พิศวาสรัก จอมใจอสูร (ตีพิมพ์แล้วในชื่อ เพลิงรักมนต์สวาท)
พิศวาสรักจอมใจอสูร
เพียงดาว บุตรสาวคนโตของตระกูลดัง ผู้มีความสวยบวกความมั่นใจและนิสัยเย่อหยิ่ง ได้รับรู้ว่าน้องสาวของเธอ เพียงฟ้าที่แสนจะอ่อนโยนและอ่อนแอถูกพ่อบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายวัยคราวลุงซึ่งเป็นเศรษฐีบ้านนอกไม่ใช่เพราะเงินตราแต่เป็นสัญญาใจของคนเป็นพ่อ เธอรู้สึกสงสารน้องสาวเพราะรู้ดีว่า เพียงฟ้ามีคนรักอยู่แล้วอีกทั้งรังเกียจที่เลือดไฮโซของพวกเธอจะต้องไปปะปนกับเลือดเศรษฐีบ้านนอก แต่ด้วยความที่รักน้องและก่อนตายมารดาได้ฝากฝังน้องสาวเอาไว้กับเธอให้ช่วยดูแล
ทำให้เพียงดาวตัดสินใจไปเป็นสะใภ้บ้านไร่แทนน้องสาว และส่งเพียงฟ้าไปอยู่เมืองนอกสลับตัวกันระหว่างเดินทางซึ่งเมื่อคุณศรุตผู้พ่อรู้ความจริงเข้าก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้แล้วต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้นแต่ลงโทษบุตรสาวคนโตด้วยการตัดออกจากกองมรดกและบอกว่าหากเธออยู่ที่บ้านไร่ไม่ได้ก็ไม่ต้องคิดเผยอหน้าชูคอกลับมาที่คฤหาสน์อัศวเทพอีก
เพียงดาวจำต้องยอมรับในโชคชะตา ทันทีที่เธอไปถึงบ้านไร่ก็พบว่าผู้ชายแก่คราวพี่ชายพ่อคนนั้นได้ตายไปแล้วเพราะเป็นโรคหัวใจ แถมก่อนตายได้เขียนมรดกยกเธอให้เป็นภรรยาของน้องชายคนเดียวของเขาแทนนั่นคืออัศนัยเจ้าของไร่องุ่นวัยสามสิบเศษและเป็นเจ้าของทุ่งทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในลพบุรีด้วย นอกจากนี้เขายังมีโรงงานแปรรูปผลผลิตจากไร่ ซึ่งโดยรวมแล้วเขาไม่ได้บ้านนอกอย่างที่เธอคิด เขาทั้งหล่อ และรวยกว่าตระกูลของเธอมาก และเขาก็มองเธอเป็นแค่เพียงยัยตุ๊กตายางไฮโซเสื่อมคุณภาพที่ได้รับมรดกมาเท่านั้น
ความเย่อหยิ่งของเธอทำให้อัศนัยแอบหมั่นไสร้เขาแกล้งเธอต่างๆนาๆ แถมยังไม่ยอมบอกด้วยว่าเขารู้ความจริงแต่แรกแล้วว่าเธอคือเพียงดาว ไม่ใช่เพียงฟ้า อัศนัยให้เธอเลือกว่าจะทำงานบนเตียงหรือทำงานในไร่แต่เพียงดาวเลือกทำงานในไร่เขาจึงใช้เธอเยี่ยงทาส แต่ก็ทำให้สาวสวยไฮโซผู้เย่อหยิ่งรู้ว่าน้ำใจของคนจนๆนั้นมีมากกว่าพวกไฮโซที่เธอเคยรู้จักเพราะคนงานในไร่หลายคนทำดีต่อเธอมากโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน
เพียงดาวอยากจะแก้แค้นอัศนัยที่คอยกลั่นแกล้งเธอ หญิงสาวจึงหาที่ระบายอารมณ์ด้วยการกลั่นแกล้งแฟนสาวสุดแสนเรียบร้อยของอัศนัยแทนเธอชื่อเพลงพิณ มักจะมาหาอัศนัยที่ไร่อยู่บ่อยๆ และอัศนัยก็แสดงออกว่ารักเธอเอามากๆ จนครั้งหนึ่งเพียงดาวเกือบทำให้เพลงพิณพลาดท่าเสียทีนักเลงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอัศนัยโกรธมากเขาจึงลงโทษเธออย่างรุนแรงพรากความสาวของเธอไปอย่างไม่ไยดี ทำให้เธอได้รู้บ้างว่านรกมันเป็นอย่างไรแต่แล้วความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดก็ค่อยๆมลายหายไปเมื่ออัศนัยได้ค้นพบว่าหญิงสาวไม่ได้เลวร้ายแบบที่เขาคิดและที่สำคัญเขาตกหลุมรักเธอไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
แต่กว่าคนทั้งคู่จะปรับความเข้าใจกันได้ก็เล่นเอาคนรอบข้างเหนื่อยไปตามๆ กันเพราะเพียงดาวสวยน้อยเสียเมื่อไหร่เธอทำให้หัวใจชายหนุ่มหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นอรรณพเจ้าของห้างทองชื่อดัง หรือพีระนักวิชาการเกษตรแย่งกันแจกขนมจีบเธอจ้าละหวั่น แต่ก็ไม่มีใครเอาชนะใจเธอได้เพราะอัศนัยใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของเธอ บีบให้ชายหนุ่มทั้งหลายสละสิทธิ์ไปที่ละคนจนเหลือเขาคนเดียวที่จะนั่งอยู่ภายในหัวใจของเธอ
++++++++++++++++++++++++++
เพียงดาว บุตรสาวคนโตของตระกูลดัง ผู้มีความสวยบวกความมั่นใจและนิสัยเย่อหยิ่ง ได้รับรู้ว่าน้องสาวของเธอ เพียงฟ้าที่แสนจะอ่อนโยนและอ่อนแอถูกพ่อบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายวัยคราวลุงซึ่งเป็นเศรษฐีบ้านนอกไม่ใช่เพราะเงินตราแต่เป็นสัญญาใจของคนเป็นพ่อ เธอรู้สึกสงสารน้องสาวเพราะรู้ดีว่า เพียงฟ้ามีคนรักอยู่แล้วอีกทั้งรังเกียจที่เลือดไฮโซของพวกเธอจะต้องไปปะปนกับเลือดเศรษฐีบ้านนอก แต่ด้วยความที่รักน้องและก่อนตายมารดาได้ฝากฝังน้องสาวเอาไว้กับเธอให้ช่วยดูแล
ทำให้เพียงดาวตัดสินใจไปเป็นสะใภ้บ้านไร่แทนน้องสาว และส่งเพียงฟ้าไปอยู่เมืองนอกสลับตัวกันระหว่างเดินทางซึ่งเมื่อคุณศรุตผู้พ่อรู้ความจริงเข้าก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้แล้วต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้นแต่ลงโทษบุตรสาวคนโตด้วยการตัดออกจากกองมรดกและบอกว่าหากเธออยู่ที่บ้านไร่ไม่ได้ก็ไม่ต้องคิดเผยอหน้าชูคอกลับมาที่คฤหาสน์อัศวเทพอีก
