รักสุดท้าย...ที่ปลายดาว
เพราะความเข้าใจผิดในสัมพันธภาพระหว่างสาวสวย ปากจัด กัดเจ็บ อย่าง “ปลายดาว” กับ เพื่อนหนุ่มคาสโนว่า ทำให้เธอต้องตกเป็นจำเลยในสายตาของ “เตชิต” วิศวกรหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า) ปากจัด ซ้ำยังกัดเจ็บยิ่งกว่า ผลที่ตามมาก็คือการปะทะคารมกันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกทีที่ประจันหน้า....เรื่องจะยอมเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองอีกฝ่ายน่ะรึ...ไม่มีทางซะหร้อกกกก

แต่เรื่องวุ่นๆชุลมุนหัวใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อสนามรบทำท่าจะเปลี่ยนเป็นสนามรัก(ตามสูตรนิยายคลาสสิค^^) ท่ามกลางความอึดอัดขัดใจของเพื่อนหนุ่มคาสโนว่าที่ยุยงส่งเสริมมาแต่ทีแรก แต่ดันเกิดอาการ “หวงของ” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้ก็เลยมี “ก้าง” ชิ้นใหญ่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

วิศวกรหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหนทาง “สุดท้ายที่ปลายดาว” ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเรื่องรัก(ลึกลับ)ในอดีตโผล่ขึ้นมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก...

งานนี้เห็นทีต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ!

Tags: กุ๊กกิ๊ก โรแมนติค ปลายดาว เตชิต

ตอน: ตอนที่ 17 << ก่อนจบ >>

17.

หลายเดือนผ่านไป...

เทศกาลเฉลิมฉลองส่งความสุขปีใหม่ของคนทั้งประเทศผ่านพ้นไปแล้วอย่างเงียบๆ มันอาจเป็นการเริ่มต้นปีที่ดีของใครหลายๆคน แต่กลับว่างเปล่าเหลือเกินในความรู้สึกของปลายดาว โดยเฉพาะเมื่อเห็นหนุ่มสาวคู่รักควงคู่กันออกเดทสวีทหวานแหวว ก็ยิ่งทำให้เธอเจ็บจี๊ดปนอิจฉาอยู่ลึกๆ...ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเป็นปีแรกที่เธอได้แต่แอบภาวนาให้วันหยุดหมดไปเร็วๆอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

อารมณ์โดดเดี่ยวชนิดที่คนมีคู่ไม่รู้หรอก ทำให้ปลายดาวมาถึงออฟฟิศแต่เช้า แต่ก็พบว่าต้นอ้อมาถึงก่อนแล้ว ทันทีพบหน้าหล่อนก็ยื่นการ์ดเชิญสีชมพูสวยสดมาให้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นการ์ดเชิญงานแต่งงานที่หล่อนสู้อุตส่าห์เตรียมความพร้อมมาหลายเดือนก่อนหน้านี้แน่ๆ

“อีกสองอาทิตย์น่ะ ขอโทษนะที่แจกกระชั้นไปหน่อย พอดีการ์ดเพิ่งพิมพ์เสร็จน่ะ”

ต้นอ้อบอกอายๆ พวงแก้มหล่อนเป็นสีชมพูจัด จะด้วยความเขินอายหรือเพราะออร่าของคนกำลังจะเป็นเจ้าสาวก็ไม่อาจรู้ได้ ปลายดาวรับการ์ดมาถือไว้อย่างเต็มใจ เธอไม่ได้ถือสากับเรื่องของความกระชั้นที่ว่า เพราะก็รับรู้กำหนดการมาโดยตลอดเช่นกัน

“น่าจะแจกตอนเข้างานเลยก็ได้นะ ไม่เห็นต้องรีบร้อน” เธอแอบประชด “ดาวดีใจด้วยจริงๆนะ ตายล่ะ! แล้วนี่ดาวจะตัดชุดทันมั้ยนะ แล้วพวกยัยส้มจี๊ด ยัยแอ๊ว อัญชัญนั่นอีกล่ะ เดี๋ยวเหอะ ได้วีนแหลก”

