พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว
เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..
วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..
หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..
มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..
ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ
และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ
กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...
ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..
และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..
เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..
วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..
หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..
มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..
ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ
และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ
กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...
ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..
และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..
Tags: รักสามเส้า เราสามคน
ตอน: 5. “ไปไหนต่อ”
5.
“ไปไหนต่อ”
กลยุทธเริ่มชวนคุยคล้ายกับว่าไม่ได้มีอะไรเลยก่อนหน้านั้น มาลีถอนหายใจออกมา
รู้ทั้งรู้ว่า พวกเขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ใจง่าย รักคนง่าย เห็นคนหน้าตาดี ๆ เป็นไม่ได้ แต่เธอมีสิทธิ์โกรธพวกเขาหรือ เขาเป็นลูกทัวร์เธอมีหน้าที่ให้ความสุข เพียงแค่เย็นและคืนนี้เท่านั้น พวกเขาก็จะกลับออกไป คณะอื่นก็จะเข้ามาให้เธอได้รับใช้
“ไปถ้ำ”
มาลีพูดสั้นๆ แล้วสายตาของเธอก็อยู่ที่ท้องถนน จนกระทั่งรถเลี้ยวขวาเข้าถนนที่เป็นลูกรังผ่านป่าไม้ เพียงสองร้อยเมตรก็พบลานจอดรถมีห้องน้ำล้อมด้วยสังกะสี มีชาวบ้านปลูกร้านขายของประเภทส้มตำไก่ย่าง กล้วยปิ้ง ขนมขบเคี้ยวน้ำอัดลม ฯลฯ
มาลีลงจากรถพร้อมกับที่ลูกทัวร์ทั้ง 8 คนรีบลงจากรถไปยืนบิดขี้เกียจ เด็กสองคนที่ถึงคิวทำหน้าที่เป็นผู้นำเข้าชมถ้ำต่างกุลีกุจอมาทำงานของตนตามที่ได้ตกลงกัน
“ตรงนี้คงเป็นหน้าที่ของเด็กๆ นำเข้าชมถ้ำค่ะ”
“อ้าวแล้วมาลีล่ะ” วรรณารีบร้องถาม
“ให้เด็กๆ ได้ฝึกทำหน้าที่เป็นไกด์ค่ะ ส่วนค่านำทางแล้วแต่จะให้พวกเขา”
มาลีหลิ่วตาให้เด็กชายสองคนที่มีไฟฉายแบบแบตเตอรี่สะพายอยู่บนไหล่ แล้วเลี่ยงไปยังร้านค้า
แล้วคณะทัวร์ของคุณวรรณาก็เดินตามเด็กวัยสิบขวบไปยังถ้ำที่อยู่ด้านในด้วยทีท่าหามีความเชื่อมั่นในฝีมือไม่
หายไปราวครึ่งชั่วโมง แล้วในสายตาของมาลีเห็นว่ากลยุทธเดินโอบไหล่น้องชายของเธอออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ส่วนวรรณาก็หัวเราะคิกๆ คักๆ เหมือนกับอรชุมาและจริญญา ส่วนสมศักดิ์ สุชิน เอกชัย และอานนท์ที่เดินรั้งท้ายก็ใช้ฝ่ามือเป็นเชิง ‘เบิ๊ด กะโหลก’ ปิยะ เพื่อนของมารุต
มาลีที่เอนตัวลงนอนกับพื้นไม้ไผ่ของร้านค้าผุดลุกขึ้นนั่ง เมื่อพวกเขาพากันเดินมาถึง
“เอาไปแบ่งกัน”
กลยุทธควักเงินแบงก์สีแดงส่งให้มารุตหนึ่งใบ คุณวรรณาให้แบงก์ยี่สิบบาทไปสองใบ แล้วคุณอ๋อ อรชุมากับคุณจริญญาก็ส่งไปให้อีกคนละ 100 บาท 4 หนุ่มที่เดินตามหลังก็ยื่นเงินของตัวเองให้เพื่อนมารุตเช่นกัน
เด็กชายทั้งสองคนพนมมือไหว้ แล้วรีบผลุบหายไปทางห้องน้ำ มาลียิ้มกริ่มที่เห็นว่าในวันนี้น้องชายและเพื่อนมีรายได้กันแล้ว
“เป็นไงบ้างคะ”
“เหลือกินจริงๆ กวนทีนโดยแท้”
วรรณามีคำหยาบต่อท้าย เพราะตลอดเส้นทางเดินในถ้ำ เด็กสองคนจะปล่อยมุกจนทำให้ทั้งคณะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่เรื่อยๆ
“น่ารักดีค่ะ” อรชุมาตาเป็นประกายทีเดียว
“อยากมีลูกแล้วฉลาด ปฏิภาณไหวพริบดีๆ เหมือนเด็กๆ พวกนี้จังเลย” จริญญามีน้ำเสียงชื่นชม
กลยุทธมองหน้ามาลี แล้วยิ้มนิดๆ ให้ คล้ายกับว่าเขาเองก็มีความสุขเหมือนกัน
“ซื้ออะไรทานรองท้องกันก่อนนะคะ ช่วยเหลือชาวบ้าน”
สมศักดิ์กับสุชินปรี่ไปที่โหลเหล้าดองยาแล้วก็อ่านเสียงดังๆ
“ม้ากระทืบโรง โด่ไม่รู้ล้ม คุณจ๊ะซื้อไปให้คุณนนท์ซิของดีนะ คุณอ๋อก็เหมือนกัน เอาไปสักสองขวด” สุชินได้ทีรีบหยอก คู่กรณีจึงรีบโต้กลับมา
“ของผมยังใช้การได้ดีครับ ยังไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอะไร”
อรชุมาจึงบิดที่แขนสามีด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
เมื่อเห็นว่าเขาคุยกันสองแง่สองง่ามและสนุกสนานในกลุ่มกันเอง มาลีจึงค่อยๆ เลี่ยงออกมายังรถยนต์
กลยุทธมองตามร่างเล็กที่เดินไป ใจของเขารู้สึกแกว่งไหว พรุ่งนี้แล้ว เธอก็จะเป็นเพียงภาพฝันที่เขาตามหา สเปคของเขาเป็นผู้หญิงสู้ชีวิตแบบนี้นะหรือ เขาถอนหายใจออกมา พลางใช้สายตาซึมซับภาพของมาลีไว้ในความทรงจำ
/////////////////////////////////////////////////////
เมื่อรถกำลังจะถอยออกจากจุดจอดรถ เด็กชายมารุตกับเด็กชายปิยะไกด์นำเที่ยวในถ้ำตะโคะบิ ถ้ำภาษากะเหรี่ยงที่แปลว่าเป็น ไทยว่า ‘ถ้ำมะม่วง’ ที่มีความยาวถึง 3 ก.ม. ก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบมาตะโกนเรียก
“พี่มาลี หนูกลับด้วย”
มาลีหยุดรถให้เด็กสองคนปีนป่ายไปยังท้ายรถ พอขึ้นไปแล้ว ทั้งสมศักดิ์ สุชิน รวมถึงอานนท์และเอกชัย ต่างก็หยอกเย้าจนเด็กสองคนหัวเราะแล้วยิ้มสดชื่น
