ปาฏิหาริย์รักหัวใจดวงเดิม
เขา...คือคนที่เธอรัก
เธอ...คือคนที่ใช้หัวใจของคนที่เขารัก

ปลายฝันหญิงสาวผู้โชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับโรคหัวใจ เธอต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจดวงใหม่อย่างเร่งด่วน
เมื่อโชคเข้าข้าง หัวใจดวงใหม่ที่ได้รับกับนำเธอให้ได้พบกับใครคนหนึ่งที่หัวใจดวงนี้บอกว่าคุ้นเคย
เธอจะทำอย่างไรต่อไปจะเดินไปตามที่หัวใจเรียกร้อง หรือเดินไปทางที่เธอจะเป็นคนลิขิตเอง......
Tags: หัวใจ

ตอน: ตอนที่ 12

อากาศตอนเช้าของเช้าวันอาทิตย์แบบนี้ช่างสดใสเหลือเกิน วันนี้เป็นวันหยุดผู้คนที่มาทำบุญที่วัดจึงมากกว่าทุกวัน ถึงผู้คนจะมากอย่างไรวัดก็คือวัด ยังคงเป็นสถานที่ที่สงบร่มเย็น และเป็นที่พึ่งทางใจให้กับใครหลายๆคนได้เสมอ และหนึ่งในนั้นก็คือผม วันนี้ผมมาที่วัดพร้อมกับคุณแม่ของครีม ผมแวะไปรับท่านที่บ้านหลังจากที่ท่านโทรบอกว่าจะไปทำบุญให้ครีม ผมจึงไม่ปฏิเสธที่จะรีบมารับท่านที่บ้านอย่างทุกครั้ง
“คุณแม่นั่งพักก่อนนะครับเดี๋ยวผมไปเอาน้ำที่รถมาให้ดื่ม”
“ไม่เป็นไรลูกทำเหมือนแม่เป็นคนแก่ไปได้”
“ผมขอโทษครับผมลืมไปคุณแม่ยังสาวอยู่เลย”
“เปลี่ยนไปเยอะนะธัน แต่แม่ดีใจนะที่ธันหายเศร้าแล้ว แม่เชื่อว่าครีมก็คงจะดีใจเหมือนกับแม่ที่ธันกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
“ครับ....”
อาการของผมมันบอกขนาดเลยหรือว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในตัวผม ผมแค่รู้สึกว่าการที่ครีมจากไปจริงอยู่ว่ามันทำให้ผมเศร้าจนลืมทุกอย่าง แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้วว่าการจากไปเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนบนโลกใบนี้ไม่เว้นแม้แต่ผม แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่มีปลายฝันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงจรชีวิตของผม บางครั้งผมรู้สึกว่าการที่ผมได้อยู่ใกล้ชิดกับปลายฝันความรู้สึกนั้นเหมือนผมเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ครีมยังอยู่
ตอนนี้ผมนั่งอยู่หน้าโกฏิของครีม รูปที่ผ่านแดดผ่านฝนมานานทำให้ดูหมองลงไปมาก แต่ก็คงแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสที่ผมคุ้นเคย ผมรู้ว่าตอนนี้ผมไม่เหมือนเดิมทุกลมหายใจเข้าออกของผมไม่ได้มีแต่เพียงครีมเท่านั้น แต่ยังคงมีผู้หญิงอีกคนที่ยังคงเวียนวนอยู่ในนั้นด้วย ผมวางดอกกุหลาบสีขาวช่อโตที่ครีมชอบลงบนแท่นก่อนถอนหายใจแรงๆครั้งหนึ่ง
“ครีม ผมอยากให้คุณรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนที่ทำให้ผมลืมความเศร้าที่เสียคุณไป ผมอยากให้คุณได้เจอเธอเพราะผมมั่นใจว่าเธอจะเป็นเพื่อนที่ดีกับคุณแน่ถ้าพวกคุณได้เจอกัน เธอคนนั้นทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ เธอมีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนคุณ อาจจะเป็นเพราะเธอมีหัวใจของคุณอยู่ในตัวเธอ ผมอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวบ้างที่ไม่ยอมบอกเธอว่าผมรู้แล้วว่าหัวใจดวงใหม่ของเธอเป็นของคุณ แต่ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าเธอเข้ามาแทนที่ใคร เพราะที่จริงแล้วมันไม่ใช่ ตอนนี้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเธออาจยังเรียกไม่ได้ว่าความรักแต่เป็นความรู้สึกที่ดีที่สามารถพัฒนาได้ ผมขอโทษที่ผมไม่รักษาสัญญาของเรา แต่เรื่องของหัวใจคงไม่มีใครปฏิเสธหรือบังคับมันได้คุณคงรู้ แต่ผมขอสัญญาว่าคุณจะอยู่ในนี้ในหัวใจของผมตลอดไป.....”

