พื้นที่ชุ่มรัก
เมื่อได้รับคำขาดจากเหล่าคุณปู่คุณตาว่าต้องการเห็นหน้าหลานเขยหลานสะใภ้ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ซึ่งเหลือเวลาอีกครึ่งปี บรรดาหลานๆจึงปวดหัวหนักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหลานเขยหลานสะใภ้ที่จุดไหนของประเทศ และที่สำคัญกว่านั้น...ถ้าหลานคนใดคนหนึ่งทำตามความต้องการของท่านไม่ได้ ทุกคนจะต้องชดใช้ที่ทำให้คุณปู่คุณตาผิดหวังด้วยเงินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่พอจะทำให้หลานๆสุดที่รักของพวกท่านล้มละลายกันได้ทีเดียว!!

แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
Tags: แผนการ คุณปู่ คุณตา หลาน ความรัก พื้นที่ชุ่มรัก ผลิดอกออกรัก

ตอน: เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 4

ตอนต่อไปมาแล้วค่ะ ช่วงนี้ปอแก้วลมเพลมพัด มาโพสตรงเวลาบ้างไม่ตรงเวลาบ้าง ขอโทษนะคะ

คิดว่าจะโพสทุกวันศุกร์ แต่บางทีก็โพสก่อนโพสหลัง ไม่เข้าร่องเข้ารอยเล้ยยยย

บ่นพอละค่ะ ชอบไม่ชอบยังไง ติ ติ ติ ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน กดไลค์ แล้วก็ทิ้งคอมเมนท์ไว้ให้ชื่นใจนะคะ

บางตอนอาจจะมาช้าหน่อยเพราะช่วงนี้ปอแก้วเริ่มจะยุ่งๆกับชีวิตแล้วค่ะ T T

เจอกันตอนหน้าค่ะ :)

----------------------------------------------------------------------------------------------------


ตอนที่ 4: La Forza Del Destino




ผู้คนที่เดินกันอย่างขวักไขว่ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังกับแสงไฟภายในห้างที่ตกแต่งอย่างสวยงามทำให้เวลายามเย็นที่ใกล้จะพลบค่ำแลดูคึกคักขึ้นมาทันตา มุกตาภาเลือกที่จะใช้ลิฟต์แก้วแทนที่จะใช้บันไดเลื่อนไปยังจุดหมายก็เพราะกลัวที่จะไปถึงทีหลังเจ้านายเจ้าระเบียบ ทั้งที่ความจริงเธออยากจะเดินตากแอร์ดูของโน่นนี่นั่นอย่างสบายอารมณ์แท้ๆ แต่กลับต้องรีบตาลีตาเหลือก ทั้งหมดเป็นเพราะงานที่ชิษวัศโยนมาให้เธอทำแท้ๆเชียว

มุกตาภามาถึงชั้นซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของร้าน ‘La Forza Del Destino’ ร้านเพชรของชิษวัศ หญิงสาวที่ก้าวออกมาจากลิฟต์หันซ้ายหัวขวาไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนก่อนดี เจ้านายเธอบอกมาเพียงแค่ชื่อร้านและที่ตั้งของร้าน ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรที่มากกว่านี้ เขาคงอยากให้เธอเล่นเกมตามล่าหาสมบัติกระมัง แต่จะรู้บางไหมว่าห้างที่ใหญ่ขนาดนี้กว่าจะหาเจอ เธอไม่ต้องเดินจนขาลากเลยหรือ

“คุณช้ากว่าผมนะ” เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำเอาคนที่กำลังเหลียวซ้ายแลขวาสะดุ้งเฮือกก่อนจะหมุนตัวกลับมามองยังต้นเสียงจนพบกับร่างอันคุณตายืนอยู่ไม่ไกลและกำลังมองมาที่เธอด้วยรอยยิ้มเป็นต่อ

“ก็คุณไม่ยอมบอกฉันว่าร้านคุณอยู่ส่วนไหน บอกมาแค่ชื่อร้านกับชั้น แล้วใครจะไปรู้” หญิงสาวเถียง แล้วที่สำคัญเธอเพิ่งจะกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่กี่เดือน ถึงจะเคยมาห้างสรรพสินค้าแห่งนี้หลายครั้ง แต่เธอมันเป็นพวกสมองด้อยเรื่องการจำทิศ ต่อให้มาบ่อยกว่านี้เธอก็จำทางไม่ได้อยู่ดี

“แล้วทำไมคุณไม่ถามประชาสัมพันธ์” ชิษวัศถามกลับ มั่นใจไม่น้อยกับชื่อเสียงของร้านตนเอง แต่ดูจากท่าทางของ มุกตาภา เป็นเธอเองต่างหากที่ไม่ยอมขอความช่วยเหลือ คงไม่แคล้วจะกลัวเสียหน้าที่ไม่รู้จักร้านเพชรชื่อดังอย่าง ‘La Forza Del Destino’

“เรื่องของฉัน” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงสะบัดนิดหนึ่ง “แล้วคุณมาดักรอฉันหน้าลิฟต์ทำไม” เธอถามเขากลับ ที่เธอต้องกลายเป็นเด็กหลงทิศมันไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกหรือ แล้วเรื่องอะไรเธอจะต้องไปถามประชาสัมพันธ์ให้เสียหน้าทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าร้านเพชรของชิษวัศเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ขืนไปถามคงได้ถูกซุบซิบลับหลังแน่ว่าไปอยู่ดาวไหนมาถึงไม่รู้จักร้านเพชรชื่อดังระดับนี้

“ก็เพราะผมรู้ว่าคุณคงไม่ยอมถามประชาสัมพันธ์แน่ๆน่ะสิถึงได้มาดักรอ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้เจอกันพอดี” ดวงตาคู่คมสีนิลสบมองดวงตาคู่สวยอย่างรู้ทันในการกระทำของเธอ ส่วนคนถูกรู้ทันจะทำอย่างไรได้นอกจากส่งสายตาไปบอกว่า...ฝากไว้ก่อนเถอะนะพี่อาร์ม

“แล้วนั่นจะไปไหน” ชิษวัศถามคนที่เลี้ยวไปคนละทางกับตัวเองอย่างนึกขัน นี่เธอฟังเขาบ้างหรือเปล่านะตั้งแต่คุยกัน แค่บอกให้เดินตามมาเธอยังก้าวไปคนละทางได้เลย เป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆสิให้ตาย

มุกตาภาชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดิน เมื่อหันกลับมามองจึงพบว่าตัวเองเดินไปคนละทางกับที่ชิษวัศบอก หญิงสาวก้มตาก้มตาเดินกลับมา บ่นกับตัวเองในใจว่าเอาอีกแล้ว อาการหลงทิศของเธอกลับมาอีกแล้ว

“ทางนี้ใช่ไหม” เธอชี้ ก่อนจะก้าวขาเดินนำโดยไม่คิดจะรอคนเป็นเจ้าของร้านเลย หากชิษวัศกลับกระตุกข้อมือของมุกตาภาไว้ได้ทันจนเจ้าตัวต้องหันมามองที่ข้อมือของตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่าเขาจะอะไรกับเธออีกเล่าหนอ และเมื่อเห็นท่าทางว่าผู้ช่วยสาวของตนเองกำลังจะเข้าใจผิด คนเป็นเจ้านายจึงต้องรีบปล่อยมือก่อนจะแก้ตัว

“คุณรู้หรือยังไงว่าร้านอยู่ตรงไหน เดินมั่วไปอย่างนั้นแล้วจะเจอหรือ”

“ก็คุณบอกว่าทางนี้ เดินๆไปเดี๋ยวก็เจอเองนั่นแหละ” คนช่างเถียงก็ยังคงช่างเถียงอยู่วันยังค่ำ ชิษวัศลอบถอนหายใจ มองดวงหน้าหวานด้วยความระอา อยากจะถามเสียจริงว่ามีคนเคยบอกเธอไหมว่าเธอน่ะ...เด็กดื้อชัดๆ

“เด็กหนอเด็ก” ชิษวัศจงใจพูดให้เธอได้ยิน แล้วก็ได้ผลชะงัดนักเมื่อคนที่โดนกล่าวหาว่าเป็น ‘เด็ก’ หันมามองตาเขียว

