีหน้าที่แดงระเรื่อให้พ้นจากสายตาคม หากแต่เขาก็ใช้มือหนาเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตา




“ใครว่า...ผมหลงคุณต่างหาก หลง...จนหาทางออกไม่เจอแล้ว” เขาย้ำคำพูดด้วยจุบพิตแสนหวานยาวนาน ปิดท้ายด้วยขบเม้มริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายอย่างยั่วเย้า ก่อนจะบอกต่อเสียงนุ่ม




“คุณจะเชื่อไหมที่รัก ว่าผม...ตกหลุมรักนางรำแสนสวยอย่างคุณเข้าเสียแล้ว...” ใช่ เขากำลังตกหลุมรักหลุมสวาสของแม่นางรำแสนสวยคนึงนิจเข้าอย่างจัง และยังเป็นหลุ่มที่ลึกที่สุดที่หาทางปีนป่ายออกมาไม่เจอเสียด้วย




“...นิค...” คนึงนิจเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงเบา มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เธอไม่เถียงว่ารู้ดีว่าเขาหลงไหลตัวเองมากมายขนาดไหน ไม่อย่างนั้นเขาจะเสียเงินมากมายเพื่อแลกกับการได้ตัวเธอทำไม หากแต่เธอคิดเสมอมาว่านิโคไลถูกใจหลงไหลเพียงแค่รูปโฉมภายนอกของตัวเองเท่านั้น และพอเขาตักตวงจนพอใจแล้วก็คงจะเบื่อ หากแต่วันนี้ตอนนี้เธอกลับได้ยินคำรักแสนหวานจากเขา คำรักที่เฝ้าอธิฐานขอพรมาโดยตลอดตั้งแต่รู้ตัวเองว่าเผลอใจรักไป




“คุณ...พูดจริงเหรอคะนิค...คุณบอกว่ารักน้ำ คุณรักน้ำจริง ๆ เหรอ...”เสียงหวานถามไปเหมือนละเมอ




“จริงสิ” นิโคไลตอบกลับหนักแน่น การบอกไปตามความรู้สึกมันไม่ได้รู้สึกอายหรือขัดเขินมากมายอย่างที่เคยคิด แต่กลับหวั่นในคำตอบที่จะได้รับจากอีกฝ่ายมากกว่า “แล้วน้ำล่ะครับ ตกหลุมเสน่ห์ของผมบ้างหรือเปล่า”




คนึงนิจไม่ตอบหากแต่เขย่งเท้าขึ้น แตะริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของเขา ก่อนจะมองสบตาพลางส่งยิ้มหวานหยดไปให้




“ทำแบบนี้ผมคิดเข้าข้างตัวเองนะเนี่ย” บอกพลางตามติด ไปปล่อยให้อีกฝ่ายได้ขยับตัวออกห่าง อ้อมแขนแกร่งตวัดโอบกอดรั้งให้แนบชิด ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้ “...แต่บอกหน่อยดีกว่านะครับ ผมอยากได้ยิน” ไม่ใช่แค่อยากได้ยิน หากแต่ยังอยากจะฟังคำพูดยืนยันให้แน่ใจว่าตัวเองจะไม่ได้คิดทึกทักไปคนเดียว




“ไม่บอก” ใบหน้าหวานแกล้งเชิดขึ้น แล้วก็ได้รับรางวัลเป็นปลายจมูกที่กดลงหอมแก้มนวลซ้ายขวาติด ๆ กันสี่ห้าครั้งอย่างหมั่นเขี้ยว ตามด้วยคำขู่




“ไม่เป็นไร ไม่บอกโจรปล้นสวาทอย่างผมก็มีวิธีเค้นเอาคำตอบ” เขาแกล้งขู่เสียงเข้มตอบบ้าง แต่แม้จะแกล้งขู่หากการกระทำกลับเอาจริง




โจรปล้นสวาทอย่างที่เขาว่าตัวเองอุ้มร่างบางออกจากห้องครัว ตรงลิ่วไปยังโซฟาไม้หวายสีน้ำตาลเข้มกลางห้องนั่งเล่น จากนั้นก็เริ่มทำการเค้นเอาคำตอบจนสำเร็จ ท่ามกลางเสียงครวญครางและระทดระทวยของนางรำแสนสวยของเขา จนต้องเปลี่ยนเวลาจากเดิมที่ว่าจะพาสาวเจ้าไปหาบิดาในช่วงบ่ายของวันเป็นเกือบค่ำเพราะโจรตัวร้ายไม่ยอมหยุดปล้นสวาทเสียทีแม้จะได้รับคำรักหวานซึ้งตอบกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้ง






แต่แม้จะพามาส่ง หากหนุ่มคลั่งรักก็ยังอ้อยอิ่งไม่ยอมปล่อยนางรำแสนสวยของตนลงจากรถง่าย ๆ นิโคไลเอื้อมมือไปคว้าข้อมือบางดึงให้เข้ามาใกล้ก่อนที่คนึงนิจจะเปิดประตูรถลงไป เมื่อเขาจอดรถในซอยเล็ก ๆ ทางด้านหลังของบ้านไม้สองชั้นที่อยู่ในบริเวณหลังของร้านขันโตกคนึงนิจ




“คืนนี้ผมคงไม่ไปดูคุณรำที่ร้านนะ ไม่งั้นผมคงอดไม่ได้ที่จะอุ้มคุณกลับบ้านไปด้วยกันแน่ ๆ “ เพิ่งจะเคลียร์ความรู้สึกกันไปหมาด ๆ และเมื่อรู้ว่าใจตรงกันแล้วเขาก็ไม่อยากจะให้เธอห่างกายแม้สักวินาที




“ค่ะ แล้วมื้อเย็นของคุณล่ะคะ น้ำไม่ได้ทำอาหารไว้ให้เพราะนึกว่าคุณจะมากินที่นี่เหมือนทุกวัน” ถามอย่างเป็นห่วง และคำพูดของเธอก็เรียกรอยยิ้มอบอุ่นจากใบหน้าคมได้เป็นอย่างดี




