ป่าหนาวในเงารัก
หญิงสาวผู้ชอบหว่านเสน่ห์ ทั้งยังไม่เคยศรัทธาต่อคำว่ารักแท้ เมื่อมาพบกับหนุ่มที่ปราศจากความสนใจในตัวเธอ...อะไรจะเกิดขึ้น
Tags: กรยุพา , ยุพากร รักโรแมนติก
ตอน: ตอน 4 กรยุพา . ยุพากร
และแล้วเธอก็เดินหน้าอย่างมุ่งมั่น โดยไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อย
“ลูกคิดยังไงจ๊ะ กับโครงการของฟาร์มเทพทัต” แสงดาวถามบุตรชายทันทีที่เจอหน้า
“วันอาทิตย์ที่จะถึง เขานัดประชุมใหญ่” เธอบอกเรื่อยๆ
“คุณแม่ว่ายังไงล่ะครับ”
“ก็น่าสนใจนะ เพราะไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง”
ภูมิรพีไม่คิดจะอ่านรายละเอียดจากแผ่นพับที่มารดายื่นให้เลยด้วยซ้ำ
“เห็นว่าคุณหนูของฟาร์มเป็นหัวเรือใหญ่”
“หึ…ผู้หญิงคนเดียวจะทำอะไรได้ล่ะครับ” บอกพร้อมส่ายหน้า
“ที่พูดนี่ดูถูกเขาเกินไปหรือเปล่า เดี๋ยวนี้ผู้หญิงทำได้ทุกอย่างที่ผู้ชายอาจนึกไม่ถึงก็ได้นะจ๊ะ”
บุตรชายมองมารดาพร้อมรอยยิ้ม
“ไปเข้าข้างเขาซะแล้ว คุณแม่ได้เห็นตัวจริงเขาหรือยังครับ”
“ไม่ใช่แม่เพียงได้เห็น แม่ยังได้คุยกับเธอแล้วด้วย”
บุตรชายเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึง
“หนูตามาเมื่อวาน แหม…เจ้ากล้วยหอมก็ช่างกระไรเลย ขึ้นนั่งตักแล้วไม่ยอมลง” เธอเอ่ยถึงเจ้าเปอร์เซียตัวอ้วนกลม
“เมื่อวานหรือครับ” ครางออกมาอย่างนึกไม่ถึง เพียงเขาเข้าไปทำธุระในจังหวัดเจ้าหล่อนก็มาปรากฎตัวที่บ้านเขา
“หนูตาก็ช่างน่ารัก นี่ล่ะนะเขาถึงว่า สัตว์น่ะรู้ว่าคนไหนจิตใจ เป็นยังไง”
ครั้งนี้บุตรชายหัวเราะออกมาดังๆ
“คุณแม่เพิ่งพบเธอ อย่าเพิ่งสรุปอะไรเลยดีกว่าครับ ว่าแต่ เขามากล่อมจนคุณแม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ว่างั้นเถอะ”
แสงดาวพยักหน้ารับ
“ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเขาหวังอะไรกับการกระทำครั้งนี้กันแน่”
มารดามองบุตรชายอย่างพินิจ
“พูดเหมือนหนูตาไม่น่าไว้วางใจ”
“คุณแม่ไม่คิดหรือครับ ว่าเขาจะมายอมเหนื่อยทำไม ถ้าไม่ได้ประโยชน์อะไรกับสิ่งที่ทำ”
มารดาได้แต่นึกหนักใจอยู่ลึกๆ กับท่าทีของบุตรชาย
“แม่จะตอบให้แทนเธอก็ได้ หนูตาว่า ครั้งแรกเธอคิดจะทำเอง ตั้งร้านริมถนนนำผักผลไม้ที่ไร่มาขาย แต่เมื่อนึกดูอีกที สู้ทำให้ใหญ่ขึ้น แล้วคนในพื้นที่ก็สามารถมารวมตัวกัน ทำให้ชุมชนเข้มแข็งก็น่าจะดีกว่า”
“ผมว่างานนี้…อนาคตเธอต้องลงเลือกตั้งแน่ๆ” ยังไม่วายตั้งข้อสังเกต
“เริ่มจากระดับตำบลนี่ก่อน แล้วก็ไต่เต้าไปเรื่อยๆ”
“นี่เราจะตั้งแง่กับหนูตา เขาทำไมกัน” มารดาขวางหูอย่างที่สุด
“ผมเปล่านะครับ” ปฏิเสธทันควัน
“ยังจะมาปากแข็ง ก็ในเมื่อแม่ได้ยินกับหูอยู่นี่ หรือยังโมโห เรื่องนกตัวนั้นไม่หาย” เธอจี้ใจดำ
เพราะคนงานยืนยันว่าเห็นกับตาว่าเจ้านกนั่นบินเข้าไปในฟาร์มเทพทัต แต่ครั้นเขาไปตามก็พบนกที่เหมือนกันราวกับแกะ ทว่าไม่มีหลักฐานยืนยัน ซ้ำเธอคนนั้นก็ไม่แสดงพิรุธใดๆ ทั้งสิ้น หรือว่า…เขาจะคิดมากไปเองกันแน่
“นกนั่น เป็นของเราหรือเปล่าก็ยังไม่รู้” แสงดาวกล่าวเรื่อยๆ
“หรือถึงใช่ แต่ในเมื่อเขานำไปเลี้ยงดูได้ดีกว่าเรา ก็ไม่เห็นน่าจะไปโกรธเขาไม่ใช่หรือ”
“คุณแม่…” น้ำเสียงหงุดหงิด
“ฮึ…ยัยนั่นทำยังไงนะ คุณแม่ถึงได้เข้าข้างขนาดนี้”
“แม่ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ที่รู้แน่ๆ คือลูกน้องเราไปตัดกล้วยเขาซะหมดกอขนาดนั้น เขาไม่ไปแจ้งความจับก็บุญเท่าไหร่แล้ว” ครั้งนี้เธอบอกเสียงเข้ม
“ข้อหาบุกรุก แถมยังลักทรัพย์มันใช่ว่าน้อยเสียเมื่อไหร่” ไม่พูดเปล่าแต่ค้อนปะหลับปะเหลือกอีกด้วย
“แล้ว…ที่ยัยนั่นบังคับให้คนของเรากินกล้วยทั้งดิบ ทั้งอ่อน แถมยังให้แบกทั้งเครือวิ่งรอบฟาร์ม มันไม่เกินไปหรอกหรือครับคุณแม่” อุตส่าห์เถียงแทนลูกน้อง
ครั้งนี้มารดากลับหัวเราะออกมาตรงๆ
“ก็ดีแล้วนี่จ๊ะ วันหลังจะได้เข็ด แต่แม่ว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
ทำไมเธอจะไม่เห็นใบหน้าบอกบุญไม่รับของบุตรชายแต่ก็ทำไม่สนใจ
“อีกอย่าง…ลูกน้องเราก็คอยกำราบไว้ซะบ้าง เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะว่าถึงเจ้านายเอาได้”
คำพูดนั้นสร้างความขุ่นเคืองให้ผู้รับฟังไม่ใช่น้อย
“เอาเป็นว่าวันอาทิตย์ก็ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยแล้วกัน” เธอสรุป
“อีกอย่าง อย่าไปหาเรื่องให้หนูตาเขาปวดหัวด้วยล่ะ”
เจ้าตัวหน้ามุ่ย เพราะไม่ต้องการไปร่วมรับรู้เรื่องราวด้วยแม้แต่น้อย
“งานนี้ท่านเทพทัต ถึงขนาดยอมออกหน้าเอง แม่ก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกคนมากน้อยขนาดไหน”
“คุณแม่หมายความว่ายังไงครับ ก็…พ่อของเธอป่วยอยู่ไม่ใช่หรือ” ภูมิรพีถามงงๆ
“อ้าว…ลูกไม่รู้หรอกหรือจ๊ะ ว่าท่านเทพทัตเป็นคุณปู่ของหนูตา แต่ท่านไม่พบปะผู้คนมานานพอดู แม่ถึงว่างานนี้ยังไงก็ต้องไปให้ได้”
ภูมิรพีเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่เอง อดคิดไม่ได้ว่า ‘ท่าน’ ที่ว่าจะท่าทางเป็นเช่นใด
วูบหนึ่งที่นึกถึงเจ้าของหางเปียคู่ แก้มสุกปลั่งด้วยแดดโลมไล้ ที่เดินเคียงข้างในวันนั้น ดูเหมือนว่านับแต่นี้เขาคงต้องรับรู้เรื่องของเจ้าหล่อนไม่เว้นวันแน่
บ่ายวันนี้แขกที่มาปรากฏตัวยังฟาร์มเทพทัต เป็นกำนันพิรัชซึ่งมาเดี่ยวปราศจากบุตรชาย
“อาได้ข่าวว่าหนูกำลังรวบรวมเจ้าของไร่ จัดตั้งองค์กรการค้าเสรี”
ไม่น่าเชื่อว่า ‘ข่าว’ จะไปถึงหูกำนันได้เร็วถึงเพียงนี้ เพราะเธอเพิ่งเริ่มต้นแจกใบปลิวเท่านั้น
“ไม่ถึงขนาดที่คุณอาพูดหรอกค่ะ แค่ตลาดริมทางธรรมดาเท่านั้นเอง”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ โครงการของคุณหนูครั้งนี้ ผมตั้งใจช่วยเต็มที่” กล่าวอย่างแข็งขัน
“ถ้า…คุณหนูอยากให้อาช่วยอะไร ก็บอกได้เลยนะครับ”
หญิงสาวได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“อีกอย่าง… ที่ ติดปั๊มน้ำมันนั่น ก็ของอาทั้งนั้น หากคุณหนูต้องการ อาก็ยินดีให้ใช้ฟรีๆ อย่าเกรงใจ”
นับเป็นเรื่องที่เธอนึกไม่ถึงแม้แต่น้อย
“คุณหนูจะใช้กี่ไร่ก็ได้”
ที่ดินติดปั๊มน้ำมันที่ว่าอยู่ริมถนนสายหลักซึ่งเป็นทำเลทองเพราะเป็นทางผ่านไปยังสนามบิน
“อีกอย่าง ผมจะจัดการเรื่องก่อสร้างเอง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น”
เป็นอีกครั้งที่เธอคาดไม่ถึง
“ขอบคุณ คุณอามากนะคะ แต่ตาคง…ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ จนกว่าจะถามความคิดเห็นจากที่ประชุมก่อน”
“แต่…หาก ‘ท่านเทพทัต’ ออกปาก ทุกคนย่อมต้องเห็นด้วยแน่ครับ” กำนันบอกอย่างมั่นใจ
“อีกอย่างผมอยากจะเข้าไปกราบ ‘ท่าน’ สักครั้ง”
ฐิตารีย์ถึงกับพูดไม่ออก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าปู่ของเธอ ‘ไม่รับแขก’
“อย่าหาว่าตาเรื่องมาก หรือ…ไม่นับถือคุณอาเลยนะคะ แต่…เอาไว้วันที่ประชุมดีมั้ยคะ”
“คุณหนูหมายความว่าท่านจะมาร่วมด้วยอย่างนั้นหรือครับ” น้ำเสียงตื่นเต้น
“ค่ะ ท่านบอกกับตาแล้วว่ายังไงเสียก็ต้องไปให้ได้ค่ะ”
เทพทัตที่กำนันเอ่ยปากถึงกำลังบริกรรมคาถาในห้องพระ โดยไม่รับรู้เรื่องราวที่รายรอบตัวใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่น่าเชื่อว่าแขกคนถัดมาจะเป็นหนุ่มในชุดสีกากี ที่มีเครื่องหมายโลหะโปร่งสีทอง ‘ราชสีห์คู่’ หันหน้าเข้าหากันที่กลางปกเสื้อ บ่งบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย
“ปลัดธันวินครับ นี่คุณฐิตารีย์เจ้าของไร่ครับ” จ่าชยุตแนะนำ
ถึงอีกฝ่ายอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันแต่เธอก็ไหว้อย่างงดงาม
“คุณปลัดมีอะไรให้ทางเทพทัตรับใช้หรือเปล่าคะ ถึงได้…กรุณามาถึงนี่”
ธันวินไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเจ้าของฟาร์ม จะงดงามทั้งใบหน้าและวาจาถึงเพียงนี้ ถึงปราศจากเครื่องสำอางบนใบหน้าทว่ากลับทำให้เขาตาค้างได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“เอ่อ…คือ ว่า…ผมจะมารบกวนเรื่องนี้น่ะครับ” ปลัดหนุ่มชูแผ่นพับที่ติดมือมาด้วย ตกประหม่าจนมือไม้สั่น
“เชิญนั่งก่อนสิคะ” บอกพร้อมรอยยิ้ม นึกเอ็นดูหนุ่มแว่นตรงหน้าขึ้นมากะทันหัน