“แบ่งกันแล้ววันนี้ได้คนล่ะเท่าไหร่” เอกชัยดึงเด็กวัยสิบขวบมาไว้แนบกาย
“คนละ” ปิยะจะร้องบอก ดีแต่ที่มารุตทำเสียงจุ๊ไว้
“เป็นความลับของบริษัทครับ” เขาเปลี่ยนคำตอบถามกลางเสียงโห่ฮิ้วของพี่ๆ ที่ยิ้มหน้าระรื่น
ในกระจกมองข้างหลัง แม้ไม่ได้ยินว่าเขาคุยอะไรกัน แต่มาลีก็ดีใจที่เห็นว่าน้องชายของตนเองนั้นมีความสุข
“เด็กสองคนนี่น่ารักดีนะ รู้จักทำมาหากิน เงินที่ได้ไป พวกเขาจะเอาไปทำอะไรบ้าง” กลยุทธที่เปลี่ยนมาเป็นผู้โดยสารชวนคุย
“มารุตก็จะเอาไปให้แม่ ส่วนปิยะก็คงเหมือนกัน” มาลีตอบเท่าที่รู้
“เหนื่อยไหม”
น้ำเสียงจากคำถามที่อยู่ๆ ลอยเข้าหู ทำให้มาลีรู้สึกตัวเบาขึ้นอย่างประหลาด ความหนักอึ้งที่มวลที่สุมอยู่ทั่วสรรพางค์กายคล้ายจะปลิวหาย
หญิงสาวจ้องหันกลับมามองหน้าคนถาม ถ้าเธอตอบว่าเหนื่อยเขาจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง เมื่อคิดอย่างนั้นมาลีจำต้องเงียบลง จนกระทั่งรถแล่นไปถึงตลาด มาลีจอดรถที่บ้านครูซันซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึกและมีมุมบอกเล่าความเป็นมาของอำเภออุ้มผาง
ได้เวลาสักครึ่งชั่วโมงทั้งคณะก็กลับขึ้นมาด้วยของที่ระลึกคนละอย่างสองอย่าง แล้วมาลีขับรถต่อไปยังสายน้ำใสรีสอร์ต
“ทานข้าวเย็นกันตอนประมาณ 1 ทุ่มนะคะ ตอนนี้ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“มาลีมีเครื่องปั่นผ้าไหม” วรรณาร้องถามขึ้น
“มีค่ะ เอามาร่วมกันที่หน้าบ้านพักแล้วมาลีจะปั่นแห้งให้”
“เตรียมน้ำแข็งกับโซดาออกมาด้วยเลยนะ” วรรณาสั่งซ้ำ ด้วยตอนต่อรองราคา ตรงนี้มาลีให้ลูกทัวร์กรุ๊ปนี้เป็นกรณีพิเศษ
คนอื่นๆ แยกย้ายกับเข้าห้องพัก มาลีถอนหายใจออกมา กลยุทธมองหน้า เพราะเขารู้ว่า วรรณานั้นมีนิสัยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวส่วนรวมที่เขามีส่วนร่วมอยู่ด้วยมากเพียงไหน การขอน้ำแข็งและโซดา รวมถึงการเอาเสื้อผ้าไปปั่นแห้งให้นี้ บางที่เขาไม่บริการให้อย่างแน่นอน แต่มาลียอมทำ เขานับถือในน้ำใจบริการของหญิงสาวจริงๆ
“ขอตัวก่อนนะคะ”
มาลีรีบเลี่ยงออกไปยังเรือนหลังเล็กที่เป็นโรงครัว กลยุทธมองตามไป เขานึกถึงน้องสาวของตัวเอง หากกุลกัญญาเข้มแข็งได้สักครึ่งของมาลี เมื่อนึกถึงคนที่อยู่บ้านเพียงลำพัง คนเป็นพี่ชายจึงรีบกลับบ้านพักไปหยิบโทรศัพท์โทรหาทันที
//////////////////////////////////
เมื่อวรรณาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย หญิงสาวก็เดินมาหามาลีที่กำลังง่วนช่วยแม่และคนงานจัดดูถ้วย จาน ชาม แก้วน้ำ เมื่อมาถึงหล่อนก็พูดถึงความต้องการของตัวเองด้วยสำเนียงที่ถือว่าเพราะหูทีเดียว
มาลีอยากจะปฏิเสธ เรื่องที่จะให้จัดอาหารทั้งหมดออกไปที่ตรงรอบกองไฟ ด้วยถ้าย้ายไปตรงนั้นจะต้องยกโต๊ะและเก้าอี้ตามไปด้วย ซึ่งถือว่าเพิ่มงานโดยใช่เหตุ และเวลาที่ลำเลียงของกลับไปและเก็บ ‘ซาก’ ที่พวกเขาจัดการเรียบร้อยแล้วกลับมาจะยิ่งทำให้เหนื่อย แต่เมื่อนึกถึง คำว่า ‘ได้ค่ะ’ ที่ตัวเองคุยกับวรรณาทางโทรศัพท์ทำให้มาลีต้องยอมจำนน และทำตามความต้องการของวรรณาทุกๆ อย่าง
เมื่อวรรณากลับไป มาลีก็บงการคนงานชาวพม่าต่อ เด็กหญิงทั้งสองคนบ่นกันอุบเพราะถ้าย้ายออกไปนั่งกินตรงนั้นพวกหล่อนก็จะต้องอยู่โยงจนดึกเพื่อรอเก็บถ้วยชามกลับมา เมื่อนึกถึงสายตาหวามไหวในค่ำคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน มาลีจึงตัดสินใจ รับงานหนักนั้นไว้เสียเอง หากชีวิตมันจะต้องเหน็บหนาว อย่างน้อยเธอก็ได้รู้จักความชุ่มฉ่ำของหัวใจกับเขาบ้าง
ในเวลา 19.00 น. ทั้งคณะ 8 คน ไม่รวมคนขับรถตู้ซึ่งทาง รีสอร์ตจะมีห้องพิเศษและอาหารพิเศษให้ ก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีรูปแบบทันสมัยออกมาจากห้องพัก
“ไงมาลียังไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก” สมศักดิ์พอมาถึงก็มีน้ำใจช่วยจัดแจงอาหารบนโต๊ะ
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนี่”
สุชินชะโงกมองโต๊ะอาหารและไม้ฟืนที่อยู่ริมกองไฟที่กำลังโชนแสง มาลีพยักหน้ารับ
“ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่า ปาร์ตี้คืนนี้ พวกเราชวนเธอมาแจมด้วยนะ” กลยุทธพูดขึ้น
มาลีอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อแลเหลือบไปเห็นแววตาอาวรณ์ของเขา หญิงสาวจำต้องยิ้มที่มุมปากแล้วรีบกลับขึ้นห้อง
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวแล้ว มาลีเลือกสวมกางเกงขายาวครึ่งน่องกับเสื้อยืดรัดรูปสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวสีชมพูสดใส หญิงสาวนั่งหวีผมหน้าม้าที่ด้านหลังยาวถึงบ่าแล้วหมุนซ้ายหมุนขวา แม้แววตาที่มองเห็นจะสดชื่นเพราะสายตาคู่นั้น แต่มาลีก็ยังมองเห็นความหม่นหมองเพราะเรื่องเดิมๆ
หญิงสาวหยิบลิปสติกสีชมพูอ่อนขึ้นแต้มริมฝีปาก ส่วนเปลือกตาเธอเลือกใช้สีชมพูอมส้มแต่งแต้ม มาลีกะพริบตาถี่ๆ แล้วก็ประพรมน้ำหอมที่ลูกทัวร์ลืมไว้พอเธอโทรย้อนถามกลับไป เขาแจ้งมาว่า ‘ยกให้’ มาลีไม่รู้หรอกว่ามันมีราคาเท่าใด แต่ทุกครั้งที่ฉีดพรมออกไป เมื่อใครที่รู้จักมันดีได้กลิ่นก็จะแซวเธอว่าใช้ ‘ของแพง’ เสียด้วย
/////////////////////////////////
