ต้องชะตารัก By ณพรชล
ความรักของมนุษย์เราจะมั่นคงสักแค่ไหนกันนะ

หากว่าคนที่เรารักที่สุดกลับจำเรื่องราวระหว่างกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เราควรจะทำอย่างไรดี

ทำทุกวิถีทางให้เธอจำได้

ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป

หรือ สร้างความทรงจำใหม่ให้กับเธอ

ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกอะไร

"ผมไม่รู้ว่าสำหรับพี่ต้นแล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าดี หรือ แค่ไหนถึงจะเรียกว่ามากพอ แต่ในความรู้สึกของผมปลายข้าวไม่ใช่แค่ความหลง ไม่ใช่แค่ความผูกพันธ์ หรือแม้แต่ความสงสารใดๆ แต่ปลายข้าวคือความรัก ชีวิต และจิตใจของผม เพียงครั้งแรกที่ผมเห็นเธอ ผมรู้ในทันทีว่าเธอคือ ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่มีใครเชื่อเพราะคิดว่าผมยังเด็กเกินไป แต่ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันความรู้สึกเดิมว่าปลายข้าวยังเป็น ‘คนที่ใช่’ สำหรับผม คือคนที่ผมอยากมีอนาคตร่วมกับเธอและไม่มีใครสามารถแทนที่เธอได้ ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ปลายข้าวอยู่ใกล้ๆ เคียงข้างผมได้โดยไม่ให้เธอเสียหายหรือมีใครมาครหา"
Tags: พี่สกาย ปลายข้าว

ตอน: ตอนที่ 3

ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ
ด้วยรักและจุ๊บๆ ^^
ปอรินทร์

3.

“เมื่อคืนพี่สกายมาเยี่ยมปลายด้วยนะน้ำตาล” ธัญพัชรเอ่ยขึ้นหลังจากแพทย์ตรวจร่างกายเธอเสร็จและอนุญาตให้กลับบ้านวันนี้

“ฝันหรือเปล่าปลาย” น้ำตาลถามอย่างไม่เชื่อ

“จริงๆ นะน้ำตาล เมื่อคืนปลายรู้สึกจริงๆ ว่าพี่สกายมาเยี่ยมปลาย” เธอยืนยันเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่เชื่อ

“ปลาย! พี่สกายเขาขาดการติดต่อกับพวกเรามาตั้งหลายปีแล้วนะ ป่านนี้เขาเป็นตายร้ายดีแค่ไหนเรายังไม่รู้เลย เขาจะรู้ได้ยังไงว่าปลายเข้าโรงพยาบาล แล้วอีกอย่างเมื่อคืนน้ำตาลนอนเป็นเพื่อนปลายทั้งคืนน้ำตาลยังไม่รู้สึกเลยว่ามีใครเข้ามาหาปลายเลย นอกจากพยาบาลที่เข้ามาเมื่อตอนเช้ามืดน่ะ” นวลตาพยายามอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ ดูเหมือนธัญพัชรจะนิ่งไปเหมือนจะพิจารณาอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเศร้าๆ

“สงสัยปลายคงจะฝันไปอย่างที่น้ำตาลว่ามากกว่านั้นแหละ”

“เอาน่าปลาย อย่าเศร้าเลยน่า ถึงอย่างไรก็มีคนมาเยี่ยมปลายตั้งหลายคน เจ้านายปลายยังส่งกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยมเลย เห็นคุณตาคุณยายบอกว่าจะพาปลายไปกินข้าวฉลองที่ออกจากโรงพยาบาลด้วยนะ น้ำตาลว่าตอนนี้ปลายเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า” นวลตาปลอบและชวนเพื่อนคุยเรื่องอื่นแทน ธัญพัชรนั้นถึงแม้จะยอมเปลี่ยนเรื่องคุยตามเพื่อน แต่ในใจก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องเมื่อคืนตกลงมันเรื่องจริงหรือคือความฝัน แล้วสัมผัสอันอ่อนโยนที่เธอรู้สึกเมื่อคืนนี้ล่ะ มันคืออะไรกัน เสียงกระซิบอันอ่อนหวานกับสัมผัสอันอ่อนโยนนั้นมันคือความฝันแน่หรือ...