“มีอะไรที่ควรปรับ หรือคุณปลัดเห็นว่ายังไงถึงจะดีล่ะคะ” ไม่พูดเปล่าแต่ส่งแววตาระยิบระยับให้อีกฝ่ายด้วย
ภูมิรพี ชาเล่ต์ ฮิลล์ ในค่ำนี้ไม่เงียบเหงา เพราะหนุ่มหล่อที่มาปรากฏตัว ทำให้แสงดาวต้อนรับขับสู้ด้วยความยินดี
“คุณแม่ทำของโปรดธันไว้ด้วยเหรอครับนี่”
ปลัดหนุ่มมองอาหารหลากหลายบนโต๊ะ พร้อมกับรอยยิ้ม
“ไม่ได้สิจ๊ะ นานๆ จะมาพร้อมหน้ากันสักที” แสงดาวกล่าวเรื่อยๆ ระหว่างแบ่งผักสลัดลงจานเล็ก
“เสียดายนะครับ ที่ขาดพี่วีร์” ธันวินกล่าวถึง ‘ปวีร์’ พี่ชายของเพื่อนรักซึ่งไปทำงานยังต่างประเทศ
“นั่นสินะ ว่าแต่ลมอะไรถึงหอบนายมาถึงนี่”
เสียงที่ทะลุกลางปล้องทำให้ปลัดหนุ่มถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“มาทันได้ยินนายนินทาฉันนั่นแหละ” ภูมิรพีตีขลุมหน้าตาเฉย
“ว่าไปนั่น ใครเขานินทาเราไม่ทราบจ๊ะ” แสงดาวอดไม่ได้ที่จะลอบค้อน
เจ้าตัวกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่โต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น
“นายไปไหนมา นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะโว้ย ไม่หิวหรือไงวะภู”
“หิวสิจ๊ะ ไม่งั้นจะกลับมาทำไม ปกติพ่อคนนี้ถ้าไม่ใช่เวลาอาหารแล้วล่ะก็ อย่าได้หวังว่าจะได้เห็นหน้า ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ” แสงดาวอดไม่ได้ที่จะเหน็บ
“เห็นทีแม่ไม่ได้อุ้มหลานแน่ค่ะคุณปลัด ผู้หญิงก็ไม่สนใจอีกต่างหาก พอเสร็จงานไร่ ก็ไปขลุกอยู่กับชมรมพารามอเตอร์ หรือไม่ก็ที่ศูนย์อนุรักษ์ป่าโน่น จนแม่น่ะคิดว่าจะย้ายนิวาสสถานไปอยู่ที่นั่นเสียแล้ว”
“โธ่…คุณแม่ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” เจ้าตัวไม่พูดเปล่า แต่เข้าโอบกอดมารดาอย่างแสนรักอีกด้วย
“คุณแม่อยากจะอุ้มหลานแล้ว นายได้ยินหรือเปล่า”
ธันวินจี้ใจดำอีกครั้ง ทว่าผู้รับฟังกลับเพียงแต่คลายวงแขนออกจากมารดาอย่างนุ่มนวล
“อย่าว่าแต่หลานเลยจ้ะ แค่จะพาใครมาแนะนำว่าเป็นแฟน ก็ยังไม่มีวี่แววให้ได้เห็น”
“จะว่าไป ก็ใช่ว่าไม่มีหรอกนะครับ”
คำพูดทีเล่นทีจริงของคุณปลัดทำให้แสงดาวสนใจทันที ผิดกับผู้ที่ถูกกล่าวถึง เพราะกลับสนใจอาหารบนโต๊ะ เหมือนไม่ได้ยินที่ทั้งสองสนทนาแม้แต่น้อย
“คุณปลัดหมายความว่ามีงั้นหรือจ๊ะ คุณปลัดเคยเห็นหรือเปล่า”
“ก็…ไม่เชิงหรอกครับ”
“พอเถอะวะธัน คุณแม่อย่าไปฟังเลยครับ เอาเป็นว่าอย่างที่ผมเคยบอก ว่าผมจะรอให้พี่วีร์แต่งก่อน แล้วผมถึงจะพาแฟนมาแนะนำให้คุณแม่ได้รู้จัก ตกลงมั้ยครับ” บอกพร้อมรอยยิ้มเอาตัวรอดหน้าตาเฉย
แสงดาวได้แต่ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของบุตรชายคนโตที่ไปทำงานยังต่างประเทศ
“คุณแม่อย่ามาตั้งความหวังอะไรกับผมในเรื่องนี้เลยนะครับ ไม่แน่ว่าบางทีผมอาจ…ครองความเป็นโสดไปตลอดชีวิตก็เป็นได้”
อย่างนี้แล้ว เธอจะสมปรารถนาได้อย่างไร
“คุณแม่ไม่ต้องรีบหรอกนะครับ ผมว่าความจริงแล้ว ผู้ชายเรายิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นที่หมายปองของสาวๆ เท่านั้น”
ธันวินดึงความคิดของเธอกลับมาอีกครั้ง
“เอาทฤษฏีไหนมาพูดกันจ๊ะคุณปลัด” ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างเธอยังไม่เห็นด้วย
“ก็ไม่จริงหรือครับ ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ย่อมหมายถึงทรัพย์สินเงินทองย่อมเพียบพร้อมตามไปด้วยเท่านั้นน่ะสิครับ” ปลัดพูดมาจากใจ
แสงดาวถึงบางอ้อ
“แล้วไม่ดีหรือไงครับ ภูจะได้อยู่ดูแลคุณแม่ไปอีกนานๆ”
แสงดาวได้แต่ยิ้มรับในคำพูดของอีกฝ่าย ถึงจะจริงอย่างคุณปลัดว่ามา แต่เธออาจแตกต่างกับแม่คนอื่นๆ ที่อยากจะเก็บบุตรชายไว้กับตัว เพราะเธออยากให้ลูกได้มีความสุข เพื่อทดแทนบางสิ่งที่สูญเสียไปต่างหาก
“ทานข้าวกันเถอะจ้ะ คุณปลัดหิวจะแย่อยู่แล้ว” แสงดาวเปลี่ยนเรื่องเสีย
“คุณแม่เรียกผมอย่างเก่าเถอะครับ ฟังเรียกผมแบบนี้ทีไรทำให้รู้สึกห่างไกลกันยังไงไม่ทราบครับ” ธันวินรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
“อย่าห้ามแม่เลยนะจ๊ะ ในเมื่อเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ และในเมื่อลูกของตัวเองไม่มีวาสนา แต่ได้เห็นธันแม่ก็สุขใจแล้วล่ะจ๊ะ”
คำพูดกินใจของแสงดาวพาให้ปลัดหนุ่มถึงกับอึ้ง เป็นเพราะขาดมารดามาแต่เด็กๆ จึงมักมาอาศัยข้าวที่บ้านนี้เป็นประจำ ทั้งยังได้ความอบอุ่นจากเธอผู้นี้ไม่ต่างกับเขาเป็นลูกอีกคน
“ขอเพียงลูกคนนี้ของแม่ตั้งใจรับใช้ประชาชน ให้สมกับตำแหน่งที่ได้มา แม่ก็ภูมิใจอย่างที่สุดแล้วล่ะจ้ะ”
ปลัดหนุ่มตรงเข้ากอดผู้พูดอย่างไม่อาจเก็บกลั้นความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาภายในใจได้
“นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจอยู่แล้วครับคุณแม่”
“เอ้า…เดี๋ยวก็มีใครเสียน้ำตาก่อนกินข้าวจนได้หนรอก ไหนว่าหิวไม่เหรอ” ผู้เบรกอารมณ์กะทันไม่ใช่ใครแต่เป็นภูมิรพีที่นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว
“จริงสิจ๊ะ คุณปลัดได้ข่าวที่ฟาร์มเทพทัตจะรวบรวมผู้ประกอบการแล้วหรือยัง” แสงดาวเปิดประเด็นใหม่
“ผมเพิ่งไปที่ฟาร์มนั่น ก่อนมาที่นี่เองครับ” ธันวินบอกระหว่างตักอาหารให้เธอ
“หน้าที่นายด้วยอย่างนั้นหรือ ที่ต้องไปถึงบ้านเขาน่ะ” น้ำเสียงเยาะอย่างประหลาด
“ก็…ท่านนายอำเภอใช้ให้เป็นธุระ นายรู้จักเธอรึยัง” ธันวินไม่รู้ตื้นลึกจึงถามเรื่อยๆ
แสงดาวได้แต่หัวเราะเบาๆ กับท่าทีของบุตรชายที่ทำหน้าปั้นยากชอบกล
“มีอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับคุณแม่” ธันวินเพิ่งสังเกตสีหน้าเพื่อนจึงถามหน้าเหลอ
“ก็…พ่อคนนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมาน่ะสิจ๊ะ อยู่ๆ ก็เกิดไม่ถูกชะตากับเจ้าของโครงการนี้ขึ้นมาเสียเฉยๆ”
ปลัดหนุ่มมองหน้าเพื่อนอย่างนึกไม่ถึง “คุณฐิตารีย์เนี่ยนะ”
“มันมีสาเหตุที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ถูกชะตากับเขา นายเข้าใจหรือเปล่า ฉันน่ะเป็นคนมีเหตุผลนะโว้ย ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ไปไม่ชอบหน้าเขา…” รีบออกตัว ก่อนเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะออกจากปากอย่างไม่คิดปิดบัง
ไม่น่าเชื่อว่าเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากเพื่อนรักจะดังมาให้ได้ยิน นั่นยิ่งทำให้ภูมิรพีหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เฮ้ย…นายจะเข้าข้างลูกน้องเกินไปหรือเปล่า คุณตาเธอไม่ผิดอะไรเลยนะ” ธันวินยังพูดกลั้วหัวเราะ
“ส่วนนกนั่น…ของนายหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ถ้าใช่ ก็คิดเสียว่าให้เธอไป เพื่อแลกกับค่าเสียหายกล้วยกอนั้นก็ไม่เลวหรอกนะ”
“ฮึ…อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าเจ้าของไร่นั่นเป็นผู้ชาย นายจะพูดอย่างนี้หรือเปล่า” สบัดเสียงอย่างหงุดหงุด
“แม่ก็บอกแล้ว แต่พ่อคนนี้ยังเสียดายนกไม่หายสักที เห็นว่ากล้วยนั่นตั้งสิบกว่าเครือ”
“อ้อ…เขามาฟ้องแม่ด้วยงั้นหรือครับ”
มารดาส่ายหน้า
“เปล่าหรอกจ้ะ แม่รู้มาจากน้องเอื้องน่ะจ๊ะ”
สองหนุ่มมองมารดาอย่างต้องการให้ขยายความ
“เอ่อ…เธอ เป็นอาของหนูตาน่ะจ้ะ”
“ผมไม่ยักทราบว่าแม่รู้จักทางนั้นด้วย”
ที่บุตรชายพูดเช่นนั้น เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งไร่เขาและฟาร์มนั่นมีอาณาเขตติดต่อกันก็จริง ทว่ากลับไม่เคยพบปะพูดคุยแม้แต่น้อย
“แม่เผอิญเจอเธอที่โรงพยาบาล จะไม่ให้เอ่ยปากขอโทษทั้งที่เจอกันซึ่งหน้าก็ดูจะไม่เหมาะlydเท่าไหร่”
ครั้งนี้เขากลับทำไม่สนใจเสียเฉยๆ
“ส่วนหนูตาบอกว่าไม่ถือสา เพราะเธอเองก็ยึดคติ บ้านใกล้เรือนเคียง หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน”
บุตรชายได้แต่ทำหน้าเหมือนกินยาขม ขณะปลัดได้แต่อมยิ้มระหว่างสบตากับมารดาของเพื่อนรัก
แสงดาวขอตัวไปพักผ่อนเมื่อผลไม้หลากหลายชนิดนำมาเสิร์ฟ การสนทนาจึงเปลี่ยนเป็นเรื่องที่เคร่งเครียดขึ้นมากะทันหัน
“สายของฉันเพิ่งรายงานเข้ามา ว่ามีนายทุนต้องการไม้ล็อตใหญ่ นายคอยสอดส่องด้วยก็แล้วกัน” ภูมิรพีบอกเบาๆ