เสียงเฮฮาเคล้าเสียงกีตาร์จากรอบกองไฟ ปลุกจิตใจให้มาลีเดินออกจากบ้านพักไปด้วยความรู้สึกรื่นรมย์ สำหรับคืนวันเสาร์นี้ หญิงสาวถือโอกาสปิดโทรศัพท์เพราะพรุ่งนี้จะไม่มีใครมาใช้บริการที่นี่ และพรุ่งนี้พวกเขาจะกลับออกไป เธอจำเป็นที่ต้องทำให้พวกเขามีความให้ตลอดรอดฝั่ง พวกเขาต้องการสิ่งใดในค่ำคืนนี้จะเป็นตัววัดใจกันว่า เธอจะทำให้พวกเขาหรือใครสักคนคิดถึงเธอตอนที่กลับไปแล้วได้ไหม
“มาแล้วมาลี”
สมศักดิ์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายบอกว่าทักทายคล้ายขวยเขินของมาลี และดูเหมือน ทุกๆ คนจะรู้ว่า ในค่ำคืนนี้ มาลีเป็นคนพิเศษสำหรับใคร
“นั่งๆ เลย ไม่ต้องบริการ แค่นี้พอแล้ว ขาดเหลืออะไร เดี๋ยวพวกเราจัดการกันเอง ขอให้บอกมาเท่านั้นว่าของที่ขาดอยู่ตรงไหน” สุชินที่ตบเก้าอี้ข้างๆ ตัวให้ซึ่งเป็นที่ว่างระหว่างเขากับกลยุทธพอดี
มาลียิ้มมุมปากทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับฉากนี้ที่พวกเขาปั้นกันขึ้นมา แต่เธอก็เลี่ยงเดินหนีไปจากที่ตรงนี้ไม่ได้เช่นกัน เมื่อก้นหย่อนลงพื้นเก้าอี้ มาลีก็ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มปนสนุกของคนที่นั่งทางด้านขวามือทันที
“มารุตนี่น้องชายเธอเหรอ”
มาลีจำต้องหันกลับไปหาเพื่อพูดคุยด้วยเป็นคนแรก
“ค่ะ น้องชายคนเล็กมีกันสองคนพี่น้อง” มาลีตอบยืดยาวเพราะไม่อยากให้เขาซักไซ้อีก
“เรียนอยู่ป.4 แล้ว สิบขวบ เรียนเก่งสอบได้ที่หนึ่งทุกปี นี่ก็อยากให้เขาเรียนให้สูงๆ แล้วไปสอบเป็นตำรวจตระเวนชายแดน”
“ทำไม”
“อยากให้เขาได้กลับมาอยู่ที่บ้าน มาอยู่ด้วยกัน”
“เธอก็คงไม่ได้คิดไปอยู่ที่ไหนอีกแล้ว” เขามองที่ใบหน้าของเธอพลางถามย้อนคืน
“ไม่แน่ค่ะ แต่ถ้าได้ไปอยู่ที่ไหนๆ ก็คงคิดว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่”
“แล้วจะไปไหนล่ะ” เขาย้อนถาม มาลียิ้มๆ แล้วก็เสมองไปทางคนอื่นๆ เขาตักข้าวจากหม้อแบ่งใส่จานให้หญิงสาว สุชินรินน้ำอัดลมสีดำใส่แก้ว สมศักดิ์ซึ่งชงเกล้ากับโซดาถามมาลีว่าจะผสมสักหน่อยไหม มาลีส่ายหน้าปฏิเสธ
ในสายตาของมาลีนั้น คุณวรรณายังเจ้ากี้เจ้าการถามคุณอานนท์ว่าเล่นเพลงอะไรได้บ้าง แล้วคุณวรรณาก็เลือกถามเฉพาะเพลงที่ตัวเองชอบ พอคุณอานนท์เล่นไม่ได้ เธอก็ทำสีหน้าให้รู้ว่าไม่ได้ดั่งใจ คุณจริญญากับอรชุมาได้แต่แอบยิ้มให้กันทำนองว่า ‘เจ้ากี้เจ้าการดีแท้’
“ทานเยอะๆ นะ จะได้มีแรงทำงาน” เป็นเสียงของคนที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือ
มาลีตักต้มยำปลาทับทิมเข้าปาก เธอรู้สึกตื้อเหมือนมื้อเช้าและมื้อกลางวัน แต่อารมณ์นั้นมันไม่ใช่เรื่องพี่อนันต์ แต่มันหมายถึงว่าพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าพวกเขาก็จะต้องจากไป
จากไปในที่เจริญทางวัตถุ ส่วนตัวเองนั้น ในค่ำคืนของวันธรรมดาเธอก็จะนอนฟังเสียงหริ่งเรไรที่ดังก้องอยู่รอบๆ รีสอร์ต
“มาลีผมว่าชงไอ้นี่สักหน่อยจะได้เจริญอาหาร”
“เอาหน่อยไหม” สุชินคะยั้นคะยอ มาลีนึกครึ้มใจขึ้นมาจึงพยักหน้ารับ
“มันต้องอย่างนั้น กินตรงนี้กินกับพวกพี่รับรองไม่มีปัญหา”
“ไม่ต้องเยอะ” กลยุทธร้องบอกคนผสมเหล้าอย่างออกคำสั่ง
“รู้ว่าเป็นห่วง แต่คืนสุดท้ายแล้วนะโว้ย มีความในใจอะไรก็บอกๆ น้องไปซะ พวกกูจะกินเหล้าแล้วร้องเพลงกัน” สุชินยังช่วยแย๊บ มาลีพยายามชักสีหน้าให้ปกติที่สุด
เมื่อแก้วน้ำอัดลมมีแอลกอฮอล์ผสมไปเพียงฝาขวดเหล้าส่งมาถึง มาลีรับมายกกลืน ความซ่านซ่าแผ่ไปทั่วลำไส้และขยายต่อไปทั่วร่างกาย
“เคยกินไหม” กลยุทธร้องถามขึ้น มาลีที่นั่งตะแคงข้างให้จำต้องหันไปเผชิญหน้า ด้วยเขานั้นพยายามชวนคุยอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
มาลีโคลงศีรษะไปมา
“ไม่เคยก็ค่อยๆ จิบ”
“ทำไมไม่ห้าม” มาลีสงสัย
“ก็ควรที่จะหัดไว้ สมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายเท่าเทียมกัน และอีกอย่างคนมันก็ต้องมีสังคม ครึไปมันก็เข้ากับใครไม่ได้”
เขาพูดพลางปรายตาไปหาคุณวรรณา ซึ่งบุคลิกลูกสาวคนจีนผิวสะอาดนั้นไม่ใช่เรียบร้อยอย่างผ้าพับไว้ วรรณาชนแก้วกับอรชุมาและจริญญาอยู่เรื่อยๆ แม้ไม่ได้เป็นแฟนกับใคร แต่วรรณาก็หาความสุขจากกรุ๊ปนี้ได้
“ที่ทำงานมีคนเยอะแยะเป็นร้อยๆ คนในแผนกก็มีมากกว่านี้ แต่พวกเราสนิทกันมากๆ ไลฟ์สไตล์พอคุยกันไหวก็เลยมาด้วยกัน” เขาเริ่มเล่าความเป็นตัวของเขาออกมา มาลีตักอาหารเข้าปากพลางตั้งใจฟังไปด้วย
“คู่คุณจ๊ะกับคุณนนท์” เขามีใจจะเล่าถึงความรักของคนทั้งคู่ให้มาลีได้รับฟังไว้ มาลีจ้องมองไปยังอานนท์ที่นั่งดีดกีตาร์โดยมีจริญญาคอยป้อนอาหารเข้าปากให้ ส่วนอรชุมากับวรรณาก็ร้องเพลงคลอไปเบาๆ
“คู่นี้เจอกันตอนที่พวกเราไปเที่ยวประจวบคีรีขันธ์ พักที่รีสอร์ตเดียวกัน บรรยากาศคล้ายๆ แบบนี้ วงนั้นมีแต่ผู้ชาย วงเราก็มีผู้หญิงไปสักเจ็ดคนเห็นจะได้ แล้วไม่รู้ว่าแซวกันไปมาอีท่าไหน พอกลับมาฝ่ายชายเขาตามตื๊ออยู่พักใหญ่ แล้วในที่สุดก็แต่งงานกันอยู่กินกันเป็นเรื่องเป็นราว”
คนเล่าตาเป็นประกายคนรับฟังก็นึกอยากจะร้อง ‘ว้าว’ ขึ้นมาเหมือนกัน แต่เขาเล่าให้เธอฟังทำไมนะ
“เจ้าของหัวใจเขาก็ตามหาหัวใจของเขา บางทีนะ ผมก็เคยคิดว่าคนที่เขาเป็นเนื้อคู่กันเขาจะได้พบกันอย่างไร”
มาลีนิ่งฟัง เขากำลังจะจีบเธอหรือเปล่านะ
“บางครั้งผมได้ยินคำว่าอุปสรรคต่างๆ ที่คนสองคนต้องฝ่าฟันจนกว่าจะได้ครองคู่กัน ถ้าผมเป็นพวกเขา ผมจะทำอย่างนั้นได้ไหม คุณอ๋อเป็นคนภาคกลาง คุณเอกเป็นคนบุรีรัมย์ ทำงานอยู่คนละบริษัท ทำงานอยู่ตึกเดียวกันแต่คนละชั้น ทั้งสองคนนั่งรถไฟฟ้ามาขบวนเดียวกันเกือบทุกวัน ขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันในเวลาเดียวกัน สุดท้ายก็หอบผ้าไปอยู่ด้วยกัน”