ต้นอ้อหัวเราะร่วน เมื่อพูดถึงกลุ่มเพื่อนซี้จอมวีน แต่พอมองหน้าปลายดาว หล่อนก็หยุดคิดขึ้นมาได้

“เอ๊ะ! ว่าแต่ดาวจะกลับจากเยอรมันวันไหน มาทันงานแน่ใช่มั้ย”

“ทั้น” ปลายดาวลากเสียงสูง “ดาวไปแค่ห้าหกวันเอง อย่าได้เป็นกังวล”

“กังวลสิ เดี๋ยวงานแต่งอ้อไม่มีใครมาแย่งรับดอกไม้ เซ็งแย่”

ปลายดาวพลอยหัวเราะไปด้วย ใครก็รู้ว่าเธอเป็นมือฉมัง ไปงานแต่งงานไหนเป็นต้องคว้าช่อดอกไม้เจ้าสาวมาครองไว้ได้ทุกครั้ง ที่น่าเสียใจก็คือตรงที่เธอคว้าได้ก็จริง แต่เส้นทางสายไหมของเธอกลับดูมืดมนลางเลือนอย่างไม่บอกไม่ถูก

“ดาวจะชวนคุณเต้ไปด้วยก็ได้นะ...ดูงาน”

คำชักชวนนั้นคล้ายหินก้อนใหญ่ที่หล่นโครมลงมาบนน้ำนิ่งสนิท ยังผลให้ตะกอนที่นอนก้นมานานขุ่นคลั่กขึ้นมาอีกหน แม้ว่าไม่อยากนึกถึง แต่ก็อดนึกถึงไม่ได้...

ข่าวคราวของคุณเตชิตหายไปพร้อมกับวันเวลาที่ผันผ่าน เขาทำตามที่พูดไว้จริงๆ คือหายไปจากชีวิตเธออย่างไร้ร่องรอย หลายเดือนแล้วที่เขาออกไปจากชีวิต มันนานพอที่เธอควรจะทำใจว่าเส้นทางระหว่างเขากับเธอไม่มีโอกาสจะวนมาเจอกันอีกเหมือนแม่น้ำทุกสายในโลกที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับ ที่น่าเจ็บใจก็ตรงที่อยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่เขาไม่ยักกะนึกถึงเธอบ้าง จะมีเหตุผลอะไรที่เขาเลือกจะหายเข้ากลีบเมฆไปแบบนี้ นอกเสียจากว่าเขาจะเกลียดเธอจนไม่อยากจะติดต่อกลับมาหาเธออีกมันก็เท่านั้นเอง
คนใจร้าย...

ภายหลังจากเคลียร์งานในช่วงเช้าเสร็จแล้ว ปลายดาวก็เดินลงมาสำรวจโชว์รูมอันเป็นกิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้ แต่เข้าโชว์รูมมาได้เพียงครู่เดียว น้องเจี๊ยบก็เดินยิ้มร่าเข้ามาหาอย่างอารมณ์ดี

“พี่ดาว มีแขกมาขอพบ เขาบอกว่ามาจากร้านเรนนี่ เค้ก”

หัวใจของปลายดาวกระตุกวูบ คุณเตชิตตายยากชะมัด กำลังนึกถึงอยู่เชียว ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน แต่บทจะมาเจอก็เจอง่ายๆแบบนี้ เธอชักตั้งตัวไม่ติดเหมือนกันนะนี่

“เขาบอกหรือเปล่าว่ามาทำอะไร”

“อ๋อค่ะ เขาจะคุยเรื่องผ้าที่เคยซื้อกับพี่เอาไว้”

“งั้นเจี๊ยบไปรับเถอะ..พี่อยากไม่รับลูกค้า เกรงใจเซลส์เขา” เธอแอบวางฟอร์ม เล่นตัวนิดหน่อยเพื่อความเหมาะสม

“แต่เขาอยากคุยกับพี่น่ะ นะพี่...”

