พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 4.ซ้าย ขวา โค้ง

4.

เมื่อเห็นว่ามาลีไม่ตอบกลยุทธจึงได้เปลี่ยนคำถาม

“มีอาการอื่นอีกไหม”

“อยากอาเจียน”

“ท้องเหรอ”

“บ้าซิ ท้องกับใครล่ะท้องกับลมเหรอ”

พอตอบไปแล้วเธอจึงได้สติ สาวโสดไม่ควรสองแง่สองง่ามส่อไปทางรู้เรื่องแบบนั้นมาก มันไม่ดี เดี๋ยวราคาตก

“หนุ่มนั่นชอบเธอซิ”

แล้วเขาก็วกมาที่เรื่องอยากรู้ ทำไมเขาถึงได้อยากรู้เรื่องของเธอด้วย ทีเธอไม่เห็นอยากรู้เรื่องของเขาเลยสักนิด

“จะว่าใช่ก็ใช่ แล้วทำไมคุณทายถูก”

มาลีรู้สึกสดชื่นขึ้นมา แต่ก็อดหันกลับไปมองคนอื่นๆ ที่ฝุ่นฟุ้งจนได้แต่นั่งหน้าเหวอ โดยเฉพาะคุณวรรณา นอกจากผ้าปิดปากแล้วเธอยังใช้ผ้าพันคอพันรอบจมูกอีกรอบทีเดียว

“สงสารคุณวรรณาจังเลย”

“หรือเธอจะไปนั่งข้างหลัง”

“คุณก็ขับรถเก่งนะ ตกงานเมื่อไหร่ก็มารับจ้างทำงานที่นี่ได้เลย 25 ก.ม.ที่ต้องโหนพวงมาลัยไปมา พอถึงลาดยางก็แล่นฉิวแล้ว”

“เธอเก่งนะพายเรือก็ได้ ขับรถก็ได้ มันไม่ง่ายเลยนะเนี่ย”

ปากเขาก็พูดไป ตาก็จ้องอยู่ที่ถนนแล้วก็ผ่อนมาชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง จนหญิงสาวต้องหันไปมองทางอื่น

“ผมยังไม่ได้ตอบเธอเลยว่า ทายถูกได้ไง” แล้วเขาก็วกกลับมาที่เรื่องเดิม มาลีจำต้องหันหน้ากลับมา ไม่ได้พูดให้เขาพูด เพียงแต่เธอใช้สายตามองเพื่อย้ำให้เขาพูดออกมาเอง

“ก็ผมเป็นผู้ชายเหมือนเขาก็แค่นั้นเอง”

“วิจักษ์เขาเป็นเกย์น่ะ”

“งั้นผมก็คงเป็นเกย์เหมือนเขา”

มาลีรู้สึกว่าขนมจีบของหนุ่มปากแดงหน้าขาวนี่ก็ใช่ย่อยเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังขัดกับข้อมูลที่คุณวรรณาให้ไว้อยู่ดี หมอนี่ไม่ได้มีตาแลใครเลย จนกระทั่งคุณรมณีย์ผ่านเข้ามา ดอกฟ้า ถ้าหมาวัดหล่อเหลาเจ้าสำอางแบบนี้ ก็น่าลงมาฟัดด้วยอยู่หรอก

“แต่เธอไม่ได้ชอบเขา เธอมีคนอื่นอยู่แล้ว”

“เก่งนี่ เก่งจริง” มาลีถือโอกาสยอแบบแดกดันให้

“อยู่แล้ว” เขาตอบพลางทำหน้าว่า ‘เก่งอยู่แล้ว’

“คุณคงมีแฟนแยะน่าดู”

“เพราะอะไร”

“ก็หน้าตาดี หุ่นดี ผู้หญิงคงชอบ คงจีบคุณเองเลยใช่ไหม”

“รวมถึงเธอด้วยไหมล่ะ”

“ก็ ถ้าไม่มีคนอื่นอยู่ในใจอยู่แล้ว ก็อะนะ”

“เป็นกิ๊กก็ได้นี่”

“ไม่อยากตกนรก ชอบอะไรที่มันเป็นของตัวเองมากกว่า”