“ตกลงคุณเป็นนักบัญชีหรือนักประพันธ์คะ”
มาลีย้อนถามกลั้วด้วยเสียงหัวเราะ กลยุทธยิ้มๆ เขานึกขำกับตัวเองเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะเจ้าแก้วสีอำพันที่เขายกขึ้นดื่มไปสี่แก้ว หรือเป็นเพราะว่าอากาศมันเย็นขึ้นเรื่อยๆ หรือเป็นเพราะแสงดาวที่เริ่มทอแสงเป็นประกายเจิดจ้า
มันไม่ใช่เจ้าสิ่งเหล่านี้หรอก มันเกิดขึ้นจากภายในของเขามากกว่า เขาเอง บางทีเขาก็ต้องการใครสักคน ที่พร้อมจะรับทั้งตัวและภาระที่เขาแบกรับไว้ด้วย เขาอยู่ที่โน่น เขาไม่เคยได้คบหาใครที่เข้ามาแล้วรู้ว่าแท้จริงแล้วเขา ‘เหนื่อย’ ขนาดไหน ผู้หญิงที่สวนทางกันทุกๆ คน คิดว่าเขาหน้าตาดีและมีความสุขอยู่ตลอดเวลา
“ก็แค่อยากระบายอะไรออกไปบ้างก็เท่านั้น”
มาลีถอนหายใจออกมา จนกระทั่ง เสียงเพลง ‘ใช่เลย’ ที่คุณอานนท์เป็นต้นเสียงคลอขึ้นมาพร้อมกับเสียงกีตาร์โปร่ง ทำให้มาลีรู้สึกเย็นยะเยือกไปจนถึงทรวงอก ยิ่งคุณกลยุทธที่นั่งอยู่ข้างๆ ประสานเสียงต่อไป เธอก็รู้แล้วว่า ภายใต้หน้าตาหล่อเหล่าดูดีมีความสุขนั้นมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ และสิ่งนั้นมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นมีภาระที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเธอเช่นกัน
‘โดนใจฉันเลย ไม่มีมากไป ไม่มีน้อยไปถูกใจทุกอย่าง’
เมื่อเพลงจบคุณวรรณาซึ่งดูแล้วจะได้ที่ก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดออกมา
“คุณวรรณเบาๆ หน่อย” สมศักดิ์รีบร้องปราม
“คืนนี้วรรณมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณคุณนนท์มากๆ นะคะ ดีใจจังเลยกลุ่มเรามีมือกีตาร์เก่งๆ แล้ว คราวหน้าไปไหนๆ คุณจ๊ะต้องเอาคุณนนท์ไปด้วยนะ”
“สองจ่ายหนึ่งก็จะไปค่ะ” จริญญาต่อรอง วรรณาตีสีหน้าปฏิเสธทันทีเช่นกัน
“ถ้าคุณวรรณยอม รับรองเลยว่ารถออกจากกรุงเทพฯ ไม่ได้หรอก” สุชินแขวะให้ทันที
“ทำไม คุณชิน ถ้าวรรณจะลดให้วรรณก็ลดให้ได้แต่ มันหมายถึงว่าเราก็จะหารกันมากขึ้นนะ ฉันรักษาผลประโยชน์ของทุกๆ คนต่างหากล่ะ”
“งั้นตกลงกันเลยดีกว่า ถ้างานไหนคุณจ๊ะกับคุณนนท์ไป เราก็เก็บแค่คนเดียว ใครจะเอาบ้าง”
ทุกพร้อมใจกันยกมือเพื่อแกล้งวรรณา
“ก็ได้ ถ้าทุกคนเห็นแบบนั้นวรรณก็ไม่ได้ว่าอะไร มาต่อๆ เพลงอะไรดี เล่นเพลงอะไรได้บ้าง”
////////////////////////////////
เวลาเคลื่อนคล้อยไปสองชั่วโมง อาหารที่เตรียมไว้บนโต๊ะพร่องไปจนเกือบหมด ทุกคนยอมรับกับคนจัดว่า อร่อยและก็อิ่มเต็มที่ มาลีค่อยๆ เลี่ยงเก็บถ้วยจานชามหม้อข้าวที่หมดแล้วกลับไป โดยมีสุชินและกลยุทธและสมศักดิ์เป็นคนช่วย แม้มาลีจะปฏิเสธแต่พวกเขาบอกว่าเต็มใจ จนกระทั่งในวงเหล้าเหลือเพียงน้ำแข็ง โซดากับจำพวกกับแกล้มขนมกรุบกรอบ ที่คุณวรรณาเตรียมมาเอง
มาลีจึงได้นั่งลงฟังพวกเขาคุยกันเรื่องงาน การเมือง จนกระทั่งรถของลุงกับป้าแล่นเข้ามายังที่จอดประจำตัว
ลุงลงจากรถแล้วเดินมาหาที่วงเหล้าพร้อมกับป้า มาลีรีบลุกขึ้น เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าเธอต้องออกมานั่งดูแลพวกเขา ลุงกับป้าชวนแขกคุยถามถึงการบริการของหลานสาวแล้วรีบขอตัวกลับเข้าบ้านไป
มาลีถอนหายใจออกมา ครุ่นคิดถึงปัญหาของตัวเองที่ป้าจะต้องบอกกับเธอในวันพรุ่งนี้
เวลาเคลื่อนไปอีกเล็กน้อย จริญญากับอรชุมาก็หิ้วปีกวรรณาไปยังห้องพักที่พักรวมอยู่กับผู้ชายสามคน
เมื่อส่งวรรณาแล้วสองสาวก็เลี่ยงเข้าห้องพักของตนเอง เอกชัยและอานนท์เมื่อเห็นว่า ภรรยาของตนเข้าห้องพักไปแล้ว เขาก็ขอตัวเลี่ยงออกไปท่ามกลางเสียงแซวของสมศักดิ์และสุชิน
“อยากได้ลูกน่ารักๆ แบบมารุตก็รีบหน่อยนะ มีเวลาแค่คืนเดียวนะ”
สองหนุ่มได้แต่ยิ้มๆ ไม่ตอบโต้ใดๆ
“ไปกันหมดแล้วเอาไงดี ตกลงกันได้หรือยัง” สุชินช่วยกลยุทธแย๊บต่อ กลยุทธซึ่งตาแดงจนเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ได้แต่หัวเราะแฮะๆ เหมือนกับมาลีที่ตาปรือเพราะฤทธิ์น้ำสีอำพันเหมือนกัน
แล้วสองหนุ่มสุชินก็หันหน้าเข้าหากัน เพื่อเปิดโอกาสให้กลยุทธได้บอกความในใจกับมาลี
“ฉันคงขอตัวนอนก่อนแล้วกัน” มาลีรีบตัดบทเพราะรู้ว่าตัวเองจะเสียเปรียบ
“คุยกันก่อนซิ เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง พรุ่งนี้ไม่จำเป็นต้องรีบตื่นมาดูแลพวกผมหรอก กินข้าวเช้าตอนสายๆ ก็ได้”
กลยุทธใช้เสียงเบากว่าปกติคล้ายกับว่า อยากให้มีเพียงเราสองเท่านั้น แต่สมศักดิ์กับสุชินก็ไม่ได้ลุกออกไป ด้วยรู้ว่าถ้าสองหนุ่มสาวนั่งด้วยกันเพียงสองคนก็คงไม่เหมาะแน่
“พี่มาลี แม่ให้มานอน” เป็นมารุตที่เปิดหน้าต่างตะโกนเรียก
“โอเค” มาลีตะโกนกลับไป แล้วหันมายิ้มให้กลยุทธที่ใช้สายตารั้งเธอไว้
“มีอะไรอีก” มาลีถามซ้ำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาอึกอัก มาลีทำท่าจะลุกขึ้น
“ถ้าผมทำอะไรแล้วทำให้เธอ เออ รู้สึกแปลกๆ ผมขอโทษด้วยแล้วกัน” แล้วในที่สุดเขาก็ตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ที่ตัวเองเป็นคนก่อเสีย
มาลียิ้มนิดๆ ให้ แล้วก็ถอนหายใจออกมา ถ้าเขารักหล่อนหรือหล่อนรักเขา ระยะทางกว่าห้าร้อยกิโลเมตรถือว่าเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ ไหนจะสังคมชีวิตที่ต้องดำเนินไป มาลีเงยหน้ามองฟ้าแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า แม้คืนนี้อากาศจะเย็นไปนิด แต่เธอก็รู้ว่า บนโลกใบนี้มีผู้ชายหน้าตาและนิสัยดีๆ มาตกหลุมเสน่ห์สาวบ้านป่าเช่นตนเอง
