อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 2

ตอนที่ 2
“ขอบคุณมากนะพี่พัด ที่มาส่งดาว”ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ขายาว ที่มีรอยขาดที่หัวเข่าอย่างที่เจ้าตัวตั้งใจจะให้เป็นศิลปะ ใบหน้ารูปไข่เกลี้ยงเกลาที่บัดนี้มีเหงื่อน้อยๆ รับกับดวงตาเฉยเมยสีดำสนิท จมูกโด่ง ปากรูปกระจับเม้มน้อยๆอย่างหงุดหงิดกับอากาศในวันนี้และอีกหลายๆเรื่อง หญิงสาวเท้าแขนไว้บนหลังคารถกระบะโฟร์วีลสีน้ำเงินเข้มที่มีชายหนุ่มหน้าตาดีนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ เธอชะโงกหน้าเข้าไปมองก่อนเอ่ยเบาๆแต่แฝงไว้ด้วยความหงุดหงิดที่อีกฝ่ายก็ยิ้มส่งมาให้อย่างเข้าใจ ก่อนที่ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘พี่พัด’ จะตอบกลับ

“ไม่เป็นไรหรอกดาว พี่มาส่งแฟนพี่ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย”พัดยศบอกแฟนสาวยิ้มๆ ดาวเหนือมองรอยยิ้มนั้นอย่างอึดอัด ก่อนจะเอ่ยชวนอีกฝ่ายให้เข้าบ้านตามมารยาทแต่แล้วก็แอบเป่าปากโล่งใจ เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธ

“พี่พัดเข้ามาในดื่มน้ำบ้านก่อนไหม ขับมาเหนื่อยๆตั้งไกล”

“ไม่ดีกว่า พี่กลับบ้านเลย ดาวจะได้พัก อากาศวันนี้ร้อนคงหงุดหงิดล่ะสิ พี่เลยไม่อยากกวน”

“ก็คงงั้น งั้นขับรถดีๆนะ”ร่างโปร่งยักไหล่ มองอีกฝ่ายที่หัวเราะเบาๆอยู่บนรถก่อนเอ่ยอวยพรตามมารยาท พัดยศยิ้มรับก่อนจะเคลื่อนรถออกไปจากหน้าบ้านรัชดารักษ์ทันที ร่างสูงมองกระจกหลังเห็นแฟนสาวหันหลังกลับเข้าบ้านอย่างรวดเร็วทำให้ผมยาวที่ดัดเป็นลอนใหญ่ สีน้ำตาลเข้มของอีกฝ่ายปลิวไปตามแรงลมส่งผลให้หญิงสาวดูมีเสน่ห์มากขึ้น พัดยศละสายตากลับมายังถนนเบื้องหน้าอย่างมีความสุข โดยแกล้งทำเป็นลืมท่าทางของคนรักสาวที่มีมาตลอดหลายวันในการไปเที่ยวนี้ ซึ่งต่างจากอารมณ์ของร่างบางที่เพิ่งเดินเข้าบ้านไป

ดาวเหนือ รัชดารักษ์ ลูกสาวคนสุดท้องของบ้านรัชดารักษ์ ถอดรองเท้าผ้าใบที่หน้าบ้านหลังเล็ก ที่ผู้เป็นพ่อสร้างให้คุณบุษบา มารดาของเธอหรือภรรยาคนรองของท่านตามคำร้องขอของมารดา ผู้ซึ่งไม่ต้องการจะเข้าไปสร้างความอึดอัดใจให้คนที่บ้านใหญ่ไปมากกว่านี้ หญิงสาวเดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น โยนกระเป๋าเป้ใบย่อมลงบนโซฟาสีครีม ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างไม่กลัวว่าโซฟาจะพัง ดวงตาคู่สวยที่ถอดแบบบิดามาเช่นเดียวกับพี่สาวคนโตที่เป็นคู่อริกันหลับลงช้าๆเพื่อพักผ่อนสายตา สมองคิดถึงทริปที่เพิ่งกลับมาซึ่งหมดความสนุกเพราะชายหนุ่มที่เพิ่งกลับไปเมื่อครู่