“วันนี้ผมว่าจะไปหาไอ้แพทสักหน่อย เมื่อคืนเห็นท่าทางมันเหมือนกลุ้มอกกลุ้มใจเลยอยากจะไปดูมันหน่อย แล้วคงจะหาอะไรกินด้วยกันกับมันนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอกแฟนน้ำคนนี้ดูแลตัวเองได้ครับผม” ขยิบตาส่งให้ พร้อมกับโน้มใบหน้าไปหอมแก้มนวลแรง ๆ ก่อนจะพูดคำพูดเรียกเลือดฝาดให้อีกฝ่าย “แต่พรุ่งนี้น้ำต้องชดเชยให้ผมเยอะ ๆ นะ เป็นรางวัลให้แฟนสุดหล่ออย่างผม”




“วันนี้ก็ให้ไปตั้งเยอะแล้วยังไม่พออีกคนบ้า” เสียงหวานต่อว่าไม่ดังนัก แต่นิโคไลก็ยังอุตส่าห์ได้ยินจนได้




“ไม่พอครับ กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ ไม่อิ่ม ไม่ว่าจะเป็นตรงนี้ ตรงนี้ หรือ...ตรงนี้” เขาตอบพร้อมกับใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสให้รู้ว่า ตรงนี้นั่นหมายถึงที่ไหนในร่างกายเธอ




“นิค!! เดี๋ยวพ่อก็มาเห็นเข้าหรอก คนทะลึ่ง” ต่อว่าพลางตีมือของคนทะลึ่งที่ทาบนิ่งอยู่ตรงทรวงอกอิ่มของตัวเอง




“เห็นก็ดีสิ จะได้บอกพ่อของน้ำไปด้วยเลยว่าตอนนี้ผมเลื่อนฐานะมาเป็นลูกเขยของท่านแล้ว” ไม่ตอบเปล่า ยังแกล้งกดฝ่ามือลงกับทรวงอกอิ่มหนัก ๆ จบลงด้วยเคล้นคลึงเบา ๆ อย่างยั่วเย้ว ก่อนจะยอมดึงมือออกห่างอย่างเสียดาย “จะว่าไปผมลงไปด้วยดีกว่าไหม จะได้คุยกับพ่อคุยให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย” บอกเมื่อคิดได้ว่าตอนนี้เขากับคนึงนิจก็ใจตรงกันแล้ว จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียทีก็น่าจะดี




“น้ำว่าพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ วันนี้ใกล้เวลาร้านเปิดแล้วคงคุยกันไม่ทันเรียบร้อย”




“เอางั้นก็ได้ พรุ่งนี้ผมจะมารับแต่เช้านะ...คิดถึง” พอได้หวานหนุ่มแดนกระทิงดุก็หยอดทุกครั้งที่มีโอกาส “แล้วคืนนี้อย่าแต่งตัวโป๊นะ หรือผมจะเข้าไปเช็คให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไปหาไอ้แพทดี” ท้ายประโยคพึมพัมสีหน้าครุ่นคิด




“โธ่ น้ำรู้หรอกค่ะ จะใส่เหมือนทุกครั้งที่คุณให้ใส่นั่นแหละค่ะ ไปเถอะป่านนี้คุณแพทรอนานแล้วนะคะ” ตาบ้านี่นะ ชุดนางรำปกติทั่วไปแท้ ๆ เขายังมาหาว่าโป๊อยู่ได้




“กำลังลังต่อว่าผมอยู่ในใจใช่ไหมฮึ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะทำให้เข่าอ่อนไม่มีแรงรำเลยคอยดู” เขาหรี่ตามองอย่างรู้ทัน “อย่ามายิ้ม ๆ ก็ของ ๆ ผม ผมหวง...งั้นกันไว้ก่อนดีกว่า”กว่าคนึงนิจจะเข้าใจความหมายที่เขาว่าก็เมื่อริมฝีปากร้อนฉกวูบลงเหนือเนินอกอิ่ม




นิโคไลขบเม้มริมฝีปากประทับรอยรักเอาไว้เพื่อแสดงสิทธิ์และกันไว้ไม่ให้นางรำของเขาผิดคำสั่งใส่ชุดที่เปิดโชว์เนินอกที่เขาหวงให้ใครเห็น เขาเน้นย้ำจนทั่วลามไปจนถึงลาดไหล่ และจบลงด้วยจูบหวานล้ำที่ริมฝีปากบาง กว่าชายหนุ่มจะตัดใจปล่อยให้ร่างบางลงจากรถได้ คนึงนิจก็แทบไร้เรี่ยวแรงใบหน้าแดงก่ำ




++++++++++

21/10/2011


ตอนนี้ยาวมากเลย ขอตัดเป็นสองตอนนะค้า


**หวานส่งท้าย เดี๋ยวตอนหน้าค่อระทึก(หรือเปล่า อิอิ)


ปล.นายหัวก็อัพแล้วค้า


http://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=1211

บทที่ 6




สองพ่อลูกยืนมองร้านขันโตกคนึงนิจที่ถูกปรับปรุงขึ้นใหม่เสียใหญ่โตสวยงาม ต่างจากก่อนหน้าที่จะถูกไฟไหม้ลิบลับ คนึงนิจหันไปมองใบหน้าเปี่ยมสุขของบิดาพร้อมรอยยิ้มแห่งความดีใจ ก่อนจะหันไปมองร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างขอบคุณ ถ้าไม่มีเขาเธอก็คงไม่ได้เห็นรอยยิ้มและสีหน้ามีความสุขของบิดาอีกเป็นแน่ หลังจากที่สูญเสียร้านอาหารอันเป็นที่รักและบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำสวยงามของท่าน