“ฉันไม่ใช่เด็กนะ” น้ำเสียงที่ตอบกลับบ่งบอกถึงความไม่พอใจชัดเจน ผสมกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มที่กำลังลุกวาวนั้นด้วยแล้ว ชิษวัศก็พอรู้ได้ว่าเขาแหย่เธอถูกปมแล้ว

“ไม่ใช่เด็กก็ทำตัวให้มันมีเหตุผลอย่างผู้ใหญ่เขาทำหน่อยสิครับ แค่เดินตามผมมานี่มันลำบากใจมากนักหรือไง” ชิษวัศจ้องมองคนที่ทำหน้างอง้ำ อยากรู้นักว่าเธอจะต่อล้อต่อเถียงเขาว่าอย่างไร

หากชิษวัศกลับผิดคาดเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้อ้าปากเถียงต่อ คนช่างเถียงทำเพียงแค่ยืนมองหน้าเขาอย่างสงบเสียจนน่าแปลกใจ บทจะว่าง่ายเธอก็ว่าง่ายขนาดนี้เชียวหรือ เป็นผู้หญิงที่เดาใจอยากเสียจริง

“นำไปสิคะ” คนที่ไม่เถียงต่อบอก ที่ยอมไม่ต่อล้อต่อเถียงก็เพราะไม่อยากให้ชิษวัศมองตนเองว่าเป็นเด็ก ถึงเธอจะอายุน้อยกว่าเขาถึงหกปี ถึงเธอจะอยากให้เขาจำเธอได้ว่าเธอคือ ‘หนูมุก’ แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาเห็นเธอเป็นเพียงเด็กน้อยในวันวาน เป็นเพียงน้องสาว เพราะเธอ...คิดกับเขาเกินกว่าคำว่าพี่ชาย...มานานแล้ว

...อย่ามองมุกว่าเป็นเด็กเลยนะคะพี่อาร์ม มุกไม่อยากเป็นแค่เด็กในสายตาพี่อาร์ม...ไม่อยากเลย...

เมื่อได้ยินดังนั้นคนเป็นเจ้านายจึงจำยอมต้องทำตามคำสั่งของลูกน้อยอย่างอดเสียไม่ได้ ชิษวัศเดินนำโดยมีมุกตาภาเดินตามมาไม่ห่างนัก ใช้เวลาไม่นานร่างสูงที่เดินนำหน้าก็หยุดฝีเท้าลงจนคนที่อยู่ข้างหลังต้องหยุดตาม มุกตาภามองด้านหน้าของร้านซึ่งมีคำว่า ‘La Forza Del Destino’ ติดไว้ด้านบนอย่างงดงาม หญิงสาวคงต้องยอมรับว่าร้านเพชรของชิษวัศนี้มีพื้นที่ที่กว้างไม่น้อย ภายในตกแต่งด้วยโคมไฟแชนเดอเลียร์ประดับด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ดูหรูหรา ตู้โชว์สินค้าล้วนแต่มีแสงไฟสาดส่องสะท้อนเข้ากับตัวเพชรจนทำให้เกิดความวิบวับน่ามองไปทั้งร้าน ดูจากสายตาคร่าวๆ ร้านนี้คงไม่ได้ขายเพียงแค่เพชรอย่างเดียวเพราะเธอยังเห็นอัญมณีชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็น ทับทิม มรกต บุษราคัม ไพลิน และอีกมากมาย แต่กลับไม่มี...มุกดา

แม้จะคิดได้ว่าอาจเป็นแผนการตลาดของชิษวัศที่ไม่นำมุกซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าอัญมณีนพรัตน์ เพราะเขาอาจทำข้อมูลสำรวจฐานความต้องการของลูกค้าของร้านว่าไม่นิยมที่จะซื้อมุกมาสวมใส่จึงไม่ออเดอร์เข้ามา ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเอาขบคิดแต่มุกตาภาก็อดคิดไปเสียไม่ได้ว่าพี่อาร์มของเธอคงลืมเด็กผู้หญิงที่ชื่อว่า ‘หนูมุก’ ไปแล้วจริงๆ

...ก็ขนาดในร้าน...เขายังไม่ยอมให้มีมุกเลยนี่นา...

ดวงตาคู่สวยเหลือบมองชื่อร้านอีกทีหนึ่ง ‘La Forza Del Destino’ ถ้าเธอจำไม่ผิดชื่อนี้เป็นโอเปร่าที่ประพันธ์โดยจูเซปเป แวร์ดี (Giuseppe Verdi) คีตกวีชาวอิตาลี ถ้าจะแปลให้เป็นภาษาอังกฤษก็คือ ‘The Power Of Destiny’ ถอดความเป็นภาษาไทยง่ายๆก็จะได้เป็น ‘พลังแห่งพรหมลิขิต’ มุกตาภาคิดไม่ถึงว่าชิษวัศจะตั้งชื่อร้านออกมาในแนวนี้ เธอไม่คาดคิดว่าผู้ชายอย่างเขาจะเชื่อในสิ่งที่ใครหลายคนเรียกว่า ‘พรหมลิขิต’

“รู้จักชื่อร้านไหม” คนข้างตัวเธอถามขึ้น เขาคงเห็นว่าเธอยืนมองชื่อร้านนี้นานเกินไปแล้ว

“ค่ะ” มุกตาภาพยักหน้ารับ “ลา ฟอร์ซา เดล เดสทิโน่ (La Forza Del Destino) โอเปร่าของจูเซปเป แวร์ดี แสดงครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1862 ที่โรงละครหลวงแห่งนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก” คำตอบของผู้ช่วยสาวทำเอาเจ้านายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อย แปลกใจอีกครั้งกับผู้หญิงคนนี้ ไม่คาดคิดว่าเธอจะชอบศิลปะแขนงนี้ด้วย

“แล้วรู้คำแปลหรือเปล่า” ชิษวัศถามต่อ มุกตาภาพยักหน้ารับอีกครั้ง

“The Power Of Destiny” น้ำเสียงที่ตอบออกมานั้นเบาหวิวคล้ายปุยนุ่นที่กำลังล่องลอย

“คุณเชื่ออย่างนั้นไหม” น้ำเสียงและสายตาที่แสดงออกมาไม่ได้แฝงไว้ด้วยนัยยะเลยแม้แต่น้อย ชิษวัศถามก็เพราะอยากรู้เท่านั้นว่าเธอเชื่อใน ‘พลังแห่งพรหมลิขิต’ หรือไม่เท่านั้นเอง

มุกตาภามองคนตรงหน้าอย่างช่างใจ หญิงสาวคาดเดาไม่ถูกว่าที่ชิษวัศถามเธออย่างนั้นเขาต้องการที่จะสื่ออะไรกับเธอกันแน่ ถาม...โดยไม่ได้คิดอะไรกับเธอ หรือถาม...โดยมีความนัยอยู่ในคำถามนั้น มุกตาภาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า หากดวงตาคู่นั้นที่เธอกำลังสบตากลับไม่สามารถบอกอะไรเธอได้เลย ดวงตาสีนิลคู่นั้นยังคงราบเรียบและนิ่งเฉยเฉกเช่นทุกครั้งที่เธอมอง

“ฉัน...”

“ไอ้อาร์ม!!”

คำตอบของมุกตาภาขาดหายไปเมื่อมีเสียงหนึ่งตะโกนเข้ามาแทนที่ ชิษวัศหลับตาลงอย่างเหลืออด พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะท่องคำว่า ‘ขันติ’ ไว้ในใจ แม้จะบอกว่าที่ถามเธอล้วนไม่ได้คิดอะไร แต่พอมีไอ้คนที่ชอบมาผิดที่ผิดเวลาเข้ามาขัดขวางเข้ากลางปล้อง เขากลับรู้สึกอยากจะหันกลับไปเตะก้านคอมันสักที!

...จะมาทำไมตอนนี้วะ!!...