ปากก็พูดไป แต่แท้จริงเธอไม่เคยมีฟงมีแฟนกับเขาหรอก รายพี่อนันต์นั้นก็เข้ามาในลักษณะที่ว่า พูดดีด้วย มีของฝากเป็นจำพวกเสื้อผ้า กับแสดงอาการหึงหวงเมื่อรู้ว่ามีหนุ่มๆ ในหน่วยป่าไม้ ลูกทัวร์ผู้ชายมาสนใจเธอ

“เชื่อไหม ถ้าผมจะบอกว่า ผมยังไม่มีใคร”

“ไม่เชื่อเด็ดขาดค่ะ แล้วอีกอย่าง ถ้าเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับฉันเลย บอกตรงๆ นะคะคุณกลยุทธไม้นี้ มุกนี้ มาลีเจอมาบ่อยๆ ค่ะ ถ้ามาลีหลงลมปากคนง่ายๆ ป่านนี้ก็คงออกจากป่าไปเลี้ยงลูก หรือไม่ก็ช้ำใจตายเพราะชะแง้รอพ่อของลูกกลับมาหาไปแล้วค่ะ”

ยิ่งได้รู้ความเป็นตัวตนของเธอ กลยุทธก็ยิ่งสนใจ มาลีดอกนี้ คงยังไม่มีแมลงดอมดม แล้วตัวเขาเองล่ะ เมื่อนึกถึงวันข้างหน้าแล้ว มันก็เป็นอย่างที่สาวน้อยคนนี้พูดนั่นแหละ

ความรัก มันรวมถึงอนาคต รวมถึงชีวิตทั้งชีวิตไว้ด้วย จะเลือกใครสักคนนั้น มันไม่ได้เลือกกันแค่หน้าตา ความพอใจ แต่มันเลือกไปถึงการลงตัวในทุกๆ ด้าน แล้วเขาจะจีบเด็กคนนี้ไปทำไม ถอยกลับคุยกันแค่ลูกทัวร์ เพราะอย่างไรพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเจอใครแล้วทำให้รู้สึกว่า ‘ใช่’ สักคน

อยากทำตามใจตัวเอง แต่

ขอสุขเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยามก็ยังดี แต่อีกนั่นแหละ หากเธอหวั่นไหวกับลมปากของเขา แล้วเธอจะอยู่ที่นี่อย่างไร มันก็คงเจ็บปวดอย่างที่เธอได้เอ่ยออกมา

“เงียบเลย ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ”

“ถูกครับ ถูกจนผมต้องเก็บไปคิดหนักเลยทีเดียว”

“คุณวรรณาบอกว่าคุณรมณีย์ชอบคุณ”

มาลีถือว่าการคุยในครั้งนี้ คุยเพื่อค้นหาความในใจของผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น และก็คิดว่ามันคงไม่มีผลอะไรกับเธอเลย เพียงแค่อยากจะรู้จักผู้ชายให้มากกว่าที่เคยรู้เท่านั้นเอง

เมื่อได้ยินคำถาม เขาหันมามองหน้าในขณะที่เปลี่ยนเกียร์ก่อนจะเร่งรถให้ขึ้นที่ลาดสูง แล้วก็เปลี่ยนเกียร์อีกครั้งในขณะที่รถวิ่งลง เสียงข้างหลังกรี๊ดๆ เมื่อรถเข้าโค้งเหมือนกับที่มาลีทำในเวลาเช้าตรู่

“เขาบอกอะไรกับเธออีก”

“ก็แค่บอกว่า มีดอกฟ้าจะโน้มลงดินก็แค่นั้น ที่ถามนี่ก็แค่ชวนคุยนะคะไม่ได้อะไรเลยจริงๆ”

“ถ้ามีคนมีฐานะดีๆ สักคนมาชอบเธอ เธอจะทำอย่างไร”

“แล้วคุณทำอย่างไรล่ะ”

กลยุทธทึ่งกับความหัวเร็วของเด็กสาว

“ผมก็รับไมตรีเขาไว้ แต่ผมก็ไม่ได้รับไว้ทั้งหมด ยังดำรงตนและเจียมตนว่าเป็นใคร ผมเองจะว่าจนก็ไม่ใช่ แต่ถ้าเทียบกับเขาแล้ว มันไกลกันเยอะครับ เพราะฉะนั้น ผมก็ไม่ได้อยากได้ยินใครมาพูดว่าผมตกถังข้าวสาร”

