ปาฏิหาริย์รักหัวใจดวงเดิม
เขา...คือคนที่เธอรัก
เธอ...คือคนที่ใช้หัวใจของคนที่เขารัก

ปลายฝันหญิงสาวผู้โชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับโรคหัวใจ เธอต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจดวงใหม่อย่างเร่งด่วน
เมื่อโชคเข้าข้าง หัวใจดวงใหม่ที่ได้รับกับนำเธอให้ได้พบกับใครคนหนึ่งที่หัวใจดวงนี้บอกว่าคุ้นเคย
เธอจะทำอย่างไรต่อไปจะเดินไปตามที่หัวใจเรียกร้อง หรือเดินไปทางที่เธอจะเป็นคนลิขิตเอง......
Tags: หัวใจ

ตอน: ตอนที่ 14

“รสชาติอาหารที่นี่อร่อยถูกปากจริงๆค่ะใช่ไหมคะคุณฝัน”

“ค่ะ อร่อยมากค่ะ”

“เห็นไหม บอกแล้วเชื่อพี่ไม่ผิดหวังหรอกเจน”

“ค่ะ...ก็เชื่อตลอด เรื่องกินของให้บอก”

“คุณแม่คะนั่นคุณอาหมอใจดีนิ่คะ”

“ไหนลูก”

ฉันเบนสายตาจากที่จับจ้องอยู่บนท้องถนน เป็นหันไปตามนิ้วน้อยๆที่ชี้ไปที่ริมถนน พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่ฉันรู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน ไม่สิไม่ใช่แค่คุ้นตาแต่มันคุ้นไปถึงหัวใจ หมอธันวานั่นเอง เขากำลังเดินอยู่บนริมบาทวิถี ดูลักษณะการเดินแล้วถ้าฉันเดาไม่ผิดเขาคงอยู่ในอาการที่ใครๆเขาเรียกกันว่าเมา แล้วทำไมเขาต้องเมา และที่สำคัญเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน

“นั่นคุณหมอธันวานิ่คะคุณฝัน”

“ใช่ ๆ ใช่จริงๆด้วยปล่อยไว้แบบนี้ไม่ปลอดภัยแน่”

“เอื้องก็ว่าอย่างนั้นแหละพี่เชนปล่อยไว้มีหวังโดนอุ้มฆ่าแน่ๆ”
“พี่ไปดูหน่อยดีกว่า รอตรงนี้นะทุกคน”

“ฝันไปด้วยค่ะ”

“..............”

“ฝันไปด้วยค่ะ”

"ออ...ครับ..ไปครับไป"

เขาเดินไม่เป็นทางเอาเสียเลย ซ้ายทีขวาที เดินหน้าบ้างถอยหลังบ้าง ตอนนี้โลกของเขาคงกำลังหมุนคว้างอยู่เป็นแน่
“คุณหมอครับ คุณหมอโอเคไหมครับ”

“ครายกานเนี่ย”

“ผมเชนครับ เชน”

“คุณเชน ออ ผมจำได้แล้ว คุณเจ้าของร้านน่านเอง”

“ครับผมเอง ไปเถอะครับเดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านพักคุณจำได้ใช่ไหมครับว่าบ้านพักอยู่ไหน”

“จำได้สิ ผมไม่ได้เมาซะหน่อย”

“หนักขนาดนี้ยังบอกไม่ได้เมา”

“แล้วนี่คราย เธอเป็นคราย”

“................”


“เธอ......เฮ้ย...”
เราทั้งสามคนล้มลงไปกองที่บาทวิถีกันโดยที่คนไม่ได้สติล้มแบบนอนกองกับพื้นส่วนฉันกับพี่เชนที่พยายามประคองแขนทั้งสองข้างก็ล้มลงไปด้วยทั้งคู่
“เป็นอะไรไหมครับคุณฝัน”

“ไม่ค่ะฝันไม่เป็นไรค่ะ”

“ครายนะ...ฝันหรอ...ทามมายเธอใจร้ายอย่างนี้ ทามมายเธอเป็นคนใจร้ายอย่างนี้ เธอทามอย่างนี้ทามไม เธอหนีฉานทามมายปลายฝัน”