เพียงดาวจำต้องยอมรับในโชคชะตา ทันทีที่เธอไปถึงบ้านไร่ก็พบว่าผู้ชายแก่คราวพี่ชายพ่อคนนั้นได้ตายไปแล้วเพราะเป็นโรคหัวใจ แถมก่อนตายได้เขียนมรดกยกเธอให้เป็นภรรยาของน้องชายคนเดียวของเขาแทนนั่นคืออัศนัยเจ้าของไร่องุ่นวัยสามสิบเศษและเป็นเจ้าของทุ่งทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในลพบุรีด้วย นอกจากนี้เขายังมีโรงงานแปรรูปผลผลิตจากไร่ ซึ่งโดยรวมแล้วเขาไม่ได้บ้านนอกอย่างที่เธอคิด เขาทั้งหล่อ และรวยกว่าตระกูลของเธอมาก และเขาก็มองเธอเป็นแค่เพียงยัยตุ๊กตายางไฮโซเสื่อมคุณภาพที่ได้รับมรดกมาเท่านั้น
ความเย่อหยิ่งของเธอทำให้อัศนัยแอบหมั่นไสร้เขาแกล้งเธอต่างๆนาๆ แถมยังไม่ยอมบอกด้วยว่าเขารู้ความจริงแต่แรกแล้วว่าเธอคือเพียงดาว ไม่ใช่เพียงฟ้า อัศนัยให้เธอเลือกว่าจะทำงานบนเตียงหรือทำงานในไร่แต่เพียงดาวเลือกทำงานในไร่เขาจึงใช้เธอเยี่ยงทาส แต่ก็ทำให้สาวสวยไฮโซผู้เย่อหยิ่งรู้ว่าน้ำใจของคนจนๆนั้นมีมากกว่าพวกไฮโซที่เธอเคยรู้จักเพราะคนงานในไร่หลายคนทำดีต่อเธอมากโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน
เพียงดาวอยากจะแก้แค้นอัศนัยที่คอยกลั่นแกล้งเธอ หญิงสาวจึงหาที่ระบายอารมณ์ด้วยการกลั่นแกล้งแฟนสาวสุดแสนเรียบร้อยของอัศนัยแทนเธอชื่อเพลงพิณ มักจะมาหาอัศนัยที่ไร่อยู่บ่อยๆ และอัศนัยก็แสดงออกว่ารักเธอเอามากๆ จนครั้งหนึ่งเพียงดาวเกือบทำให้เพลงพิณพลาดท่าเสียทีนักเลงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอัศนัยโกรธมากเขาจึงลงโทษเธออย่างรุนแรงพรากความสาวของเธอไปอย่างไม่ไยดี ทำให้เธอได้รู้บ้างว่านรกมันเป็นอย่างไรแต่แล้วความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดก็ค่อยๆมลายหายไปเมื่ออัศนัยได้ค้นพบว่าหญิงสาวไม่ได้เลวร้ายแบบที่เขาคิดและที่สำคัญเขาตกหลุมรักเธอไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
แต่กว่าคนทั้งคู่จะปรับความเข้าใจกันได้ก็เล่นเอาคนรอบข้างเหนื่อยไปตามๆ กันเพราะเพียงดาวสวยน้อยเสียเมื่อไหร่เธอทำให้หัวใจชายหนุ่มหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นอรรณพเจ้าของห้างทองชื่อดัง หรือพีระนักวิชาการเกษตรแย่งกันแจกขนมจีบเธอจ้าละหวั่น แต่ก็ไม่มีใครเอาชนะใจเธอได้เพราะอัศนัยใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของเธอ บีบให้ชายหนุ่มทั้งหลายสละสิทธิ์ไปที่ละคนจนเหลือเขาคนเดียวที่จะนั่งอยู่ภายในหัวใจของเธอ
++++++++++++++++++++++++++
Tags: ไร่ทานตะวัน
ตอน: ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
อัศนัยลอบถอนใจขณะที่ร่างบางบนเตียงกว้างสไตล์อังกฤษผลอยหลับลงไปแล้ว ใบหน้าสวยของเธอยามหลับไหลถูกอัศนัยจ้องมองอย่างพิจรณา เพียงดาวเป็นคนสวยจัดและด้วยท่าทางที่เป็นสาวมั่นอกมั่นใจในตัวเองนั่นทำให้ในเวลาปกติเขาไม่กล้าที่จะสำรวจเครื่องหน้าของเธออย่างจริงจังสักครั้ง บุคลิกมั่นใจในตัวเองแบบนี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับใครคนหนึ่งที่เขาเคยเอ็นดูประดุจน้องสาวแต่ต้องมาตายลงอย่างโหดเหี้ยมยิ่งคิดถึงอรนภาก็ทำให้เขาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ และไม่คาดคิดว่าเพียงดาวจะฝันถึงอรนภา อัศนัยบอกกลับตัวเองว่ามันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ผีไม่มีในโลกหรอก แต่มันก็ทำให้อัศนัยคิดจะไปถวายสังฆทานให้อรนภาในวันรุ่งขึ้น
ลมหนาวพัดมาแผ่วๆปะทะกับเรือนร่างสมส่วนทำให้เพียงดาวห่อไหล่ลาดไล่ความหนาวเย็น วันนี้หญิงสาวตื่นแต่เช้ามืดจึงออกมาเดินเล่นหน้าคฤหาสน์และต้องแปลกใจเมื่อพบเจ้าของไร่หนุ่ม แต่งตัวสุภาพดูเหมือนเขาเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกมากกว่าจะเข้าไปทำงานในไร่
“ถ้าทางวันนนี้ฝนจะตก คุณตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก”ใบหน้าขาวคมเข้มอยากจะถามว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับสบายดีไหมแต่เขาอายเกินกว่าที่จะถามคำถามนั้น จึงเปลี่ยนเป็นการตั้งคำถามหาเรื่องอีกฝ่ายแทน
“ที่จริงฉันว่าอากาศเช้านี้มันก็เย็นสบายดีนะคะ แต่พอคุณเดินมามันทำให้บรรยากาศรอบตัวฉันหม่นหมองยังไงก็ไม่รู้สิ” หญิงสาวไหวไหล่และทำหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย
“นี่คุณ” น้ำเสียงเข้ม
“ทำไม ก็คุณหาเรื่องฉันก่อนนี่คะ” ใบหน้าสวยหันมาเถียง