แม้จะหัวเสียอย่างไรชิษวัศก็หันไปตามเสียงแล้วก็พบกับไอ้เพื่อนตัวดีที่ยิ้มร่ามาแต่ไกล ชายหนุ่มที่มีส่วนสูงไม่ต่างจากตนกำลังเดินเข้ามาใกล้ และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่ออารัทธ์จ้องมองคนที่มาด้วยกันกับเขาด้วยแววตาตกใจแต่คนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกลับมองผู้มาใหม่ตาแป๋วแถมยังยิ้มให้ด้วยเสียอีกต่างหาก

“เฮ้ย! แล้วไหนบอกว่าไม่...!!” ชิษวัศกระโดดตะครุบปากเพื่อนไว้ได้ทันก่อนที่อารัทธ์จะพูดอะไรที่ไม่สมควรออกมาเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในสายตาของมุกตาภาทำให้หญิงสาวเกิดอาการไม่เข้าใจระคนสงสัยเล็กน้อย ทำไมผู้ชายคนที่มาใหม่คนนี้ถึงทำท่าว่ารู้จักเธอ

“เพื่อนคุณอาร์มหรือคะ” คำถามที่ดังมาทำเอาชิษวัศที่กำลังมะรุมมะตุ้มอยู่กับอารัทธ์ชะงักไปนิด สายตาอาฆาตถูกส่งไปให้เพื่อนสนิทเป็นสัญญาณที่รู้กันดีว่า...อย่าปากมากพูดอะไร ไม่งั้นจะโดนดี

ชิษวัศปล่อยมือที่ปิดปากของอารัทธ์ออกให้อีกฝ่ายได้เป็นอิสระ แต่ก็ยังส่งสายตาไปย้ำให้เพื่อนได้รู้ว่ามันควรจะทำตัวอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้าขณะนี้

“ใช่ อารัทธ์ เพื่อนสนิทผมเอง เป็นหุ้นส่วนของร้านนี้เหมือนกัน” เขาแนะนำ ก่อนจะให้เจ้าของชื่อแนะนำตัวเองอีกที

“อารัทธ์ครับ เรียกว่าอาร์ทก็ได้ครับ” รอยยิ้มพราวกระจ่างอยู่บนในหน้าของหนุ่มตี๋อินเตอร์ มือขวายื่นออกไปด้านหน้าเพื่อทักทาย

“มุกตาภาค่ะ” เมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัว เธอจึงเอ่ยปากแนะนำตัวเองบ้างพร้อมกับเอื้อมมือไปจับอีกมือที่ยื่นออกมาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ถ้าคุณอาร์ทไม่รังเกียจจะเรียกว่ามุกก็ได้ค่ะ”

อารัทธ์ปล่อยมือที่นุ่มนิ่มอย่างแอบเสียดายเล็กๆ ลอบมองเพื่อนสุดที่รักนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาคนเดียว ก็จะไม่ให้ยิ้มได้อย่างไรในเมื่อหน้าตาชิษวัศบอกบุญไม่รับเสียขนาดนั้น ก็ไหนบอกว่าไม่ชอบเด็กอย่างไรเล่า แต่ไอ้แววตาสุดหวงที่แสดงออกมานี่มันไม่ใช่เลยนี่นา เป็นอย่างนี้ยิ่งน่าแกล้งให้มันตบะแตกเสียจริง

“ไม่รังเกียจหรอกครับ ว่าแต่อย่าเรียกผมว่าคุณเลย ผมไม่ค่อยชิน” อารัทธ์หลิ่วตามามองเพื่อนเล็กน้อย รอยยิ้มกริ่มเผยให้เห็นจนชิษวัศอยากจะหักคอมันทิ้งไปเสียเดี๋ยวนี้เชียว!

“เรียกว่า ‘พี่’ ดีกว่า ชินหูกว่าเยอะ” บอกไปก็เสียวสันหลังไปกับไฟอาฆาตของชิษวัศที่กำลังโหมกระหน่ำ แต่อย่างหวังเลยว่าคนอย่างอารัทธ์จะหยุดเพียงเท่านี้ เพราะยิ่งชิษวัศปฏิเสธมากเท่าไหร่ เขานี่ล่ะที่จะทำให้มันยอมรับจนต้องกลืนน้ำลายตัวเอง!

ส่วนคนที่โดนบอกให้เรียกว่า ‘พี่’ ก็ทำตาโต ยอมรับว่าตกใจที่จู่ๆอารัทธ์ก็ให้เธอเรียกเขาว่า ‘พี่’ แต่มุกตาภาก็พยักหน้ารับปากแต่โดยดี ผู้ชายคนนี้เธอรู้สึกว่าเขาอัธยาศัยดี พูดจาสนุกสนาน ไม่ได้เย็นชาราวกับว่ามีน้ำแข็งจากขั้วโลกใต้เคลือบไว้อย่างใครบางคน และเธอก็ไม่ใช่พวกที่ปฏิเสธที่จะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ยิ่งเพื่อนใหม่ที่เป็นถึง ‘เพื่อนสนิทของพี่อาร์ม’ ด้วยแล้ว บางทีในภายภาคหน้าเธออาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากเขาก็เป็นได้ ดังนั้นจะทำความรู้จักกันไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร

หากอีกคนหนึ่งที่ถูกลืมไปจากวงสนทนากลับหาได้คิดอย่างนั้นไม่ ชิษวัศมองการสนทนาของหนุ่มสาวตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ อยากจะเข้าไปแทรกกลางให้รู้แล้วรู้รอดเสียเหลือเกิน มุกตาภาคงยังไม่รู้ว่าเธอกำลังก้าวเข้าปากเสืออย่างอารัทธ์ไปแล้วก้าวหนึ่ง และถ้ายิ่งถลำลึกมากไปกว่านี้เธอนั่นล่ะจะโดน ‘งาบ’ ไปทั้งตัว คิดถึงตรงนี้ชิษวัศก็หงุดหงิดอย่างไรบอกไม่ถูก แต่จะทำอะไรก็ทำไม่ได้เพราะได้เคยลั่นวาจาไว้แล้วว่า ‘ไม่ชอบกินเด็ก!’ และคนอย่างเขาจะไม่มีวันคืนคำ

...ปัดโธ่เว้ย!!!..

ทางอารัทธ์เองก็ดูออกว่าเพื่อนใกล้จะอกแตกตายอยู่แล้วจึงหยุดการสนทนากับมุกตาภาไว้เพียงเท่านี้ก่อนจะหันมาหาผู้ถูกลืมที่ยืนเงียบขรึม หากเพื่อนที่คบกันมานานอย่างอารัทธ์กลับรู้ดีว่าที่เงียบอย่างนี้แสดงว่าชิษวัศกำลังโกรธและโมโหอย่างหนัก แต่เจ้าตัวกลับเก็บความโกรธนั้นไว้ภายในใจได้เป็นอย่างดี แม้ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าทว่าแววตากลับปกปิดไว้ไม่มิด ดวงตาสีนิลคู่นั้นฉายแววโกรธชัดเจน

“ไปหาอะไรกินไหมไอ้อาร์ม ชวนน้องมุกไปด้วย” ชิษวัศหรี่ตามองเพื่อนที่ยื่นข้อเสนอ สะดุดกับคำนำหน้าในการเรียกมุกตาภาที่เปลี่ยนไปจาก ‘คุณมุก’ เป็น ‘น้องมุก’ ภายหลังจากการคุยกันเพียงแค่ไม่กี่ประโยค...อะไรมันจะไวปานนั้นกัน!

“แต่มุกนัดเพื่อนไว้นะคะพี่อาร์ท” มุกตาภาเตรียมเอ่ยปฏิเสธ โดยหารู้ไม่ว่าประโยคของเธอเมื่อครู่สร้างความไม่พอใจให้กับชายหนุ่มอีกคนมากขนาดไหน

ชิษวัศปรายตามองไปยังหนึ่งสาวที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้ ‘พี่อาร์ท’ งั้นหรือ...ช่างสนิทกันเร็วเสียจริงนะมุกตาภา ไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังเข้าถ้ำเสือ!! ชายหนุ่มประชดเธอในใจ

“งั้นก็โทรบอกให้เพื่อนน้องมุกมาด้วยกันก็ได้นี่ครับ เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง ถือว่าเลี้ยงต้อนรับน้องมุกด้วยเลย ยังไงเราก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว” อารัทธ์พยายามที่จะหว่านล้อมมุกตาภาเต็มที่ เพราะอยากจะแกล้งคนวางฟอร์มแล้วนี้ให้มันได้สำนึกเสียทีว่าถ้าไม่ยอมทำอะไรมัวแต่ยึดอยู่กับศักดิ์ศรีของตัวเอง ของที่อยากได้ตรงหน้าก็จะถูกคนอื่นแย่งไป

“ฉันพาผู้ช่วยของฉันมาทำงานนะไอ้อาร์ท ไม่ได้พามาเที่ยว” คนที่ยืนเงียบมานานเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด ถ้าไม่ขัดออกไปเสียบ้าง ชิษวัศคาดว่าตัวเองคงอกแตกตายเป็นแน่