แม้จะยังตั้งตัวไม่ติด แต่ปลายดาวก็ไม่มีทางเลือก จึงเดินกลับไปยังห้องรับแขกที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโชว์รูม เคาะประตูสองสามทีให้เขารู้ถึงการมา ปลายดาวก็เดินเข้าไปในห้องอย่างเด็ดเดี่ยว

ผู้มารอพบไม่ใช่คุณเตชิตอย่างที่เธอปักใจว่าจะเป็น หากเป็นหญิงสาวแสนสวยคนเดิมเจ้าของคดี “รักเร้น” ที่ยังกินใจปลายดาวอยู่จนทุกวันนี้ หล่อนนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟาสีเบจ กิริยามารยาทและการแต่งตัวยังคงสวยเฉียบเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน มีเพียงแววตาเท่านั้นที่อาจจะไม่แจ่มใสนัก

“คุณฝน...สวัสดีค่ะ”

ปลายดาวเอ่ยทัก แต่ก็อดประหลาดใจไม่ได้ที่หล่อนบุกมาถึงที่นี่เสียเอง อีกฝ่ายยิ้มตอบอย่างจริงใจ ไม่มีความเคลือบเคลืองใดๆแฝงอยู่

“สวัสดีค่ะ คุณดาว ขอโทษที่มาโดยไม่ได้นัด ฝนมารบกวนหรือเปล่าคะ”

“ปละ เปล่าค่ะ คุณฝนมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”

“ฝนอยากเปลี่ยนผ้าม่าน กับผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ในร้าน อยากให้เข้ากัน จะรบกวนคุณดาวให้คำปรึกษาหน่อยน่ะค่ะ”

“ยินดีมากค่ะ แต่ความจริงเรามีทีมงานออกแบบสามดีด้วยค่ะ ทางดีไซเนอร์เขาจะจำลองแบบในคอมพิวเตอร์ให้ดูก่อน ถ้าคุณฝนสนใจ ดาวจะเรียกให้”

“ดีค่ะ พอดีฝนไม่มีความรู้เรื่องนี้ ที่ผ่านมา เต้เขาก็ช่วยมาตลอด”

เขาคงเกลียดขี้หน้าเธอจนไม่อยากย่างกรายมาที่นี่อีกสินะ คุณฝนก็เลยต้องมาเอง

“ได้ค่ะ เดี๋ยวดาวไปตามให้ คุณฝนต้องรอสักครู่นะคะ ความจริง...ครั้งต่อไปถ้าคุณฝนไม่สะดวก โทรมาแจ้งที่เคาน์เตอร์ก็ได้นะคะ เรามีบริการไปออกแบบให้ถึงที่บ้านเลย”

“ที่ไหนก็เหมือนกันแหละค่ะ เต้ไม่อยู่สักคน ฝนลำบากมาก”

หล่อนทำหน้าเหน็ดเหนื่อย แต่สบตาปลายดาวอย่างจับสังเกต ทว่าก็ไม่เห็นพิรุธของอีกฝ่าย

“ไม่น่าลำบากหรอกค่ะ เรื่องตกแต่งนี่ ความจริงดาวว่าผู้หญิงอาจจะทำได้ดีกว่าผู้ชายเสียอีก ดีไซเนอร์ของดาวก็มีผู้หญิงตั้งหลายคน”

“ฝนหมายถึงที่ร้านค่ะ...”

“ถ้าเหนื่อยมาก คุณฝนน่าจะหาผู้ช่วยที่ไว้ใจได้สักคน ก็อาจจะดีขึ้น เอ่อ...แล้วคุณอาร์ท?”