“พ่อไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ น้ำค้างเอ้ย ไม่คิดเลยว่าพ่อหนุ่มนั่นจะใจดีช่วยเหลือเราขนาดนี้ ปรับปรุงสร้างร้านใหม่เสียใหญ่โตโอ่อ่า ไหนจะจ่ายเงินไถบ้านกับที่ดินจากธนาคารให้อีก สัญญากู้ยืมก็ไม่ยอมทำ” หนานคำเปรยขึ้น สายตายังไม่ละไปจากร้านเรือนไม้สักหลังใหญ่สองชั้น ที่ชั้นล่างเปิดโล่งประดับตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านนา มีบรรไดสูงเชื่อมขึ้นไปชั้นสอง ที่ทำเป็นที่นั่งสำหรับรัปทานอาหารและชมการแสดง




“เขาบอกว่าทำทุกอย่างเพื่อน้ำค้าง มันหมายความว่ายังไงกันลูก หรือตอนนี้ลูกกับเขาตกลงปลงใจคบหากับแล้วหรือ” จู่ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนที่นิโคไลตามลูกสาวเขามาที่บ้านอย่างเช่นปกติ ชายหนุ่มก็ได้บอกกับเขาเมื่อเขาถามถึงรายละเอียดการกู้ยืมเงินว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้มา ทั้งหมดก็เพื่อลูกสาวของเขา บอกเพียงเท่านั้นโดยไม่อธิบายเหตุผลอะไรอีก แต่จากท่าทางความสนิทสนมของทั้งสองที่มีให้กันมากกว่าช่วงแรก ๆ ก็ทำให้พอที่จะเดาได้ถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป




”ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงพ่อก็ดีใจ ไม่ใช่ดีใจเพราะจะได้ลูกเขยร่ำรวย แต่เพราะว่าพ่อดูแล้วเขาเป็นคนดี และสิ่งที่เขาทำให้เราสองคนมาก็หมายถึงความจริงใจจริงจังที่มีต่อลูกสาวพ่อ”หนานคำหันกลับมาสบสายตาลูกสาวที่อยู่ในชุดนางรำสีแดงสดปักดิ้นทองสวยงามเพื่อเตรียมรำแสดงในอีกไม่ถึงชั่วโมงนี้ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเปิดร้านใหม่วันแรก




“น้ำค้างก็ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะพ่อ เขา...ยังไม่เคยพูดอะไรเป็นจริงเป็นจัง บางทีที่เขาช่วยเราก็อาจจะแค่เพราะความเห็นใจก็ได้”




ร่วมเดือนแล้วที่เธออยู่กับนิโคไล ที่ผ่านมาถ้าไม่นับจากครั้งแรกที่เจอกันแล้วถูกเขาย่ำยี นิโคไลก็แสนดี เอาอกเอาใจเธอมาตลอด เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนรักของเขาจริง ๆ ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะพูดหรือทำให้เธอคิดว่าตัวเองกำลังขายร่างกายเพื่อแลกเงิน ทุก ๆ ครั้งเขาจะเรียกเธอว่าที่รัก บ่อยครั้งที่เขามักจะออดอ้อนทำตัวเหมือนลูกแมวน้อย บางวันเขาก็ทำอาหารประเทศเขาให้เธอกิน บางครั้งก็เอาใจโดยการนวดเท้าเมื่อกลับมาจากเที่ยว จนหัวใจของเธอหวั่นไหวเผลอมีใจให้เขาทีละนิด หากแต่เธอก็ไม่กล้าจะคาดหวังอะไรเข้าข้างตัวเองให้มากนัก ทำได้เพียงแค่รอ...




หากว่าเขามีใจให้เธอเหมือนที่เธอมีใจให้เขา สักวันเขาคงจะบอกให้เธอได้รู้...ก็ได้แต่หวังว่าวันนั้นคงจะมาถึง...




คนึงนิจยืนคุยกับบิดาอีกเพียงครู่ก็เดินกลับเข้าไปเตรียมตัวเมื่อใกล้จะถึงเวลาแสดงร่ายรำให้ลูกค้าได้ชม แต่ขณะกำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายอยู่หน้ากระจกบานใหญ่อยู่นั้น ก็เห็นร่างสูงคุ้นตากำลังเดินหน้าตาไม่สบอารมณ์เข้ามาหาผ่านทางกระจกเงา หญิงสาวหันหน้าไปมอง กำลังจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ทำให้คนตัวโตหทำหน้าตาไม่รับแขก แต่เสียงุท้มที่ติดจะสะบัดนิด ๆ ก็พุดขึ้นเสียก่อน




“ทำไมแต่งตัวแบบนี้” นิโคไลไล่สายตามองทั่วร่างระหงอย่างไม่ชอบใจนัก ไม่ใช่ว่าไม่สวยหากแต่มันตรงกันข้าม เพราะมันสวยงามมากนั่นแหละเขาถึงได้หงุดหงิดอยู่อย่างนี้




วันนี้ชุดนางรำที่คนึงนิจสวมใส่แตกต่างจากทุกครั้งที่เขาเคยเห็นเล็กน้อย ซึ่งในความเล็กน้อยที่เปลี่ยนไปนี่แหละที่ทำให้นิโคไลไม่ชอบใจ ช่วงบนที่เป็นคล้ายเกาะอกสีแดงเข้มปักดิ้นทองระยิบระยับล่อแสงไฟ หากแต่วันนี้ไม่มีสไบทับเฉกเช่นทุกครั้ง ลาดไหล่ขาวผ่องที่เปิดเปลือยมีเพียงกำไลสีทองลัดตรงต้นแขนไว้เท่านั้น ตาคู่คมไล่มองต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบที่ช่วงเอวโผล่พ้นออกมาให้เห็ฯเล็กน้อยพองาม แต่มันดูงามมากเกินไป และเขาไม่ต้องการให้ใครคนอื่นได้เห็น