ฉันไม่รู้ว่าฉันเดินถึงตรงนี้ได้อย่างไร และเดินอยู่แบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ฝนหลงฤดูที่ตกไม่ยอมหยุดช่างเป็นใจเหลือเกินที่สามารถกลบเกลื่อนน้ำตาของฉันไม่ให้ใครที่เห็นรู้สึกสมเพชได้ แค่คำพูดประโยคเดียวมันช่างทำร้ายจิตใจฉันได้มากเหลือเกิน
....ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าเธอเข้ามาแทนที่ใคร....ผมสัญญาว่าคุณจะอยู่ในนี้ในหัวใจของผมตลอดไป........
ฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสายทำให้ฉันหนาวเหลือเกินหนาวจนสั่นไปหมดทั้งตัว แต่หนาวกายเล่าจะเท่าหนาวใจ เขาบอกว่าไม่อยากให้ฉันรู้สึกว่าฉันเข้าไปแทนที่ใคร และคำสัญญาว่าเธอคนนั้นจะอยู่ในหัวใจของเขาไปตลอด เพียงคำพูดนี้ความรู้สึกชาเกิดขึ้นไปทั้งตัวฉันเหมือนโดนของแข็งบางอย่างฟาดลงมาที่หัวอย่างแรงจนแทบยืนไม่ไหว เธอคนนั้นจะคงอยู่ในหัวใจเขาตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและไม่มีใครมาแทนที่เธอได้ ถึงได้ก็ได้แค่เพียงตัวแทนของเธอเท่านั้น ฉันอยากคืนหัวใจดวงนี้ให้เขาเหลือเกิน คืนหัวใจดวงนี้กลับไปให้คนที่เธอรักเผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้นมาบ้าง ฉันอาจจะเสียใจ แต่ไม่นานความรู้สึกนั้นจะพลันหายไปตามกาลเวลาและสุดท้ายฉันจะไม่มีผู้ชายคนที่ชื่อ ธันวา ในหัวใจอีกต่อไป....