หญิงสาวตัดสินใจคบกับพัดยศ ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนของเมืองแมน พี่รหัสของเธอนั่นเอง ชายหนุ่มเรียนคนละคณะกับเธอ แต่เพราะเขามาหาพี่รหัสของเธอบ่อยจึงได้เจอกัน และตัวชายหนุ่มเองก็ชอบหญิงสาวอยู่แล้ว ในตอนแรกเธอก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเขาแค่เล่นๆ แต่นานปีไปมันกลับไม่ใช่ ประกอบกับเธอเองก็ยังไม่ได้มีใคร สุดท้ายท่ามกลางเสียงเชียร์ของหลายๆคนพวกเธอก็กลายมาเป็นคนรักกัน ซึ่งนับได้ก็ประมาณสองปี นับจากจบมหาวิทยาลัย พัดยศปฏิบัติตัวเป็นคนรักที่ดีมาโดยตลอด ตามใจเธอทุกอย่าง จนบางครั้งเธอก็รู้สึกว่ามันมากเกินไปและด้วยความที่เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงทำให้ไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวเท่าใดนัก

แล้วด้วยความที่คบกับเขาเพราะเสียงเชียร์ของเหล่าพี่ๆเพื่อนๆ ไม่ได้เกิดจากความรัก แต่เป็นเพราะความอยากลองทำให้ในตอนนี้เธอต้องมานั่งอ้ำอึ้งกับความสัมพันธ์ที่เธออยากให้มันจบ แต่ก็ไม่อยากจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร หญิงสาวเลยตัดสินใจไปเที่ยวป่ากับเพื่อนคนหนึ่งที่ชวนมาโดยไม่บอกเขา โดยหวังว่าจะใช้เวลาที่ห่างกันนี้ทบทวนความรู้สึกและหนทางก้าวต่อไปในความสัมพันธ์ของเธอและเขา แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นดังหวังเมื่อพัดยศรู้เรื่องไปเที่ยวนี้และตามไปด้วย ซึ่งการไปของเขาได้ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดในการกระทำหลายๆเรื่องของเขาที่ทำอย่างกับว่าเธอเป็นหญิงสาวผู้อ่อนแอต้องให้คนคอยช่วยไปซะทุกเรื่อง และมันก็ทำให้เธอรู้ดีว่าความรู้สึกที่มีให้เขาคือความรู้สึกระหว่างพี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น ไม่ใช่ความรักฉันท์หนุ่มสาว และงานสำคัญของเธอก็คือต้องหาทางทำให้เขารู้ถึงเรื่องนี้และไปหาผู้หญิงใหม่ที่ดีกว่าเธอและรักเขาจริง

“กลับมาแล้วเหรอลูก ดาวเหนือ”

ร่างบางเปิดเปลือกตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของมารดาทักมาจากประตูบ้าน ก่อนที่ร่างผอมบางของนางจะก้าวตรงมาหาเธอ คุณบุษบาทรุดตัวลงนั่งข้างๆลูกสาวคนเดียว ดวงตาคู่สวยที่ผู้เป็นลูกไม่ได้รับไปนั่นมองการแต่งตัวของอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ แต่ก็ป่วยการที่จะพูดกับลูกสาวหัวดื้อที่ดื้อแพ่งกับคนทั้งบ้านยกเว้น พี่สาวต่างมารดาคนรองเท่านั้นที่ลูกสาวของเธอไม่เคยดื้อเลย ดาวเหนือมองมารดาที่คงจะเพิ่งกลับมาจากบ้านใหญ่แล้วตอบสั้น

“ค่ะ”

“ใครมาส่งเหรอลูก หรือกลับมาเอง”

“พี่พัดน่ะค่ะ”

“อ้าว! ทำไมไม่ชวนพี่เขามาพักดื่มน้ำก่อนล่ะลูก”คุณบุษบาถามลูกสาวอย่างงงๆ เพราะปกติฝ่ายหลังจะเข้ารมาทักทายเธอและคนอื่นๆอยู่เสมอที่มาหาดาวเหนือ หญิงสาวยักไหล่ก่อนตอบมารดา

“พี่พัดเขาบอกว่าไม่อยากรบกวนดาว เขาเห็นดาวหงุดหงิดอยู่ ก็เลยกลับไปเลย”

“แล้วกัน เราไปหงุดหงิดใส่พี่เขาด้วยเหรอเนี่ย มันไม่ดีนะดาว โกรธที่ใครก็ควรไปลงกับคนนั้นไม่ใช่เที่ยวพาลไปทั่ว”คุณบุษบาสอนลูกสาวอย่างคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน หากแต่ต้องหน้าเจื่อนเมื่อดาวเหนือย้อนกลับ

“แบบคุณตะวันของแม่ใช่ไหม โกรธใครก็ลงกับคนนั้น ตัวอย่างที่ดีจริงๆกับคำพูดของแม่”

“ไม่เอาน่าลูก คุณตะวันเธอไม่ได้ตั้งใจจะอาละวาดใส่ลูกหรอกนะ แล้วนี่ไปเที่ยวมาเป็นอย่างไรบ้าง”