“บางทีฉันก็เหนื่อยจริงๆ ว่ะ ป่าก็นับวันจะหมดไป พอฝนตกน้ำป่าก็ไหลบ่ามาถล่มบ้านช่อง พวกนายทุนที่มาลักลอบตัดก็ร่ำรวยเป็นแถวๆ แถมกว่าจะจับได้ก็เปิดไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้” ธันวินพูดมาจากใจ
“นั่นสินะ คนทำมีนับไม่ถ้วน แต่คนปกป้องมีเพียงหยิบมือ แต่สำหรับฉัน ไม่เคยท้อหรอกนะ ต่อให้หนักหนากว่านี้ก็ต้องป้องกันป่าที่นี่ไว้ให้ได้”
“นายเองก็ระวังเถอะ เผลอๆ พวกนายทุนจะมาถางสวนป่ากฤษณาที่นายปลูกไว้หลังไร่เข้าก็ได้ ใครจะรู้” ธันวินบอกกลั้วหัวเราะก็จริง แต่ในใจกลับกังวลอย่างประหลาด เพราะยังมีบางสิ่งที่เขาไม่อาจเอ่ยออกมาให้เพื่อนได้รับรู้
เหตุที่เพื่อนเป็นหัวเรือใหญ่ก่อตั้งชุมชนเข้มแข็งในการรักษาป่าผืนสุดท้ายของจังหวัด ทั้งยังมีกิจกรรมในชุมชนอย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าย่อมเป็นที่จับตามองของหลายฝ่าย ซึ่งมีทั้งชื่นชมและชิงชัง และหนึ่งในนั้นย่อมต้องเป็นที่หมายหัวของนายทุนอย่างไม่ต้องสงสัย
“หากเราไม่ทำ และไม่มีใครคิดเริ่มต้นที่จะทำ เมื่อถึงวันนั้นที่ภูเขาปราศจากป่าแล้ว ที่นี่ยังจะมีอะไรเหลือให้ชื่นชมได้อีก”
นั่นคือสิ่งที่เพื่อนพูดก่อนจัดตั้งชุมชนเข้มแข็งนี้ขึ้น
การกลับคืนสู่ฟาร์มเทพทัตของพลโท ธนวัตหลังหายป่วยอย่างปาฏิหาริย์ ทำให้ทั่วทั้งฟาร์มครึกครื้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เช่นเดียวกับปาร์ตี้เล็กๆ ก็ถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนพร้อมๆ กับการมาถึงของพชร
“นึกว่าจะมาไม่ทันช่วยงานตาเสียแล้ว” เขาเอ่ยเมื่ออยู่กันลำพังยังระเบียงบ้าน หลังงานเลี้ยงผ่านพ้นไป
“ที่นี่สบายจริงๆ นะ” อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเช่นนั้น เพราะความสงบเงียบที่แตกต่างจากใจกลางเมืองใหญ่ ทั้งกลิ่นป่าที่อวลอยู่ทั่วทุกอณู จึงทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
“ทีนี้ตาก็สบายใจ พร้อมที่จะลุยไปข้างหน้าได้เต็มที่แล้วสิ” พูดเช่นนั้นเพราะบิดาของเพื่อนรักกลับมาเป็นปกติได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ว่าแต่เหมือนตาจะเปลี่ยนไปมากเลยนะ”
เธอมองผู้พูดอย่างต้องการคำอธิบาย
“ก็…ดูไม่ได้เป็นคุณหนูเหมือนอย่างเคยแล้วน่ะสิ” พชรพูดตรงๆ เพราะไม่เพียงจะเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ยังไม่ห่วงสวยเหมือนก่อน ซ้ำใบหน้าก็กลับปราศจากการแต่งแต้มใดๆ
“อาจเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ก็ได้มั้ง มันทำให้ได้ข้อคิดหลายอย่างมากๆ” เธอรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
“หากเราทำตัวไม่มีประโยชน์เหมือนเมื่อก่อน ใช้เงินไปวันๆ แล้วคนข้างหลัง อย่างพ่อ คุณปู่หรือกระทั่งอาเอื้องจะทำยังไง ที่สำคัญคือวัฒน์ ที่เขาควรจะได้ตัวอย่างดีๆ จากพี่คนนี้ไม่ใช่หรือ”
พชรแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง
“ดีใจจริงๆ ที่…ตาคิดได้เสียที” บอกพร้อมรอยยิ้ม
“ว่าแต่…บรรดาเครื่องสำอางที่ไปขนซื้อมาคราวนั้นได้ใช้บ้างหรือเปล่า”
เจ้าตัวได้แต่ส่ายหน้า
“ว่าจะเอาออกขายในเน็ต แต่ก็ยังไม่มีเวลาทำอะไรเลย” บอกอย่างตัดใจ
“งั้นเดี๋ยวเราช่วยเอง ตาไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีงานใหญ่รออยู่อีก เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่นา” พชรตัดบทเสีย
“ยังไม่ง่วงหรอก” เธอรีบบอก
“ไปนอนเถอะน่า พรุ่งนี้จะได้เต็มร้อยไง เราน่ะคุยกันเมื่อไหร่ก็ได้ ตั้งใจว่าจะอยู่ช่วยงาน จนตาเบื่อหน้าเลยล่ะ ขอเพียงแลกข้าวสามมื้อเท่านั้น” พูดพร้อมรอยยิ้ม
“ให้มันจริงเถอะ จะแถมขนมให้ฟรีๆ เลยด้วย”
เธอเพิ่งรู้สึก ว่าภาระอันหนักอึ้งหลายเดือนมานี่เพิ่งผ่อนคลายก็วันนี้เอง วันที่บิดากลับมาอยู่พร้อมหน้าแถมยังมีเพื่อนรักมาเป็นกำลังใจด้วยอีกคน
พชรได้แต่มองตามร่างบางที่จากไป อดคิดไม่ได้ว่าเพียงระยะเวลาไม่กี่เดือน เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่ผ่านมาเขาพร่ำบอกและหวังให้เธอเปลี่ยนพฤติกรรมแต่ไม่เคยได้ผล
ศาลาการเปรียญอันกว้างใหญ่กลับแคบลงถนัดใจเมื่อเหล่าผู้ประกอบการมารวมตัวกันอย่างคึกคัก จึงเป็นเช้าวันอาทิตย์ที่แตกต่างจากทุกวันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งในนั้นไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการแต่กลับมาทำหน้าที่ช่างภาพอย่างเต็มใจที่สุด คือพชรหนุ่มสูงโปร่งในตาคมเข้ม โดยไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งแอบเขม่นอยู่ลึกๆ
ทั้งแต่แรกภูมิรพีตั้งใจเพียงมาส่งมารดา แต่เพราะเจอเข้ากับเพื่อนรักจึงต้องจำใจเข้ามาร่วมรับฟัง จึงได้เห็นภาพนั้น หนุ่มท่าทางสำอางค์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าที่มีกล้องอย่างดีคล้องคอประกบติดสาวเจ้าไม่ได้ห่าง
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ทุกท่านให้ความสนใจในโครงการของหลานสาวผมในครั้งนี้…”
น้ำเสียงนั้นดึงความสนใจของภูมิรพีไปได้ในทันที
ไม่น่าเชื่อว่าสายตาทุกคู่จะจับจ้องยังจุดเดียวกัน…เซียนพระชื่อดัง เทพทัต บวรวิชญ์ ซึ่งอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีธรรมชาติ พร้อมผ้าพาดไหล่ลวดลายไทยที่มีเอกลักษณ์
แล้วรายละเอียดต่างๆ ก็ถูกนำมารายงานในที่ประชุม โดยหญิงสาวที่อยู่ในชุดเสื้อเชิร์ตกางเกงยีน ปิดท้ายด้วยการรับประทานอาหารร่วมกันจากไร่ต่างๆ ซึ่งทำอาหารมาเลี้ยงอย่างมากมาย
“สวัสดีครับ”
หนุ่มใหญ่ท่าทางภูมิฐานที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรต่อหน้าหญิงสาวผู้งดงามทำให้เธอมองอย่างงุนงง
“ท่านนายอำเภอสุทธินัยครับ” ปลัดแนะนำ
ฐิตารีย์รีบไหว้อีกฝ่าย
“ขอบคุณมากนะคะที่กรุณาให้คุณปลัดมาเป็นธุระ แล้ววันนี้ท่านยังให้เกียรติมาเองอีกด้วย”
สุทธินัยถูกชะตาหญิงสาวตรงหน้าอย่างประหลาด สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ตามที่เขากล่าวไว้กันจริงๆ เจ้าหล่อนไม่เพียงงดงามด้วยใบหน้า แต่กริยาและวาจาก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ทว่าหนุ่มอีกคนที่ยืนขนาบข้าง กลับเขม่นสาวตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก
“อย่าพูดเหมือนผมมีความสำคัญหรือใหญ่โตขนาดนั้นเลยครับ สุขทุกข์ของประชาชนเป็นสิ่งที่ผมสมควรต้องรับใช้อยู่แล้ว”
คำตอบนั้นทำให้เธอต้องมองอีกฝ่ายอย่างนึกไม่ถึง ไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดจะจริงหรือหรือไม่ แต่ก็ได้ใจเธอไปเต็มๆ
พชรลอบมองเพื่อนสาว อดหวั่นใจไม่ได้ว่าพฤติกรรมเก่าๆ ของเธอจะหวนกลับมาอีกครั้ง ก็ในเมื่อนายอำเภอทั้งหล่อและภูมิฐานขนาดนั้น แถมหนุ่มๆ ที่เคียงข้างก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารูปร่างหน้าตาดีอย่างนึกไม่ถึง โดยเฉพาะ…ผู้ที่อยู่ในเสื้อสายสก็อตพร้อมหมวกคาวบอยปีกเล็กนั่น
“ดีใจจริงๆ ครับ ที่อำเภอของเรามีนักพัฒนาชุมชนเพิ่มขึ้นอีกคน”
ปลัดที่วันนี้ไม่ได้อยู่ในชุดข้าราชการ ก้าวเข้ามาพร้อมชายหนุ่มอีกคนทำให้การสนทนาหยุดลงกลางคัน
“คุณทั้งสองคงรู้จักกันแล้ว” นายอำเภอเอ่ยถึงเจ้าของภูมิรพีชาเล่ต์ ฮิลล์
“คุณภูเป็นอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจของอำเภอของเรา เพราะเป็นผู้ก่อตั้งทั้งยังเป็นประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าต้นน้ำอีกด้วย”
ถึงจะสะดุดกับคำพูดนั้นแต่สำหรับผู้ซึ่งเธอเห็นเป็นคู่อริย่อมไม่ยินดีกับเรื่องที่ได้รับรู้แม้แต่น้อย
“หวังว่าคุณทั้งสองจะเป็นผู้นำคนรุ่นใหม่ที่นำความเจริญมายังชุมชนของเราไม่รู้ว่าผมจะขอมากเกินไปหรือเปล่า”
เป็นอีกครั้งที่คำพูดของนายอำเภอหนุ่มจับใจหญิงสาวอย่างประหลาด ผิดกับเจ้าของไร่ภูมิรพีที่สีหน้าปั้นยากอย่างไรชอบกล
แสงดาวแม้ใจจดจ่อกับชายร่างสูงใหญ่ที่แม้เวลาจะล่วงเลยจนเรือนผมกลับเป็นสีดอกเลา ทว่าความภูมิฐานกลับเพิ่มเป็นเงาตามตัว ชุดผ้าฝ้ายสีธรรมชาติและผ้าทอมือพาดไหล่ เป็นภาพที่ทำให้สะดุดตาของทุกคน
ผู้เคียงข้างคือบุตรชายที่เพิ่งหายป่วย แม้ในมือจะยังมีไม้เท้าเพื่อช่วยเดินแต่.[sohkกลับสดใสราวไม่เคยผ่านเรื่องเฉียดตายมาก่อน