ชื่อที่ถูกเอ่ยถึง ทำให้คุณฝนยักไหล่ แววตาและท่าทางหล่อนบ่งบอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ และหล่อนก็อาจจะไม่พึงใจที่จะต้องเอ่ยถึงมากนัก ปลายดาวก็เลยหยุดคำถามเสียตั้งแต่ตอนนั้น

“วันก่อนคุณนนท์แวะไปที่ร้าน”

หล่อนพูดสั้นๆ คล้ายต้องการบอกเล่า แต่ไม่อยากขยายความมากกว่าที่เป็นอยู่ ทว่าปลายดาวหูผึ่ง

“เหรอคะ...ดีจัง คุณฝนจะได้มีเพื่อน”

“คุณดาวคิดอะไรอยู่...ฝนรู้นะ” หล่อนหัวเราะที่ดักคอเธอเสียได้ “ท่าทางคุณนนท์ดูดี ดูเอาการเอางานมากขึ้นทีเดียว”

“ใครๆก็บอกอย่างนั้น คุณฝนจะไม่ลองพิจาณาดูอีกสักทีเหรอคะ”

“ก็เค้าไม่ได้ชอบฝนนี่”

“ใครบอก เขาชอบคุณฝนมาก จะเป็นจะตายเลยทีเดียวแหละ”

“มันแค่ตอนแรกๆค่ะ” เธอยิ้มมุมปากเศร้าสร้อย “นี่ใจคอคุณดาวจะไม่ถามถึงเต้สักคำเหรอคะ”

คำถามแทงใจดำทำให้ปลายดาวต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับหล่อนตรงๆ นาทีนี้เธอชักไม่แน่ใจถึงการมาของคุณฝนเสียแล้วสิ

“เอ่อ...คือ...เขาสบายดีมั้ยคะ”

“เต้ไม่ได้ไปที่ร้านนานแล้วค่ะ”

“อ้าว!” ปลายดาวอุทานออกมาอย่างผิดคาด “แต่เดี๋ยวก็คงกลับมา เขาไม่กล้าทิ้งคุณฝนไปนานๆหรอก เขาห่วงคุณฝนยังกะอะไร”

“เขาห่วงจริง...แต่ก็ไม่ได้รักฝนนะ” หล่อนยอมรับออกมาตามตรง

“คุณฝน...”

“ฝนเคยคิดว่ามันเป็นความรัก แต่ก็มาค้นพบทีหลังว่าไม่ใช่ เราแค่สนิทแล้วก็ใกล้ชิดกัน”

“คุณฝนอย่าเพิ่งคิดอย่างนั้นสิคะ”

“ฝนไม่อยากหลอกตัวเองอีก ไม่อยากให้เต้ลำบากใจเพราะฝน เต้ทำเพื่อฝนมามากแล้ว” หล่อนเอื้อมมือมาแตะแขนปลายดาวไว้เบาๆ “คุณดาวคะ เต้เขารักคุณดาวนะ ทำไมคุณดาวไม่เลือกเต้ คุณไม่ได้รักคุณนนท์ไม่ใช่เหรอคะ”

“ดาว...เอ่อ....”

“ที่ฝนมา เพราะฝนสงสารเต้ ถ้าคุณดาวสงสัยเรื่องของเต้กับฝน ฝนขอยืนยันว่ามันไม่มีอะไร ที่ผ่านมาฝนคิดไปเอง เต้เขาไม่เกี่ยว”

“คุณฝนคะ คุณฝนไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ เรื่องของดาวกับคุณเต้ ไม่ใช่ความผิดของคุณฝนสักหน่อย”

“ถ้าคุณดาวจะไม่เชื่อฝน หรือจะไม่ยอมให้โอกาสเต้ ก็สุดแล้วแต่คุณดาวแล้วกัน ฝนแค่ทำในสิ่งที่ฝนอยากทำ พูดตรงๆนะ ฝนไม่รู้ว่าอะไรเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่ฝนเชื่อว่าเต้จะยังเหมือนเดิม”

