ปาฏิหาริย์รักหัวใจดวงเดิม
เขา...คือคนที่เธอรัก
เธอ...คือคนที่ใช้หัวใจของคนที่เขารัก

ปลายฝันหญิงสาวผู้โชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับโรคหัวใจ เธอต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจดวงใหม่อย่างเร่งด่วน
เมื่อโชคเข้าข้าง หัวใจดวงใหม่ที่ได้รับกับนำเธอให้ได้พบกับใครคนหนึ่งที่หัวใจดวงนี้บอกว่าคุ้นเคย
เธอจะทำอย่างไรต่อไปจะเดินไปตามที่หัวใจเรียกร้อง หรือเดินไปทางที่เธอจะเป็นคนลิขิตเอง......
Tags: หัวใจ

ตอน: ตอนที่ 16

ผมดีใจกับการที่ตัดสินใจมาที่นี่แทนที่จะเดินทางตามหัวใจขึ้นไปทางภาคเหนือ เพราะการที่ผมมาที่นี่ทำให้ผมได้หัวใจของผมกลับคืนมา ไม่ใช่สิ ไม่ใช้หัวใจของผมแต่เป็นความรักของผมต่างหาก เดี๋ยวคุณผู้อ่านจะว่าผมได้ว่ายังไม่ลืมคนเก่า แต่ผมก็ยอมรับนะครับว่าการที่จะให้ผมลืมความรักครั้งเก่ากับครีมคงทำได้ยากมากถึงมากที่สุด แต่ความรักครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นซึ่งแตกต่างความรักครั้งเก่า จะทำให้หัวใจของผมกลับมาสดใสอีกครั้ง
ความรักครั้งเก่าเป็นความรักที่เกิดขึ้นจากความใกล้ชิด สนิทสนม เริ่มต้นจากคำว่าเพื่อน แล้วค่อยเลื่อนขึ้นมาเป็นแฟน ความรักจึงแน่นแฟ้นเป็นธรรมดา แต่ความรักครั้งนี้มันก็อธิบายไม่ถูกว่ามันเกิดขึ้นมาตอนไหน เกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่มันเป็นความรักที่เกิดจากความผูกพัน ความถูกชะตา ความรู้สึกเหมือนเธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ ความรักครั้งนี้มันจึงเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้อาศัยเวลาเหมือนรักครั้งก่อน แต่อาศัยหัวใจและความรู้สึกล้วนๆ
ผมยังจำวันนั้นก่อนที่ผมจะเขียนใบขอลาพักร้อน หมดภัสเป็นคนพูดกับผมว่า
“ทำไมแกไม่พักบ้างวะ หาที่พักผ่อนเงียบๆทำจิตใจให้สบาย ขึ้นเหนือก็ได้นะเว้ยข้าแนะนำ”
หมอภัสพูดด้วยใบหน้าที่แฝงอะไรซักอย่างแต่ตอนนั้นผมไม่เอะใจเลยซักนิดว่าหมอภัสมีอะไรจะบอกผมหรือไม่ เพราะในตอนนั้นในหัวของผมมันมืดไปหมด คิดได้อย่างเดียวว่าอยากไปในที่ๆไม่ได้เจอได้เห็นอะไรเดิมๆมากกว่า แล้วผมก็ตัดสินใจเดินทางหันหลังให้ภาคเหนืออย่างที่ใจคิด เดินทางลงใต้เพื่อคัดค้านคำสั่งของหัวใจ และการตัดสอนใจนั้นก็ทำให้ผมได้เจอกับเธอ พรหมลิขิตชัดๆ ผมคิดอย่างนั้น ตอนแรกผมก็เกือบถอดใจเมื่อได้เห็นอาการมึนตึงของเธอ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างบอกผมว่าอย่าถอยเชียวนะ ถ้าถอยก็จ๋อยแน่ และนั่นก็ทำให้ความกังวลสงสัยของผมกระจ่าง การปรับความเข้าใจกันเริ่มต้นขึ้น เธอพร้อมที่จะให้ผมได้พิสูจน์หัวใจตัวเองว่าทุกอย่างเกิดขึ้นไม่ใช่เพราะเธอใช้หัวใจเดียวกันกับครีม แต่เพราะเธอเองต่างหากที่ครอบครองหัวใจของผม
“อาหมอคะ...อาหมอคะ”
น้องฝันเด็กหญิงตัวเล็ก ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นเล็กที่ทำให้ผมได้เจอกับปลายฝันอีกครั้งในสถานที่แห่งนี้ ดึงชายเสื้อของผม เป็นการเรียกสติให้กับมาหลังจากหลุดไปซักพัก