“เฮ้อ! อันที่จริงผมตั้งใจจะไปทำบุญที่วัด และเห็นว่าเมื่อคืนคุณฝันไม่ดีเลยคิดจะชวนไปเปิดหูเปิดตาที่วัดสวยๆสักหน่อย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วไปคนเดียวดีกว่า” อัศนัยทำทีจะเดินหนีไปทางโรงรถแต่ถูกขวางเอาไว้ด้วยร่างระหง
“ให้ฉันไปด้วยสิ”ใบหน้าหวานคมยิ้มให้อัศนัยอย่างออดอ้อน เธอทำแบบนี้มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเธอน่ารักขึ้นมาก แต่มีเหรอจะยอมกันง่ายๆ ก็เมื่อกี้เธอยังทำทีไม่สนใจเขาอยู่เลย
“อย่าดีกว่า ฝืนใจก็ไม่ต้อง หลบไปสิผมจะรีบไป”
“นะ นะ ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากอยู่ในไร่นี้ อีกอย่างฉันก็นึกอยากจะไปทำบุญเหมือนกัน” หญิงสาวลืมตัวไปเกาะแขนของคนหุ่นล่ำสันอย่างเผลอตัว ทำให้อัศนัยลอบยิ้ม
“จะดีเหรอ”อัศนัยทำทีคิดหนักแต่ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว
“ดีสิ มันต้องดีอยู่แล้วให้ฉันไปด้วยคนนะๆ”
“แต่เมื่อกี้คุณยังบอกว่าเห็นหน้าผมและทำให้บรรยากาศรอบตัวคุณหม่นหมองอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
“ตกลงคุณจะยอมให้ฉันไปด้วยไหม” ใบหน้าสวยของเพียงดาวเริ่มงอขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
อัศนัยเหยียดยิ้มอย่างพอใจ “ขอร้องเสียขนาดนี้ไม่ให้ไปคงไม่ได้แล้วมั้ง”
คำตอบของเขาทำให้คนหน้างอยิ้มกว้างขึ้นและรีบเดินตามเขาไปขึ้นรถ “ก็เท่านั้นแหละ”
รถจิ๊ปขับไปเรื่อยๆ รับอากาศเย็นสบายยามเช้าอีกทั้งสองข้างทางของจังหวัดสระบุรีที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและสองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยดอกทานตะวันทำให้หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดจนเต็มปอดพร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี อัศนัยขับรถมาไกลพอสมควร
“อากาศดีจังเลยนะคะ แต่เอ..ฉันว่าเราผ่านวัดมาก็มากแล้วคุณจะพาฉันไปวัดไหนเหรอคะ”
“นั่งไปเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้”
เพียงดาวย่นจมูกน้อยๆ “นี่คุณฉันถามดีๆทำไมต้องตอบกวนด้วย”
“ใครว่าผมกวน ผมก็ตอบดีๆแล้วไง ถึงผมบอกชื่อวัดคุณไปคุณอาจจะไม่รู้จักก็ได้”
ผ่านไปสักพักเพียงดาวต้องสะดุดตากับภูเขาใหญ่ด้านขวาของถนนมิตรภาพ“เอ๊ะ คุณคะนั่นพระใช่ไหมคะ” หญิงสาวมองไปที่ภูเขาแม้จะอยู่ห่างไกลระดับสายตา แต่เธอกลับเห็นองค์พระสีขาวเด่นชัดบนยอดเขา
“คนแถวนี้เรียกท่านว่าหลวงพ่อขาว หรือ พระพุทธสกลสีมามงคล”
“งดงามจังเลยค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้
“ผมกำลังจะพาคุณไปที่นั่น”
“จริงเหรอคะ” เพียงดาวเผลอตัวส่งยิ้มหวานพร้อมหันไปจับแขนของเขาเขย่าอย่างลืมตัว
“คุณนี่ยามดีใจก็ทำตัวน่ารักดีนะ”
หญิงสาวชะงักปล่อยมือจากแขนของเขาใบหน้าสวยแดงขึ้น
รถของอัศนัยถูกขับมาจอดไว้ที่ลานวัดกว้างภายในวัดกว้างขวางและสะอาด เบื้องหน้าเหนือศาลาและสิ่งปลูกสร้างต่างๆของวัด คือภูเขาที่มีบันไดสำหรับขึ้นไปไหว้องค์หลวงพ่อขาวทอดยาวรวมกันแล้วหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบขั้น วัดนี้ปลูกต้นไม้เอาไว้ล้อมรอบอีกทั้งยังติดภูเขาทำให้บบรยากาศดีนอกจากนั้นยังมีนกยูงที่ทางวัดเลี้ยงเอาไว้ เดินลำแพนหางอยู่หลายตัว สีสันงดงาม ทำให้เพียงดาวสนใจกับมันราวกับพาเด็กมาชมสวนสัตว์
“ทำยังกับเป็นเด็ก” อัศนัยหยิบถังสังฆทานชุดใหญ่จากเบาะหลังรถ และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังเพลิดเพลินกับพวกนกยูงจึงต้องเดินไปคว้าข้อมือเธอและบังคับให้เดินตามเขาไป
“อะไรกันคุณนี่มันวัดนะ ปล่อยแขนฉันสิ”
อัศนัยหันมาทำหน้าดุ “ถ้าผมไม่จูงคุณมา เมื่อไหร่ผมจะได้ถวายสังฆทานกันล่ะครับ”
หญิงสาวสะบัดแขนออก “แล้วใครบอกกันว่าฉันจะถวายสังฆทานร่วมกับคุณ”
“แล้วอย่างนั้นคุณร้องตามผมมาทำไม แล้วยังบอกว่าอยากมาทำบุญอีก”
“ใช่ฉันอยากมาทำบุญ แต่ไม่ได้อยากทำบุญร่วมกับคุณ ฉันจะทำคนเดียวต่างหาก” หญิงสาวไหวไหล่จากนั้นเดินไปที่ร้านค้าทางเข้าศาลาและเห็นมีชุดสังฆทานจำหน่ายอยู่หลายแบบด้วยกัน
“สวัสดีคะ จะรับอะไรดีคะคุณ” สาวใหญ่วัยประมาณสี่สิบกว่าท่าทางใจดีซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าเอ่ยถาม
“ขอสังฆทานชุดใหญ่หนึ่งชุดค่ะ”
“ได้ค่ะ” เจ้าของร้านรีบหยิบสังฆทานพร้อมดอกไม้ธูปเทียนและซองสีขาวส่งให้หญิงสาวอ
“สามร้อยเก้าสิบเก้าบาทคะคุณ” แม่ค้าส่งยิ้มหวานให้หญิงสาว
“แย่จริง”หญิงสาวฉุกคิดได้ว่าเธอลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ติดตัวมา
เสียงหัวเราะหยันๆดังจากด้านข้างทำให้เพียงดาวช้อนตาขึ้นไปมองและถอนหายใจออกมา
“คราวนี้คุณจะปฏิเสธทำบุญร่วมกับผมอีกไหม”