“แล้วทำไมเขาไม่มาพูดเองล่ะ”

ปลายดาวอยากย้อนถามไปแบบนี้ แต่แววตาโศกสลดของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เธอห้ามมันไว้ได้สำเร็จ ปลายดาวรู้ว่าหล่อนเองก็เจ็บปวดไม่น้อย กับการที่ไม่อาจได้รับความรักตอบจากชายหนุ่มที่หล่อนมีใจให้มาแรมปี ที่ร้ายกว่านั้น...หล่อนยังมีแก่ใจมาบอกให้เธอยอมเปิดใจให้โอกาสชายหนุ่มคนนั้นเสียอีก

มันชักจะดราม่าเกินไปแล้ว...

“ฝนเคยคิดว่าเต้เขาชอบคุณดาว แต่ฝนคิดผิด เต้เขารักคุณดาวไปแล้ว ถ้าคุณดาวยังไม่ได้รักใครจริงๆ ให้โอกาสเต้อีกทีนะคะ ฝนอยากเห็นเต้มีความสุข”

ปลายดาวถอนหายใจออกมายาวเหยียดแอบสะท้อนใจอยู่ลึกๆ เมื่อร่างสูงระหงของคุณฝนจากไป... ทุกคำพูด ทุกความรู้สึกที่ออกมาจากหล่อนทำให้ปลายดาวยิ่งตระหนักชัดเจนในตอนนี้เองว่า จริงๆแล้วหล่อนไม่ใช่ทั้งศัตรู...ไม่ใช่ทั้งคู่แข่ง แต่เป็นหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับเธออย่างน่าสงสารที่สุด...

หล่อนจะรู้มั้ยนะ...ว่าปลายดาวก็อยากจะให้โอกาสกับคุณเตชิตอยู่ใจจะขาด แต่มันแย่ก็ตรงที่เขาดูเหมือนจะตัดญาติขาดมิตรกับเธอกับเธอไปเสียแล้วนี่สิ...
เฮ้อ!........................................


มหานครแฟรงเฟิร์ต ประเทศสหพันธรัฐเยอรมนี...

ภายหลังจากเสร็จสิ้นการเยี่ยมชมงาน Heimtextile ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ Messe’ กลางกรุงแฟรงเฟิร์ต ปลายดาวมีเวลาเหลืออีกสองวัน สำหรับการเที่ยวพักผ่อนและตระเวนหาซื้อของฝาก แม้ว่าถนนหนทางทุกเส้นจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่โปรยปรายลงมาหนักที่สุดในรอบสิบห้าปี จนทำให้เมืองทั้งเมืองเหมือนถูกห่มด้วยผ้านวมสีขาวผืนใหญ่ดูปราศจากสีสันอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็หาได้เป็นอุปสรรค

หญิงสาวใช้ช่วงเวลาวันแรกที่เหลือไปกับการเดินเที่ยวชมเมือง และสถานที่สำคัญต่างๆ โชคดีที่วรนนท์เสร็จธุระจากสเปนและบินตรงจากที่นั่นมาหาเธอได้ทันเวลา เขาจึงกลายเป็นเพื่อนเที่ยวทั้งยังสามารถเป็นไกด์พาเธอเที่ยวชมเมืองได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนไม่น่าเชื่อว่าในความไม่เอาไหนที่เธอเคยเห็น วรนนท์สามารถจดจำเรื่องราวสลักสำคัญของสถานที่สำคัญเหล่านั้นและถ่ายทอดให้เธอฟังได้อย่างน่าทึ่ง

เรื่องราวของวรนนท์ไม่ต่างอะไรกับหนังม้วนสุดท้าย เพราะหลังจากที่รู้ตัวว่าไม่สามารถเป็นได้มากกว่าเพื่อน และต่อให้นานแค่ไหนปลายดาวก็จะไม่มีวันให้เขาได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ชายหนุ่มก็ไม่ดื้อดึง เขายอมรับความจริงและยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็จะไม่มีวันเปลี่ยน เพียงแต่ใครเลยจะไปหาญกล้าฝืนชะตาฟ้าลิขิต ในเมื่อพระเจ้าไม่ได้สร้างเธอกับเขาให้มาคู่กัน