อารัทธ์กระตุกยิ้มนิดหนึ่งเมื่อเพื่อนติดกับ ลองขัดขึ้นมาอย่างนี้แสดงว่าต่อมความอดทนเริ่มเสื่อมการทำงาน อาการอย่างนี้ ต่อให้ชิษวัศก็เถอะได้มีเพรี่ยงพร้ำกันบ้าง พอเห็นลู่ทางว่าตนเองได้เปรียบอารัทธ์จึงดำเนินการต่อ

“แกก็สอนน้องมุกวันหลังได้นี่หว่า หรือถ้าแกไม่ว่าง ฉันสอนงานที่ร้านให้แทนก็ได้ ดีไหมครับน้องมุก” ท้ายประโยคหนุ่มตี๋หันมาถามคนกลางอย่างมุกตาภา หญิงสาวเหลือบไปมองชิษวัศนิดหนึ่ง พอเห็นว่าอีกฝ่ายมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาอย่างเคยเธอจึงเออออตามข้อเสนอของอารัทธ์ไป ด้วยนึกอยากประชดคนใจร้าย เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าเธอเสียใจแค่ไหน ขนาดอารัทธ์เรียกเธอว่า ‘น้องมุก’ เขายังไม่แสดงทีท่าว่าเคยได้ยินหรือคุ้นเคยกับคำเรียกนี้เลย

ชิษวัศถอนหายใจยาวเมื่อเห็นว่าทั้งเพื่อนสนิทและลูกน้องเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ถ้าตนยังคงเถียงต่อไป ภาวะการเป็นผู้นำที่ควรเคารพต่อการตัดสินใจที่เป็นเอกฉันท์คงได้หมดท่าเอาคราวนี้ ที่สำคัญเขายังอยู่ต่อหน้าลูกน้องของตนเอง หากใช้อำนาจที่มีในมือบังคับเธอมากเกินไป มุกตาภาคงมองเจ้านายอย่างเขาในแง่ร้ายมากขึ้นกว่าเดิมเป็นแน่ ถึงจะย้ำนักย้ำหนากับตัวเองว่าจะไม่คิดอะไรกับเธอไปมากกว่าคำว่า ‘ถูกใจ’ แต่ชิษวัศก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีกับเขาไปมากกว่านี้เลยจริงๆ

“คุณกับเพื่อนสะดวกไหมล่ะ ถ้าคนจ่ายเงินโอเคผมคงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ” อารัทธ์แอบยิ้มกับคำพูดที่ยอมอย่างเสียไม่ได้ของชิษวัศ รู้อยู่แล้วว่าด้วยตำแหน่งที่ค้ำคอกับการที่ไม่อยากให้สาวที่ ‘ถูกใจ’ มองตัวเองไม่ดีจะทำให้ชิษวัศไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ของเขา

“งั้นฉันขอโทรถามเพื่อนก่อนนะคะ” เธอบอก ชิษวัศพนักหน้ารับ ส่วนอารัทธ์น่ะหรือ รายนั้นทั้งยิ้มทั้งพยักหน้าจนอีกหนึ่งหนุ่มนึกหมั่นไส้ เมื่อเห็นว่ามุกตาภาปลีกตัวไปโทรศัพท์ อารัทธ์จึงได้จังหวะที่จะกระเซ้าเพื่อนสนิท แม้จะรู้ว่าการกระทำของตัวเองอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตก็ตาม

“อยากเตะฉันมากมั้ยวะไอ้อาร์ม” คำพูดและรอยยิ้มยียวนทำเอาสติของชิษวัศขาดผึง ชายหนุ่มย่างสามขุมเข้าไปยังเพื่อนสนิท

“เฮ้ยๆ ใจเย็นสิ น้องมุกอยู่ตรงนั้นนะ” ได้ผลชะงัดนักเมื่อชิษวัศหยุดกึก สายตาตวัดมองไปยังมุกตาภาที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสะกดอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ตอนนี้

“แกทำอย่างนี้ทำไม” ชิษวัศถามเสียงต่ำ รู้ๆกันอยู่ว่าอารัทธ์ไม่ชอบผู้หญิงอย่างมุกตาภา แต่ไม่เข้าใจว่ามันจะเข้าไปพัวพันกับเธอให้ได้อะไรขึ้นมา ที่รู้สึกโกรธก็เพราะเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย และที่ห่วงก็เพราะว่าเธอเป็นลูกน้องของเขา ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้เลย ไม่มี!

“ทำอะไรวะ” อารัทธ์แกล้งตีหน้าเซ่อ แต่พอเห็นสายตาราวกับต้องการจะให้เขาสลายเป็นอากาศธาตุของชิษวัศ ชายหนุ่มจึงฉลาดขึ้นมาทันตา

“อ๋อ...” น้ำเสียงนั้นลากเสียงยาว “เรื่องน้องมุกน่ะหรือ ทำไมวะ แกก็รู้ว่าสเปกผู้หญิงฉันมันเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่าปรอท จะตกใจไปทำไม หรือว่าแกรักน้องเค้า ไหนบอกว่าไม่กินเด็กไง คิดจะกลืนน้ำลายตัวเองหรือวะเพื่อน”

“ฉันไม่ได้รัก แล้วก็ไม่คิดที่จะกลืนน้ำลายตัวเองด้วย” ชิษวัศกล่าวด้วยความหนักแน่นราวกับว่าจะย้ำทุกคำนั้นกับตัวเอง เขาจะไม่รักเธอ เธอเด็กเกินไป เด็กเกินไป ท่องเอาไว้ชิษวัศ!!

“แต่สายตาแกไม่ได้บอกอย่างนั้นนี่หว่า” เมื่อเห็นว่าคำพูดกับสายตาค้านกันไปคนละทาง อารัทธ์จึงทำการ ‘ต้อน’ ผู้ร้ายให้จนมุม

“แล้วสายตาฉันมันบอกว่ายังไง” ชิษวัศถามกลับ อยากรู้นักว่าเพื่อนที่คบกันมาสิบกว่าปีอย่างอารัทธ์ที่เรียกว่ารู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วจะอ่านสายตาของเขาว่าอย่างไร

“ผมไม่ได้รักเด็กครับ แต่ผมโคตรหึงเธอเลย...สายตาแกมันบอกอย่างนี้” อารัทธ์บอกด้วยรอยยิ้มกวนประสาทที่สุดเท่าที่ชิษวัศเคยเห็นมา และคำตอบของไอ้เพื่อนตัวดีก็เรียกอารมณ์โกรธผสมโมโหที่พยายามจะกดลงไปให้โหมกลับมา ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่า...คำพูดของอารัทธ์มันจี้โดนใจดำเต็มๆ

“ไอ้อาร์ท!!”

“ขอโทษนะคะ”

ชิษวัศเรียกชื่อเพื่อนเสียงต่ำซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเสียงของมุกตาภาที่ดังขึ้นราวกับเป็นระฆังพักยกมวยคู่เอก ชิษวัศส่งสายตาฝากไว้ก่อนมอบให้แก่อารัทธ์ ส่วนฝั่งอารัทธ์ก็ส่งสายตาท้าทายตอบกลับมาว่า...รีบๆมาเอาคืนก็แล้วกัน

มุกตาภามองสองหนุ่มสลับกันไปมา อารัทธ์นั้นดูเหมือนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษผิดกับชิษวัศที่ทำหน้าบึ้งตึงราวกับว่าโกรธคนมาทั้งโลก เห็นแบบนี้เธอจึงเลือกที่จะบอกอารัทธ์แทนว่าเพื่อนเธอใกล้จะมาถึงแล้ว ขอรอตรงนี้สักครู่ซึ่งอารัทธ์ก็เห็นด้วยแถมยังชวนเธอคุยเรื่องสัพเพเหระอีกต่างหากจนมุกตาภาไม่รู้สึกเกร็งกับเพื่อนของชิษวัศคนนี้ แถมยังรู้สึกสนิทมากขึ้นอีกด้วย อารัทธ์เล่าเรื่องตลกหลายเรื่องให้เธอฟังระหว่างรอผู้ร่วมมื้อเย็นอีกคน เสียงหัวเราะกังวานใสทำเอาอีกคนที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาเหล่มองด้วยสายตาอิจฉา ชิษวัศไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องอิจฉา ทั้งที่พยายามจะไม่สนใจเธอแล้วเชียว แต่ยิ่งมาทำอย่างนี้ ยิ่งมาเห็นเธอหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับผู้ชายคนอื่นอย่างนี้เขาก็ยิ่งไม่พอใจ

...ยัยเด็กบ้า! รู้บ้างไหมว่าแค่นี้ฉันก็ห้ามใจตัวเองจนจะบ้าอยู่แล้ว อย่ามายิ้มหรือหัวเราะอย่างนี้กับผู้ชายคนอื่นนะ! ฉันไม่ชอบ!!...