“คู่แล้วไม่แคล้วกันนะโยม” พระสงฆ์บุคลิกน่าเลื่อมใสสายตาของท่านมองหนุ่มสาวทั้งคู่ด้วยความเมตา กล่าวจบท่านก็รับสังฆทานจากทั้งคู่ก่อนจะให้ศีลให้พร
หลังจากทำบุญเสร็จคนตัวสูงก็กึ่งลากกึ่งจูงหญิงสาวให้เดินตามเขาไปตามบรรไดปูนที่ทอดตัวไปตามแนวภูเขายาวไปจนถึงองค์พระบนยอดเขา
“คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย ปล่อยฉันนะ”
“อะไรกันคุณ ก็ผมจะพาคุณไปไหว้หลวงพ่อขาวบนยอดเขานั่นไง ท่านศักดิ์สิทธิ์มากรู้ไหม ถ้ามาวัดนี้แล้วไม่ได้ไปกราบหลวงพ่อขาวก็เหมือนมาไม่ถึงวัดกลางดงนะคุณ”
“ฉันเชื่อ แต่สูงมากเลยฉันคงเดินไม่ไหวหรอก” เพียงดาวมองบันไดปูนอย่าท้อๆ แม้สองข้างทางขึ้นเขาจะเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ให้ร่มเงาแต่ความสูงต่างหากทำให้เธอนึกกลัว
“ไหวสิ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยูที่นั่นข้างบนนั้นนะวิวสวยมากเลย”
“คุณขึ้นไปคนเดียวเถอะ ฉันขอรอตรงนี้แหละ ฉันไหว้ท่านตรงนี้ก็ได้” เพียงดาวยิ้มแหยๆ
“ไม่ได้มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน”
อัศนัยจึงไม่รั้งรอที่จะฉุดแขนเพียงดาวให้เดินตามเขาไป แม้ว่าหญิงสาวจะหอบไปบ่นไปแต่เมื่อเริ่มเดินสูงขึ้นไปเรื่อยและมองลงมาทำให้เธอเห็นไร่องุ่นที่อยู่ใกล้ๆกันกับวัด ทุ่งทานตะวันรอบๆเมืองทำให้ความเหนื่อยหายไปแทบเป็นปลิดทิ้ง ระหว่างทางเดินขึ้นเขาก็มีศาลาสำหรับนั่งพักเป็นช่วงๆ ทำให้การเดินทางไม่ได้ลำบากนัก
“วิวสวยจัง”
“ผมบอกแล้วว่าคุณต้องชอบ ข้างบนสวยกว่านี้อีกนะ”
“จริงๆเหรอคะ คุณมาที่นี่บ่อยไหม”
“ผมชอบวัดนี้มากแต่ก็ไม่ได้มาบ่อยนักหรอก คุณก็รู้ว่างานในไร่มันรัดตัวแค่ไหน”
“ว่าแต่คุณพาฉันมาแบบนี้ หวานใจคุณเขาไม่โกรธเอาเหรอ” หญิงสาวหมายถึงเพลงพิณ
“ถ้าเป็นที่อื่นผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าเป็นวัดพิณเขาคงไม่ว่าหรอกเขาไม่ชอบมาวัดนะ”
“แปลก ทำยังกับเป็นผี กลัววัด”หญิงสาวหัวเราะ
คนหน้าคมหันมามองดุๆ ทำให้เพียงดาวหยุดพูด “คนที่คุณกำลังนินทายังไงเขาก็เป็นแฟนผมนะครับ”
“หมั่นไส้” เพียงดาวหันมาบ่นก่อนจะเดินเชิดนำหน้าเขาไป อัศนัยสั่นศีรษะและเดินตาม
เบื้องหน้าคือหลวงพ่อขาวองค์ใหญ่งดงามดูเปี่ยมด้วยเมตตา จนเพียงดาวคิดว่าเธอเหลือตัวเล็กราวกับมด บรรยากาศบนยอดเขาลมแรงและหนาวจนหญิงสาวห่อไหล่
“หนาวเหรอ” อัศนัยถอดเสื้อคลุมของเขาให้เธอ
“ขอบคุณคะ” หญิงสาวนำมาสวมใส่
“หลวงพ่อขาวท่านศักดิ์สิทธิ์มาก มีคนมาขอมาบนกันเยอะ แต่อย่าลืมมาแก้ก็แล้วกัน”
“คุณเคยขอหรือบนอะไรกับท่านเหรอคะ”
“ตัวผมไม่เคยหรอก แต่มีคนเล่าให้ฟังนะ”
หญิงสาวพนมมือและหลับตานิ่งราวกับอธิฐานอะไรบางอย่าง
“คุณขออะไร อย่าบอกนะว่าขอให้เจอเนื้อคู่” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
เพียงดาวไม่ตอบแต่หน้าแดงจัด “บ้านะสิ”
หลังจากไหว้พระเสร็จ คนทั้งคู่ก็เดินลงจากเขาผ่านไปสักพักเพียงดาวก็รู้สึกเหนื่อยอีกทั้งเริ่มหิวน้ำหญิงสาวจึงประท้วงด้วยการหยุดเดินและนั่งลงบนบันได
“อ้าวคุณ ทำไมไม่เดินต่ออีกไม่กี่ร้อยขั้นก็จะถึงแล้ว”
“อะไรนะ! อีกต้องหลายร้อยขั้นขอฉันกลิ้งลงไปดีกว่านะ เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”
“ทนหน่อยนะคุณ” อัศนัยฉุดแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้นเดินต่อ
“ฉันไม่ไหวจริงๆ คุณเดินไปก่อนเถอะ”
“ถึงผมจะไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวคุณ แต่จะให้ทิ้งคุณไว้แบบนี้ผมก็คงไม่ใจดำขนาดนั้นหรอก”
เพียงดาวตีหน้าเศร้า
“เวรกรรมของผมจริงๆ”อัศนัยบ่นพรึมพรำ
“อย่าบ่นเลยน่า อีกไม่กี่ร้อยขั้นก็ถึงแล้ว”
ใบหน้าของเพียงดาวดีขึ้นหายเหนื่อยราวกับเป็นปลิดทิ้ง “ฉันไม่เหนื่อยแล้วล่ะคะคุณอั๊ด อากาศดีจริงๆ ฉันชักชอบวัดนี้แล้ว วันหลังถ้าคุณมาวัดนี้อีกอย่าลืมชวนฉันมาด้วยนะคะ”
เสียงหอบถี่ๆด้วยความเหนื่อยตอบมาเบาๆ “วันหลังผมจะมาคนเดียว จะได้ไม่ต้องแบกคุณลงเขาให้เหนื่อย”
เพียงดาวยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างพึงพอใจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อะไรนะป้าแช่ม คุณอั๊ดออกไปกับยัย เอ๊ย..คุณดาวอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่คะ ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”
เพลงพิณร้อนใจราวกับมีกองไฟมาสุมในอกใช่เธอยอมให้อัศนัยแต่งงานกับเพียงดาวเพราะนั่นเป็นเงื่อนไขในพินัยกรรม แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการให้อัศนัยตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเธอจะต้องเสียทุกอย่างทั้งมรดกอันมหาศาลของคุณอนิรุตน์ หรืออัศนัยชายหนุ่มที่เธอได้เลือกจะฝากชีวิตเอาไว้