ชายหนุ่มชดเชยความสูญเสียด้วยการปรับปรุงตัวเสียใหม่ เขายอมกลับเข้าบ้าน ยอมขอโทษคุณหญิงดวงใจ และทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดนั่นคือการยอมเข้าไปทำงานในบริษัทอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ทำเอาคุณหญิงแม่ที่เพียรเคี่ยวเข็ญเขามาตลอดปลาบปลื้มดีใจไม่หยุด จนถึงกับหนีบลูกชายออกงานสังคมเป็นว่าเล่น

การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นชนิดทันตาเห็นทำให้เขายิ่งกลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมกว่าเดิม คอลัมน์ข่าวสังคมเต็มใจนำเสนอข่าวทายาทคลื่นลูกใหม่ผู้ประสบความสำเร็จในวงการอสังหาริมทรัพย์กันอย่างเอิกเกริก แม็กกาซีนทุกเล่มตามจีบ นี่ยังไม่รวมถึงบทบาทพระเอกทั้งหนังและมิวสิควิดีโอที่รุมตอมเข้ามาไม่หยุดหย่อน จนปลายดาวยังแอบแซวเขาอยู่หลายครั้งว่าน่าจะเปิดรับสมัครผู้จัดการส่วนตัวสำหรับรับงานนอกเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ดูเหมือนว่าเขาก็หาได้อินังขังขอบ แถมยังคงเพลิดเพลินกับการบริหารเสน่ห์ต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน

ก่อนค่ำเล็กน้อย หลังออกมาจากจตุรัสโรเมอร์ หรือ Romer Square อันเป็นสถานที่สุดท้ายสำหรับวันเพื่อเตรียมตัวจะเข้ายังโรงแรมที่พัก หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างหนักอีกครั้ง ทำเอาปลายดาวต้องกอดตัวเองให้แน่นหนามากขึ้นภายใต้เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่ยาวระลงมาคลุมหัวเข่าพร้อมทั้งดึงหมวกที่ห้อยไปทางด้านหลังขึ้นมาคลุมครอบศีรษะเพื่อกันตัวเองออกจากความหนาวเหน็บ โดยมีวรนนท์ช่วยกระชับผ้าพันคอผืนสวยให้ด้วยอีกแรง

“พยากรณ์อากาศบอกว่าพรุ่งนี้จะหนาวกว่าวันนี้อีก เธอต้องคอยหาผ้าอุ่นๆพันคอไว้ ระวังจะเป็นหวัด”

“ตาย!” ปลายดาวยกมือขึ้นทาบอก “แค่ลบสิบห้าองศาวันนี้ฉันก็จะหนาวตายอยู่แล้ว ดีนะที่กลับพรุ่งนี้ ขืนอยู่ต่อฉันได้แข็งตายเป็นมัมมี่พอดี”

“นี่ถ้าเราเป็นแฟนกัน จะช่วยกอดให้เธอหายหนาว”

เขาพูดยิ้มๆทีเล่นทีจริงขณะช่วยเกลี่ยเกล็ดหิมะที่ปลิวตกลงมาบนศีรษะ ปลายดาวปัดมือเขาออกแต่ก็อดหัวเราะไม่ได้

“อุตส่าห์มาไกลขนาดนี้ ยังไม่หายประสาทอีกเนี่ย ฉันก็นึกว่าเธอหายดีแล้ว” หญิงสาวตบแปะไปบนหน้าผากเขาหนึ่งทีแล้วทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แต่เป็นเพื่อนกันก็กอดกันได้นี่ เมื่อก่อนเราก็กอดกันออกบ่อย ทำเป็นไม่เคยไปได้”