“ครับ น้องฝันมีอะไร”
“น้องฝันอยากวาดรูปค่ะ”
“วาดรูปหรือ...อาหมอว่าถ้าน้องฝันอยากวาดรูปก็ต้องบอกน้าฝันแล้วล่ะนะ”
“น้องฝันอยากวาดรูปให้น้าฝันค่ะ”
“........”
“ก็รูปที่น้าฝันวาดให้น้องฝันให้อาหมอไปแล้ว น้องฝันกลัวว่าน้าฝันจะเสียใจเลยอยากวาดคืนให้น้าฝันค่ะ”
“รูปนั้นน่ะหรือน้าฝันเป็นคนวาดหรือ”
“ค่ะน้าฝันเป็นคนวาด น้าฝันวาดรูปส้วยสวยที่ร้านลุงเชนน้าฝันก็วาด สวยๆทั้งนั้นน้องฝันชอบรูปที่น้าฝันวาด น้องฝันจะวาดให้สวยๆเหมือนน้าฝัน”
“เอาอย่างนี้ดีไหม เราออกไปซื้ออุปกรณ์มาวาดรูปให้น้าฝันดีไหม”
“ดีค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยแสดงอาการดีใจกระโดดตบมือใหญ่จนผมต้องคว้ามาเอามือเด็กหญิงมาแล้วเอานิ้วชี้แตะที่ปากของเด็กหญิงเป็นการบอกว่าให้เงียบเดี๋ยวไก่ตื่น
ร้านขายอุปกรณ์วาดภาพหลากหลายไปด้วยอุปกรณ์ในการวาดภาพ ผมเลือกไม่ถูกจริงๆว่าจะเอาอะไรบ้าง จนต้องขอความช่วยเหลือจากพนักงานในร้านให้เลือกให้ทั้งหมด และสุดท้ายอุปกรณ์วาดภาพถุงใหญ่ก็อยู่ในมือของผม ปัญหาต่อไปก็คือจะวาดออกมาอย่างไรนี่แหละปัญหา ผมก้มมองมือของตัวเอง มือนี้เคยจับดินสอวาดภาพ จับพู่กันระบายสีซะเมื่อไหร่ล่ะ มันคุ้นเคยกับการจับเข็มฉีดยาแล้วก็มีดผ่าตัดมากกว่า ถึงมันจะแตกต่างกันมากแต่อย่างน้อยผมก็ได้ชื่อว่าเป็นหมอที่เย็บแผลได้สวยที่สุดในบรรดาหมอศัลย์ที่จบมาด้วยกันก็แล้วล่ะนะ
มือบรรจงวางเส้นดินสอลงบนเฟรมผ้าใบที่ไม่คุ้นชิน ภาพที่อยู่ในสมองตอนนี้คือดอกไม้สีขาวที่ชาวเหนือเรียกกาสะลอง ดอกไม้แห่งความทรงจำที่ไม่เคยลืมเลือน และถูกเก็บไว้อย่างดีในกล่องใบย่อมในห้องทำงาน พึ่งรู้ว่าการวาดภาพมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแฮะ เห็นคนอื่นเขาลากไปลากมาก็เป็นรูปเป็นร่างออกมาอย่างง่ายดาย แต่คนที่เคยจับแต่เข็มจับแต่มีดอย่างผมมันกับอยากยิ่งกว่าหาเส้นประสาทเส้นเล็กๆในร่างกายมนุษย์เสียอีก
ในขณะที่ผมกำลังบรรจงขีดเขียนลายเส้นลงบนเฟรมผ้าใบ แต่เด็กหญิงตัวน้อยกับกำลังสนุกสนานกับการเล่นระบายสีอยู่บนเสื่อที่ปูรองบนผืนทราย บางครั้งก็ลุกขึ้นมาดูว่าผมวาดไปถึงไหนแล้ว พอดูแล้วก็ต้องหัวเราะออกมาเพราะดูยังไงมันก็ยังไม่เห็นเหมือนดอกไม้เลยสักนิด ผมเปลี่ยนเฟรมผ้าใบเป็นรอบที่สามแล้ว จากที่ว่าจะเอารูปใหญ่ๆ ตอนนี้รูปที่กำลังวาดที่เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างตามความเห็นของเด็กหญิงปลายฝัน กลับลดขนาดลงเหลือแค่เท่ากระดาษ A 4 ตอนแรกกะว่าจะระบายสีให้สวยงาม แต่มาคิดอีกทีแค่วาดก็ยากขนาดนี้ไม่ต้องพูดถึงการลงสีเลย เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วไม่รู้ แต่ตอนนี้รูปดอกการสะลองในมือกำลังไปได้ดีในความรู้สึกของผม เด็กหญิงปลายฝันก็หลับปุ๋ยไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่กองขนมข้างตัวทำให้รู้ว่าหนังท้องตึงหนังตาหย่อนแน่ๆ