“แล้วคุณอั๊ดบอกไหมว่าเขาจะกลับกันเมื่อไหร่”หญิงสาวกระแทกเสียงใส่แม่บ้านใหญ่แห่งไร่นรบดี
“ไม่ได้บอกค่ะ” นางแช่มตอบพร้อมหาทางจะเลี่ยงเข้าครัว
“จะไปไหนป้าแช่ม”
“มีอะไรอีกเหรอคะคุณพิณ”
“ฉันรู้นะว้าป้าแช่มไม่ค่อยชอบฉันสักเท่าไหร่ แต่จงจำไว้ให้ดีว่าคุณผู้หญิงตัวจริงของบ้านนี้จะต้องเป็นฉันเท่านั้น คนอื่นมันก็แค่หัวโขนจำใส่สมองเอาไว้ด้วย”
“คุณพิณจะบอกดิฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะได้ไปทำงานต่อ” แม่แช่มเดินหนีไปทางห้องครัว
“จะไปไหนก็ไปเถอะ”หญิงสาวแหวใส่ตามหลังอย่างไม่พอใจ “รอให้ฉันได้ทุกอย่างก่อนเถอะจะเฉดหัวแกกับนังเด็กตะวันออกไปจากที่นี่เป็นอันดับแรกเลย”
เสียงรถยนต์จอดที่หน้าบ้านก่อนที่ร่างสูงอันคุ้นตาของอัศนัยจะเดินมาพร้อมเพียงดาว หญิงสาวเลยต้องรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่
“คุณอั๊ดไปไหนมาคะ พิณมารอคุณตั้งนานแล้วรู้ไหมคะที่รัก”
“ผมขอโทษนะครับพิณ พอดีเมื่อเช้าผมอยากจะไปทำบุญที่วัดแต่ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากไปเลยไม่ได้ชวน”
“ก็เลยชวนคุณดาวไปแทนใช่ไหมคะ”หญิงสาวกระซิบเบาๆ เป็นเชิงตัดพ้อ ทำให้อัศนัยรีบโอบบ่าของคนรักเอาไว้
“ถ้าเลือกได้ผมอยากไปกับคุณมากกว่า แต่ผมเห็นคุณดาวเขาอยากไปก็เลยให้ไปด้วยไม่มีอะไรหรอกครับ”อัศนัยพูดกับหญิงสาวเบาๆ
เพียงดาวเห็นท่าทางของคนทั้งคู่นึกหมั่นไส้อัศนัยขึ้นมา “เสียดายจังเลยนะคะที่คุณพิณไม่ได้ไปด้วยวัดนี้สวยมากเลยค่ะ วันนี้ดาวรู้สึกอิ่มบุญและก็อิ่มอกอิ่มใจ คุณอั๊ดใจดีกับดาวมากเลยนะคะคุณพิณขา ตอนลงจากเขาดาวเดินไม่ไหวคุณอั๊ดแบกดาวลงมาจากเขาด้วยค่ะ จริงไหมคะคุณอั๊ด” หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้เขา
“เพียงดาว!”
คำพูดของเพียงดาวทำให้เพลงพิณรู้สึกควันออกหูแต่ต้องพยายามระงับอารมณ์แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามอัศนัย
“จริงเหรอคะคุณอั๊ด”
“เอ่อ…จริงครับ” อัศนัยแอบส่งสายตาให้เพียงดาวแต่อีกฝ่ายกับไหวไหล่กวนโทสะ
“ดาวไปก่อนนะคะคุณพิณ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะร้อนนะคะ ก็กลิ่นโคโลญของคุณอั๊ดมันติดตัวดาวจนแยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนกลิ่นโคโลญจากตัวคุณอั๊ด หรือกลิ่นน้ำหอมของดาว”
นังเพียงดาว นังมารร้าย นังตัวแสบ ฉันเกลียดแก กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพลงพิณได้แต่กร่นด่าเพียงดาวอยู่ภายในใจแต่ไม่สามารถแสดงอะไรออกมาได้มากนัก
+++++++++++++++++++++++++++
อัศนัยลอบถอนใจขณะที่ร่างบางบนเตียงกว้างสไตล์อังกฤษผลอยหลับลงไปแล้ว ใบหน้าสวยของเธอยามหลับไหลถูกอัศนัยจ้องมองอย่างพิจรณา เพียงดาวเป็นคนสวยจัดและด้วยท่าทางที่เป็นสาวมั่นอกมั่นใจในตัวเองนั่นทำให้ในเวลาปกติเขาไม่กล้าที่จะสำรวจเครื่องหน้าของเธออย่างจริงจังสักครั้ง บุคลิกมั่นใจในตัวเองแบบนี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับใครคนหนึ่งที่เขาเคยเอ็นดูประดุจน้องสาวแต่ต้องมาตายลงอย่างโหดเหี้ยมยิ่งคิดถึงอรนภาก็ทำให้เขาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ และไม่คาดคิดว่าเพียงดาวจะฝันถึงอรนภา อัศนัยบอกกลับตัวเองว่ามันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ผีไม่มีในโลกหรอก แต่มันก็ทำให้อัศนัยคิดจะไปถวายสังฆทานให้อรนภาในวันรุ่งขึ้น
ลมหนาวพัดมาแผ่วๆปะทะกับเรือนร่างสมส่วนทำให้เพียงดาวห่อไหล่ลาดไล่ความหนาวเย็น วันนี้หญิงสาวตื่นแต่เช้ามืดจึงออกมาเดินเล่นหน้าคฤหาสน์และต้องแปลกใจเมื่อพบเจ้าของไร่หนุ่ม แต่งตัวสุภาพดูเหมือนเขาเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกมากกว่าจะเข้าไปทำงานในไร่
“ถ้าทางวันนนี้ฝนจะตก คุณตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก”ใบหน้าขาวคมเข้มอยากจะถามว่าเมื่อคืนเธอนอนหลับสบายดีไหมแต่เขาอายเกินกว่าที่จะถามคำถามนั้น จึงเปลี่ยนเป็นการตั้งคำถามหาเรื่องอีกฝ่ายแทน
“ที่จริงฉันว่าอากาศเช้านี้มันก็เย็นสบายดีนะคะ แต่พอคุณเดินมามันทำให้บรรยากาศรอบตัวฉันหม่นหมองยังไงก็ไม่รู้สิ” หญิงสาวไหวไหล่และทำหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย
“นี่คุณ” น้ำเสียงเข้ม
“ทำไม ก็คุณหาเรื่องฉันก่อนนี่คะ” ใบหน้าสวยหันมาเถียง
“เฮ้อ! อันที่จริงผมตั้งใจจะไปทำบุญที่วัด และเห็นว่าเมื่อคืนคุณฝันไม่ดีเลยคิดจะชวนไปเปิดหูเปิดตาที่วัดสวยๆสักหน่อย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วไปคนเดียวดีกว่า” อัศนัยทำทีจะเดินหนีไปทางโรงรถแต่ถูกขวางเอาไว้ด้วยร่างระหง