“หึ ทั้งปี แม่เข้าข้าง แก้ตัวให้คุณตะวันทั้งปี ดาวไม่อยากพูดเรื่องคุณตะวันของแม่ให้เสียอารมณ์มากไปกว่านี้หรอกนะ”ร่างบางกอดอก กระแทกลงบนพนักโซฟาอย่างหงุดหงิด พร้อมสะบัดหน้าไปทางตรงข้ามกับใบหน้าของมารดา คุณบุษบาถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆกับความเจ้าอารมณ์ของลูกสาว ก่อนจะถามอีกครั้งโดยไม่มีเรื่องของตะวันฉายเข้ามาเกี่ยวข้อง

“เอาเถอะ ไม่พูดก็ไม่พูดว่าแต่เรายังไม่ได้ตอบแม่เลยนะว่าไปเที่ยวมาน่ะสนุกไหม”ดาวเหนือมองมารดาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าท่านอยากได้คำตอบมากกว่าอยากรู้ก็ตอบไปอย่างไม่กระตือรือร้นเท่าไหร่

“ ก็ดีค่ะ แต่น่าเบื่อนิดหน่อยเพราะอากาศร้อน”หญิงสาวตอบตามความจริงโดยเลี่ยงถึงอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอหงุดหงิด ด้วยเพราะมารดาของเธอชอบพัดยศอย่างมาก คุณบุษบาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะถามต่อทันที

“แล้วไปป่าไหนมาเหรอลูก”

“ป่าแถวกาญจน์ฯน่ะคะ ดาวซื้อวุ้นเส้นของโรงงานวุ้นเส้นฯมาฝากแม่แล้วก็คนที่บ้านใหญ่ด้วย”ว่าแล้วร่างบางก็เปิดหยิบถุงของฝากที่มีของฝากที่ว่าและอย่างอื่นอยู่อีกหลายอย่างแยกออกเป็นสองแล้วส่งให้มารดาถุงหนึ่ง และอีกหนึ่งสำหรับบ้านใหญ่ คุณบุษบามองถุงของฝากอีกใบที่ลูกสาวยื่นส่งให้อย่างงงๆ ก่อนถามด้วยสายตาซึ่งหญิงสาวก็อ่านออกเลยตอบ

“ฝากไปให้บ้านใหญ่ด้วย ดาวไม่อยากไป”

“ทำไมล่ะลูก”ด้วยความที่ถามประโยคนี้บ่อยจนเคยชิน ทำให้คุณบุษบาหลุดปากถามไป ดาวเหนือมองมารดาก่อนถามเสียงเรียบ

“แม่แน่ใจนะว่าอยากรู้เหตุผล”

“เอ่อ ไม่ต้องก็ได้ลูก แต่แม่ว่าดาวควรเอาไปให้คุณย่า คุณพ่อ แล้วก็ป้ามินเองนะลูก ไม่ใช่อะไรหรอก อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันก็ควรจะไปทักทายบ้างนะลูก”นางให้เหตุผลที่ค้านไม่ได้ สุดท้ายหลังจากเล่นเกมจ้องตากับมารดานานเกือบนาที หญิงสาวจึงคว้าถุงของฝากคืน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังบ้านใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก โดยมีสายตาของมารดามองตามอย่างอารมณ์ดีที่ลูกสาวยอมตามใจในรอบหลายปี


ดาวเหนือสวมรองเท้าแตะคู่โปรดเดินตัดสนามหญ้าไปที่บ้านใหญ่ ซึ่งเร็วกว่าเดินตามพื้นอิฐที่ปูเป็นทางไว้ บ้านของเธอแล้แม่นั้นอยู่ติดริมคลองซึ่งหาได้ยากในปัจจุบันนี้ที่คนส่วนใหญ่นิยมสร้างบ้านติดถนนเพราะง่ายต่อการสัญจรไปมา โชคดีที่บ้านของครอบครัวเธออยู่ติดทั้งคลองและถนนทำให้ไม่มีปัญหาในการเดินทางใดๆ ร่างบางมีสีหน้าเบื่อหน่ายยามมองเห็นรถสปอร์ตสีแดงจอดสงบนิ่งอยู่ภายในโรงจอด และรถยุโรปสีบรอนซ์เงินของบิดาจอดอยู่ข้างกัน พลางคิดหาทางรับมือกับหนึ่งบุรุษวัยกลางคน ผู้เป็นพ่อ กับอีกหนึ่งสตรี เจ้าของรถสีแดงแรงฤทธิ์ ที่คาดว่าคงจะหาเรื่องเธออีกตามเคย