“อะไรคะ? ก็เดี๋ยวน้ำต้องออกไปรำ ถ้าไม่แต่งชุดนางรำแล้วจะให้น้ำใส่อะไรล่ะคะ” คนึงนิจถามกลับอย่างงุนงง




“ผมหมายถึงตรงนี้” มือหนายกขึ้นมาทาบเหนือเนินอก จนคนึงนิจสะดุ้ง ความร้อนจากฝ่ามือไหลสู่ร่างกาย “มันโป๊ คุณไม่เห็นหรือ ทำไมไม่ใส่เหมือนคราวก่อน ๆ ” คิ้วเข้มขมวดชนกันอย่างหงุดหงิด ก่อนจะบอกออกไปเสียงเข้ม “ผมไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองคุณ โดยเฉพาะไอ้พวกหื่นที่คอยจ้องจะดูหน้าอกหน้าใจพวกนั้น”




“โธ่ นิคคะ ไม่มีใครเค้าคิดแบบนั้นกันสักหน่อย เอาดูการแสดงไม่ได้ทะลึ่งเหมือนคุณนะ” ว่าคนอื่นหื่น ตัวเองนั่นแหละที่หื่นยิ่งกว่าใคร คนึงนิจต่อว่าในใจ พลางเบี่ยงตัวออกห่าง หากอีกฝ่ายกลับใช่มืออีกข้างตวัดรอบเอวคอดไว้ “ปะ ปล่อยสิคะ น้ำอายคนอื่นเค้า” บอกเสียงเบา หน้าเริ่มร้อนผ่าวเมื่อมองไปรอบ ๆ แล้วเห็นพนักงานคนอื่น ๆ พากันมองมายิ้ม ๆ




“อายทำไมกัน แล้วบอกไว้เลยนะว่าถ้าคุณไม่หาอะไรมาปิดของ ๆ ผมล่ะก็ ได้อายมากกว่านี้แน่” มองสบตาคู่หวานเพียงครู่ก่อนจะหลุบสายตามองนิ่งที่ ‘ ของ ๆ ผม ’ ให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาหวงของของตัวเองขนาดไหน




“คะ คนบ้า ปล่อยน้ำเลยนะ”เมื่อมองตามสายตาเขาแล้วก็ให้รู้สึกอายมากกว่าเดิม จึงบอกเสียงเขียวพร้อมกับยกมือดันหน้าอกหนาออก “นิค...ถ้าไม่ปล่อยแล้วน้ำจะไปเปลี่ยนชุดได้ยังไงล่ะคะ” ในที่สุดก็ต้องยอมทำตามความต้องการของเขา เมื่อเห็นว่าเถียงไปอธิบายไปก็รังแต่จะทำให้เขาอารมณ์เสียมากกว่าเดิม แล้วตัวเธอเองนั่นแหละที่จะได้อายคนรอบข้างเพราะรู้ดีว่านิโคไลคงจะทำอย่างที่บอกไว้แน่




“ผมจะยืนรออยู่ตรงนี้ ถ้าชุดใหม่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจล่ะก้อ เตรียมตัวไว้เลยนะที่รัก คุณได้ออกไปรำพร้อมคิสมาร์กของผมแน่”ย้ำเสียงเข้ม ก่อนจะยอมปล่อยร่างบางเป็นอิสระ




“คนทะลึ่ง หื่นกามที่สุด!!” ต่อว่าแล้วก็รีบเดินหนีเข้าห้องแต่งตัวทันที เพราะกลัวอีกฝ่ายจะบ้าทำอะไรให้ได้อายอีก




นิโคไลยื่นกอดอกมองประตูห้องแต่งตัวที่ร่างบางหายลับเข้าไป อารมณ์ที่หงุดหงิดเริ่มเข้าสู่ปกติเมื่อเห็นว่าคนึงนิจยอมทำตามความต้องการของตัวเอง มันทำให้เขารู้สึกดีที่เธอทำเหมือนแคร์ความรู้สึกของเขา...แม้จะเกิดจากการบังคับนิด ๆ ก็เถอะ...กลับบ้านคืนนี้คงต้องให้รางวัลนางรำแสนสวยเยอะ ๆ เสียแล้ว




++++++++++




“ เอ้า มองเข้าไป ๆ อยู่ด้วยกันเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงยังจะมามองอย่างหึงหวงแบบนี้อีกนะไอ้นิค ”




เสียงแซวที่ดังขึ้นข้าง ๆ ไม่ได้ทำให้นิโคไลสนใจแต่อย่างใด คาคู่คมมองตรงไปที่กลางเวทีที่ตอนนี้ทีร่างบางระหงของนางสวรรค์แสนสวยกำลังร่ายรำตามท้วงทำนองเพลงอย่างอ่อนช้อยงดงาม สะกดทุก ๆ สายตาของผู้ชมภายในเรื่องไทยหลังใหญ่แห่งนี้ แสงแฟรตวูบวาบที่สาดกระทบผิวนวลทำให้เขาพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้ลุกขึ้นตะโกนแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของนางรำแสนสวยหนึ่งเดียวตรงหน้า จนเมื่อร่างบางเดินกลับเข้าไปหลังม่านหลังจากจบการแสดงนั่นแหละนิโคไลถึงได้หันหน้าไปส่งสายตาดุให้เพื่อนรักที่พูดมากกวนใจ




“ไม่ต้องมามองแบบนั้น ฉันไม่กลัวแกหรอกเว้ย” พีรพัทรยักคิ้วส่งให้กวน ๆ หากแต่ก็ขยับกายออกห่างนิดหน่อย...กันไว้ก่อนเผื่อมันเอาจริง




“กลับไปเลยไปไอ้แพท ปากหมากวนบาทาจริง”




“เอ้า พอหมดประโยชน์ก็ไล่เลยนะ อยากจะลุกไปหาแม่นางรำคนสวยเต็มแก่ล่ะสิ เอาน่า ปล่อยคุณน้ำค้างได้หายใจหายคอบ้างเถอะวะ แกตามติดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างนี้เค้าก็อึดอัดแย่สิ”