“คุณชอบเธอหรือไม่ เพราะอะไร”

“ชอบแบบที่เห็นแล้วก็ชอบ แบบไม่มีเหตุผลไม่มี”

มาลีรู้สึกดีๆ กับคำตอบของเขา แล้วก็รู้สึกเป็นต่อขึ้นมานิดๆ ถ้าเขามีพฤติกรรมเช่นนี้กับเธอก็แสดงว่าเขาชอบเธอแบบไม่มีเหตุผล

“สรุปก็คือ ก็แค่รู้สึกเห็นใจกับความรักของเค้า”

“เพราะเธอเป็นโอกาสดีๆ ของคุณ”

“พูดเหมือนผมเป็นพวกปีกทอง”

“แต่เขาไม่ได้ซื้อคุณนี่ จริงๆ ฉันคิดว่าเขาก็คงคิดนานเหมือนกันนะ กว่าจะทำอะไรตามใจตัวเองได้ พ่อแม่ของเค้าคงไม่ปลื้มเท่าไหร่หรอกใช่ไหม”

“ผมถึงต้องระวังตัวไง บางทีมันก็เป็นเรื่องที่เขากับพ่อกับแม่ต้องเคลียร์กันก่อน”

“ถ้าพ่อแม่เค้าไม่ว่า คุณก็โอเค แสดงว่าคุณไม่ยอมเปลืองตัว ไม่ยอมเจ็บตัวนี่”

คำพูดนั้นคล้ายจะเป็นการต่อว่า แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย เธอพูดถูกใจดำเขาต่างหาก นี่เขาเห็นแก่ตัวกับคุณรมณีย์ขนาดนี้เลยหรือ ทางที่ดีเขาก็ควรจะชัดเจนกับเธอโดยไม่มีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้แบบนี้

ถ้าคุณรมณีย์ฝ่าด่านคุณพ่อมาไม่ได้ เขาก็ยังนั่งทำงานอยู่ตรงนั้นอย่างหน้าชื่นตาบาน

อยากแสดงตนออกไปชัดเจน แต่เขาก็มีภาระ หากปฏิเสธน้ำใจคุณรมณีย์ก็เท่ากับว่า เขาก็ต้องเตรียมตัวหางานใหม่ อายุ 28 ปีกับงานดี เงินดี ใกล้ๆ บ้านหาได้ง่ายๆ ที่ไหน

“บางทีคนเราก็ทำตามอำเภอใจทั้งหมดไม่ได้เหมือนกัน”

เมื่อเห็นว่าเขาเงียบตรึกตรอง มาลีจึงสรุป ความรู้สึกของตัวเขาเองให้เขาได้รับรู้

เมื่อได้ยิน เขาถอนหายใจออกมาโดยไม่หันหน้ามามองคู่สนทนา

“แล้วเธอมีเรื่องของเธอให้ผมร่วมคิดได้ไหม”

“ถ้าคุณกล้าเปิดเรื่องตัวเอง ฉันก็ต้องเล่าเรื่องของฉันให้คุณฟังได้” มาลีตอบตามตรง

“ก็พี่อนันต์ลูกเจ้าของรีสอร์ตชอบฉัน ฉันรู้สึกว่าเขาแค่ชอบ แต่ไม่ได้รัก เพราะรู้สึกว่าเขาอยากได้ฉันเป็นเมียเพื่อผลประโยชน์ ฉันรู้จักกิจการงานตรงนี้ของเขาดี ถ้าเขาเดินกลับมาเขาก็จะไม่เหนื่อยยากอะไร อีกอย่างเขาก็กลัวว่าฉันจะไปได้ดีกว่าที่เขาต้องเป็น”

“เธอคิดไปเองฝ่ายเดียวหรือเปล่า เขาอาจจะชอบเธอและก็รักเธอจริงๆ ก็ได้นะ”

“ความรู้สึกมันบอกค่ะ แต่จริงๆ ฉันไม่ได้รักเขาหรอก ก็เจียมใจมาตลอดนี่คะว่าเขาเป็นพี่ เป็นญาติกัน แม้จะห่างๆ ก็ไม่คิดจะร่วมสุขทุกข์แบบผัวเมีย คล้ายกับว่ามันรู้ไส้รู้พุงกันหมด”

“ปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน”

“เขาบอกกับพ่อแม่เขาว่าจะต้องแต่งงานกับฉันให้ได้ ทั้งที่ฉันเองก็ปฏิเสธเขาไปก่อนหน้านั้นแล้วว่าไม่ได้คิดกับเขาแบบนั้น แต่เขามุทะลุจะเอาชนะฉัน จะเอาชนะพ่อแม่เขา”

“แล้วไงต่อ”

“พ่อแม่เขาก็วางแผนให้ลูกเขาเหมือนกันคะ คงอยากให้แต่งงานกับคนที่มีอะไรเท่าๆ กัน ฉันมันคนตัวเปล่า พ่อเป็นมะเร็งตาย ก่อนตายก็ได้ป้ากับลุงช่วยค่ายาค่ารถค่าโรงพยาบาลมากมาย แม่ก็เลยถือว่าเป็นบุญคุณกันมากๆ ก็เลยเกณฑ์ฉันให้ออกมาทดแทนบุญคุณกันตรงนี้ด้วย”

“คุณรู้สึกว่าเหมือนดูถูกกันใช่ไหม”

“คุณรักศักดิ์ศรีของคุณ ฉันก็รักศักดิ์ศรีของฉัน ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองมีศักดิ์ศรีอะไร จนกระทั่งฉันมาถูกเขาปฏิเสธเพราะว่าฉันจน ฉันจึงรู้สึกแค้นขึ้นมา จริงๆ นะ ถ้าเขาให้ฉันปฏิเสธจากปากฉันเอง ฉันคงไม่คิดอะไรมาก ก็คงรอเผื่อจะมีใครสักคนผ่านเข้ามาเมื่ออายุมากขึ้น แต่พอเขาทำอย่างนี้กับฉัน ฉันบอกตรงๆ ว่าฉันเครียด”

“แล้วหนุ่มป่าไม้คนนั้น”

“วิจักษ์ รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยม เขาคนสวนหลวง ฉันคนแม่กลองเก่า เขาหน้าตาดีที่สุดในรุ่นเรา มีสาวๆ สนใจเขาเยอะเชียว เขาก็เหมือนฉันนี่แหละ หน้าตาดีจนไม่น่าจะเกิดในสถานที่กันดารๆ แบบนี้”

“ก็น่าจะลงตัวที่เขา”

“ก็ฉันไม่ได้ชอบเขา”

“แสดงว่าเธอยังไม่มีใคร”

“เหมือนไม่มีใคร แต่ก็รู้สึกว่าฉันมีใครอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่มั่นใจว่าตัวเองสวยนะ แต่ฉันรู้สึกแค่ว่า ถึงเวลาเดี๋ยวมันก็มาเอง”

“ความรู้สึกมันบอกซิ”

“มั้งคะ”

กลยุทธหัวเราะออก ความรู้สึกแบบนี้บางทีเขาก็เป็นเหมือนกัน ในวัยโสดเขาไม่ได้รู้สึกเปลี่ยวเหงา อาจจะเป็นที่หน้าตา แต่เขารู้สึกว่า ก็เราแค่ยังไม่ได้เจอะกัน มันยังไม่ถึงเวลาก็เท่านั้น

คนสองคนปล่อยให้ความเงียบกั้นกลาง จนกระทั่งมาลีบอกให้เขาเลี้ยวขวา เพื่อเขาสู่ถนนลาดยางเมื่อรถแล่นสู่ถนนลาดยางแล้ว เขาก็เปลี่ยนเป็นเกียร์สูงก่อนจะเร่ง เครื่องเต็มพิกัด จนรถกระบะคล้ายไม่ได้เกาะอยู่ที่ผิวถนน คนโดยสารข้างหลังต้องตะโกนโวยวายว่า “เสียวโว้ย” คนขับข้างหน้าจึงลดความเร็วลงได้

“ชอบความเร็วเหมือนกัน”

“ผมยังใช้มอเตอร์ไซค์อยู่เลยนะ มันคล่องตัวดี”

“ก็ไหนคุณวรรณาว่าคุณใช้รถรุ่นเก่า”

“ฮอนด้าของพ่อครับ ทิ้งไว้ให้ก่อนจะลาโลกตามคุณแม่ไป”

“เป็นโรคอะไร”