หญิงสาวถอดรองเท้าที่หน้าบ้านใหญ่ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องนั่งเล่นซึ่งคาดว่าสมาชิกสูงวัยทั้งหลายคงจะอยู่กัน และพี่สาวคนรองคงจะตรวจการบ้านเด็กอยู่ด้านในด้วยเช่นเดียวกัน ส่วพี่สาวคนโตผู้ซึ่งเธอไม่อยากจะเจอหน้าคงจะอยู่บนห้องของตนสำรวจข้าวของที่ไปซื้อมาในวันนี้ ดาวเหนือเคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปเมื่อได้รับอนุญาต

“อ้าว ยายดาวกลับมาแล้วเหรอ มีรูปสวยมาฝากพี่มั่งไหมเอ่ย”พรายจันทร์เอ่ยทักเมื่อเธอเงยหน้าจากกองการบ้านของเด็กเพื่อสนทนากับมารดา และ คุณย่า ร่างบางนั่งอยู่ด้านล่าง โดยมีกองการบ้านเด็กวางอยู่ข้างๆตัว ดาวเหนือพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปไหว้คุณมินตรา คุณหญิงผกามาศ ซึ่งท่านทั้งสองก็รับไหว้หล่อนพร้อมรอยยิ้ม ผิดกับคนสุดท้าย คุณชนะชัย ผู้เป็นบิดาที่มองเมิน หน้าตึง ซึ่งเธอก็ไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางนั้น แค่ไหว้ตามมารยาทและหน้าที่เท่านั้น ก่อนที่จะทรุดลงนั่งข้างพี่สาวคนรองที่เลิกใส่ใจการบ้านเด็กอย่างถาวร หันมานั่งมองเธออย่างอยากคุย

“ดาวซื้อของฝากมาให้คุณป้ากับคุณย่าด้วย”พร้อมกับส่งถุงของฝากให้ ซึ่งคุณมินตราก็เป็นฝ่ายรับของแทนคุณหญิงผกามาศ ก่อนที่คุณหญิงจะชวนหลานสาวคนเล็กคุย พร้อมกับมองค้อนเล็กน้อย

“ไงล่ะเรา ยายดาวไปเข้าป่าเข้าพงเสียหลายวัน ไอ้ฉันก็นึกว่าหล่อนจะกลายเป็นลิงออกมา ยังเป็นคนอยู่ คอยสบายใจหน่อย ทีหลังไปที่อื่นที่มันดีกว่านี้หน่อยได้ไหม เป็นผู้หญิงยิงเรือไปเข้าป่ากับผู้ชายตั้งฝูง ใครรู้เข้าเขาจะเอาไปนินทา อย่างน้อยถ้าอยากจะไปจริงๆก็ควรจะมีผู้หญิงให้เยอะกว่านี้หน่อย เข้าใจที่ย่าพูดไหม”คุณหญิงผกามาศค่อนแขะเธอเสร็จ ก็สั่งสอนต่อทันทีซึ่งเธอก็เข้าใจในตความเป็นห่วงของท่านจึงได้แต่ตอบรับไป

“ค่ะ คุณย่า คราวหลังดาวจะขนเพื่อนผู้หญิงไปให้ครบทั้งกลุ่ม”

“เออดี แล้วไอ้ทั้งกลุ่มที่ว่าเนี่ยมันกี่คนกันล่ะ”คุณหญิงผกามาศพยักหน้าพอใจที่แม่หลานสาวตัวดียอมรับปาก ก่อนจะเอะใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของสะใภ้ใหญ่และหลานสาวคนรอง จนต้องถาม

“ก็ซักราวๆห้า หกคน ได้”ร่างบางยังคงตีหน้านิ่งตอบ โดยไม่สนใจท่าทางพยายามกลั้นหัวเราะของคุณมินตรา และพรายจันทร์ ส่วนคุณหญิงผกามาศก็ขมวดคิ้วกับคำตอบ ท่านนึกในใจถึงจำนวนเพื่อนสนิทของหลานสาวตนเล็กที่ท่านเองก็เคนเจออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งนับยังไงก็ไม่มีทางเยอะขนาดนั้น ก่อนจะยอมแพ้ถามแม่ตัวดีไปตรง ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ทำให้ท่านลมแทบจับ ส่วนคุณมินตรากับพรายจันทร์ก็ปล่อยเสียงหัวเราะเต็มที่

“เดี๋ยวนะ ยายดาวหล่อนไปมีเพื่อนผู้หญิงเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”