คิดได้แค่นี้มาลีก็ยิ้มให้อย่างสดชื่น ไม่ต่อปากต่อคำ ก่อนจะขอตัวกลับเข้าบ้าน
“แก้วน้ำอะไรก็วางไว้บนนี้แหละค่ะ เช้ามาเดี๋ยวฉันให้คนงานจัดการกันเอง”
“ไปไหนต่อ”
กลยุทธเริ่มชวนคุยคล้ายกับว่าไม่ได้มีอะไรเลยก่อนหน้านั้น มาลีถอนหายใจออกมา
รู้ทั้งรู้ว่า พวกเขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ใจง่าย รักคนง่าย เห็นคนหน้าตาดี ๆ เป็นไม่ได้ แต่เธอมีสิทธิ์โกรธพวกเขาหรือ เขาเป็นลูกทัวร์เธอมีหน้าที่ให้ความสุข เพียงแค่เย็นและคืนนี้เท่านั้น พวกเขาก็จะกลับออกไป คณะอื่นก็จะเข้ามาให้เธอได้รับใช้
“ไปถ้ำ”
มาลีพูดสั้นๆ แล้วสายตาของเธอก็อยู่ที่ท้องถนน จนกระทั่งรถเลี้ยวขวาเข้าถนนที่เป็นลูกรังผ่านป่าไม้ เพียงสองร้อยเมตรก็พบลานจอดรถมีห้องน้ำล้อมด้วยสังกะสี มีชาวบ้านปลูกร้านขายของประเภทส้มตำไก่ย่าง กล้วยปิ้ง ขนมขบเคี้ยวน้ำอัดลม ฯลฯ
มาลีลงจากรถพร้อมกับที่ลูกทัวร์ทั้ง 8 คนรีบลงจากรถไปยืนบิดขี้เกียจ เด็กสองคนที่ถึงคิวทำหน้าที่เป็นผู้นำเข้าชมถ้ำต่างกุลีกุจอมาทำงานของตนตามที่ได้ตกลงกัน
“ตรงนี้คงเป็นหน้าที่ของเด็กๆ นำเข้าชมถ้ำค่ะ”
“อ้าวแล้วมาลีล่ะ” วรรณารีบร้องถาม
“ให้เด็กๆ ได้ฝึกทำหน้าที่เป็นไกด์ค่ะ ส่วนค่านำทางแล้วแต่จะให้พวกเขา”
มาลีหลิ่วตาให้เด็กชายสองคนที่มีไฟฉายแบบแบตเตอรี่สะพายอยู่บนไหล่ แล้วเลี่ยงไปยังร้านค้า
แล้วคณะทัวร์ของคุณวรรณาก็เดินตามเด็กวัยสิบขวบไปยังถ้ำที่อยู่ด้านในด้วยทีท่าหามีความเชื่อมั่นในฝีมือไม่
หายไปราวครึ่งชั่วโมง แล้วในสายตาของมาลีเห็นว่ากลยุทธเดินโอบไหล่น้องชายของเธอออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ส่วนวรรณาก็หัวเราะคิกๆ คักๆ เหมือนกับอรชุมาและจริญญา ส่วนสมศักดิ์ สุชิน เอกชัย และอานนท์ที่เดินรั้งท้ายก็ใช้ฝ่ามือเป็นเชิง ‘เบิ๊ด กะโหลก’ ปิยะ เพื่อนของมารุต
มาลีที่เอนตัวลงนอนกับพื้นไม้ไผ่ของร้านค้าผุดลุกขึ้นนั่ง เมื่อพวกเขาพากันเดินมาถึง
“เอาไปแบ่งกัน”
กลยุทธควักเงินแบงก์สีแดงส่งให้มารุตหนึ่งใบ คุณวรรณาให้แบงก์ยี่สิบบาทไปสองใบ แล้วคุณอ๋อ อรชุมากับคุณจริญญาก็ส่งไปให้อีกคนละ 100 บาท 4 หนุ่มที่เดินตามหลังก็ยื่นเงินของตัวเองให้เพื่อนมารุตเช่นกัน
เด็กชายทั้งสองคนพนมมือไหว้ แล้วรีบผลุบหายไปทางห้องน้ำ มาลียิ้มกริ่มที่เห็นว่าในวันนี้น้องชายและเพื่อนมีรายได้กันแล้ว
“เป็นไงบ้างคะ”
“เหลือกินจริงๆ กวนทีนโดยแท้”
วรรณามีคำหยาบต่อท้าย เพราะตลอดเส้นทางเดินในถ้ำ เด็กสองคนจะปล่อยมุกจนทำให้ทั้งคณะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่เรื่อยๆ
“น่ารักดีค่ะ” อรชุมาตาเป็นประกายทีเดียว
“อยากมีลูกแล้วฉลาด ปฏิภาณไหวพริบดีๆ เหมือนเด็กๆ พวกนี้จังเลย” จริญญามีน้ำเสียงชื่นชม
กลยุทธมองหน้ามาลี แล้วยิ้มนิดๆ ให้ คล้ายกับว่าเขาเองก็มีความสุขเหมือนกัน
“ซื้ออะไรทานรองท้องกันก่อนนะคะ ช่วยเหลือชาวบ้าน”
สมศักดิ์กับสุชินปรี่ไปที่โหลเหล้าดองยาแล้วก็อ่านเสียงดังๆ
“ม้ากระทืบโรง โด่ไม่รู้ล้ม คุณจ๊ะซื้อไปให้คุณนนท์ซิของดีนะ คุณอ๋อก็เหมือนกัน เอาไปสักสองขวด” สุชินได้ทีรีบหยอก คู่กรณีจึงรีบโต้กลับมา
“ของผมยังใช้การได้ดีครับ ยังไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอะไร”
อรชุมาจึงบิดที่แขนสามีด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
เมื่อเห็นว่าเขาคุยกันสองแง่สองง่ามและสนุกสนานในกลุ่มกันเอง มาลีจึงค่อยๆ เลี่ยงออกมายังรถยนต์
กลยุทธมองตามร่างเล็กที่เดินไป ใจของเขารู้สึกแกว่งไหว พรุ่งนี้แล้ว เธอก็จะเป็นเพียงภาพฝันที่เขาตามหา สเปคของเขาเป็นผู้หญิงสู้ชีวิตแบบนี้นะหรือ เขาถอนหายใจออกมา พลางใช้สายตาซึมซับภาพของมาลีไว้ในความทรงจำ
/////////////////////////////////////////////////////
เมื่อรถกำลังจะถอยออกจากจุดจอดรถ เด็กชายมารุตกับเด็กชายปิยะไกด์นำเที่ยวในถ้ำตะโคะบิ ถ้ำภาษากะเหรี่ยงที่แปลว่าเป็น ไทยว่า ‘ถ้ำมะม่วง’ ที่มีความยาวถึง 3 ก.ม. ก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบมาตะโกนเรียก
“พี่มาลี หนูกลับด้วย”
มาลีหยุดรถให้เด็กสองคนปีนป่ายไปยังท้ายรถ พอขึ้นไปแล้ว ทั้งสมศักดิ์ สุชิน รวมถึงอานนท์และเอกชัย ต่างก็หยอกเย้าจนเด็กสองคนหัวเราะแล้วยิ้มสดชื่น
“แบ่งกันแล้ววันนี้ได้คนล่ะเท่าไหร่” เอกชัยดึงเด็กวัยสิบขวบมาไว้แนบกาย
“คนละ” ปิยะจะร้องบอก ดีแต่ที่มารุตทำเสียงจุ๊ไว้
“เป็นความลับของบริษัทครับ” เขาเปลี่ยนคำตอบถามกลางเสียงโห่ฮิ้วของพี่ๆ ที่ยิ้มหน้าระรื่น
ในกระจกมองข้างหลัง แม้ไม่ได้ยินว่าเขาคุยอะไรกัน แต่มาลีก็ดีใจที่เห็นว่าน้องชายของตนเองนั้นมีความสุข
“เด็กสองคนนี่น่ารักดีนะ รู้จักทำมาหากิน เงินที่ได้ไป พวกเขาจะเอาไปทำอะไรบ้าง” กลยุทธที่เปลี่ยนมาเป็นผู้โดยสารชวนคุย
“มารุตก็จะเอาไปให้แม่ ส่วนปิยะก็คงเหมือนกัน” มาลีตอบเท่าที่รู้
“เหนื่อยไหม”
น้ำเสียงจากคำถามที่อยู่ๆ ลอยเข้าหู ทำให้มาลีรู้สึกตัวเบาขึ้นอย่างประหลาด ความหนักอึ้งที่มวลที่สุมอยู่ทั่วสรรพางค์กายคล้ายจะปลิวหาย