“มุก”

บุคคลทั้งสามที่ยืนอยู่ในร้าน ‘La Forza Del Destino’ หันมาตามเสียงที่เรียกชื่อของมุกตาภา นิชิตากวาดสายตามองชายหนุ่มรูปร่างสูงทั้งสองคน รู้ทันทีว่าผู้ชายเจ้าของดวงตาสีนิลท่าทางเรียบเฉยคนนี้คงเป็นชิษวัศ เพราะมุกตาภาจัดการส่งรูปที่แอบถ่ายชิษวัศมาให้เรียบร้อยตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน ส่วนอีกคน...ทำไมเธอถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตานัก ราวกับว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน หน้าตี๋ๆ แววตาเจ้าเล่ห์แสนกลอย่างนี้...อดีตแฟนที่ทำให้ลูกพี่ลูกน้องสาวของเธอร้องไห้ฟูมฟายจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน!

...นายอารัทธ์ คาสโนว่าตัวร้าย!!...

“มาแล้วเหรอหมูหวาน” มุกตาภายิ้มก่อนจะก้าวไปหาผู้มาใหม่อย่างรวดเร็วก่อนจะแนะนำเพื่อนสาวให้ทั้งชิษวัศและอารัทธ์รู้จัก ก่อนหน้าที่จะชวนนิชิตามาที่นี่เธอได้นัดแนะกับเพื่อนสาวไว้เรียบร้อยแล้วว่าให้ทำเป็นไม่รู้ว่าชิษวัศคือคนๆเดียวกับพี่อาร์ม และนิชิตาก็ยอมรับปากแต่โดยดี ผู้มาใหม่ยกมือขึ้นไหว้ผู้ที่สูงไวกว่าอย่างชิษวัศแต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ลดมือลงเมื่อถึงคราวที่ต้องไหว้อารัทธ์

“หมูหวาน” มุกตาภาสะกิดเพื่อนเมื่อจู่ๆนิชิตาก็แสดงอาการไม่เหมาะสมต่อหน้าอารัทธ์ แต่เธอรู้ดีว่ามันต้องมีสาเหตุแน่เพราะเพื่อนของเธอคนนี้ไม่มีทางที่จะทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล

อารัทธ์มองสาวผู้มาใหม่ในชุดเดรสแขนกุดลายขวางสลับดำขาวสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำอย่างพิจารณา ถ้ามีคนว่าดวงตาของของเขาเรียวเล็ก ตาของแม่สาวคนนี้คงไม่ต่างกันเสียเท่าไหร่ โครงหน้ารีรูปไข่ คิ้วที่พาดเฉียงเหนือดวงตาที่เรียวเล็กไม่เข้มเสียเท่าไหร่ แต่ริมฝีปากกลับอวบอิ่มสีชมพูสวยเข้ากันได้ดีกับปลายจมูกที่เชิดรั้น ผมตรงสีดำสนิทยาวเกินบ่ามานิดหน่อย รวมๆก็ถือว่าหน้าตาน่ารักใช้ได้ แต่แววตาที่มองผ่านแว่นสายตากรอบเหลี่ยมสีดำนั้นนั่นล่ะที่อารัทธ์รู้สึกว่ามันแสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยทั้งที่เขาไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนแท้ๆ

เมื่อถูกเพื่อนสาวสะกิด นิชิตาทำเพียงดันกรอบแว่นสายตาให้เข้าที่เพียงเท่านั้น ร้อนถึงมุกตาภาที่ต้องรีบขอโทษขอโพยแทนเพื่อนด้วยรอยยิ้มเจื่อน หากอารัทธ์กลับไม่ใส่ใจ ชายหนุ่มยิ้มรับก่อนบอกว่าไม่เป็นไร พร้อมกับบอกว่าไหนๆก็มาครบองค์ประชุมกันแล้วถ้าอย่างนั้นก็ไปที่ร้านอาหารเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลามากไปกว่านี้ มุกตาภาเอ่ยปากเห็นด้วย กระตุกแขนเพื่อนสาวที่ยืนหน้าบึ้งให้เดินตามอารัทธ์ที่เดินนำคู่ไปกับชิษวัศ แต่ก็ยังไม่วายแอบกระซิบถามถึงท่าทีของเพื่อนสาว

“ทำไมทำอย่างนั้นล่ะหมูหวาน” นิชิตาเข้าใจทันทีในความหมายของเพื่อนว่า ‘ทำอย่างนั้น’ หมายความว่าอะไร ความจริงเธอก็เกือบที่จะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะเรื่องมันก็ผ่านมานมนาน ที่สำคัญยังเป็นเรื่องของ ‘นิษศินี’ ลูกพี่ลูกน้องสาวที่เธอไม่ค่อยจะถูกชะตาด้วยอยู่แล้วยิ่งไม่อยากจะจำให้มันรกสมอง แต่บังเอิญว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดังของตระกูล เมื่อหลานสาวคนโปรดของคุณยายอกหักรักคุดจนขู่ที่จะกรีดข้อมือตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย! เป็นเหตุการณ์ที่น้ำเน่าเสียไม่มี แล้วผู้ชายที่หักอกนิษศินีจนต้องร้องไห้เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอนก็คืออารัทธ์...คาสโนว่าฆ่าไม่ตายคนนี้!!

ถึงแม้ว่าพี่สาวของเธอจะร้องไห้ฟูมฟายแถมยังขู่ฆ่าตัวตายไม่เว้นแต่ละวันแต่ก็สามารถหาแฟนใหม่ได้ภายในสองอาทิตย์นั้นจะเป็นเรื่องที่นิชิตาพยายามไม่ใส่ใจ แต่เธอก็ยังจำหน้าตาของผู้ชายที่หักอกพี่สาวของเธอได้ดี ผู้ชายประเภทที่เธอเกลียดยิ่งกว่าเวลาแมลงสาบบิน พวกผู้ชายเจ้าชู้!

“จำเรื่องของพี่มิ้นท์ที่หมูหวานเคยเล่าให้ฟังได้ไหม” นิชิตาย้อนความถามถึงเรื่องที่ตนเองเคยเล่าให้มุกตาภาฟังสมัยเรียนอยู่ที่อังกฤษ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้ารับจึงเริ่มเล่าต่อ

“ผู้ชายคนนั้นก็คือนายอารัทธ์นี่แหละ” จบคำของนิชิตา คนที่เพิ่งจะรู้สาเหตุของอาการไม่ถูกชะตาถึงกับเบิกตากว้างขึ้นมาทันที ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างอารัทธ์จะเป็นคนๆเดียวกันกับผู้ชายที่เคยทำให้ผู้หญิงอย่างนิษศินีร้องไห้แทบเป็นแทบตาย

“ไม่อยากจะเชื่อเลย”

“เชื่อเถอะ หมูหวานจำไม่ผิดหรอก ตอนคบกันใหม่ๆยัยพี่มิ้นท์เอารูปมาโชว์ทุกวัน บอกว่าแฟนตัวดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ พอโดนทิ้งเข้าก็ร้องไห้จะเป็นจะตาย ดีแค่ไหนแล้วที่หมูหวานไม่ซ้ำซะอีกที” นิชิตาอธิบายเป็นฉากๆราวกับว่าเรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งที่ความจริงเรื่องนี้ได้ผ่านมานานหลายปีแล้ว

“แต่พี่อาร์ทก็คุยกับมุกดีนะ”

“ไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” นิชิตาถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงออกแนวประชด ถึงขั้นเรียกว่าพี่แล้วนี่ไม่รู้ว่าอารัทธ์จะล่อหลอกอะไรเพื่อนเธอหรือเปล่า