หลังจากออกโรงพยาบาลมาธัญพัชรก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ จนกระทั่งเธอรู้ข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ของธัญกาญจน์ผู้เป็นพี่สาว ความดีใจและตื่นเต้นที่จะได้เป็นคุณน้าจึงทำให้วันๆ ในหัวของธัญพัชรที่นอกจากจะมีเรื่องงานแล้วก็ยังมีเรื่องของหลานด้วย ทำให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลคืนนั้นจึงค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำของธัญพัชรที่ละน้อย

“ปลาย! ไม่คิดที่จะลองเป็นเลขาเต็มตัวบ้างหรือ” ภาวิณีถามธัญพัชรในบ่ายวันหนึ่ง

“พี่ภานึกยังไงมาถามปลายคะเนี่ย” ธัญพัชรเงยหน้าจากงานที่ทำ เอ่ยถามหัวหน้าของเธออย่างงุนงง เพราะตลอดระยะเวลาเกือบสี่ปี ภาวิณีไม่เคยพูดในทำนองนี้มาก่อนเลย ตอนที่ธัญพัชรเข้ามาทำงานใหม่ๆ เธอเรียกภาวิณีว่าคุณภาตลอดจนกระทั่งธัญพัชรผ่านโปรฯ ในเดือนที่สองของการทำงาน ภาวิณีจึงให้ธัญพัชรเรียกเธอว่าพี่ เพราะอยากให้ฟังดูสนิทกันมากกว่าเรียกคุณ และอยากให้เธอหายเกร็งเวลาคุยกับเธอเพราะเธอจะเป็นคนที่ค่อนข้างเนี๊ยบ และเจ้าระเบียบในเวลาทำงาน แต่เธอก็ให้คำปรึกษาเธอได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว

“ก็ตอนนี้ลูกชายของท่านประธานเขากำลังจะเข้ามาทำงาน ท่านประธานก็เลยให้พี่ลองหาเลขาให้ลูกชายท่านหน่อย พี่เห็นเราทำงานเป็นผู้ช่วยพี่มาตั้งหลายปีแล้ว พี่เห็นคนอื่นๆ เขาตะเกียกตะกายอยากจะเจริญก้าวหน้า แล้วปลายไม่อยากลองเป็นเลขามั้งหรือ ” ภาวิณีบอก นับตั้งแต่ ‘เบื้องบน’ บอกเธอว่าให้ชวนเด็กฝึกงานคนหนึ่งมาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา ด้วยสาเหตุเพราะอะไรนั้นเธอเองก็สุดจะเดา เธอเฝ้าสังเกตและจับตาดูการกระทำของลูกน้องสาวมาหลายปีแล้ว ลูกน้องของเธอคนนี้มีความตั้งใจทำงานอย่างเต็มเปี่ยม ทำงานรวดเร็ว เอาจริงเอาจังกับงาน ช่างสังเกต สงสัยอะไรก็ถามเธอตลอด ไม่เคยทำงานคั่งค้างให้เป็นที่ตำหนิของเจ้านาย ก็สมควรแล้วที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง

“ปลายยังทำงานไม่ได้เรื่องอยู่เลยค่ะพี่ภา ยังมีอีกตั้งหลายอย่างที่ปลายจะต้องให้พี่ภาสอน ขืนปลายไปทำอะไรๆ เปิ่นๆ กับเจ้านายขึ้นมา ปลายอายแย่เลย แถมเสียมาถึงพี่ภาอีก ปลายอยู่อย่างนี้ดีแล้วแหละค่ะพี่ภา” ธัญพัชรบอกปปฎิเสธอย่างนุ่มนวล

“ไม่คิดจะลองจริงๆ น่ะหรือปลาย” ภาวิณีถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ปลายไม่คิดจะลองจริงๆ ค่ะพี่ภา ปลายว่าพี่ภาลองหาคนอื่นที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นมากกว่าปลายดีกว่านะคะ” ธัญพัชรตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนภาวิณีอ่อนใจ

“โอเคจ๊ะ ปลายทำงานต่อเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว” ภาวิณีพูดจบก็เดินหายไปในห้องของท่านประธาน ธัญพัชรจึงหันมาสนใจงานที่อยู่ตรงหน้าต่อ

“เป็นยังไงบ้างคุณภา หนูปลายตอบตกลงไหม”คุณจักรินทร์ถามทันทีที่เลขาคู่ใจเข้ามาในห้องทำงาน

“ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเลยค่ะท่าน เธอบอกว่าตัวเองยังไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการเป็นเลขา”ภาวิณีบอก ทำให้รอยยิ้มที่นานๆ จะมีสักทีเกิดขึ้นบนใบหน้าของท่านประธานกรรมการผู้จัดการบริษัทเจ เอ็นกรุ๊ป

“คุณภามีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้” คุณจักรินทร์ถามอย่างอารมณ์ดี

“ไม่ว่าดิฉันจะคิดยังไง ท่านก็คงตัดสินใจเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือคะ”