หญิงสาวจ้องหันกลับมามองหน้าคนถาม ถ้าเธอตอบว่าเหนื่อยเขาจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง เมื่อคิดอย่างนั้นมาลีจำต้องเงียบลง จนกระทั่งรถแล่นไปถึงตลาด มาลีจอดรถที่บ้านครูซันซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึกและมีมุมบอกเล่าความเป็นมาของอำเภออุ้มผาง
ได้เวลาสักครึ่งชั่วโมงทั้งคณะก็กลับขึ้นมาด้วยของที่ระลึกคนละอย่างสองอย่าง แล้วมาลีขับรถต่อไปยังสายน้ำใสรีสอร์ต
“ทานข้าวเย็นกันตอนประมาณ 1 ทุ่มนะคะ ตอนนี้ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“มาลีมีเครื่องปั่นผ้าไหม” วรรณาร้องถามขึ้น
“มีค่ะ เอามาร่วมกันที่หน้าบ้านพักแล้วมาลีจะปั่นแห้งให้”
“เตรียมน้ำแข็งกับโซดาออกมาด้วยเลยนะ” วรรณาสั่งซ้ำ ด้วยตอนต่อรองราคา ตรงนี้มาลีให้ลูกทัวร์กรุ๊ปนี้เป็นกรณีพิเศษ
คนอื่นๆ แยกย้ายกับเข้าห้องพัก มาลีถอนหายใจออกมา กลยุทธมองหน้า เพราะเขารู้ว่า วรรณานั้นมีนิสัยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวส่วนรวมที่เขามีส่วนร่วมอยู่ด้วยมากเพียงไหน การขอน้ำแข็งและโซดา รวมถึงการเอาเสื้อผ้าไปปั่นแห้งให้นี้ บางที่เขาไม่บริการให้อย่างแน่นอน แต่มาลียอมทำ เขานับถือในน้ำใจบริการของหญิงสาวจริงๆ
“ขอตัวก่อนนะคะ”
มาลีรีบเลี่ยงออกไปยังเรือนหลังเล็กที่เป็นโรงครัว กลยุทธมองตามไป เขานึกถึงน้องสาวของตัวเอง หากกุลกัญญาเข้มแข็งได้สักครึ่งของมาลี เมื่อนึกถึงคนที่อยู่บ้านเพียงลำพัง คนเป็นพี่ชายจึงรีบกลับบ้านพักไปหยิบโทรศัพท์โทรหาทันที
//////////////////////////////////
เมื่อวรรณาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย หญิงสาวก็เดินมาหามาลีที่กำลังง่วนช่วยแม่และคนงานจัดดูถ้วย จาน ชาม แก้วน้ำ เมื่อมาถึงหล่อนก็พูดถึงความต้องการของตัวเองด้วยสำเนียงที่ถือว่าเพราะหูทีเดียว
มาลีอยากจะปฏิเสธ เรื่องที่จะให้จัดอาหารทั้งหมดออกไปที่ตรงรอบกองไฟ ด้วยถ้าย้ายไปตรงนั้นจะต้องยกโต๊ะและเก้าอี้ตามไปด้วย ซึ่งถือว่าเพิ่มงานโดยใช่เหตุ และเวลาที่ลำเลียงของกลับไปและเก็บ ‘ซาก’ ที่พวกเขาจัดการเรียบร้อยแล้วกลับมาจะยิ่งทำให้เหนื่อย แต่เมื่อนึกถึง คำว่า ‘ได้ค่ะ’ ที่ตัวเองคุยกับวรรณาทางโทรศัพท์ทำให้มาลีต้องยอมจำนน และทำตามความต้องการของวรรณาทุกๆ อย่าง
เมื่อวรรณากลับไป มาลีก็บงการคนงานชาวพม่าต่อ เด็กหญิงทั้งสองคนบ่นกันอุบเพราะถ้าย้ายออกไปนั่งกินตรงนั้นพวกหล่อนก็จะต้องอยู่โยงจนดึกเพื่อรอเก็บถ้วยชามกลับมา เมื่อนึกถึงสายตาหวามไหวในค่ำคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน มาลีจึงตัดสินใจ รับงานหนักนั้นไว้เสียเอง หากชีวิตมันจะต้องเหน็บหนาว อย่างน้อยเธอก็ได้รู้จักความชุ่มฉ่ำของหัวใจกับเขาบ้าง
ในเวลา 19.00 น. ทั้งคณะ 8 คน ไม่รวมคนขับรถตู้ซึ่งทาง รีสอร์ตจะมีห้องพิเศษและอาหารพิเศษให้ ก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีรูปแบบทันสมัยออกมาจากห้องพัก
“ไงมาลียังไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก” สมศักดิ์พอมาถึงก็มีน้ำใจช่วยจัดแจงอาหารบนโต๊ะ
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนี่”
สุชินชะโงกมองโต๊ะอาหารและไม้ฟืนที่อยู่ริมกองไฟที่กำลังโชนแสง มาลีพยักหน้ารับ
“ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่า ปาร์ตี้คืนนี้ พวกเราชวนเธอมาแจมด้วยนะ” กลยุทธพูดขึ้น
มาลีอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อแลเหลือบไปเห็นแววตาอาวรณ์ของเขา หญิงสาวจำต้องยิ้มที่มุมปากแล้วรีบกลับขึ้นห้อง
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวแล้ว มาลีเลือกสวมกางเกงขายาวครึ่งน่องกับเสื้อยืดรัดรูปสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวสีชมพูสดใส หญิงสาวนั่งหวีผมหน้าม้าที่ด้านหลังยาวถึงบ่าแล้วหมุนซ้ายหมุนขวา แม้แววตาที่มองเห็นจะสดชื่นเพราะสายตาคู่นั้น แต่มาลีก็ยังมองเห็นความหม่นหมองเพราะเรื่องเดิมๆ
หญิงสาวหยิบลิปสติกสีชมพูอ่อนขึ้นแต้มริมฝีปาก ส่วนเปลือกตาเธอเลือกใช้สีชมพูอมส้มแต่งแต้ม มาลีกะพริบตาถี่ๆ แล้วก็ประพรมน้ำหอมที่ลูกทัวร์ลืมไว้พอเธอโทรย้อนถามกลับไป เขาแจ้งมาว่า ‘ยกให้’ มาลีไม่รู้หรอกว่ามันมีราคาเท่าใด แต่ทุกครั้งที่ฉีดพรมออกไป เมื่อใครที่รู้จักมันดีได้กลิ่นก็จะแซวเธอว่าใช้ ‘ของแพง’ เสียด้วย
/////////////////////////////////
เสียงเฮฮาเคล้าเสียงกีตาร์จากรอบกองไฟ ปลุกจิตใจให้มาลีเดินออกจากบ้านพักไปด้วยความรู้สึกรื่นรมย์ สำหรับคืนวันเสาร์นี้ หญิงสาวถือโอกาสปิดโทรศัพท์เพราะพรุ่งนี้จะไม่มีใครมาใช้บริการที่นี่ และพรุ่งนี้พวกเขาจะกลับออกไป เธอจำเป็นที่ต้องทำให้พวกเขามีความให้ตลอดรอดฝั่ง พวกเขาต้องการสิ่งใดในค่ำคืนนี้จะเป็นตัววัดใจกันว่า เธอจะทำให้พวกเขาหรือใครสักคนคิดถึงเธอตอนที่กลับไปแล้วได้ไหม
“มาแล้วมาลี”
สมศักดิ์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายบอกว่าทักทายคล้ายขวยเขินของมาลี และดูเหมือน ทุกๆ คนจะรู้ว่า ในค่ำคืนนี้ มาลีเป็นคนพิเศษสำหรับใคร
“นั่งๆ เลย ไม่ต้องบริการ แค่นี้พอแล้ว ขาดเหลืออะไร เดี๋ยวพวกเราจัดการกันเอง ขอให้บอกมาเท่านั้นว่าของที่ขาดอยู่ตรงไหน” สุชินที่ตบเก้าอี้ข้างๆ ตัวให้ซึ่งเป็นที่ว่างระหว่างเขากับกลยุทธพอดี
มาลียิ้มมุมปากทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับฉากนี้ที่พวกเขาปั้นกันขึ้นมา แต่เธอก็เลี่ยงเดินหนีไปจากที่ตรงนี้ไม่ได้เช่นกัน เมื่อก้นหย่อนลงพื้นเก้าอี้ มาลีก็ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มปนสนุกของคนที่นั่งทางด้านขวามือทันที