ภาพนั้นทำให้เธอต้องตัดใจก่อนกลับมารอบุตรชายที่ศาลาท่าน้ำ โดยไม่คิดจะเข้าร่วมวงรับประทานอาหาร ทั้งที่วันนี้เธอทำขนมจีนแกงเขียวหวานไก่มาร่วมด้วย อีกด้านคือกำนันพิรัชย์ซึ่งนั่งสนทนากับเจ้าอาวาส แต่แท้จริงเขากำลังหาโอกาสเหมาะๆ เพื่อพูดคุยกับเทพทัต
“คุณ…แสงดาว”
เสียงทักใกล้ตัวทำเอาเธอสะดุ้งสุดตัว ไม่น่าเชื่อว่าแม้วัยเธอจะไม่ใช้สาวรุ่น แต่ความรู้สึกตกประหม่ายังสามารถเข้ามาเกาะกุมจิตใจจนได้
ตาต่อตาที่ประสานกันเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่ไม่อาจเอ่ยออกมา
“คุณสบายดีใช่มั้ย”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มลึกของอีกฝ่ายทำให้เธอได้แต่พยักหน้ารับ
“คุณไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ”
“คุณเองก็…ไม่เหมือนคนที่เพิ่งหายป่วยเลยนะคะ”
เสียงหัวเราะเบาๆ จากผู้การธนวัตทำให้บรรยาศผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ขอบคุณ คุณมากนะครับ ที่อุตส่าห์ทำอาหารไปให้ที่โรงพยาบาลอยู่ทุกวัน อันที่จริง…คงเพราะอาหารคุณมากกว่า ที่ทำให้ผมหายป่วย”
เสียงหัวเราะเบาๆ จากแสงดาวดังมาให้ได้ยิน
“ไม่น่าเชื่อนะ ว่าไร่ของเราติดกันแค่นั้น แต่…เรากลับเพิ่งมีโอกาสได้พบกันก็วันนี้นี่เอง”
เสียงของมัคนายกที่เจื้อยแจ้วจากโทรโข่งแทรกเข้ามาอึดใจใหญ่ แสงดาวเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเสียเฉยๆ
“อันที่จริง คุณไม่น่ามางานนี้เลยนะคะ” บอกอย่างเป็นห่วง
“ยังไง…ผมก็ต้องมาให้ได้” บอกด้วยน้ำเสียงและแววตาอันมุ่งมั่น
“เพราะ…ผมคงหาเรื่องที่จะพบคุณได้ยากเต็มที ทั้งๆ ที่ผมน่าจะทำมานานมากแล้ว”
คำพูดนั้นปฏิเสธไม่ได้แม้แต่น้อยว่าสามารถทำให้ผู้ฟังกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“คุณคงทราบเรื่องที่…คนงานของไร่ไปก่อเรื่องที่ฟาร์มคุณแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ” เธอเปลี่ยนเรื่องเสีย
ผู้การกลับหัวเราะหึหึอย่างอารมณ์ดี
“ยัยตามาเล่าให้ผมฟังเหมือนกัน เรื่องไม่เป็นเรื่องช่างมันเถอะครับ”
“มาเล่าหรือมาบ่นกันแน่คะ คิดแล้วยังโมโหไม่หายจริงๆ ตั้งแต่ได้เด็กใหม่ๆ มาก็ล้วนแต่ทะโมนทั้งนั้น”
รอยยิ้มจางๆ ที่ฉาบทั่วใบหน้าของผู้พูด ทำให้ผู้การรู้สึกบางอย่างขึ้นมาในใจ อย่างที่พูดกันไว้ดูจะยังใช้ได้ดีแม้เวลานี้ ‘เรื่องที่อยากลืมกลับจดจำ’
“ดีใจกับคุณจริงๆ นะคะ ที่…หนูตามาเป็นเสาหลักของเทพทัต”
“ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะไปได้สักกี่น้ำ”
สิ่งที่ผู้การไม่อาจพูดออกมา คือเป็นเพราะเขา ลูกถึงต้องลำบากถึงเพียงนี้
“คุณพูดแบบนี้แสดงว่ายังไม่เชื่อใจลูก ปล่อยให้เขาได้แสดงฝีมือ โดยคุณคอยให้กำลังใจอยู่ข้างหลังเถอะนะคะ”
ผู้การได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“เขาจะได้โบยบินสู่โลกอันกว้างใหญ่ได้อย่างมั่นคง”
“ดูเหมือนคุณจะรู้จักโลกมากกว่าผมจริงๆ”
เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นยังริมฝีปากของแสงดาว
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่…เมื่อหมดเวลาของเราแล้ว การดูเขาอยู่ห่างๆ แล้วให้คำปรึกษาก็น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด”
เป็นเพราะเธอเองก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้กับบุตรชายเช่นกัน
“การจะสอนใครสักคน แล้วบอกแต่ทฤทษฏี โดยไม่ให้เขาได้ลงมือทำ คนคนนั้นจะเก่งได้ยังไงกันล่ะคะ”
ผู้การได้แต่นึกในใจว่าสิ่งที่แสงดาวพูดมานั้น เขาไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่น้อย
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ นักอ่านทุกท่าน
สบายกันดีมั้ยคะ ที่ลงช้ามากๆ เพราะเหตุขนของหนีน้ำค่ะ ขอให้เพื่อนๆปลอดภัยและไม่เครียดกันนะคะ รบกวนขอฝากงานเขียนที่เป็นเล่มด้วยนะคะ เรื่องไร่อุ่นรัก และรุ้งลายรักซึ่งออกกับสำนักพิมพ์ยาหยียาใจค่ะ แล้วพบกันในตอนหน้านะคะ ฝากบล็อกเช่นเคยค่ะhttp://yupakorn.exteen.com/ เผื่อมีเพื่อนๆ ยังไม่ได้อ่านนะคะ
ด้วยรักค่ะ
ยุพากร
“ลูกคิดยังไงจ๊ะ กับโครงการของฟาร์มเทพทัต” แสงดาวถามบุตรชายทันทีที่เจอหน้า
“วันอาทิตย์ที่จะถึง เขานัดประชุมใหญ่” เธอบอกเรื่อยๆ
“คุณแม่ว่ายังไงล่ะครับ”
“ก็น่าสนใจนะ เพราะไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง”
ภูมิรพีไม่คิดจะอ่านรายละเอียดจากแผ่นพับที่มารดายื่นให้เลยด้วยซ้ำ
“เห็นว่าคุณหนูของฟาร์มเป็นหัวเรือใหญ่”
“หึ…ผู้หญิงคนเดียวจะทำอะไรได้ล่ะครับ” บอกพร้อมส่ายหน้า
“ที่พูดนี่ดูถูกเขาเกินไปหรือเปล่า เดี๋ยวนี้ผู้หญิงทำได้ทุกอย่างที่ผู้ชายอาจนึกไม่ถึงก็ได้นะจ๊ะ”
บุตรชายมองมารดาพร้อมรอยยิ้ม
“ไปเข้าข้างเขาซะแล้ว คุณแม่ได้เห็นตัวจริงเขาหรือยังครับ”
“ไม่ใช่แม่เพียงได้เห็น แม่ยังได้คุยกับเธอแล้วด้วย”
บุตรชายเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึง
“หนูตามาเมื่อวาน แหม…เจ้ากล้วยหอมก็ช่างกระไรเลย ขึ้นนั่งตักแล้วไม่ยอมลง” เธอเอ่ยถึงเจ้าเปอร์เซียตัวอ้วนกลม
“เมื่อวานหรือครับ” ครางออกมาอย่างนึกไม่ถึง เพียงเขาเข้าไปทำธุระในจังหวัดเจ้าหล่อนก็มาปรากฎตัวที่บ้านเขา
“หนูตาก็ช่างน่ารัก นี่ล่ะนะเขาถึงว่า สัตว์น่ะรู้ว่าคนไหนจิตใจ เป็นยังไง”
ครั้งนี้บุตรชายหัวเราะออกมาดังๆ
“คุณแม่เพิ่งพบเธอ อย่าเพิ่งสรุปอะไรเลยดีกว่าครับ ว่าแต่ เขามากล่อมจนคุณแม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ว่างั้นเถอะ”
แสงดาวพยักหน้ารับ
“ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเขาหวังอะไรกับการกระทำครั้งนี้กันแน่”
มารดามองบุตรชายอย่างพินิจ
“พูดเหมือนหนูตาไม่น่าไว้วางใจ”
“คุณแม่ไม่คิดหรือครับ ว่าเขาจะมายอมเหนื่อยทำไม ถ้าไม่ได้ประโยชน์อะไรกับสิ่งที่ทำ”
มารดาได้แต่นึกหนักใจอยู่ลึกๆ กับท่าทีของบุตรชาย
“แม่จะตอบให้แทนเธอก็ได้ หนูตาว่า ครั้งแรกเธอคิดจะทำเอง ตั้งร้านริมถนนนำผักผลไม้ที่ไร่มาขาย แต่เมื่อนึกดูอีกที สู้ทำให้ใหญ่ขึ้น แล้วคนในพื้นที่ก็สามารถมารวมตัวกัน ทำให้ชุมชนเข้มแข็งก็น่าจะดีกว่า”
“ผมว่างานนี้…อนาคตเธอต้องลงเลือกตั้งแน่ๆ” ยังไม่วายตั้งข้อสังเกต
“เริ่มจากระดับตำบลนี่ก่อน แล้วก็ไต่เต้าไปเรื่อยๆ”
“นี่เราจะตั้งแง่กับหนูตา เขาทำไมกัน” มารดาขวางหูอย่างที่สุด
“ผมเปล่านะครับ” ปฏิเสธทันควัน
“ยังจะมาปากแข็ง ก็ในเมื่อแม่ได้ยินกับหูอยู่นี่ หรือยังโมโห เรื่องนกตัวนั้นไม่หาย” เธอจี้ใจดำ
เพราะคนงานยืนยันว่าเห็นกับตาว่าเจ้านกนั่นบินเข้าไปในฟาร์มเทพทัต แต่ครั้นเขาไปตามก็พบนกที่เหมือนกันราวกับแกะ ทว่าไม่มีหลักฐานยืนยัน ซ้ำเธอคนนั้นก็ไม่แสดงพิรุธใดๆ ทั้งสิ้น หรือว่า…เขาจะคิดมากไปเองกันแน่
“นกนั่น เป็นของเราหรือเปล่าก็ยังไม่รู้” แสงดาวกล่าวเรื่อยๆ
“หรือถึงใช่ แต่ในเมื่อเขานำไปเลี้ยงดูได้ดีกว่าเรา ก็ไม่เห็นน่าจะไปโกรธเขาไม่ใช่หรือ”
“คุณแม่…” น้ำเสียงหงุดหงิด
“ฮึ…ยัยนั่นทำยังไงนะ คุณแม่ถึงได้เข้าข้างขนาดนี้”
“แม่ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ที่รู้แน่ๆ คือลูกน้องเราไปตัดกล้วยเขาซะหมดกอขนาดนั้น เขาไม่ไปแจ้งความจับก็บุญเท่าไหร่แล้ว” ครั้งนี้เธอบอกเสียงเข้ม
“ข้อหาบุกรุก แถมยังลักทรัพย์มันใช่ว่าน้อยเสียเมื่อไหร่” ไม่พูดเปล่าแต่ค้อนปะหลับปะเหลือกอีกด้วย
“แล้ว…ที่ยัยนั่นบังคับให้คนของเรากินกล้วยทั้งดิบ ทั้งอ่อน แถมยังให้แบกทั้งเครือวิ่งรอบฟาร์ม มันไม่เกินไปหรอกหรือครับคุณแม่” อุตส่าห์เถียงแทนลูกน้อง
ครั้งนี้มารดากลับหัวเราะออกมาตรงๆ
“ก็ดีแล้วนี่จ๊ะ วันหลังจะได้เข็ด แต่แม่ว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
ทำไมเธอจะไม่เห็นใบหน้าบอกบุญไม่รับของบุตรชายแต่ก็ทำไม่สนใจ
“อีกอย่าง…ลูกน้องเราก็คอยกำราบไว้ซะบ้าง เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะว่าถึงเจ้านายเอาได้”
คำพูดนั้นสร้างความขุ่นเคืองให้ผู้รับฟังไม่ใช่น้อย
“เอาเป็นว่าวันอาทิตย์ก็ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยแล้วกัน” เธอสรุป