“หมอคะ....ไม่ไปทานข้าวกลางวันหรือคะ”
“................”
“หมอ....หมอคะ....”
“................”
“หมอคะ....”
“อ๋อครับ...ว่าไงนะครับ”
“คืออรถามว่าคุณหมอไม่ไปทานข้าวกลางวันหรือคะ”
“ออ...ครับสักพักคงไปล่ะครับยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
“คุณหมอน่าจะทานอะไรบ้างนะคะ หมู่นี้คุณหมอดูเครียดๆ และก็เหม่อๆยังไรไม่รู้”
“หรือครับผมนึกว่าผมปกติเสียอีก”
“ไม่เลยค่ะคุณหมอดูไม่สดชื่นเหมือนเดิม ตั้งแต่....ตั้งแต่คุณฝันไม่แวะมาที่นี่....”
ใช่ผมเป็นแบบนี้มาร่วมสองอาทิตย์ ผมเหม่อ ผมใจลอย ผมเบื่ออาหาร เบื่อโรงพยาบาล เบื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตั้งแต่วันนั้นวันที่ผมกลับจากวัดแล้วไปหาฝันที่บ้านแต่คนที่บ้านบอกว่าฝันยังไม่กลับทั้งที่วันนั้นฝนตกหนักเธอไม่น่าออกไปไหน หรือถ้าไปก็น่าจะรีบกลับบ้านเพราะเธอขับรถไม่ค่อยเก่ง วันนั้นผมนั่งรอเธอที่บ้านตั้งแต่เที่ยงจนเกือบสองทุ่ม โทรหาก็ไม่รับสายจนกระทั่งติดต่อไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน รู้แต่ว่าตอนนั้นหัวใจของผมมันร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอผมภาวนาตลอดหวังว่าเสียงภาวนาของผมจะสู้เสียงฟ้าเสียงฝนได้จนกระทั่งผมทนไม่ไหวอีกต่อไป ผมขับรถไปทุกที่ที่คิดว่าเธอจะไปคิดว่าเธอจะอยู่แต่ก็ไม่เห็น ถามคนที่รู้จักก็ไม่มีใครทราบ ผมกลับมาที่บ้านของเธออีกครั้งตอนเกือบห้าทุ่ม รถของเธอจอดเรียบร้อยในโรงจอดรถใจที่ว่าร้อนรนเมื่อครู่พลันหายวับแต่กลับเป็นความอยากรู้มากกว่าว่าเธอหายไปไหนมา แต่แล้วผมก็ต้องผิดหวังเพราะเด็กที่บ้านบอกว่าเธอเข้านอนไปแล้ว
หลังจากวันนั้นผมพยายามโทรหาทั้งมือถือและเบอร์บ้านทุกครั้งมีคนรับสายแต่ไม่ใช่เธอแต่มักจะเป็นคนอื่นรับแทนเสมอและตามมาด้วยคำพูดเดิมๆ คือ เข้าห้องน้ำอยู่ ออกไปข้างนอก คุยธุระอยู่ หรือไม่ก็ เข้านอนแล้ว ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผมได้ยินประโยคเหล่านี้ซ้ำๆกันทุกๆวัน วันละหลายรอบ แล้วความอดทนของผมก็หมดลง ผมไปดักรอเธอที่หน้าบ้านตั้งแต่หกโมงเช้าเพราะตั้งใจไว้ว่าต้องได้เจอเธอแน่ๆ แล้วก็เป็นไปตามคาด เธอกำลังจะออกจากบ้านพร้อมกับแม่ของเธอ ทันที่ที่เห็นหน้าผมเธอดูตกใจและมีอาการแปลกๆ เธอเพียงแต่เดินลงมาจาดรถแล้วบอกกับผมเพียงสั้นๆว่าจะไปดูงานที่ต่างประเทศกับแม่ เพียงคำพูดแค่นั้น หลายอย่างที่ผมตั้งใจไว้คำพูดหลายคำหลายประโยคที่ผมเพียรท่องมาทั้งคืนเพื่อจะมาพูดกับเธอในวันนั้นพลันหลุดหายออกไป ผมไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากมองตามแผ่นหลังของเธอที่เดินไปขึ้นรถ แล้วรถคันนั้นก็ห่างออกไปเรื่อยๆจนลับสายตา จนกระทั่งวันนี้ที่ผมไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกับเธอ มีเพียงข้อความจากมือถือเท่านั้นที่ผมส่งให้เธอทุกวัน ประโยคแล้วประโยคเล่าที่ผมส่งให้เธอโดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอได้อ่านมันบ้างหรือไม่.....