นาฬิกาบอกว่าตอนนี้เวลาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว รูปที่พยายามใช้ความสามรถที่มีอันน้อยนิดบรรจงขีดเขียนลงไปเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมามาก หลังจากฝึกฝนกับการหมดเฟรมผ้าไปไปทั้งหมดสามอัน และสุดท้ายก็จบลงด้วยกระดาษร้อยปอนด์ที่น้องพนักงานแนะนำให้ติดมาด้วยเผื่อผิดพลาดประการใด
................................................................................................................
อาหารค่ำฝีมือของสองพ่อครัววันนี้ประกอบไปด้วย ยำเห็ดเข็มทองกรอบ ต้มยำปลากะพง กุ้งเผากับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของพี่เชน ปลาหมึกผัดสะตอ กับข้าวแต่ละอย่างล้วนมาจากการคัดสรรของพี่เอื้องกับพี่เจนถึงรายการอาหารจะมากแค่ไหนทำยากแค่ไหนพ่อครัวเชนก็ไม่เคยบ่น เพราะการทำกับข้าวเป็นเรื่องถนัด ส่วนพ่อครัวอาสาอีกคนก็ทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นกับเขาหรอกแต่เพราะได้ออกความเห็นว่า ผู้ชายจะเข้าครัวส่วนผู้หญิงก็นั่งรอทานให้สบาย
และอาหารมื้อนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังกับข้าวรสชาติอร่อยกว่าทุกวันที่ฉันเคยทานมาอาจจะเป็นเพราะว่า เรื่องที่กังวลในหัวใจวันนี้ไม่มีอีกแล้ว เพียงให้เวลาเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์
“กับข้าวอร่อยไหมครับ”
หมอธันถามขึ้นหลังจากที่ฉันขออนุญาตออกมาเดินย่อยและเขาก็ถือโอกาสตามมา บอกว่าอยากเดินย่อยเหมือนกัน
“ค่ะ”
“ค่ะ...ค่ะนี่อร่อยหรือไม่อร่อยล่ะครับ ตอบให้คนทำชื่นใจหน่อยสิ”
“มั่นใจนะคะว่าเป็นคนทำ ฝันเห็นแต่พี่เชนทำมากกว่า”
“พูดแบบนี้เสียน้ำใจแย่เลย อย่างน้อยผักทั้งหมดผมเป็นคนล้างนะ แล้วก็เป็นคนหั่นเองกับมือด้วย”
“อ๋อ แสดงว่าที่กับข้าวอร่อยวันนี้เพราะคนหั่นผักล้างผักว่างั้น”
“อาจจะใช้ครับ”
“แต่ก็ใช่” เบาเหลือเกินกับคำตอบนี้
“อะไรนะครับ”
“เปล่าค่ะ.......แต่อย่างน้อยวันนี้เป็นวันที่ฝันกินได้เยอะที่สุดในรอบเดือน”
“......”
“.....”
“ถ้างั้นก็ไม่ใช่เพราะรสชาติแล้วแต่เป็นเพราะคนทานด้วยมากกว่า”
“หลงตัวเอง”
ฉันพยายามเดินให้เร็วขึ้น เพื่อไม่ให้เขาได้เห็นใบหน้าที่แดงขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
“แต่มันก็จริงใช่ไหมครับ”
เสียงของเขาเบาลงเหมือนเสียงที่พูดจากที่ที่ไกลออกไป และมันก็จริงฉันหยุดเดินแล้วหันกลับไป เขาไม่ได้เดินตามฉันมาแต่เขากับนั่งลงที่ริมหาดชันเข่าทั้งสองข้างสายตามองออกไปที่ขอบทะเลฝั่งนั้น
“ขอบคุณนะครับที่เชื่อใจผมและให้โอกาสผม”
อะไรบางอย่างบอกฉันว่าให้เดินไปหาเขาแล้วนั่งลงข้างๆนั่น และขาก็ทำอย่างที่ใจคิด ฉันนั่งลงที่ผืนทรายข้างเขา เว้นระยะห่างพอสมควร มองที่ใบหน้าที่ตอนนี้ดูจะสดใสขึ้นหรืออาจจะเป็นเพราะแสงจันทร์ที่ส่องลงมาในคืนนี้ที่ทำให้ใบหน้าของเขาดูสดใสมากขึ้นจากวันแรกที่พบกัน