“อีกอย่าง อย่าไปหาเรื่องให้หนูตาเขาปวดหัวด้วยล่ะ”
เจ้าตัวหน้ามุ่ย เพราะไม่ต้องการไปร่วมรับรู้เรื่องราวด้วยแม้แต่น้อย
“งานนี้ท่านเทพทัต ถึงขนาดยอมออกหน้าเอง แม่ก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกคนมากน้อยขนาดไหน”
“คุณแม่หมายความว่ายังไงครับ ก็…พ่อของเธอป่วยอยู่ไม่ใช่หรือ” ภูมิรพีถามงงๆ
“อ้าว…ลูกไม่รู้หรอกหรือจ๊ะ ว่าท่านเทพทัตเป็นคุณปู่ของหนูตา แต่ท่านไม่พบปะผู้คนมานานพอดู แม่ถึงว่างานนี้ยังไงก็ต้องไปให้ได้”
ภูมิรพีเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่เอง อดคิดไม่ได้ว่า ‘ท่าน’ ที่ว่าจะท่าทางเป็นเช่นใด
วูบหนึ่งที่นึกถึงเจ้าของหางเปียคู่ แก้มสุกปลั่งด้วยแดดโลมไล้ ที่เดินเคียงข้างในวันนั้น ดูเหมือนว่านับแต่นี้เขาคงต้องรับรู้เรื่องของเจ้าหล่อนไม่เว้นวันแน่
บ่ายวันนี้แขกที่มาปรากฏตัวยังฟาร์มเทพทัต เป็นกำนันพิรัชซึ่งมาเดี่ยวปราศจากบุตรชาย
“อาได้ข่าวว่าหนูกำลังรวบรวมเจ้าของไร่ จัดตั้งองค์กรการค้าเสรี”
ไม่น่าเชื่อว่า ‘ข่าว’ จะไปถึงหูกำนันได้เร็วถึงเพียงนี้ เพราะเธอเพิ่งเริ่มต้นแจกใบปลิวเท่านั้น
“ไม่ถึงขนาดที่คุณอาพูดหรอกค่ะ แค่ตลาดริมทางธรรมดาเท่านั้นเอง”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ โครงการของคุณหนูครั้งนี้ ผมตั้งใจช่วยเต็มที่” กล่าวอย่างแข็งขัน
“ถ้า…คุณหนูอยากให้อาช่วยอะไร ก็บอกได้เลยนะครับ”
หญิงสาวได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“อีกอย่าง… ที่ ติดปั๊มน้ำมันนั่น ก็ของอาทั้งนั้น หากคุณหนูต้องการ อาก็ยินดีให้ใช้ฟรีๆ อย่าเกรงใจ”
นับเป็นเรื่องที่เธอนึกไม่ถึงแม้แต่น้อย
“คุณหนูจะใช้กี่ไร่ก็ได้”
ที่ดินติดปั๊มน้ำมันที่ว่าอยู่ริมถนนสายหลักซึ่งเป็นทำเลทองเพราะเป็นทางผ่านไปยังสนามบิน
“อีกอย่าง ผมจะจัดการเรื่องก่อสร้างเอง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น”
เป็นอีกครั้งที่เธอคาดไม่ถึง
“ขอบคุณ คุณอามากนะคะ แต่ตาคง…ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ จนกว่าจะถามความคิดเห็นจากที่ประชุมก่อน”
“แต่…หาก ‘ท่านเทพทัต’ ออกปาก ทุกคนย่อมต้องเห็นด้วยแน่ครับ” กำนันบอกอย่างมั่นใจ
“อีกอย่างผมอยากจะเข้าไปกราบ ‘ท่าน’ สักครั้ง”
ฐิตารีย์ถึงกับพูดไม่ออก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าปู่ของเธอ ‘ไม่รับแขก’
“อย่าหาว่าตาเรื่องมาก หรือ…ไม่นับถือคุณอาเลยนะคะ แต่…เอาไว้วันที่ประชุมดีมั้ยคะ”
“คุณหนูหมายความว่าท่านจะมาร่วมด้วยอย่างนั้นหรือครับ” น้ำเสียงตื่นเต้น
“ค่ะ ท่านบอกกับตาแล้วว่ายังไงเสียก็ต้องไปให้ได้ค่ะ”
เทพทัตที่กำนันเอ่ยปากถึงกำลังบริกรรมคาถาในห้องพระ โดยไม่รับรู้เรื่องราวที่รายรอบตัวใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่น่าเชื่อว่าแขกคนถัดมาจะเป็นหนุ่มในชุดสีกากี ที่มีเครื่องหมายโลหะโปร่งสีทอง ‘ราชสีห์คู่’ หันหน้าเข้าหากันที่กลางปกเสื้อ บ่งบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย
“ปลัดธันวินครับ นี่คุณฐิตารีย์เจ้าของไร่ครับ” จ่าชยุตแนะนำ
ถึงอีกฝ่ายอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันแต่เธอก็ไหว้อย่างงดงาม
“คุณปลัดมีอะไรให้ทางเทพทัตรับใช้หรือเปล่าคะ ถึงได้…กรุณามาถึงนี่”
ธันวินไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเจ้าของฟาร์ม จะงดงามทั้งใบหน้าและวาจาถึงเพียงนี้ ถึงปราศจากเครื่องสำอางบนใบหน้าทว่ากลับทำให้เขาตาค้างได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“เอ่อ…คือ ว่า…ผมจะมารบกวนเรื่องนี้น่ะครับ” ปลัดหนุ่มชูแผ่นพับที่ติดมือมาด้วย ตกประหม่าจนมือไม้สั่น
“เชิญนั่งก่อนสิคะ” บอกพร้อมรอยยิ้ม นึกเอ็นดูหนุ่มแว่นตรงหน้าขึ้นมากะทันหัน
“มีอะไรที่ควรปรับ หรือคุณปลัดเห็นว่ายังไงถึงจะดีล่ะคะ” ไม่พูดเปล่าแต่ส่งแววตาระยิบระยับให้อีกฝ่ายด้วย
ภูมิรพี ชาเล่ต์ ฮิลล์ ในค่ำนี้ไม่เงียบเหงา เพราะหนุ่มหล่อที่มาปรากฏตัว ทำให้แสงดาวต้อนรับขับสู้ด้วยความยินดี
“คุณแม่ทำของโปรดธันไว้ด้วยเหรอครับนี่”
ปลัดหนุ่มมองอาหารหลากหลายบนโต๊ะ พร้อมกับรอยยิ้ม
“ไม่ได้สิจ๊ะ นานๆ จะมาพร้อมหน้ากันสักที” แสงดาวกล่าวเรื่อยๆ ระหว่างแบ่งผักสลัดลงจานเล็ก
“เสียดายนะครับ ที่ขาดพี่วีร์” ธันวินกล่าวถึง ‘ปวีร์’ พี่ชายของเพื่อนรักซึ่งไปทำงานยังต่างประเทศ
“นั่นสินะ ว่าแต่ลมอะไรถึงหอบนายมาถึงนี่”
เสียงที่ทะลุกลางปล้องทำให้ปลัดหนุ่มถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“มาทันได้ยินนายนินทาฉันนั่นแหละ” ภูมิรพีตีขลุมหน้าตาเฉย
“ว่าไปนั่น ใครเขานินทาเราไม่ทราบจ๊ะ” แสงดาวอดไม่ได้ที่จะลอบค้อน
เจ้าตัวกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่โต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น
“นายไปไหนมา นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะโว้ย ไม่หิวหรือไงวะภู”
“หิวสิจ๊ะ ไม่งั้นจะกลับมาทำไม ปกติพ่อคนนี้ถ้าไม่ใช่เวลาอาหารแล้วล่ะก็ อย่าได้หวังว่าจะได้เห็นหน้า ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ” แสงดาวอดไม่ได้ที่จะเหน็บ
“เห็นทีแม่ไม่ได้อุ้มหลานแน่ค่ะคุณปลัด ผู้หญิงก็ไม่สนใจอีกต่างหาก พอเสร็จงานไร่ ก็ไปขลุกอยู่กับชมรมพารามอเตอร์ หรือไม่ก็ที่ศูนย์อนุรักษ์ป่าโน่น จนแม่น่ะคิดว่าจะย้ายนิวาสสถานไปอยู่ที่นั่นเสียแล้ว”
“โธ่…คุณแม่ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” เจ้าตัวไม่พูดเปล่า แต่เข้าโอบกอดมารดาอย่างแสนรักอีกด้วย
“คุณแม่อยากจะอุ้มหลานแล้ว นายได้ยินหรือเปล่า”
ธันวินจี้ใจดำอีกครั้ง ทว่าผู้รับฟังกลับเพียงแต่คลายวงแขนออกจากมารดาอย่างนุ่มนวล
“อย่าว่าแต่หลานเลยจ้ะ แค่จะพาใครมาแนะนำว่าเป็นแฟน ก็ยังไม่มีวี่แววให้ได้เห็น”
“จะว่าไป ก็ใช่ว่าไม่มีหรอกนะครับ”
คำพูดทีเล่นทีจริงของคุณปลัดทำให้แสงดาวสนใจทันที ผิดกับผู้ที่ถูกกล่าวถึง เพราะกลับสนใจอาหารบนโต๊ะ เหมือนไม่ได้ยินที่ทั้งสองสนทนาแม้แต่น้อย
“คุณปลัดหมายความว่ามีงั้นหรือจ๊ะ คุณปลัดเคยเห็นหรือเปล่า”
“ก็…ไม่เชิงหรอกครับ”
“พอเถอะวะธัน คุณแม่อย่าไปฟังเลยครับ เอาเป็นว่าอย่างที่ผมเคยบอก ว่าผมจะรอให้พี่วีร์แต่งก่อน แล้วผมถึงจะพาแฟนมาแนะนำให้คุณแม่ได้รู้จัก ตกลงมั้ยครับ” บอกพร้อมรอยยิ้มเอาตัวรอดหน้าตาเฉย
แสงดาวได้แต่ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของบุตรชายคนโตที่ไปทำงานยังต่างประเทศ
“คุณแม่อย่ามาตั้งความหวังอะไรกับผมในเรื่องนี้เลยนะครับ ไม่แน่ว่าบางทีผมอาจ…ครองความเป็นโสดไปตลอดชีวิตก็เป็นได้”
อย่างนี้แล้ว เธอจะสมปรารถนาได้อย่างไร
“คุณแม่ไม่ต้องรีบหรอกนะครับ ผมว่าความจริงแล้ว ผู้ชายเรายิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นที่หมายปองของสาวๆ เท่านั้น”
ธันวินดึงความคิดของเธอกลับมาอีกครั้ง
“เอาทฤษฏีไหนมาพูดกันจ๊ะคุณปลัด” ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างเธอยังไม่เห็นด้วย
“ก็ไม่จริงหรือครับ ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ย่อมหมายถึงทรัพย์สินเงินทองย่อมเพียบพร้อมตามไปด้วยเท่านั้นน่ะสิครับ” ปลัดพูดมาจากใจ
แสงดาวถึงบางอ้อ
“แล้วไม่ดีหรือไงครับ ภูจะได้อยู่ดูแลคุณแม่ไปอีกนานๆ”
แสงดาวได้แต่ยิ้มรับในคำพูดของอีกฝ่าย ถึงจะจริงอย่างคุณปลัดว่ามา แต่เธออาจแตกต่างกับแม่คนอื่นๆ ที่อยากจะเก็บบุตรชายไว้กับตัว เพราะเธออยากให้ลูกได้มีความสุข เพื่อทดแทนบางสิ่งที่สูญเสียไปต่างหาก
“ทานข้าวกันเถอะจ้ะ คุณปลัดหิวจะแย่อยู่แล้ว” แสงดาวเปลี่ยนเรื่องเสีย
“คุณแม่เรียกผมอย่างเก่าเถอะครับ ฟังเรียกผมแบบนี้ทีไรทำให้รู้สึกห่างไกลกันยังไงไม่ทราบครับ” ธันวินรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
“อย่าห้ามแม่เลยนะจ๊ะ ในเมื่อเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ และในเมื่อลูกของตัวเองไม่มีวาสนา แต่ได้เห็นธันแม่ก็สุขใจแล้วล่ะจ๊ะ”
คำพูดกินใจของแสงดาวพาให้ปลัดหนุ่มถึงกับอึ้ง เป็นเพราะขาดมารดามาแต่เด็กๆ จึงมักมาอาศัยข้าวที่บ้านนี้เป็นประจำ ทั้งยังได้ความอบอุ่นจากเธอผู้นี้ไม่ต่างกับเขาเป็นลูกอีกคน