“ผมแค่อยากรู้ว่าเลขาที่ทำงานกับผมมาสิบกว่าปีจะรู้ใจผมมากแค่ไหน ก็เท่านั้น”

“ธัญพัชรเป็นคนที่มีความจริงจังกับงาน เรียนรู้เร็ว มีไหวพริบดี ความประพฤติก็เรียบร้อย ดิฉันคิดว่าธัญพัชรมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะมาเป็นเลขาของคุณกายนภัสนิ์ เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ค่ะ” ภาวิณีพูดตามที่เธอคิดเพราะเธอก็ชอบนิสัยของธัญพัชรมากเหมือนกัน

“คุณภาคิดเหมือนผมไม่มีผิดเลย เอาเป็นว่าถ้าเจ้าลูกชายผมเข้ามาทำงานเมื่อไหร่ ก็ให้หนูปลายไปเป็นเลขาเลยก็แล้วกัน” คุณจักรินทร์กล่าว

“จะให้ดิฉันแจ้งธัญพัชรเลยไหมคะ” ภาวิณีเอ่ยถาม

“ยังไม่ต้องคุณภา เอาไว้ให้ลูกชายผมกลับมาก่อนค่อยมีคำสั่งออกไป”

“แล้วลูกชายของท่านจะมาทำงานเมื่อไหร่หรือคะท่าน”

“อีกไม่นานนี้แหละคุณภา วันนี้ผมคงต้องกลับก่อนนะ เออ! อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ผมไม่เข้าบริษัทนะ” คุณจักรินทร์ว่าพลางดูนาฬิกา แล้วเก็บอุปกรณ์ต่างๆ

“ทั้งอาทิตย์เลยหรือคะท่าน” ภาวิณีเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะปกติคุณจักรินทร์ไม่เคยไม่เข้าบริษัทนานขนาดนี้ นอกจากว่าจะมีเรื่องด่วนจริงๆ

“ใช่! ทั้งอาทิตย์เลย ผมจะบินไปงานรับปริญญาของลูกชายผมน่ะ แล้วก็ว่าจะฉลองต่อกับว่าที่ดร.เกียรตินิยมสักหน่อย ผมไปก่อนนะครับคุณภา” คุณจักรินทร์ว่าแล้วเดินถือกระเป๋าเอกสารออกจากห้องไป



ธัญพัชรหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของต่างๆ มาที่บ้านของพี่สาวและพี่เขยในตอนเย็น เมื่อร่างบางเดินเข้ามาภายในตัวบ้านก็พบนมรุ้งแม่บ้านที่พ่วงตำแหน่งแม่นมของเธอและพี่สาวกำลังง่วงอยู่กับการจัดโต๊ะอาหารโดยมีลูกสาวของนางทั้งสองคนคอยเป็นลูกมือ
“จ๊ะเอ๋! สาวๆทั้งหลายทำอะไรกันอยู่คะ” ธัญพัชรเอ่ยทัก

“ตายแล้วคุณหนูปลาย จะมาทำไมไม่โทรบอกก่อนคะ จะได้ให้สมพรไปรับ เย็นย่ำอย่างนี้อันตรายนะคะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมานมจะทำอย่างไรคะ” นมรุ้งรีบละจากงานต่างๆ แล้วเดินมาหาคุณหนูคนเล็กของนางอย่างรวดเร็วจนธัญพัชรได้แต่ยิ้มอย่างขำๆ กับอากัปกิริยาของแม่นม

“ปะ...”

“แล้วนี่หอบอะไรมาอีกหรือคะ นุ่ม นิ่ม มาช่วยคุณหนูปลายเอาของขึ้นไปเก็บสิ” นมรุ้งให้ไปสั่งลูกสาว แล้วคว้ามือที่เพิ่งว่างทันที

“มาค่ะคุณหนูปลาย มากับนม วันนี้ทำของโปรดของคุณหนูปลายทั้งนั้นเลยนะ...” นมรุ้งไม่เว้นช่องว่างให้เธอได้พูดเลยแม้แต่น้อย คำถามทั้งหลายที่คิดจะถามถูกกลืนลงไปทันที กลายมาเป็นผู้ฟังและผู้ตามที่ดีเดินตามแม่นมของเธอไปที่อย่างอ่อนใจ

ร่างอวบอิ่มด้วยอายุครรภ์ใกล้คลอดของธัญกาญจน์กำลังเดินรอบๆ สวนดอกไม้โดยมีผู้เป็นสามีเดินประคองอยู่ไม่ห่างกาย