เพียงคำพูดแค่นั้นน้ำตาของฉันก็พรั่งพลูออกมาอย่างไม่ขาดสาย ทำไมมันเจ็บอย่างนี้ทั้งที่ฉันพยายามหนีหนีไปในที่ที่ไม่น่าจะมีเขา แต่ฉันก็ดันมาเจอเขาจนได้ ทำไมฟ้าชอบกลั่นแกล้งหัวใจดวงนี้เหลือเกิน รู้ไหมว่ามันเจ็บเหลือเกินเจ็บทุกครั้งที่คิดถึงเขา เจ็บทุกครั้งที่คิดว่าเขาเห็นเราเป็นแค่ตัวแทนของใครคนหนึ่งเท่านั้น
ฉันกับพี่เชนพาร่างที่ไร้สติของเขามาถึงรถอย่างลำบากอย่างที่สุด หัวใจที่อ่อนแอของฉันไม่รู้ว่ามันจะอดทนได้นานแค่ไหน วันนี้ พรุ่งนี้ สักวันหนึ่งมันคงหมดแรงเพราะทนไม่ได้อีกต่อไปที่จะต้องทนเจ็บปวดกับเรื่องราวและความรู้สึกที่ต้องพานพบ
เขายังคงเพ้อถึงผู้หญิงใจร้ายคนนั้นซึ่งคือฉันคนนี้ตลอดเวลาที่เดินทางกลับมาที่บ้านพัก และสุดท้ายเราไม่สามารถที่จะพาเขากลับไปที่บ้านพักของเขาได้เนื่องจากเขาไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาบอกทางกลับบ้านได้ เราทั้งหมดเลยพาเขามาที่บ้านพักของเราแทน และคนที่ทำหน้าที่เช็ดหน้าเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนไปด้วยอาเจียนของเขาคือพี่เชนไปตามระเบียบเพราะเป็นผู้ชายคนเดียวในทริปนี้
“ให้คุณหมอนอนที่ไหนล่ะทีนี้”

“ให้นอนตรงนี้แหละค่ะ”

“คุณฝัน!”

“ฝันว่าให้เขานอนตรงนี้แหละค่ะ ถ้าจะปลุกให้ขึ้นไปนอนห้องข้างบนคงลำบากนอกจากจะไม่ตื่นแล้ว คงไม่มีใครแบกเขาไหว ใช่ไหมคะพี่เชน”

“เอาอย่างนั้นหรือครับ”

“เอาอย่างนี้แหละค่ะ”

“ครับเอาก็เอา งั้นเรียบร้อยแล้ว ไปเราไปพักผ่อนกันพรุ่งนี้ออกเที่ยวแต่เช้านะ”
“น่าสงสารคุณหมอจังนะคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เขาเป็นหมอเมาแค่นี้ไม่ถึงกับต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวฝันดูเองค่ะทุกคนขึ้นไปนอนก่อนเถอะค่ะ”

“งั้นเดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนดีกว่าค่ะคุณฝัน”

“พี่เอื้องยังไม่ง่วงหรือคะ”

“ยังเลยค่ะวันนี้ก็นอนทั้งวันแล้ว”

“งั้นไปกันเด็กๆ เจนเราขึ้นไปนอนกันดีกว่า”
คนเมายังคงนอนไม่ได้สติ ถึงแม้ว่าพี่เชนจะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แล้ว แต่ใบหน้าของเขาเวลานี้มันช่างดูทรุดโทรมและอ่อนล้าเหลือเกิน ร่างกายของเขาดูผอมลงไปมาก นี่เราไม่ได้เจอเขาแค่ไม่กี่สัปดาห์เขาเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ ที่หมอภัสบอกว่าเขาเปลี่ยนไปมากฉันไม่คิดเลยว่าคำว่าเปลี่ยนของหมอภัสจะหมายถึงสิ่งนี้
“หมอธันน่าสงสารนะคะ”

“คะ...”

“พี่บอกว่าหมอธันน่าสงสารค่ะ ดูสิคะพี่เชื่อว่าคุณหมอเขาไม่เคยเป็นแบบนี้แน่ๆ”

“พี่เอื้องคิดอย่างนั้นหรือคะ”

“ค่ะพี่คิดอย่างนั้น เท่าที่พี่รู้จักหมอธันค่อนข้างที่จะสุขุม แล้วก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากๆ แต่ดูจากสภาพตอนนี้แล้วมันไม่ใช้เลยนะคะ พี่ถึงได้บอกว่าหมอธันเขาน่าสงสาร คุณฝันไม่สงสารคุณหมอบ้างหรือคะ”

“ทำไมล่ะคะทำไมฝันต้องสงสารเขา ในเมื่อคนที่น่าสงสารคือฝันต่างหาก พี่เอื้องรู้มั้ยคะว่าฝันเจ็บอีกแล้ว เจ็บเหลือเกิน มันเจ็บที่ตรงนี้ค่ะ ที่ตรงนี้ ที่หัวใจ หัวใจที่มันไม่ใช่ของฝัน และไม่มีวันใช่”

“คุณฝัน...”