“ขอเพียงลูกคนนี้ของแม่ตั้งใจรับใช้ประชาชน ให้สมกับตำแหน่งที่ได้มา แม่ก็ภูมิใจอย่างที่สุดแล้วล่ะจ้ะ”
ปลัดหนุ่มตรงเข้ากอดผู้พูดอย่างไม่อาจเก็บกลั้นความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาภายในใจได้
“นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจอยู่แล้วครับคุณแม่”
“เอ้า…เดี๋ยวก็มีใครเสียน้ำตาก่อนกินข้าวจนได้หนรอก ไหนว่าหิวไม่เหรอ” ผู้เบรกอารมณ์กะทันไม่ใช่ใครแต่เป็นภูมิรพีที่นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว
“จริงสิจ๊ะ คุณปลัดได้ข่าวที่ฟาร์มเทพทัตจะรวบรวมผู้ประกอบการแล้วหรือยัง” แสงดาวเปิดประเด็นใหม่
“ผมเพิ่งไปที่ฟาร์มนั่น ก่อนมาที่นี่เองครับ” ธันวินบอกระหว่างตักอาหารให้เธอ
“หน้าที่นายด้วยอย่างนั้นหรือ ที่ต้องไปถึงบ้านเขาน่ะ” น้ำเสียงเยาะอย่างประหลาด
“ก็…ท่านนายอำเภอใช้ให้เป็นธุระ นายรู้จักเธอรึยัง” ธันวินไม่รู้ตื้นลึกจึงถามเรื่อยๆ
แสงดาวได้แต่หัวเราะเบาๆ กับท่าทีของบุตรชายที่ทำหน้าปั้นยากชอบกล
“มีอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับคุณแม่” ธันวินเพิ่งสังเกตสีหน้าเพื่อนจึงถามหน้าเหลอ
“ก็…พ่อคนนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมาน่ะสิจ๊ะ อยู่ๆ ก็เกิดไม่ถูกชะตากับเจ้าของโครงการนี้ขึ้นมาเสียเฉยๆ”
ปลัดหนุ่มมองหน้าเพื่อนอย่างนึกไม่ถึง “คุณฐิตารีย์เนี่ยนะ”
“มันมีสาเหตุที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ถูกชะตากับเขา นายเข้าใจหรือเปล่า ฉันน่ะเป็นคนมีเหตุผลนะโว้ย ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ไปไม่ชอบหน้าเขา…” รีบออกตัว ก่อนเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะออกจากปากอย่างไม่คิดปิดบัง
ไม่น่าเชื่อว่าเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากเพื่อนรักจะดังมาให้ได้ยิน นั่นยิ่งทำให้ภูมิรพีหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เฮ้ย…นายจะเข้าข้างลูกน้องเกินไปหรือเปล่า คุณตาเธอไม่ผิดอะไรเลยนะ” ธันวินยังพูดกลั้วหัวเราะ
“ส่วนนกนั่น…ของนายหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ถ้าใช่ ก็คิดเสียว่าให้เธอไป เพื่อแลกกับค่าเสียหายกล้วยกอนั้นก็ไม่เลวหรอกนะ”
“ฮึ…อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าเจ้าของไร่นั่นเป็นผู้ชาย นายจะพูดอย่างนี้หรือเปล่า” สบัดเสียงอย่างหงุดหงุด
“แม่ก็บอกแล้ว แต่พ่อคนนี้ยังเสียดายนกไม่หายสักที เห็นว่ากล้วยนั่นตั้งสิบกว่าเครือ”
“อ้อ…เขามาฟ้องแม่ด้วยงั้นหรือครับ”
มารดาส่ายหน้า
“เปล่าหรอกจ้ะ แม่รู้มาจากน้องเอื้องน่ะจ๊ะ”
สองหนุ่มมองมารดาอย่างต้องการให้ขยายความ
“เอ่อ…เธอ เป็นอาของหนูตาน่ะจ้ะ”
“ผมไม่ยักทราบว่าแม่รู้จักทางนั้นด้วย”
ที่บุตรชายพูดเช่นนั้น เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งไร่เขาและฟาร์มนั่นมีอาณาเขตติดต่อกันก็จริง ทว่ากลับไม่เคยพบปะพูดคุยแม้แต่น้อย
“แม่เผอิญเจอเธอที่โรงพยาบาล จะไม่ให้เอ่ยปากขอโทษทั้งที่เจอกันซึ่งหน้าก็ดูจะไม่เหมาะlydเท่าไหร่”
ครั้งนี้เขากลับทำไม่สนใจเสียเฉยๆ
“ส่วนหนูตาบอกว่าไม่ถือสา เพราะเธอเองก็ยึดคติ บ้านใกล้เรือนเคียง หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน”
บุตรชายได้แต่ทำหน้าเหมือนกินยาขม ขณะปลัดได้แต่อมยิ้มระหว่างสบตากับมารดาของเพื่อนรัก
แสงดาวขอตัวไปพักผ่อนเมื่อผลไม้หลากหลายชนิดนำมาเสิร์ฟ การสนทนาจึงเปลี่ยนเป็นเรื่องที่เคร่งเครียดขึ้นมากะทันหัน
“สายของฉันเพิ่งรายงานเข้ามา ว่ามีนายทุนต้องการไม้ล็อตใหญ่ นายคอยสอดส่องด้วยก็แล้วกัน” ภูมิรพีบอกเบาๆ
“บางทีฉันก็เหนื่อยจริงๆ ว่ะ ป่าก็นับวันจะหมดไป พอฝนตกน้ำป่าก็ไหลบ่ามาถล่มบ้านช่อง พวกนายทุนที่มาลักลอบตัดก็ร่ำรวยเป็นแถวๆ แถมกว่าจะจับได้ก็เปิดไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้” ธันวินพูดมาจากใจ
“นั่นสินะ คนทำมีนับไม่ถ้วน แต่คนปกป้องมีเพียงหยิบมือ แต่สำหรับฉัน ไม่เคยท้อหรอกนะ ต่อให้หนักหนากว่านี้ก็ต้องป้องกันป่าที่นี่ไว้ให้ได้”
“นายเองก็ระวังเถอะ เผลอๆ พวกนายทุนจะมาถางสวนป่ากฤษณาที่นายปลูกไว้หลังไร่เข้าก็ได้ ใครจะรู้” ธันวินบอกกลั้วหัวเราะก็จริง แต่ในใจกลับกังวลอย่างประหลาด เพราะยังมีบางสิ่งที่เขาไม่อาจเอ่ยออกมาให้เพื่อนได้รับรู้
เหตุที่เพื่อนเป็นหัวเรือใหญ่ก่อตั้งชุมชนเข้มแข็งในการรักษาป่าผืนสุดท้ายของจังหวัด ทั้งยังมีกิจกรรมในชุมชนอย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าย่อมเป็นที่จับตามองของหลายฝ่าย ซึ่งมีทั้งชื่นชมและชิงชัง และหนึ่งในนั้นย่อมต้องเป็นที่หมายหัวของนายทุนอย่างไม่ต้องสงสัย
“หากเราไม่ทำ และไม่มีใครคิดเริ่มต้นที่จะทำ เมื่อถึงวันนั้นที่ภูเขาปราศจากป่าแล้ว ที่นี่ยังจะมีอะไรเหลือให้ชื่นชมได้อีก”
นั่นคือสิ่งที่เพื่อนพูดก่อนจัดตั้งชุมชนเข้มแข็งนี้ขึ้น
การกลับคืนสู่ฟาร์มเทพทัตของพลโท ธนวัตหลังหายป่วยอย่างปาฏิหาริย์ ทำให้ทั่วทั้งฟาร์มครึกครื้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เช่นเดียวกับปาร์ตี้เล็กๆ ก็ถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนพร้อมๆ กับการมาถึงของพชร
“นึกว่าจะมาไม่ทันช่วยงานตาเสียแล้ว” เขาเอ่ยเมื่ออยู่กันลำพังยังระเบียงบ้าน หลังงานเลี้ยงผ่านพ้นไป
“ที่นี่สบายจริงๆ นะ” อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเช่นนั้น เพราะความสงบเงียบที่แตกต่างจากใจกลางเมืองใหญ่ ทั้งกลิ่นป่าที่อวลอยู่ทั่วทุกอณู จึงทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
“ทีนี้ตาก็สบายใจ พร้อมที่จะลุยไปข้างหน้าได้เต็มที่แล้วสิ” พูดเช่นนั้นเพราะบิดาของเพื่อนรักกลับมาเป็นปกติได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ว่าแต่เหมือนตาจะเปลี่ยนไปมากเลยนะ”
เธอมองผู้พูดอย่างต้องการคำอธิบาย
“ก็…ดูไม่ได้เป็นคุณหนูเหมือนอย่างเคยแล้วน่ะสิ” พชรพูดตรงๆ เพราะไม่เพียงจะเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ยังไม่ห่วงสวยเหมือนก่อน ซ้ำใบหน้าก็กลับปราศจากการแต่งแต้มใดๆ
“อาจเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ก็ได้มั้ง มันทำให้ได้ข้อคิดหลายอย่างมากๆ” เธอรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
“หากเราทำตัวไม่มีประโยชน์เหมือนเมื่อก่อน ใช้เงินไปวันๆ แล้วคนข้างหลัง อย่างพ่อ คุณปู่หรือกระทั่งอาเอื้องจะทำยังไง ที่สำคัญคือวัฒน์ ที่เขาควรจะได้ตัวอย่างดีๆ จากพี่คนนี้ไม่ใช่หรือ”
พชรแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง
“ดีใจจริงๆ ที่…ตาคิดได้เสียที” บอกพร้อมรอยยิ้ม
“ว่าแต่…บรรดาเครื่องสำอางที่ไปขนซื้อมาคราวนั้นได้ใช้บ้างหรือเปล่า”
เจ้าตัวได้แต่ส่ายหน้า
“ว่าจะเอาออกขายในเน็ต แต่ก็ยังไม่มีเวลาทำอะไรเลย” บอกอย่างตัดใจ
“งั้นเดี๋ยวเราช่วยเอง ตาไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีงานใหญ่รออยู่อีก เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่นา” พชรตัดบทเสีย
“ยังไม่ง่วงหรอก” เธอรีบบอก
“ไปนอนเถอะน่า พรุ่งนี้จะได้เต็มร้อยไง เราน่ะคุยกันเมื่อไหร่ก็ได้ ตั้งใจว่าจะอยู่ช่วยงาน จนตาเบื่อหน้าเลยล่ะ ขอเพียงแลกข้าวสามมื้อเท่านั้น” พูดพร้อมรอยยิ้ม
“ให้มันจริงเถอะ จะแถมขนมให้ฟรีๆ เลยด้วย”
เธอเพิ่งรู้สึก ว่าภาระอันหนักอึ้งหลายเดือนมานี่เพิ่งผ่อนคลายก็วันนี้เอง วันที่บิดากลับมาอยู่พร้อมหน้าแถมยังมีเพื่อนรักมาเป็นกำลังใจด้วยอีกคน
พชรได้แต่มองตามร่างบางที่จากไป อดคิดไม่ได้ว่าเพียงระยะเวลาไม่กี่เดือน เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่ผ่านมาเขาพร่ำบอกและหวังให้เธอเปลี่ยนพฤติกรรมแต่ไม่เคยได้ผล