“ก็ตั้งแต่แรก ดาวเข้าป่าคราวหน้าดาวจะทำตามที่คุณย่าบอก หาเพื่อนผู้หญิงไปด้วยเยอะๆ ก็แค่ให้ไอ้พวกนั้นมันแต่งตัวเป็นผู้หญิงเข้าป่าก็ได้แล้วเพื่อนผู้หญิงอย่างที่คุณย่าบอกไง”

“โอ๊ย!ฉันจะเป็นลม แม่มิน ดูมันนะดูมัน เฮ้อ! มีอย่างที่ไหนให้หาเพื่อนผู้หญิงเยอะเข้าป่า มันกลับจะเอาเพื่อนผู้ชายของมันแต่งเป็นผู้หญิงแล้วพาไปด้วย โอ๊ย!ตายๆ ฉันอยากจะบ้าตายจริงๆ เวลาพูดกับหล่อน ยายดาว”คุณหญิงผกามาศที่ได้ฟังคำตอบของดาวเหนือก็ถึงกับต้องคว้ายาดมซึ่งพรายจันทร์ก็หยิบส่งให้อย่างรู้ หญิงสูงวัยหันไปประท้วงกับคุณมินตราที่กำลังปาดน้ำตาออกจากดวงตาที่เอ่อล้นออกมาด้วยความขำกับคำตอบของลูกสาวคนเล็กของสามี ก่อนจะช่วยร่างบางที่โดนแม่สามีของเธอค้อนใส่

“ก็คุณแม่ไม่บอกให้ครบนี่คะ ว่าต้องเป็นผู้หญิงแท้ๆเท่านั้น ยายดาวเลยอาศัยช่องโหว่นี่ย้อนคุณแม่เข้าให้”

“อ้าว! คุณย่าอยากให้ดาวพาเพื่อนที่เป็นผู้หญิงจริงๆเข้าป่าเหรอ”ดาวเหนือแกล้งย้อนถามผู้เป็นย่าหน้าตาเหรอหรา ราวกับไม่รู้มาก่อน คุณหญิงผกามาศมองท่าทางนั้นของเธอแล้วก็ต้องตอบแบบกระแทกใส่ ค้อนให้หญิงสาวตาคว่ำอีกครั้ง

“ใช่สิยะ”

“แล้วก็ไม่บอก แต่ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณย่าผิดหวัง เพราะดาวมีเพื่อนผู้หญิงแค่สองคนเท่านั้น ไม่สามารถจะหาเพิ่มอีกได้ เพราะดาวรำคาญแม่พวกที่ทำอะไรนิดหน่อยก็กรี๊ดกร๊าด ขืนพาเข้าป่าด้วย คงหมดสนุก”เธอตอบด้วยคำตอบที่ตรงกับใจตัวเองและเพื่อนหนุ่มอีกหลายคนที่คิดแบบเดียวกัน พรายจันทร์มองน้องสาวคนโปรดของเธออย่างสนใจ ก่อนจะเอ่ยถามคำถาม

“นี่ นี่ ดาวแล้วอย่างพี่ถ้าจะไปด้วยได้ไหม”

“ได้ ถ้าพี่จันทร์ไม่กลัวพวกแมลงแล้วก็สัตว์เลื้อยคลาน สามารถเดินนานๆไกลๆได้ แบกของหนักๆของตนเองๆได้ โดยไม่ลำบากคนอื่น ก็ลงชื่อมาเลยเดือนหน้าจะพาไปด้วย”พรายจันทร์ทำหน้าเสียดายเมื่อได้ยินน้องสาวร่ายคำตอบออกมา เธอสามารถทำได้ในข้ออื่นๆยกเว้นข้อเดียวเท่านั้นที่คงทำไม่ได้เช่นเดียวกับผู้หญิงส่วนมากในโลก

“ว้า!น่าเสียดาย ถือของหนัก เดินทางไกลพี่ไม่กลัวหรอกจ้ะ กลัวอยู่อย่างเดียวนั่นแหละ แมลงแล้วก็สัตว์เลื้อยคลาน ยังไงก็ทำใจไม่ได้ ไว้พี่ไปเที่ยวที่อื่นด้วยแล้วกัน”

“โอ๊ย!พอเลย ยายจันทร์ปล่อยให้ยายดาวมันไปตะลอนทัวร์ของมันไปเถอะ เราน่ะไม่ต้องไป อยู่บ้าน ไปสอนเด็กๆแล้วก็ทำอาหารอยู่กับบ้านเถอะ ถือว่าย่าขอร้อง”คุณหญิงผกามาศห้ามทัพหลานสาวคนรองที่ทำท่าอยากจะตามหลานสาวคนเล็กออกไปเที่ยวทั่วประเทศ