อีกครั้งกับการที่ฉันมาเยือนที่นี่ ที่ๆไกลจากบ้าน ไกลจากหัวใจของฉันเหลือเกิน หมู่บ้านบนดอยคือที่แรกที่ฉันนึกถึงหลังจากวันนั้น วันที่ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นเหมือนคนโง่ที่เลือกที่จะรักใครสักคนด้วยหัวใจ ที่ไม่ใช่ของฉัน แต่ฉันเชื่อเหลือเกินว่าความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช้แต่เพียงหัวใจดวงนี้เท่านั้นที่บงการแต่เป็นทุกอย่างในความเป็นฉันต่างหากที่บอกกับฉันว่าจะจะต้องรักผู้ชายคนนี้ แต่สุดท้ายสิ่งที่ฉันได้ตอบแทน กลับเป็นแค่เพียงการเข้าไปเป็นตัวแทนของใครคนหนึ่งซึ่งจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งเขาคือเจ้าของหัวใจที่แท้จริง
ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ใช้ชีวิตที่นี่ การวาดรูปเท่านั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่รูปทุกรูปที่ถ่ายทอดออกมาผ่านปลายพู่กันมันช่างเศร้าเหลือเกิน อากาศเริ่มหนาวขึ้นเนื่องจากใกล้เข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแล้วยิ่งอยู่บนดอยแบบนี้แล้วเรื่องความหนาวเย็นไม่ต้องพูดถึง เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินทางคนเดียวโดยที่ไม่มีพี่เอื้อง หลังจากที่อาการฉันเริ่มดีขึ้นพี่เอื้องถูกเรียกตัวกลับไปช่วยงานที่โรงพยาบาลตามเดิม
“คุณฝันเจ้ามีคนมาหาเจ้า”
“ใครหรือจ๊ะแม่อุ้ย”
“คุณเอื้องแล้วก็มีป้อจายอีกคนเจ้า”
คงไม่ใช้เขาหรอกเพราะพี่เอื้องคงไม่ทำอย่างนั้น ฉันเดินลงมาจากบันได เนื่องจากบ้านทางภาคเหนือส่วนใหญ่จะยกใต้ถุนสูง บ้านหลังนี้ก็เหมือนกันเป็นบ้านพักตากอากาศหลังเก่าของพ่อที่มีแค่แม่อุ้ยคนดูแลบ้านที่ช่วยดูให้หลังจากที่พ่อจากไปฉันก็ไม่ค่อยได้กลับมาที่นี่เท่าไหร่
ชายหญิงสองคนนั่งที่โซฟาไม้ตัวเก่าใต้ถุนบ้านเพียงมองแค่ด้านหลังฉันก็จำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่เอื้อง แต่ผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่โซฟาอีกฝั่งที่เห็นเพียงแค่เซี่ยวหน้าถึงฉันจะรู้สึกคุ้นแต่ก็จำไม่ได้ในทันทีว่าเป็นใคร
“คุณฝัน.....”
พี่เอื้องทักขึ้นแล้วเดินมาที่ฉันผู้ชายอีกคนที่มาด้วยก็ลุกขึ้นแล้วหันหน้ามาทางฉันด้วย ฉันจำได้แล้วที่แท้เขาก็คือคุณหมอภัสหมอเจ้าของไข้คนก่อนฉันนั่นเอง แล้วเขามาที่นี่ได้อย่างไร มาทำไมกัน เขาเป็นเพื่อนกับหมอธัน เขารู้ว่าฉันอยู่ที่นี่แล้วเพื่อนเขาล่ะจะรู้ไหมว่าฉันอยู่ที่นี่
“คุณฝันคะพี่ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
พี่เอื้องบอกฉันด้วยสีหน้าสลด
“สวัสดีครับคุณฝัน ยินดีที่ได้เจออีกครั้งครับ”
“สวัสดีค่ะหมอ คุณหมอสบายดีนะคะ”
“ครับผมสบายดี แต่คนที่ไม่ค่อยจะสบายคงเป็นเพื่อนผมมากกว่า”
“.........”
“เอ่อเอื้องว่าเราไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่าค่ะเริ่มหิวแล้วล่ะ”
“............”
“...........”
คนที่ไม่สบายคือเพื่อนของผมงั้นหรือ คนที่ไม่สบายคือฉันมากกว่า ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากคืนหัวใจดวงนี้ให้เพื่อนคุณเหลือเกินค่ะคุณหมอภัส แต่ถึงคืนให้ไปแล้วฉันก็คงยังจะรักเขาเหมือนเดิมอย่างไม่มีข้อแม้ ทำไงได้ล่ะในเมื่อไม่ใช่แต่หัวเท่านั้นที่ยอมจำนนแก่เขาแต่เป็นทุกอย่างในความเป็นฉันด้วยต่างหาก
บรรยากาศของข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารไม่ไกลจากบ้านนักเป็นไปอย่างเงียบเชียบมีก็แต่พี่เอื้องเท่านั้นที่พยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้นแต่ดุไม่ค่อยส่งผลอะไรกับฉันเลย ฉันยังคงรักษาความเงียบของฉันต่อไป
“ผมย้ายมาดูแลคนไข้โรคหัวใจที่นี่ครับ”
อยู่ดีๆหมอภัสก็เปิดประเด็นขึ้นทำให้ฉันหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“ผมคิดว่าคุณฝันอาจสงสัยแต่ไม่กล้าถาม ผมมาไม่นานหรอกครับ ผมแค่มาช่วยไม่ได้มาประจำ ไม่กี่วันก็กลับแล้ว อย่างที่คุณเอื้องบอกนั่นแหละครับ ผมเจอคุณเอื้องที่โรงพยาบาลเลยถามถึงคุณดู”
พลันฉันก็หันไปสบตาพี่เอื้อง ที่แท้คนที่พาหมอมา คนที่บอกเรื่องแก่หมอคือพี่เอื้อง
“แต่คุณเอื้องไม่ได้บอกผมหรอกครับผมแค่บังเอิญตามคุณเอื้องมา แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ว่าผมอาจจะได้เจอคุณที่นี่”
“.........”
“พี่ขอโทษนะคะคุณฝัน คือพี่......”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เอื้อง ฝันเชื่อว่าคุณหมอเขารู้ว่าเอื้องต้องการอะไรตอนนี้”
“คุณฝันพูดดักไว้อย่างนี้ถ้าไอ้หมอธันมันถามผมก็ลำบากใจสิครับ”
“ฝันไม้ได้ขอร้องให้คุณปิดบังเรื่องนี้แต่ถ้าคุณไม่บอกใครฝันจะขอบคุณมากค่ะ”
“โธ่คุณฝัน”
ฉันไม่รู้จะเชื่อหมอภัสได้ไหมอย่างไรเขาก็เป็นเพื่อนกัน เพื่อนน่าจะมาก่อนอย่างอื่น ถ้าเป็นฉันก็คงเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ฉันโชคไม่ดีเองนั่นแหละคิดจะหนีแต่ก็หนีไม่พ้น สักวันหนึ่งเขาคงมาเอาหัวใจของเขาคืนไป

