อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

“แหม ทำไมคุณตะวันไม่ตบคุณดาวไปเลยล่ะคะ แววอุตส่าห์ลุ้น”แววบอกเจ้านายสาวที่นั่งพิงหมอนให้เธอนวดให้อยู่ภายในห้องของตะวันฉาย ร่างโปร่งปิดนิตยสารในมือลงฉับ ก่อนจะผลักหัวสาวใช้คนโปรด

“มีสมองไหมนังแวว ฉันตบมันหน้ามันแค่เป็นรอยแดงวันเดียวก็หาย แต่มันจะต่อยฉันกลับ เกิดตาฉันกลายเป็นหมีแพนด้าขึ้นมาจะทำยังไง มันตั้งนานกว่าจะหาย แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันจะเอาความงามของฉันไปแลกกับเศษขยะอย่างมัน นังโง่ หัดคิดซะบ้าง!”

“โธ่! ก็แววไม่รู้นี่คะ แววนึกว่าคุณตะวันน่ะอยากเล่นงานคุณดาวมากกว่าห่วงสวย”แววรีบยิ้มประจบ พลางบีบนวดเจ้านายสาวที่เลิกสนใจหนังสือแบบถาวร ตะวันฉายกอดหมอนมองตรงไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิดก่อนจะส่งเสียงจึ้กจั๊กกับความไม่รู้ของสาวใช้

“ฉันอยากเล่นงานมันจะแย่อยู่แล้ว แต่แกก็รู้ตั้งแต่มันไปเรียนอะไรนะ อ่อ! เทควันโดเอย มวยไทยเอย ฉันก็ไม่กล้าจะทำร้ายร่างกายมันเท่าไหร่ มือมันหนักกว่าฉันนะยะ แล้วก็ยังไงความสวยฉันต้องมาก่อนอยู่แล้วนังแวว”

“แล้วตอนนี้คุณตะวันจะทำยังไงต่อไปล่ะคะ”แววถามอย่างสอดรู้สอดเห็น ก่อนจะจ๋อยเมื่อโดนตะวันฉายดุใส่

“ไม่ต้องมาสอด! ฉันจะทำยังไงกับนังนั่นมันเรื่องของฉัน ตอนนี้ฉันกำลังคิดอยู่ ไว้ฉันจะให้แกช่วยเมื่อไหร่จะบอก แต่ตอนนี้นวดไป เมื่อย!”ว่าจบก็กลับไปนั่งนิ่งคิดหาแผนการทำลายน้องสาวต่างมารดาที่ชังน้ำหน้านักของเธอต่อ โดยมีสาวใช้คนโปรดคอยนวดพร้อมพูดเอาใจอยู่ไม่ห่าง ก่อนที่ร่างอ้วนของแม่สาวใช้จะผงะถอยออกมาเมื่อคุณตะวันฉายของเธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว

“นึกออกแล้ว!นังแวว ฉันรู้แล้วว่าจะทำยังไงให้นังดาวตกมันเจ็บเจียนตาย หึ! งานนี้นี่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ทั้งน้องเขย ได้ทั้งความสะใจ งานนี้แหละนังดาวเหนือ แกจะได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้ที่มีต่อฉันคนนี้”ใบหน้าสวยแสยะยิ้มด้วยความสะใจกับแผนการที่ตนคิดไว้อย่างมีความสุข ร่างเพรียวกระซิบบอกกับแววที่ยืดตัวขึ้นมาฟังด้วยใบหน้างงๆ พลันเปลี่ยนเป็นยิ้มร้ายๆเช่นเดียวกับเจ้านายสาว