“ก็เขาเป็นเพื่อนสนิทพี่อาร์ม มุกก็อยากสนิทไว้เผื่อจะช่วยอะไรมุกได้บ้าง” เพื่อนสาวบอกเสียงเบา นิชิตาหรี่ตามองเพื่อนลอดกรอบแว่น

“ทำไมต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยากด้วยนะมุก แค่เดินไปบอกเขาก็หมดเรื่องว่านี่ ‘หนูมุก’ นะคะ เรื่องก็จบแล้ว” นิชิตาเสนอความเห็นที่เธอพยายามพร่ำบอกมุกตาภาอยู่ทุกครั้งแต่ก็โดนปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง เช่นกันกับครั้งนี้ มุกตาภาเลือกที่จะปฏิเสธวิธีของเธออีกครั้งโดยยังยืนยันด้วยคำพูดคำเดิมว่าเธอจะต้องทำให้ชิษวัศจำเธอได้ด้วยตัวของเขาเอง เจออย่างนี้จะให้นิชิตาทำอย่างไรได้นอกจากเตือนให้มุกตาภาระวังอารัทธ์ไว้หน่อยก็ดี เพราะผู้ชายอย่างนี้ไม่ค่อยจะน่าไว้ใจ

มื้อเย็นของวันนี้จบลงด้วยความทุลักทุเลพอควร มีบางช่วงบางตอนที่นิชิตาเกือบจะวางมวยกลางโต๊ะอาหารโดยคู่ชกอย่างอารัทธ์ไม่ได้รู้เรื่องด้วยอะไรเลย ร้อนจนมุกตาภาต้องคอยห้ามทัพแถมยังต้องคอยทำให้บรรยากาศอึมครึมของโต๊ะอาหารเปลี่ยนเป็นครึกครื้นด้วยการชวนอารัทธ์คุยเรื่องที่สนุกสนาน แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งเธอพยายามมากเท่าไหร่บรรยากาศก็ดูเหมือนจะแย่ลง ชิษวัศยังคงทำหน้าบึ้งตึงและไม่ยอมเข้าร่วมวงสนทนา ส่วนนิชิตาก็ขัดคำพูดของอารัทธ์แทบจะทุกประโยคจนมุกตาภาอยากจะยกมือขึ้นกุมขมับ ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้เธอจะไม่มีทางรับปากร่วมมื้อเย็นกับอารัทธ์เลย ถ้ากินไปบรรยากาศก็กดดันไปอย่างนี้มันดีที่ไหนกัน

หลังจากมื้อเย็นมุกตาภาบอกลาอารัทธ์และนิชิตา แม้ใจจริงอยากจะไปเดินเที่ยวกับเพื่อนสาวต่ออีกสักพัก แต่งานที่รอให้เธอกลับไปสะสามต่อก็ดึงความอยากเถลไถลของเธอให้กลับเข้าไปในที่ที่ควรจะอยู่ เมื่อเห็นนิชิตาเดินห่างไปไกลมุกตาภาจึงหันหลังกลับเพื่อที่จะไปยังลานจอดรถ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่เธอคิดว่าเขาน่าจะกลับไปแล้วโดยไม่แม้จะบอกลาอย่างชิษวัศกลับยืนนิ่งอยู่ข้างหลังเธอ

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอตัดสินใจถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไร

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมว่าเชื่อหรือเปล่า” เมื่ออีกฝ่ายยอมเปิดปากพูด มุกตาภาจึงเข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร และที่ยืนอยู่ตรงนี้คงจะอยากฟังคำตอบจากเธอ... ‘La Forza Del Destino’ สำคัญมากนักหรือ

“แล้วคุณเชื่อหรือเปล่าคะ” มุกตาภาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามกลับ ชิษวัศนิ่งเงียบไป ไม่มีคำตอบใดหลุดจากริมฝีปากหยักลึก หากคนที่ตั้งคำถามกลับยิ้มสู้กับความเงียบที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้

“ลองถามตัวคุณก่อนเถอะค่ะว่าคุณเชื่อไหม แล้วถ้าคุณได้คำตอบว่าเชื่อ...” เธอเว้นไปนิดก่อนจะพูดต่อ “...ฉันก็จะเชื่ออย่างนั้น แต่ถ้าคุณได้คำตอบว่าไม่...ฉันก็จะไม่เชื่อ” มุกตาภาทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มก่อนจะจากไป แต่พอร่างนั้นก้าวไปได้สามสี่ก้าวเธอก็หันตัวกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มใสกระจ่าง

“เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” และเธอก็เดินไปโดยทิ้งรอยยิ้มและคำถามให้อีกคนหนึ่งได้ค้นหาว่าเขานั้นเชื่อในพลังแห่งพรหมลิขิตหรือไม่

ชิษวัศมองร่างที่ค่อยๆไกลออกไปด้วยความรู้สึกอย่างไรเจ้าตัวก็บอกไม่ถูก รอยยิ้มสุดท้ายกับคำถามของมุกตาภายังคงติดตรึงในความรู้สึก ที่นิ่งเงียบไม่ตอบคำถามเธอไปเมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเขาตอบเธอไม่ได้ แต่ไม่อยากตอบออกไปต่างหาก เห็นอย่างนี้ชิษวัศเองก็เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไม่น้อย ชายหนุ่มคิดอยู่เสมอทุกคนล้วนมีพรหมลิขิตเป็นของตนเอง และเขาก็เช่นกัน... ภาพของมุกตาภาในคราที่เจอะเจอกันครั้งแรกผุดขึ้นมาในความทรงจำ พรหมลิขิตของเขา...จะใช่เธอหรือเปล่าหนอมุกตาภา และถ้าใช่...จะต้องทำอย่างไรในเมื่อเธอเป็นผู้หญิงที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาของผู้ชายอย่างชิษวัศ ตตินรากรณ์ ปฏิเสธว่าจะไม่มีทางหลงรัก หากตอนนี้เขากลับไม่มั่นใจว่าจะทนปฏิเสธไปได้อีกนานแค่ไหนในเมื่อต้องทำงานด้วยกันทุกวัน เห็นรอยยิ้มที่กระจ่างตาอย่างนั้นทุกวัน เขาจะทนไม่เคี้ยวหญ้าอ่อนได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว!














อีกด้านหนึ่ง...นิชิตาพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อพบว่าคนที่ยังเดินตามมาไม่ยอมเลิกเดินตามเสียที ทั้งที่เธอเดินวนเข้าร้านโน้นออกร้านนี้แล้วผู้ชายโรคจิตก็ยังไม่ยอมเลิกเดินตาม หญิงสาวจึงตัดสินใจหยุดเดินเพื่อประจันหน้าถามให้รู้เรื่องกันไปว่าเขามาเดินตามเธอให้มันได้อะไรขึ้นมา

“มีอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่าคุณอารัทธ์ จะเดินตามเป็นสโตกเกอร์อีกนานไหม” นิชิตาถามผู้ชายที่เดินตามเธอประมาณครึ่งชั่วโมงเสียงเขียว

“คุณแค้นอะไรผมนักหนา เราเคยรู้จักกันหรือไง” อารัทธ์ยิงคำถามตรงประเด็น สงสัยตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่ร้านเพชรแล้วว่าผู้หญิงคนนี้มองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก ถ้าพูดตามตรงน่าจะเป็นเกลียดเลยมากกว่า แต่อารัทธ์ก็มั่นใจว่าเขาไม่รู้จักเธอ ความจำในการจำหน้าตาของผู้หญิงระดับเขา...ไม่เคยมีพลาด แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์

“คนอย่างฉันไม่อยากจะรู้จักคนอย่างคุณเท่าไหร่หรอก” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความดูถูกอย่างชัดเจน ชัดจนอารัทธ์เริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่โดนนิชิตาแสดงทีท่ารังเกียจ คนอย่างเขาที่ผ่านมาไม่เคยโดนผู้หญิงคนไหนมองด้วยสายตาเช่นนี้มาก่อนเลย เห็นแล้วมันรู้สึกเหมือนโดนลูบคม

“แล้วผมไปทำอะไรให้คุณ”

“เปล่า” นิชิตาไหวไหล่ “แต่ฉันไม่ชอบขี้หน้าคุณ มีอะไรไหม” พูดจบเธอก็หันหลังเดินหนีไปเสียดื้อๆ แต่อารัทธ์ก็ไวพอที่จะรั้งแขนเธอไว้ได้ทัน

“นี่คุณอาจารย์...บอกว่าไม่ชอบขี้หน้าคนอื่นแล้วเดินหนีอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน” อารัทธ์แอบถามมุกตาภามาเรียบร้อยแล้วว่าสาวหมวยใส่แว่นคนนี้ทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แม้จะอายุแค่ยี่สิบสามแต่กลับเรียนจบปริญญาโทแถมตอนนี้กำลังเรียนปริญญาเอกต่อควบคู่ไปกับการสอนหนังสือ เก่งไม่เบา

นิชิตามองมือที่จับแขนตัวเองไว้ด้วยแววตารังเกียจ ทำไมเธอต้องพานพบในสิ่งที่ตัวเองพยายามวิ่งหนีมาตลอดชีวิตด้วยนะ พวกผู้ชายเจ้าชู้เฮงซวย!!