ศาลาการเปรียญอันกว้างใหญ่กลับแคบลงถนัดใจเมื่อเหล่าผู้ประกอบการมารวมตัวกันอย่างคึกคัก จึงเป็นเช้าวันอาทิตย์ที่แตกต่างจากทุกวันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งในนั้นไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการแต่กลับมาทำหน้าที่ช่างภาพอย่างเต็มใจที่สุด คือพชรหนุ่มสูงโปร่งในตาคมเข้ม โดยไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งแอบเขม่นอยู่ลึกๆ
ทั้งแต่แรกภูมิรพีตั้งใจเพียงมาส่งมารดา แต่เพราะเจอเข้ากับเพื่อนรักจึงต้องจำใจเข้ามาร่วมรับฟัง จึงได้เห็นภาพนั้น หนุ่มท่าทางสำอางค์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าที่มีกล้องอย่างดีคล้องคอประกบติดสาวเจ้าไม่ได้ห่าง
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ทุกท่านให้ความสนใจในโครงการของหลานสาวผมในครั้งนี้…”
น้ำเสียงนั้นดึงความสนใจของภูมิรพีไปได้ในทันที
ไม่น่าเชื่อว่าสายตาทุกคู่จะจับจ้องยังจุดเดียวกัน…เซียนพระชื่อดัง เทพทัต บวรวิชญ์ ซึ่งอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีธรรมชาติ พร้อมผ้าพาดไหล่ลวดลายไทยที่มีเอกลักษณ์
แล้วรายละเอียดต่างๆ ก็ถูกนำมารายงานในที่ประชุม โดยหญิงสาวที่อยู่ในชุดเสื้อเชิร์ตกางเกงยีน ปิดท้ายด้วยการรับประทานอาหารร่วมกันจากไร่ต่างๆ ซึ่งทำอาหารมาเลี้ยงอย่างมากมาย
“สวัสดีครับ”
หนุ่มใหญ่ท่าทางภูมิฐานที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรต่อหน้าหญิงสาวผู้งดงามทำให้เธอมองอย่างงุนงง
“ท่านนายอำเภอสุทธินัยครับ” ปลัดแนะนำ
ฐิตารีย์รีบไหว้อีกฝ่าย
“ขอบคุณมากนะคะที่กรุณาให้คุณปลัดมาเป็นธุระ แล้ววันนี้ท่านยังให้เกียรติมาเองอีกด้วย”
สุทธินัยถูกชะตาหญิงสาวตรงหน้าอย่างประหลาด สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ตามที่เขากล่าวไว้กันจริงๆ เจ้าหล่อนไม่เพียงงดงามด้วยใบหน้า แต่กริยาและวาจาก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ทว่าหนุ่มอีกคนที่ยืนขนาบข้าง กลับเขม่นสาวตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก
“อย่าพูดเหมือนผมมีความสำคัญหรือใหญ่โตขนาดนั้นเลยครับ สุขทุกข์ของประชาชนเป็นสิ่งที่ผมสมควรต้องรับใช้อยู่แล้ว”
คำตอบนั้นทำให้เธอต้องมองอีกฝ่ายอย่างนึกไม่ถึง ไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดจะจริงหรือหรือไม่ แต่ก็ได้ใจเธอไปเต็มๆ
พชรลอบมองเพื่อนสาว อดหวั่นใจไม่ได้ว่าพฤติกรรมเก่าๆ ของเธอจะหวนกลับมาอีกครั้ง ก็ในเมื่อนายอำเภอทั้งหล่อและภูมิฐานขนาดนั้น แถมหนุ่มๆ ที่เคียงข้างก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารูปร่างหน้าตาดีอย่างนึกไม่ถึง โดยเฉพาะ…ผู้ที่อยู่ในเสื้อสายสก็อตพร้อมหมวกคาวบอยปีกเล็กนั่น
“ดีใจจริงๆ ครับ ที่อำเภอของเรามีนักพัฒนาชุมชนเพิ่มขึ้นอีกคน”
ปลัดที่วันนี้ไม่ได้อยู่ในชุดข้าราชการ ก้าวเข้ามาพร้อมชายหนุ่มอีกคนทำให้การสนทนาหยุดลงกลางคัน
“คุณทั้งสองคงรู้จักกันแล้ว” นายอำเภอเอ่ยถึงเจ้าของภูมิรพีชาเล่ต์ ฮิลล์
“คุณภูเป็นอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจของอำเภอของเรา เพราะเป็นผู้ก่อตั้งทั้งยังเป็นประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าต้นน้ำอีกด้วย”
ถึงจะสะดุดกับคำพูดนั้นแต่สำหรับผู้ซึ่งเธอเห็นเป็นคู่อริย่อมไม่ยินดีกับเรื่องที่ได้รับรู้แม้แต่น้อย
“หวังว่าคุณทั้งสองจะเป็นผู้นำคนรุ่นใหม่ที่นำความเจริญมายังชุมชนของเราไม่รู้ว่าผมจะขอมากเกินไปหรือเปล่า”
เป็นอีกครั้งที่คำพูดของนายอำเภอหนุ่มจับใจหญิงสาวอย่างประหลาด ผิดกับเจ้าของไร่ภูมิรพีที่สีหน้าปั้นยากอย่างไรชอบกล
แสงดาวแม้ใจจดจ่อกับชายร่างสูงใหญ่ที่แม้เวลาจะล่วงเลยจนเรือนผมกลับเป็นสีดอกเลา ทว่าความภูมิฐานกลับเพิ่มเป็นเงาตามตัว ชุดผ้าฝ้ายสีธรรมชาติและผ้าทอมือพาดไหล่ เป็นภาพที่ทำให้สะดุดตาของทุกคน
ผู้เคียงข้างคือบุตรชายที่เพิ่งหายป่วย แม้ในมือจะยังมีไม้เท้าเพื่อช่วยเดินแต่.[sohkกลับสดใสราวไม่เคยผ่านเรื่องเฉียดตายมาก่อน
ภาพนั้นทำให้เธอต้องตัดใจก่อนกลับมารอบุตรชายที่ศาลาท่าน้ำ โดยไม่คิดจะเข้าร่วมวงรับประทานอาหาร ทั้งที่วันนี้เธอทำขนมจีนแกงเขียวหวานไก่มาร่วมด้วย อีกด้านคือกำนันพิรัชย์ซึ่งนั่งสนทนากับเจ้าอาวาส แต่แท้จริงเขากำลังหาโอกาสเหมาะๆ เพื่อพูดคุยกับเทพทัต
“คุณ…แสงดาว”
เสียงทักใกล้ตัวทำเอาเธอสะดุ้งสุดตัว ไม่น่าเชื่อว่าแม้วัยเธอจะไม่ใช้สาวรุ่น แต่ความรู้สึกตกประหม่ายังสามารถเข้ามาเกาะกุมจิตใจจนได้
ตาต่อตาที่ประสานกันเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่ไม่อาจเอ่ยออกมา
“คุณสบายดีใช่มั้ย”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มลึกของอีกฝ่ายทำให้เธอได้แต่พยักหน้ารับ
“คุณไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ”
“คุณเองก็…ไม่เหมือนคนที่เพิ่งหายป่วยเลยนะคะ”
เสียงหัวเราะเบาๆ จากผู้การธนวัตทำให้บรรยาศผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ขอบคุณ คุณมากนะครับ ที่อุตส่าห์ทำอาหารไปให้ที่โรงพยาบาลอยู่ทุกวัน อันที่จริง…คงเพราะอาหารคุณมากกว่า ที่ทำให้ผมหายป่วย”
เสียงหัวเราะเบาๆ จากแสงดาวดังมาให้ได้ยิน
“ไม่น่าเชื่อนะ ว่าไร่ของเราติดกันแค่นั้น แต่…เรากลับเพิ่งมีโอกาสได้พบกันก็วันนี้นี่เอง”
เสียงของมัคนายกที่เจื้อยแจ้วจากโทรโข่งแทรกเข้ามาอึดใจใหญ่ แสงดาวเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเสียเฉยๆ
“อันที่จริง คุณไม่น่ามางานนี้เลยนะคะ” บอกอย่างเป็นห่วง
“ยังไง…ผมก็ต้องมาให้ได้” บอกด้วยน้ำเสียงและแววตาอันมุ่งมั่น
“เพราะ…ผมคงหาเรื่องที่จะพบคุณได้ยากเต็มที ทั้งๆ ที่ผมน่าจะทำมานานมากแล้ว”
คำพูดนั้นปฏิเสธไม่ได้แม้แต่น้อยว่าสามารถทำให้ผู้ฟังกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“คุณคงทราบเรื่องที่…คนงานของไร่ไปก่อเรื่องที่ฟาร์มคุณแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ” เธอเปลี่ยนเรื่องเสีย
ผู้การกลับหัวเราะหึหึอย่างอารมณ์ดี
“ยัยตามาเล่าให้ผมฟังเหมือนกัน เรื่องไม่เป็นเรื่องช่างมันเถอะครับ”
“มาเล่าหรือมาบ่นกันแน่คะ คิดแล้วยังโมโหไม่หายจริงๆ ตั้งแต่ได้เด็กใหม่ๆ มาก็ล้วนแต่ทะโมนทั้งนั้น”
รอยยิ้มจางๆ ที่ฉาบทั่วใบหน้าของผู้พูด ทำให้ผู้การรู้สึกบางอย่างขึ้นมาในใจ อย่างที่พูดกันไว้ดูจะยังใช้ได้ดีแม้เวลานี้ ‘เรื่องที่อยากลืมกลับจดจำ’
“ดีใจกับคุณจริงๆ นะคะ ที่…หนูตามาเป็นเสาหลักของเทพทัต”
“ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะไปได้สักกี่น้ำ”
สิ่งที่ผู้การไม่อาจพูดออกมา คือเป็นเพราะเขา ลูกถึงต้องลำบากถึงเพียงนี้
“คุณพูดแบบนี้แสดงว่ายังไม่เชื่อใจลูก ปล่อยให้เขาได้แสดงฝีมือ โดยคุณคอยให้กำลังใจอยู่ข้างหลังเถอะนะคะ”
ผู้การได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“เขาจะได้โบยบินสู่โลกอันกว้างใหญ่ได้อย่างมั่นคง”
“ดูเหมือนคุณจะรู้จักโลกมากกว่าผมจริงๆ”
เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นยังริมฝีปากของแสงดาว
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่…เมื่อหมดเวลาของเราแล้ว การดูเขาอยู่ห่างๆ แล้วให้คำปรึกษาก็น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด”
เป็นเพราะเธอเองก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้กับบุตรชายเช่นกัน
“การจะสอนใครสักคน แล้วบอกแต่ทฤทษฏี โดยไม่ให้เขาได้ลงมือทำ คนคนนั้นจะเก่งได้ยังไงกันล่ะคะ”
ผู้การได้แต่นึกในใจว่าสิ่งที่แสงดาวพูดมานั้น เขาไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่น้อย
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ นักอ่านทุกท่าน
สบายกันดีมั้ยคะ ที่ลงช้ามากๆ เพราะเหตุขนของหนีน้ำค่ะ ขอให้เพื่อนๆปลอดภัยและไม่เครียดกันนะคะ รบกวนขอฝากงานเขียนที่เป็นเล่มด้วยนะคะ เรื่องไร่อุ่นรัก และรุ้งลายรักซึ่งออกกับสำนักพิมพ์ยาหยียาใจค่ะ แล้วพบกันในตอนหน้านะคะ ฝากบล็อกเช่นเคยค่ะhttp://yupakorn.exteen.com/ เผื่อมีเพื่อนๆ ยังไม่ได้อ่านนะคะ
ด้วยรักค่ะ
ยุพากร
ยุพากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2554, 09:56:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ต.ค. 2555, 16:39:38 น.