“มารุตนี่น้องชายเธอเหรอ”
มาลีจำต้องหันกลับไปหาเพื่อพูดคุยด้วยเป็นคนแรก
“ค่ะ น้องชายคนเล็กมีกันสองคนพี่น้อง” มาลีตอบยืดยาวเพราะไม่อยากให้เขาซักไซ้อีก
“เรียนอยู่ป.4 แล้ว สิบขวบ เรียนเก่งสอบได้ที่หนึ่งทุกปี นี่ก็อยากให้เขาเรียนให้สูงๆ แล้วไปสอบเป็นตำรวจตระเวนชายแดน”
“ทำไม”
“อยากให้เขาได้กลับมาอยู่ที่บ้าน มาอยู่ด้วยกัน”
“เธอก็คงไม่ได้คิดไปอยู่ที่ไหนอีกแล้ว” เขามองที่ใบหน้าของเธอพลางถามย้อนคืน
“ไม่แน่ค่ะ แต่ถ้าได้ไปอยู่ที่ไหนๆ ก็คงคิดว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่”
“แล้วจะไปไหนล่ะ” เขาย้อนถาม มาลียิ้มๆ แล้วก็เสมองไปทางคนอื่นๆ เขาตักข้าวจากหม้อแบ่งใส่จานให้หญิงสาว สุชินรินน้ำอัดลมสีดำใส่แก้ว สมศักดิ์ซึ่งชงเกล้ากับโซดาถามมาลีว่าจะผสมสักหน่อยไหม มาลีส่ายหน้าปฏิเสธ
ในสายตาของมาลีนั้น คุณวรรณายังเจ้ากี้เจ้าการถามคุณอานนท์ว่าเล่นเพลงอะไรได้บ้าง แล้วคุณวรรณาก็เลือกถามเฉพาะเพลงที่ตัวเองชอบ พอคุณอานนท์เล่นไม่ได้ เธอก็ทำสีหน้าให้รู้ว่าไม่ได้ดั่งใจ คุณจริญญากับอรชุมาได้แต่แอบยิ้มให้กันทำนองว่า ‘เจ้ากี้เจ้าการดีแท้’
“ทานเยอะๆ นะ จะได้มีแรงทำงาน” เป็นเสียงของคนที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือ
มาลีตักต้มยำปลาทับทิมเข้าปาก เธอรู้สึกตื้อเหมือนมื้อเช้าและมื้อกลางวัน แต่อารมณ์นั้นมันไม่ใช่เรื่องพี่อนันต์ แต่มันหมายถึงว่าพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าพวกเขาก็จะต้องจากไป
จากไปในที่เจริญทางวัตถุ ส่วนตัวเองนั้น ในค่ำคืนของวันธรรมดาเธอก็จะนอนฟังเสียงหริ่งเรไรที่ดังก้องอยู่รอบๆ รีสอร์ต
“มาลีผมว่าชงไอ้นี่สักหน่อยจะได้เจริญอาหาร”
“เอาหน่อยไหม” สุชินคะยั้นคะยอ มาลีนึกครึ้มใจขึ้นมาจึงพยักหน้ารับ
“มันต้องอย่างนั้น กินตรงนี้กินกับพวกพี่รับรองไม่มีปัญหา”
“ไม่ต้องเยอะ” กลยุทธร้องบอกคนผสมเหล้าอย่างออกคำสั่ง
“รู้ว่าเป็นห่วง แต่คืนสุดท้ายแล้วนะโว้ย มีความในใจอะไรก็บอกๆ น้องไปซะ พวกกูจะกินเหล้าแล้วร้องเพลงกัน” สุชินยังช่วยแย๊บ มาลีพยายามชักสีหน้าให้ปกติที่สุด
เมื่อแก้วน้ำอัดลมมีแอลกอฮอล์ผสมไปเพียงฝาขวดเหล้าส่งมาถึง มาลีรับมายกกลืน ความซ่านซ่าแผ่ไปทั่วลำไส้และขยายต่อไปทั่วร่างกาย
“เคยกินไหม” กลยุทธร้องถามขึ้น มาลีที่นั่งตะแคงข้างให้จำต้องหันไปเผชิญหน้า ด้วยเขานั้นพยายามชวนคุยอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
มาลีโคลงศีรษะไปมา
“ไม่เคยก็ค่อยๆ จิบ”
“ทำไมไม่ห้าม” มาลีสงสัย
“ก็ควรที่จะหัดไว้ สมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายเท่าเทียมกัน และอีกอย่างคนมันก็ต้องมีสังคม ครึไปมันก็เข้ากับใครไม่ได้”
เขาพูดพลางปรายตาไปหาคุณวรรณา ซึ่งบุคลิกลูกสาวคนจีนผิวสะอาดนั้นไม่ใช่เรียบร้อยอย่างผ้าพับไว้ วรรณาชนแก้วกับอรชุมาและจริญญาอยู่เรื่อยๆ แม้ไม่ได้เป็นแฟนกับใคร แต่วรรณาก็หาความสุขจากกรุ๊ปนี้ได้
“ที่ทำงานมีคนเยอะแยะเป็นร้อยๆ คนในแผนกก็มีมากกว่านี้ แต่พวกเราสนิทกันมากๆ ไลฟ์สไตล์พอคุยกันไหวก็เลยมาด้วยกัน” เขาเริ่มเล่าความเป็นตัวของเขาออกมา มาลีตักอาหารเข้าปากพลางตั้งใจฟังไปด้วย
“คู่คุณจ๊ะกับคุณนนท์” เขามีใจจะเล่าถึงความรักของคนทั้งคู่ให้มาลีได้รับฟังไว้ มาลีจ้องมองไปยังอานนท์ที่นั่งดีดกีตาร์โดยมีจริญญาคอยป้อนอาหารเข้าปากให้ ส่วนอรชุมากับวรรณาก็ร้องเพลงคลอไปเบาๆ
“คู่นี้เจอกันตอนที่พวกเราไปเที่ยวประจวบคีรีขันธ์ พักที่รีสอร์ตเดียวกัน บรรยากาศคล้ายๆ แบบนี้ วงนั้นมีแต่ผู้ชาย วงเราก็มีผู้หญิงไปสักเจ็ดคนเห็นจะได้ แล้วไม่รู้ว่าแซวกันไปมาอีท่าไหน พอกลับมาฝ่ายชายเขาตามตื๊ออยู่พักใหญ่ แล้วในที่สุดก็แต่งงานกันอยู่กินกันเป็นเรื่องเป็นราว”
คนเล่าตาเป็นประกายคนรับฟังก็นึกอยากจะร้อง ‘ว้าว’ ขึ้นมาเหมือนกัน แต่เขาเล่าให้เธอฟังทำไมนะ
“เจ้าของหัวใจเขาก็ตามหาหัวใจของเขา บางทีนะ ผมก็เคยคิดว่าคนที่เขาเป็นเนื้อคู่กันเขาจะได้พบกันอย่างไร”
มาลีนิ่งฟัง เขากำลังจะจีบเธอหรือเปล่านะ
“บางครั้งผมได้ยินคำว่าอุปสรรคต่างๆ ที่คนสองคนต้องฝ่าฟันจนกว่าจะได้ครองคู่กัน ถ้าผมเป็นพวกเขา ผมจะทำอย่างนั้นได้ไหม คุณอ๋อเป็นคนภาคกลาง คุณเอกเป็นคนบุรีรัมย์ ทำงานอยู่คนละบริษัท ทำงานอยู่ตึกเดียวกันแต่คนละชั้น ทั้งสองคนนั่งรถไฟฟ้ามาขบวนเดียวกันเกือบทุกวัน ขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันในเวลาเดียวกัน สุดท้ายก็หอบผ้าไปอยู่ด้วยกัน”
“ตกลงคุณเป็นนักบัญชีหรือนักประพันธ์คะ”
มาลีย้อนถามกลั้วด้วยเสียงหัวเราะ กลยุทธยิ้มๆ เขานึกขำกับตัวเองเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะเจ้าแก้วสีอำพันที่เขายกขึ้นดื่มไปสี่แก้ว หรือเป็นเพราะว่าอากาศมันเย็นขึ้นเรื่อยๆ หรือเป็นเพราะแสงดาวที่เริ่มทอแสงเป็นประกายเจิดจ้า
มันไม่ใช่เจ้าสิ่งเหล่านี้หรอก มันเกิดขึ้นจากภายในของเขามากกว่า เขาเอง บางทีเขาก็ต้องการใครสักคน ที่พร้อมจะรับทั้งตัวและภาระที่เขาแบกรับไว้ด้วย เขาอยู่ที่โน่น เขาไม่เคยได้คบหาใครที่เข้ามาแล้วรู้ว่าแท้จริงแล้วเขา ‘เหนื่อย’ ขนาดไหน ผู้หญิงที่สวนทางกันทุกๆ คน คิดว่าเขาหน้าตาดีและมีความสุขอยู่ตลอดเวลา
“ก็แค่อยากระบายอะไรออกไปบ้างก็เท่านั้น”