“ให้ฉันไปด้วยสิ”ใบหน้าหวานคมยิ้มให้อัศนัยอย่างออดอ้อน เธอทำแบบนี้มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเธอน่ารักขึ้นมาก แต่มีเหรอจะยอมกันง่ายๆ ก็เมื่อกี้เธอยังทำทีไม่สนใจเขาอยู่เลย
“อย่าดีกว่า ฝืนใจก็ไม่ต้อง หลบไปสิผมจะรีบไป”
“นะ นะ ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากอยู่ในไร่นี้ อีกอย่างฉันก็นึกอยากจะไปทำบุญเหมือนกัน” หญิงสาวลืมตัวไปเกาะแขนของคนหุ่นล่ำสันอย่างเผลอตัว ทำให้อัศนัยลอบยิ้ม
“จะดีเหรอ”อัศนัยทำทีคิดหนักแต่ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว
“ดีสิ มันต้องดีอยู่แล้วให้ฉันไปด้วยคนนะๆ”
“แต่เมื่อกี้คุณยังบอกว่าเห็นหน้าผมและทำให้บรรยากาศรอบตัวคุณหม่นหมองอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
“ตกลงคุณจะยอมให้ฉันไปด้วยไหม” ใบหน้าสวยของเพียงดาวเริ่มงอขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
อัศนัยเหยียดยิ้มอย่างพอใจ “ขอร้องเสียขนาดนี้ไม่ให้ไปคงไม่ได้แล้วมั้ง”
คำตอบของเขาทำให้คนหน้างอยิ้มกว้างขึ้นและรีบเดินตามเขาไปขึ้นรถ “ก็เท่านั้นแหละ”
รถจิ๊ปขับไปเรื่อยๆ รับอากาศเย็นสบายยามเช้าอีกทั้งสองข้างทางของจังหวัดสระบุรีที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและสองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยดอกทานตะวันทำให้หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดจนเต็มปอดพร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี อัศนัยขับรถมาไกลพอสมควร
“อากาศดีจังเลยนะคะ แต่เอ..ฉันว่าเราผ่านวัดมาก็มากแล้วคุณจะพาฉันไปวัดไหนเหรอคะ”
“นั่งไปเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้”
เพียงดาวย่นจมูกน้อยๆ “นี่คุณฉันถามดีๆทำไมต้องตอบกวนด้วย”
“ใครว่าผมกวน ผมก็ตอบดีๆแล้วไง ถึงผมบอกชื่อวัดคุณไปคุณอาจจะไม่รู้จักก็ได้”
ผ่านไปสักพักเพียงดาวต้องสะดุดตากับภูเขาใหญ่ด้านขวาของถนนมิตรภาพ“เอ๊ะ คุณคะนั่นพระใช่ไหมคะ” หญิงสาวมองไปที่ภูเขาแม้จะอยู่ห่างไกลระดับสายตา แต่เธอกลับเห็นองค์พระสีขาวเด่นชัดบนยอดเขา
“คนแถวนี้เรียกท่านว่าหลวงพ่อขาว หรือ พระพุทธสกลสีมามงคล”
“งดงามจังเลยค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้
“ผมกำลังจะพาคุณไปที่นั่น”
“จริงเหรอคะ” เพียงดาวเผลอตัวส่งยิ้มหวานพร้อมหันไปจับแขนของเขาเขย่าอย่างลืมตัว
“คุณนี่ยามดีใจก็ทำตัวน่ารักดีนะ”
หญิงสาวชะงักปล่อยมือจากแขนของเขาใบหน้าสวยแดงขึ้น
รถของอัศนัยถูกขับมาจอดไว้ที่ลานวัดกว้างภายในวัดกว้างขวางและสะอาด เบื้องหน้าเหนือศาลาและสิ่งปลูกสร้างต่างๆของวัด คือภูเขาที่มีบันไดสำหรับขึ้นไปไหว้องค์หลวงพ่อขาวทอดยาวรวมกันแล้วหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบขั้น วัดนี้ปลูกต้นไม้เอาไว้ล้อมรอบอีกทั้งยังติดภูเขาทำให้บบรยากาศดีนอกจากนั้นยังมีนกยูงที่ทางวัดเลี้ยงเอาไว้ เดินลำแพนหางอยู่หลายตัว สีสันงดงาม ทำให้เพียงดาวสนใจกับมันราวกับพาเด็กมาชมสวนสัตว์
“ทำยังกับเป็นเด็ก” อัศนัยหยิบถังสังฆทานชุดใหญ่จากเบาะหลังรถ และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังเพลิดเพลินกับพวกนกยูงจึงต้องเดินไปคว้าข้อมือเธอและบังคับให้เดินตามเขาไป
“อะไรกันคุณนี่มันวัดนะ ปล่อยแขนฉันสิ”
อัศนัยหันมาทำหน้าดุ “ถ้าผมไม่จูงคุณมา เมื่อไหร่ผมจะได้ถวายสังฆทานกันล่ะครับ”
หญิงสาวสะบัดแขนออก “แล้วใครบอกกันว่าฉันจะถวายสังฆทานร่วมกับคุณ”
“แล้วอย่างนั้นคุณร้องตามผมมาทำไม แล้วยังบอกว่าอยากมาทำบุญอีก”
“ใช่ฉันอยากมาทำบุญ แต่ไม่ได้อยากทำบุญร่วมกับคุณ ฉันจะทำคนเดียวต่างหาก” หญิงสาวไหวไหล่จากนั้นเดินไปที่ร้านค้าทางเข้าศาลาและเห็นมีชุดสังฆทานจำหน่ายอยู่หลายแบบด้วยกัน
“สวัสดีคะ จะรับอะไรดีคะคุณ” สาวใหญ่วัยประมาณสี่สิบกว่าท่าทางใจดีซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าเอ่ยถาม
“ขอสังฆทานชุดใหญ่หนึ่งชุดค่ะ”
“ได้ค่ะ” เจ้าของร้านรีบหยิบสังฆทานพร้อมดอกไม้ธูปเทียนและซองสีขาวส่งให้หญิงสาวอ
“สามร้อยเก้าสิบเก้าบาทคะคุณ” แม่ค้าส่งยิ้มหวานให้หญิงสาว
“แย่จริง”หญิงสาวฉุกคิดได้ว่าเธอลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ติดตัวมา
เสียงหัวเราะหยันๆดังจากด้านข้างทำให้เพียงดาวช้อนตาขึ้นไปมองและถอนหายใจออกมา
“คราวนี้คุณจะปฏิเสธทำบุญร่วมกับผมอีกไหม”
“คู่แล้วไม่แคล้วกันนะโยม” พระสงฆ์บุคลิกน่าเลื่อมใสสายตาของท่านมองหนุ่มสาวทั้งคู่ด้วยความเมตา กล่าวจบท่านก็รับสังฆทานจากทั้งคู่ก่อนจะให้ศีลให้พร