“ได้ พี่เมืองเดี๋ยวพรุ่งนี้ดาวจะเอางานเข้าไปให้ดู อืม ถึงนานแล้วเรียบร้อยดี พี่พัดไม่ได้อยู่ทานข้าวหรอก เขากลับไปตั้งแต่บ่ายแล้ว อืม ได้ เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้”ร่างโปร่งในชุดเสื้อกล้ามสีขาว กระโปรงผ้ายาวหลากสีกรอมเท้าสไตล์โบฮีเมียน ซึ่งเป็นแฟชั่นยอดนิยมของเหล่าสาวอาร์ต โดยเฉพาะดาวเหนือ รัชดารักษ์คนนี้ หญิงสาวเพิ่งวางสายจากพี่รหัสที่ตอนนี้กลายมาเป็นเจ้านายของเธอ ในฐานะมัณฑนากรมือหนึ่งของบริษัทรับออกแบบและตกแต่งบ้าน ที่ซึ่งผู้เป็นพี่รหัสและเพื่อนๆได้ร่วมลงขันเปิดขึ้นมา และดึงเหล่าน้องๆรหัสทั้งหลายที่ยังไม่มีงานทำแต่ฝีมือดีมาเป็นลูกน้อง

ดาวเหนือเข้าทำงานในส่วนออกแบบและตกแต่งภายในทันทีที่จบการศึกษา โดยไม่ได้บอกกับใครในบ้าน ยกเว้นสองคน คนแรกก็คือพรายจันทร์ พี่สาวคนรองที่บังเอิญรู้เข้า เนื่องจากวันนั้นอีกฝ่ายลืมเอกสารสำคัญไว้ที่บ้านแล้วก็ไม่มีใครว่างจะเอาไปให้ เธอเลยรับอาสาเอาไปให้ แล้วก็ไปพบกับลูกค้าของเธอที่มาส่งลูกพอดี พรายจันทร์เลยรีดเอาความลับไป แต่เธอก็บอกไปว่าห้ามบอกใครทั้งนั้น ส่วนอีกคนก็คุณมินตราที่พยายามมาเกลี้ยกล่อมให้เธอเข้าไปทำงานในบริษัท เธอเลยต้องบอกว่าได้งานแล้วและพาไปยังที่ทำงานเพื่อเป็นการยืนยัน อีกฝ่ายจึงยอมเชื่อ

ร่างโปร่งโยนโทรศัพท์มือถือลงกับเตียงแล้วสาวเท้าไปที่โต๊ะทำงานใกล้ๆกัน มือบางเปิดกระเป๋าใส่แบบของตนแล้วหยิบงานชิ้นที่พี่รหัสเพิ่งโทรมาทวงเมื่อครู่มาตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนเก็บลงกระเป๋า หญิงสาวนั่งลงที่หลังโต๊ะทำงาน เปิดกล่องสีไม้แล้วเริ่มลงมือทำงานชิ้นใหม่ที่ยังทำค้างไว้ก่อนไปเที่ยวมาทำอีกครั้ง พร้อมกับหยิบสมุดบันทึกที่บันทึกความต้องการของลูกค้ามาดูเทียบกับแบบที่ร่างไว้

ก๊อก ก๊อก

เสียงประตูที่ดังขึ้นทำให้ร่างโปร่งชะงักมือ เงยหน้าขึ้นมาทันควันก่อนจะค่อยๆเก็บดินสอสีที่วางกองไว้เต็มโต๊ะลงกล่อง พลางเอ่ยถาม

“ใครคะ”

“พี่เองจ๊ะ ดาว”หญิงสาววางของลงที่เดิม ก่อนเดินไปเปิดประตูห้องให้พี่สาวคนรองได้เข้ามาข้างใน พรายจันทร์ยิ้มหน้าบานสองมือถือจานใส่สาคูไส้หมูของคุณบุษบาคล้ายจะให้ขนมจานนี้เป็นใบเบิกทาง ดาวเหนืออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าอ้อนขอเข้าไปในห้องของเธอจากพี่สาวผู้ที่อารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ ร่างโปร่งขยับเปิดทางให้อีกฝ่ายก่อนจะปิดประตูลง

“ไม่เห็นต้องยกขึ้นมาเลย เดี๋ยวดาวลงไปทานเองก็ได้”

“ไม่มีทาง อย่างเราน่ะพอทำงานปั๊ปก็ลืมทุกอย่างหมด ไอ้ที่จะลงไปกินเองไม่มีทางแน่นอน”พรายจันทร์พูดอย่างมั่นใจเนื่องจากเธอและน้องสาวต่างมารดาคนนี้สนิทกันมาก ทำให้รู้นิสัยของอีกฝ่ายดียิ่งกว่าอีกฝ่ายเอง