น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ารินออกมาไม่ขาดสายอีกครั้ง เมื่อต้องพูดถึงสิ่งที่อัดอั้นในหัวใจ

“หัวใจดวงนี้เคยเป็นของคนที่เขารัก และตอนนี้มันก็ยังเป็นอยู่ เขาทำดีกับฝันก็เพราะหัวใจดวงนี้ ไม่ใช่เพราะตัวฝัน ฝันไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร ฝันไม่อยากเป็นแค่ตัวแทน ตัวแทนของหัวใจ มันเจ็บเหลือเกินค่ะพี่เอื้อง ฝันเจ็บจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ฝันจะทำอย่างไรดีคะพี่เอื้อง ฝันจะต้องทำอย่างไร คืนหัวใจดวงนี้ให้เขาอย่างนั้นหรือคะ ถ้าฝันทำได้ฝันก็อยากจะทำ”
“คุณฝันอย่าพูดแบบนี้สิคะ ทุกอย่างที่คุณหมอทำพี่เชื่อเหลือเกินค่ะว่าคุณหมอธันรู้สึกอย่างไรกับคุณฝัน ขนาดพี่ยังรับรู้ได้แล้วคุณฝันล่ะคะไม่รับรู้เลยหรือ”

“รู้สิคะ ฝันรู้ รู้ว่าทุกอย่างที่เขาทำมันเกิดจากความรู้สึกดีๆที่เรียกว่ารัก แต่เป็นรักที่เกิดขึ้นกับหัวใจดวงนี้ค่ะ ไม่ใช้เกิดขึ้นกับฝัน”

“ทำไมคุณฝันประเมินค่าตัวเองแบบนั้นคะ คุณฝันของพี่ดีทุกอย่างคุณหมอรักคุณฝันเพราะตัวของคุณฝันเองไม่ใช่เพราะหัวใจดวงนี้”

“.........”

แล้วคนเมาที่นอนแน่นิ่งก็ขยับเขยื้อนพร้อมกับเพ้อออกมาทำเอาคนฟังอย่างฉันถึงกับกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ไหว
“ทำไม...ทำไมคุณใจร้ายเหลือเกินปลายฝัน...ทำไม....”

“.........”

ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นหลังจากนั้น เพียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนหลับเท่านั้นที่ยังคงเคลื่อนไหว ภาพวันนั้นวันที่ฉันยืนอยู่ที่หน้าโกฏิของเธอคนนั้น คนที่เป็นเจ้าของหัวใจดวงนี้ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาแข่งขันกับสายฝนที่เทกระหน่ำ ดอกกุหลาบสีขาวช่อโตถูกวางไว้ที่หน้าโกฏิ ซึ่งคงไม่ได้มาจากใครนอกเสียจากเขา เขาคงรู้ทุกอย่างว่าเธอชอบอะไร ก็ใช่สินะต้องรู้สิในเมื่อเขารักกัน รักกันมากไม่อย่างนั้นงานแต่งงานคงไม่ถูกจัดเตรียมขึ้น คงมีเพียงแต่ฉันเท่านั้นที่พยายามเท่าไหร่สุดท้ายคงเป็นได้อย่างมากก็แค่ตัวแทนของคนอื่นเท่านั้น...



หาดทรายขาวทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ฉันไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหนแล้ว รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เหงื่อเม็ดน้อยๆเริ่มผุดขึ้นมาที่หน้าผาก เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็บอกเวลาว่าสายมากๆแล้ว ทะเลซัดคลื่นเข้ามาประทบกับเท้าที่เปล่าเปื่อยของฉันสร้างความเย็นซ่านให้กับความรู้สึกที่ได้รับ

“ปลายฝัน....”