“ทำไมคุณมาที่นี่ครับ”
“คะ....?”
“ผมแค่สงสัยว่าทำไมคุณมาที่นี่ เพราะผมคิดว่าคุณน่าจะไปเชียงใหม่มากกว่า”
“ค่ะฉันไปเชียงใหม่ไปอยู่เป็นอาทิตย์เลยล่ะ”
“แล้วทำไม...”
“พี่เอื้องชวนค่ะ อยู่เชียงใหม่ฉันก็เป็นอันทำอะไรพี่เอื้องคงสงสารเลยชวนหนีให้ห่างจากภูเขาแล้วก็ป่าไม้”
“เราก็ไม่เห็นต่างกัน ผมอยู่กรุงเทพฯทำงานแทบไม่ได้ ตรวจถูกตรวจผิดจนไอ้หมอภัส
บอกให้ผมลาพักร้อนตอนแรกผมก็ไม่รู้จะไปที่ไหน กะว่าจะลาแล้วอยู่บ้านเฉยๆซักอาทิตย์ ไอ้หมอภัสเลยแนะนำให้ขึ้นเหนือ ตอนนั้นผมคิดอยู่อย่างเดียวว่าถ้าผมไปเหนือ ผมก็ต้องไปเจอกับสิ่งคุ้นเคยที่นั่นและคงจะหนักกว่าเดิม”
“คุณเลยเลือกที่จะมาที่นี่”
“ไม่เลยครับผมไม่ได้เลือกมาที่นี่เลย ผมไปซื้อตั๋วเครื่องบินลงใต้ ผมถามเขาไปว่าไปใต้ที่ไหนว่าง เขาก็ยื่นตั๋วมาให้ผม ผมเรียกตั๋วนั้นว่าตั๋วรักไปแล้วตอนนี้”
“ตั๋วเครื่องบินมีชื่อด้วย”
“เพราะมันทำให้ผมได้มาเจอคุณไง”
สายตาจากที่มองตรงไปข้างหน้าหันมาสบตาฉันตอนพูดประโยคนั้น ทำให้ฉันเกือบลืมหายใจ เพราะตอนนั้นฉันก็กำลังจ้องเขาอยู่น่ะสิ
“ตอนฉันอยู่เชียงใหม่ฉันเจอคุณหมอภัสค่ะ”
“ว่าไงนะครับ คุณเจอไอ้หมอภัส”
“ค่ะ ฉันเจอหมอภัสที่นั่น แต่เขาบอกว่าเขาจะไม่บอกคุณเพื่อความสบายใจของฉัน”
“ผมก็ว่า...ทำไมมันดูมีลับลมคมในกับผมแถมยังแนะนำให้ผมไปเชียงใหม่”เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง ในขณะที่ฉันก็ยิ้มไปกับเสียงหัวเราะนั้น และก็ยิ้มให้กับความซื่อสัตย์ในคำพูดของหมอภัส
“แต่สุดท้ายเราก็เจอกัน”
“ครับ...?”
“แต่สุดท้ายเราก็เจอกันไม่ใช่หรอคะ”
“ผมต้องขอบคุณไอ้หมอภัสใช่ไหมครับที่แนะนำให้ผมไปเชียงแต่ผมไม่ไป”
“กลับไปก็เลี้ยงข้าวหมอภัสด้วยก็แล้วกันนะคะ”
“..............”
“..............”
ท้องฟ้าวันนี้สวยกว่าทุกวัน ทั้งที่มันก็เป็นฟ้าผืนเดิม พระจันทร์วันนี้ก็สว่างกว่าทุกวันทั้งที่มันก็เป็นพระจันทร์ดวงเดิม อย่างนี้สินะที่เขาว่าเมฆหมอกที่บังใจเมื่อไหร่ที่จางหายทุกอย่างก็ย่อมสดใสกว่าเดิม....



นางสาวปลาดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ย. 2554, 14:35:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ย. 2554, 14:35:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1635





<< ตอนที่ 15   ตอนที่ 17 >>
นางสาวปลาดาว 14 พ.ย. 2554, 14:36:44 น.
ฝากด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้พระเอกกับนางเอกของเราด้วยนะคะ ^^


anOO 14 พ.ย. 2554, 17:09:59 น.
และแล้วก็เข้าใจกันสักที นึกว่าต้องลุ้นอีกสักพัก
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะค่ะ สู้ๆๆๆ


นางสาวปลาดาว 14 พ.ย. 2554, 17:19:40 น.
ขอบคุณค่ะ


ไม้เอก 14 พ.ย. 2554, 23:47:09 น.
เป็นกำลังใจให้เสมอคะ *.*


นางสาวปลาดาว 15 พ.ย. 2554, 13:40:42 น.
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account