“นี่มันอะไรกันคะ!!” เสียงเล็กแหลมดังปรี๊ดขึ้นจนคนที่เถียงกันยังไม่เสร็จต้องพักยกหันมามองเป็นตาเดียว สิ่งที่นิชิตาเห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ทาปาแดงแจ๋ในชุดเกาะอกรัดรูปสีดำกำลังจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาอาฆาตสุดๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหล่อนคือใคร คงไม่พ้นสาวในสต็อคผู้ชายคนนี้แน่แท้

“แตงโม” อารัทธ์เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว สาวคนล่าสุดที่ใช้ให้ชิษวัศไปขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอเมื่อวันก่อนกำลังยืนด้วยอาการโมโหจนหน้าดำหน้าแดง ทว่าอารัทธ์กลับยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากแขนของนิชิตา และการกระทำเหล่านั้นก็ส่งผลตอบแทนแก่อารัทธ์อย่างเจ็บแสบพอควรเมื่อสาวสวยทาปากแดงตวัดมือครบห้านิ้วประทับลงบนใบหน้าขาวตี๋จนเห็นรอยแดงเป็นปื้น

“ทำไมทำกับโมอย่างนี้ล่ะคะ ไหนอาร์ทบอกว่าอาร์ทรักโมคนเดียว” นิชิตาที่ตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ถึงกับต้องยกมือข้างที่เหลือขึ้นปิดหูเมื่อเจอเสียงวีนแปดหลอดขนาดนี้ แต่คนที่โดนทั้งตบทั้งต่อว่าอย่างอารัทธ์กลับไม่มีท่าทีโมโหเลยแม้แต่น้อย ผู้ชายข้างตัวเธอทำเพียงถอนหายใจออกมายาวเหยียด สายตาที่มองไปยังสาวคู่กรณีบ่งบอกชัดเจนว่าเขากำลังรำคาญ

“ผมเคยพูดด้วยหรือ จำไม่ได้แล้วสิ”

“อาร์ท!!” สาวสวยนามว่าแตงโมตะโกนเรียกชื่ออารัทธ์อีกครั้งจนนิชิตาอยากจะวิ่งไปจองคิวหมอหู คอ จมูกให้เธอเสียเหลือเกิน ใช้พลังเสียงมากขนาดนี้เธอแอบเป็นห่วง กลัวว่าเส้นเสียงจะอักเสบ

“ไหนๆคุณก็เห็นแล้ว เอาเป็นว่าผมก็ไม่คิดจะปกปิดก็แล้วกัน” จู่ๆชิษวัศก็เริ่มพูดอะไรที่นิชิตาฟังไม่ค่อยจะเข้าใจขึ้นมา ผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็คงไม่ต่างกันเพราะหล่อนเบิกตากว้างแถมยังทำท่าจะร้องไห้ดราม่ากลางห้างดังเสียอีกต่างหาก

อย่างไม่ทันตั้งตัว...อารัทธ์กระตุกแขนที่เกาะกุมไว้ตั้งแต่ตอนแรกให้เข้าหาตัวก่อนจะโอบเอวคอดนั้นไว้แน่น แม้เจ้าตัวจะพยายามปฏิเสธและขัดขืนอย่างไรก็ไม่เป็นผล ยิ่งนิชิตาขัดขืนอ้อมแขนที่รัดเธอไว้กลับยิ่งรัดแน่นขึ้น

“ผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของผม”

...อะไรนะ!!!... นิชิตาตะโกนในใจ ทุกการกระทำของอารัทธ์กระจ่างในความคิด ผู้ชายคนนี้กำลังใช้เธอเป็นเครื่องมือในการที่จะเขี่ยผู้หญิงอีกคน!!

“มะ...ไม่ใช่...” เธอจึงพยายามที่จะปฏิเสธ

“เธอเงียบไปเลยถ้าไม่อยากถูกฉันตบ!” แต่แม่สาวปากแดงกลับหันมาตวาดด้วยแววตาดุดัน นิชิตาถลึงตามองเจ้าหล่อน เธอกำลังจะช่วยให้หล่อนรู้ความจริงแท้ๆกลับหันมาขู่ว่าจะตบ งั้นปล่อยให้โง่ต่อไปก็แล้วกัน

“อาร์ทโกหกใช่ไหม อาร์ทแค่อยากเลิกกับโมใช่ไหมคะ” ละครดราม่าเริ่มฉายต่อ อารัทธ์มองหน้าผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันคืนก่อนแต่ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการราวกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขามานานหลายปี จริงอยู่ที่เขาชอบผู้หญิงสวย เซ็กซี่ แต่ก็ต้องมีสมองด้วย และที่สำคัญต้องไม่เจ้าวุ่นวายก้าวก่ายในชีวิตของเขามากเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นเธอจะถูกเขาทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี ยกตัวอย่างเช่นสาวนามว่าแตงโมคนนี้ แม้อารัทธ์จะถูกใจนักหนา แต่พอพบว่าเธอทำตัวเป็นเจ้าของเขามากเกินไป โทรเช็คว่าเขาอยู่ที่ไหนตลอดเวลา แบบนี้มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน

“ผมเปล่า” อารัทธ์ปฏิเสธ รู้สึกผิดปกตินิดหน่อยว่าทำไมสาวข้างตัวถึงหยุดดิ้นไม่แผลงฤทธิ์ต่อ พอหันไปมองถึงได้เห็นรอยยิ้มมาดร้ายที่กำลังแย้มยิ้มออกมาจากคนข้างตัว เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คาสโนว่าอย่างเขารู้สึกเสียวสันหลังไม่เบา

“โมไม่เชื่อ อาร์ทโกหก!!” หล่อนตะโกนขึ้นมาอีกครั้งแถมยังดังกว่าเดิมจนคนในห้าวเริ่มหันมามองมากขึ้น อารัทธ์หรี่ตามอง ความรำคาญที่มีกับสาวคนนี้เริ่มมีมากขึ้นจนชายหนุ่มตัดสินใจใช้มาตรการเด็ดขาด

“งั้นจะพิสูจน์ให้ดู” อารัทธ์จัดการ ‘พิสูจน์’ ตามวิธีของตัวเองด้วยการใช้มืออีกข้างหนึ่งที่เป็นอิสระจับดวงหน้าของสาวหมวยที่กำลังยิ้มอย่างมาดร้ายให้หันมาก่อนจะก้มลงไปปิดริมฝีปากที่แย้มยิ้มนั่นอย่างรวดเร็วจนนิชิตาตั้งตัวไม่ทัน มารู้ตัวอีกทีก็ถูกผู้ชายที่เธอเกลียดยิ่งกว่าเวลาแมลงสาบบินขโมยจูบแรกไปเสียแล้ว!

ทันทีอารัทธ์ถอนริมฝีปาก ละครรักสามเส้าเราสามคนเรื่องนี้ก็จบลงเมื่อตัวอิจฉาวิ่งร้องไห้จากไปทิ้งไว้แต่พระเอกกับนางเอก เรื่องเหมือนจะจบอย่างมีความสุขหากนางเอกไม่ผลักพระเอกออกให้พ้นไปจากตัวแล้วแถมด้วยเตะผ่าหมากฝากไว้เป็นรางวัลอีกทีจนอารัทธ์ตัวงอล้มลงกับพื้น นิชิตามองผู้ชายที่บังอาจขโมยจูบแรกของเธอไปด้วยความโกรธแค้น ที่สำคัญมีพยานรู้เห็นกับเหตุการณ์เมื่อครู่อีกเป็นสิบ โมโหก็โมโหอายก็อาย ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอผู้ชายอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้!