“ทำไมต้องอึดอัด ในเมื่อน้ำเป็นของฉัน“ ท่าทางตอนคนึงนิจอยู่กับเขาก็ดูมีความสุขดี ไม่มีวี่แววว่าจะอึดอัดไม่ชอบใจเลยสักนิด




“อันนั้นเข้าใจ แต่ฉันหมายถึงให้คุณน้ำค้างเธอได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง ผู้หญิงบางทีก็มีอยากทำนั่นทำนี่โดยที่ไม่มีผู้ชายอย่างเรา ๆ ไปคอยกวนใจนะ คบผู้หญิงมาก็เยอะทำเป็นไม่เข้าใจไปได้แกนี่” ถึงจะว่าเพื่อนไปอย่างนั่น แต่ก็เข้าใจดีว่านิโคไลไม่คิดถึงเรื่องแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะที่ผ่านมาเพื่อนเขามันเคยคิดจะแคร์จะใส่ใจความรู้สึกของผู้หญิงที่ไหนกัน มีแต่ควงแป๊บ ๆ พาขึ้นเตียงแล้วก็จบ




“แต่แกเชื่อฉันเถอะนิค เวลาถูกใครทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมาก ๆ น่ะมันไม่ใช่แค่อึกอัดอย่งเดียว แต่มันน่าเบื่อแล้วก็พาลให้ความสัมพันธ์แย่ลงด้วยเชื่อสิ” น้ำเสียงและสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดอย่างไม่รู้ตัวของพีรพัทรทำให้นิโคไลมองเพื่อนด้วยสายตาสงสัยจริงจัง




“แกพูดเหมือนตอนนี้แกกำลังรู้สึกอย่างที่พูดงั้นแหละ มีอะไรหรือเปล่าวะแพท แกดู...เครียด ๆ นะ” จะว่าไปหลัง ๆ มานี่เขาก็รุ้สึกเหมือนเพื่อนรักมีอาการแปลก ๆ คงไม่ใช่ว่า...




“แกคงไม่ได้เครียดเรื่องที่ฉัน...ตัดหน้าเรื่องน้ำหรอกนะ” ถามออกไปอย่างที่คิด เพราะเขาเกือบลืมไปแล้วว่าเพื่อนรักตามเฝ้าตามจีบนางรำแสนสวยของเขามาเป็นแรมปี...แล้วถ้ามันตอบว่าใช่ เขาจะทำยังไงวะเนี่ย




“เปล่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องคุณน้ำหรอก ฉันก็แค่...ช่างเถอะ ว่าแต่แกเถอะ ที่พูดที่แนะนำไปเนี่ยจะทำตามไหม” เหลือบตาดูหน้าเพื่อนรักแวปหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วเสเปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อ ๆ




เขายังไม่พร้อมที่จะบอกนิโคไลตอนนี้...เอาตามตรงก็คือเขายังไม่อยากถูกมันกระทืบตอนนี้มากกว่า หากมันรู้ว่า...




แม้คำตอบของพีรพัทรจะทำให้นิโคไลถอนหายใจอย่างโล่งอก หากท่าทางของเพื่อนก็ยังทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี แต่จะให้เซ้าซี้ตอนนี้ก็เห็นทีจะไม่เหมาะ คงต้องรอให้เจ้าตัวเป็นคนเอ่ยปากเองนั่นแหละ ดังนั้นเมื่อพีรพัทรเปลี่ยนเรื่องพูดปุ๊บปั๊บ นิโคไลก็ยอมไหลไปตามน้ำ




“แกคิดว่างั้นเหรอ...ฉันควรจะทำตามที่แกบอกใช่ไหม” นิโคไลพึมพัมถามพลางคิดไปตามคำพูดของเพื่อน หรือเขาควรจะให้ช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวแก่นางรำแสนสวยของตนเองบ้าง แต่ถ้าทำอย่างนั้นคนที่จะหงุดหงิดงุ่นง่านก็คงหนีไม่พ้นตัวเขาเอง ที่ตอนนี้เสพติดเธอเหมือนเธอเป็นอากาศที่เขาต้องใช้เวลาหายใจอยู่ทุกวินาที




“แกก็ลองคิดสิว่าถ้าเป็นตัวแกเองถูกผู้หญิงสักคนตามติดเหมือนเอาเชือกมาผูกขาติดกันอยู่ตลอดเวลา แกจะอึดอัดเบื่อหน่ายบ้างไหม”




“แต่...”ทุกวันนี้ห่างคนึงนิจช่วงที่เธอต้องไปซ้อมรำกับพนักงานคนอื่น ๆ เพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงเขาก็กระวนกระวายใจจะตายอยู่แล้ว นิโคไลรำพันต่อในใจ ไม่กล้าเอ่ยบอกให้เพื่อนรักได้รู้เพราะกลัวพีรพัทรหัวเราะเยาะใส่




“แต่แกอาจจะคลั่งหรือลงแดงตายหากห่างกายงามของแม่นางรำเพียงนิด ใช่ไหม ฮ่า ๆ “ หากเพื่อนรักอย่างพีรพัทรมีหรือจะไม่รู้ว่านิโคไลคิดอะไร ดังนั้นเสียงหัวเราะอย่างชอบใจจึงดังตามหลังจบคำถาม หลงลืมความเครียดของตัวเองไปชั่วครู่




“อย่ามาแสนรู้ได้แพท อย่าให้ถึงทีแกนะ แล้วแม่ดอกเอื้องของแกนั่นล่ะ ไม่ตามเฝ้าแล้วเหรอ หรือที่ทำท่าเครียดอยู่นี่ก็เพราะดอกเอื้องดอกนั้น” แสร้งทำเสียงเข้มกลบเกลื่อนอาการหน้าร้อนนิด ๆ ของตัวเอง