หลังจากทำบุญเสร็จคนตัวสูงก็กึ่งลากกึ่งจูงหญิงสาวให้เดินตามเขาไปตามบรรไดปูนที่ทอดตัวไปตามแนวภูเขายาวไปจนถึงองค์พระบนยอดเขา
“คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย ปล่อยฉันนะ”
“อะไรกันคุณ ก็ผมจะพาคุณไปไหว้หลวงพ่อขาวบนยอดเขานั่นไง ท่านศักดิ์สิทธิ์มากรู้ไหม ถ้ามาวัดนี้แล้วไม่ได้ไปกราบหลวงพ่อขาวก็เหมือนมาไม่ถึงวัดกลางดงนะคุณ”
“ฉันเชื่อ แต่สูงมากเลยฉันคงเดินไม่ไหวหรอก” เพียงดาวมองบันไดปูนอย่าท้อๆ แม้สองข้างทางขึ้นเขาจะเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ให้ร่มเงาแต่ความสูงต่างหากทำให้เธอนึกกลัว
“ไหวสิ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยูที่นั่นข้างบนนั้นนะวิวสวยมากเลย”
“คุณขึ้นไปคนเดียวเถอะ ฉันขอรอตรงนี้แหละ ฉันไหว้ท่านตรงนี้ก็ได้” เพียงดาวยิ้มแหยๆ
“ไม่ได้มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน”
อัศนัยจึงไม่รั้งรอที่จะฉุดแขนเพียงดาวให้เดินตามเขาไป แม้ว่าหญิงสาวจะหอบไปบ่นไปแต่เมื่อเริ่มเดินสูงขึ้นไปเรื่อยและมองลงมาทำให้เธอเห็นไร่องุ่นที่อยู่ใกล้ๆกันกับวัด ทุ่งทานตะวันรอบๆเมืองทำให้ความเหนื่อยหายไปแทบเป็นปลิดทิ้ง ระหว่างทางเดินขึ้นเขาก็มีศาลาสำหรับนั่งพักเป็นช่วงๆ ทำให้การเดินทางไม่ได้ลำบากนัก
“วิวสวยจัง”
“ผมบอกแล้วว่าคุณต้องชอบ ข้างบนสวยกว่านี้อีกนะ”
“จริงๆเหรอคะ คุณมาที่นี่บ่อยไหม”
“ผมชอบวัดนี้มากแต่ก็ไม่ได้มาบ่อยนักหรอก คุณก็รู้ว่างานในไร่มันรัดตัวแค่ไหน”
“ว่าแต่คุณพาฉันมาแบบนี้ หวานใจคุณเขาไม่โกรธเอาเหรอ” หญิงสาวหมายถึงเพลงพิณ
“ถ้าเป็นที่อื่นผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าเป็นวัดพิณเขาคงไม่ว่าหรอกเขาไม่ชอบมาวัดนะ”
“แปลก ทำยังกับเป็นผี กลัววัด”หญิงสาวหัวเราะ
คนหน้าคมหันมามองดุๆ ทำให้เพียงดาวหยุดพูด “คนที่คุณกำลังนินทายังไงเขาก็เป็นแฟนผมนะครับ”
“หมั่นไส้” เพียงดาวหันมาบ่นก่อนจะเดินเชิดนำหน้าเขาไป อัศนัยสั่นศีรษะและเดินตาม
เบื้องหน้าคือหลวงพ่อขาวองค์ใหญ่งดงามดูเปี่ยมด้วยเมตตา จนเพียงดาวคิดว่าเธอเหลือตัวเล็กราวกับมด บรรยากาศบนยอดเขาลมแรงและหนาวจนหญิงสาวห่อไหล่
“หนาวเหรอ” อัศนัยถอดเสื้อคลุมของเขาให้เธอ
“ขอบคุณคะ” หญิงสาวนำมาสวมใส่
“หลวงพ่อขาวท่านศักดิ์สิทธิ์มาก มีคนมาขอมาบนกันเยอะ แต่อย่าลืมมาแก้ก็แล้วกัน”
“คุณเคยขอหรือบนอะไรกับท่านเหรอคะ”
“ตัวผมไม่เคยหรอก แต่มีคนเล่าให้ฟังนะ”
หญิงสาวพนมมือและหลับตานิ่งราวกับอธิฐานอะไรบางอย่าง
“คุณขออะไร อย่าบอกนะว่าขอให้เจอเนื้อคู่” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
เพียงดาวไม่ตอบแต่หน้าแดงจัด “บ้านะสิ”
หลังจากไหว้พระเสร็จ คนทั้งคู่ก็เดินลงจากเขาผ่านไปสักพักเพียงดาวก็รู้สึกเหนื่อยอีกทั้งเริ่มหิวน้ำหญิงสาวจึงประท้วงด้วยการหยุดเดินและนั่งลงบนบันได
“อ้าวคุณ ทำไมไม่เดินต่ออีกไม่กี่ร้อยขั้นก็จะถึงแล้ว”
“อะไรนะ! อีกต้องหลายร้อยขั้นขอฉันกลิ้งลงไปดีกว่านะ เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”
“ทนหน่อยนะคุณ” อัศนัยฉุดแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้นเดินต่อ
“ฉันไม่ไหวจริงๆ คุณเดินไปก่อนเถอะ”
“ถึงผมจะไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวคุณ แต่จะให้ทิ้งคุณไว้แบบนี้ผมก็คงไม่ใจดำขนาดนั้นหรอก”
เพียงดาวตีหน้าเศร้า
“เวรกรรมของผมจริงๆ”อัศนัยบ่นพรึมพรำ
“อย่าบ่นเลยน่า อีกไม่กี่ร้อยขั้นก็ถึงแล้ว”
ใบหน้าของเพียงดาวดีขึ้นหายเหนื่อยราวกับเป็นปลิดทิ้ง “ฉันไม่เหนื่อยแล้วล่ะคะคุณอั๊ด อากาศดีจริงๆ ฉันชักชอบวัดนี้แล้ว วันหลังถ้าคุณมาวัดนี้อีกอย่าลืมชวนฉันมาด้วยนะคะ”
เสียงหอบถี่ๆด้วยความเหนื่อยตอบมาเบาๆ “วันหลังผมจะมาคนเดียว จะได้ไม่ต้องแบกคุณลงเขาให้เหนื่อย”
เพียงดาวยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างพึงพอใจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อะไรนะป้าแช่ม คุณอั๊ดออกไปกับยัย เอ๊ย..คุณดาวอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่คะ ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”
เพลงพิณร้อนใจราวกับมีกองไฟมาสุมในอกใช่เธอยอมให้อัศนัยแต่งงานกับเพียงดาวเพราะนั่นเป็นเงื่อนไขในพินัยกรรม แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการให้อัศนัยตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเธอจะต้องเสียทุกอย่างทั้งมรดกอันมหาศาลของคุณอนิรุตน์ หรืออัศนัยชายหนุ่มที่เธอได้เลือกจะฝากชีวิตเอาไว้
“แล้วคุณอั๊ดบอกไหมว่าเขาจะกลับกันเมื่อไหร่”หญิงสาวกระแทกเสียงใส่แม่บ้านใหญ่แห่งไร่นรบดี