“แม่ผมเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ส่วนพ่อคงรักแม่มาก อาการคล้ายๆ กับคนที่ตรอมใจตาย”

“มีจริงๆ หรือคะ”

“อายุแค่หกสิบเอง แต่ป่วยอยู่เรื่อยๆ จนหมอมาบอกว่าเป็นมะเร็งปอด”

“สูบบุหรี่”

“ไม่สูบ ไม่ดื่ม คงอยากไปอยู่ใกล้ๆ กันมั้ง” น้ำเสียงของเขาเศร้าลง

“เรามีอะไรที่คล้ายกันมากมายเลยนะ เออ ลืมเลย เดี๋ยวเบารถแล้วแวะสวนส้มสักหน่อย”

“แวะทำไม”

“เป็นธรรมเนียม”

ว่าแล้วพลขับก็หยุดรถตามที่ไกด์สาวต้องการ เมื่อลงจากรถ บรรดาคนที่อยู่ข้างหลังก็โห่ฮิ้วเชิงล้อเลียน

“มดจากหน้ารถกระเด็นมาข้างหลังกัดหน้าตาพวกกูหมดเลยนี่ มึงเห็นไหม”

สมศักดิ์ชี้ไปที่ใบหน้าเขรอะฝุ่นของตัวเอง ทุกคนจ้องหน้าแล้วพากันหัวเราะ ก่อนเดินตามมาลีไปที่เต็นท์ขายส้มเขียวหวานของสวนส้มข้างทาง

“ไปดูที่ไร่ส้มได้ไหม” จริญญาร้องถาม มาลีพยักหน้า

แล้วสองสามีภรรยาก็ขอตัวแยกออกไป อรชุมากับเอกชัยตามไปอีกคู่

“คุณวรรณาไปไหม” สมศักดิ์ร้องถาม

“ไม่เอาหรอกวรรณอยากดื่มน้ำมากกว่า”

ว่าแล้ววรรณาก็เปิดกล่องหยิบน้ำส้มคั้นในขวดที่แช่น้ำแข็งออกมา ขวดแรกเธอส่งให้กลยุทธ เขารับไว้ ขวดที่สองส่งให้มาลี ซึ่งมาลีรู้ดีว่าหากลูกทัวร์ทำอย่างนี้เธอไม่ต้องจ่าย เพราะพวกเขาจะต้องจ่ายกันเอง เมื่อส่งน้ำส้มให้สุชินแล้ว คุณวรรณาก็หยิบแล้วเปิดของตัวเองพร้อมกับยกขึ้นดื่ม

“โอ้โฮ เจ็บจี๊ดๆ” ว่าแล้วคุณสมศักดิ์ก็ผละจากไป

สุชินกับกลยุทธขำกิ๊กๆ ทันที

“คุณวรรณาทำมันแรงนะแบบนี้” กลยุทธร้องบอก

“ทำแรงที่ไหน” ปากพูดไป แต่ใจนั้นก็รู้สึกผิด รู้ทั้งรู้ว่าเขาสนใจตัว ก็น่าน้อยใจอยู่หรอก แต่ผู้ชายน้อยใจได้ที่ไหน ในที่สุดวรรณาก็อดทนกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ หญิงสาววางขวดน้ำเปล่า แล้วก็เปิดกล่องหยิบขวดใหม่ออกมา เธอส่งแบงก์ร้อยให้มาลีทำนองที่ว่าจัดการตรงนี้ให้ด้วย แล้วเธอก็เดินตามสมศักดิ์ไปที่สวนส้ม

“งานนี้ คุ้มค่าว่ะไอ้ยุทธ ใครจะรู้ว่าไอ้ศักดิ์มันจะเล่นบทงอน มันงอนเป็นด้วยหรือวะ”

“ก็คงรู้สึกเสียหน้ามั้ง”

มาลียิ้มๆ ความรักทำให้โลกเป็นสีชมพูได้ฉันใด ความรักก็ทำให้โลกเป็นสีดำได้ฉันนั้น
//////////////////////////////////////////////////

เมื่อสามีภรรยาทั้งสองคู่เดินกลับมาจากการถ่ายรูปกับสวนส้มแล้ว ทั้งคณะก็ป่ายปีนขึ้นกระบะท้าย โดยที่กลยุทธยังเป็นคนขับและมาลีนั่งเป็นไกด์บอกทางอยู่ข้างหน้าเหมือนเดิม