บ้าจริง เพียงแค่ถูกไอ้แพทแซวแค่นี้เขาถึงกับหน้าร้อน นี่มันชักจะอาการหนักไปทุกวัน ๆ แล้ว




“ดอกเอื้องดอกนั้นน่ะเหรอ เด็ดดมแล้ว ไม่มีแรงจูงใจอะไรให้ต้องติดตามอีก” เพล์บอยหนุ่มให้คำตอบง่าย ๆ แบบไม่ต้องคิดนาน แล้วก็นึกไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า เขาน่าจะรู้สึกแบบเดียวกันนี่กับผู้หญิงอีกคนด้วยสิ แต่ทำไมกับเธอคนนั้นเขาถึงได้ว้าวุ้นจะเป็นจะตายอย่างนี้




“ว่าแต่แกเถอะตกลงเอาแน่ใช่ไหมคราวนี้ ถ้าแน่ก็น่าจะบอกคุณน้ำค้างเธอเสีย ไม่ใช่ให้เธอคิดไปว่าอยู่กับแกเพียงเพื่อขัดหนี้”




เมื่อได้ฟังคำพูดของเพื่อนนิโคไลก็นิ่งคิด ทุกวันนี้เขาแสดงออกอย่างเปิดเผยว่ารู้สึกอย่างไรกับคนึงนิจ เพียงแต่ไม่เคยเอ่ยออกมาเป็นคำพูดให้เธอได้รู้เท่านั้น คิดเอาเองว่าเธอคงจะเข้าใจ แต่พอมาฟังมุมมองของเพื่อนรักทำให้รู้ว่าบางทีการกระทำอย่างเดียวมันคงไม่พอ เห็นทีเขาคงต้องหาวิธีสารภาพรักกับแม่นางรำแสนสวยของตัวเองเสียแล้ว




แต่ก่อนอื่นเขาคงต้องเอาใจเธอโดยการให้อิสระ ให้เธอได้คิดได้ทำอะไรอย่างที่ต้องการบ้าง แม้จะต้องตัดใจทรมานตัวเองวันละนิดก็ตาม แต่เพื่อที่เธอจะไม่รู้สึกเหมือนถูกกักขังให้อยู่ติดกับเขาตลอดก็คงต้องทน เขาอยากจะให้คนึงนิจมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน อยากจะให้เธอรู้สึกเสพติดขาดเขาไม่ได้เหมือนที่เขากำลังเป็น อยากจะให้เธอรู้สึกและต้องการที่จะอยู่กับเขาตลอดไป




++++++++++




“ เอ๊ะ วันนี้อนุญาติให้น้ำไปค้างกับพ่อได้เหรอคะ ? ”




คนึงนิจวางตะหลิวในมือลง จัดการปิดแก๊ส ก่อนจะหันหน้าไปถามร่างสูงที่นั่งเท้าคาง วางศอกกับโต๊ะอาหารกลางห้องครัวขนาดย่อม หลังจากที่ได้ยินคำพูดแปลกประหลาดออกมาจากปากเขา




ที่บอกว่าแปลก ก็เพราะตั้งแต่ที่อยู่ด้วยกันมา ไม่เคยเลยที่นิโคไลจะยอมให้เธอไปไหนมาไหนห่างกายเขา ยกเว้นตอนที่ไปช่วยบิดาที่ร้านขันโตกเท่านั้น แต่เขาก็ตามไปเฝ้า ไปตรวจเช็คความเรียบร้อยของชุดนางรำของเธอทุกครั้งไป แล้วทำไมตอนนี้กระทิงดุอย่างเขาเกิดใจดีอนุญาติก่อนที่เธอจะทันได้ขอเสียอีก




แต่ในความแปลกใจระคนสงสัย คนึงนิจก็มีความรู้สึกหวาดหวั่นแทรกเข้ามาในหัวใจด้วย เพราะคำพูดของเขาฟังเหมือนสัญญาณเตือนว่าเธออาจจะเริ่มไม่เป็นที่ถูกใจและต้องการของเขาอีกแล้ว




“ทำไมเหรอคะ” และน้ำเสียงของหญิงสาวคงจะบ่งบอกความรู้สึกของเจ้าตัว ทำให้อีกฝ่ายผุดลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะเข้ามายืนแนบชิด




“ทำไมทำเสียงอย่างนั้น”นิโคไลยกมือขึ้นเกลี่ยผมหน้ามาให้ปัดไปด้านข้างเผ่วเบา “ผมแค่ไม่อยากให้น้ำรู้สึกอึดอัดที่ต้องทำตัวติดกับผมตลอด กลัวว่าน้ำจะเบื่อผมเสียก่อน แม้ว่าผมจะไม่อยากห่างจากน้ำแม้สักวินาทีก็เถอะ รู้ไหมกว่าจะตัดใจพูดออกมาเนี่ยต้องใช้กำลังขนาดไหน” เขาบอกเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ทำให้คนฟังหลุดหัวเราะออกมา




“ดูพูดเข้า น้ำก็...แปลกใจนิดหน่อยน่ะค่ะ นึกว่าคุณจะเบื่อเลยอยากให้น้ำกลับไปอยู่กับพ่อเสียอีก” เธอใช่คำว่าแปลกใจแทนที่ความรู้สึกจริง ๆ ภายในใจนึกโล่งอย่างประหลาดเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากเขา




“พูดเหมือนตกหลุมรักผมแล้วอย่างนั้นแหละคนสวย” แม้จะทำเป็นถามเย้าเล่น ๆ หากในใจของนิโคไลกลับเต้นตึกตักรอฟังคำตอบ “หืมส์ ว่าไงครับ ตกหลุมรักผมแล้วหรือเปล่าถึงพูดเหมือนไม่อยากอยู่ห่างจกผมน่ะ”