“ดาวไม่เชื่อว่าพี่จันทร์แค่เอาขนมมาให้ มีอะไรอีก”คำถามห้วนๆไร้ซึ่งความไพเราะแบบนี้คงทำให้คนอื่นๆรีบวิ่งนี้ร่างโปร่งตรงหน้าเป็นแน่ แต่ไม่ใช่กับพรายจันทร์ ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงของน้องสาวก่อนตอบ

“พี่จะมาดูเราน่ะว่าเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม”

แม้พี่สาวจะไม่พูดออกมาว่าเรื่องใดที่ถามถึง แต่หญิงสาวก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องไหน ดาวเหนือยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ มือเรียวจิ้มขนมเข้าปากก่อนตอบให้อีกฝ่ายหายข้องใจ

“ดาวไม่เอามาใส่หัวดาวอยู่แล้ว พี่จันทร์ก็รู้ว่าดาวมีอะไรให้คิดอีกมาก หากมัวแต่คิดเรื่องไร้สาระอย่างนั้นจะเอาอะไรกิน ไม่อยากเกาะพ่อ แม่กินให้ใครมาว่าหรอก”ท้ายประโยคยังคงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าต่อให้ทำตัวไม่แยแสคนในครอบครัวแค่ แต่ร่างโปร่งก็ยังโหยหาความรักจากบิดามารดาอยู่นั่นเอง พรายจันทร์มองน้องสาวอย่างเข้าใจก่อนเอ่ยถามถึงเรื่องบางเรื่อง

“เออ ว่าแต่เจอพี่ตะวันแล้วหรือยัง”

“หึ พี่จันทร์น่าจะถามว่าวันนี้ไม่เจอคุณตะวันแล้วหรือยังมากกว่า”

“แบบนี้หมายความว่าปะฉะดะกันมาแล้วสินะ”

“อืม ดาวเกือบต่อยเข้าให้แล้ว เพราะเขาจะตบดาว แต่พอเห็นดาวสู้ก็เลยกลัวจมูกพลาสติกตัวเองเบี้ยวมั้ง”ดาวเหนือเล่าให้อีกฝ่ายฟังโดยแกล้งพูดถึงเรื่องความงามที่อีกฝ่ายหวงนักหนา พรายจันทร์หัวเราะคิกกับวาจาของน้องสาวก่อนช่วยแก้ต่างให้พี่สาวเสียงใส

“เหลือเกินจริงนะดาว พี่ตะวันน่ะเขาของแท้แม่ให้มาทั้งตัวนั่นแหละ”

“หน้าตารูปร่างน่ะดาวไม่เถียง แต่นิสัยผิดแม่เนี่ยได้มาจากใคร พี่จันทร์บอกดาวได้ไหมล่ะ”ร่างโปร่งย้อนพี่สาวคนรองที่หน้าจ๋อยลงเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดมา

“มันก็จริง แต่นี่ เรื่องคุณพ่อน่ะพี่อยากจะให้ดาวเข้าใจท่านหน่อยนะ”

“ที่แท้พี่จันทร์ก็มาเป็นทนายให้เขา งั้นรูปสวยๆก็ไม่ต้องเอาแล้วกันนะ”

“โอ๊ย! ได้ไงล่ะ เรื่องรูปก็ส่วนเรื่องรูปสิ เรื่องคุณพ่อมันคนละเรื่องกัน อย่าเอามั่วเข้าด้วยกันสิ”ร่างบางงอแงอย่างกับเด็กๆเมื่อโดนน้องสาวแกล้ง ดาวเหนือทำไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้พี่สาวร้องแง้วๆต่อไป เมื่อร่างโปร่งจัดการกับขนมสุดอร่อยที่พรายจันทร์นำขึ้นมาให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็เดินไปรื้อๆกระเป๋าเพื่อที่จะหยิบกล้องถ่ายรูปตัวโปรดพร้อมสายต่อเชื่อมเข้ากับคอมพิวเตอร์ ที่เธอให้เป็นรางวัลกับตัวเองหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยติด

พรายจันทร์ชะเง้อคอมองตามการกระทำของน้องสาวทุกขั้นตอน จนกระทั่งน้องสาวที่กำลังรอให้ตัวเชื่อมต่อกับกล้องเชื่อมกันอยู่หันกลับมามอง ร่างบางจึงทำเป็นนั่งไม่รู้ไม่ชี้ประมาณว่าไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่มีหรือที่ดาวเหนือจะไม่รู้ทัน

“นั่งเต๊ะอย่างนั้นอยากได้ไหมเนี่ยรูปน่ะ”

“อ๊ะ! อยากได้สิดาว แหม! ชอบแกล้งพี่จัง”ร่างบางของพี่สาวคนรองทำท่ากระเง้ากระงอด ก่อนจะเดินตัวปลิวเข้ามายืนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เหนือเธอขึ้นไป พรายจันทร์มองรูปที่น้องสาวคนโปรดเปิดดูแล้วก็ต้องร้องออกมาอย่างตื่นเต้น

“โอ้โห! มีแต่รูปสวยๆทั้งนั้นเลยนะเนี่ย เมืองไทยบ้านเรานี่ก็มีที่สวยๆให้เที่ยวเยอะแยะเลยเนอะ ดาว”

“อืม ตั้งแต่เริ่มเข้ามหา’ลัย ดาวก็ไปมาหลายที่แล้วนะ แต่ก็ยังไม่ทั่วประเทศไทยเลย”

“นี่กะไปให้ทั่วไทยเลยเหรอยายดาว เอาพี่ไปด้วยสิ นะนะนะ”พรายจันทร์เขย่าแขนอีกฝ่ายราวกับเด็กๆ จนดาวเหนือต้องบอกให้หยุดคุณครูคนเก่งจึงยอมปล่อยมือ

“อยู่กับเด็กมากจนกลายเป็นเด็กไปแล้วเหรอไง พี่จันทร์ เขย่าซะดาวปวดแขนไปหมดแล้วนะ...”ร่างโปร่งบ่นพึม ก่อนจะตอบคำถามอีกฝ่าย “...ก็อย่างที่เคยบอก ถ้าพี่จันทร์ทำได้ตามเงื่อนไข คราวหน้าก็จะพาไปด้วย”

“แหม! ลดลงมาเหลือข้อเดียวไม่ได้เหรอ”ร่างบางของพี่สาวคนรองยังคงออดอ้อน แต่น้องสาวก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้

“พี่จันทร์ต้องทำได้ทุกอย่าง เพราะเมื่อเข้าป่าไปแล้วจริงๆไม่มีใครช่วยใครได้อย่างในเมืองหรอก ต้องช่วยตัวเองกันเป็นส่วนใหญ่ ของแต่ละคนก็หนักๆกันอยู่แล้ว ดาวว่าพี่จันทร์ไปเที่ยวอะเลหรือน้ำตกที่ไม่ต้องเดินมากมายอะไรจะดีกว่า...”ดาวเหนืออธิบายให้พี่สาวคนรองที่นั่งหน้างอ ก่อนจะเพิ่มเติมเมื่อเห็นอีก่ายหน้าหฝิกกว่าเดิมกับประโยคเมื่อครู่ “...ไม่ใช่ว่ากีดกันอะไรนะ แต่จากที่อยู่ด้วยกันมาแต่เด็กพี่จันทร์ไม่เหมาะกับอะไรผาดโผนหรอก เชื่อดาวสิ”

“รู้ดีนักนะเรา มีอะไรที่ไม่รู้เกี่ยวกับพี่บ้างไหม”พรายจันทร์ย่นจมูกใส่น้องสาวอย่างน่ารัก ก่อนจะส่งค้อนให้เมื่อน้องสาวย้อนกลับ

“แล้วมีเรื่องอะไรของดาวที่พี่จันทร์ไม่รู้บ้างล่ะ”

“โอ๊ย! ไม่พูดด้วยแล้ว ไปดีกว่า ไปแย่งแม่คนอื่นดีกว่า”ว่าแล้วร่างบางก็คว้าจากขนมที่ว่างเปล่าก่อนเดินตัวปลิวออกไปจากห้องของน้องสาวอย่างรวดเร็ว