รถแล่นออกจากสวนส้มท่ามกลางบรรยากาศที่พระอาทิตย์ใกล้กับแผ่นดินทางทิศตะวันตก ดวงกลมๆ สีส้มที่เคยสว่างยอแสงลง แล้วภาพทิวเขาที่สลับซับซ้อนก็อยู่ในคลองจักษุจนคนขับต้องลดความเร็วของรถลง ด้วยเขาอยากให้เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้านหลังได้ปล่อยจิตใจให้ลอยล่องไปในจินตนาการบ้าง เคลื่อนภูเขาแผ่นดินตรงนี้คงไม่มีพิษภัยเท่ากับคลื่นตึกรามบ้านช่องในเมืองใหญ่

เขาเลื่อนกระจกลงแล้วปิดเครื่องปรับอากาศ สายลมพัดอู้เข้ามาในบริเวณหน้ารถพร้อมกับเสียงคุยกันที่จงใจนินทาจากคนด้านหลัง “โรแม้งโว้ย” เป็นสุชินที่พูดดังๆ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะครืนทีเดียว

มาลีเสมองข้างทางทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็อดปรายตามามองคนขับสักนิดไม่ได้ เขาสวมแว่นสีชาจึงไม่เห็นดวงตาที่แท้จริงว่ากำลังคิดอะไร

“ไปดูวัดที่สร้างโบสถ์ด้วยไม้สักไหม”

“ไกลไหม”

“ไม่ไกลหรอกค่ะ เลี้ยวซ้าย”

“ยังไม่ได้ตกลงเลยนะ” เขารีบแย้ง

“อยากไปก็เลี้ยว”

ที่ตรงนี้ ในเวลาประมาณเท่านี้ มาลี นึกถึง ‘เขาคนนั้น’ ขึ้นมา แต่มันเป็นคำพูดที่ตรงกันข้ามทีเดียว

‘มีตรงไหนที่น่าสนใจบ้าง’

เขาไว้ผมยาวหยิกเป็นเกลียวจนถึงกลางหลังแล้วมัดหลวมๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่เคี้ยวหมากฝรั่งอยู่เรื่อยๆ จนดูน่าหมั่นไส้

‘เลี้ยวซ้าย’

‘ไปดูอะไร’

‘เลี้ยวซ้าย’

แล้วเขาก็เลี้ยวไป แต่ก็ไม่วายพยายามซักถามว่า มีอะไร ไปแล้วจะเจออะไร จนกระทั่งถึงหมู่บ้านหนองหลวง ถึงวัดหนองหลวง

มาลีลงจากรถ เขารีบลงจากรถตามพร้อมกับกล้องตัวใหญ่ เขาถ่ายรูปจากมุมไกล มุมกว้าง ซูมเข้าไปข้างใน วุ่นอยู่ตรงนั้นเป็นนานสองนาน เธอเองก็นั่งคุยกับแม่เฒ่าที่ขายดอกไม้ธูปเทียนจนรู้สึกเบื่อ

วันนี้คนขับรถนามกลยุทธเลี้ยวซ้าย แล้วเขาก็ใช้คำถามเดียวกันกับอีกคน เธอรู้เช่นกันว่า จะต้องตอบว่าอย่างไร

“ตรงไป ตรงไปเรื่อยๆ ยังไม่ถึงหรอก ขับไปเรื่อยๆ”

มาลีบรรยายโดยที่ไม่ยอมบอกจุดมุ่งหมาย เขาหันมายิ้มให้แบบกั๊กอารมณ์เหมือนกับ ‘เขาคนนั้น’

“กวนนะเรา”

มาลียิ้มนิดๆ แล้วก็เมินหน้าเข้าหาข้างทาง จนกระทั่ง

“เลี้ยวขวาข้างหน้า”

เขาไม่ปฏิบัติตาม กลับขับไปเรื่อยๆ

“เลี้ยวขวาไง เลยแล้ว” มาลีเสียงดังขึ้น เขาหันมายิ้มให้อย่างเป็นต่อ ก่อนจะเหยียบเบรกจนคนหน้ารถหัวคะมำ

“แกล้งกันใช่ไหม” มาลีแหวใส่ทันที

“เปล่า หยอก”