มาลีถอนหายใจออกมา จนกระทั่ง เสียงเพลง ‘ใช่เลย’ ที่คุณอานนท์เป็นต้นเสียงคลอขึ้นมาพร้อมกับเสียงกีตาร์โปร่ง ทำให้มาลีรู้สึกเย็นยะเยือกไปจนถึงทรวงอก ยิ่งคุณกลยุทธที่นั่งอยู่ข้างๆ ประสานเสียงต่อไป เธอก็รู้แล้วว่า ภายใต้หน้าตาหล่อเหล่าดูดีมีความสุขนั้นมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ และสิ่งนั้นมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นมีภาระที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเธอเช่นกัน
‘โดนใจฉันเลย ไม่มีมากไป ไม่มีน้อยไปถูกใจทุกอย่าง’
เมื่อเพลงจบคุณวรรณาซึ่งดูแล้วจะได้ที่ก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดออกมา
“คุณวรรณเบาๆ หน่อย” สมศักดิ์รีบร้องปราม
“คืนนี้วรรณมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณคุณนนท์มากๆ นะคะ ดีใจจังเลยกลุ่มเรามีมือกีตาร์เก่งๆ แล้ว คราวหน้าไปไหนๆ คุณจ๊ะต้องเอาคุณนนท์ไปด้วยนะ”
“สองจ่ายหนึ่งก็จะไปค่ะ” จริญญาต่อรอง วรรณาตีสีหน้าปฏิเสธทันทีเช่นกัน
“ถ้าคุณวรรณยอม รับรองเลยว่ารถออกจากกรุงเทพฯ ไม่ได้หรอก” สุชินแขวะให้ทันที
“ทำไม คุณชิน ถ้าวรรณจะลดให้วรรณก็ลดให้ได้แต่ มันหมายถึงว่าเราก็จะหารกันมากขึ้นนะ ฉันรักษาผลประโยชน์ของทุกๆ คนต่างหากล่ะ”
“งั้นตกลงกันเลยดีกว่า ถ้างานไหนคุณจ๊ะกับคุณนนท์ไป เราก็เก็บแค่คนเดียว ใครจะเอาบ้าง”
ทุกพร้อมใจกันยกมือเพื่อแกล้งวรรณา
“ก็ได้ ถ้าทุกคนเห็นแบบนั้นวรรณก็ไม่ได้ว่าอะไร มาต่อๆ เพลงอะไรดี เล่นเพลงอะไรได้บ้าง”
////////////////////////////////
เวลาเคลื่อนคล้อยไปสองชั่วโมง อาหารที่เตรียมไว้บนโต๊ะพร่องไปจนเกือบหมด ทุกคนยอมรับกับคนจัดว่า อร่อยและก็อิ่มเต็มที่ มาลีค่อยๆ เลี่ยงเก็บถ้วยจานชามหม้อข้าวที่หมดแล้วกลับไป โดยมีสุชินและกลยุทธและสมศักดิ์เป็นคนช่วย แม้มาลีจะปฏิเสธแต่พวกเขาบอกว่าเต็มใจ จนกระทั่งในวงเหล้าเหลือเพียงน้ำแข็ง โซดากับจำพวกกับแกล้มขนมกรุบกรอบ ที่คุณวรรณาเตรียมมาเอง
มาลีจึงได้นั่งลงฟังพวกเขาคุยกันเรื่องงาน การเมือง จนกระทั่งรถของลุงกับป้าแล่นเข้ามายังที่จอดประจำตัว
ลุงลงจากรถแล้วเดินมาหาที่วงเหล้าพร้อมกับป้า มาลีรีบลุกขึ้น เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าเธอต้องออกมานั่งดูแลพวกเขา ลุงกับป้าชวนแขกคุยถามถึงการบริการของหลานสาวแล้วรีบขอตัวกลับเข้าบ้านไป
มาลีถอนหายใจออกมา ครุ่นคิดถึงปัญหาของตัวเองที่ป้าจะต้องบอกกับเธอในวันพรุ่งนี้
เวลาเคลื่อนไปอีกเล็กน้อย จริญญากับอรชุมาก็หิ้วปีกวรรณาไปยังห้องพักที่พักรวมอยู่กับผู้ชายสามคน
เมื่อส่งวรรณาแล้วสองสาวก็เลี่ยงเข้าห้องพักของตนเอง เอกชัยและอานนท์เมื่อเห็นว่า ภรรยาของตนเข้าห้องพักไปแล้ว เขาก็ขอตัวเลี่ยงออกไปท่ามกลางเสียงแซวของสมศักดิ์และสุชิน
“อยากได้ลูกน่ารักๆ แบบมารุตก็รีบหน่อยนะ มีเวลาแค่คืนเดียวนะ”
สองหนุ่มได้แต่ยิ้มๆ ไม่ตอบโต้ใดๆ
“ไปกันหมดแล้วเอาไงดี ตกลงกันได้หรือยัง” สุชินช่วยกลยุทธแย๊บต่อ กลยุทธซึ่งตาแดงจนเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ได้แต่หัวเราะแฮะๆ เหมือนกับมาลีที่ตาปรือเพราะฤทธิ์น้ำสีอำพันเหมือนกัน
แล้วสองหนุ่มสุชินก็หันหน้าเข้าหากัน เพื่อเปิดโอกาสให้กลยุทธได้บอกความในใจกับมาลี
“ฉันคงขอตัวนอนก่อนแล้วกัน” มาลีรีบตัดบทเพราะรู้ว่าตัวเองจะเสียเปรียบ
“คุยกันก่อนซิ เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง พรุ่งนี้ไม่จำเป็นต้องรีบตื่นมาดูแลพวกผมหรอก กินข้าวเช้าตอนสายๆ ก็ได้”
กลยุทธใช้เสียงเบากว่าปกติคล้ายกับว่า อยากให้มีเพียงเราสองเท่านั้น แต่สมศักดิ์กับสุชินก็ไม่ได้ลุกออกไป ด้วยรู้ว่าถ้าสองหนุ่มสาวนั่งด้วยกันเพียงสองคนก็คงไม่เหมาะแน่
“พี่มาลี แม่ให้มานอน” เป็นมารุตที่เปิดหน้าต่างตะโกนเรียก
“โอเค” มาลีตะโกนกลับไป แล้วหันมายิ้มให้กลยุทธที่ใช้สายตารั้งเธอไว้
“มีอะไรอีก” มาลีถามซ้ำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาอึกอัก มาลีทำท่าจะลุกขึ้น
“ถ้าผมทำอะไรแล้วทำให้เธอ เออ รู้สึกแปลกๆ ผมขอโทษด้วยแล้วกัน” แล้วในที่สุดเขาก็ตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ที่ตัวเองเป็นคนก่อเสีย
มาลียิ้มนิดๆ ให้ แล้วก็ถอนหายใจออกมา ถ้าเขารักหล่อนหรือหล่อนรักเขา ระยะทางกว่าห้าร้อยกิโลเมตรถือว่าเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ ไหนจะสังคมชีวิตที่ต้องดำเนินไป มาลีเงยหน้ามองฟ้าแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า แม้คืนนี้อากาศจะเย็นไปนิด แต่เธอก็รู้ว่า บนโลกใบนี้มีผู้ชายหน้าตาและนิสัยดีๆ มาตกหลุมเสน่ห์สาวบ้านป่าเช่นตนเอง
คิดได้แค่นี้มาลีก็ยิ้มให้อย่างสดชื่น ไม่ต่อปากต่อคำ ก่อนจะขอตัวกลับเข้าบ้าน
“แก้วน้ำอะไรก็วางไว้บนนี้แหละค่ะ เช้ามาเดี๋ยวฉันให้คนงานจัดการกันเอง”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ย. 2554, 20:47:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ย. 2554, 20:48:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 1968
<< 4.ซ้าย ขวา โค้ง | 6.“ผู้หญิงเราสำคัญที่สุดก็ตอนนี้แหละลูก" >> |

minafiba 19 พ.ย. 2554, 21:04:04 น.
Iam the first hehehe ^-^
Iam the first hehehe ^-^

คิมหันตุ์ 20 พ.ย. 2554, 00:34:02 น.
เห้อ!!! สงสาร
เห้อ!!! สงสาร

แว่นใส 20 พ.ย. 2554, 20:54:07 น.
ชีวิตช่างลำบากจริงนะ
ชีวิตช่างลำบากจริงนะ