“บ้า คนหลงตัวเอง”ใบหน้าหวานก้มลงซ่อนสีหน้าที่แดงระเรื่อให้พ้นจากสายตาคม หากแต่เขาก็ใช้มือหนาเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตา




“ใครว่า...ผมหลงคุณต่างหาก หลง...จนหาทางออกไม่เจอแล้ว” เขาย้ำคำพูดด้วยจุบพิตแสนหวานยาวนาน ปิดท้ายด้วยขบเม้มริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายอย่างยั่วเย้า ก่อนจะบอกต่อเสียงนุ่ม




“คุณจะเชื่อไหมที่รัก ว่าผม...ตกหลุมรักนางรำแสนสวยอย่างคุณเข้าเสียแล้ว...” ใช่ เขากำลังตกหลุมรักหลุมสวาสของแม่นางรำแสนสวยคนึงนิจเข้าอย่างจัง และยังเป็นหลุ่มที่ลึกที่สุดที่หาทางปีนป่ายออกมาไม่เจอเสียด้วย




“...นิค...” คนึงนิจเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงเบา มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เธอไม่เถียงว่ารู้ดีว่าเขาหลงไหลตัวเองมากมายขนาดไหน ไม่อย่างนั้นเขาจะเสียเงินมากมายเพื่อแลกกับการได้ตัวเธอทำไม หากแต่เธอคิดเสมอมาว่านิโคไลถูกใจหลงไหลเพียงแค่รูปโฉมภายนอกของตัวเองเท่านั้น และพอเขาตักตวงจนพอใจแล้วก็คงจะเบื่อ หากแต่วันนี้ตอนนี้เธอกลับได้ยินคำรักแสนหวานจากเขา คำรักที่เฝ้าอธิฐานขอพรมาโดยตลอดตั้งแต่รู้ตัวเองว่าเผลอใจรักไป




“คุณ...พูดจริงเหรอคะนิค...คุณบอกว่ารักน้ำ คุณรักน้ำจริง ๆ เหรอ...”เสียงหวานถามไปเหมือนละเมอ




“จริงสิ” นิโคไลตอบกลับหนักแน่น การบอกไปตามความรู้สึกมันไม่ได้รู้สึกอายหรือขัดเขินมากมายอย่างที่เคยคิด แต่กลับหวั่นในคำตอบที่จะได้รับจากอีกฝ่ายมากกว่า “แล้วน้ำล่ะครับ ตกหลุมเสน่ห์ของผมบ้างหรือเปล่า”




คนึงนิจไม่ตอบหากแต่เขย่งเท้าขึ้น แตะริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของเขา ก่อนจะมองสบตาพลางส่งยิ้มหวานหยดไปให้




“ทำแบบนี้ผมคิดเข้าข้างตัวเองนะเนี่ย” บอกพลางตามติด ไปปล่อยให้อีกฝ่ายได้ขยับตัวออกห่าง อ้อมแขนแกร่งตวัดโอบกอดรั้งให้แนบชิด ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้ “...แต่บอกหน่อยดีกว่านะครับ ผมอยากได้ยิน” ไม่ใช่แค่อยากได้ยิน หากแต่ยังอยากจะฟังคำพูดยืนยันให้แน่ใจว่าตัวเองจะไม่ได้คิดทึกทักไปคนเดียว




“ไม่บอก” ใบหน้าหวานแกล้งเชิดขึ้น แล้วก็ได้รับรางวัลเป็นปลายจมูกที่กดลงหอมแก้มนวลซ้ายขวาติด ๆ กันสี่ห้าครั้งอย่างหมั่นเขี้ยว ตามด้วยคำขู่




“ไม่เป็นไร ไม่บอกโจรปล้นสวาทอย่างผมก็มีวิธีเค้นเอาคำตอบ” เขาแกล้งขู่เสียงเข้มตอบบ้าง แต่แม้จะแกล้งขู่หากการกระทำกลับเอาจริง




โจรปล้นสวาทอย่างที่เขาว่าตัวเองอุ้มร่างบางออกจากห้องครัว ตรงลิ่วไปยังโซฟาไม้หวายสีน้ำตาลเข้มกลางห้องนั่งเล่น จากนั้นก็เริ่มทำการเค้นเอาคำตอบจนสำเร็จ ท่ามกลางเสียงครวญครางและระทดระทวยของนางรำแสนสวยของเขา จนต้องเปลี่ยนเวลาจากเดิมที่ว่าจะพาสาวเจ้าไปหาบิดาในช่วงบ่ายของวันเป็นเกือบค่ำเพราะโจรตัวร้ายไม่ยอมหยุดปล้นสวาทเสียทีแม้จะได้รับคำรักหวานซึ้งตอบกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้ง






แต่แม้จะพามาส่ง หากหนุ่มคลั่งรักก็ยังอ้อยอิ่งไม่ยอมปล่อยนางรำแสนสวยของตนลงจากรถง่าย ๆ นิโคไลเอื้อมมือไปคว้าข้อมือบางดึงให้เข้ามาใกล้ก่อนที่คนึงนิจจะเปิดประตูรถลงไป เมื่อเขาจอดรถในซอยเล็ก ๆ ทางด้านหลังของบ้านไม้สองชั้นที่อยู่ในบริเวณหลังของร้านขันโตกคนึงนิจ




“คืนนี้ผมคงไม่ไปดูคุณรำที่ร้านนะ ไม่งั้นผมคงอดไม่ได้ที่จะอุ้มคุณกลับบ้านไปด้วยกันแน่ ๆ “ เพิ่งจะเคลียร์ความรู้สึกกันไปหมาด ๆ และเมื่อรู้ว่าใจตรงกันแล้วเขาก็ไม่อยากจะให้เธอห่างกายแม้สักวินาที