“พี่ไมล์ไม่ต้องเดินประคองขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ต้นแค่ท้องนะคะไม่ได้พิการ” ธัญกาญจน์พูดอย่างอ่อนใจกับอาการเห่อลูกของสามี เพราะนับตั้งแต่รู้ว่าผู้เป็นภรรยาตั้งครรภ์ พันไมล์ก็ขนซื้อหนังสือคู่มือคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กับของเล่นเด็กอ่อนมาจนเต็มบ้าน ยามเธอเดินเหินไปไหนหรือขึ้นลงบันไดเขาจะเขามาประคองทุกครั้งจนเธอต้องห้ามปราม เขาถึงยอมให้เธอเดินไปไหนมาไหนได้บ้าง แม้แต่เวลาเขาไปทำงานก็จะโทรศัพท์กลับเธอมาหาทุกครึ่งชั่วโมง เธอก็บ่นจนเลิกบ่นเขาก็ยังไม่ลดอาการเห่อลูกสักทีนับวันก็ยิ่งทวีความเห่อมากหนักกว่าเก่าเสียอีก ยิ่งช่วงใกล้คลอดพันไมล์แทบจะย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่บ้านเลยทีเดียว

“แหม! พ่อก็แค่เป็นห่วง เราไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ ยังมีเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะออกมาทักทายพ่อไมล์กับแม่ต้นอีกไม่กี่วันแล้วนะ พ่อก็ต้องดูแลแม่ต้นเป็นอย่างดีสิ เกิดแม่ต้นซุ่มซ่ามหกล้มขึ้นมาจะแย่นะ” พันไมล์แก้ตัวกับภรรยาสาวเสียงอ่อย เขาชอบแทนตัวเองว่าพ่อและเรียนธัญกาญจน์ว่าแม่ต้นเสมอ ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองจะได้เป็นพ่อคนเพราะเขาเชื่อว่าลูกที่อยู่ในครรภ์คงรับรู้ได้ถึงสายใยบางๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเหนียวแน่นระหว่างคนเป็นพ่อกับลูก

“ต้นไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นนะคะพี่ไมล์ ถ้าเป็นยัยปลายก็ว่าไปอย่าง รายนั้นน่ะแค่เดินบนพื้นเรียบๆ ก็สะดุดได้แล้ว” ธัญกาญจน์ว่าพลางเอ่ยพาดพิงถึงน้องสาว

“พูดถึงน้องปลาย แล้วนี่น้องปลายจะมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ต้นช่วงที่พ่อไปประชุมที่สิงคโปร์จริงๆ หรือเปล่า พ่อว่าพ่อส่งตัวแทนไปประชุมดีกว่านะ พ่อจะได้คอยดูแลแม่ต้นจนถึงวันคลอดเลยดีไหม”

“พี่ไมล์อย่าทำแบบนี้สิคะ เดี๋ยวก็เสียการปกครองหมดหรอก ที่บ้านก็มีคนอยู่ตั้งเยอะ ทั้งนมรุ้ง นุ่ม นิ่ม แล้วยัยปลายก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนอีกคน แล้วกว่าจะถึงกำหนคลอดก็อีกตั้งนาน พี่ไมล์ไปแค่อาทิตย์เดียวยังไงทันได้ตัดสายสะดือเจ้าตัวเล็กอยู่แล้วล่ะค่ะ” ธัญกาญจน์ตีแขนสามีเบาๆ พร้อมทั้งร่ายยาวจนคนเป็นสามีเริ่มอ่อนใจ
“โอเคจ๊ะๆ พ่อไปประชุมก็ได้ เอาเป็นว่าถ้าพ่อไปประชุมเสร็จแล้วพ่อจะรีบกลับมาหาแม่ต้นกับลูกไวไวก็แล้วกัน... ว่าแต่ตอนนี้ท่าทางลูกชายพ่อไมล์คงจะหิวแล้วนะ พ่อว่าแม่ต้นกลับเข้าบ้านเถอะเดินมาเยอะแล้วเดี๋ยวกลางคืนปวดหลังอีกนะ” พันไมล์พูดพลางโอบประคองภรรยาเดินเข้าบ้าน

“แล้วพี่ไมล์รู้ได้ยังไงคะว่าลูกเป็นผู้ชาย เห็นมั่นใจเหลือเกิน” ธัญกาญจน์ถามกวนๆ เพราะเธอไม่เคยอัลตร้าซาวด์ดูเลยว่าลูกน้อยในครรภ์เธอเป็นเพศไหน ซึ่งพันไมล์ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเธอเพราะเขาอยากเจอลูกเร็วๆ แต่ก็ขัดเธอไม่ได้