เสียงใครบางคนที่รู้สึกได้ดีถึงความคุ้นเคยดังก้องเข้ามาในโสตประสาท ฉันคงบ้าไปแล้ว คงคิดถึงเขามาเกินไปแล้ว ได้ยินเสียงคลื่นเป็นเสียงเขาซะอย่างนั้น
“ปลายฝัน.....”

ในครั้งนี้มันช่างชัดเจนเหลือเกิน มันไม่ใช่เสียงคลื่น แต่มันเป็นเสียงของ... เพียงสายตาที่จับจ้อง แม้ไม่มีเสียงใดที่เป็นการสื่อสาร แต่ความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามาใส่ ความรู้สึกที่ฉันอธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ และแน่นอนฉันดีใจที่ได้เจอเขา แน่นอนฉันอยากตะโกนบอกเขาไปว่าฉันคิดถึงเขามากขนาดไหน และก็แน่นอนสิ่งเหล่านั้นกลับถูกกลืนหายไปพร้อมกับก้อนน้ำตาที่พาลจะไหลเอาดื้อๆ ใช่ฉันเสียใจในเหตุการณ์วันนั้น ฉันยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรในตอนนี้ และทางเดียวคือ ฉันต้องไม่อยู่ตรงนี้ ไม่อยู่กับเขาเพียงสองคนในเวลาอย่างนี้ เพียงแต่ฉันจะก้าวเดิน มือใหญ่ก็คว้าเข้าที่ข้อมือ ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบโต้ ฉันยังคงยืนนิ่งมองตรงไปที่สุดแผ่นน้ำฝั่งโน้นเผื่อว่ามันอาจจะทำหึความรู้ที่อยากจะร้องไห้นั้นหายไป....
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า และผมก็เหมือนจะไม่รู้อะไรเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ ผม และ เรา...”

“...........” น้ำตา อย่านะ อย่าไหลออกมาให้เขาได้เห็นเชียวนะ

“ตลอดเวลาที่ผมไม่ได้เจอคุณ ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นมันเรียกว่าอะไร คิดถึงหรอ มันมากกว่านั้นอีกคุณรู้ไหม”

“หึ...คิดถึงหรอ ไม่ใช่หรอกมั้ง”

“ทำไมล่ะ ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น แต่ก็ดีกว่าที่คุณไม่ยอมพูดอะไรเลย คุณบอกผมได้ไหมเรื่องระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้น”

ฉันพยายามที่จะดึงมือของฉันออกจากมือใหญ่ของเขาแต่ไม่เป็นผล มันยังส่งผลให้เขาบีบมันแน่นขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

“ไม่มีอะไร...ไม่หรอกมันมี แล้วก็ใหญ่ซะด้วย ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่เป็นแบบนี้”

“แบบไหนคะ”

“ก็แบบที่คุณกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ ผมรู้ว่าคุณกำลังหนีหน้าผมใช่ไหม แต่บางทีผมว่าการที่คุณทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”

“.............”

“เพราะมันทำให้ผมรู้ใจตัวเองมากขึ้น”

ประโยคนี้จากที่ฉันกำลังมองไปที่ขอบของทะเลฝั่งนั้นเหมือว่าที่ตรงนั้นมันมีอะไรน่าสนใจหนักหนา มันทำให้ฉันหันหน้าไปมองเขา ไม่ใช้อะไรหรอกฉันแค่อยากมองให้เต็มตาว่าเวลาที่เขากำลังสรรหาคำมาโกหกเขาทำหน้าตาอย่างไร ... ยิ้ม...ใช่เขายิ้ม ยิ้มแบบนี้แหละที่ฉันต้องการ ยิ้มที่อบอุ่นเสมอ แต่ยิ้มนี้มันไม่ใช่ของฉัน

“...............”

“ปลายฝัน ผม...ผมคงไม่ขอคุณมากไป ถ้าผมจะบอกว่าให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”

“แบบไหนหรือคะที่บอกว่าเหมือนเดิม”

“คุณรู้ว่าเหมือนเดิมคือยังไง”

“ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่เคยรู้เลย”

“.............”