ดาวเหนือส่ายหน้าอย่างขันๆรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะไปช่วยแม่ของเธอทำกับข้าวสำหรับเย็นนี้มากกว่าจะแย่งไปอย่างที่พูด หญิงสาวเซฟรูปที่พรายจันทร์เลือกแล้วไว้ในอีกที่หนึ่งเพื่อที่จะนำไปล้างให้ ก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์และกลับไปทำงานที่ค้างอยู่ของตนให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเวลาทานข้าว เพื่อไม่ให้พี่สาวคนรองต้องมาลากเธอลงไปเช่นทุกครั้งที่เธอทำงานจนลืมเวลา


พรายจันทร์เดินแกมวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องของตนอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะชะงักเมื่อเสียงประชดประชันของพี่สาวคนโตจะดังเข้าหูจากทางด้านหลัง

“มีความสุขจริงนะ ไปนั่งกินข้าวกับศัตรูหัวใจมาน่ะ เป็นฉันนะยายจันทร์ ฉันคงทำอย่างแกไม่ได้หรอก แม่พระจริงๆ”

“ไม่ใช่ศัตรูหัวใจค่ะ พี่ตะวัน จันทร์ไปนั่งทานข้าวกับน้องของเรามา”พรายจันทร์แก้คำพูดของอีกฝ่ายเสียใหม่แต่ดูเหมือนว่าร่างเพรียวบางในชุดเดรสหนังสั้นสีดำ รองเท้าส้นเข็มสีเดียวกันจะไม่สนใจ ตะวันฉายเดินรี่เข้ามาหาน้องสาวของตนก่อนพูดเสียงต่ำ

“มันไม่ใช่น้องฉัน จะต้องให้บอกซักกี่หนห๊ะ!ยายจันทร์ เชิญแกนับญาติกับมันไปคนเดียวเถอะ หึ! แกมันโง่อย่างนี้ไงเล่า นายพัดยศถึงได้หันไปสนใจนังดาวตกแทนแก หัดยั่วซะมั้งไม่งั้นชาตินี้แกก็จะโดนนังดาวแย่งผู้ชายไปหมดแน่นอน!”ร่างเพรียวสะบัดหน้าลงบันไดไปทันทีเมื่อพอใจแล้ว พรายจันทร์ถอนหายใจก่อนจะตะโกนถาม

“แล้วนั่นพี่ตะวันจะไปไหน นี่มันดึกแล้วนะคะ”

“เรื่องของฉัน แกนะไปกินนมนอนได้แล้วยายหนู หึ!หัวโบราณอย่างแกน่ะทำได้แค่นั้นแหละ บาย!”ตะวันฉายตอบกลับก่อนจะหันหลังเดินต่อพร้อมกับโบกมือให้ร่างบางที่ยืนหน้างออยู่ข้างบน


“ไฮ! ตะวัน ทำไมมาช้านักล่ะ พวกฉันรอจนรากงอกแล้วนะ”เสียงเพื่อนสาวคนหนึ่งในกลุ่มทักร่างเพรียวที่เดินมาหา ตะวันฉายเหยียดยิ้มก่อนจะนั่งลงบนโซฟาในมุมหนึ่งของผับหรูที่เพื่อนเธอจองเอาไว้ หญิงสาวหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรก่อนหันกลับมาตอบคำถามเพื่อน

“ซอร์รี่นะจ๊ะ เผอิญว่ารถมันติดเลยมาช้า ว่าแต่ตกหนุ่มได้กันกี่คนแล้วล่ะ”หญิงสาวเอ่ยแซว ทั้งกลุ่มหัวเราะคิกคัก ก่อนที่หญิงสาวใจกล้าคนหนึ่งในกลุ่มจะเอ่ยตอบแทนทั้งหมด

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกตะวัน แค่ครึ่งผับเอง”