“กอดได้...แล้วหอมด้วยได้หรือเปล่าล่ะ”

“แหม ได้คืบจะเอาศอก เอาน่า...ถ้าเธอต้องการ ฉันก็จัดให้ได้”

“งั้นไม่เอาดีกว่า ฉันไม่อยากหาเรื่อง”

ชายหนุ่มเบ้ปาก พร้อมทำท่าขนลุกขนพองทั้งที่ใจจริงอยากจะหาเรื่องใส่ตัวแทบแย่ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าในขณะที่ผู้หญิงหลายคนพากันตบตีแย่งชิง แต่คาสโนว่าหน้าหยกที่ผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วนอย่างเขา จะแอบมาตายน้ำตื้นเพียงเพราะมีใจให้กับเพื่อนสนิทที่ไม่เพียงแต่ไม่เคยมีใจให้เขาเท่านั้น แต่เธอยังไม่เคยมีเขาอยู่ในสายตาอีกด้วย

น่าแปลกยิ่งกว่านั้น...ก็ตรงที่รู้ว่าแม้โอกาสมีเพียงน้อยนิด แต่ความหวังเขากลับโชติช่วงสว่างไสว

พ้นจากตัวอาคารรถไฟฟ้าใต้ดิน วรนนท์ชวนเธอแวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อจะหาซื้อของฝากประเภทช็อคโกแล็ตกลับไปฝากคนทางเมืองไทย ปลายดาวไม่ขัดแต่ก็อดเหน็บแนมไม่ได้ตามประสา

“ฉันล่ะเบื่อพวกแฟนคลับเยอะจริงๆ น้ำหนักกระเป๋าเกินอย่ามาโยนให้ฉันนะ ไม่ช่วยแบกจริงๆด้วย”

“อิจฉาฉันหรือเปล่า หรือว่าหึง” เขาหัวเราะแล้วเดินนำหน้าเพื่อนสาวเข้าไปด้านใน “คนไม่มีแฟนก็งี้...จิตป่วน”

ปลายดาวหัวเราะพร้อมตามไปเหวี่ยงกำปั้นลงบนแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างไม่จริงจังนัก อาการเจ็บหนึบๆตรงหัวใจกลับมาอีกรอบจนต้องเผลอกระพริบตาถี่ๆหลายครั้งเพื่อขับไล่ความรู้สึกนั้น...

การเจอกันกับคุณฝนเมื่อสัปดาห์ก่อนทำให้อะไรๆกระจ่างขึ้นก็จริง แต่เธอก็ยังคงไม่ได้ข่าวคราวจากคุณเต้อีกอยู่ดี บางที...มันคงถึงเวลาแล้วกระมัง ที่เธอควรจะต้องสะสางพื้นที่ในหัวใจตัวเองเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้มันรกเรื้อรุงรังด้วยเรื่องราวในวันคืนเก่าๆมานานแรมปี

“อ้าว! ป้า! ยืนทำไรอยู่ได้ มานี่!”

วรนนท์ตะโกนออกมาจากในร้านเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงยืนเหม่อนิ่งอยู่ที่เดิม ปลายดาวได้สติ ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะนึกถึงในสิ่งที่มันไม่มีวันกลับมาอีก เธอเหลียวมองไปรอบๆก่อนจะสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วค่อยๆผ่อนออกเบาๆอย่างคนที่พยายามทำใจแล้ว กระนั้นก็ยังไม่วายแอบคาดโทษเขาอยู่เงียบๆตามประสาคนเจ้าคิดเจ้าแค้น

ถ้าเขากลับมาง้อเธอเมื่อไหร่...จะเล่นตัวให้น่าดูชมเลยเชียว!