“ฉันขอตัวนะคะเราไม่มีเรื่องต้องคุยกันแล้ว”

ว่าพลางดึงมืออกจากคีมหนีบเหล็กนั้นอย่างอยากลำบาก และสุดท้ายฉันก็หลุดออกจากมือใหญ่ของเขาได้ การเดินไปจากตรงนี้คือทางที่ดีที่สุด ไม่เช่นนั้นเขาคงได้เห็นน้ำตาของฉันเป็นแน่ แต่ยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ประโยคที่ทำให้เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนก็หลุดออกจากปากของเขา ประโยคที่ฉันคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีทางได้ยินมัน โดยเฉพาะจากปากผู้ชายคนนี้ พลันสติทั้งหลายก็ดับวูบ....



......ตื่นเถอะค่ะคุณฝัน ธันรอคุณฝันอยู่นะคะ.......
.....ปลายฝัน ผมรักคุณ....ผมรักคุณ...คุณได้ยินไหมผมกำลังบอกคุณว่า...ผมรักคุณ......

ผมนั่งมองใบหน้าที่นิ่งเฉยนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าผมรอได้ที่จะได้เห็นเธอลืมตาเป็นคนแรกและผมก็เต็มใจที่จะให้เธอตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผมเป็นคนแรกเช่นกัน ใบหน้านิ่งสงบ ไร้เครื่องสำอางใดๆนอกจากแป้งฝุ่นกลิ่นอ่อนๆเท่านั้น และนี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ใกล้เธอ เธอไม่เคยพยายามทำตัวเองให้ดูสวยเด่นไม่ว่าจะกลับผมหรือใคร เธอยังเป็นเหมือนเดิมทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ไม่เคยวางฟอร์ม หิวก็บอกว่าหิว เหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อย แต่น้อยครั้งนักที่เธอจะบอกว่าเหนื่อย แม้ว่าบางครั้งผมก็เคยเห็นเธอตอนที่เหงื่อเต็มหน้า แต่ก็พยายามบอกใครต่อใครว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างที่เป็นเธอ ทำให้ผมที่เคยคิดว่าคงไม่มีอะไรที่ทำให้หัวใจของผมที่เคยมืดมิด จากการสูญเสียคนรักในครั้งนั้นกลับมาสว่างไสวได้อีกครั้ง แต่เธอคือคนนั้น คนที่ทำให้หัวใจดวงนี้ของผมกลับมาสดใสดังเดิม

“คุณหมอไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ แล้วก็ไปทานข้าวเที่ยงก่อนดีกว่า นี่ก็เกือบบ่ายสามแล้วคุณหมอยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ เดี๋ยวจะแย่ไปอีกคน”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยากอยู่นี่มากกว่า ที่ฝันเป็นแบบนี้ก็เพราะผม”

“แต่เอื้องกลัวว่าหมอจะเป็นอะไรไปอีกคนน่ะค่ะ”

“ไม่หรอกครับผมแข็งแรงดี”

“ถ้าอย่างนั้นเอื้องขอตัวแล้วกันนะคะ”

ใช่แล้วล่ะที่เธอต้องมาเป็นแบบนี้ก็เพราะผม เธอเฝ้าผมทั้งคืน เธอรู้ว่าผมแพ้แอลกอฮอร์ และน้ำเย็นๆเท่านั้นที่ช่วยบรรเทาได้ ผมเคยบอกเธอเอาไว้ เมื่อคืนเธอคงเฝ้าเช็ดตัวให้ผมด้วยน้ำเย็นทั้งคืน จนลืมหลับลืมนอน เธอคงลืมไปว่าเธอไม่ใช่คนปกติที่จะสามารถฝืนร่างกายของตัวเองได้
มือนี้ของเธอสินะที่เช็ดตัวให้ผม มือใหญ่เกาะกุมมือเล็กของเธอไว้และคลึงเบาๆ มืออีกข้างช่วยปัดปอยผมที่ตกลงมาระแก้มให้ ผมอยากเป็นคนที่ทำให้เธอแบบนี้ในวันที่เธอเหนื่อยล้า มือของผมจะเกาะกุมมือเธอเอาไว้แบบนี้ทั้งในวันนี้ และตลอดไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผมอยากให้เธอรู้ว่าผมจะไม่วันปล่อยให้เธอเหนื่อยล้าเพียงคนเดียวอีกต่อไป

“ปลายฝัน ผมรักคุณ ผมรักคุณนะคุณได้ยินไหม คุณได้ยินไหมผมกำลังบอกคุณว่า...ผมรักคุณ”





นางสาวปลาดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ย. 2554, 14:33:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ย. 2554, 14:33:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1673





<< ตอนที่ 13   ตอนที่ 15 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account