จำนวนการเข้าชม : 1923
<< ตอน 3 กรยุพา . ยุพากร | ตอน5 กรยุพา . ยุพากร >> |
nuchababluesky 31 ต.ค. 2554, 16:44:17 น.
แวะมาดูก่อนจ้า พี่นุชยังไม่ได้เก็บน้า
ต้องออกไปทำธุระกับเจ้านายค่ะ
ดึกๆจะเข้ามาเก็บจ้า
แวะมาดูก่อนจ้า พี่นุชยังไม่ได้เก็บน้า
ต้องออกไปทำธุระกับเจ้านายค่ะ
ดึกๆจะเข้ามาเก็บจ้า
nuchababluesky 1 พ.ย. 2554, 02:46:47 น.
อ่านจบตอนแล้วก็รู้สึกขำๆกับอาการไม่ชอบเจ้าของไร่เทพทัตของภูมินะคะ
เหมือนจะมีอคติกับตาอยู่ไม่น้อยไม่รู้ว่าที่แม่แสงดาวพูดออกมาจี้ใจดำรึเปล่าก็ไม่รู้ที่บอกว่าที่เค้าไม่ค่อยชอบตาก็เพราะว่ายังเคื่องเรื่องนกที่หายไปนะคะ ฮ่าฮ่า
อ่อ เพิ่งรู้นะว่าตาทำโทษคนงานของภูมิที่มาขโมยกล้วยด้วยการให้กินกล้วยดิบนี่เอง ยังไม่พอให้วิ่งรอบๆไร่อีก เด็ดขาดอยู่เหมือนกันแฮะ อืม อย่างที่ตาเธอบอกเอาไว้ก็ถูกนะ เรื่องขโมยกล้วยเป็นเรื่องที่เล็กๆ บ้านใกล้เรือนเคียงกันอะไรที่ยกโทษให้กันได้ก็ยกโทษให้กันไปเถอะ ตาทำได้ดีแล้วล่่ะค่ะ
ว๊าวว ปลัดธันน่ารักดีค่ะสวมแว่นตาด้วยซิ ท่าทางขี้อายเนอะตอนที่เค้าเจอกับตาครั้งแรกนะค่ะมือไม้สั่นเลยเหรอ ตาหว่านเสนห์อีกรึเปล่าเนี่ย พชร ชักไม่แน่ใจเพื่อนอีกแล้ว
ยังไม่พอ นายอำเภอหนุ่มสุทธินัยโผล่มาอีก โอ๊ย เรื่องนี้หนุ่มๆเยอะจริงๆ ใจละลายแล้ว
พชรมาแล้ว คิดถึงจังไม่ได้เจอแค่สองตอน ฮ่าฮ่า
งานนี้หนุ่มภูมิมีเคื่อง หนุ่มเจ้าสำอางค์จากกรุงเทพวุ้ย มันชักจะยังๆแล้วนะ ภูมิไม่ชอบตาไม่ใช่เหรอ ไหงเคื่องชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเค้าล่ะ มีลุ้นงานนี้
พ่อของตาหายป่วยเร็วจัง ปู่ของตาต้องร่ายมนต์ช่วยแน่ๆเลย
เดาอีกแล้ว ดูเหมือนกำนันพิรัชย์อยากจะเจอคุณปู่อยู่มากเลยนะเนี่ยไม่รู้หวังอะไรในใจ
อืม ปู่ของตาเป็นเซียนพระซะด้วยซิ
คุณแม่แสงดาวกับผู้การพ่อของตาเหมือนคนมีอดีตร่วมกันเลยเนอะ มีลุ้นนะว่าเคยเป็นอะไรกันมาก่อนดูเหมือนผู้การดีใจมากๆที่ได้มาเจอแม่ของภูมิ เก็บอาการดีใจไม่อยู่เลย หยอดคำหวานด้วยซิ เล่นเอาคนเป็นแม่คนแล้วยังมีอาการเขินอยู่ อิอิ
อ้าววว หนุ่มภูมิของเราไม่คิดอยากจะแต่งงานเลยเหรอ อยากโสดซะงั้น อย่าๆๆๆ หล่อๆอย่างนี้คิดแบบนี้ รีดเดอร์ก็อกหักนะดิ๊
เรื่องนี้มีการตัดไม้ทำลายป่ามาให้เราได้รู้จักที่จะรักป่าด้วยดีจริงๆเลยค่ะ ถ้าตัดไม้ถูกทำลายหมดคงไม่เหลืออะไรแน่ๆเวลาน้ำมาภูมิเป็นคนที่มีอุดมการณ์จัง ได้ใจจริงๆ
แต่ก็ต้องระวังอย่างที่ปลัดธันเตือนนายทุนที่ลอบทำตัดป่าต้องไม่พอใจแน่ๆ
ขนมจีนแกงเขียวหวานที่แม่ของภูมิทำมาแลี้ยงในงานทำให้กินอยากกินขนมจีนขึ้นมาตะหงิดๆเลยแฮะ
เจ้ากล้วยหอมแมวที่บ้านของภูมิชื่อน่ารักจังเลยค่ะ
งานนี้หลงทั้งชายหนุ่มหลงที้งสัตว์เลี้ยงแล้วค่ะ มีมามากมายเหลือเกินสำหรับสัตว์เลี้ยง
ไรเตอร์ขนของหนีน้ำอยู่นี่เอง อัพช้าก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รอได้จ้า เทคแคร์ หลับฝันดีค่า
อ่านจบตอนแล้วก็รู้สึกขำๆกับอาการไม่ชอบเจ้าของไร่เทพทัตของภูมินะคะ
เหมือนจะมีอคติกับตาอยู่ไม่น้อยไม่รู้ว่าที่แม่แสงดาวพูดออกมาจี้ใจดำรึเปล่าก็ไม่รู้ที่บอกว่าที่เค้าไม่ค่อยชอบตาก็เพราะว่ายังเคื่องเรื่องนกที่หายไปนะคะ ฮ่าฮ่า
อ่อ เพิ่งรู้นะว่าตาทำโทษคนงานของภูมิที่มาขโมยกล้วยด้วยการให้กินกล้วยดิบนี่เอง ยังไม่พอให้วิ่งรอบๆไร่อีก เด็ดขาดอยู่เหมือนกันแฮะ อืม อย่างที่ตาเธอบอกเอาไว้ก็ถูกนะ เรื่องขโมยกล้วยเป็นเรื่องที่เล็กๆ บ้านใกล้เรือนเคียงกันอะไรที่ยกโทษให้กันได้ก็ยกโทษให้กันไปเถอะ ตาทำได้ดีแล้วล่่ะค่ะ
ว๊าวว ปลัดธันน่ารักดีค่ะสวมแว่นตาด้วยซิ ท่าทางขี้อายเนอะตอนที่เค้าเจอกับตาครั้งแรกนะค่ะมือไม้สั่นเลยเหรอ ตาหว่านเสนห์อีกรึเปล่าเนี่ย พชร ชักไม่แน่ใจเพื่อนอีกแล้ว
ยังไม่พอ นายอำเภอหนุ่มสุทธินัยโผล่มาอีก โอ๊ย เรื่องนี้หนุ่มๆเยอะจริงๆ ใจละลายแล้ว
พชรมาแล้ว คิดถึงจังไม่ได้เจอแค่สองตอน ฮ่าฮ่า
งานนี้หนุ่มภูมิมีเคื่อง หนุ่มเจ้าสำอางค์จากกรุงเทพวุ้ย มันชักจะยังๆแล้วนะ ภูมิไม่ชอบตาไม่ใช่เหรอ ไหงเคื่องชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเค้าล่ะ มีลุ้นงานนี้
พ่อของตาหายป่วยเร็วจัง ปู่ของตาต้องร่ายมนต์ช่วยแน่ๆเลย
เดาอีกแล้ว ดูเหมือนกำนันพิรัชย์อยากจะเจอคุณปู่อยู่มากเลยนะเนี่ยไม่รู้หวังอะไรในใจ
อืม ปู่ของตาเป็นเซียนพระซะด้วยซิ
คุณแม่แสงดาวกับผู้การพ่อของตาเหมือนคนมีอดีตร่วมกันเลยเนอะ มีลุ้นนะว่าเคยเป็นอะไรกันมาก่อนดูเหมือนผู้การดีใจมากๆที่ได้มาเจอแม่ของภูมิ เก็บอาการดีใจไม่อยู่เลย หยอดคำหวานด้วยซิ เล่นเอาคนเป็นแม่คนแล้วยังมีอาการเขินอยู่ อิอิ
อ้าววว หนุ่มภูมิของเราไม่คิดอยากจะแต่งงานเลยเหรอ อยากโสดซะงั้น อย่าๆๆๆ หล่อๆอย่างนี้คิดแบบนี้ รีดเดอร์ก็อกหักนะดิ๊
เรื่องนี้มีการตัดไม้ทำลายป่ามาให้เราได้รู้จักที่จะรักป่าด้วยดีจริงๆเลยค่ะ ถ้าตัดไม้ถูกทำลายหมดคงไม่เหลืออะไรแน่ๆเวลาน้ำมาภูมิเป็นคนที่มีอุดมการณ์จัง ได้ใจจริงๆ
แต่ก็ต้องระวังอย่างที่ปลัดธันเตือนนายทุนที่ลอบทำตัดป่าต้องไม่พอใจแน่ๆ
ขนมจีนแกงเขียวหวานที่แม่ของภูมิทำมาแลี้ยงในงานทำให้กินอยากกินขนมจีนขึ้นมาตะหงิดๆเลยแฮะ
เจ้ากล้วยหอมแมวที่บ้านของภูมิชื่อน่ารักจังเลยค่ะ
งานนี้หลงทั้งชายหนุ่มหลงที้งสัตว์เลี้ยงแล้วค่ะ มีมามากมายเหลือเกินสำหรับสัตว์เลี้ยง
ไรเตอร์ขนของหนีน้ำอยู่นี่เอง อัพช้าก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รอได้จ้า เทคแคร์ หลับฝันดีค่า
ยุพากร 1 พ.ย. 2554, 16:50:44 น.
สวัสดคค่ะ คุณnako
ขอบคุณมากนะคะ ที่ยังฝากเมนท์ไว้ให้เป็นกำลังใจ สู้ๆ เช่นกันนะคะ
คุณanOO
สบายดีนะคะ อิอิ ขอให้น้ำไม่มาเยือน สู้ๆ เช่นกันนะคะ
สวัสดีค่ะพี่นุช
อิอิ...ขอบคุณสำหรับเมนท์เช่นเคยนะคะ
แจยังคงลุ้นน้ำต่อไปค่ะ (บ้านแม่)แต่บ้านที่ลำลูกกาไม่ต้องลุ้นแล้วค่ะ เพราะได้ข่าวว่าท่วมเกือบถึงชั้นสองแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้จะสูงอีกขนาดไหนค่ะ
รักษาสุขภาพเช่นกันนะคะ จุ๊บๆ พี่นุชค่ะ
สวัสดคค่ะ คุณnako
ขอบคุณมากนะคะ ที่ยังฝากเมนท์ไว้ให้เป็นกำลังใจ สู้ๆ เช่นกันนะคะ
คุณanOO
สบายดีนะคะ อิอิ ขอให้น้ำไม่มาเยือน สู้ๆ เช่นกันนะคะ
สวัสดีค่ะพี่นุช
อิอิ...ขอบคุณสำหรับเมนท์เช่นเคยนะคะ
แจยังคงลุ้นน้ำต่อไปค่ะ (บ้านแม่)แต่บ้านที่ลำลูกกาไม่ต้องลุ้นแล้วค่ะ เพราะได้ข่าวว่าท่วมเกือบถึงชั้นสองแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้จะสูงอีกขนาดไหนค่ะ
รักษาสุขภาพเช่นกันนะคะ จุ๊บๆ พี่นุชค่ะ