“ไอ้ผู้ชายบ้ากาม!!” ตะโกนด่าลั่นห้างโดยไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเพราะคงไม่มีอะไรที่น่าขายหน้าไปมากกว่านี้ ก่อนจะก้าวเร็วๆจนกลายเป็นวิ่งหนีไป ทิ้งให้อีกคนที่โดนผ่าหมากเข้ากลางกล่องดวงใจต้องรับชะตากรรมกับสายตานับสิบคู่แทน

“แฟนผมเค้าขี้หึงน่ะครับ” อารัทธ์แก้ตัวด้วยรอยยิ้มเฝื่อน มองไปยังทางที่นิชิตาวิ่งลับไป เกิดมาเป็นอารัทธ์จนจะอายุสามสิบเพิ่งจะเสียท่าโดนผู้หญิงเตะผ่าหมากเอาก็ครั้งนี้ครั้งแรก แถมสาวคนนั้นยังเป็นถึงอาจารย์อีกด้วย แต่ริมฝีปากกลิ่นมิ้นต์ที่สัมผัสเมื่อครู่ก็น่าหลงใหลไม่เบา ยิ่งไอ้อาการตั้งป้อมรังเกียจยิ่งทำให้เขาอยากที่จะเอาชนะ ถึงจะไม่สวยไม่เซ็กซี่เข้าตา แต่นิสัยของนิชิตากลับโดนใจ ผู้หญิงอะไรเห็นตัวเล็กอย่างนี้แต่เตะหนักเป็นบ้า แล้วจะเป็นอะไรไหมนะถ้าเขาอยากจะทิ้งผู้หญิงทั้งสต็อคแล้วหันไป ‘จีบ’ อาจารย์สาวหน้าหมวยใส่แว่นเป็นครูไหวใจร้ายคนนั้นแทน ผู้หญิงที่แอบนินทาเขาลับหลังว่าเขาเป็นผู้ชายประเภทที่ ‘น่าเกลียดยิ่งกว่าเวลาแมลงสาบบิน’













มินิคูเปอร์สีแดงสดจอดรอประตูบ้านที่กำลังเปิดกว้างด้วยระบบไฟฟ้า หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางไว้เบาะข้างตัวสว่างวาบขึ้นพร้อมกับเสียงข้อความเข้า มุกตาภาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะรีบเปิดอ่านข้อความฉบับเต็มเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนส่งมา

‘La Forza Del Destino ผมเชื่อว่าพลังนั้นมีจริง คุณล่ะ?’

หญิงสาวอมยิ้มเพียงคนเดียวกับข้อความจากชิษวัศ แม้จะเห็นว่าเขาบึ้งตึงตลอดเมื่อเย็นที่ผ่านมา แต่พอเห็นข้อความเธอก็รู้สึกเบาใจไม่น้อย คิดไปว่าพี่อาร์มคงไม่ได้โกรธเธอมากเสียเท่าไหร่จึงรีบตอบกลับข้อความทันที

‘ถ้าคุณเชื่อ...ฉันก็เชื่ออย่างนั้นค่ะ นอนหลับฝันดีนะคะ’ เมื่อเห็นว่าข้อความถูกส่งไปเรียบร้อย ใจดวงน้อยก็เต้นรัวขึ้นมา หวังไว้ลึกๆว่าพี่อาร์มจะส่งข้อความกลับมา เธอไว้หวังไว้ว่าเขาจะส่งข้อความมาราตรีสวัสดิ์เธอเช่นกัน และทันทีที่หน้าจอมือถือสว่างวาบอีกครั้ง รอยยิ้มสวยก็ประดับขึ้นบนดวงหน้าหวาน โทรศัพท์มือถือถูกยกขึ้นมาแนบอกก่อนเจ้าตัวจะอ่านข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาอีกที

‘ฝันดีเช่นกันครับ’

รอยยิ้มของมุกตาภากว้างขึ้นและกว้างขึ้น คืนนี้เธอคงจะนอนหลับฝันดี ฝันถึงพี่อาร์มของเธอ หนทางข้างหน้าในการทำให้พี่อาร์มจำเธอได้คงจะราบรื่น อย่างน้อย...ขอแค่เขาเย็นชากับเธอน้อยลง พูดดีและอ่อนโยนกับเธอมากขึ้น สักวัน...เธอก็จะได้พี่อาร์มของหนูมุกของเธอคนเดิมกลับคืนมา แล้วถึงวันนั้นเธอก็พร้อมที่จะบอกความรู้สึกที่เก็บไว้นานนับสิบปีออกไป

...หนูมุกรักพี่อาร์ม...


----------------------------------------------------------------------------------------------------

มีใครชอบคู่อารัทธ์กับอาจารย์นิชิตามั้ยคะ ขอเสียงหน่อยจ้าาาาาา ^____^


ตอบเมนท์จ้าาาาา


violette : ที่กลัวเพราะโดนเด็กทำอะไรไว้เยอะค่ะ ฮาาาา

Amata : พี่อาร์มพยายามฝืนตัวเองเต็มที่ค่ะ แต่จะนานแค่ไหนต้องคอยดูค่ะ

WallyValent : คาดว่าเจอศึกหลายทางขนาดนี้คงรอดยากนะ ฮ่าๆๆ

roseolar : ตอนนี้ทั้งห่วงและหวงมากเลยค่ะ หวงนะแต่ไม่แสดงออก ><

anOO : อยากให้จำได้ไวๆเหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าพอจำได้แล้วใครจะเอาคืนใครนะคะ :P

tutas : โดนชัวร์ค่ะ แถมยังไม่โดนกัดธรรมดานะคะ โดนยั่วประสาทด้วยล่ะ ฮ่าๆ

ryoku : ไม่เป็นไรจ้า เรื่องนี้อาทิตย์นึงลงตอนนึงแหละ นานๆเข้ามาอ่านทีก็ได้ แล้วเรามาเล่น photoshop กันใหม่นะ อิอิ



ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ธ.ค. 2554, 00:04:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ธ.ค. 2554, 13:35:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2235





<< เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 3   เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 5 >>
violette 16 ธ.ค. 2554, 01:26:16 น.
ตอนนี้น่ารักค่า


ปรางขวัญ 16 ธ.ค. 2554, 07:31:39 น.
มายกมือตอบว่าชอบทั้งสองคู่เลยค่ะ


dino 16 ธ.ค. 2554, 09:00:57 น.
ชอบทั้งสองคู่ค่ะ (รักพี่เสียดายน้อง)


anOO 16 ธ.ค. 2554, 09:31:37 น.
ท่าทางคู่ของนายอาร์ทกับหมูหวาน จะดุเด็ดเผ็ดมันส์
กว่าคู่เชื่อในพรหมลิขิต อย่างไรหนูมุกับพี่อาร์มนะ


roseolar 16 ธ.ค. 2554, 15:55:51 น.
แหมแหม คู่หมูหวานกับพี่อาร์ทนี่เปิดตัวได้ดีมาก
เรียกเรทติ้งได้กระจายยยยย
จะเชียร์อีกคู่มากกว่าแล้วนะ ก็พี่อาร์มจำหนูมุกไม่ได้ซักที
จริงๆแล้วเพราะคนอ่านชอบแบบคู่กัดมากกว่า อ่านแล้วมันดี
สุดท้ายนี้...รกพี่เสียดายน้อง ชอบสองคู่เลยดีกว่า อิอิ


Amata 16 ธ.ค. 2554, 17:01:44 น.
ยังไม่ได้อ่านค่ะ ยังไงก็ขอวางกำลังใจไว้ให้ก่อน นะคะ :D


tutas 17 ธ.ค. 2554, 10:34:41 น.
โอ้ยยย...พี่อาร์มทำเป็นปากแข็งนะคะ แต่การกระทำทำไมมันขัดกันนักล่ะค้าาา 555 อย่างนี้ต้องให้พี่อาร์ทแกล้งซะให้เข็ดเน้อะ ... คุณปอแก้วคะ คู่ของหมูหวานกับพี่อาร์ท น่าสนุกนะคะ อยากรู้เรื่องของคู่นี้แล้วค่ะ ^__^


WallyValent 19 ธ.ค. 2554, 09:15:48 น.
ชื่อร้านอลังการดีจัง 555+
ชอบคู่พี่อาร์ทมากกว่าพี่อาร์มแล้ว xD :P สู้ๆ จ้าปอแก้ว ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account