“ทำเองกับมือทำไม่จะไม่รู้ล่ะจ๊ะ ว่าเจ้าตัวเล็กน่ะเป็นผู้ชาย...โอ๊ย!” คำตอบที่ส่งมาพร้อมสายตากรุ้มกริ่ม ทำให้คนในอ้อมกอดแก้เขินโดยการหนีบเขาอย่างแรงที่แขนหนึ่งที เรียกเสียงโอดโอ๊ยจากว่าที่คุณพ่อได้ทันที
“นี่แน่ะ ทะลึ่งดีนัก”



ร่างบางระหงหอบแฟ้มเอกสารจากแผนกประชาสัมพันธ์เดินเข้าลิฟท์ไป เธอมองตัวเลขที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างใจลอยพลางคิดถึงเรื่องเมื่อเช้านี้

‘ปลาย! ท่านประธานมีคำสั่งให้เราเลื่อนตำแหน่งไปเป็นเลขาท่านประธานคนใหม่นะ’ ภาวิณีเดินเข้ามาหาเธอทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะทำงาน

‘อ้าว! ทำไมต้องเลื่อนตำแหน่งปลายคะ ในเมื่อพี่ภาก็ยังอยู่ แล้วท่านประธานคนเก่าล่ะคะ ท่านจะไปไหน’ เธอยอมรับเลยว่าในวินาทีนั้นเธองุนงงเป็นอย่างมากที่อยู่ๆ เธอก็ได้เลื่อนตำแหน่งอย่างไม่คาดฝัน

‘พอดีว่าลูกชายท่านประธาน เขาเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อที่อังกฤษจะมารับช่วงต่อจากท่าน ท่านก็เลยคิดว่าถึงเวลาที่ท่านจะเกษียณตัวเองในตำแหน่งประธานสักที’

‘แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ปลายต้องไปเป็นเลขาของประธานคนใหม่ด้วยล่ะคะ’

‘ก็สามีพี่น่ะสิ เขาบอกว่าขนาดท่านประธานเขายังเกษียณตัวเอง แล้วเมื่อไหร่พี่จะเกษียณตัวเองบ้าง พี่เห็นว่าปลายมีความสามารถมากพอแล้ว พี่ก็เลยรับปากเขาว่าจะลาออกหลังจากที่ท่านประธานคนใหม่มารับตำแหน่งแล้ว’

‘แต่ปลายยังไม่เก่งถึงขั้นที่จะเป็นเลขาได้นี่คะ พี่ภาก็รู้ ปลายยังทำงานผิดพลาดอยู่ตั้งหลายอย่าง...’

‘ปลายเก่งออก ทำงานได้ดีกว่าพี่อีกนะในบางครั้ง ปลายไม่ต้องกังวลหรอกจ๊ะ พี่ยังเป็นเลขาของท่านประธานอีกสองอาทิตย์พี่ถึงจะไป ถ้าปลายมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว’

‘แต่...’

‘ท่านประธานคนใหม่เนี่ย เก่งมากเลยนะปลาย ท่านจบปริญญาเอกมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะ แถมยังเคยทำงานในบริษัทใหญ่ๆ ในอังกฤษตั้งหลายปี ท่านเก่งมากเลยนะปลาย พี่ว่าปลายโชคดีมากเลยนะที่ได้ทำงานกับคนอย่างท่าน’

ติ๊ง!

เสียงลิฟท์ดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ แล้วหันไปมองตัวเลขชั้นที่ลิฟท์หยุด ลิฟท์เพิ่งหยุดอยู่ที่ชั้นยี่สิบเก้า ทั้งที่เธอกดชั้นสามสิบแปดเอาไว้ ประตูลิฟท์ค่อยๆ เปิดออกเผยให้เห็นคนที่ยืนรออยู่ด้านนอก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวคล้ำอย่างคนออกกำลังกายกลางแจ้ง ดวงตาคม คิ้วเข้มพาดเฉียง จมูกโด่งเป็นสันรับกับเรียวปากบาง ผมตัดสั้นเข้ากับใบหน้า ชุดที่ใส่อยู่ก็เป็นเสื้อเชิ้ตสีครีม เนคไทสีน้ำตาลกับกางเกงสแลคสีดำส่งเสริมให้ดูภูมิฐานและน่าเกรงขามยิ่งขึ้น นัยน์ตาสีควันบุหรี่นั้นเป็นสิ่งที่เธอสะดุดใจมากที่สุด แล้วดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นแปลกไปอีกครั้ง เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับ...

“พะ...พี่สกาย...”




ปอรินทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2554, 17:06:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 เม.ย. 2554, 17:09:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1853





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account