“แล้วไม่มีการมีงานทำหรือไง ถึงได้เที่ยวทำตัวไม่สมกับเป็นผู้หญิงอยู่ได้ทุกวันอย่างนี้น่ะ ดาวเหนือ”น้ำเสียงเรียบๆของบิดา ดังขึ้นจบบทสนทนาทุกอย่างของทุกคน ซึ่งต่างก็รู้ดีว่าหมดเวลาแห่งความสนุกแล้ว ดาวเหนือหันกลับไปมองหน้าคุณชนะชัยก่อนตอบเสียงเรียบและหน้าตาที่นิ่งสนิทไม่แพ้กัน แต่คำตอบนั้นรวนแบบสุดๆ

“ไม่มี แล้วก็ไม่อยากทำด้วย อยากออกไปเที่ยวอย่างเดียว”

“หึ แกะดำจริงๆ คนอื่นๆเขาทำงานสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง และครอบครัว ไม่สร้างภาระให้พ่อแม่ นี่อะไร จบมาแล้วแทนที่จะหางานทำ กลับเอาแต่ผลาญเงินไปวันๆ แกนี่มันไม่เหมือนบุษบาแม่แกเลยแม่แต่นิด”คุณชนะชัยพูดประชดลูกสาวคนเล็กที่เลือกทำอะไรทุกอย่างตรงกับข้ามกับความต้องการของท่าน เริ่มตั้งแต่เลือกเรียนสายศิลป์ทั้งที่ท่านอยากให้เรียนสายคำนวณ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เลือกคณะมัณฑนศิลป์แทนคณะบริหารธุรกิจ และทุกครั้งที่ท่านพูดท่านบอกอะไร แม่ลูกสาวตัวดีจะต้องทำตรงกันข้ามตลอด แล้วพอท่านออกคำสั่งดาวเหนือก็ดื้อแพ่ง ไม่ทำมันเสียอย่างนั้น

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ท่านอยากให้เข้าไปช่วยงานในบริษัทแต่ลูกสาวของเขากลับหนีไปเข้าป่า ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดได้ตลอดเวลา และก็ไม่ยอมลงให้ท่านเลย กลายเป็นว่าความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกเริ่มจะห่างเหินจนกลายเป็นเย็นชาและพูดกันดีๆไม่เป็นแล้ว เจอหน้ากันทีไรก็ต้องทะเลาะกันทุกที ทำให้ท่านทำเหมือนกับมารดาของหญิงสาวหันไปทุ่มความสนใจทั้งหมดกับตะวันฉายหวังให้อีกฝ่ายอิจฉาและยอมทำตามที่ท่านต้องการเพื่อให้เป็นลูกรักบ้าง

“ก็ดาวไม่ใช่แม่ จะไปเหมือนกันได้ไง ดาวก็คือดาว และดาวไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ดาวอยากจะทำอะไรดาวก็จะทำ และตอนนี้ดาวก็อยากจะเที่ยวอย่างเดียว ไม่อยากทำงาน มีอะไรไหมคะ”

“แต่แกใช้เงินฉันอยู่! และฉันก็จะตัดเงินแกทุกอย่างนับแต่วันนี้ไป ถ้าแกอยากจะไปเที่ยวเล่นอะไรของแกก็ผลาญเงินตัวเองไป ไม่ใช่มาผลาญเงินฉัน!!”คุณชนะชัยลุกขึ้นตวาดลูกสาวคนเล็กที่มองตรงมาที่ท่านด้วยดวงตาแข็งกร้าว พรายจันทร์เห็นว่าคราวนี้เหตุการณ์ชักจะเลวร้ายเพราะดาวเหนือเองก็ลุกขึ้นมาประชันหน้ากับบิดา หญิงสาวรีบจับแขนของน้องสาวเอาไว้ไม่ให้อาละวาด ส่วนมารดาเข้าไปจับแขนของบิดาเอาไว้ แต่ดูท่าจะไม่ไว้เพราะดาวเหนือราดน้ำมันลงบนกองไฟอีกครั้ง