“นี่หล่อน ว่าแต่ทำไมวันนี้มาคนเดียวละจ๊ะ”ภายหลังจากหยุดหัวเราะได้แล้ว หนึ่งในเพื่อนชายใจหญิงคนหนึ่งของกลุ่มก็ออกปากถามเมื่อเห็นว่า ตะวันฉายฉายเดี่ยวทั้งที่ปกติแล้วต้องมีหนุ่มข้างกายที่เป็นไฮโซคนดังเช่นเดียวกัน แต่วันนี้กลับไม่เห็นหน้า ตะวันฉายหัวเราะเล็กน้อย มือเรียวคีบก้านแก้วค็อกเทลขึ้นจิบก่อนเอ่ยตอบ

“ฉันเบื่อแล้วน่ะ ก็เลยเลิกไปว่าจะมาให้เอาแถวนี้”

“ต๊าย! อย่านะยะ เดี๋ยวหล่อนมาแย่งพวกฉันไปหมด ดูสิ! ยังไม่ทันไรมองหล่อนกันให้รึ่ม”เสียงเพื่อนสาวคนอีกคนขัดคอขึ้นก่อนจะโบ้ยให้ดูเหล่าชายหนุ่มจำนวนหนึ่งที่พากันมองมายังตะวันฉายกันอย่างสนใจ ร่างเพรียวหันไปมองตามที่เพื่อนบอกแล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างพอใจในเสน่ห์ของตน ก่อนที่ดวงตาซึ่งตกแต่งด้วยอายไลน์เนอร์ให้ดูโฉบเฉี่ยวจะเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นตาเหลือเกิน ตะวันฉายเพ่งมองคนๆนั้นอีกครั้ง ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ร่างเพรียวลุกขึ้นยืนพร้อมหยิบแก้วค็อกเทลของตนเดินตรงไปทางทิศนั้นทันที


“ไงจ๊ะ มาคนเดียวหรือว่ามากับนังดาวตกล่ะ พัดยศ”เสียงหวานของใครซักคนดังขึ้นเบื้องหลัง ทำเอาชายหนุ่มร่างสูง ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงแสล็ค ต้องชะงักมือที่กำลังจะยกแก้วเหล้าเข้าปากแล้วหันกลับไปมอง พัดยศทำหน้าเมื่อยเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่ทักเขาเป็นใคร

“มาคนเดียว แล้วเธอมีอะไรกับฉันล่ะตะวันฉาย”

“น่าแปลกนะ ฉันเห็นยายดาวออกมาก่อนที่ฉันจะออกจากบ้านมานี่ นึกว่าออกมากับนายซะอีก เอ! ถ้าไม่ได้มากับนายแล้วเขาไปไหนนะ”ตะวันฉายแกล้งพูดขึ้นลอยๆ พัดยศชะงักเล็กน้อยแต่ก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ จนตะวันฉายต้องยั่วซ้ำ

“หรือว่าจะไปกับคนอื่น”

“เธอต้องการอะไรกันแน่ตะวันฉาย ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้รักใคร่อะไรน้องดาวมากนักหรอก บอกมาตรงๆดีกว่า”

“ก็แค่อยากให้นายได้ตาสว่างไงล่ะ นังดาวน่ะมันได้รักนายจริงหรอก ทำไมแกไม่มองคนที่เขารักแกจริงบ้างล่ะ”

“มันเรื่องของฉัน เธออย่ามายุ่ง จะไปไหนก็ไป!”ชายหนุ่มหมดความอดทนกับคำพูดที่แทงใจดำเขาของอีกฝ่าย ตะวันฉายตัวสั่นด้วยความโกรธ ร่างเพรียวยกแก้วเหล้าของพัดยศขึ้นสาดใส่หน้าเขาก่อนจะทิ้งท้าย

“โง่! เชิญโง่ต่อไปเถอะ แล้วสักวันแกจะรู้ว่าที่ฉันพูดมันเป็นเรื่องจริง”

พัยศลูบน้ำออกจากใบหน้าของตน ก่อนจะหันกลับมาสั่งเหล้าเพิ่ม หน้าตาหล่อเหลาเคร่งเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะรำพึงกับตัวเองเบาๆ ดวงตาฉายแววเจ็บปวด

“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะน่า ว่าน้องดาวไม่ได้รักฉัน”



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2554, 21:35:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 เม.ย. 2554, 21:35:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 2009





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account