“เฮ้ย เล่นไรกันวะ” สมศักดิ์ตะโกนมาสมทบ คนข้างหน้าไม่ตอบ แต่ถอยรถแล้วเลี้ยวขวาดังเดิม
/////////////////////////////////////////////////////

โบสถ์ที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังที่อยู่ตรงหน้า สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนที่อยู่ในที่เจริญทางวัตถุ สุชินจุ๊ปากให้รู้ว่าจิตใจของเขานั้นจดจ่ออยู่กับราคาของไม้มากกว่าคุณค่าที่ได้เห็น


ทั้งคณะลงจากรถ มาลีรีบเดินไปยังบริเวณจุดซื้อดอกไม้ธูปเทียนทองของวัด ป้าที่ดูแลอยู่ยิ้มให้พร้อมกับทักทายกันด้วยภาษาถิ่น มาลีพูดคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คณะที่เดินตามมาหยุดฟังแล้วก็มองหน้าไกด์สาว

“ทำไงต่อไป”

กลยุทธถามพลางเดินมาจนเกือบจะชิดกับหญิงสาว มาลีจ้องหน้าแล้วรีบแลเหลือบไปยังคนอื่น

“ไม่เคยไปวัดกันเหรอ”

ทุกคนส่ายหน้า

“ก็ซื้อดอกไม้ตรงนี้ แล้วก็เข้าไปไหว้พระด้านใน หรือใครจะ ทำบุญอื่นๆ เช่น ติดผ้าป่าสร้างหอกลอง ก็ติดได้เลยค่ะ แค่นี้เอง” ทุกคนมองหน้ากันแล้วรีบปฏิบัติตามศรัทธาเดิมของตน

“คุณไม่ไหว้กับพวกเราหรือ” กลยุทธยังถาม

“เคยไหว้แล้ว” มาลีตอบตามตรง

“ไหว้ใหม่ก็ได้นี่น้อง มาเร็วเข้าไปกับพวกพี่ๆ” สุชินส่งดอกไม้ให้ มาลีจำต้องควักเงินส่วนตัวใส่ตู้บริจาค

“เห็นไหมไอ้ชินน้องเขาไม่อยากได้ดอกไม้ของมึง” สมศักดิ์ได้ที ‘งับ’ มาลียิ้มแหยๆ ให้

ทั้งหมดพากันเดินขึ้นบันไดโบสถ์ไปยังด้านใน กลยุทธยังเก้ๆ กังๆ อยู่ จนกระทั่งมาลีที่จะเดินตามหมู่คณะไปต้องหันมาถาม “ไม่เข้าไปหรือ” เขารีบก้าวตามไปทันที

//////////////////////////////////////////

องค์พระพุทธชินราชจำลองที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ ทำให้ทุกคนนั่งลงจุดธูปเทียนแล้วสงบจิตใจสวดมนต์ หรืออธิษฐานตามความปรารถนาของตน

มาลีนั่งพับเพียบยกมือพนมพร้อมดอกกล้วยไม้ จิตใจของเธอยามนี้ นึกถึงแต่อนาคตเพียงอย่างเดียว ป้ากับลุงจะบันดาลให้ชีวิตเธอเป็นอย่างไรหนอ ขอให้เธอมีความสุข ไม่มีทุกข์มีร้อนใจด้วยเถิด

เมื่อลืมตาขึ้น คนที่นั่งข้างๆ เธอคือเขา ‘กลยุทธ’ มาลีแลเหลือบไปเห็นจมูกที่โด่งเป็นสันบนผิวหน้าสะอาด ตาของเขาหลับพริ้ม

“ขอเลขสามตัวท้ายหรือไอ้ยุทธ” เป็นสมศักดิ์ที่นั่งถัดไปหยอกให้ แต่เขาก็ยังไม่ยอมลืมตามาต่อปากต่อคำ

“จะไปไหนต่อ” วรรณาที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของมาลีตั้งคำถาม

“พาไปถ้ำตะโค๊ะบิ แล้วก็แวะตลาดในอำเภอ ตกลงคืนนี้ไม่ดริ๊งค์กันหรือคะ” มาลีกระซิบถามเบาๆ