“คิดว่าทุกวันนี้ดาวใช้เงินของพ่อรึไง! ดาวเลิกใช้เงินของพ่อตั้งแต่อยู่ปีสองแล้ว เงินทั้งหมดที่พ่อให้แม่เอามาให้ดาวทุกเดือน ดาวเอาไปบริจาคให้กองทุนสุนัขพิการและไร้เจ้าของทุกเดือนนั่นแหละ อ่อ! ก่อนหน้าจะไปเที่ยวดาวยังเอาไปให้เขาอยู่เลย ดาวไม่เคยใช้เงินพ่อ บัตรเครดิตที่ดาวมีก็ไม่ใช่ของพ่อ ของทุกอย่างที่ดาวซื้อมาจากเงินของดาวหมด ไม่ต้องถามนะว่าดาวได้เงินมายังไง เพราะดาวไม่ตอบ รู้ไว้แค่ว่าเงินของพ่อไม่มีความจำเป็นสำหรับดาว!!!...”ร่างบางหอบเล็กน้อยจากการตะโกน ก่อนจะพยายามสูดอากาศเข้าไปแรงๆหลายครั้งเพื่อบรรเทาอาการเหนื่อย ดวงตาแดงก่ำจากแรงอารมณ์ที่ปนเปกันไปทั้งโกรธ น้อยใจ เสียใจมองบิดาที่ทรุดลงไปนั่งที่เดิม หน้าซีดเผือด โดยมีมารดาของพรายจันทร์คอยพัดวีให้

ดาวเหนือสะบัดแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของพี่สาวต่างมารดา ร่างโปร่งที่เก็บกดความรู้สึกทุกอย่างมาเนิ่นนานยามเมื่อได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาก็หยุดไม่อยู่ ก่อนพูดประโยคสุดท้ายที่ทำให้คุณชนะชัยได้แต่หลับตาลงอย่างปวดร้าวกับการกระทำของตนเองที่ผ่านมา คำพูดที่ทำให้ท่านรู้ว่าการเอาใจตะวันฉาย เมินเฉยดาวเหนือเป็นสิ่งที่ผิด และมันเป็นสิ่งที่ฝังลึกลงไปในจิตใจของลูกสาวคนเล็กที่เหมือนท่านมากกว่าใครๆ

“เอาเงินของคุณไปให้คุณตะวันฉายใช้เถอะ!!!”พูดจบหญิงสาวก็เชิดหน้าเดินออกจากห้องไป ไม่ฟังเสียงเรียกของพรายจันทร์ คุณมินตรา หรือคุณหญิงผกามาศเลยแม้แต่น้อย หัวใจเคยร่ำไห้เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุใดที่ใครต่อใครต่างเอาใจตะวันฉาย ส่วนเธอกลายเป็นคนที่ถูกลืม ไม่เว้นแม้แต่มารดาของเธอเองที่เห็นดีเห็นงามกับตะวันฉาย เข้าข้างกันตลอด ไม่เว้นแม้แต่ครั้งที่เธอเกือบโดนรถของตะวันฉายชนเมื่อตอนที่ตะวันฉายลองหัดขับรถ

ในครั้งนั้นเธอเห็นแววตาของอีกฝ่ายวาวโรจน์และมั่นใจว่าตะวันฉายมองเห็นเธอเดินอยู่แน่ถึงได้ขับพุ่งเข้ามา แต่มารดากลับไปเชื่อตะวันฉายที่แกล้งลงมาทำหน้าซีด น้ำตาคลอ พร้อมพร่ำบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะขับรถชนเธอเลยแม้แต่น้อยอย่างเต็มหัวใจ นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอก็เลิกทำตามที่คนอื่นต้องการ โดยเฉพาะกับบิดาที่ไม่เคยมองเห็นเธอเป็นลูกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอทำทุกอย่างที่ตามที่ใจเธออยากทำโดยไม่ใส่ใจใคร น้ำตาที่เคยไหลรินทั้งภายนอกและภายในมานับตั้งแต่วันนั้นมันกลับเหือดแห้งเหลือเพียงความชินชา ว่างเปล่า และเธอเองก็ไม่เคยร้องไห้ให้ใครมาสมเพช เวทนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ให้ตะวันฉายเห็นเด็ดขาด!


อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงตัวบ้านของเธอแล้ว หากไม่ใช่เพราะมีใครบางคนก้าวมาขวางทางไว้ ดาวเหนือเงยหน้ามองคนที่กล้ามาขวางเธออย่างเอาเรื่อง ก่อนจะกำหมัดแน่นเมื่อเห็นแววตาเยาะเย้ยจากหญิงสาวร่างสูงโปร่งเบื้องหน้า ตะวันฉายมองน้องสาวต่างมารดาที่ตนเกลียดชังเข้ากระดูกอย่างมีความสุข แวววิ่งขึ้นไปบอกเธอตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาในบ้านแล้ว ตอนแรกเธอกะจะรอเล่นงานตอนที่อีกฝ่ายกลับออกมา กลายเป็นว่าไปได้ยินการทะเลาะกันของบิดากับหญิงสาวที่เธอแสนเกลียด ตะวันฉายเลยออกมาดักรอที่ตรงนี้เพื่อที่จะถากถางอีกฝ่ายอย่างที่เคยทำ

“ไงจ๊ะ เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข้งดีนะ แหม! ‘เงินของพ่อไม่จำเป็นกับดาว’ ถ้าเก่งนักทำไมแกกับแม่แกไม่ออกจากบ้านของฉันไปซะที นังดาว!”