“ไม่ได้บอกค่ะ” นางแช่มตอบพร้อมหาทางจะเลี่ยงเข้าครัว
“จะไปไหนป้าแช่ม”
“มีอะไรอีกเหรอคะคุณพิณ”
“ฉันรู้นะว้าป้าแช่มไม่ค่อยชอบฉันสักเท่าไหร่ แต่จงจำไว้ให้ดีว่าคุณผู้หญิงตัวจริงของบ้านนี้จะต้องเป็นฉันเท่านั้น คนอื่นมันก็แค่หัวโขนจำใส่สมองเอาไว้ด้วย”
“คุณพิณจะบอกดิฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะได้ไปทำงานต่อ” แม่แช่มเดินหนีไปทางห้องครัว
“จะไปไหนก็ไปเถอะ”หญิงสาวแหวใส่ตามหลังอย่างไม่พอใจ “รอให้ฉันได้ทุกอย่างก่อนเถอะจะเฉดหัวแกกับนังเด็กตะวันออกไปจากที่นี่เป็นอันดับแรกเลย”
เสียงรถยนต์จอดที่หน้าบ้านก่อนที่ร่างสูงอันคุ้นตาของอัศนัยจะเดินมาพร้อมเพียงดาว หญิงสาวเลยต้องรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่
“คุณอั๊ดไปไหนมาคะ พิณมารอคุณตั้งนานแล้วรู้ไหมคะที่รัก”
“ผมขอโทษนะครับพิณ พอดีเมื่อเช้าผมอยากจะไปทำบุญที่วัดแต่ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากไปเลยไม่ได้ชวน”
“ก็เลยชวนคุณดาวไปแทนใช่ไหมคะ”หญิงสาวกระซิบเบาๆ เป็นเชิงตัดพ้อ ทำให้อัศนัยรีบโอบบ่าของคนรักเอาไว้
“ถ้าเลือกได้ผมอยากไปกับคุณมากกว่า แต่ผมเห็นคุณดาวเขาอยากไปก็เลยให้ไปด้วยไม่มีอะไรหรอกครับ”อัศนัยพูดกับหญิงสาวเบาๆ
เพียงดาวเห็นท่าทางของคนทั้งคู่นึกหมั่นไส้อัศนัยขึ้นมา “เสียดายจังเลยนะคะที่คุณพิณไม่ได้ไปด้วยวัดนี้สวยมากเลยค่ะ วันนี้ดาวรู้สึกอิ่มบุญและก็อิ่มอกอิ่มใจ คุณอั๊ดใจดีกับดาวมากเลยนะคะคุณพิณขา ตอนลงจากเขาดาวเดินไม่ไหวคุณอั๊ดแบกดาวลงมาจากเขาด้วยค่ะ จริงไหมคะคุณอั๊ด” หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้เขา
“เพียงดาว!”
คำพูดของเพียงดาวทำให้เพลงพิณรู้สึกควันออกหูแต่ต้องพยายามระงับอารมณ์แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามอัศนัย
“จริงเหรอคะคุณอั๊ด”
“เอ่อ…จริงครับ” อัศนัยแอบส่งสายตาให้เพียงดาวแต่อีกฝ่ายกับไหวไหล่กวนโทสะ
“ดาวไปก่อนนะคะคุณพิณ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะร้อนนะคะ ก็กลิ่นโคโลญของคุณอั๊ดมันติดตัวดาวจนแยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนกลิ่นโคโลญจากตัวคุณอั๊ด หรือกลิ่นน้ำหอมของดาว”
นังเพียงดาว นังมารร้าย นังตัวแสบ ฉันเกลียดแก กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพลงพิณได้แต่กร่นด่าเพียงดาวอยู่ภายในใจแต่ไม่สามารถแสดงอะไรออกมาได้มากนัก
+++++++++++++++++++++++++++
![](/images/icons/634.jpg)
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ย. 2554, 22:43:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ย. 2554, 22:43:58 น.
จำนวนการเข้าชม : 2950
<< ตอนที่ 7 | ตอนที่ 9 >> |
![](/images/icons/914.jpg)
SaiParn 9 พ.ย. 2554, 23:37:15 น.
ทำบุญเยอะ ๆ นะจ๊ะ จะได้โดนมารรังควานน้อยลงจ้า เพียงดาว ^^
ทำบุญเยอะ ๆ นะจ๊ะ จะได้โดนมารรังควานน้อยลงจ้า เพียงดาว ^^
![](/images/icons/guest.jpg)
คิมหันตุ์ 10 พ.ย. 2554, 02:02:07 น.
ห้าห้า
ห้าห้า
![](/images/icons/guest.jpg)
XaWarZd 10 พ.ย. 2554, 03:22:46 น.
เพียงดาวเจ๋งมาก แกล้งยัยพิณหนัก ๆเลยนะ
เพียงดาวเจ๋งมาก แกล้งยัยพิณหนัก ๆเลยนะ
![](/images/icons/143.jpg)
nunoi 10 พ.ย. 2554, 10:44:20 น.
ชอบๆ นางเอกไม่ยอมคนอย่างนี้ แต่พระเอกอย่ากินหญ้านานนักนะคะ
ชอบๆ นางเอกไม่ยอมคนอย่างนี้ แต่พระเอกอย่ากินหญ้านานนักนะคะ
![](/images/icons/980.jpg)
lovemuay 10 พ.ย. 2554, 10:54:43 น.
แล้วไปแบกหนูดาวลงวัดอีกนะคะ คุณอั๊ด อิอิ
แล้วไปแบกหนูดาวลงวัดอีกนะคะ คุณอั๊ด อิอิ
![](/images/icons/499.jpg)
kaero 10 พ.ย. 2554, 11:31:21 น.
สะใจ
สะใจ
![](/images/icons/349.jpg)
anOO 10 พ.ย. 2554, 11:57:11 น.
ยัยดาวก็ช่างยั่วจริงๆ แต่พิณก็ไม่หลุดปรี๊ดแตกใส่เลย
ยัยดาวก็ช่างยั่วจริงๆ แต่พิณก็ไม่หลุดปรี๊ดแตกใส่เลย
![](/images/icons/guest.jpg)
แพม 10 พ.ย. 2554, 13:33:09 น.
หลุดมาดร้ายจนได้เพลงพิณ
หลุดมาดร้ายจนได้เพลงพิณ
![](/images/icons/634.jpg)
อัปสรา 10 พ.ย. 2554, 16:48:43 น.
สวัสดีวันลอยกระทงคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ
สวัสดีวันลอยกระทงคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ
![](/images/icons/guest.jpg)
นกอุมาพร 10 พ.ย. 2554, 23:42:10 น.
เพียงดาว หล่อนเนี้ยแสบโดนใจสุด ๆ เลยนะ
เพียงดาว หล่อนเนี้ยแสบโดนใจสุด ๆ เลยนะ
![](/images/icons/guest.jpg)
อริสา 11 พ.ย. 2554, 12:40:32 น.
ได้ใจจริงๆ
ได้ใจจริงๆ