“ตอบในนี้ได้เหรอ ในโบสถ์นะมันบาป” สุชินที่นั่งอยู่ข้างหลังมาลีพูดเบาๆ เช่นกัน

กลยุทธลืมตาแล้ววางดอกไม้ไว้บนพานรอง ก่อนจะก้มลงกราบสามครั้งอย่างงดงาม

มาลีจ้องมองดูกิริยานั้น แล้วเธอก็ต้องรีบตวัดสายตาออกไปยังคู่สามีภรรยาทั้งสองคู่ที่กำลังปิดทององค์พระด้วยกัน

‘เคยทำบุญร่วมกันจึงได้มาอยู่ด้วยกัน’

การแต่งงานการมีคู่ครอง หมายถึงได้พบคนที่ทำบุญด้วยกันแล้วหรือเปล่านะ แล้วพวกที่เป็นโสดพวกนี้ล่ะ เนื้อคู่ของพวกเขาอยู่ที่ไหน

สมศักดิ์กับสุชินพากันถอยออกไปพร้อมกับวรรณา คู่สามีภรรยาค่อยๆ พากันเดินเลี่ยงออกจากโบสถ์ไปบ้าง

“คิดอะไร” เขากระซิบถามมาลีเบาๆ

มาลีหันไปมองหน้ากลยุทธ แล้วถอนหายใจออกมา

“แล้วคุณล่ะคิดอะไร”

“คิดว่า ขอให้หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง ไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ”

“ขอเรื่องความรักด้วยเปล่า”

ทำไมเธอถึงได้อยากรู้กับประเด็นนี้นักนะ

“น่าจะขอพระด้วยไหม” เขาย้อนถาม

“เธอเคยอธิษฐานกับพระเรื่องความรักด้วยหรือ”

“ก็เคย” มาลีสารภาพ

“เคยขอให้เจอคนดี อยู่ในศีลในธรรม ขยันทำมาหากิน”

“เจอหรือยัง” เขาถามคืนทำให้มาลีถึงกับกลั้นขำแทบไม่อยู่ หญิงสาวไม่ตอบเพียงลุกขึ้นแล้วพูดเพียงว่า “ไปกันเถอะ” มาลีเดินนำออกไป กลยุทธรีบเดินตาม

เมื่อพ้นจากธรณีประตู สายตาของทุกๆ คนที่ออกไปก่อนก็จ้องมายังสองคนแล้วมีคำถามอยู่ในสีหน้า ทุกคนเลือกที่จะเงียบ ทีนี้มาลียิ่งเขิน กลยุทธที่เดินตามมาเสมองไปยังรอบ ๆ โบสถ์แก้เขินไปด้วย “ไปขึ้นรถ” เขารีบตัดบท

ทุกคนยังมองคล้ายเตี๊ยมกันไว้เพื่อแกล้งทั้งสองคน

“มองอะไร” กลยุทธยิ้มกว้าง ส่วนมาลีรีบก้มหน้าก้มตาใส่รองเท้า

“ขอให้รักเรานั้นนิรันดร์”

สุชินโพล่งขึ้นมาดังๆ แล้วทุกคนก็พากันขำกิ๊กๆ ไม่พูดไม่จาอะไรเพียงแต่รีบเดินไปปีนป่ายขึ้นกระบะท้ายรถ

มาลีเข้าประจำที่คนขับ กลยุทธเดินตามมา ใจหนึ่งเขาอยากไปนั่งด้านหลังแต่อีกใจ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนี่ ต้องลองกับสาวบ้านป่าสักตั้ง

“เฮ้ย นั่งหลังด้วยกันก็ได้นะ ฝุ่นไม่มีแล้ว” สมศักดิ์แซวกลับมา

กลยุทธทำปากจิจ๊ะแล้วรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งคู่กับคนขับที่ถอนหายใจออกมา



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ย. 2554, 22:32:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ย. 2554, 22:32:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1764





<< 3.น้ำตกทีลอซู   5. “ไปไหนต่อ” >>
minafiba 15 พ.ย. 2554, 23:49:13 น.
^_^


คิมหันตุ์ 16 พ.ย. 2554, 00:00:01 น.
อเนบเ สู้ว้อยยยยคุณหยุ๊ดดดดดดด


แว่นใส 16 พ.ย. 2554, 09:03:25 น.
แก้ปัญหากันต่อไปนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account