“บ้านคุณ? บ้านคุณน่ะบ้านใหญ่ ไม่ใช่บ้านหลังนี้ บ้านหลังนี้เป็นชื่อของแม่”

“แต่พ่อฉันออกเงินสร้างให้ เท่ากับว่าแกก็ยังใช้เงินของพ่ออยู่”

“หึ แต่ยังไงซะฉันก็มีสิทธิ์ เพราะพ่อใช้เงินสร้างบ้านหลังนี้ให้แม่ และโอนเป็นชื่อแม่ ไม่ได้โอนเป็นชื่อฉันนี่ ฉันก็แค่อาศัยอยู่ จะไปเมื่อไหร่ก็ได้...”ร่างบางเว้นหายใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มมุมปาก ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยเฉี่ยวของพี่สาวคนโตที่ตอนนี้ตาขวางอย่างหงุดหงิด แล้วพูดประโยคสุดท้ายที่ทำเอาความอดทนของตะวันฉายขาดสะบั้น

“....แต่ตอนนี้ฉันยังอยากอยู่เป็นมารผจญคุณไปก่อน มีปัญหาอะไรไหม คุณตะวันฉาย!”

“แก!นังดาวตก ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ตบแกอย่ามาเรียกฉันว่าตะวันฉาย!!”ว่าแล้วก็ถลาจะเข้าไปทำอย่างที่พูดหากไม่ใช่เพราะ อีกฝ่ายง้างหมัดไว้รอท่าพร้อมขู่

“เอาสิ!คุณตะวัน ถ้าคุณตบฉันต่อยกลับ อย่านึกว่าฉันจะยอมให้คุณลงมือฝ่ายเดียวนะ มาเลย!!”เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกกำปั้นขึ้นมาท่าทางเอาจริง ตะวันฉายที่ลดมือลงเพราะกลัวเจ็บได้แต่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน จ้องอีกฝ่ายอย่างอาฆาต นิ้วเรียวชี้ตรงไปข้างหน้าระดับเดียวกับใบหน้าอีกฝ่ายพร้อมประกาศก้อง

“ฝากไว้ก่อนเถอะแก นังดาวตก วันนี้ฉันยอมให้เพราะฉันไม่อยากเอาดวงตะวันที่เฉิดฉายและสามารถทำประโยชน์ให้กับครอบครัวอย่างฉันลงไปเกลือกกลั้วกับดวงดาวที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยอย่างแก แต่แกคอยดูนะ ว่านับตั้งแต่นี้ต่อไปแกจะต้องเจ็บจนแทบกระอัก คอยดูสิ!!” ร่างเพรียวสะบัดหน้ากลับไปยังบ้านของตน โดยมีแม่สาวใช้จอมสอพลอวิ่งตามติดอย่างกับกลัวว่าหากอยู่ต่อแม้แต่นิดดาวเหนืออาจจะเล่นงานตัวเองแทนเจ้านายสาว

ดาวเหนือลดหมัดลง มองตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างกังวลเล็กๆ ด้วยรู้ว่าคนอย่างตะวันฉายหากเกลียดใครก็มักจะทำทุกวิถีทางให้คนที่เธอเกลียดพ่ายแพ้ หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างจนกระทั่งหายไปจากโลกนี้เลยก็ยังมีมาแล้ว แม้จะโดนขู่ทำนองนี้มาก่อนหน้านี้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้ต่างออกไปที่ว่าความรู้สึกลึกๆภายในใจเธอมันบอกว่าเรื่องคราวนี้จะลุกลามจนกลายเป็นเรื่องเลวร้ายที่ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น ร่างบางเงยหน้ามองท้องฟ้าเหนืออาณาบริเวณของตระกูลรัชดารักษ์ ก่อนรำพึงกับตัวเอง

“ฟ้าวันนี้ดูอึมครึมจัง บรรยากาศไม่ดีเลยแฮะ”



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2554, 21:33:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 เม.ย. 2554, 21:33:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 2138





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account