“ค่ะ แล้วมื้อเย็นของคุณล่ะคะ น้ำไม่ได้ทำอาหารไว้ให้เพราะนึกว่าคุณจะมากินที่นี่เหมือนทุกวัน” ถามอย่างเป็นห่วง และคำพูดของเธอก็เรียกรอยยิ้มอบอุ่นจากใบหน้าคมได้เป็นอย่างดี




“วันนี้ผมว่าจะไปหาไอ้แพทสักหน่อย เมื่อคืนเห็นท่าทางมันเหมือนกลุ้มอกกลุ้มใจเลยอยากจะไปดูมันหน่อย แล้วคงจะหาอะไรกินด้วยกันกับมันนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอกแฟนน้ำคนนี้ดูแลตัวเองได้ครับผม” ขยิบตาส่งให้ พร้อมกับโน้มใบหน้าไปหอมแก้มนวลแรง ๆ ก่อนจะพูดคำพูดเรียกเลือดฝาดให้อีกฝ่าย “แต่พรุ่งนี้น้ำต้องชดเชยให้ผมเยอะ ๆ นะ เป็นรางวัลให้แฟนสุดหล่ออย่างผม”




“วันนี้ก็ให้ไปตั้งเยอะแล้วยังไม่พออีกคนบ้า” เสียงหวานต่อว่าไม่ดังนัก แต่นิโคไลก็ยังอุตส่าห์ได้ยินจนได้




“ไม่พอครับ กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ ไม่อิ่ม ไม่ว่าจะเป็นตรงนี้ ตรงนี้ หรือ...ตรงนี้” เขาตอบพร้อมกับใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสให้รู้ว่า ตรงนี้นั่นหมายถึงที่ไหนในร่างกายเธอ




“นิค!! เดี๋ยวพ่อก็มาเห็นเข้าหรอก คนทะลึ่ง” ต่อว่าพลางตีมือของคนทะลึ่งที่ทาบนิ่งอยู่ตรงทรวงอกอิ่มของตัวเอง




“เห็นก็ดีสิ จะได้บอกพ่อของน้ำไปด้วยเลยว่าตอนนี้ผมเลื่อนฐานะมาเป็นลูกเขยของท่านแล้ว” ไม่ตอบเปล่า ยังแกล้งกดฝ่ามือลงกับทรวงอกอิ่มหนัก ๆ จบลงด้วยเคล้นคลึงเบา ๆ อย่างยั่วเย้ว ก่อนจะยอมดึงมือออกห่างอย่างเสียดาย “จะว่าไปผมลงไปด้วยดีกว่าไหม จะได้คุยกับพ่อคุยให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย” บอกเมื่อคิดได้ว่าตอนนี้เขากับคนึงนิจก็ใจตรงกันแล้ว จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียทีก็น่าจะดี




“น้ำว่าพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ วันนี้ใกล้เวลาร้านเปิดแล้วคงคุยกันไม่ทันเรียบร้อย”




“เอางั้นก็ได้ พรุ่งนี้ผมจะมารับแต่เช้านะ...คิดถึง” พอได้หวานหนุ่มแดนกระทิงดุก็หยอดทุกครั้งที่มีโอกาส “แล้วคืนนี้อย่าแต่งตัวโป๊นะ หรือผมจะเข้าไปเช็คให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไปหาไอ้แพทดี” ท้ายประโยคพึมพัมสีหน้าครุ่นคิด




“โธ่ น้ำรู้หรอกค่ะ จะใส่เหมือนทุกครั้งที่คุณให้ใส่นั่นแหละค่ะ ไปเถอะป่านนี้คุณแพทรอนานแล้วนะคะ” ตาบ้านี่นะ ชุดนางรำปกติทั่วไปแท้ ๆ เขายังมาหาว่าโป๊อยู่ได้




“กำลังลังต่อว่าผมอยู่ในใจใช่ไหมฮึ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะทำให้เข่าอ่อนไม่มีแรงรำเลยคอยดู” เขาหรี่ตามองอย่างรู้ทัน “อย่ามายิ้ม ๆ ก็ของ ๆ ผม ผมหวง...งั้นกันไว้ก่อนดีกว่า”กว่าคนึงนิจจะเข้าใจความหมายที่เขาว่าก็เมื่อริมฝีปากร้อนฉกวูบลงเหนือเนินอกอิ่ม




นิโคไลขบเม้มริมฝีปากประทับรอยรักเอาไว้เพื่อแสดงสิทธิ์และกันไว้ไม่ให้นางรำของเขาผิดคำสั่งใส่ชุดที่เปิดโชว์เนินอกที่เขาหวงให้ใครเห็น เขาเน้นย้ำจนทั่วลามไปจนถึงลาดไหล่ และจบลงด้วยจูบหวานล้ำที่ริมฝีปากบาง กว่าชายหนุ่มจะตัดใจปล่อยให้ร่างบางลงจากรถได้ คนึงนิจก็แทบไร้เรี่ยวแรงใบหน้าแดงก่ำ




++++++++++

26/10/2011


ตอนนี้ยาวมากเลย ขอตัดเป็นสองตอนนะค้า


**หวานส่งท้าย เดี๋ยวตอนหน้าค่อระทึก(หรือเปล่า อิอิ)


ปล.นายหัวก็อัพแล้วค้า






ลัลลดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ต.ค. 2554, 17:11:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ต.ค. 2554, 17:11:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1930





<< ตอนที่ 5 (50% หลัง)    ตอนที่ 7-8..(100%) >>
anOO 26 ต.ค. 2554, 18:49:19 น.
ทำไมลงซ้ำกันล่ะครั้ง นึกว่าแถมให้อีกตอนซะอีก
นายนิคปล่อยน้ำค้างไปแบบนี้ ต้องมีมารมาผจญในตอนหน้าแน่เลย


nutcha 26 ต.ค. 2554, 22:25:39 น.
นิคไม่อยู่หนูน้ำค้างจะโดนรังแกอ่ะเปล่า


หมูอ้วน 27 ต.ค. 2554, 12:43:34 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account