เดินทั่วร้านจนเพื่อนหนุ่มได้ของฝากเกือบเต็มตะกร้าในขณะที่หญิงสาวยังคงละล้าละลัง การเลือกซื้อของฝากสำหรับเธอเป็นเรื่องยากยิ่งสิ่งเดียวมาแต่ไหนแต่ไร

“ชักช้าอยู่นั่นแหละ จะเอาอะไรก็เลือกๆไปเหอะน่า”

วรนนท์ตัดบทเมื่อเห็นเธอหยิบแล้ววาง วางแล้วหยิบเป็นรอบที่นับไม่ถ้วน

“ก็ฉันกลัวคนได้เขาไม่ชอบ”

“คิดมากน่า ของฟรีน่ะคนได้เขาไม่คิดมากหรอก มีแต่จะดีใจที่ได้ของฝาก”

“ไม่รู้สิ...”

ปลายดาวพูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์ที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทก็ดังขึ้น ภาพหน้าจอปรากฏเป็นรูปพี่สาวคนสวยที่ปลายดาวแอบเดาว่าคงโทรมาสั่งซื้อของฝาก เธอกดรับทว่าสัญญาณที่ขาดหายเป็นช่วงๆก็ทำให้เธอต้องเปล่งเสียงดังกว่าปกติ จนต้องขอตัวออกมาคุยด้านนอก แต่ไม่วายหันไปตะโกนบอกเพื่อนรักก่อนจะค่อยๆแทรกตัวออกมา

หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตว่าทันทีที่เธอค่อยๆดันตัวเองออกมาจากฝูงชาวต่างชาติที่แน่นขนัดอยู่ในร้าน ใครบางคนที่ยืนอยู่อีกล็อคถัดไปก็ก้าวมาแทนที่ในเสี้ยวจังหวะที่แสนจะพอดิบพอดี!




สิริเสาวภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ย. 2554, 13:14:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ย. 2554, 13:14:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 2461





<< ตอนที่ 16 << หญิงก็ร้าย..ชายก็แรง(กว่า) >>   สุดท้ายที่ปลายดาว(ตอนจบ) >>
anOO 3 พ.ย. 2554, 16:08:24 น.
ใครมาอ่ะ ใช่คุณเต้ป่าวเนี้ย


Canopus 3 พ.ย. 2554, 20:22:16 น.
สงสัยใครคนนั้นคงเป็นคุณเต้


pseudolife 3 พ.ย. 2554, 20:28:44 น.
อ๊าย ลุ้นตอนต่อไปค่า


wii 3 พ.ย. 2554, 20:32:29 น.
เอ้อขิงก็ราข่าก็เเรง เดินมาพบกันครึ่งทางเป็นไง ถ้ารักกันจริงๆก็ต้องเข้าใจความต้องการของกันเเละกันเเละมาพบกันครึ่งทาง ไม่ใช่ว่าหนูดาวต้องทำอย่างที่นายเต้ต้องการหรือนายเต้ต้องทำอย่างที่หนูดาวต้องการเสมอไป เเละอีกอย่างเพื่อนก็คือเพื่อนจะให้ตัดขาดเพราะเเฟนต้องการเพราะความหึงไม่ใด้หรอก คนที่หึงตะบี้ตะบันไม่คิดหน้าคิดหลังก็คือคนที่ไม่มีเเละไม่เคยมีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าจะมัดใจคนที่ตัวเองรักเอาไว้ใด้ ไอ้อาการหึงก็เลยสำเเดงเดชออกมา นั่นหล่ะที่จะทำให้คนรักเขาเบื่อหน่ายเอาเพราะความหึงที่ไม่เข้าท่า


wane 3 พ.ย. 2554, 22:54:37 น.
งอนกันยาวจริงๆ คู่นี้


violette 4 พ.ย. 2554, 09:37:54 น.
อะไรกันี่ อิตาเต้หรือเปล่า แต่เค้าปลื้มนนทนะ อิอิ


กานต์นวีร์ 4 พ.ย. 2554, 12:01:30 น.
หนอนอยากได้คนมาดามใจให้ไหม เค้าว่างนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account