.....................................................................................................................................................
หลังจากกลับจากเชียงใหม่ผมก็ต้องมาทำงานทันที แต่เรื่องที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ล่ะผมจะทำอย่างไร ผมอยากบอกให้ไอ้หมอธันมันรู้เหลือเกินว่าผมเจอคุณฝัน แต่คุณเล่นพูดดักคอไว้อย่างนั้นผมจะทำอย่างไรดี ไอ้ธันก็เพื่อน คุณฝันก็น่าสงสารเหลือเกิน แต่เอาเถอะถ้าไอ้ธันไม่ถามผมจะพยายามไม่บอกก็แล้วกัน แต่มันคงจะไม่ถามหรอกเพราะมันจะรู้ได้ยังไงว่าผมจะบังเอิญไปเจอคุณฝันที่เชียงใหม่
“อ่าวไอ้ภัสกลับจากเชียงใหม่แล้วหรือวะ”
“..เอ่อ...............”
“อะไรวะถามแค่นี้ทำเป็นอึกอัก มีอะไรหรือเปล่าหรือไปเจออีหนูที่นั่นวะ”
ไอ้หมอยุทเพื่อนอีกคนที่เดินเข้ามาทักด้วยคำถามที่ผมตั้งตัวไม่ทัน ซึ่งมันก็เป็นคำถามง่ายๆที่ใครๆเขาก็ถามกัน อย่าทำมีพิรุธสิภัสเอ้ย จะไม่ให้อึกอักได้ไงก็คนที่เดินมาด้วยคือไอ้หมอธัน ที่ยืนทำหน้ายังกลับคนป่วยรอเข้าห้องดับจิตซะขนาดนั้น เห็นมันเป็นอย่างนี้ความสงสารเพื่อนก็พลันเกิดขึ้น ไอ้จะบอกไปเลยก็เกรงใจคุณฝัน ไอ้ครั้นจะไม่บอกก็สงสารเพื่อน เอาวะ..........
“ไงไอ้หมอธันดูหน้าแล้วเหมือนใกล้แล้วว่ะ”
“ไอ้ธันมันใกล้อะไรวะ”
“ก็ใกล้ม้วยน่ะสิ ดูหน้ามัน”
“อ่าวก็เห็นใจมันหน่อย เมียหนี จะให้มันยิ้มอยู่หรือไงฮะ”
“ไอ้ยุท พูดอะไรให้เกียรติผู้หญิงเขาหน่อย คุณฝันกับไอ้ธันพึ่งจะคลิ๊ก ยังไม่ถึงไหนเลยใช่ไหมวะธัน”
“................”
“อ่าวแล้วนั่นจะเดินไปไหนวะแหย่นิดแหย่หน่อยทำเป็นฟึดฟัด”
“เอ้ย...อย่าไปว่ามันเลยว่ะไอ้ธันมันกำลังเฮิร์ทหนักแกก้รู้ยังจะไปแหย่มันอีก”
“ก็อยากลองแหย่มันเล่นเผื่อมันโมโหจริงต่อยฉันขึ้นมาเอาไปคุยได้เป็นปีเลยนะเว้ยเฮ้ย”
“ไอ้นี้เอาหมัดฉันก่อนแล้วกันเอามั้ย”
“ไม่เว้ย....ไปโน่นเลยเมียแกตามหาอยู่ฝั่งโน้นแน่ะ”
“อ่าวแล้วก็ไม่บอกแต่แรก”
เห็นอาการของไอ้หมอธันแล้วสงสารมันขึ้นจับใจแต่จะให้ทำอย่างไรได้ เอาวะถึงที่สุดเมื่อไหร่ฉันจะบอกแกแล้วกันนะธัน.....



นางสาวปลาดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ย. 2554, 12:19:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ย. 2554, 12:20:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1600





<< ตอนที่ 11   ตอนที่ 13 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account